ผมตายแล้วหรือยังครับ

+++ เรื่อง "นิมิต" ไม่ต้องพูดถึง เอาเรื่อง "เห็นด้วยตาเนื้อ" อย่างเดียว OK

+++ เป็น "นักทดลองที่ดี" ไม่งมงาย "ไม่เชื่ออุตลุด"
+++ แต่ "ต้องระมัดระวัง ข้อสรุป ให้มาก ๆ"
+++ เพราะ "อาจ/เมื่อ สรุปผิด มันจะติดที่ตรงสรุป" นั่นเอง

+++ ดูทีวีเสีย "ทางหางตา" ถือว่า "ทดลองแบบ ไม่งมงาย"
+++ เป็นการ "พิสูจน์ทราบ ปรากฏการณ์" ที่เกิดขึ้น

+++ สำหรับผม "ผมจะตรวจจาก Environment Surrounding" เสียก่อน (สภาวะของห้อง)
+++ รวมทั้ง "ลำแสงตกกระทบ VS การสะท้อน" ตรงนี้ สำรวจเพื่อ "ความแน่ใจ" ว่า "มันไม่ได้มาจาก แสงสะท้อน"
+++ จอทีวี เป็น "จอตู้ หรือ LCD" รวมทั้ง "มุมมอง ในที่ทดลอง ณ ปัจจุบัณขณะ"
+++ ณ ขณะมองด้วย "หางตา" ทดลอง "หันหน้าไป/มา เล็กน้อย" เพื่อตรวจ ความแปรเปลี่ยนทางหางตา ต่าง ๆ

+++ จากนั้นจึง "สรุป" ปรากฏการณ์ที่ปรากฏ ไว้เป็น Record เฉย ๆ ไม่บู่มบ่ามปักใจอะไรเลย
+++ รวมทั้ง "ไม่ระบุ คำศัพท์ (สรุป) ของปรากฏการณ์ด้วย" ใช้ภาษาธรรมดา "มันเป็น อย่างที่ มันเป็น"

+++ ตรงนี้แหละ คือ "สรุป" ที่ควรระวัง
+++ ตรงนี้แหละ คือ "สรุป" แบบ "สันนิษฐาน"
+++ ตรงนี้แหละ ไม่ใช่ "สรุป" แบบ "มันเป็น อย่างที่ มันเป็น"

+++ ตาที่ 3 ที่ทุกคน "รู้จักดี" นั้น ผมเรียกมันว่า "ตัวดู"
+++ สำหรับคนอื่น อาจเรียกมันว่า "ตาทิพย์"
+++ แต่สำหรับผม ผมเรียกมันว่า "ตาถั่ว ตากิเลส ตามโน วิญญาณขันธ์"
+++ และ หลาย ๆ คน ดันไปเรียกมันว่า "ผู้รู้/ตัวรู้" เอาเสียอีก น่าอนาถ

+++ สำหรับผม ผมจะ
+++ 1. ตรวจสอบ "สติ+สัมปชัญญะ" ว่าเต็มร่าง หรือไม่ (Wise)(1 วาระจิต)
+++ 2. ตรวจสอบ "ตาที่สาม/ตัวดู" ว่าเป็นจิตส่งออก หรือไม่ (Image สร้างภาพ)(1 วาระจิต)
+++ 3. ตรวจสอบ "ปรากฏการณ์" ว่ายังปรากฏ ณ ขณะที่ สติเต็มหรือไม่ (Phenomenon)(ดับ วาระจิต)
+++ 4. หากปรากฏการณ์นั้น "ยังมีอยู่" ตรงนี้ "สติเห็น (ญาณทัศนะ)(ไร้กิริยาจิต)" เป็น Wisdom
+++ 5. ชัดเจนในปรากฏการณ์ "มันเป็น อย่างที่ มันเป็น"
+++ 6. ตรงนี้จึงทำ Record แบบ "ไม่สรุป" เป็น "บันทึก Documentary" เฉย ๆ

+++ ปรากฏการณ์ (Phenomenon) ที่คุณ Supop เจอมานั้น "มีอยู่จริง"
+++ แต่การเห็น "ไม่ใช่" ตัวดู/ตาที่สาม/ตาถั่ว/ตามโน/ตากิเลส ตามที่สรุป

