NEW ! NEW AGE PLUS+ พลังงานใหม่ พลังงานอิสระ.. GRAND NATURE ..

หนอนน้อยลอกคราบ บทเรียนผีเสื้อ

...................................
ขอบคุณความอยาก....
เพราะอยากรู้จึง(อยาก)เข้า(อยาก)มา(อยาก)ดู...(อยาก)อ่าน..(อยาก)เห็น...อยู่เรื่อยๆ...ดอกไม้สวย วิวดีจัง บ่อยเข้า ก่อเกิด ตัวตน อยากเป็น...อยากแสดง...อยาก...อยาก และอยากมากๆ(สมัครสมาชิก ซะเลย)
...มองหาส่ิ่งที่ชอบ(อยาก) เออแฮะ ทิวทัศน์รอบๆ หายไป...หายไป...ไม่มีเลย
เป็นตัวตน...แสดงออก (โพสเต็มที่)...ตามความอยาก
ลืมตาอีกที อ้าว เดินเหยียบ...ซะแร้ว...แก้วร้าวเลย...เจ็บแฮะ

อยากเกิดกับเรา ความเศร้าเกิดกับคนรอบข้าง



is Sujja มอง เห็น เป็นสักแต่ว่า...
คือ สัจจะ ... สักแต่ว่า...
คือ สัจจะไม่ทำ
คือ สัจจะไม่ปฏิบัติ
ถ้าขัดกับหลักธรรม ในสิ่ง ที่เห็นจากความเป็น... มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
เพื่ออะไร... ไม่รู้
ลืมกับจำ ..เป็นอะไร..
...หรือจำได้ แต่ไม่เป็น...เช่นนั้นเอง

 

ตามหาให้เจอ..

<table id="post3536291" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="font-weight: normal; border-width: 1px 0px 1px 1px; border-style: solid none solid solid; border-color: rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255);"> 13-07-2010, 04:56 PM </td> <td class="thead" style="font-weight: normal; border-width: 1px 1px 1px 0px; border-style: solid solid solid none; border-color: rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color;" align="right"> #1000 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border-width: 0px 1px; border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255);" width="175"> where?
สมาชิก

วันที่สมัคร: Feb 2010
ข้อความ: 304
Groans: 0
Groaned at 2 Times in 2 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 396
ได้รับอนุโมทนา 850 ครั้ง ใน 226 โพส
พลังการให้คะแนน: 83


</td> <td class="alt1" id="td_post_3536291" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> สัญญาที่แท้จริงของจิตวิญญาณ คือการค้นให้พบความเป็นหนึ่งเดียวอันเสมอเหมือนกับต้นกำเนิดไม่ว่าเราจะแปลกแยกแตกต่างกันไปด้วยรูปกายด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้อยตามความเชื่อที่ผิดหลายชาติภพและแปลกแยกไปไกลจากต้นกำเนิดเพียงใดก็ตาม

ส่วนหนึ่งของเราที่โหยหาการกลับมารวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียวคืออารมณ์และความรู้สึกนึกคิดลุ่มลึกที่ผลักดันให้เราค้นหาคุณภาพอันเป็นอมตะที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงหรือแปลกแยกตามรูปกายตามอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้อยตามความเชื่อที่ผิดไปด้วย

อารมณ์และความรู้สึกนึกคิดลุ่มลึกอันเป็นเอกลักษณ์ของเราแต่ละคนเป็นแรงผลักดันที่กระตุ้นให้เราแสวงหาเส้นทางที่จะนำเรากลับบ้านเกิดที่เราจากมาคุณภาพอันเป็นอมตะคือประตูสู่อ้อมกอดของความรักอันปราศจากเงื่อนไข-ในบ้านเกิดของเราหากเราค้นพบคุณภาพอันเป็นอมตะของเราเมื่อไร เราจะตระหนักได้ว่าเราได้กลับถึงบ้านแล้ว และ จะกลับบ้านได้เสมอดังใจปรารถนา(rose)
</td> </tr> <tr> <td class="alt2" style="border-width: 0px 1px 1px; border-style: none solid solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255);"> </td> <td class="alt1" style="border-width: 0px 1px 1px 0px; border-style: none solid solid none; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color;" align="right"> </td></tr></tbody></table>
<table id="post4088717" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="font-weight: normal; border-width: 1px 0px 1px 1px; border-style: solid none solid solid; border-color: rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255);"> 27-11-2010, 09:56 PM </td> <td class="thead" style="font-weight: normal; border-width: 1px 1px 1px 0px; border-style: solid solid solid none; border-color: rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color;" align="right"> #1457 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border-width: 0px 1px; border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255);" width="175"> pannatee
สมาชิก

วันที่สมัคร: Nov 2010
ข้อความ: 12
Groans: 0
Groaned at 0 Times in 0 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 0
ได้รับอนุโมทนา 7 ครั้ง ใน 4 โพส
พลังการให้คะแนน: 0


</td> <td class="alt1" id="td_post_4088717" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> <center>ตน ตนะ

</center>
<hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> ...ตัวตน อหังการ ม่าน มายา
สัจจะ วาจา กาลเวลาที่ ล่วง
ใยยึดติด มิคิดปล่อย เวลาลวง
ใยรอคอย ลอยมาทวง ล่วงเวลา...

มิเอาดี มิเอาชั่ว มิกลัว..มิกล้า
ยังสงสัย นิสัยส่ง ที่คงมา
จึงส่งสาร แทนวาจา ให้ช่วยคลาย.....
</td></tr></tbody></table>

 

เวลาเป็นแค่คำหลอก เวลาเป็นแค่คำหลอก

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=ePn64GpXvS0&feature=related"]YouTube - เวลา - โดม [ Dome ][/ame]

นิยามของเวลาเป็นแบบนี้จริงๆ
ช่วงความสุขผ่านไปเร็ว
ช่วงความทุกข์นานเหลือเกิน​

มันเป็นเพียงฉากละครที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆแค่นั้นเอง
อีกไม่นานเราจะก้าวผ่านคำว่าเวลา
อีกไม่นานเราจะออกจากฉากละครเหล่านี้​

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=1PUbrPrpCwo&feature=related"]YouTube - Animation on Paper[/ame][ame="http://www.youtube.com/watch?v=a2Wz5uZg_j8"][/ame]

 

<table id="post3335484" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="font-weight: normal; border-width: 1px 0px 1px 1px; border-style: solid none solid solid; border-color: rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255);"> 24-05-2010, 04:09 PM </td> <td class="thead" style="font-weight: normal; border-width: 1px 1px 1px 0px; border-style: solid solid solid none; border-color: rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color;" align="right"> #687 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border-width: 0px 1px; border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255);" width="175"> Little Duck
สมาชิก



วันที่สมัคร: May 2008
ข้อความ: 689
Groans: 0
Groaned at 2 Times in 2 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 3,527
ได้รับอนุโมทนา 9,529 ครั้ง ใน 677 โพส
พลังการให้คะแนน: 181


</td> <td class="alt1" id="td_post_3335484" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> อ้างอิง:
<table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border: 1px inset;"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ หนุมาน ผู้นำสาร
ปรับจูน...ความรัก ให้เป็น ความเมตตา
แล้วจะมีแต่ ความสุขแท้จริง

- " หนุมาน ผู้นำสาร "
</td> </tr> </tbody></table>
ความรัก = LOVE
12+15+22+5 = 54 = 9 = I = Infinity ไม่สิ้นสุด
ความเมตตา = KINDNESS
11+9+14+4+14+5+19+19 = 95 = 14 = N = Nature กฎธรรมชาติ, อำนาจแห่งจักรวาล

9+14 = 23 = W = WORLD โลก, สรรพสิ่ง , มนุษย์

ความปรับจูนความรักและ ความเมตตา เข้าด้วยกัน จึงหมายถึงการเพิ่มพลังบวกขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศโลก เป็นการปรับพลังงานเพื่อให้เกิดความสมดุลย์ ตามกฎแห่งธรรมชาติ และยังหมายถึง การส่งความรัก ความเมตตา โดยปราศจากเงื่อนไข ให้แก่มวลมนุษย์และสรรพสิ่้งทั้งปวง ให้เกิดความสุขและสันติ ..


