ปิดรับบริจาค ชมภาพงานยิ่งใหญ่แห่งปีแผ่นดินชัยภูมิ บุญกฐินหล่อพระใส แสดงวัฒนธรรมโปงลางพื้นบ้าน

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย ปฏิเสวามิ, 20 มิถุนายน 2014.

  1. ปฏิเสวามิ

    ปฏิเสวามิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    3,064
    ค่าพลัง:
    +3,962
    ภาพการแสดงนาฏศิลป์พื้นบ้าน และโปงลางอีสาน
    เพื่อน้อมถวายแด่พระพุทธโสธร
    (เนื่องในงานพิธีเททองหล่อหลวงพ่อพุทธโสธร ปี2556)

    น้องๆนักเรียนมัธยม รร.บ้านแท่นวิทยา : วงพิณแคนแท่นวิทย์

    สืบเนื่องจากขวัญ มีใจรักและชื่นชอบในศิลปะวัฒนธรรม รวมทั้งนาฏศิลป์ ดนตรีพื้นบ้านของอีสานมากๆค่ะ ทั้งๆที่ขวัญก็มิได้เป็นคนอีสานแต่อย่างใด เป็นคนเมืองด้วยซ้ำไป แต่กลับชื่นชอบวัฒนธรรมอีสานเป็นชีวิตจิตใจสุดๆค่ะ

    พอเมื่อปี 2556 ที่ผ่านมาได้มีโอกาสจัดงานทอดกฐิน และพิธีเททองหล่อหลวงพ่อพุทธโสธร (จำลอง) ครั้งแรกในชีวิต ก็เลยอยากจะนำดนตรีพื้นบ้านอีสาน ที่เป็นเอกลักษณ์ท้องถิ่นที่สวยงาม มาแสดงภายในงาน เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชา และให้ชาวบ้านที่อยู่ในชนบท รวมทั้งเขตท้องถิ่นใกล้เคียง ได้มีโอกาสมาร่วมชมการแสดงวัฒนธรรมอีสานที่สวยงามและน่าอนุรักษ์ของพวกเค้า ทั้งนี้ก็เพื่อความสุข เพื่อรอยยิ้มของชาวบ้านที่ค่อนข้างยากจน อยู่ในชนบท ที่แทบจะไม่มีโอกาสได้เห็นวัฒนธรรมที่สวยงามแบบนี้เลยด้วยซ้ำ สักครั้งในชีวิตของพวกเค้า ให้ได้มีความสุขที่ไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงินทอง

    ซึ่งขวัญเองก็ไม่มีประสบการณ์ในการจัดงานแสดงทำนองนี้เลย ครั้งแรกล้วนๆค่ะ แต่ด้วยใจรักในนาฏศิลป์ ดนตรีอีสาน รวมทั้งอยากเห็นชาวบ้านและผู้มาร่วมงานได้ยิ้ม มีความสุข ขวัญก็เลยลองจัดดูสักครั้ง ซึ่งก็นำการแสดงที่ตนเองชื่นชอบมาประยุกต์และจัดแสดงในงานแบบมือใหม่นะคะ จัดคิวเอง คัดเลือกการแสดงเอง โดยมีผู้ให้คำแนะนำเป็นอาจารย์ท่านนึงที่เป็นผู้ดูแลวงนาฏศิลป์ โปงลาง ต้องขอบพระคุณอาจารย์อย่างสูงค่ะ


    การแสดงชุดที่ 1 คือ รำบวงสรวงหลวงพ่อพุทธโสธร (นักแสดง 40 คน)
    (รำถวายช่วงเช้าก่อนพิธีเททองหล่อ)

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    การแสดงชุดที่ 2 : ฟ้อนศรีโคตรบูรณ์ (ฟ้อนประจำจังหวัดนครพนม)
    (นักแสดง 20 คน)


    [​IMG]

    [​IMG]


    การแสดงชุดสุดท้าย : ฟ้อนภูไทเรณูนคร (รำประจำจังหวัดนครพนม)
    (นักแสดง 20 คน )


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    เนื่องจากคิวงานในวันนั้น ค่อนข้างแน่น ทั้งพิธีเททองหล่อพระ ในช่วงเช้า และพิธีการทอดกฐินในช่วงบ่าย ทำให้คิวการแสดงสามารถมาคั่นเวลาได้เพียงไม่ถึง 2 ชม. อาจจะค่อนข้างสั้น แต่ก็ได้ทำให้ขวัญได้เห็นรอยยิ้มและความสุขของใครหลายๆคนที่ได้มาร่วมงานในครั้งนี้

    และในปี 2557 นี้ ขวัญก็ไม่พลาดที่จะจัดการแสดงนาฏศิลป์วัฒนธรรมอีสานครั้งนี้ มาน้อมถวายเป็นพุทธบูชาอีกครั้ง และคาดว่าจะสามารถจัดได้ดีกว่าเดิม เนื่องจากประสบการณ์ ซึ่งปีนี้ขวัญได้ติดต่อวงโปงลางระดับอุดมศึกษา ม.ขอนแก่นเอาไว้เรียบร้อยแล้ว หากมีความคืบหน้าในการเตรียมงานอย่างไร จะมาแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 กันยายน 2014
  2. ปฏิเสวามิ

    ปฏิเสวามิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    3,064
    ค่าพลัง:
    +3,962
    [​IMG]

    [​IMG]

    สวัสดีค่ะ กัลยาณมิตรและพี่ๆน้องๆ ผู้ใฝ่บุญในพุทธศาสนาทุกท่านค่ะ เนื่องในโอกาสนี้ ก็ใกล้เทศกาลเข้าพรรษามาทุกทีแล้ว ขวัญก็มีข่าวสารงานบุญทอดกฐิน และพิธีเททองหล่อพระพุทธรูป รวมทั้งงานปฏิบัติธรรมบวชชีพารหมณ์มาประชาสัมพันธ์ให้กับผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านได้มีโอกาสได้ร่วมบุญ ร่วมกุศลกันในครั้งนี้ด้วยค่ะ

    ซึ่งในปี 2557 นี้ขวัญเองก็ได้มีจิตศรัทธาขอทางวัดเป็นเจ้าภาพจัดงานทอดกฐินสร้างพระอีกครั้ง ให้กับ วัดศรีสง่าสามัคคี ต. หนองสังข์ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ มาเป็นปีที่ 3 แล้ว ( เริ่มตั้งแต่ ปี 2555 -2556 และจนถึงปัจจุบัน ปี 2557 นี้ ) ซึ่งในทุกๆครั้งขวัญก็ได้มาประชาสัมพันธ์บอกข่าวสารงานบุญในเว็บพลังจิตนี้มาตลอด และก็ได้รับน้ำใจจากผู้มีจิตศรัทธาในพุทธศาสนา ณ เว็บพลังจิตนี้มาตลอดค่ะ ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนร่วมให้งานบุญทุกๆครั้งสำเร็จผ่านพ้นไปด้วยดีมาตลอดอย่างยิ่งค่ะ

    และมา ณ โอกาสนี้ ขวัญก็ได้มีโอกาสมาเป็นคณะเจ้าภาพผู้จัดงานทอดกฐินสามัคคี และจัดพิธีเททองหล่อหลวงพ่อพระใส (จำลอง) พระพุทธรูปศิลปะล้านช้าง คู่บ้าน คู่เมืองหนองคาย รวมทั้งจัดงานปฏิบัติธรรมบวชชีพราหมณ์เนื่องในงานนี้ด้วย ประจำปี 2557 ซึ่งก็เป็นคณะผู้จัดงานทอดกฐินให้กับทางวัดแห่งนี้ มาเป็นปีที่ 3 แล้วค่ะ และก็ไม่พลาดที่จะหาโอกาสบุญใหญ่ครั้งนี้ให้กับชาวเว็บพลังจิตทุกท่านได้ร่วมบุญกันอีกครั้งค่ะ


    [​IMG]


    ซึ่งกระทู้นี้จะขอประชาสัมพันธ์บอกบุญใน หมวดของงานกฐินทั้งหมด ได้แก่เจ้าภาพผ้าไตรเอก (ผ้าไหมแท้) และเจ้าภาพบริวารกฐินต่างๆที่จำเป็นต้องใช้ในงานทั้งหมด มาให้ได้จองร่วมเป็นเจ้าภาพกันค่ะ

    รายละเอียดการร่วมจองเป็นในส่วนต่าง ๆของการทอดกฐินสามัคคี มีดังนี้

    [​IMG]


    เจ้าภาพผ้าไตร เครื่องบริวารกฐินทั้งหมด ดังนี้

    [​IMG] [​IMG]


    1. ผ้าไตรเอก (ไหมแท้ ) 20,000 บาท (มีเจ้าภาพแล้ว คุณธีรชัย เอื้อชลิตนุกูล)

    2. ไตรรอง 2 ไตร พร้อมพานแว่นฟ้าครอบไตร 3,000 บาท (มีเจ้าภาพแล้ว ขวัญและครอบครัว)

    3. พานแว่นฟ้าครอบไตรเอก
    จำนวน 1 พาน ราคา 1,500 บาท ( มีเจ้าภาพแล้ว : คุณลพ โอนปัจจัยแล้ว )

    4. บาตร ขนาด 8 นิ้ว ( มีเจ้าภาพแล้ว : คุณลพ โอนปัจจัยแล้ว)
    จำนวน 1 บาตร ราคา 1,000 บาท

    5. ตารปัตร พร้อมฐาน : แบบปัก + ฐานมุกไฟ( มีเจ้าภาพแล้ว )
    จำนวน 1 ชุด ราคา 2,200 บาท

    6. ร่มสัปทน ( มีเจ้าภาพแล้ว คุณจิตรลดา เอื้อชลิตนุกูล)
    จำนวน 1 คัน ราคา 1,200 บาท

    7. ชุดหมอน-ย่าม-เสื่อ จำนวน (มีเจ้าภาพแล้ว คุณอำไพ ประโยชน์ดี)
    จำนวน 1 ชุด ราคา 600 บาท

    8. ชุดเครื่องมือช่าง (มีเจ้าภาพแล้ว : คุณjananami โอนแล้ว)
    จำนวน 1 ชุด ราคา 1,000 บาท

    9. ธงจระเข้-นางมัจฉา ( มีเจ้าภาพแล้ว : คุณนทีสีทันดร )
    จำนวน 1 คู่ ราคา 150 บาท

    10. ชุดยารักษาโรค (มีเจ้าภาพแล้ว : คุณjananami โอนแล้ว)
    จำนวน 1 ชุด ราคา 800 บาท

    11. อาสนะไม้ แกะลายปิดทอง สีขาว (สำหรับพระสงฆ์) : (มีเจ้าภาพครบแล้ว )
    จำนวน 9 อาสนะ ราคาอาสนะละ 1,500 บาท
    1. คุณสมศักดิ์ ประโยชน์ดี ( เจ้าภาพ 1 อาสนะ )
    2. คุณโสมสิรินทร์ ประโยชน์ดี ( เจ้าภาพ 1 อาสนะ )
    3. คุณเวฬุกะ (เจ้าภาพ 1 อาสนะ)
    4. คุณรดา สุขเจริญ (เจ้าภาพ 1 อาสนะ)
    5. คุณธีรชัย เอื้อชลิตนุกูล พร้อมครับครัว (เจ้าภาพ 5 อาสนะ)


    12. เสื่อสีแดง(สำหรับวัด)ขนาด 1 x 10 เมตร :วัดยังขาดแคลน (มีเจ้าภาพแล้ว 19 ผืน : ขาดอีก 11 ผืน)
    จำนวน 30 ผืน ราคาผืนละ 400 บาท
    1. ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม จำนวน 1 ผืน ( โอนแล้ว ก.พ.57)
    2. คุณตาแล่น อุดพรม และ คุณยายบุญลวน อุดพรม จำนวน 1 ผืน
    3. คุณกษิเดช นิตย์โชติ + คุณแม่นิตย์ นิตย์โชติ และครอบครัว จำนวน 1 ผืน
    4. คุณกัญญ์ณภัฎฐ์ ดอกไม้เทศ จำนวน 1 ผืน
    5. คุณขวัญพัฒน์ สกุลธัญญลักษณ์ จำนวน 5 ผืน
    6. คุณปาลิกา แกล้วทนง จำนวน 1 ผืน
    7. คุณพ่อลิบฮึง แซ่อึ๊ง และครอบคร้ว จำนวน 1 ผืน
    8. คุณเพ็ชรรัตน์ แซ่อึ๊งและครอบครัว จำนวน 1 ผืน
    9. คุณดวงสมร ธนาศรีวิไล จำนวน 3 ผืน
    10. คุณ joywin จำนวน 2 ผืน
    11. คุณ am12 จำนวน 1 ผืน
    12. คุณคนชานเมือง จำนวน 1 ผืน


    13. ธรรมมาสน์หวาย ขนาดใหญ่ : ที่วัดยังขาดแคลน (ต้องการเจ้าภาพ 3 ท่าน)
    จำนวน 3 ธรรมมาสน์ ราคาธรรมาสน์ละ 9,500 บาท

    14. โต๊ะหมู่มุกไทย หมู่ 9 หน้า 9 : ที่วัดยังขาดแคลน (ยังไม่มีเจ้าภาพ)
    จำนวน 1 ชุด ราคาชุดละ 40,000 บาท (แหล่งจำหน่ายเสาชิงช้า)