+++ ผมก็เคยเจอใน Line ในมือถือ มาเหมือนกัน
+++ ทั้ง ๆ ที่ บุคคลที่ส่งข้อความมา "ไม่มีรายชื่อใน List"
+++ เป็นข้อความ "ยาวหลายหน้า"
+++ การอ่าน "สติเต็ม กิริยาจิต ไม่มี"
+++ เป็นชนิดที่เรียกว่า "รับ+รู้" เฉย ๆ
+++ พอ "รับ+รู้" เสร็จ กดย้อนกลับไปดูอีก "ไม่มี"
+++ ไม่มีผู้ส่ง ไม่มีข้อความ "สาบสูญ" ไปเฉย ๆ

+++ สติเต็ม จิตไม่ส่งออก (ไม่มีมโน) แต่ "ปรากฏการณ์ ปรากฏ" (Phenomenon)
+++ ตรงนี้ ผมแนะนำให้ทำแบบ Documentary เฉย ๆ "อย่าทำแบบ บทสรุป" นะครับ

 

ข้าพเจ้าขออนุโมทนาด้วยความเคารพครับ

ขอขอบคุณธรรมชาติที่แนะนำเพิ่มเติมครับ

การเห็นนี้ ตอนนั้นข้าพเจ้ามีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ครับ เพราะเพิ่งอาบน้ำมา กำลังสดชื่น พอเดินผ่านทีวีที่เปิดทิ้งไว้แล้วภาพมันล้ม (หน้าจอมืดแต่มีแสงสีขาวพาดตรงกลางจอแบบจอทีวีรุ่นเก่า) ข้าพเจ้าบังเอิญเห็น จึงทำการทดสอบ และมองในหลายมุม ทำหลายๆแบบ และตรวจสอบทีวีดูว่ามีภาพหลุดมาจากตรงไหนหรือไม่ จึงทำให้รู้ว่า เห็นจริงครับ

แต่มีเวลาทดลองแค่ครึ่งชั่วโมง แล้วข้าพเจ้าต้องไปธุระต่อเลยหยุดไว้ พอจะกลับมาทำอีก ทีวีมันก็กลับมาปกติ และไม่เสียแบบนั้นอีกเลยครับ

ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ข้าพเจ้ากำลังติด เรื่องการฝึกทางฤทธิ์อยู่ เน้นการทำนิมิต ซึ่งหลังจากที่เห็นภาพในทีวีนั้น ก็มีอะไรอื่นๆที่ข้าพเจ้าสามารถทำได้ตามมาอีกมากมาย

แต่สุดท้ายข้าพเจ้าก็วางทิ้งทุกอย่าง เพราะข้าพเจ้าเองก็ไม่ใช่ผู้ที่มีจิตใจที่ดียิ่งอะไร มีไว้แล้วมันหลงอำนาจ (ขนาดถ้าผีวิญญาณมารบกวน ข้าพเจ้าจะเผาด้วยไฟกสิณอย่างเดียว) และประสบการณ์จากตรงนั้นก็สอนข้าพเจ้า เหนือกว่าเรายังมี(เพราะเจอมาแล้ว) หรือหากเราทำเขาได้ ก็คงเป็นนายเวรกันต่อไปอีก และการเบียดเบียนผู้อื่นไม่ใช่ปณิธานของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ารู้ตัวแล้วว่าข้าพเจ้าเป็นเช่นไร ถือไว้ก็มีแต่โทษ มันทำให้เรารักษาไม่ได้ก็วางลงไปเสีย (รักษาในที่นี้คือการรักษาจิตครับ)

แล้วข้าพเจ้าก็เลยมุ่งหน้าเดินทางต่อ
แล้วสิ่งที่ทำได้ก็กลายเป็นสิ่งทีเคยทำได้ เหมือนกับเราฝันไป แค่นั้นเองครับ

อ้อ นี่เป็นเหตุการณ์ที่ผ่านมาประมาณ 5-6 ปีแล้วล่ะครับ

ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปครับ

 

สาธุคะพี่

 

คุณ supop ละยังไงอ่ะคะ สอนมั่งจิ ของปวีก็เห็นนะ แต่ไม่ใช่เห็นจากการฝึกสมาธิ มันเห็นเอง เห็นแต่เด็กแระ แต่ควบคุมไม่ได้ แล้วแต่ว่ามันจะเลือกให้เห็น ..