UNIVERSE..
ความรัก ความเมตตา โดยปราศจากเงื่อนไข
</td></tr></tbody></table>

Crystal DNA = 3+18+25+19+20+1+12+4+14+1 = 117
Little Duck = 12+9+20+20+12+5+4+21+3+11 = 117
117+117 = 234 = WD = WORLD DATA ข้อมูลของชาวโลก , สันติภาพ ความสงบสุขของชาวโลก และสรรพสิ่ง

234 = 2+3+4 = 9 = I = Infinity = LOVE
234 = 2+34 = 36 = CF = Confirm Function

จะเห็นได้ว่าุข้อความของคุณ Crystal DNA และ อ้างอิงข้อความคุณหนุมาน ต่างสนับสนุนส่งเสริมกันอย่างเห็นได้ชัด และเป็นการยืนยันความหมายของข้อมูล จึงแปลได้ว่าความรักอันปราศจากเงื่อนไข จะนำไปสู่สันติภาพ ความสงบ

NEW AGE..

 

มหาสติปัฐฐานสูตร

ข้าพเจ้าต้องขอขอบคุณ คุณ pannatee อีกครั้ง สำหรับการสอนธรรมในเชิงอุปมาอุปมัยให้แก่ข้าพเจ้าจินตวดี ข้อธรรมทั้งหลายจะนำมาเพื่อปรับปรุง และ พัฒนาตัวเองต่อไป

คุณ pannatee ได้บอกกล่าวถึงวิธี เข้าให้ถึง ความจริงของจิตวิญญาณ ซึ่งก็คือ ธรรมชาติของจิตวิญญาณ หรือ การเข้าถึง สัจจะของธรรมชาติ (สัจจะคือ ความจริงแท้แน่นอน )

มหาสติปัฐฐาน เป็น หนทางสายเอกในการเข้าถึง ธรรมชาติความเป็นจริงของจิตวิญญาณ ว่า สิ่งที่เห็นในโลกแห่งความเชื่อของการปรุงแต่งทั้งหลาย ล้วนไม่จริง ธรรมชาติของจิตวิญญาณ คือ การว่างจากเครื่องปรุงแต่ง เราทั้งหลายต่างปรุงแต่งจิตของเราผ่านทางการรับรู้ของประสาทสัมผัสทั้งห้า หรือ อายตนะทั้ง 5

รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ล้วนก่อให้เกิดความอยาก ความอยากเหล่านี้เป็นตัวเพิ่มที่ก่อให้เกิดความเป็นตัวตน อัตตาของมนุษย์ เพิ่มความอยาก อันเปรียบได้กับ นิสัย หากทำประจำ ก็จะกลายเป็น สันดาน (ตามที่คุณหนุมานได้เปรียบเปรยไว้)

ความอยาก ก่อให้เกิดนิสัย ตัวกระทำ ทำให้เกิดมีการกระทำต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด คือ เวียนว่ายตายเกิด อย่างไม่สิ้นสุดต่อไป หากยังไม่สิ้นสุด "ความอยาก" นั้น

การกำหนด ตามรู้ ตามดู ตามเห็น ทุกการกระทำ ทุกความรู้สึก โดยการมีสติอยู่กับตัวตลอดเวลา จึงเป็นสิ่งจำเป็นในการมองเห็นธรรมชาติความเป็นจริงของจิตวิญญาณเพื่อการหลุดพ้น และการก้าวเดินต่อไปในระหว่างที่ดำรงอยู่ในฐานะอย่างมีสติ เพราะเมื่อเราทำอย่างมีสติกำกับ จะทำให้เรารับรู้ได้อย่างธรรมชาติว่า สิ่งที่เราได้กระทำนั้นจะไปสร้างความกระทบกระเทือนให้กับใคร หรือไม่ อย่างไร เพราะถ้าเผลอสติเมื่อไร ตกเป็นทาสของอารมณ์ เราก็ไม่ต่างจากการเหยียบแก้วร้าวฉันใดก็ฉันนั้น

เมื่อใดก็ตามที่เราเริ่มเข้าใจว่า จิตวิญญาณไม่ต้องการการปรุงแต่งใด ๆ นอกจากความรู้ ความรักอันปราศจากเงื่อนไข อันเป็นธรรมชาติที่แท้จริงของจิตวิญญาณ เมื่อนั้น การลด ละ เลิก นิสัยอันเป็น สิ่งปรุงแต่ง จะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ จนกระทั่งเข้าใจถึงกลไกของธรรมชาตอย่างแท้จริงิ ว่าตัวตน หรือ ตนะ หรือ อหังการ ์นั้นเกิดขึ้นได้เพราะอะไร และเมื่อความเข้าใจอย่างแท้จริงได้เกิดขึ้น เมื่อนั้น การออกจากวัฏฏะสังสารจึงเป็นไปได้ แต่ทุกอย่างจำเป็นที่จะต้องผ่านการฝึกฝน[/SIZE]

จะเห็นได้ว่า ข้อความ "สัจจะ สักแต่ว่า (รู้ ดู เห็น รู้สึก" ของคุณ pannatee กำลังสนับสนุนข้อความ "สัจจะ" ของคุณหนุมานอย่างไม่ขัดแย้งกัน เพราะเราทุกคนต่างมาเพื่อสนับสนุน ส่งเสริมซึ่งกันและกันในทิศทางแห่งการสร้างสรรค์

ข้าพเจ้าเชื่อว่า คีย์มหาสติปัฐฐานนี้ คุณ pannatee และท่านอื่นจะช่วยให้ความกระจ่างเพิ่มเติม เพื่อเป็นธรรมทานต่อไป