    15. เหรียญโปรยทาน ( ขบวนแห่กฐิน )
    รับบริจาคเหรียญปัจจัยโปรยทาน ไม่จำกัดจำนวน

    สำหรับผู้มีจิตศรัทธา ประสงค์อยากร่วมเป็นเจ้าภาพจัดทำเหรียญโปรยทาน เพื่อใช้ในขบวนแห่กฐินสามัคคีในครั้งนี้ สามารถส่งปัจจัยเหรียญโปรยทานไปได้ที่วัดโดยตรงตามที่อยู่ดังนี้
    พระครูวีระปัญญาคม เจ้าอาวาสวัดศรีสง่าสามัคคี
    วัดศรีสง่าสามัคคี หมู่บ้านหนองศาลา ต.หนองสังข์ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ 36150

    แจ้งให้ทราบ...!!! >>> รายการบริวารกฐินตั้งแต่ข้อ 9 - 12 นั้น เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นกับทางวัดเป็นอย่างมากค่ะ เนื่องจากทางวัดไม่มีของจำเป็นดังกล่าวไว้ในวัดเลยค่ะ เนื่องจากเป็นวัดในชนบท เวลามีงานกฐิน ผ้าป่า หรือจัดงานเททองหล่อพระแต่ละครั้ง ทางวัดและชาวบ้านต้องลำบากออกไปยืมของเหล่านี้จากวัดในเมืองทุกครั้ง ขวัญรู้สึกว่าสงสารทางวัดและชาวบ้านค่ะ เวลามีงานทุกครั้ง ก็ต้องออกไปหยิบยืมที่อื่นทุกครั้ง หากว่ากฐินปีนี้ มีผู้ปรารถนาจะร่วมบุญสิ่งของจำเป็นเหล่านี้ที่แจ้งไว้ ไปร่วมถวายทางวัดในฐานะบริวารกฐิน ก็ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ


    รวมเป็นปัจจัยค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 126,950 บาท
    ( ไตรเอก ไหมแท้ 20,000 บาท + เครื่องบริวารกฐินทั้งสิ้น 106,950 บาท )


    รายละเอียดการร่วมบุญ
    ท่านใดมีจิตศรัทธาจะร่วมจองเป็นเจ้าภาพร่วมบุญในหมวดผ้าไตรกฐิน และเครื่องบริวารทั้งหมด สามารถแจ้งความประสงค์จองเป็นเจ้าภาพได้ที่หน้ากระทู้ หรือ PM มาได้เลยค่ะ และสามารถโอนปัจจัยร่วมบุญผ่านทางบัญชีธนาคารได้ที่


    [​IMG]


    หมายเหตุ.....เนื่องจากขวัญและครอบครัวได้มีจิตศรัทธา และความตั้งใจเป็นคณะเจ้าภาพจัดงานทอดกฐินสามัคคีประจำปี 2557 ในครั้งนี้ด้วยตัวเอง

    ดังนั้น... บัญชีธนาคารในการรับบริจาคผู้ร่วมบุญในส่วนงานต่างๆ ครั้งนี้ ก็ต้องเป็นบัญชีของขวัญเองโดยตรงค่ะ ซึ่งเป็นบัญชีธนาคารที่ขวัญเปิดขึ้นมาเพื่อรองรับงานบุญต่างๆโดยตรง ไม่เกี่ยวข้องกับบัญชีของทางวัดแต่อย่างใดนะคะเพื่อสะดวกต่อการดำเนินงานและเตรียมการในส่วนต่างๆทั้งหมด
    จึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกันค่ะ


    ปิดรับบริจาคเจ้าภาพเครื่องบริวารกฐิน
    ภายในวันที่ 15 กันยายน 2557

    [​IMG] [​IMG]


    *********************************

    หมายเหตุ....เนื่องจากภายในงานทอดกฐินสามัคคีครั้งนี้ จะมีกิจกรรมพิเศษอีกหนึ่งกิจกรรม คือ
    พิธีเททองหล่อหลวงพ่อพระใส (จำลอง) หน้าตัก 20 นิ้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ขวัญเคยได้ลงประกาศประชาสัมพันธ์บอกบุญเททองหล่อหลวงพ่อพระใสไปแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อตอนประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ที่ผ่านมา
    ( ซึ่งกำหนดการเดิมที่จะจัดงานเททองคือ 12 -13 -14 เมษายน 2557 ที่ผ่านมา ) แต่เนื่องจากทางวัดประสบปัญหาปัจจัยในการจัดงานที่ยังไม่เพียงพอ และระยะเวลาในการบอกบุญค่อนข้างจะสั้น ( 2 เดือน ) เพราะปัจจัยที่ต้องใช้ในการจัดงานค่อนข้างสูง เนื่องจากทางวัดเป็นวัดในชนบทด้วย

    ทางวัดจึงต้องระงับการจัดงานไปก่อน เพื่อที่จะนำมาจัดควบคู่พร้อมกับการทอดกฐินสามัคคี ปี 2557 ในคราวเดียวพร้อมกัน ซึ่งกระทู้บอกบุญเดิม ขวัญได้ลบทิ้งไปแล้ว ( กระทู้พิธีเททองหลวงพ่อพระใส เมื่อเดือน กุมภาพันธ์ 2557 ) เนื่องจากพบปัญหาดังกล่าวข้างต้น แต่ปัจจัยที่รับบริจาคในช่วงที่ผ่านมานั้น ขวัญก็ยังคงเก็บรักษาปัจจัยที่มีคนได้โอนร่วมบุญมาเอาไว้อยู่ รวมแล้วเป็นปัจจัยที่มีผู้ร่วมบุญมาบางส่วนแล้วทั้งสิ้น 40,205 บาท เพื่อรอที่จะใช้ในการจัดงานอีกครั้ง ซึ่งวันนี้ก็มาถึงแล้วค่ะ


    [​IMG]

    ติดต่อสอบถามรายละเอียดต่างๆเพิ่มเติมได้ที่
    084 - 7733177 ขวัญค่ะ

    รายละเอียดกระทู้โครงการงานบุญของวัดศรีสง่าสามัคคี ต.หนองสังช์ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ
    ที่กำลังดำเนินการก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ ณ ปี 2557

    http://palungjit.org/threads/%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94-%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7-7-%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%81-97-%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A5%E0%B8%B0-8-500-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E.529200/

    http://palungjit.org/threads/พิธีเท...โรงทาน-ป้ายประชาสัมพันธ์-หนังสือธรรมะ.533347/

    รายละเอียดกระทู้โครงการงานบุญของวัดศรีสง่าสามัคคี ต.หนองสังข์ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ
    ที่สร้างสำเร็จแล้วตั้งแต่ปี 2555 - 2556-2557 ที่ผ่านมา





     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 สิงหาคม 2014
  3. ปฏิเสวามิ

    ปฏิเสวามิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    3,064
    ค่าพลัง:
    +3,962
    หลวงพ่อพระใส
    (พระพุทธรูปล้านช้าง คู่บ้าน คู่เมืองหนองคาย)

    วัดโพธิ์ชัย จังหวัดหนองคาย


    [​IMG]


    หลวงพ่อพระใส เป็นพระพุทธรูปขัดสมาธิราบ ปางมารวิชัย หล่อด้วยทองสีสุก มีพระพุทธลักษณะงดงามมากขนาดหน้าตักกว้าง 2 คืบ 8 นิ้ว สูง 4 คืบ 1 นิ้ว เป็นพระพุทธรูปสมัยเชียงแสนชั้นหลัง สันนิษฐานกันว่าเป็นพระพุทธรูปที่หล่อในอาณาจักรล้านช้าง ยุคพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ซึ่งเป็นยุคที่มีความเจริญรุ่งเรืองสูงสุดในทุกๆ ด้าน หลวงพ่อพระใส เป็นพระพุทธรูปที่ชาวเมืองหนองคายจังหวัดใกล้เคียง รวมทั้งชาวเมืองเวียงจันทน์เคารพสักการะ และถือกันว่าศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง พอถึงวันประเพณีสงกรานต์จะมีพิธีอัญเชิญขึ้นราชรถ มีขบวนแห่ไปรอบเมือง และเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้สรงน้ำ และเมื่อถึงวันเพ็ญเดือนหกจะมีการจุดบั้งไฟบูชาหลวงพ่อพระใสเป็นประจำทุกปี

    [​IMG]

    ประวัติการหล่อหลวงพ่อพระใส

    [​IMG]

    ประวัติเกี่ยวกับการหล่อ ตามความสันนิษฐานเข้าใจว่าหล่อในสมัยเชียงแสนช่วงหลังๆ จะหล่อที่ไหน เมื่อไรนั้นไม่ปรากฏแน่ชัด แต่เชื่อแน่ว่าไม่ใช่หล่อที่เมืองเชียงแสนดังที่บางท่านเข้าใจ ทั้งนี้เพราะมีคำที่รับรองกันได้โดยมากว่าเป็นพระพุทธรูปล้านช้าง ซึ่งสมัยนั้น (สมัยเชียงแสน) ประเทศล้านช้างยังเป็นประเทศที่รุ่งเรืองอยู่ และพระพุทธศาสนาก็กำลังเจริญรุ่งเรือง พระเจ้าแผ่นดินก็ทรงฝักใฝ่พระทัยในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการหล่อพระพุทธรูปยิ่งสนพระทัยเป็นพิเศษ

    เท่าที่กล่าวมานี้ ก็เพื่อจะให้เป็นเหตุสนับสนุนทางที่จะเล่าทางหนึ่งว่า หลวงพ่อพระใสหล่อที่ประเทศล้านช้าง โดยมีธิดาทั้ง ๓ พระองค์ แห่งกษัตริย์ล้านช้างเป็นเจ้าศรัทธา ทั้งหมดเป็นพี่น้องร่วมพระวงศ์เดียวกัน (บางท่านว่าเป็นธิดาของพระไชยเชฏฐาธิราช) มีพระนามตามลำดับว่า สุก เสริม ใส มีพระทัยร่วมกันเป็นเอกฉันท์ในอันที่จะหล่อพระพุทธรูปประจำองค์ จึงได้พร้อมกันขอพรจากพระบิดาพระบิดาประทานพรให้ จึงให้ช่างหล่อพระพุทธรูปขึ้น ๓ องค์ ขนาดลดกันตามลำดับ ครั้นแล้วจึงขนานนามพระพุทธรูปเหล่านั้นโดยขอฝากพระนามของตนเองไว้ด้วยว่า พระสุก (ประจำผู้พี่ใหญ่) , และ พระเสริม(ประจำคนกลาง)พระใส (ประจำคนเล็ก)

    [​IMG] [​IMG]


    ประวัติการหล่อหลวงพ่อพระสุก พระเสริม พระใส

    [​IMG]

    ในการทำพิธีหล่อนั้นทั้งทางบ้านและทางวัดได้ช่วยกันเป็นการใหญ่โต มีคนทำการสูบเตาหลอมทองอยู่ไม่ขาดระยะ นับเป็นเป็นเวลา ๗ วันแล้วทองก็ยังไม่ละลาย ถึงวันที่ ๘ เวลาเพล (๑๑.๐๐น) เหลือพระภิกษุแก่ กับเณรน้อยรูปหนึ่งทำการสูบเตาอยู่ ในขณะนั้นได้ปรากฎมีชีปะขาวตนหนึ่งมายังที่นั้นและขอทำการสูบเตาช่วยซึ่งพระภิกษุและสามเณรน้อยนั้นก็มิได้ขัดข้อง เมื่อชีปะขาวทำการสูบเตาแทนแล้ว พระภิกษุและสามเณรก็ได้ขึ้นไปฉันเพลบนศาลาตามปกติธรรมดาทุกวัน เมื่อพระกำลังฉันเพลอยู่ญาติโยมที่มาส่ง เพลย่อมลงมาทำการสูบแทนเสมอ แต่วันนั้นญาติโยมแลเห็นคนสูบเตามากกว่าปกติท่อเตาก็มีมาก แต่ละคนเป็นชีปะขาวเหมือนกันหมด ด้วยความอัศจรรย์ใจยิ่งจึงได้ถามพระ ภิกษุ แต่พระภิกษุแลไปก็เห็นเพียงชีปะขาวรูปเดียวเท่านั้น พอฉันเพลเสร็จ คนทั้งหมดก็พากันลงมาดู ครั้นถึงก็เกิดความอัศจรรย์ใจยิ่ง เพราะเหตุที่ได้เห็นทองทั้งหมดถูกเทลงในเบ้าทั้ง ๓ เบ้าโดยเรียบร้อยแล้ว และไม่ปรากฏเห็นชีปะขาวนั้นเลยสักคนเดียว

    ภาคปาฏิหาริย์หลวงพ่อพระใส

    [​IMG]
    หลวงพ่อพระใส เป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่เดิมมาปรากฏตามประวัติว่า เมื่อรัชสมัยพระเจ้าสุริยวงศ์จะเสด็จเสวยราชขึ้นครองนครเวียงจันทร์พระองค์ได้ทรงตั้งจิตอธิฐานเฉพาะพระพักตร์ของหลวง พ่อพระใสว่าถ้าการปกครองไพร่ฟ้าของข้าพเจ้าจะเป็นไปด้วยคาวมสันติสุข และปราศจากศัตรูหมู่ไพรีที่จะมาเบียดเบียนแล้ว ขอให้หลวงพ่อพระใสแสดงเหตุอัศจรรย์ให้ประจักษ์ ครั้นถึงเสวยราชย์เดือนอ้าย ได้เกิดอัศจรรย์ขึ้นตามคำอธิฐาน คือฟ้าคึกคะนองร้องรั้น หวั่นไหวแลบแปลบปลาบสายฟ้าฟาด สนั่นสั่นสะเทือน แต่จะได้เป็นอันตรายแก่คนสัตว์ก็หามิได้อยู่เย็นเป็นสุขโดยทั่วหน้ากันตลอดรัชสมัยของพระองค์

    [​IMG]