ของปวีเห็นกะคนทั้งหมด เห็นแล้วรู้ใจเขาได้ด้วย มันก็ช่วยคนได้แหล่ะไอ้ตัวนี้ แต่เราไม่ชอบอะไรเบอร์นี้อ่ะ

 

+++ ก็ยินดีด้วย ที่ได้เคย "ผ่าน" ทางนี้มาก่อน
+++ แต่เหตุการณ์ของผม เป็นช่วง ราว ๆ กุมภา ปี 62 นี้
+++ ภายหลัง เจอคนที่ "ข้อความปรากฏใน Line"
+++ ก็เลย "ตอบปัญหา" ที่เขา "ต้องการถาม"
+++ ก็ทำให้ "ยิ่งสงสัยไปใหญ่" ว่า

+++ คำถามนั้น เขาต้องการถามใน Line
+++ แต่ไม่มี Line ของผม และ ผมก็ไม่มีของเขา
+++ ผมก็เลยตอบเขาไปว่า "ผมอ่านจากใน Line"
+++ มันโผล่เข้ามาในมือถือเอาเฉย ๆ ก็เลยอ่านเจอ
+++ พอกดย้อนไปดูอีกที มันก็สาบสูญไปเฉย ๆ
+++ แต่รู้ว่า ใครส่งมา เท่านั้นเอง

+++ ที่เล่ามานี้ ก็เพื่อ ยืนยันว่า
+++ ปรากฏการณ์ เห็นผ่าน "หน้าจอ"
+++ นั้น "มีอยู่จริง" เท่านั้นเอง ไม่มีอะไร

+++ กรณี "ผีวิญญาณ" สำหรับคุณ อาจมารบกวน/ลองของ
+++ แต่ของกลุ่มฝึก มักจะ มาเป็นกองเชียร์
+++ ในเวลาที่ ผู้ฝึก กำลังจะถอดกาย ออก/ไม่ออก
+++ เป็นแบบมาช่วยกันลุ้น บ้างก็มาช่วยกันดึง ก็มี
+++ เสียงเชียร์ พอ ๆ กับเสียงเชียร์ฟุตบอลใน Stadium
+++ มักจะมาแบบ กองเชียร์สนับสนุนมากกว่า

+++ ส่วนเรื่องวิญญาณอันธพาล ส่วนใหญ่
+++ จะจับส่งนรก หรือ ไม่ก็เรียกเจ้าหน้าที่ชุดแดง มาลงมือ
+++ เรื่องทำให้มันตายนั้น มันก็ไปเกิดที่อื่นอีก
+++ มันตายจริง ๆ ซะที่ไหน
+++ กลายเป็น "ช่วย" มันโดยไม่รู้ตัวซะอีก

+++ จริง ๆ เรื่องพวกนี้ ผม "ขี้เกียจ" พูด
+++ เรื่องฤทธิ์ ของจริงมี ของเพ้อเจ้อ มีมากกว่า
+++ ใครเคยผ่านตรงไหน ตรงนั้นก็จริง
+++ ใครไม่เคยผ่าน คนนั้นก็ไม่จริง เป็นธรรมดา
+++ ตราบใดที่อยู่ใน สติ 4 โภชฌงค์ 7
+++ ก็ย่อม รู้ได้ด้วยตน เป็นธรรมดา นะครับ

 

ขออนุโมทนาในธรรมทุกท่านด้วยความเคารพครับ

ขอบคุณคุณธรรมชาติอีกครั้งครับ ด้วยความเคารพครับ ตามที่คุณธรรมชาติกล่าวครับ เรื่องอย่างนี้ใครมีประสบการณ์ก็รู้ว่าความจริงเป็นยังไง ใครไม่มีประสบการณ์ก็คิดว่ามโนครับ

จริงๆเรื่องวิญญาณที่มารบกวนนั้น ก็ไม่ได้มาร้ายหรอกครับ แต่มาตามลักษณะของเขาน่ะครับ แต่มันเกินพอดีไปหน่อย ข้าพเจ้าเลยเกิดความกลัว และความกลัวนี่แหละครับ ทำให้แปรเปลี่ยนไปเป็นความโกรธได้ เพราะความแรงของตัวเองและยังยึดมั่นในตัวเองอยู่ครับ. และที่เทวดามาแบบให้กำลังใจทีละมากๆก็เคยประสบเช่นกันครับ วิญญาณที่มาขอส่วนบุญเป็นโขยงก็มีครับ ขอบคุณคุณธรรมชาติอีกครั้งครับ