ขอขอบพระคุณ

จินตวดี

ข้อมูลเพิ่มเติม ของ "ความว่าง" อันเป็นเช่นนั้นเอง จาก คุณ กบสามตัว

“ท่านวิมลเกียรติกล่าวว่า “ธรรมทั้งหลายก็เปรียบดุจมายาลักษณะพระคุณจึงมิควรมีความหวั่นกลัวอะไร ข้อนั้นเพราะเหตุเป็นไฉน ? เพราะเหตุที่ธรรมทั้งหลายเป็นสักแต่ว่าบัญญัติโวหาร ปราศจากสาระที่มีอยู่ด้วยภาวะของมันเอง ผู้มีปัญญาย่อมไม่ยึดถือในอักขระถ้อยคำ ฉะนั้นจึงปราศจากความหวั่นหวาดใด ๆ ด้วยเหตุดังฤๅ ? ก็เพราะเหตุว่าอักขระถ้อยคำนั้น แท้จริงก็ปราศจากสภาวะ ( เป็นสุญญตา) แล้ว นั้นคือ วิมุตติธรรม และวิมุตติธรรมนี้เองที่เป็นธรรมทั้งหลายเหล่านั้นด้วย”<!-- google_ad_section_end -->

 

ทำไม ใจมันยังสั่นรัว + รู้สึกเหมือนจะขาดใจ
ราวกับว่า เรื่องราว น่าจะเกิดในอีกไม่นาน
ถ้าเป็น 2012 จริง ..ผมคงขาดใจก่อน เพราะใจมันเต้นแรง เกินไปแล้วจริงๆ
หรือไม่ก็ต้องเป็น เช็คสุขภาพอย่างละเอียด
เพราะ อาจจะป่วยโดยไม่รู้ตัว .....คงปล่อยไว้ไม่ได้แล้ว
ขออธิบาย ความรู้สึกเพิ่มเติม
ตอนเด็กๆ คุณ เคย ต่อคิวขึ้นรถไฟเหาะ หรือ ยืนอยู่ที่หอคอยเพื่อกระโดดลงมา ตอนเรียน รด. ป่ะคับ
ผมกำลังเป็นแบบนั้น....ใจเต้นรัว แบบ ตื่นเต้น อย่างบอกไม่ถูก
แต่...ในทางตรงกันข้าม ..กลับ หลับง่ายขึ้น หลับสนิท ไม่ฝันใดๆๆๆ หลับลึกมาก
แค่นี้อ่ะครับ

 

ลองโพสต์ "ความรู้" ที่มีความรู้สึกอยากแบ่งปันดูสิ ความรู้ที่มีประโยชน์ต่อ มนุษยชาติ โพสต์ด้วยความต้องการแบ่งปันจริงๆ โดยปราศจากความคาดหวัง อาจหายเป็นปลิดทิ้งก็ได้นะคะ

 

<table id="post4097272" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="font-weight: normal; border-width: 1px 0px 1px 1px; border-style: solid none solid solid; border-color: rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255);"> วันนี้, 01:17 PM </td> <td class="thead" style="font-weight: normal; border-width: 1px 1px 1px 0px; border-style: solid solid solid none; border-color: rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color;" align="right"> #1484 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border-width: 0px 1px; border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255);" width="175"> หนุมาน ผู้นำสาร
สมาชิก

วันที่สมัคร: Jul 2006
ข้อความ: 10,537
พลังการให้คะแนน: 4960


</td> <td class="alt1" id="td_post_4097272" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> *** The Last Jigsaw ****

is Sujja
คือ สัจจะ
คือ สัจจะทำ
คือ สัจจะปฏิบัติ
คือ การนำสัจจะธรรม มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
เพื่อ เปิดโอกาสให้ตนเองได้หลุดพ้นทุกข์

- " หนุมาน ผู้นำสาร "
</td></tr></tbody></table>

The Last Jigsaw
= 20+8+5 +12+1+19+20 +10+9+7+19+1+23 =154 = OD = OMEN DATA
154 = 1+54 = 55 =NEW AGE
1+5+4 = 10 = 1 =AVAILABLE

is Sujja = 9+19+19+21+10+10+1 =89 = HI = HUMANITY INTELLEGENCE
89 = 17 = Q = QUALITY

#1484 =14+84 = 98 = 17
01:17

หากนำความหมายมารวมกันทั้งหมดมีการสนับสนุนและส่งเสริมกัน ให้ความหมายเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด จะเห็นได้ว่า ผลลัพธ์ของ The Last Jigsaw หมายถึง การบอกเหตุการณ์ล่วงหน้าซึ่งเป็นปรากฎการณ์ที่ดีในการเดินทางสู่ NEW AGE โดยมี is Sujja ซึ่งผลลัพธ์หมายถึง การที่มนุษยชาติใช้่สติปัญญาอย่างมีคุณภาพ จึงแปลความได้ว่า คือ การนำสัจจะธรรม มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อ เปิดโอกาสให้ตนเองได้หลุดพ้นทุกข์ ดังรายละเอียดด้านบนที่คุณหนุมาน ผู้นำสาร อธิบายไว้แล้ว


NEW AGE..

 

มาแลกเปลี่ยน ในบางประเด็นที่เกิดขึ้นกับ คุณ Pavitporn...

สิ่งที่จะกล่าวต่อไปนี้ ขอให้เข้าใจว่า...เปนในลักษณะของการแชร์ แบบกันและกัน นะคะ...เพราะผู้พูดเอง ก็ยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ สุดแท้แต่...ธรรมจับเหวี่ยง...

ครึ่งปีหลังมานี้ มีอาการเหมือนถูกบีบรัดที่ศีรษะตลอดเวลา (เว้นเวลานอน)
ไม่เว้นแม้เวลาทำสมาธิ (รู้สึกมึนหัวเล็กน้อย แต่กลับรำคาญเสียมากกว่า)
กอปรกับร่างกายเหมือนขยายใหญ่บ้าง,เล็กบ้าง (โดยเฉพาะศีรษ)
และเหมือนเดินไม่ติดพื้น เป็นคราวๆ ในบางครั้งคล้ายคลื่นสูง-ต่ำเป็นระยะ

กรรม...เปนอำนาจสากล...ที่มีกลไกซับซ้อนที่สุดในจักรวาล...

อาการทางโลก ไม่มีปรากฎ ในทางแพทย์ถือว่าเปนปกติ... แต่สิ่งที่เกิดขึ้น จากภายในจิต เรียกอาการดังกล่าวว่า....จิตญาณภายในป่วย...
ป่วย...ปวยอย่างไร ?
มีด้วยเหรอ...วิญญาณป่วย ?

จะอธิบายคร่าว ๆ ให้พอเข้าใจ แบบพอสังเขป... หากในร่างกาย มีอวัยวะ 32 ประการ.. เทียบเปน 32 ดวงจิต (สิ่งมีชีวิต)...และหากมีอวัยวะใด อวัยวะหนึ่ง ชำรุด สึกหรอ หรืออ่อนแอลง ผลดังกล่าวจะแสดงออกมาทางร่างกายทันที..และจะมากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับ ตัวกรรม...
บางส่วนของร่างกายที่ป่วย...เปนจุดที่สำคัญ ก็อาจทำให้ระบบวงจรในชีวิตทั้งแผง เกิดอาการรวนได้
สุขภาพ (พลัง) จิตที่ดี... ย่อมมาจาก ร่างกายที่แข็งแรง ... ฉันใด ก็ฉันนั้น หรือในบางครั้ง สุขภาพ (พลัง) จิตที่ดี ... อาจมาจากร่างกายที่อ่อนแอ ซึ่งกำลังจิต จะลดลงตามลำดับ.....