    ความอัศจรรย์หรืออภินิหารครั้งที่ 2 คราวที่ขุนวรธานีอัญเชิญหลวงพ่อพระใสออกจาก วัดหอก่องเพื่อที่จะนำไปกรุงเทพฯ ปรากฏว่าพออัญเชิญมาถึงวัดโพธิ์ชัยปรารภจะนำไปกับพระเสริม คนที่สมมติให้เป็นพราหมณ์ผู้อัญเชิญหลวงพ่อพระใสไปนั้นไม่สามารถลากเกวียน ซึ่งประดิษฐานหลวงพ่อพระใสให้เคลื่อนไปได้ แม้จะใช้เครื่องฉุดก็สุดความสามารถ เช่นเดียวกันได้ทำการอ้อนวอนด้วยประปารต่างๆ ก็ไม่เป็นผล จนในที่สุดเกวียนได้หักลง คราวนี้ได้หาเกวียนใหม่มาเป็นที่ประดิษฐาน แต่ก็อัศจรรย์อีกครั้งเพราะไม่สามารถจะนำให้เคลื่อนที่ได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงปรึกษาหาตกลงกันว่าจะอัญเชิญไปประดิษฐานไว้ที่วัดโพธิ์ชัย แล้วก็ทำการอ้อนวอนเป็นผลดีใจนึก
    พอเข้ามาหามเพียงไม่กี่คนหลวงพ่อพระใสก็ถูกยกขึ้นประดิษฐานไว้ในอุโบสถวัดโพธิ์ชัย ให้คณะเรามากราบไหว้เครพสักการะบูชา และเป็นเกียรติอันสูงส่งแก่ชาวจังหวัดหนองคายมาตลอดจนบัดนี้

    [​IMG]

    กล่าวกันว่า หลวงพ่อพระใส มีความศักดิ์เป็นที่เลื่องลือเกี่ยวกับกับสุขภาพ หน้าที่การงาน โดยมีผู้คนจากทั่วสารทิศมาบนบานเรื่องดังกล่าว และเมื่อบนบานและสัมฤทธิผลแล้วก็จะมาแก้บนในช่วงสงกรานต์ โดยนำปราสาทเงิน ปราสาททอง (ปัจจัย) โพธิ์เงิน โพธิ์ทอง 1 คู่, พวงมาลัย 9 พวง, แผ่นทองเปลว 9 แผ่น และผ้าอังสะ 3 ผืน มาทำการแก้บน ซึ่งจะมีพระสงฆ์พาประกอบพิธี

    [​IMG]


    สิ่งที่ได้รับการกล่าวขานมากที่สุด คือ การบนบานขอลูกจากหลวงพ่อพระใส คู่สามี- ภรรยาที่ต้องการมีลูกและขอพึ่งบารมีหลวงพ่อพระใสจะต้องมาประกอบพิธีบนบานต่อหน้าหลวงพ่อพระใส เตรียมขันธ์ 5 ขันธ์ 8 ขันหมากเบ็ง เทียนเงิน เทียนทอง โดยมีพระสงฆ์นำประกอบพิธี 4 รูป หลังจากเสร็จพิธี ในวันพระสามี - ภรรยาต้องนุ่งขาวห่มขาว งดร่วมเพศเด็ดขาด จะต้องถือศีล 8 อย่างต่อเนื่องจนกว่าจะมีลูก

    [​IMG]
    เมื่อสัมฤทธิ์ดังประสงค์แล้ว รอให้คลอดลูกก่อน แล้วนำลูกน้อยนั้นมาทำพิธีแก้บน โดยจะมีพระสงฆ์ 4 รูป นำประกอบพิธีต่อหน้าหลวงพ่อพระใส และผูกแขนทารกแรกเกิดให้ ถือว่าเป็นการปวารณาเป็นลูกของหลวงพ่อ มีข้อห้าม คือ เด็กที่เกิดจากการบนบานขอพรจากหลวงพ่อพระใส จะเป็นเด็กซนมาก แต่ฉลาด พ่อแม่ห้ามตีเด็ดขาด หากวันใดตีเด็ก เด็กจะป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุทันทีและต้องมาทำพิธีขอขมาองค์หลวงพ่อพระใส

    การอัญเชิญพระเสริม พระสุก พระใส
    จากเมืองเวียงจันทน์​


    [​IMG]

    ที่ประดิษฐานพระสุก พระเสริม พระใส คราวแรกประดิษฐานอยู่ ณ เมืองเวียงจันทร์ นานเท่าไรไม่ปรากฏ ครั้น พ.ศ 2321 เมื่อรัชกาลพระเจ้ากรุงธนบุรี ได้เกิดสงคราม ขึ้นระหว่างกรุงธนบุรีกับกรุงศรีสัตนาคนหุต (เวียงจันทร์) ครั้นนั้นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ดำรงพระยศเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ได้เป็นจอมพลยกทัพมาตีเวียงจันทร์ พระเจ้าธรรมเทวงศ์จึงได้อันเชิญไปไว้ที่เมืองเชียงคำ ครั้นต่อมาด้วยเหตุใดไม่ทราบได้ พระใสจึงถูกอัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่วัดโพนชัย เมืองเวียงจันทร์อีก

    ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ครั้งเจ้าอนุวงศ์ เจ้าผู้ครองอาณาจักรล้านช้างก่อกบฏ ไม่ขอขึ้นตรงต่อกรุงรัตนโกสินทร์อีกต่อไป พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงโปรดให้สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพเป็นแม่ทัพยกทัพไปปราบ และได้ตั้งค่ายทหารที่เมืองพานพร้าว ทหารไทยเข้าตีเมืองเวียงจันทน์จนเจ้าอนุวงศ์หนีไปจากเวียงจันทน์ ในครั้งนั้นได้อัญเชิญพระพุทธรูปที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาจากเมืองเวียงจันทน์หลายองค์ ได้แก่ พระแซกคำ พระฉันสมอ พระเสริม พระสุก พระใส พระแก่นจันทน์ พระเงินหล่อ พระเงินบุ พระสรงน้ำ มาเก็บรักษาไว้ที่เมืองพานพร้าว และได้มีการสร้างพระเจดีย์เพื่อประดิษฐานจารึกพระนาม พระเจดีย์ปราบเวียง ต่อมาเจ้าอนุวงศ์ได้ร่วมกับพวกญวนเข้ายึดเมืองเวียงจันทน์คืนและตีค่ายพานพร้าว ทหารฝ่ายเจ้าอนุวงศ์ได้ทำการรื้อพระเจดีย์ปราบเวียง และนำพระพุทธรูปที่บรรจุอยู่ทั้งหมดกลับเวียงจันทน์ ต่อมาทหารไทยเข้ายึดค่ายพานพร้าวคืนและตีเมืองเวียงจันทน์ ทำลายเมืองเวียงจันทน์ กำแพงเมือง ป้อมเมือง และหอคำ จนกลายเป็นทะเลเพลิง เหลือไว้แต่วัดสีสะเกดและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองบางแห่ง และได้มีการนำพระพุทธรูปจำนวนหนึ่งข้ามกลับมาฝั่งไทย

    ในตอนที่อัญเชิญพระใสจากเวียงจันทน์ มาประดิษฐานที่วัดโพธิ์ชัยเมืองหนองคายนี้ คราวอัญเชิญมาไม่ได้อัญเชิญมาจากเมืองเวียงจันทน์โดยตรงแต่ได้อัญเชิญมา จากภูเขาควายซึ่งชาวเมืองได้อัญเชิญไปซ่อนไว้แต่ครั้งเวียงจันทน์เกิดสงคราม การอัญเชิญมาได้อัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนแพไม้ไผ่ซึ่งอัญเชิญมาทั้ง 3 องค์ ล่องมาตามลำแม่น้ำโขงเมื่อถึงตรงบ้านเวินแท่นที่นั้นได้เกิดอัศจรรย์คือ แท่นของพระสุกได้แหกแพจมลงในน้ำโดยเหตุที่มีพายุแรงจัดพัดแพจนเอนเอียงแพไม่ สามารถรับน้ำหนักของพระแท่นไว้ได้ อาศัยเหตุที่แท่นของพระสุกได้จมลง ณ ที่ตรงนั้นจึงได้ชื่อว่า "เวินแท่น" มาจนบัดนี้ ครั้นเสียแท่นพระสุกแล้ว ก็ยังอัญเชิญล่องมาตามลำน้ำโขง (น้ำงึ่ม) เฉียงกับบ้านหนองกุ้ง อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย เล็กน้อย พอถึงที่นั้นได้บังเกิดพายุใหญ่เสียงฟ้าคะนองร้องลั่น จนในที่สุดพระสุกได้แหกแพจมลงในน้ำ พอพระสุกจมลงในน้ำแล้วอาการวิปริตต่างๆ ก็สงบเงียบอาศัยเหตุนี้ ที่นั้นจึงได้นามว่า "เวินสุก" (จนบัดนี้พระสุกยังจมอยู่ในน้ำโขงตรงนั้นตราบเท่าทุกวันนี้)

    [​IMG]

    เมื่อเป็นเช่นนี้ยังคงเหลืออยู่แต่พระเสริมกับพระใส ที่ได้นำเข้ามาถึงเมืองหนองคาย พระเสริมได้อัญเชิญประดิษฐานไว้ ณ วัดโพธิ์ชัยส่วนพระใสได้ประดิษฐานไว้ ณ วัดประดิษฐ์ธรรมคุณ (วัดหอก่อง) ต่อมาในรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จฯ พระจอมกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯ ให้ขุนวรธานีและข้าหลวงอัญเชิญ พระเสริม จากวัดโพธิ์ชัยลงไปกรุงเทพฯ ขุนวรธานีเมื่อมาถึงหนองคาย ได้ทราบว่าพระใสเป็นคู่กับพระเสริมจึงได้อัญเชิญจากวัดหอก่องขึ้นสู่เกวียน นัยว่า จะอัญเชิญไป กรุงเทพฯ กับพระเสริม แต่พอมาถึง ณ วัดโพธิ์ชัย พระใสได้แสดงปาฏิหาริย์ไม่สามารถขับเกวียนซึ่งประดิษฐานหลวงพ่อ พระใสให้เคลื่อนที่ไปได้ แม้ใช้เครื่องฉุดก็ไม่สามารถเช่นเดียวกัน ได้ทำการอ้อนวอนด้วยประการต่างๆ ก็ไม่เป็นผล จนในที่สุดเกวียนได้หักลง คราวนี้ได้หาเกวียนใหม่มาเป็นที่ประดิษฐาน แต่ก็อัศจรรย์อีกเพราะเกวียนไม่สามารถจะเคลื่อนที่ได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงปรึกษากันว่าจะอัญเชิญหลวงพ่อพระใสประดิษฐานไว้ที่วัด โพธิ์ชัยแล้วก็ทำการอธิษฐานเป็นผลดังใจนึก พอเข้าหามไม่กี่คนเท่านั้นองค์ หลวงพ่อพระใส ก็ถูกยกขึ้นประดิษฐานไว้ในอุโบสถวัดโพธ์ชัยได้โดยง่ายให้พวกเราได้เคารพ สักการะเป็นการกุศลจวบจนถึงปัจจุบันนี้

    ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2408 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดให้อัญเชิญพระเสริมจากพระบวรราชวัง ไปประดิษฐานยังพระวิหารวัดปทุมวนารามจนถึงปัจจุบัน

    เรื่องเล่าเกี่ยวกับ องค์พระสุก

    [​IMG]

    นับตั้งแต่การอัญเชิญองค์พระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ ล่องมาทางแม่น้ำโขงในครั้งต้นกรุงรัตนโกสินทร์นั้น องค์พระสุกได้จมลงในแม่น้ำโขงจนถึงปัจจุบันนี้ โดยหลายสิบปีก่อนหน้านี้ ได้เคยมีการประกอบพิธีอัญเชิญองค์พระสุกขึ้นจากน้ำ เพื่อจะได้นำมาประดิษฐานไว้คู่เคียงกับพระใส แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ ชาวบ้านและพระภิกษุที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า "ในขณะที่พิธีอัญเชิญเริ่มขึ้น องค์พระสุกค่อยๆ ลอยโผล่พ้นน้ำขึ้นมาเองได้ประมาณหน้าอกขององค์พระ แต่แล้วก็กลับจมลงไปอีก" สรุปคือ ไม่สามารถอัญเชิญขึ้นมาได้ แม้ต่อมามีความพยายามทำพิธีอัญเชิญอีก แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ ซึ่งเหตุการณ์นี้นั้นอาจเป็นเพราะ องค์พระสุกได้จมอยู่ในน้ำเป็นเวลาช้านานทำให้ดินทับทมไม่สะดวกในการที่จะอันเชิญได้โดยง่าย อีกอย่างหนึ่งอาจเป็นเพราะชาวบ้านแถวนั้นไม่ยินยอมให้นำขึ้นจากน้ำด้วยเพราะเกรงกลัวต่อภยันตรายอันจะพึงมีมา เนื่องด้วยประชาชนในท้องถิ่น (รวมทั้งถิ่นอีสานส่วนมากด้วย) เชื่อว่าเหตุที่ไม่สามารถอัญเชิญองค์พระสุกขึ้นจากน้ำได้เป็นผลสำเร็จนั้น เป็นเพราะพญานาคไม่อนุญาติ และ/หรือหากอัญเชิญขึ้นมาได้พญานาคอาจไม่พอใจ และบันดาลเหตุปัจจัยต่างๆ นานาให้เกิดขึ้น

    จาก เหตุอัศจรรย์ ที่พัดพระสุกจมลงนั้น เชื่อกันว่าเป็นเพราะอิทธิฤทธิ์ของพญานาคที่ต้องการพระสุกไปบูชายังเมืองใต้บาดาล และจากความเชื่อนี้ทำให้เกิดคำถามขึ้นว่า “ทำไมต้องเป็นพระสุก”