ส่วนของคุณปวีณนะครับ ด้วยความเคารพครับ
ที่ข้าพเจ้าวางลงได้เพราะข้าพเจ้าใช้เครื่องมือในการเข้าหา คือนิมิตสมาธิ เราแค่ไม่เข้าทางนี้มันก็จบในการจะทำให้ก้าวหน้าต่อไป ซึ่งต่างจากของคุณปวีณ ที่มีติดตัวมา คุณปวีณจึงไม่รู้ว่า ทำไมมันจึงเกิดมา จะทำกับมันยังไง

ทีนี้ การมีอะไรบางอย่างที่เป็นความสามารถหรือนิสัยติดจิตมาด้วย ช่วงแรกๆที่พยายามจะวาง ข้าพเจ้าก็ยังมีอยู่ครับ คือพอโกรธปั๊ป ไฟลุกพรึ่บเลยครับ จิตเป็นไฟเลย จะเผาอย่างเดียว (แม้จะไม่ทำนิมิตทางนั้นแล้ว แต่จิตมันรู้จักแล้ว มันจึงทำได้ง่าย) ข้าพเจ้าใช้การกำหนดไปในทางเมตตา แล้วพิจารณาถึงการเบียดเบียน ให้จิตมันยึดความดีไว้แล้วในการใช้ชีวิตประจำวันเราก็ทำด้วย หรือเรียกว่าเปลี่ยนนิสัยตัวเอง แล้วคอยหมั่นสังเกตตัวเองอยู่เนืองๆ ครับ

ของคุณปวีณนั้น ข้าพเจ้าคงไม่มีประสบการณ์ที่จะตอบได้ แต่ข้าพเจ้าขอให้ความคิดเห็นแล้วกันครับ

จากที่คุณมีความสามารถทางจิตแบบนั้นติดตัวมา และมันเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ข้าพเจ้าคิดว่า คุณน่าจะพอจะรู้จักสภาวะตอนที่กำลังเกิดขึ้น ตอนที่มันดำเนินอยู่ และตอนที่มันหายไป ถ้าตรงนี้คุณรู้โดยละเอียดดีแล้ว คุณจะรู้ว่า คุณจะทำกับมันอย่างไร

คุณปวีณครับ ข้าพเจ้าขออนุญาตบอกสักเล็กน้อย คุณอาจจะพยายามหนีมัน คุณอาจจะพยายามหาหนทางต่างๆ เพื่อที่จะไม่มีมัน หากหนีไม่ได้ ก็อยู่กับมัน อยู่ให้รู้จักมันครับ
คุณเองยังไม่ถึงกับเกลียดความสามารถนี้ คุณอาจจะแค่รำคาญเฉยๆ ตอนนี้คุณต้องมีสติรู้อยู่กับมัน เวลา มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป หมั่นทำจิตให้ละเอียดและคอยประครองสติให้รู้อยู่กับมันไว้
เมื่อมันเกิดขึ้น อย่าไปตามเรื่องราวที่มันแสดงให้เรารู้ แต่ให้เรารู้อยู่กับสภาวะ ณ.ขณะนั้นๆครับ แล้วคุณจะเห็นรายละเอียดของมัน และเข้าใจมันเองครับ สิ่งเหล่านี้ ไม่ต้องเคร่งเครียด รีบร้อนครับ ค่อยๆทำค่อยๆปรับครับ ขอให้พบความจริงครับ

และต้องขออภัยหากล่วงเกินครับ

ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปทุกท่านครับ

 

+++ เป็นธรรมดาของ คนที่ไร้ประสพการณ์ เมื่อได้ยินได้ฟัง ก็มักจะ คิด/มโน ตาม
+++ แต่พอ คิด/มโน ไม่ออก มันก็จะกลายมาเป็น "ความขัดใจ" แล้ว จิตส่งออก
+++ จิตส่งออก "ความขัดใจมาที่ คนพูด" ดังนั้น การปรามาส จึงก่อกำเนิด เป็นธรรมดา

+++ ส่วนใหญ่ 90++% จะเป็นอย่างนี้กันทั้งนั้น โดยเฉพาะตอนแรก ๆ ผมก็เป็น
+++ แต่พอเจอ ความหลากหลายที่ปรากฏมาแตกต่างกัน จึงได้เข้าใจความเป็น "เรือน/รูป+กาย"
+++ หลังจากนั้น ก็ดูกันตรง ๆ ไปที่ "จิต เจ้าของ กาย" นั้น ๆ ก็เข้าใจได้เอง