สมัยก่อน ผู้พูด...เคยเอาตัวเองไปนั่งศึกษา ผู้ที่มีอาการป่วยทางจิต ที่ศรีธัญญา และบ้านสมเด็จ...ผู้ป่วย ดูเหมือนคนปกติทุกอย่าง และพูดตอกย้ำตนเองเสมอว่า " ไม่ได้บ้า " หลายท่าน พ้นออกมาจากสถานที่ดังกล่าว ด้วยการบำบัดของยาหลายขนาน จนหายแบบเบลอ ๆ ...หายป่วย แบบทางโลก ...แต่ไม่ได้หายขาด จากทางจิต... จิต ที่ไม่ได้รับการฟื้นฟู หรือ defragmenter ด้วย ธรรม ท้ายที่สุด ก็จะกลับมาเปนอาการแบบเดิม... แล้วทำอย่างไร ให้ธรรม นั้นมา บำบัด หรือ รักษาร่างกายให้มีสภาพที่สมบรูณ์ ทั้งจิตนอก จิตใน ญาณนอก ญาณใน... การฟอกธาตุ ปรับธาตุขันธ์... จึงเปนอีกหนึ่งวิธีที่ถูกนำมาใช้เพื่อให้โมเลกุล ในร่างกายจัดระเบียบ และเรียงตัวกันใหม่ ซึ่งเปนการปฏิบัติในเชิงลึก ... คงไม่อาจยกมาบรรยาย ในที่นี้ได้...

ข้าพเจ้าได้ยินเสียงคลื่นความถี่ต่ำ เช่น คลื่นโทรศัพท์ คลื่นสัญญาณวิทยุ
โทรทัศน์ (คลื่นกระแสไฟฟ้าในอากาศ บางครั้ง) จนรู้สึกรำคาญเสียงคลื่อนที่กระทบแก้วหู

อายตนะ ... บางอย่างจากการสัมผัส บางครั้งต้องแลกด้วยอาการ เจ็บป่วย..ไม่เหมือนคนปกติ

ในดี..มีเสีย
ในเสีย .. มีดี

*จิต วิญญาณ ของทารก ออกจากครรภ์แม่ไปที่อื่นได้จริงหรือ..? เคยได้ยิน
ว่าจิตจุติพร้อมปฎิสนธิ วิญญาณออกไปไม่ได้ แต่จิต

จิตบริสุทธิ์....มีชีวิต ตั้งแต่วินาทีแรก ที่เริ่มปฏิสนธิ ถึงแม้จะยังไม่มีสังขารเกิดขึ้นก็ตามที สิ่งเหล่านี้ ก็มีชีวิตอยู่ได้ ในโลกของมิติวิญญาณ รอเพียง ร่างกายที่เหมาะสม ที่ได้จัดสรรค์ไว้แล้วด้วยตัวกระทำของกรรม เพียงเท่านั้น...

สภาวะของจิตญาณ และร่างกาย (สังขาร) เปนคนละส่วน...

คงอาจเคยได้ยิน คำกล่าว ที่ว่า ใจเปนนาย ตัวเปนบ่าว...ความคิดไปก่อนกาย นั่นล่ะค่ะ... เรื่องของจิต จึงเปนเรื่องละเอียดอ่อน ที่ต้องศึกษาคุ่กัน พร้อมสมาธิ แล้วพิจารณาให้เกิดปัญญา เปนข้อ ๆ ไป...

โดยสรุปแล้ว...
ร่างกายของเรา ก็คือ ก้อนกรรม
เวทนาของเรา ก็คือ รังสีกรรม
สัญญาของเรา ก็คือ สัญญาณกรรม
สังขารของเรา ก็คือ ตัวแต่งกรรม
วิญญาณของเรา ก็คือ ตัวรับกรรม.....​

 

เหตุผลที่ไม่เกิน 77

เหตุผลที่ไม่เกิน 77

43+34 = 77
สมมาตรในตัวเอง




The number 77 is a spiritual light code which is derived from the light code 11 as in 11x7=77 (117). God's Great Archangel Michael scared light code is 117. And God Said Let There be Light, the sacred light code is 117. The word Transformation 66 and Change 11 total 77. Believe = 33, Michael = 33 and light = 11 which total 77. I'm not talking about me, I'm talking about Michael sent by God which most of humanity ignored while he was on this earth, but his teachings will prevail and bring the oneness of humanity through love and unity. It is up to you to seek the truth.

 

<table id="post4098156" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="font-weight: normal; border-width: 1px 0px 1px 1px; border-style: solid none solid solid; border-color: rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255);"> วันนี้, 04:56 PM </td> <td class="thead" style="font-weight: normal; border-width: 1px 1px 1px 0px; border-style: solid solid solid none; border-color: rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color;" align="right"> #1491 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border-width: 0px 1px; border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255);" width="175"> กบสามตัว
สมาชิก

วันที่สมัคร: Nov 2010
ข้อความ: 5
พลังการให้คะแนน: 0


</td> <td class="alt1" id="td_post_4098156" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> <center>ทำอะไรกันอยู่ครับ มีอะไรให้คริสเตียนคนนี้ช่วยบ้างมั๊ย