    ความเชื่อแรก...
    เนื่องจากการหล่อพระสุกเกิดปัญหาติดขัดไม่สำเร็จดี ทำให้พระธิดาองค์ที่สร้างพระสุกตั้งจิตอธิษฐานให้พญานาคช่วย เมื่อพญานาคขึ้นมาช่วยนางตามคำขอก็ได้ขอนางแต่งงาน ภายหลังจากที่หล่อเสร็จไม่นานก็เกิดศึกสงครามขึ้น พระธิดาได้สิ้รพระชนในศึกครานี้ และไปเกิดเป็นมเหสีของพญานาคดังคำที่เคยสัญญา ซึ่งสวามีของนางนั้นเป็นพญานาคที่ดีและมีบุญบารมี มีศรัทธาต่อพระพุทธเจ้า และพ่นบั้งไฟเป็นพุทธบูชาในวันออกพรรษาไม่เคยขาด จากการที่นางสามารถระลึกชาติได้แล้วเกิดความรู้สึกคิดถึงพระพุทธรูปที่ตนสร้าง นางจึงตั้งจิตปรารถนาว่าจะเป็นผู้ดูแลเอง เพราะเป็นพระประจำตัวของตน ครั้นมีผู้อัญเชิญพระสุกเดินทางมาตามลำน้ำโขง นางพญานาคจึงสำแดงฤทธิ์บันดาลให้เกิดพายุฝนขึ้น คราแรกไม่สำเร็จ มีเพียงพระแท่นที่จมลงมา นางจึงบันดาลพายุอีกเป็นครั้งที่สอง แล้วในที่สุดเรือที่อัญเชิญพระสุกมาก็ล่มลงพร้อมๆ กับพระสุกที่จมดิ่งลงสู่ใต้ลำน้ำโขง และคาดว่านางคงจะนำไปบูชาเก็บรักษาไว้ในภพของบาดาล แม้ภายหลังจะมีผู้พยายามอัญเชิญพระสุกขึ้นมา ก็ทำได้เพียงแค่ลอยขึ้นมาถึงพระอุระของพระสุกเท่านั้น แล้วก็กลับจมลงไปอีก นับจากนั้นก็ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะอัญเชิญพระสุกขึ้นมาอีก เพราะกลัวจะทำให้นางพญานาคไม่พอใจ

    ความเชื่อที่สอง
    ด้วยความที่เหล่าพญานาคมีความศรัทธาต่อพระพุทธเจ้าหลังจากที่ได้ยินข่าวการสร้างพระพุทธรูปขึ้นที่เมืองล้านช้างพญานาคเหล่านั้นก็แปลงกายเป็นมนุษย์ขึ้นไปขอพระพุทธรูปจากเจ้าเมือง โดยเจาะจงขอพระสุกไปสักการบูชาแต่เจ้าเมืองไม่ให้ เป็นเหตุให้เมื่อมีการขนย้ายพระสุกผ่านลำน้ำโขงพญานาคจึงบันดาลให้เกิดพายุพัดพระสุกจมลงสู่ลำน้ำเพียงองค์เดียว

    นอกจากนี้ยังมีบางแห่งเล่าเสริมว่า จริงๆ แล้พญานาคทราบข่าวตั้งแต่เริ่มสร้างแล้ว เพราะบรรดาชีปขาวที่มาช่วยเททองนั้นแท้จริงเป็นพญานาคแปลงกายมา เนื่องจากต้องการได้บุญกุศลจากการสร้างพระพุทธรูปในครั้งนี้

    โดยเล่าขาบางส่วน ก็เล่าขานอีกประเด็นว่า เหตุที่พระสุกจมน้ำ ที่เวินสุก บ้านหนองกุ้ง อำเภอโพนพิสัย ว่า พระราชธิดาสุก พระราชธิดาพระองค์โตของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช แห่งอาณาจักรล้านช้างศรีสัตนาคนหุต ได้ไปเกิดเป็นพระมเหสีของพญานาคในเมืองบาดาลที่มีความศรัทธาต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งคือ พญานาคที่พ่นบั่งไฟเป็นพุทธบูชาในวันออกพรรษา พระมเหสีมีความปรารถนาที่จะดูแลเองเพราะเป็นพระพุทธรูปประจำตัวของพระนาง จึงได้บันดาลให้เกิดพายุฝน จนทำให้เรือแพที่อัญเชิญมาล่มลง และนำพระสุกไปดูแลเองที่เมืองนาคบาดาลใต้ลำน้ำโขง

    นอกจากนี้บางก็เชื่อว่า เหล่าพญานาค นั้นเป็นผู้ที่มีความเคารพ และศรัทธาในพระพุทธเจ้ามาก หลังจากที่มีการสร้างพระพุทธรูปขึ้นที่เมืองล้านช้าง ประเทศลาว ความทราบถึงเหล่าพญานาค ที่อยู่เมืองบาดาล จึงได้แปลงกายเป็นมนุษย์ขึ้นไปขอพระพุทธรูปกับเจ้าเมืองล้านช้าง โดยเจาะจงขอเอาพระสุก เพื่อไปไหว้สักการะบูชา ที่เมืองบาดาล เป็นเหตุให้เมื่อมีการขนย้ายผ่านลำน้ำโขง พระสุกจึงจมลงน้ำเพียงองค์เดียว

    ด้วยเหตุนี้หลายคนเชื่อว่าเหตุที่ อัญเชิญพระสุกขึ้นมาจากลำน้ำโขงไม่สำเร็จก็เพราะพระมเหสีพญานาค ที่เป็นอดีตราชธิดาองค์ใหญ่พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ซึ่งเป็นเจ้าของพระสุกไม่อนุญาต จึงทำให้อัญเชิญขึ้นมาไม่สำเร็จ แต่ถ้าเมื่อใดที่พญานาคอนุญาตก็จะสามารถอัญเชิญได้สำเร็จ

    ในปัจจุบันนี้ องค์พระสุกก็ยังจมอยู่ใต้แม่น้ำโขง ต่อมาประมาณปี 2535 พระครูพิสัยกิจจาทร เจ้าอาวาสวัดหลวง และเจ้าคณะอำเภอโพนพิสัย พร้อมด้วยญาติโยม มีความประสงค์จะก่อสร้างเจดีย์เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อพระสุก ซึ่งเป็นพระพุทธรูปองค์จำลอง จากองค์จริงที่จมอยู่ใต้ลำน้ำโขง เพื่อให้พุทธศาสนิกชนที่เลื่อมใสศรัทธาได้มาเคารพกราบไหว้ สักการะ จึงได้รวบรวมปัจจัยต่างๆ และเริ่มก่อสร้างเจดีย์ไว้ภายในวัดหลวง เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2535 แล้วเสร็จเมื่อ 8 ต.ค. 2536 ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 2,250,000 บาท

    องค์พระเสริม วัดปทุมวนาราม กรุงเทพมหานคร

    [​IMG]

    [​IMG]

    พระเสริม เป็นพระพุทธรูปศิลปะสมัยล้านช้าง ปางมารวิชัย วัสดุโลหะ หน้าตักกว้าง 2 ศอก 1 นิ้ว ปัจจุบันประดิษฐานเป็นพระประธานในพระวิหาร วัดปทุมวนาราม พระพุทธรูปศิลปะล้านช้างพระองค์นี้ สร้างขึ้นพร้อมกันกับพระสุกและพระใส โดยพระธิดาสามพี่น้องของกษัตริย์ล้านช้าง เมืองเวียงจันทร์

    เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2408 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดให้อัญเชิญพระเสริมจากพระบรมมหาราชวัง ไปประดิษฐานยังพระวิหารวัดปทุมวนาราม ชาวลาวล้านช้างได้มาเฝ้ากราบไหว้บูชาพระเสริมตลอดทั้งวัน ชื่อเสียงพระเสริมกระจายไปทั่วเขตพระนคร ว่ามีพระใหญ่ล้านช้างองค์สำคัญถูกอัญเชิญมาใว้ในกรุง รัตนโกสินทร์ ผู้คนทั่วสารทิศต่างแห่แหนกราบไหว้บูชาทั้งวัน แต่วันเวลาผ่านไปนาน 200 กว่าปี ชื่อเสียงพระเสริมลืมหายไปตามกาลเวลา คนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ไม่รู้จักพระเสริม ผิดกับพระสุกจำลอง และพระใส ที่จังหวัดหนองคาย ในเดือน 6 ของทุกปี บรรดาผู้มีเชื้อสายชาวล้านช้างซึ่งมาตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณหลังองค์การโทรศัพท์จะจัดปราสาทผึ้ง และดอกไม้ไฟมาสักการบูชาพระเสริมเพื่อความเป็นสิริมงคล


    มหาสงกรานต์ อีาน - หนองคาย
    พิธีแห่สรงน้ำหลวงพ่อพระใส ​


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


     
  4. voage

    voage เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +958
    โอนแล้วเมื่อวันที่ 07/08/2014 เมื่อเวลา 11.41น เป็นจำนวน 2,500บาทแล้วค่ะ
     
  5. ปฏิเสวามิ

    ปฏิเสวามิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    3,064
    ค่าพลัง:
    +3,962
    ขอกราบอนุโมทนาบุญอย่างยิ่งค่ะ
     
  6. arisa127

    arisa127 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +93
    ร่วมทำบุญ ถวายเสื่อ 2 ผืนค่ะ

    อลิษา วนาประเสริฐศักดิ์ 1 ผืน
    พัชนี จงเจริญ 1 ผืน
    ร่วมทำบุญด้วยน่ะค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.jpg
      image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      99.7 KB
      เปิดดู:
      40
  7. ปฏิเสวามิ

    ปฏิเสวามิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    3,064
    ค่าพลัง:
    +3,962
    ขอกราบอนุโมทนาบุญอย่างยิ่งค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 สิงหาคม 2014
  8. ปฏิเสวามิ

    ปฏิเสวามิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    3,064
    ค่าพลัง:
    +3,962
    อัพเดทรายนามเจ้าภาพถวายเสื่อ (บริวารกฐิน)

    ณ วันที่ 8 สิง.ค.57

    [​IMG]


    อลิษา วนาประเสริฐศักดิ์ iร่วมเป็นเจ้าภาพเสื่อ 1 ผืน 400 บาท
    พัชนี จงเจริญ ร่วมเป็นเจ้าภาพเสื่อ 1 ผืน 400 บาท

    ขอกราบอนุโมทนาบุญอย่างยิ่งค่ะ
     
  9. ปฏิเสวามิ

    ปฏิเสวามิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    3,064
    ค่าพลัง:
    +3,962
    ภาพการเร่งพิมพ์ซองกฐินและโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์งาน
    ทอดกฐินและพิธีเททองหล่อหลวงพ่อพระใส (จำลอง)
    ณ วัดศรีสง่าสามัคคี ต.หนองสังข์ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ



    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]



    (ภาพบางส่วน) ขวัญได้ทำการเร่งพิมพ์ซองและใบประชาสัมพันธ์งานในครั้้งนี้ เพื่อเร่งส่งให้กับทางวัดศรีสง่าสามัคคี ภายในวันที่ 12 สิง.ค.57 จำนวนกว่าพันซอง เพื่อให้ทางวัดได้ทำการแจกและประชาสัมพันธ์ในส่วนของภาคอีสานและจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งภายในซองประกอบด้วย

    1. แผ่นใบกำหนดการ
    2. แผ่นโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์งาน (สีชมพู)
    3. แผ่นทองเหลืองเขียนหล่อพระ

    ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยนะคะ
     
  10. ปฏิเสวามิ

    ปฏิเสวามิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    3,064
    ค่าพลัง:
    +3,962
    ภาพอาสนะมุก..จากโรงมุกที่ขวัญสั่งทำ
    (บริวารกฐิน...ที่มีผู้ร่วมบุญมาครบแล้ว)
    ณ วันที่ 2 สิง.ค.57

    [​IMG]

    เนื่องจาก 1 ในบริวารกฐินที่ได้ประชาสัมพันธ์บอกบุญที่ผ่านมาและมีเจ้าภาพร่วมบุญสร้างอาสนะ มาครบแล้ว จำนวน 9 อาสนะ ซึ่งแต่เดิมที่แจ้งไว้ คืออาสนะไม้แกะลายทอง สีขาว (ธรรมดา) ดังรูปภาพด้านบน ราคาอาสนะละ 1,500 บาท

    แต่ด้วยความโชคดีหรือบุญจัดสรรให้ ก่อนวันที่ขวัญจะไปซื้ออาสนะ(ธรรมดา) ที่เสาชิงช้าเมื่อ 7 วันที่แล้ว ขวัญได้เปิดดูเว็บไซด์หาดูภาพอาสนะ(มุก) ซึ่งราคาตามท้องตลาดทั่วไป จำหน่ายอยู่ที่ 2,100 บาท ซึ่งเป็นอาสนะที่สวยงามมาก และราคาแพงเช่นกัน

    และ ณ ตอนนั้นขวัญก็มีปัจจัยบอกบุญแค่อาสนะละ 1,500 บาท เท่านั้น ซึ่งปัจจัยก็ไม่พอจะซื้อแน่ๆ เพราะราคาอาสนะมุกตามท้องตลาดที่ไปสอบถามมาราคาลดต่ำสุดได้แค่ 2,100 บาทเท่านั้นเอง

    จากนั้นก็เลยอธิฐานว่า...หากมีบุญก็ขอให้เจอแหล่งโรงงานทำเครื่องมุกที่ไม่ผ่านหน้าร้าน อาจจะได้ราคาต่ำลง จนสุดท้ายเปิดไปเจอเว็บของโรงมุกแห่งหนึ่ง ในนนทบุรี ก็เลยติดต่อกลับไปสั่งและสอบถาม สุดท้ายแล้วได้ราคาอาสนะมุก จากโรงมุกโดยตรงที่อาสนะละ 1,500 บาทพอดีค่ะ ดีใจมากๆเลยที่ได้อาสนะมุก ไปถวายวัด(บริวารกฐิน) ในครั้งนี้