+++ สิ่งที่เรียกว่า "เทวดา" นั้น คุณ สุภพ เจอชนิด "รูปแบบเดียว/เผ่าพันธ์เดียว" หรือเป็นแบบ นานารูปแบบ นานาเผ่าพันธ์
+++ ตัวอย่างย่อ ๆ เช่น เทวดาชั้นจาตุ มีเผ่าพันธ์ เทวดา คนธรรพ์ นาค ครุท ยักษ์ ฤษี กุมภัณท์ รากษส ต่าง ๆ แยะไปหมด

+++ สิ่งที่พวกผมและกลุ่มฝึกเจอ ชนิดที่มาเชียร์แบบ World Cup หรือ Premier League นั้น เป็น นานารูปแบบ/เผ่าพันธ์
+++ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ พอ "สรุป" เฉพาะที่ "ความเป็น กาย" อย่างเดียว ก็ ลานตาแล้ว
+++ เรื่องของ "กาย" พอจำแนกได้ง่าย ๆ ว่า เป็นแบบ "มีขอบเขตกาย เป็น รูป" และเป็น "มวลสารประชุมธาตุ เป็น อรูป"
+++ พวก "รูปกาย" ก็มีหลายเผ่าพันธ์ แตกต่างกัน "ขอบเขตกาย" มีความ ขุ่น/ใส VS สีสรรค์ ต่างกันมาก เป็น นานาพันธ์
+++ แต่ผมจะให้กลุ่มฝึก ดูที่ ธาตุที่ประชุมกันเป็นกาย ภายใต้ "รูปกาย" มากกว่า ตรงนี้ผมเรียกว่า "เรือนกาย" ไม่ใช่รูปกาย

+++ พวกรูปกาย มีขอบเขตที่แน่ชัด แบบเดียวกับ "ผิวหนังมนุษย์" ที่เรียกว่า ตะจะปริยันโต นั่นแหละ
+++ พวก "เรือนกาย" จะเป็นแบบ ธาตุที่ประชุมรวมตัวกัน ขึ้นมาเป็นกาย เฉย ๆ จะ "ใช้/ไม่ใช่" รูปกาย ก็ได้
+++ พวก "เรือนกาย" จะแตกต่างกัน ตั้งแต่ มืดทึบ มืดสลัว คล้ายตะกั่ว ประกายเงิน สว่าง จนถึงที่สุด "โปร่งใส"
+++ แต่ "เรือนกาย" เป็นแค่ "เผ่าพันธ์" เท่านั้น ไม่เกี่ยวกับ "ธรรมะ/อธรรม" ซึ่งต้อง "ดูที่จิต" ตรง ๆ

+++ นี่เป็น กองเชียร์ ที่มาทั้ง รูปกาย และ เรือนกาย แตกต่างกัน นานาพันธ์
+++ แต่ที่สำคัญ คือ ผู้ที่มาเป็นเพียงแค่ "ผู้แทนของเผ่าพันธ์" เฉย ๆ
+++ มาเพียง เผ่าพันธ์ละ 1 ราย เท่านั้น
+++ ทำให้ ดูแล้ว แตกต่างกันหมดทุกราย เพราะ "ไม่ได้มาทั้งเผ่าพันธ์"
+++ มีหลาย ๆ เผ่าพันธ์ ที่สามารถ "รีดพลังกาย/จิต" จนออกมาเป็น สายฟ้า ได้
+++ พวกนี้ "ไม่ต้องใช้อาวุธ" ก็ผ่าเปรี้ยงปร้างได้ทันที ทุกทิศ
+++ ลำพัง "เตโช" ไม่มีความหมาย สำหรับระดับนี้
+++ ดังนั้น ฤทธิ์ ที่มนุษย์รู้จัก ยังเป็นแค่ หยิบมือเดียวเท่านั้น
+++ ดังนั้นคุณ สุภพ คงพอคาดได้ลาง ๆ แล้วนะว่า
+++ กองเชียร์ ที่มานั้น "จำกัด" แค่ประเภทภพภูมิ หรือเปล่า