</center>
<hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> พระผู้มีพระภาคจึงมีพระดำรัสให้พระสุภูติไปเป็นผู้เยี่ยมไข้ พระสุภูติกราบทูลว่า
“ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระองค์ก็ไม่เหมาะสมที่จักไปเป็นผู้เยี่ยมไข้หรอก พระพุทธเจ้าข้า ข้อนั้นเพราะเหตุเป็นไฉน ? ข้าพระองค์ยังระลึกได้อยู่ สมัยหนึ่ง ข้าพระองค์ได้เข้าไปบิณฑบาต ณ คฤหาสน์ของอุบาสกนั้น ครั้งนั้น วิมลเกียรติคฤหบดีได้เข้ามารับเอาบาตรของข้าพระองค์ไปบรรจุภัตตาหารจนเต็ม เปี่ยม แล้วก็ปราศรัยกับข้าพระองค์ว่า
“ข้าแต่พระคุณเจ้าสุภูติ ในการขบฉันภัตตาหารนี้ หากพระคุณสามารถแทงทะลุถึงภาวะตามเป็นจริงแห่งธรรมทั้งหลายว่า เป็นสมภาพเสมอกันหมด และสามารถแทงทะลุในธรรมทั้งหลายแต่ละอย่างไซร้ และเที่ยวบิณฑบาตโดยประการดั่งนี้ จึงสมควรที่จักถือเอาภัตตาหารนี้ไปขบฉันได้ พระคุณเจ้าสุภูติ พระคุณมิต้องตัดถอน ราคะ โทสะ โมหะ ให้เป็นสมุจเฉท แต่ก็ไม่อยู่ร่วมกับกองกิเลสเหล่านี้ ไม่ต้องทำลายสรีรขันธ์แต่ก็สามารถเข้าถึงสุญญตาอันเป็นเอกีภาพได้ อาศัยปัญจานันตริยกรรม แต่ก็บรรลุวิมุตติได้ อันที่จริงก็ไม่มีการรอดพ้นและไม่มีการผู้มัดใด ๆ ไม่ต้องเป็นแจ้งในจตุราริยสัจ และมิได้มีการไม่เห็นแจ้งในจตุราริยสัจ ไม่มีการบรรลุอริยผล และมิได้มีการไม่บรรลุอริยผล ไม่มีปุถุชน และไม่มีการพ้นจากภาวะปุถุชน ไม่มีพระอริยบุคคล และมิได้มีอนาริยบุคคล ถึงแม้เป็นผู้ยังธรรมทั้งปวงให้สำเร็จเป็นไปอยู่ แต่ก็ไม่มีอุปาทานพ้นจากธรรมเหล่านั้น พระคุณทำได้เช่นนี้ จึงสมควรขบฉันภัตตาหารนี้ ข้าแต่ท่านสุภูติผู้เจริญ พระคุณอย่าไปเฝ้าพระพุทธองค์ อย่าสดับพระสัทธรรม แต่จงถือครูพาหิรลัทธิทั้ง ๖ มีปูรณกัสสปะ มักขลิโคสาละ สัญชัยเวลัฏฐบุตร อชิตเกสกัมพล ปกุทธกัจจายนะ และนิครนถ์นาฏบุตรว่าเป็นศาสดา จงไปบรรพชาในสำนักของครูเหล่านี้ เมื่อครูทั้ง ๖ เขาตกไปสู่อบายภูมิ พระคุณก็ตกตามเขาไปด้วย ทำได้เช่านี้ จึงสมควรขบฉันภัตตาหารนี้ อนึ่งถ้าพระคุณสามารถเข้าถึงมิจฉาทิฏฐิทั้งปวง อย่าบรรลุถึงฝั่งแห่งภพ ตั้งอยู่ในอัฏฐอันตรายิกธรรม อย่าบรรลุถึงความเกษมจากอันตรายดังกล่าวนั้น มีกิเลสเป็นสหธรรมอยู่ร่วมกัน ห่างไกลจากวิสุทธิธรรม ตัวของพระคุณไม่ชื่อว่าเป็นบุญเขตของผู้บริจาค ผู้ที่ชูชาสักการะทำบุญกับพระคุณ ชื่อว่าเป็นผู้บ่ายไปสู่อบายภูมิ พระคุณจงจูงมือกับบรรดามารทั้งหลาย เป็นสหายร่วมงานกับเหล่ามารนั้น ตัวของพระคุณกับสรรพมารพร้อมทั้งปวงกิเลสไม่มีอะไรแตกต่างกัน มีจิตผูกเวรในสรรพสัตว์ กล่าวจ้วงจาบพระพุทธเจ้าทั้งหลาย กับทั้งทำลายพระธรรม และไม่เข้ากับหมู่สงฆ์ ในที่สุดก็ไม่สำเร็จพระนิพพาน หากพระคุณเป็นได้อย่างนี้ จึงสมควรถือเอาภัตตาหารนี้ไป.”
“ข้าแต่พระสุคต สมัยนั้น เมื่อข้าพระองค์ได้สดับถ้อยคำดังกล่าวแล้วก็ให้งงงันไปหมด ไม่เข้าใจว่าเป็นถ้อยคำอะไร ? ไม่ทราบว่าจะโต้ตอบได้อย่างไร ? ข้าพระองค์จึงวางบาตรไว้จะเดินออกจากคฤหาสน์นั้นวิมลเกียรติอุบาสกก็พูดขึ้น ว่า
“ข้าแต่พระคุณเจ้าสุภูติ พระคุณจงนำเอาบาตรไปเถอะ อย่าได้มีหวั่นกลัวเลย พระคุณจักมีความคิดเห็นเป็นไฉน ? ในกรณีที่พระตถาคตเจ้า ทรงบันดาลอิทธาภิสังขารให้เกิดมีมายาบุรุษผู้หนึ่งขึ้นมาแล้ว พระองค์นำเอาถ้อยคำดังเช่นที่กระผมกล่าวถามพระคุณนั้น ถามมายาบุรุษอันมายาบุรุษนั้นจักบังเกิดความหวั่นกลัวฤๅหนอแล?”
ข้าพระองค์ตอบว่า “หามิได้”
“ท่านวิมลเกียรติกล่าวว่า “ธรรมทั้งหลายก็เปรียบดุจมายาลักษณะพระคุณจึงมิควรมีความหวั่นกลัวอะไร ข้อนั้นเพราะเหตุเป็นไฉน ? เพราะเหตุที่ธรรมทั้งหลายเป็นสักแต่ว่าบัญญัติโวหาร ปราศจากสาระที่มีอยู่ด้วยภาวะของมันเอง ผู้มีปัญญาย่อมไม่ยึดถือในอักขระถ้อยคำ ฉะนั้นจึงปราศจากความหวั่นหวาดใด ๆ ด้วยเหตุดังฤๅ ? ก็เพราะเหตุว่าอักขระถ้อยคำนั้น แท้จริงก็ปราศจากสภาวะ ( เป็นสุญญตา) แล้ว นั้นคือ วิมุตติธรรม และวิมุตติธรรมนี้เองที่เป็นธรรมทั้งหลายเหล่านั้นด้วย”
</td></tr></tbody></table>
<table id="post4098167" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="font-weight: normal; border-width: 1px 0px 1px 1px; border-style: solid none solid solid; border-color: rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255);"> วันนี้, 05:01 PM </td> <td class="thead" style="font-weight: normal; border-width: 1px 1px 1px 0px; border-style: solid solid solid none; border-color: rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color;" align="right"> #1492 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border-width: 0px 1px; border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255);" width="175"> กบสามตัว
สมาชิก

วันที่สมัคร: Nov 2010
ข้อความ: 5
พลังการให้คะแนน: 0


</td> <td class="alt1" id="td_post_4098167" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> เรื่องของความรัก