    และในวันนี้ช่วงเย็นที่ผ่านมา ทางโรงมุกก็ได้นำอาสนะมุกทั้ง 9 อาสนะมาส่งที่บ้าน พร้อมด้วยปัจจัยค่าอาสนะทั้ง 9 ตัว ที่ราคาทั้งหมด 13,500 บาท


    [​IMG]

    [​IMG]


    ขวัญขอขอบพระคุณสายบุญและเจ้าภาพทุกท่าน ที่ช่วยเหลือและมีจิตศรัทธาช่วยงานพระศาสนากับขวัญและชาวบ้าน ขอบพระคุณอีกครั้งและอนุโมทนาค่ะ สาธุ

    รายนามเจ้าภาพอาสนะมุก (สำหรับพระสงฆ์) : (มีเจ้าภาพครบแล้ว )
    จำนวน 9 อาสนะ ราคาอาสนะละ 1,500 บาท


    1. คุณสมศักดิ์ ประโยชน์ดี ( เจ้าภาพ 1 อาสนะ )
    2. คุณโสมสิรินทร์ ประโยชน์ดี ( เจ้าภาพ 1 อาสนะ )
    3. คุณเวฬุกะ (เจ้าภาพ 1 อาสนะ)
    4. คุณรดา สุขเจริญ (เจ้าภาพ 1 อาสนะ)
    5. คุณธีรชัย เอื้อชลิตนุกูล พร้อมครับครัว (เจ้าภาพ 5 อาสนะ)


    [​IMG]
     
  11. ปฏิเสวามิ

    ปฏิเสวามิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    3,064
    ค่าพลัง:
    +3,962
    ภาพแห่งความประทับใจ...หลวงพ่อพระใส
    มิ่งเมืองแห่งหนองคาย สองฟากฝั่งโขง
    พี่น้อง - ไทยลาว


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  12. ปฏิเสวามิ

    ปฏิเสวามิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    3,064
    ค่าพลัง:
    +3,962
    ภาระกิจพิมพ์หนังสือประวัติหลวงพ่อพระสุก พระเสริม พระใส
    ( ฉบับ Hand Made ทำเอง พิมพ์เอง เย็บเอง )

    หนังสือประวัติพระ 3 พี่น้อง หลวงพ่อพระสุก พระเสริม และพระใส (กระดาษถนอมสายตา) ประมาณ 2,000 เล่ม ได้แพ็คลงลังเพื่อเตรียมไว้ในงานหล่อพระ ขวัญและคุณแม่ได้ช่วยกันพิมพ์และเย็บเล่ม หนังสือประวัติพระพุทธรุป 3 พี่น้องที่จะไว้แจกในงานทอดกฐินและเททองหล่อหลวงพ่อพระใส (จำลอง) ตามกำหนดการที่แจ้งไว้
    ( เสร็จไปอีกหนึ่งภาระกิจ...)



    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  13. ปฏิเสวามิ

    ปฏิเสวามิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    3,064
    ค่าพลัง:
    +3,962
    ป้ายโฆษณาประชาสัมพันธ์งานอย่างเป็นทางการ
    ( ขวัญเพิ่งออกแบบเสร็จเรียบร้อยสมบูรณ์แล้วค่ะ )

    [​IMG]


    ป้ายประชาสัมพันธ์นี้ ภายในเดือนสิงหาคม - กันยายน 2557 ก่อนวันงานประมาณ 1-2 เดือน ขวัญจะทำการจัดส่งป้ายทั้งหมด ไปยังวัดศรีสง่าสามัคคี เพื่อเตรียมให้ทางวัด เป็นผู้ติดตั้งขึ้นเป็นป้ายไวนิลขนาดยักษ์ ประมาณ 18 - 20 เมตร และป้ายไวนิลขนาดกลางขนาดประมาณ 5 เมตร จำนวนหลายป้าย เพื่อกระจายติดตั้งตามจุดสถานที่ต่างๆในเขตเทศบาล อ. แก้งคร้อ จ. ชัยภูมิค่ะ( แล้วจะนำภาพมาให้ชมค่ะ ขออนุโมทนาบุญค่ะ )

     
  14. ปฏิเสวามิ

    ปฏิเสวามิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    3,064
    ค่าพลัง:
    +3,962
    ภาพเก็บตกการฝึกซ้อมและบรรยากาศ
    การแสดงรำโปงลางพื้นบ้านอีสาน วงโปงลางพิณแคนแท่นวิทย์
    ( น้องๆนักเรียน รร.บ้านแท่นวิทยา จ.ชัยภูมิ)
    ณ งานพิธีเททองหล่อหลวงพ่อโสธร 17 พ.ย.56 ( ปีที่แล้ว )
    วัดศรีสง่าสามัคคี ต.หนองสังข์ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    การจัดงานในครั้งนี้ เป็นการจัดงานทอดกฐิน และพิธีเททองหล่อหลวงพ่อโสธร (จำลอง) ซึ่งจะมีการสอดแทรกการแสดงรำบวงสรวง และศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านของอีสานเข้าไว้ภายในงาน ซึ่งงานที่ผ่านมานี้ ก็เป็นการจัดครั้งแรกของทางวัดและชาวบ้านที่ค่อนข้างอยู่ในชนบท ห่างไกลจากตัวเมืองพอสมควร รวมทั้งคณะกฐินและขวัญเองก็ไม่มีประสบการณ์ ในการจัดงานพิธีผสานกับการแสดงทางวัฒนธรรมมาก่อนเลย ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ ที่จะนำไปสู่การพัฒนาและปรับปรุงในปีต่อๆไปให้พัฒนาขึ้นมากกว่านี้ ให้กับวัดและพระพุทธศาสนา

    ขวัญต้องขอขอบคุณอาจารย์และครูผู้ฝึกสอน จากรร.บ้านแท่นวิทยา จ.ชัยภูมิ ทุกท่าน ที่เอื้อเฟื้อการฝึกซ้อมและจัดการแสดงมาร่วมบุญกันในครั้งนี้ ขอขอบคุณ ดร.สุวิทย์ วิซัด และคุณครูอุ้ม ผู้ฝึกซ้อมและดูแลน้องๆนักเรียน ที่อดหลับอดนอนกันทั้งคืน เพื่อเตรียมการแสดงในวันนั้นสำเร็จและผ่านพ้นไปด้วยดี

    ถึงแม้งานในครั้งนั้นจะไม่ได้ใหญ่โตระดับอำเภอหรือจังหวัด ไม่ใช่วัดโด่งดังหรือมีชื่อเสียงมากมาย แต่ขวัญขอบคุณทุกๆท่านที่ทำให้งานในวันนั้นประสบความสำเร็จ ทำให้ได้เห็นรอยยิ้มของชาวบ้านที่มาร่วมงานไม่น้อย และในปีนี้ขวัญก็จะพัฒนาให้งานบุญและการแสดงวัฒนธรรมพื้นบ้านอีสานครั้งนี้ ดียิ่งๆขึ้นไปตามลำดับค่ะ
     
  15. ปฏิเสวามิ

    ปฏิเสวามิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    3,064
    ค่าพลัง:
    +3,962
    อัพเดทการเตรียมและประสานงาน
    งานทอดกฐิน ปฏิบัติธรรม เททองหล่อหลวงพ่อพระใส (จำลอง)
    ณ วันที่ 19 สิง.ค.57

    [​IMG]

    สวัสดีค่ะ พี่ๆน้องๆชาวเว็บทุกท่าน ก่อนอื่นต้องขอโทษทุกท่านที่ไม่ได้เข้ามาแจ้งความคืบหน้าในการบอกบุญในกระทู้นี้มาหลายวันเลยค่ะ เนื่องจากติดภาระกิจสำคัญในการประสานและเตรียมงานในส่วนต่างๆของงานครั้งนี้ ที่จังหวัดชัยภูมิ และขอนแก่นมาค่ะ กว่าจะเสร็จงานแต่ละส่วนก็ใช้เวลาพอสมควร

    และมาในวันนี้ ขวัญก็จะมาแจ้งความคืบหน้าในการเตรียมงานบุญครั้งนี้ที่ขวัญไปทำหน้าที่มาดังนี้ค่ะ


    การประสานงานในส่วนต่างๆ ที่ดำเนินการ
    เรียบร้อยแล้ว มีดังนี้


    รายนามพระคุณเจ้าที่ได้ให้ความเมตตามานั่งปรก
    ณ มณฑลพิธีเททองหล่อหลวงพ่อพระใส(จำลอง)

    วันที่ 11 ต.ค.57 จำนวน 6 รูป ดังนี้
    1. พระครูสุจินต์ธรรมวิมล เจ้าอาวาสวัดป่าอาสภาวาส
    ต.หินตั้ง อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น

    2. พระมหาพูลศักดิ์ เจ้าอาวาสวัดป่าคำแคนเหนือ
    อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น
    ( วัดครูบาอาจารย์หลวงปู่มหาโส กัสสะโป)


    3. หลวงพ่อนงค์ ปคุโณ วัดอุดมคงคาคีรีเขต
    อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น
    (วัดครูบาอาจารย์หลวงปู่ผาง จิตตคุตโต)


    4. พระครูถาวรชัยวัฒน์ (หลวงปู่คง) วัดเฝือแฝง
    อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ

    5. พระครูสุนทรธรรมาวุธ เจ้าอาวาสวัดหนองบัวลอย
    เจ้าคณะอำเภอคอนสวรรค์ จ.ชัยภูมิ

    6. พระอาจารย์กิตติพงษ์ วัดป่าโพธิ์ชัย
    อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ

    การจัดสถานที่ - เต๊นท์เช่าภายในงาน

    ขวัญได้ประสานงานและทำการมัดจำค่าเช่าเต๊นท์สีขาวโค้ง ขนาด 4x8 เมตร สูง2.8 เมตร จำนวน 6 หลัง เพื่อนำมาจัดปรัมพิธีภายในงาน โดยวางเงินมัดจำไว้บางส่วนแล้ว โดยเต๊นท์เช่าที่ประสานงานนี้อยู่ที่ อ.จตุรัส จ.ชัยภูมิ

    [​IMG]


    การแสดงนาฏศิลป์โปงลางพื้นบ้านอีสาน เพื่อร่วมสืบสานวัฒนธรรมชาวอีสาน

    ขวัญได้ทำการประสานงานและทำสัญญาในการว่าจ้างการแสดงนาฏศิลป์โปงลางพื้นบ้านอีสานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อมาน้อมถวายเนื่องในงานเททองหล่อหลวงพ่อพระใส(จำลอง) และเพื่อร่วมสืบสานอนุรักษ์วัฒนธรรมในงานครั้งนี้เอาไว้ 3 สถาบันการศึกษา โดยมีจำนวนนักดนตรีและนักแสดงทั้งสิ้นโดยประมาณ 70 คน ดังนี้

    1. วงโปงลางสินไซ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
    วงโปงลางชนะเลิศชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ พระบรมราชินีนาถ ประจำปี 2556

    [​IMG]


    2. วงโปงลางพิณแคนแท่นวิทย์ รร.บ้านแท่นวิทยา อ.บ้านแท่น จ.ชัยภูมิ
    วงโปงลางรองชนะเลิศอันดับ 1 ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ พระบรมราชินีนาถ ประจำปี 2557

    [​IMG]
    [​IMG]

    3. วงโปงลางแสนเมือง รร.หนองเรือวิทยา อ.หนองเรือ จ.ชัยภูมิ
    วงโปงลางชนะเลิศอันดับ 1 เวทีประกวดฟ้อนลำแคน คอนเทสต์ ประจำปี 2556

    [​IMG]

    ระบบเครื่องเสียงคุณภาพภายในงาน

    ขวัญได้ทำการติดต่อประสานงานด้านเครื่องเสียงคุณภาพ ที่จะมาร่วมงานในครั้งนี้ คือ บริษัทมีเพียร กรุ๊ป จ.มหาสารคามค่ะ

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 สิงหาคม 2014
  16. ปฏิเสวามิ

    ปฏิเสวามิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    3,064
    ค่าพลัง:
    +3,962
    ภาพการประดิด ประดอยของที่จะใช้ประดับตกแต่ง
    สถานที่และบรรยากาศภายในงาน​


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  17. ปฏิเสวามิ

    ปฏิเสวามิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    3,064
    ค่าพลัง:
    +3,962
    การถวายผ้ากฐิน

    การถวายผ้ากฐิน ซึ่งหัวใจของกฐิน คือ ผ้า ๓ ผืน คือ จีวร สบง สังฆาฏิ ผืนใดผืนหนึ่งในไตรจีวร ถ้ามากกว่านั้นเป็นอดิเรก จีวร หรือผ้าส่วนเกินเท่านั้น การถวายผ้ากฐินเป็นการนำผ้ามาถวายแก่พระสงฆ์ในเขตที่กำหนดไว้เท่านั้นเลยเวลาไปไม่ได้ ส่วนวัดที่จะรับกฐินได้จะต้องมีพระอยู่จำพรรษาจำนวน ๕ รูป หรือ ๕ รูปขึ้นไปครบองค์สงฆ์จึงจะเป็น กฐินและจะต้องรับ กฐินที่อาวาสของตัวเองเท่านั้นจึงจะถูกต้อง พระรูปเดียวที่จำพรรษาอยู่ในอาวาสหนึ่งอาวาสใด ถ้ารับ กฐินก็จะเรียกว่ารับกฐินไม่ได้ เพราะว่าไม่ครบองค์สงฆ์ หรือมีการทอดกฐินกันจำนวนร้อยวัดแต่กลับไปถวายอยู่วัดเดียว โดยให้พระที่จำพรรษาวัดอื่นมารับที่วัดนั้นอันมิใช่อาวาสที่จำพรรษาของตัวเองยิ่งผิด ผ้าเป็นนิสัคคีย์ พระที่ใช้ผ้าเป็น อาบัติปาจิตตีย์ อานิสงส์กฐินจึงไม่ขึ้นเป็นแต่เพียงผ้าป่า และก็ผิดพุทธานุญาต ผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งจะอ้างว่าเป็นประเทศ ปลายแดนไม่ได้ ก็ควรจะถวายเป็นผ้าป่าไปก็ไม่ได้เสียหายอะไร เพียงแต่ทำให้ถูกต้องตามพุทธประสงค์ของพระสัมมา สัมพุทธเจ้าที่ทรงบัญญัติไว้ก็ถือว่าเป็นบุญบริสุทธิ์