+++ ผมเพียงแค่ "ขยายความ" ประโยคที่ อ้างอิงมา เฉย ๆ เท่านั้น
+++ และขยายความในเรื่อง "รูปกาย VS เรือนกาย" พอแค่คร่าว ๆ
+++ คุณ สุภพ น่าจะได้ประโยชน์ จาก เวรกรรม จำแนกสัตว์ พอสมควรนะ

 

เรื่องรีดพลังเป็นสายฟ้าผมเคยเจอเหมือนกันคับ เหมือนมี2กลุ่มไม่ลงรอยกัน กลุ่มแรกไม่พอใจ
ก้เปรี้ยงๆทั้วท้องฟ้าบริเวณนั้นเลย จนเจ้าตัวแสบทนไม่ใหวออกมาเป็นเมฆดำกลุ่มเล็กๆค่อยๆขยายขนาด
แล้วมันก้เปรียงคืน อย่างดัง ลำแสงนี้ยาวเหยียดอย่างน่ากลัวเลย เล่นซะเจ้ากลุ่มแรกถอยหนีเลย

 

+++ 555 ยังไงก็แล้วแต่ ที่ digimon กล่าวมานั้น "มีอยู่"
+++ ว่าแต่ว่า "เคยเจอ" ไอ้พวกชนิด "ผ่าเป็น ร่างแห่"
+++ ชนิด "สานตาข่ายสายฟ้า" คลุมทั้งบริเวณ แล้ว "กดร่างแห"
+++ ลงมา ทำลายฝ่ายตรงข้าม จนกลายเป็น "ฝุ่นผง"
+++ สลายหายไปเลย หรือยัง เผ่าพันธ์นี้ "มีอยู่" เช่นกัน
+++ คุยไปเรื่อย ๆ คงไม่มีวันจบ เด๋วจะกลายเป็น "นิยาย" ไป
+++ ยังมีอีก "นับไม่ถ้วนเผ่าพันธ์" ชนิดพวกสายฟ้า แตะต้องไม่ได้ ก็มี
+++ มันแยะมาก เด๋วพวก จิตจักรยาน เข้ามาปะทะกับ จิตมอไซค์ ในนี้จะยุ่งนะ
+++ คงพอแค่นี้ดีกว่า เด๋ว จักรยาน เจอ สิบล้อ คดีมันจะ ยาวววส์.... นะ

 

ข้าพเจ้าขออนุโมทนาในธรรมทุกท่านด้วยความเคารพครับ

ขอขอบคุณคุณธรรมชาติครับ ที่ให้ความรู้เพิ่มเติมครับ ขออนุโมทนาครับ เพราะเรื่องประสบการณ์พวกนี้คุณไม่ค่อยเปิดเผยเท่าไหร่ครับ

ของข้าพเจ้าน่าจะมาทีละเผ่าพันธุ์ครับ เพราะไม่เห็นความแตกต่างกันในกลุ่มสักเท่าไหร่ แต่ก็เคยเจอมาหลายกลุ่มครับ พยานาค ยักษ์ นางไม้ เทวดาชั้น 1-2 หรือแบบไม่เห็นเรือนกาย แต่เห็นเป็นดวงจิต (สีขาวดวงใหญ่) อย่างเดียวก็มีครับ

เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนมากเกินไป และเพื่อไม่ให้เกินจากสาระที่ควรรู้ ข้าพเจ้าขออนุญาตจบบทสนทนาในเรื่องนี้ครับ

ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปครับ

 

มีอะไรที่เหนือความเป็นจริงอีกเหรอ คับพี่ธรรมชาติ

 

เดี้ยวช่วยครับ ไม่เอาตังค์หรืออะไร ช่วยด่ามันจิตโง่ๆแบบนั้น ทำให้มันลืมตาตื่นผมว่าผมได้บุญ และไม่สนอะไรเพราะเวลานี้คือ พุทธกาลของพระมหาสมณโคดม อันนี้น่าจะจริงหรือควรจริงหรือมันคือความจริงครับพี่ธรรมชาติ

 

เป็นสมุตติสงฆ์ใช่ไหม ตั้งใจดีดีข้าพเจ้าขออนุโมทนา เพียรทำที่สมควร เรื่องละเมอพิสูจน์ก่อนเมื่อพิสูจน์แล้วจะรู้ว่าอะไรควรกล่าวอะไรไม่ควรกล่าว อย่าทำให้เปื้อน ที่มีก็เปื้อนพอแล้ว ไม่ได้อยากให้เป็นหรอก เหลือแค่เศษทัดเป็นตุ้มหู (สีกาสวพักฬ์ของจีวร)