13:1 แม้ข้าพเจ้าพูดภาษาของมนุษย์ก็ดี และภาษาของทูตสวรรค์ก็ดี แต่ไม่มีความรัก ข้าพเจ้าเป็นเหมือนฆ้องหรือฉาบที่กำลังส่งเสียง
13:2 แม้ข้าพเจ้ามีของประทานแห่งการพยากรณ์ และเข้าใจในความลึกลับทั้งปวงและมีความรู้ทั้งสิ้น และแม้ข้าพเจ้ามีความเชื่อทั้งหมดพอจะยกภูเขาไปได้ แต่ไม่มีความรัก ข้าพเจ้าก็ไม่มีค่าอะไรเลย
13:3 แม้ข้าพเจ้ามอบของสารพัดเพื่อเลี้ยงคนยากจน และแม้ข้าพเจ้ายอมให้เอาตัวข้าพเจ้าไปเผาไฟเสีย แต่ไม่มีความรัก จะหาเป็นประโยชน์แก่ข้าพเจ้าไม่
13:4 ความรักนั้นก็อดทนนานและกระทำคุณให้ ความรักไม่อิจฉา ความรักไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง
13:5 ไม่ทำสิ่งที่ไม่บังควร ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว ไม่ฉุนเฉียว ไม่ช่างจดจำความผิด
13:6 ไม่ชื่นชมยินดีในความชั่วช้า แต่ชื่นชมยินดีในความจริง
13:7 ไม่แคะไค้คุ้ยเขี่ยความผิดของเขา และเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ และมีความหวังอยู่เสมอ และเพียรทนเอาทุกอย่าง
13:8 ความรักไม่มีวันสูญสิ้น แม้คำพยากรณ์ก็จะเสื่อมสูญไป แม้การพูดภาษาต่างๆนั้นก็จะมีเวลาเลิกไป แม้ความรู้ก็จะเสื่อมสูญไป
13:9 เพราะที่เรารู้นั้นก็รู้แต่ส่วนหนึ่ง และที่เราพยากรณ์นั้นก็พยากรณ์แต่ส่วนหนึ่ง
13:10 แต่เมื่อความสมบูรณ์มาถึงแล้ว ความบกพร่องนั้นก็จะสูญไป
13:11 เมื่อข้าพเจ้ายังเป็นเด็ก ข้าพเจ้าพูดอย่างเด็ก คิดอย่างเด็ก ใคร่ครวญหาเหตุผลอย่างเด็ก แต่เมื่อข้าพเจ้าเป็นผู้ใหญ่ ข้าพเจ้าก็เลิกอาการเด็กเสีย
13:12 เพราะว่าบัดนี้เราเห็นสลัวๆเหมือนดูในกระจก แต่เวลานั้นจะได้เห็นหน้ากันชัดเจน เดี๋ยวนี้ข้าพเจ้ารู้แต่ส่วนหนึ่ง แต่เวลานั้นข้าพเจ้าจะรู้แจ้งเหมือนได้รู้จักข้าพเจ้าแล้วด้วย
13:13 ดังนั้นยังตั้งอยู่สามสิ่ง คือความเชื่อ ความหวังใจ ความรัก แต่ความรักใหญ่ที่สุด

__________________
</td></tr></tbody></table>

ขอขอบคุณทุกข้อความที่นำมาเติมเต็มความรักโดยปราศจากเงื่อนไข ให้สมบูรณ์ ..(f)

NEW AGE

 

117 คือรหัสของเทพ มิคาเอล

นี่คือเรื่องราวต่างๆเมื่อครั้งบรรพกาล ยุคสมัยแห่งการสรรค์สร้าง ยุคที่พระเจ้าทรงสร้างทุกสรรพสิ่งขึ้น พระองค์ทรงสร้างเหล่าทูตสวรรค์ ลูซิเฟอร์คือทูตสวรรค์ที่พระเจ้าทรงรักมากที่สุด
ลูซิเฟอร์เป็นสิ่งสวยงามที่สุดที่ถูกสร้างขึ้น น้ำเสียงไพเราะดั่งเสียงเพลง จนได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้านักร้องประสานเสียงของสวรรค์ ร่างกายมีแสงเรืองรอง ผมสีเงินยาวสลวย เป็นความงามอย่างไร้ที่ติ เขามีสมบัติมากมาย มีอาณาจักรและกำลังพล อีกทั้งอำนาจที่พระเจ้าทรงมอบให้
<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O> </O>
ลูซิเฟอร์เป็นหนึ่งในในเชรับ-เชรูบิม ซึ่งเป็นกองกำลังพลแห่งสวรรค์ เขาเป็นหัวหน้าของเชรับ สามารถเดินท่ามกลางหินที่เป็นไฟเหมือนกับพระเจ้า หน้าที่คือคอยปกป้องเหล่านางฟ้าและเทวดา ลูซิเฟอร์อยู่ระหว่างพระเจ้าและเหล่าเทพสวรรค์ต่างๆ ซึ่งถือว่าเป็นตำแหน่งสูงสุด <O></O>
<O> </O>
ลูซิเฟอร์ต้องการเรียนรู้ระหว่างสิ่งดี ชั่ว
อยากเรียนรู้ความรัก
อยากรักอย่างที่พระเจ้าทรงรัก
อยากรู้สึกอย่างที่พระเจ้ารู้สึก
<O> </O>
ครั้นเมื่อพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ขึ้น โดยได้เลียนแบบพระฉายาลักษณ์ของพระองค์ ลูซิเฟอร์และเทพบางส่วนจึงบังเกิดความไม่พอใจ ด้วยเกรงว่ามนุษย์จะแย่งความรักจากพระเจ้าไป จึงต่อต้านโดยการก่อกบฏ <O></O>

สงครามที่ลูซิเฟอร์กระทำต่อพระเจ้านั้นเป็นที่กล่าวขานกันในนาม ‘สงครามเจเนซิส’ โดยมีเทพมิคาเอล ข้ารับใช้ของพระเจ้าผู้เปรียบเสมือนมือขวาของพระเจ้าเป็นผู้นำกำลังกองทัพสวรรค์มาต้านทานลูซิเฟอร์
<O> </O>
สงครามที่ทำให้โลกสั่นคลอนและบ้าคลั่ง
เขย่าทั้งสามภพให้พินาศ
<O> </O>
ผลของสงครามในครั้งนั้นคือ มิคาเอลเป็นผู้ชนะ ลูซิเฟอร์จึงถูกขับออกจากสวรรค์ ลงไปสู่นรก
‘ท่านทั้งหลายผู้ต้องคำสาปแช่ง จงถอยไปจากเรา เข้าไปอยู่ในไฟที่ไหม้อยู่เป็นนิตย์ ซึ่งเตรียมไว้สำหรับมารร้ายและสมุนของมัน’
วาจาของพระเจ้าที่ทรงขับไล่ลูซิเฟอร์และเหล่าสมุน ให้ต้องถูกกักขังไว้ยังดินแดนที่ลึกที่สุด ดินแดนที่ไว้สำหรับลงโทษมารร้าย
<O> </O>
ลูซิเฟอร์ ผู้ได้รับสมญานามว่า ...บุตรแห่งรุ่งอรุณ
ผู้ซึ่งทำให้มวลมนุษย์อ่อนแอและตกสู่บาป
ผู้ถูกขับลงมายังฟื้นดิน ถูกนำไปยังเชอูลซึ่งเป็นที่ลึกที่สุดแห่งหุบเหว<O></O>
<O> </O>
การถูกขับทำให้โอรสแห่งอรุณเทพเปลี่ยนมาเป็น เจ้าชายแห่งความมืดและความชั่วร้าย คอยล่อหลอกให้ผู้คนกระทำในสิ่งผิด
ลูซิเฟอร์ผู้มีรูปโฉมงดงาม ครั้นเมื่อลงมาอยู่ในนรกก็ได้แปลงกายเป็นซาตาน จอมอสูรกายที่มีปีกทั้งสองข้างคล้ายค้างคาว บนหัวมีเขางอกออกมาคล้ายเขาแพะ มีหางงอกออกมา เจ้าเล่ห์ น่าเกลียด น่ากลัว
<O> </O>
"โอดาวประจำกลางวันเอ๋ย พ่อโอรสแห่งพระอรุณ เจ้าร่วงลงมาจากฟ้าสวรรค์แล้วซิ เจ้าถูกตัดลงมายังพื้นดินอย่างไรหนอ เจ้าผู้กระทำให้บรรดาประชาชาติตกต่ำนะ เจ้ารำพึงในใจของเจ้าว่า ข้าจะขึ้นไปยังฟ้าสวรรค์เหนือดวงดาวทั้งหลายของพระเจ้า ข้าจะตั้งพระที่นั่งของข้า ณ ที่สูงนั้น ข้าจะนั่งบนขุนเขาชุมนุมสถาน ณ ที่อุดรไกล ข้าจะขึ้นไปเหนือความสูงของเมฆ ข้าจะกระทำตัวของข้าเหมือนองค์ผู้สูงสุด แต่เจ้าถูกนำลงมาสู่แดนคนตาย ยังที่ลึกของปากแดน" จาก อิสยาห์ 14:12-15<O></O>
<O> </O>
หลังจากลูซิเฟอร์ได้ทำให้พระประสงค์นิรันดร์ของพระเจ้าในตัวมนุษย์เสียหาย พระเจ้าทรงผิดหวังกับการกระทำของเขา จึงไม่ไว้ใจมนุษย์ เพราะแม้แต่มหาเทพลูซิเฟอร์ยังทำผิดได้ ...แล้วนับประสาอะไรกับมนุษย์
พระเจ้ามีแผนการช่วยมนุษย์ให้รอดทางกายและจิตวิญญาณ โดยส่งพระบุตรที่จะสามารถชำระล้างกายและใจของมวลมนุษย์ให้บริสุทธิ์ อย่างเช่น พระเยซูคริสต์ก็เป็นหนึ่งในแผนการชำระบาปของมนุษย์ที่พระเจ้าส่งลงมา
<O> </O>
เพื่อชำระล้าง
เพื่อความบริสุทธิ์ และความดี
เพื่อรักนิรันดร์<O></O>
<O> </O>
การสละชีพของของพระเยซูถือเป็นการชำระล้างบาปให้แก่มวลมนุษย์ ทว่ายังไม่สมบูรณ์แบบ เพราะมนุษย์ยังคงมีบาป
<O> </O>
ลูซิเฟอร์ จอมมารแห่งนรกมีลูกน้องที่จงรักภักษ์ดีเสมือนแขนขาทั้งสอง ชื่อ ซาตานนัคเคีย(Satannackia) และ อาเกลเลียรัพ(Agalierap) พวกเขาจะคอยครอบงำคนที่อยู่ในโลภ โกรธ หลง ชักจูงผู้คนเหล่านั้นให้กระทำในสิ่งที่ผิด
<O> </O>