    อีกคำหนึ่งที่จะได้ยินในขณะที่มีพิธีการทอดกฐินคือคำว่า อปโลกน์กฐิน หมายถึงการที่ภิกษุรูปใดรูปหนึ่งเสนอขึ้น ในที่ประชุมสงฆ์ถามความเห็นชอบว่าควรมีการกรานกฐินหรือไม่ เมื่อเห็นชอบร่วมกันแล้วจึงหารือกันต่อไปว่า ผ้าที่ทำสำเร็จ แล้วควรถวายแก่ภิกษุรูปใด การปรึกษาหารือ การเสนอความเห็นเช่นนี้เรียกว่า อปโลกน์ (อ่านว่า อะ-ปะ-โหลก) หมายถึง การช่วยกันมองดูว่าจะสมควรอย่างไร เพียงเท่านี้ก็ยังใช้ไม่ได้ เมื่ออปโลกน์เสร็จแล้ว ต้องสวดประกาศเป็นการสงฆ์ จึงนับว่าเป็นสังฆกรรมเรื่องกฐิน ดังกล่าวไว้แล้วในตอนต้น


    ไทยธรรมที่ถวายในกฐิน



    [​IMG] [​IMG]


    ไทยธรรม คือ เครื่องที่เป็นบริขารสำหรับถวายเป็นบริวารของกฐิน ในครั้งพุทธกาลก็มุ่งประโยชน์ทางพระวินัยเป็นหลัก จึงนำแต่ผ้าไปถวายเท่านั้น เมื่อเสร็จแล้วจึงไปจัดการฉลองกาลกฐินในภายหลัง แต่ในปัจจุบัน เป็นที่นิยมกันทั่วไปว่า การทอดถวายกฐินจะต้องมีบริวารบริขารด้วย จะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับ ศรัทธาของผู้ถวาย หรือบางทีก็เป็นปัจจัยเพื่อ ที่จะได้นำไปก่อสร้างซ่อมแซมทำนุบำรุง ศาสนสถานแก่การใช้ประโยชน์ทางพระพุทธศาสนา

    บริวารบริขาร มีดังนี้
    ผ้าไตร , ผ้าห่มพระพุทธรูปที่เป็นพระประธานและพระสาวก ,บาตรพร้อมด้วยถลกฝาและเชิง , เข็ม ด้าย มีดโกน หินลับมีด กระบอกกรองน้ำ(ธัมการก) เครื่องไม้เครื่องมือต่าง ๆ , พัดรอง กระโถน , ผ้าห่มนอน หมอน มุ้ง กลด เสื่อ พรม , สำรับคาวหวาน น้ำร้อน น้ำเย็น เครื่องดื่มน้ำปานะอื่น ๆ , ยารักษาโรค

    อานิสงส์ของผู้ทอดถวายผ้ากฐิน

    [​IMG]


    - กิติสัทโท เป็นผู้มีชื่อเสียงฟุ้งขจรขจายไปทั่วสารทิศ
    - ได้ชื่อว่าเป็นผู้สืบอายุพระพุทธศาสนา ถวายกำลังแก่สมณะสงฆ์ดำรงพระศาสนา
    - ได้สงเคราะห์พระสงฆ์ตามพระวินัยซึ่งเป็นไปตามพระบรมพุทธานุญาต
    - เป็นการรักษาประเพณีที่ดีงามไว้มิให้เสื่อมสูญไป
    - เป็นการบูชาพุทธโอวาทของพระบรมศาสดา
    - ได้ชื่อว่าบำเพ็ญมหาบุญ
    - เป็นปัตตานุโมทนามัย
    - ทำทรัพย์และชีวิตให้มีสาระ
    - เป็นการสร้างความสามัคคีในระหว่างพุทธบริษัท
    - เป็นการสั่งสมทุนคือบุญกุศลไว้ในภายภาคหน้า
    - เป็นการสร้างทางไปสวรรค์และนิพพานให้แก่ตนเอง


     
  18. ปฏิเสวามิ

    ปฏิเสวามิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    3,064
    ค่าพลัง:
    +3,962
    อานิสงส์การถวายเสื่ออาสนะ...แด่พระสงฆ์​



    คำว่า อาสนะ มีความหมายว่า ที่นอน ที่นั่ง หรือโต๊ะเตียง อันเป้นเครื่องใช้ของพระภิกษุสงฆ์และสามเณร ถือว่าเป็นการบำเพ็ญกุศลอีกรูปแบบหนึ่งแบบอามิสทาน คือการถวายเครื่องใช้ต่างๆให้กับพระภิกษุสงฆ์และสามเณร ถึงแม้ว่าการทำบุญลักษณะนี้จะเป็นเพียงการทำบุญด้วยการสละทรัพย์เพียงเล้กน้อยหรือตามแต่กำลังที่เรามีอยู่ เพื่อร่วมสมทบทุนสร้างอาสนะให้กับพระสงฆ์และสามเณรนั้น

    พุทธศาสนิกชนต่างมีความเชื่อกันว่า... หากใครได้ร่วมทำบุญหรือร่วมสมทบทุนสร้างอาสนะให้กับพระภิกษุสามเณร จะทำให้ไปเกิดในตระกูลที่มั่งคั่งมีความมั่งมีศรีสุข มากด้วยสมบัติและข้าทาสบริวาร และผลบุญกุศลที่ได้สะสมในปัจจุบันก็จะส่งให้อนาคตในภายภาคหน้าจะมากไปด้วยทรัพย์สมบัติบริบูรณ์ มีกินมีใช้ไม่ขาดมือ มีคนเคารพนับหน้าถือตามากมาย
     
  19. ปฏิเสวามิ

    ปฏิเสวามิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    3,064
    ค่าพลัง:
    +3,962
    ภาพการแสดงนาฏศิลป์พื้นบ้าน และโปงลางอีสาน
    เพื่อน้อมถวายแด่พระพุทธโสธร
    (เนื่องในงานพิธีเททองหล่อหลวงพ่อพุทธโสธร ปี2556)

    น้องๆนักเรียนมัธยม รร.บ้านแท่นวิทยา : วงพิณแคนแท่นวิทย์

    สืบเนื่องจากขวัญ มีใจรักและชื่นชอบในศิลปะวัฒนธรรม รวมทั้งนาฏศิลป์ ดนตรีพื้นบ้านของอีสานมากๆค่ะ ทั้งๆที่ขวัญก็มิได้เป็นคนอีสานแต่อย่างใด เป็นคนเมืองด้วยซ้ำไป แต่กลับชื่นชอบวัฒนธรรมอีสานเป็นชีวิตจิตใจสุดๆค่ะ

    พอเมื่อปี 2556 ที่ผ่านมาได้มีโอกาสจัดงานทอดกฐิน และพิธีเททองหล่อหลวงพ่อพุทธโสธร (จำลอง) ครั้งแรกในชีวิต ก็เลยอยากจะนำดนตรีพื้นบ้านอีสาน ที่เป็นเอกลักษณ์ท้องถิ่นที่สวยงาม มาแสดงภายในงาน เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชา และให้ชาวบ้านที่อยู่ในชนบท รวมทั้งเขตท้องถิ่นใกล้เคียง ได้มีโอกาสมาร่วมชมการแสดงวัฒนธรรมอีสานที่สวยงามและน่าอนุรักษ์ของพวกเค้า ทั้งนี้ก็เพื่อความสุข เพื่อรอยยิ้มของชาวบ้านที่ค่อนข้างยากจน อยู่ในชนบท ที่แทบจะไม่มีโอกาสได้เห็นวัฒนธรรมที่สวยงามแบบนี้เลยด้วยซ้ำ สักครั้งในชีวิตของพวกเค้า ให้ได้มีความสุขที่ไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงินทอง

    ซึ่งขวัญเองก็ไม่มีประสบการณ์ในการจัดงานแสดงทำนองนี้เลย ครั้งแรกล้วนๆค่ะ แต่ด้วยใจรักในนาฏศิลป์ ดนตรีอีสาน รวมทั้งอยากเห็นชาวบ้านและผู้มาร่วมงานได้ยิ้ม มีความสุข ขวัญก็เลยลองจัดดูสักครั้ง ซึ่งก็นำการแสดงที่ตนเองชื่นชอบมาประยุกต์และจัดแสดงในงานแบบมือใหม่นะคะ จัดคิวเอง คัดเลือกการแสดงเอง โดยมีผู้ให้คำแนะนำเป็นอาจารย์ท่านนึงที่เป็นผู้ดูแลวงนาฏศิลป์ โปงลาง ต้องขอบพระคุณอาจารย์อย่างสูงค่ะ


    การแสดงชุดที่ 1 คือ รำบวงสรวงหลวงพ่อพุทธโสธร (นักแสดง 40 คน)
    (รำถวายช่วงเช้าก่อนพิธีเททองหล่อ)

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    การแสดงชุดที่ 2 : ฟ้อนศรีโคตรบูรณ์ (ฟ้อนประจำจังหวัดนครพนม)
    (นักแสดง 20 คน)


    [​IMG]

    [​IMG]


    การแสดงชุดสุดท้าย : ฟ้อนภูไทเรณูนคร (รำประจำจังหวัดนครพนม)
    (นักแสดง 20 คน )


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    เนื่องจากคิวงานในวันนั้น ค่อนข้างแน่น ทั้งพิธีเททองหล่อพระ ในช่วงเช้า และพิธีการทอดกฐินในช่วงบ่าย ทำให้คิวการแสดงสามารถมาคั่นเวลาได้เพียงไม่ถึง 2 ชม. อาจจะค่อนข้างสั้น แต่ก็ได้ทำให้ขวัญได้เห็นรอยยิ้มและความสุขของใครหลายๆคนที่ได้มาร่วมงานในครั้งนี้

    และในปี 2557 นี้ ขวัญก็ไม่พลาดที่จะจัดการแสดงนาฏศิลป์วัฒนธรรมอีสานครั้งนี้ มาน้อมถวายเป็นพุทธบูชาอีกครั้ง และคาดว่าจะสามารถจัดได้ดีกว่าเดิม เนื่องจากประสบการณ์ ซึ่งปีนี้ขวัญได้ติดต่อวงโปงลางระดับอุดมศึกษา ม.ขอนแก่นเอาไว้เรียบร้อยแล้ว หากมีความคืบหน้าในการเตรียมงานอย่างไร จะมาแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
     
  20. ปฏิเสวามิ

    ปฏิเสวามิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    3,064
    ค่าพลัง:
    +3,962
    หลวงพ่อพระใส
    (พระพุทธรูปล้านช้าง คู่บ้าน คู่เมืองหนองคาย)

    วัดโพธิ์ชัย จังหวัดหนองคาย


    [​IMG]


    หลวงพ่อพระใส เป็นพระพุทธรูปขัดสมาธิราบ ปางมารวิชัย หล่อด้วยทองสีสุก มีพระพุทธลักษณะงดงามมากขนาดหน้าตักกว้าง 2 คืบ 8 นิ้ว สูง 4 คืบ 1 นิ้ว เป็นพระพุทธรูปสมัยเชียงแสนชั้นหลัง สันนิษฐานกันว่าเป็นพระพุทธรูปที่หล่อในอาณาจักรล้านช้าง ยุคพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ซึ่งเป็นยุคที่มีความเจริญรุ่งเรืองสูงสุดในทุกๆ ด้าน หลวงพ่อพระใส เป็นพระพุทธรูปที่ชาวเมืองหนองคายจังหวัดใกล้เคียง รวมทั้งชาวเมืองเวียงจันทน์เคารพสักการะ และถือกันว่าศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง พอถึงวันประเพณีสงกรานต์จะมีพิธีอัญเชิญขึ้นราชรถ มีขบวนแห่ไปรอบเมือง และเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้สรงน้ำ และเมื่อถึงวันเพ็ญเดือนหกจะมีการจุดบั้งไฟบูชาหลวงพ่อพระใสเป็นประจำทุกปี

    [​IMG]

    ประวัติการหล่อหลวงพ่อพระใส

    [​IMG]

    ประวัติเกี่ยวกับการหล่อ ตามความสันนิษฐานเข้าใจว่าหล่อในสมัยเชียงแสนช่วงหลังๆ จะหล่อที่ไหน เมื่อไรนั้นไม่ปรากฏแน่ชัด แต่เชื่อแน่ว่าไม่ใช่หล่อที่เมืองเชียงแสนดังที่บางท่านเข้าใจ ทั้งนี้เพราะมีคำที่รับรองกันได้โดยมากว่าเป็นพระพุทธรูปล้านช้าง ซึ่งสมัยนั้น (สมัยเชียงแสน) ประเทศล้านช้างยังเป็นประเทศที่รุ่งเรืองอยู่ และพระพุทธศาสนาก็กำลังเจริญรุ่งเรือง พระเจ้าแผ่นดินก็ทรงฝักใฝ่พระทัยในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการหล่อพระพุทธรูปยิ่งสนพระทัยเป็นพิเศษ