 

อย่าเลือกที่รัก มักที่ชัง มันกระจอกเกินไปในวัฏจักร ยิ่งถ้าผู้ที่คิดว่าเข้าใจในวัฏสังสารวัฏยิ่งไม่มีความสมควรจะ เลือกที่รักมักที่ชัง ภาษาไทย สรุปคือยึดถือตามความคิดย่อมไม่เข้าท่า วัฏจักรเปิดกว้างและมีจริง ยากแต่คนตะมองเห็น

 

+++ เรื่องพวกนี้ "คุยกับคนที่ คุยรู้เรื่องได้" เท่านั้น ว่าแต่ว่า ในเว๊ปนี้ มีเหลือสักกี่คน
+++ ยิ่งใน "ระดับ สายฟ้า หรือสูงกว่า" ด้วยแล้ว "จะเป็น มโน ทั้งนั้น" (มีแต่ "ภาพมโน")
+++ คุณ Supop เคยผ่านในระดับ "จิตคำราม" มาแล้ว (เคยคุยกันนานมาแล้ว)
+++ เพียงแต่ ยังไม่เข้าสู่ "ศูนย์กลาง ของอาการ คำราม"
+++ หากเข้าไปได้ และทำ "อธิปัตติปัจจัยโย" หรือทำ "สติปัฏฐาน" ณ ใจกลางอาการ
+++ อาการ "จิตคำราม" จะโดนดันออกไปอยู่ "รอบนอก" เอง
+++ จากนั้น "เร่งอาการไปเรื่อย ๆ" หากทำได้ "ถูกส่วน"
+++ อาการ "สายฟ้า" จะแปลบปลาบ ออกมาจาก "จิตคำราม" ได้เอง
+++ ตรงนี้เป็น "สายฟ้า 101" ที่พวกที่มาจาก "รูปกรรมฐาน" จะไม่มีวันทำได้เลย
+++ ตรงนี้เป็นเรื่องของ "เรือนกาย" แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น "รูปกาย" ไม่เกี่ยว

+++ ตรง "พยานาค ยักษ์ นางไม้" ต่าง ๆ พวกนี้เป็น "รูปกาย" เพราะมีความเป็น "รูป"
+++ ส่วน "เห็นเป็นดวงจิต (สีขาวดวงใหญ่)" ตรงนี้เป็น "เรือนกาย" เพราะ "ไม่มีรูป"

+++ ที่บอกว่า "ไม่เห็นเรือนกาย" นั้น ใช้ภาษา "ไม่ตรงตามอาการ"
+++ หากบอกว่า "ไม่เห็นรูปกาย" จะตรงตามอาการ มากกว่า
+++ เรือนกาย "ไม่มี" อาการเป็น "รูป" แต่มีจิตอาศัยเป็น "เรือน"
+++ ภาษา ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย หากฝึกลึกเข้าไปเรื่อย ๆ
+++ ก็จะ รู้ ได้เองว่า การใช้ภาษานั้น ต้อง 100% ตรงตามอาการ
+++ และที่สำคัญที่สุดคือ ต้อง "พูดภาษาเดียวกัน" ต่อไปจะรู้ได้เอง นะครับ

 

+++ 555 ก็ความเป็นจริงที่ "ยังไม่รู้" ไงล่ะ
+++ แต่ ความเป็นจริงที่ "ยังไม่รู้" นี้ พูดแยะ ไม่ได้
+++ เพราะ ความเป็นจริงที่ "ยังไม่รู้" คนทั่วไป "ชอบที่จะ "ไม่รู้" อยู่อย่างนั้น"
+++ ขืนไปบอกให้เขารู้ "เขาจะรังเกียจ" เพราะเขา "ปรุงไม่ออก" นั่นแล...
+++ เคยโพสท์ไว้แล้ว ก่อนหน้านี้ ตรงนี้

+++ ตรงนี้ "ไม่ใช่" เหนือความเป็นจริง "แต่" เป็น "ความเป็นจริงที่ ยังไม่รู้" นั่นเอง...