*……………………………………………………*​

ค.ศ. 2013
<O> </O>
มิคาเอล ...ทาสผู้รับใช้พระผู้เป็นเจ้าได้ลงมายังนรกภูมิอีกครั้ง เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ส่งสารให้ลูซิเฟอร์ ...สหายเก่า แทนผู้ส่งสารตัวจริงอย่างแกเบรียน<O></O>

ณ ดินแดนแห่งความตาย
ดินแดนซึ่งเป็นที่กักขังจอมมารผู้ยิ่งใหญ่
ที่ซึ่งซาตานถูกจองจำ ...จนกว่าจะถึงวันถูกพิพากษา ดั่งข้อความที่ 2 : ปีเตอร์ บทที่2<O></O>
4. For if God did not spare the angels who sinned, but cast them down to hell [2] and delivered them into chains of darkness, to be reserved for judgment;
(เพราะว่าพระเจ้าไม่อภัยเทวดาที่ทำบาป แต่ขับลงมานรก [2] และส่งพวกเขาเข้าสู่โซ่แห่งความมืดมน เพื่อรอการตัดสิน)<O></O>
นี่คือนรก ซึ่งใช้กักขังเหล่าเทวดาและนางฟ้าตกสวรรค์เมื่อครั้งบรรพกาล ในสงครามระหว่างลูซิเฟอร์และพระผู้เป็นเจ้า สงครามที่มีมานับพันๆปี ไม่เคยจบสิ้น รอคอยวันที่จะประทุขึ้นอีกครั้ง
ปราสาทดำทมิฬรายล้อมด้วยเปลวอัคคีอันลุกโชนดั่งทะเลไฟ คุมขังจอมเทพผู้เคยทำให้ทั้งสามภพสั่นคลอน ผู้ที่กล้าเขย่าบัลลังก์ของพระผู้เป็นเจ้าให้สั่นสะเทือน
มิคาเอลเดินฝ่าฝูงสัตว์ร้ายที่จ้องมองมาด้วยสีหน้าโกรธแค้น บ้างก็แยกเขี้ยวยิงฟันขู่ให้ทาสผู้รับใช้พระเจ้านามมิคาเอลเกรงกลัว ทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่มีผลอันใดต่อเขาแม้แต่น้อย มิคาเอลยังคงเดินอย่างสง่าผ่าเผยผ่านเข้าไปในดินแดนแห่งความตายด้วยสีหน้าราบเรียบ
ประตูปราสาทเปิดออกอย่างอัตโนมัติ ต้อนรับทูตสวรรค์ผู้เคยชนะและนำลูซิเฟอร์มาจองจำยังดินแดนแห่งนี้ ...ดินแดนที่มีไฟลุกโหมตลอดเวลา ไม่มีกลางวัน ไม่มีกลางคืน
<O> </O>
มิคาเอลเดินเข้ามายังห้องโถงใหญ่ซึ่งมีบรรดาเทวดาและนางฟ้าตกสวรรค์รออยู่ก่อนแล้ว สายตาของเขาโฟกัสไปยังชายผู้มีลักษณะโดดเด่นท่ามกลางบริวารทั้งปวง
ลูซิเฟอร์ยืนหันหลังให้ ผมดั่งสีของแพลตินั่มยาวสลวยจนถึงกลางหลัง สง่าและองอาจ กาลเวลาไม่ได้ลบเลือนความหยิ่งผยองและความงดงามของเขาให้ลดน้อยลงแม้แต่น้อย
<O> </O>
“มาแล้วเหรอ”จอมราชันแห่งดินแดนความตายกล่าวขึ้นโดยที่ไม่ได้หันมามอง ยังคงหันหลังให้เฉกเช่นเดิม
“ข้านึกว่าคนที่มาจะเป็นกาเบรียนซะอีก เขาเป็นผู้ส่งข่าวไม่ใช่หรือ”พูดจบลูซิเฟอร์ก็ค่อยหันมาเผชิญหน้ากับอดีตสหายรัก
<O> </O>
“ไม่เจอกันซะนานเลยนะลูฟ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”มิคาเอลถาม
“อันที่จริงที่นี่ก็ไม่เลว แต่ยังไงซะสวรรค์ก็ยังคงศิวิไลซ์กว่า แล้วข้าจะกลับไปทวงมันกลับคืนมา”
“ข้านึกว่าเวลาหลายพันปีมานี่จะช่วยให้เจ้าได้มีเวลาไตร่ตรองในสิ่งที่ตัวเองทำไปซะอีก ข้าคงคาดหวังมากเกินไปที่คิดว่าจะได้เห็นเจ้ากลับใจ”
ลูซิเฟอร์กระตุกยิ้มน้อยๆที่มุมปาก ก้มหน้ามองต่ำแล้วส่ายหน้ากับความคิดของอีกฝ่ายก่อนที่จะตวัดสายตาขึ้นมามองหน้ามิคาเอลด้วยความแค้น
“งั้นข้าก็ควรขอบใจเจ้าซินะ ขอบใจที่เอาข้ามาขังในคุกจักรวาลนี่ ข้าควรซาบซึ้งบุญคุณของเจ้าให้มากๆ”
<O> </O>
“มันยังไม่สายหรอกนะลูฟ หากเจ้าจะกลับใจ”มิคาเอลกล่าว
“เจ้าพูดราวกับข้ากระทำความผิด ข้านะหรือผิด ข้าผิดอะไร หรือจะบอกว่าความผิดของข้าคือการอยากรู้ ข้าอยากรู้ว่าพระเจ้ารู้สึกอย่างไร อยากรักอย่างที่พระองค์ทรงรัก ข้าอยากเป็นดั่งพระองค์ ข้าผิดด้วยหรือไง”ลูซิเฟอร์มองมิคาเอลด้วยความไม่เข้าใจ