    เท่าที่กล่าวมานี้ ก็เพื่อจะให้เป็นเหตุสนับสนุนทางที่จะเล่าทางหนึ่งว่า หลวงพ่อพระใสหล่อที่ประเทศล้านช้าง โดยมีธิดาทั้ง ๓ พระองค์ แห่งกษัตริย์ล้านช้างเป็นเจ้าศรัทธา ทั้งหมดเป็นพี่น้องร่วมพระวงศ์เดียวกัน (บางท่านว่าเป็นธิดาของพระไชยเชฏฐาธิราช) มีพระนามตามลำดับว่า สุก เสริม ใส มีพระทัยร่วมกันเป็นเอกฉันท์ในอันที่จะหล่อพระพุทธรูปประจำองค์ จึงได้พร้อมกันขอพรจากพระบิดาพระบิดาประทานพรให้ จึงให้ช่างหล่อพระพุทธรูปขึ้น ๓ องค์ ขนาดลดกันตามลำดับ ครั้นแล้วจึงขนานนามพระพุทธรูปเหล่านั้นโดยขอฝากพระนามของตนเองไว้ด้วยว่า พระสุก (ประจำผู้พี่ใหญ่) , และ พระเสริม(ประจำคนกลาง)พระใส (ประจำคนเล็ก)

    [​IMG] [​IMG]


    ประวัติการหล่อหลวงพ่อพระสุก พระเสริม พระใส

    [​IMG]

    ในการทำพิธีหล่อนั้นทั้งทางบ้านและทางวัดได้ช่วยกันเป็นการใหญ่โต มีคนทำการสูบเตาหลอมทองอยู่ไม่ขาดระยะ นับเป็นเป็นเวลา ๗ วันแล้วทองก็ยังไม่ละลาย ถึงวันที่ ๘ เวลาเพล (๑๑.๐๐น) เหลือพระภิกษุแก่ กับเณรน้อยรูปหนึ่งทำการสูบเตาอยู่ ในขณะนั้นได้ปรากฎมีชีปะขาวตนหนึ่งมายังที่นั้นและขอทำการสูบเตาช่วยซึ่งพระภิกษุและสามเณรน้อยนั้นก็มิได้ขัดข้อง เมื่อชีปะขาวทำการสูบเตาแทนแล้ว พระภิกษุและสามเณรก็ได้ขึ้นไปฉันเพลบนศาลาตามปกติธรรมดาทุกวัน เมื่อพระกำลังฉันเพลอยู่ญาติโยมที่มาส่ง เพลย่อมลงมาทำการสูบแทนเสมอ แต่วันนั้นญาติโยมแลเห็นคนสูบเตามากกว่าปกติท่อเตาก็มีมาก แต่ละคนเป็นชีปะขาวเหมือนกันหมด ด้วยความอัศจรรย์ใจยิ่งจึงได้ถามพระ ภิกษุ แต่พระภิกษุแลไปก็เห็นเพียงชีปะขาวรูปเดียวเท่านั้น พอฉันเพลเสร็จ คนทั้งหมดก็พากันลงมาดู ครั้นถึงก็เกิดความอัศจรรย์ใจยิ่ง เพราะเหตุที่ได้เห็นทองทั้งหมดถูกเทลงในเบ้าทั้ง ๓ เบ้าโดยเรียบร้อยแล้ว และไม่ปรากฏเห็นชีปะขาวนั้นเลยสักคนเดียว

    ภาคปาฏิหาริย์หลวงพ่อพระใส

    [​IMG]
    หลวงพ่อพระใส เป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่เดิมมาปรากฏตามประวัติว่า เมื่อรัชสมัยพระเจ้าสุริยวงศ์จะเสด็จเสวยราชขึ้นครองนครเวียงจันทร์พระองค์ได้ทรงตั้งจิตอธิฐานเฉพาะพระพักตร์ของหลวง พ่อพระใสว่าถ้าการปกครองไพร่ฟ้าของข้าพเจ้าจะเป็นไปด้วยคาวมสันติสุข และปราศจากศัตรูหมู่ไพรีที่จะมาเบียดเบียนแล้ว ขอให้หลวงพ่อพระใสแสดงเหตุอัศจรรย์ให้ประจักษ์ ครั้นถึงเสวยราชย์เดือนอ้าย ได้เกิดอัศจรรย์ขึ้นตามคำอธิฐาน คือฟ้าคึกคะนองร้องรั้น หวั่นไหวแลบแปลบปลาบสายฟ้าฟาด สนั่นสั่นสะเทือน แต่จะได้เป็นอันตรายแก่คนสัตว์ก็หามิได้อยู่เย็นเป็นสุขโดยทั่วหน้ากันตลอดรัชสมัยของพระองค์

    [​IMG]

    ความอัศจรรย์หรืออภินิหารครั้งที่ 2 คราวที่ขุนวรธานีอัญเชิญหลวงพ่อพระใสออกจาก วัดหอก่องเพื่อที่จะนำไปกรุงเทพฯ ปรากฏว่าพออัญเชิญมาถึงวัดโพธิ์ชัยปรารภจะนำไปกับพระเสริม คนที่สมมติให้เป็นพราหมณ์ผู้อัญเชิญหลวงพ่อพระใสไปนั้นไม่สามารถลากเกวียน ซึ่งประดิษฐานหลวงพ่อพระใสให้เคลื่อนไปได้ แม้จะใช้เครื่องฉุดก็สุดความสามารถ เช่นเดียวกันได้ทำการอ้อนวอนด้วยประปารต่างๆ ก็ไม่เป็นผล จนในที่สุดเกวียนได้หักลง คราวนี้ได้หาเกวียนใหม่มาเป็นที่ประดิษฐาน แต่ก็อัศจรรย์อีกครั้งเพราะไม่สามารถจะนำให้เคลื่อนที่ได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงปรึกษาหาตกลงกันว่าจะอัญเชิญไปประดิษฐานไว้ที่วัดโพธิ์ชัย แล้วก็ทำการอ้อนวอนเป็นผลดีใจนึก
    พอเข้ามาหามเพียงไม่กี่คนหลวงพ่อพระใสก็ถูกยกขึ้นประดิษฐานไว้ในอุโบสถวัดโพธิ์ชัย ให้คณะเรามากราบไหว้เครพสักการะบูชา และเป็นเกียรติอันสูงส่งแก่ชาวจังหวัดหนองคายมาตลอดจนบัดนี้

    [​IMG]

    กล่าวกันว่า หลวงพ่อพระใส มีความศักดิ์เป็นที่เลื่องลือเกี่ยวกับกับสุขภาพ หน้าที่การงาน โดยมีผู้คนจากทั่วสารทิศมาบนบานเรื่องดังกล่าว และเมื่อบนบานและสัมฤทธิผลแล้วก็จะมาแก้บนในช่วงสงกรานต์ โดยนำปราสาทเงิน ปราสาททอง (ปัจจัย) โพธิ์เงิน โพธิ์ทอง 1 คู่, พวงมาลัย 9 พวง, แผ่นทองเปลว 9 แผ่น และผ้าอังสะ 3 ผืน มาทำการแก้บน ซึ่งจะมีพระสงฆ์พาประกอบพิธี

    [​IMG]


    สิ่งที่ได้รับการกล่าวขานมากที่สุด คือ การบนบานขอลูกจากหลวงพ่อพระใส คู่สามี- ภรรยาที่ต้องการมีลูกและขอพึ่งบารมีหลวงพ่อพระใสจะต้องมาประกอบพิธีบนบานต่อหน้าหลวงพ่อพระใส เตรียมขันธ์ 5 ขันธ์ 8 ขันหมากเบ็ง เทียนเงิน เทียนทอง โดยมีพระสงฆ์นำประกอบพิธี 4 รูป หลังจากเสร็จพิธี ในวันพระสามี - ภรรยาต้องนุ่งขาวห่มขาว งดร่วมเพศเด็ดขาด จะต้องถือศีล 8 อย่างต่อเนื่องจนกว่าจะมีลูก

    [​IMG]
    เมื่อสัมฤทธิ์ดังประสงค์แล้ว รอให้คลอดลูกก่อน แล้วนำลูกน้อยนั้นมาทำพิธีแก้บน โดยจะมีพระสงฆ์ 4 รูป นำประกอบพิธีต่อหน้าหลวงพ่อพระใส และผูกแขนทารกแรกเกิดให้ ถือว่าเป็นการปวารณาเป็นลูกของหลวงพ่อ มีข้อห้าม คือ เด็กที่เกิดจากการบนบานขอพรจากหลวงพ่อพระใส จะเป็นเด็กซนมาก แต่ฉลาด พ่อแม่ห้ามตีเด็ดขาด หากวันใดตีเด็ก เด็กจะป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุทันทีและต้องมาทำพิธีขอขมาองค์หลวงพ่อพระใส

    การอัญเชิญพระเสริม พระสุก พระใส
    จากเมืองเวียงจันทน์​


    [​IMG]

    ที่ประดิษฐานพระสุก พระเสริม พระใส คราวแรกประดิษฐานอยู่ ณ เมืองเวียงจันทร์ นานเท่าไรไม่ปรากฏ ครั้น พ.ศ 2321 เมื่อรัชกาลพระเจ้ากรุงธนบุรี ได้เกิดสงคราม ขึ้นระหว่างกรุงธนบุรีกับกรุงศรีสัตนาคนหุต (เวียงจันทร์) ครั้นนั้นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ดำรงพระยศเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ได้เป็นจอมพลยกทัพมาตีเวียงจันทร์ พระเจ้าธรรมเทวงศ์จึงได้อันเชิญไปไว้ที่เมืองเชียงคำ ครั้นต่อมาด้วยเหตุใดไม่ทราบได้ พระใสจึงถูกอัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่วัดโพนชัย เมืองเวียงจันทร์อีก

    ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ครั้งเจ้าอนุวงศ์ เจ้าผู้ครองอาณาจักรล้านช้างก่อกบฏ ไม่ขอขึ้นตรงต่อกรุงรัตนโกสินทร์อีกต่อไป พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงโปรดให้สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพเป็นแม่ทัพยกทัพไปปราบ และได้ตั้งค่ายทหารที่เมืองพานพร้าว ทหารไทยเข้าตีเมืองเวียงจันทน์จนเจ้าอนุวงศ์หนีไปจากเวียงจันทน์ ในครั้งนั้นได้อัญเชิญพระพุทธรูปที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาจากเมืองเวียงจันทน์หลายองค์ ได้แก่ พระแซกคำ พระฉันสมอ พระเสริม พระสุก พระใส พระแก่นจันทน์ พระเงินหล่อ พระเงินบุ พระสรงน้ำ มาเก็บรักษาไว้ที่เมืองพานพร้าว และได้มีการสร้างพระเจดีย์เพื่อประดิษฐานจารึกพระนาม พระเจดีย์ปราบเวียง ต่อมาเจ้าอนุวงศ์ได้ร่วมกับพวกญวนเข้ายึดเมืองเวียงจันทน์คืนและตีค่ายพานพร้าว ทหารฝ่ายเจ้าอนุวงศ์ได้ทำการรื้อพระเจดีย์ปราบเวียง และนำพระพุทธรูปที่บรรจุอยู่ทั้งหมดกลับเวียงจันทน์ ต่อมาทหารไทยเข้ายึดค่ายพานพร้าวคืนและตีเมืองเวียงจันทน์ ทำลายเมืองเวียงจันทน์ กำแพงเมือง ป้อมเมือง และหอคำ จนกลายเป็นทะเลเพลิง เหลือไว้แต่วัดสีสะเกดและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองบางแห่ง และได้มีการนำพระพุทธรูปจำนวนหนึ่งข้ามกลับมาฝั่งไทย

    ในตอนที่อัญเชิญพระใสจากเวียงจันทน์ มาประดิษฐานที่วัดโพธิ์ชัยเมืองหนองคายนี้ คราวอัญเชิญมาไม่ได้อัญเชิญมาจากเมืองเวียงจันทน์โดยตรงแต่ได้อัญเชิญมา จากภูเขาควายซึ่งชาวเมืองได้อัญเชิญไปซ่อนไว้แต่ครั้งเวียงจันทน์เกิดสงคราม การอัญเชิญมาได้อัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนแพไม้ไผ่ซึ่งอัญเชิญมาทั้ง 3 องค์ ล่องมาตามลำแม่น้ำโขงเมื่อถึงตรงบ้านเวินแท่นที่นั้นได้เกิดอัศจรรย์คือ แท่นของพระสุกได้แหกแพจมลงในน้ำโดยเหตุที่มีพายุแรงจัดพัดแพจนเอนเอียงแพไม่ สามารถรับน้ำหนักของพระแท่นไว้ได้ อาศัยเหตุที่แท่นของพระสุกได้จมลง ณ ที่ตรงนั้นจึงได้ชื่อว่า "เวินแท่น" มาจนบัดนี้ ครั้นเสียแท่นพระสุกแล้ว ก็ยังอัญเชิญล่องมาตามลำน้ำโขง (น้ำงึ่ม) เฉียงกับบ้านหนองกุ้ง อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย เล็กน้อย พอถึงที่นั้นได้บังเกิดพายุใหญ่เสียงฟ้าคะนองร้องลั่น จนในที่สุดพระสุกได้แหกแพจมลงในน้ำ พอพระสุกจมลงในน้ำแล้วอาการวิปริตต่างๆ ก็สงบเงียบอาศัยเหตุนี้ ที่นั้นจึงได้นามว่า "เวินสุก" (จนบัดนี้พระสุกยังจมอยู่ในน้ำโขงตรงนั้นตราบเท่าทุกวันนี้)