 

+++ เหมือนกันแหละ "ไม่เคยเก็บตังค์" เหมือนกัน
+++ แต่ปล่อยให้ไอ้พวก "มโนเอาเอง" มันมโนเพี้ยน ไปเรื่อย ๆ
+++ ดองสันดานพวกมันดี ข้ามภพข้ามชาติกันเอาเอง
+++ ก็อยากมโนผิด ๆ เอาเอง ก็ "ผิดไปเรื่อย ๆ" เอาเองแหละ...

+++ ทุกอย่าง "จริง" ทั้งหมด เพียงแต่ "เผ่าพันธ์ต่าง ๆ" ที่กล่าวถึงนี้
+++ เคารพ "บูชา" พระพุทธเจ้า "ทุกพระองค์" และจะ "ลงมา" หลังยุค "จาตุมหาราช"
+++ ทุกอย่าง "มีกล่าวไว้ ในพระไตรปิฏก" จากคำพูดของ "พระพุทธเจ้า" เองล้วน ๆ
+++ ที่สำคัญคือ "ไม่มีใคร ล่วงรู้จริง ว่ากลุ่มทึ่จะลงมานี้ เป็นใคร" ถ้าไม่เคยเจอมาก่อน
+++ คุณ kenny2 ยังจำ "ขุนน้ำนางนอน" ได้หรือเปล่า
+++ ก็กลุ่มนี้แหละ ที่ผมเรียกมา "คุ้มครองพลังชีวิต" รวมทั้งอื่น ๆ จนปลอดภัยทุกคน
+++ รวมทั้ง "ปัดพายุ พระพิรุณ" ให้ไม่เข้ามาในช่วงนั้นด้วย
+++ กลุ่มนี้กำลัง "สร้างบารมี" ก่อนที่จะ ลงมา รวมทั้ง "จะเข้ามาบวช" ด้วย
+++ นี่เป็น "กลุ่มสุดท้าย" ที่จะเข้ามา "ปกป้อง พระพุทธศาสนา" และ มีกล่าวไว้แล้วในตำรา
+++ แต่ทั้งหมด "ยกให้" ผ่านทาง ครูบาบุญชุ่มไปดีกว่า เพราะท่านอยู่ใน เครื่องแบบสงฆ์
+++ ถือว่า "เป็นการอนุโมทนาบุญ" เป็น พุทธศาสนาบูชา ดีที่สุด

 

+++ ไม่ใช่หรอก คุณ Supop เป็น "นักปฏิบัติ" ตัวจริงคนหนึ่ง
+++ สามารถปฏิบัติไปไกล และ ลึกมากพอสมควร
+++ สิ่งที่คุณ Supop โพสท์มานั้น มาจาก "ประสพการณ์"
+++ ไม่มีการ "เสกสันต์ปั้นแต่ง" เหมือนคนอื่น ๆ
+++ เพียงแต่ รู้แค่ไหนก็โพสท์แค่นั้น แต่รู้จริง
+++ ส่วน "ภาษาที่ตรงตามอาการ" นั้น
+++ เมื่อฝึกได้ "ละเอียด" ไปเรื่อย ๆ ก็จะ "เป็นไปเอง" นะ

 

ข้าพเจ้าขออนุโมทนาทุกท่านด้วยความเคารพครับ

ขอบคุณคุณธรรมชาติที่ให้ความรู้เพิ่มเติมครับ และจะทำความเข้าใจเรื่องภาษาให้มากขึ้นครับ

และขอบคุณคุณ kenny ด้วยครับ ที่ให้คำแนะนำครับ

ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปทุกท่านครับ

 

พี่ครับถามเพื่อแก้ข้อสงสัยนึดนึงครับ รูปภพที่เป็นกามวจรภูมินี่อายุนับเป็นกัปล์ไหมครับ หมายถึงเป็นไปได้ไหมครับที่ บุคคลผู้สถิตย์ในสวรรค์ทั้งหกชั้นจะพบพระศาสดาได้หลายพระองค์ก็มี ไม่เคยพบก็มี พบเพียงพระองค์เดียวก็มี เช่นเดียวกันคือ อรูปภูมิทุกภพ ก็เป็นแบบเดียวกัน เว้นไว้เฉพาะมนุษยภูมิที่หากมีโอกาสหรือพร้อมด้วยบุญบารมีก็จะพบพระศาสดาในภพชาติเดียวกัน ไม่นับบุคคลที่พบพระศาสดาในพระธรรมนะครับ เพราะบุคคลที่พบพระศาสดาในพระธรรมควรจะมากมายนัก ทุกภพภูมิ