    [​IMG]

    เมื่อเป็นเช่นนี้ยังคงเหลืออยู่แต่พระเสริมกับพระใส ที่ได้นำเข้ามาถึงเมืองหนองคาย พระเสริมได้อัญเชิญประดิษฐานไว้ ณ วัดโพธิ์ชัยส่วนพระใสได้ประดิษฐานไว้ ณ วัดประดิษฐ์ธรรมคุณ (วัดหอก่อง) ต่อมาในรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จฯ พระจอมกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯ ให้ขุนวรธานีและข้าหลวงอัญเชิญ พระเสริม จากวัดโพธิ์ชัยลงไปกรุงเทพฯ ขุนวรธานีเมื่อมาถึงหนองคาย ได้ทราบว่าพระใสเป็นคู่กับพระเสริมจึงได้อัญเชิญจากวัดหอก่องขึ้นสู่เกวียน นัยว่า จะอัญเชิญไป กรุงเทพฯ กับพระเสริม แต่พอมาถึง ณ วัดโพธิ์ชัย พระใสได้แสดงปาฏิหาริย์ไม่สามารถขับเกวียนซึ่งประดิษฐานหลวงพ่อ พระใสให้เคลื่อนที่ไปได้ แม้ใช้เครื่องฉุดก็ไม่สามารถเช่นเดียวกัน ได้ทำการอ้อนวอนด้วยประการต่างๆ ก็ไม่เป็นผล จนในที่สุดเกวียนได้หักลง คราวนี้ได้หาเกวียนใหม่มาเป็นที่ประดิษฐาน แต่ก็อัศจรรย์อีกเพราะเกวียนไม่สามารถจะเคลื่อนที่ได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงปรึกษากันว่าจะอัญเชิญหลวงพ่อพระใสประดิษฐานไว้ที่วัด โพธิ์ชัยแล้วก็ทำการอธิษฐานเป็นผลดังใจนึก พอเข้าหามไม่กี่คนเท่านั้นองค์ หลวงพ่อพระใส ก็ถูกยกขึ้นประดิษฐานไว้ในอุโบสถวัดโพธ์ชัยได้โดยง่ายให้พวกเราได้เคารพ สักการะเป็นการกุศลจวบจนถึงปัจจุบันนี้

    ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2408 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดให้อัญเชิญพระเสริมจากพระบวรราชวัง ไปประดิษฐานยังพระวิหารวัดปทุมวนารามจนถึงปัจจุบัน

    เรื่องเล่าเกี่ยวกับ องค์พระสุก

    [​IMG]

    นับตั้งแต่การอัญเชิญองค์พระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ ล่องมาทางแม่น้ำโขงในครั้งต้นกรุงรัตนโกสินทร์นั้น องค์พระสุกได้จมลงในแม่น้ำโขงจนถึงปัจจุบันนี้ โดยหลายสิบปีก่อนหน้านี้ ได้เคยมีการประกอบพิธีอัญเชิญองค์พระสุกขึ้นจากน้ำ เพื่อจะได้นำมาประดิษฐานไว้คู่เคียงกับพระใส แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ ชาวบ้านและพระภิกษุที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า "ในขณะที่พิธีอัญเชิญเริ่มขึ้น องค์พระสุกค่อยๆ ลอยโผล่พ้นน้ำขึ้นมาเองได้ประมาณหน้าอกขององค์พระ แต่แล้วก็กลับจมลงไปอีก" สรุปคือ ไม่สามารถอัญเชิญขึ้นมาได้ แม้ต่อมามีความพยายามทำพิธีอัญเชิญอีก แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ ซึ่งเหตุการณ์นี้นั้นอาจเป็นเพราะ องค์พระสุกได้จมอยู่ในน้ำเป็นเวลาช้านานทำให้ดินทับทมไม่สะดวกในการที่จะอันเชิญได้โดยง่าย อีกอย่างหนึ่งอาจเป็นเพราะชาวบ้านแถวนั้นไม่ยินยอมให้นำขึ้นจากน้ำด้วยเพราะเกรงกลัวต่อภยันตรายอันจะพึงมีมา เนื่องด้วยประชาชนในท้องถิ่น (รวมทั้งถิ่นอีสานส่วนมากด้วย) เชื่อว่าเหตุที่ไม่สามารถอัญเชิญองค์พระสุกขึ้นจากน้ำได้เป็นผลสำเร็จนั้น เป็นเพราะพญานาคไม่อนุญาติ และ/หรือหากอัญเชิญขึ้นมาได้พญานาคอาจไม่พอใจ และบันดาลเหตุปัจจัยต่างๆ นานาให้เกิดขึ้น

    จาก เหตุอัศจรรย์ ที่พัดพระสุกจมลงนั้น เชื่อกันว่าเป็นเพราะอิทธิฤทธิ์ของพญานาคที่ต้องการพระสุกไปบูชายังเมืองใต้บาดาล และจากความเชื่อนี้ทำให้เกิดคำถามขึ้นว่า “ทำไมต้องเป็นพระสุก”

    ความเชื่อแรก...
    เนื่องจากการหล่อพระสุกเกิดปัญหาติดขัดไม่สำเร็จดี ทำให้พระธิดาองค์ที่สร้างพระสุกตั้งจิตอธิษฐานให้พญานาคช่วย เมื่อพญานาคขึ้นมาช่วยนางตามคำขอก็ได้ขอนางแต่งงาน ภายหลังจากที่หล่อเสร็จไม่นานก็เกิดศึกสงครามขึ้น พระธิดาได้สิ้รพระชนในศึกครานี้ และไปเกิดเป็นมเหสีของพญานาคดังคำที่เคยสัญญา ซึ่งสวามีของนางนั้นเป็นพญานาคที่ดีและมีบุญบารมี มีศรัทธาต่อพระพุทธเจ้า และพ่นบั้งไฟเป็นพุทธบูชาในวันออกพรรษาไม่เคยขาด จากการที่นางสามารถระลึกชาติได้แล้วเกิดความรู้สึกคิดถึงพระพุทธรูปที่ตนสร้าง นางจึงตั้งจิตปรารถนาว่าจะเป็นผู้ดูแลเอง เพราะเป็นพระประจำตัวของตน ครั้นมีผู้อัญเชิญพระสุกเดินทางมาตามลำน้ำโขง นางพญานาคจึงสำแดงฤทธิ์บันดาลให้เกิดพายุฝนขึ้น คราแรกไม่สำเร็จ มีเพียงพระแท่นที่จมลงมา นางจึงบันดาลพายุอีกเป็นครั้งที่สอง แล้วในที่สุดเรือที่อัญเชิญพระสุกมาก็ล่มลงพร้อมๆ กับพระสุกที่จมดิ่งลงสู่ใต้ลำน้ำโขง และคาดว่านางคงจะนำไปบูชาเก็บรักษาไว้ในภพของบาดาล แม้ภายหลังจะมีผู้พยายามอัญเชิญพระสุกขึ้นมา ก็ทำได้เพียงแค่ลอยขึ้นมาถึงพระอุระของพระสุกเท่านั้น แล้วก็กลับจมลงไปอีก นับจากนั้นก็ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะอัญเชิญพระสุกขึ้นมาอีก เพราะกลัวจะทำให้นางพญานาคไม่พอใจ

    ความเชื่อที่สอง
    ด้วยความที่เหล่าพญานาคมีความศรัทธาต่อพระพุทธเจ้าหลังจากที่ได้ยินข่าวการสร้างพระพุทธรูปขึ้นที่เมืองล้านช้างพญานาคเหล่านั้นก็แปลงกายเป็นมนุษย์ขึ้นไปขอพระพุทธรูปจากเจ้าเมือง โดยเจาะจงขอพระสุกไปสักการบูชาแต่เจ้าเมืองไม่ให้ เป็นเหตุให้เมื่อมีการขนย้ายพระสุกผ่านลำน้ำโขงพญานาคจึงบันดาลให้เกิดพายุพัดพระสุกจมลงสู่ลำน้ำเพียงองค์เดียว

    นอกจากนี้ยังมีบางแห่งเล่าเสริมว่า จริงๆ แล้พญานาคทราบข่าวตั้งแต่เริ่มสร้างแล้ว เพราะบรรดาชีปขาวที่มาช่วยเททองนั้นแท้จริงเป็นพญานาคแปลงกายมา เนื่องจากต้องการได้บุญกุศลจากการสร้างพระพุทธรูปในครั้งนี้

    โดยเล่าขาบางส่วน ก็เล่าขานอีกประเด็นว่า เหตุที่พระสุกจมน้ำ ที่เวินสุก บ้านหนองกุ้ง อำเภอโพนพิสัย ว่า พระราชธิดาสุก พระราชธิดาพระองค์โตของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช แห่งอาณาจักรล้านช้างศรีสัตนาคนหุต ได้ไปเกิดเป็นพระมเหสีของพญานาคในเมืองบาดาลที่มีความศรัทธาต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งคือ พญานาคที่พ่นบั่งไฟเป็นพุทธบูชาในวันออกพรรษา พระมเหสีมีความปรารถนาที่จะดูแลเองเพราะเป็นพระพุทธรูปประจำตัวของพระนาง จึงได้บันดาลให้เกิดพายุฝน จนทำให้เรือแพที่อัญเชิญมาล่มลง และนำพระสุกไปดูแลเองที่เมืองนาคบาดาลใต้ลำน้ำโขง

    นอกจากนี้บางก็เชื่อว่า เหล่าพญานาค นั้นเป็นผู้ที่มีความเคารพ และศรัทธาในพระพุทธเจ้ามาก หลังจากที่มีการสร้างพระพุทธรูปขึ้นที่เมืองล้านช้าง ประเทศลาว ความทราบถึงเหล่าพญานาค ที่อยู่เมืองบาดาล จึงได้แปลงกายเป็นมนุษย์ขึ้นไปขอพระพุทธรูปกับเจ้าเมืองล้านช้าง โดยเจาะจงขอเอาพระสุก เพื่อไปไหว้สักการะบูชา ที่เมืองบาดาล เป็นเหตุให้เมื่อมีการขนย้ายผ่านลำน้ำโขง พระสุกจึงจมลงน้ำเพียงองค์เดียว

    ด้วยเหตุนี้หลายคนเชื่อว่าเหตุที่ อัญเชิญพระสุกขึ้นมาจากลำน้ำโขงไม่สำเร็จก็เพราะพระมเหสีพญานาค ที่เป็นอดีตราชธิดาองค์ใหญ่พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ซึ่งเป็นเจ้าของพระสุกไม่อนุญาต จึงทำให้อัญเชิญขึ้นมาไม่สำเร็จ แต่ถ้าเมื่อใดที่พญานาคอนุญาตก็จะสามารถอัญเชิญได้สำเร็จ

    ในปัจจุบันนี้ องค์พระสุกก็ยังจมอยู่ใต้แม่น้ำโขง ต่อมาประมาณปี 2535 พระครูพิสัยกิจจาทร เจ้าอาวาสวัดหลวง และเจ้าคณะอำเภอโพนพิสัย พร้อมด้วยญาติโยม มีความประสงค์จะก่อสร้างเจดีย์เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อพระสุก ซึ่งเป็นพระพุทธรูปองค์จำลอง จากองค์จริงที่จมอยู่ใต้ลำน้ำโขง เพื่อให้พุทธศาสนิกชนที่เลื่อมใสศรัทธาได้มาเคารพกราบไหว้ สักการะ จึงได้รวบรวมปัจจัยต่างๆ และเริ่มก่อสร้างเจดีย์ไว้ภายในวัดหลวง เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2535 แล้วเสร็จเมื่อ 8 ต.ค. 2536 ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 2,250,000 บาท

    องค์พระเสริม วัดปทุมวนาราม กรุงเทพมหานคร

    [​IMG]

    [​IMG]

    พระเสริม เป็นพระพุทธรูปศิลปะสมัยล้านช้าง ปางมารวิชัย วัสดุโลหะ หน้าตักกว้าง 2 ศอก 1 นิ้ว ปัจจุบันประดิษฐานเป็นพระประธานในพระวิหาร วัดปทุมวนาราม พระพุทธรูปศิลปะล้านช้างพระองค์นี้ สร้างขึ้นพร้อมกันกับพระสุกและพระใส โดยพระธิดาสามพี่น้องของกษัตริย์ล้านช้าง เมืองเวียงจันทร์

    เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2408 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดให้อัญเชิญพระเสริมจากพระบรมมหาราชวัง ไปประดิษฐานยังพระวิหารวัดปทุมวนาราม ชาวลาวล้านช้างได้มาเฝ้ากราบไหว้บูชาพระเสริมตลอดทั้งวัน ชื่อเสียงพระเสริมกระจายไปทั่วเขตพระนคร ว่ามีพระใหญ่ล้านช้างองค์สำคัญถูกอัญเชิญมาใว้ในกรุง รัตนโกสินทร์ ผู้คนทั่วสารทิศต่างแห่แหนกราบไหว้บูชาทั้งวัน แต่วันเวลาผ่านไปนาน 200 กว่าปี ชื่อเสียงพระเสริมลืมหายไปตามกาลเวลา คนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ไม่รู้จักพระเสริม ผิดกับพระสุกจำลอง และพระใส ที่จังหวัดหนองคาย ในเดือน 6 ของทุกปี บรรดาผู้มีเชื้อสายชาวล้านช้างซึ่งมาตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณหลังองค์การโทรศัพท์จะจัดปราสาทผึ้ง และดอกไม้ไฟมาสักการบูชาพระเสริมเพื่อความเป็นสิริมงคล


    มหาสงกรานต์ อีาน - หนองคาย
    พิธีแห่สรงน้ำหลวงพ่อพระใส ​


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


     

แชร์หน้านี้

Loading...