“ใช่ นั่นล่ะความผิดของเจ้า เจ้าไม่เคยเข้าใจความรักแต่เจ้าคิดว่ามันคือรัก เจ้าทรยศต่อพระบิดา แต่พระองค์ยังมีน้ำพระทัยต่อเจ้า ไม่ทำลายเจ้า”
“การที่ส่งข้ามาอยู่ในนรกนี่นะหรือคือน้ำพระทัยของพระเจ้าที่มอบให้ข้า นี่นะหรือคือความรักที่พระองค์มอบให้”ลูซิเฟอร์ตะคอกเสียงดังลั่น สะท้านไปทั่วแดนอเวจี เปลวไฟลุกโหมแรงขึ้นชั่ววินาทีแล้วกลับสู่สภาพปกติ<O></O>
<O> </O>
“พระองค์เป็นผู้สร้าง พระองค์สร้างเจ้า ให้ชีวิตกับเจ้า ทรงโปรดปรานเจ้าเหนือทูตสวรรค์ทั้งปวง การที่ต้องลงโทษเจ้าไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพระองค์ ก่อนที่วันพิพากษาโลกจะมาถึง ...เจ้าจะถูกปล่อยตัวออกจากที่คุมขัง แล้วเจ้าจะได้เจอกับพระองค์อีกครั้งในวันนั้น”มิคาเอลกล่าว<O></O>
“วันพิพากษาโลกคงใกล้เข้ามาแล้วซินะ เจ้าจึงต้องลงมาเพื่อส่งข่าวให้ข้าเตรียมตัว ...เจ้าเองก็เตรียมตัวเอาไว้ให้ดีเถอะมิคาเอล เพราะข้าจะทำให้เจ้าเป็นผู้พ่ายแพ้ เมื่อถึงเวลานั้นผู้ที่จะต้องถูกจองจำอยู่ในนรก ...ก็คือเจ้า”ลูซิเฟอร์แสยะยิ้มอย่างเหี้ยมโหด<O></O>
“ข้าละเหนื่อยกับการที่ต้องพูดกับพวกดื้อรั้นอย่างเจ้าจริงๆลูฟ ข้าไม่เคยเจอใครที่อวดดี โอหัง หยิ่งยโสและทะนงตนอย่างเจ้ามาก่อนในชีวิต จะมีอะไรบ้างไหมที่สามารถเปลี่ยนเจ้าได้”<O></O>
“ต่อให้พระเจ้าก็เปลี่ยนข้าไม่ได้ มิคาเอล”<O></O>
<O> </O>
“ข้ามาเพื่อที่จะบอกเจ้าว่าวันพิพากษาโลกใกล้จะมาถึงแล้วก็เท่านั้น จะมีอุกาบาตรชนโลกใน ค.ศ. 2014 หรือพูดง่ายๆคืออีกหนึ่งปีข้างหน้านี้เอง แต่เจ้าจะถูกปล่อยตัวก่อนที่อุกาบาตจะพุ่งชนหกวัน ช่วงเวลาหกวันนั้นบนโลกมนุษย์จะเกิดความโกลาหล คนที่เชื่อคำหลอกลวงของเจ้าจะแสดงตนเป็นปรปักษ์กับพระบิดา ประชาชาติที่จิตใจอ่อนแอจะอยู่ฝ่ายเจ้า ส่วนคนที่เชื่อมั่นในพระบิดาจะเป็นผู้ได้อยู่ร่วมกับพระองค์บนสรวงสวรรค์ เจ้าก็จะถูกพิพากษา ช่วงหกวันนั้นเป็นการทดสอบจิตใจมนุษย์ ข้าขอร้อง จงยอมรับในพระองค์ตั้งแต่ตอนนี้เถิดลูฟ ...เจ้ายังมีโอกาส”มิคาเอลพยายามเกลี้ยกล่อม <O></O>
“ขอบใจ แต่ข้าเกรงว่าจะรับความหวังดีของเจ้าไว้ไม่ได้”ลูซิเฟอร์ตอบกลับ<O></O>
ทูตสวรรค์ผู้รับใช้พระเจ้ามองอดีตบุตรแห่งรุ่งอรุณอีกครั้งก่อนกล่าวลา ด้วยรู้ว่าต่อให้เกลี้ยกล่อมอย่างไรก็ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของเขาได้<O></O>
<O> </O>
“ข้าไปล่ะ แล้วเจอกัน ...ในพิพากษาโลก”มิคาเอลพูดแล้วหันหลังให้ แต่ก็ต้องหยุดนิดหนึ่งเมื่อได้ยินคำพูดของจอมมารผู้เกรียงไกร<O></O>
“อย่าคิดว่าข้าอยู่นรกแล้วไม่สามารถทำอะไรได้ ต่อให้ข้าถูกกักขังก็จริง แต่ข้าก็ได้ส่งผู้ที่จะทำงานแทนข้าให้อยู่บนโลกมนุษย์แล้ว เมื่อถึงวันสิ้นโลก จำนวนคนของข้าก็จะเยอะกว่าเม็ดทรายซะอีก ...สงครามระหว่างเทพอย่างพวกเจ้าและมารอย่างพวกข้ายังไม่จบ แต่มันจะเกิดขึ้นอีกครั้ง แล้วผู้ที่ชนะก็คือข้า ...ข้าเท่านั้น จำไว้ให้ดี”<O></O>
มิคาเอลรับฟังก่อนที่จะเดินจากไป โดยมีสายตาของสัตว์นรกมองตามด้วยความโกรธแค้น แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากส่งเสียงคำราม ดังกึกก้องไปทั่วพสุธา<O></O>


​

 

งานใกล้เสร็จ เสร็จเมื่อไหร่พักได้

น่าแปลกที่นอกจาก 212012 จะเป็นวันสุดท้ายของปฏิทินชนเผ่ามายันแล้ว ยังมีข้อมูลทางดาราศาสตร์ที่ระบุไว้ว่า จะเกิดพลังงานลึกลับที่จะเปลี่ยนแปลงโลกไปตลอดกาล โดยในเวลาที่ดวงอาทิตย์อยู่ห่างจากเส้นศูนย์สูตรมากที่สุดในช่วง ฤดูหนาวของปี 2012 นั้น ดวงอาทิตย์จะอยู่ในระนาบเดียวกับใจกลางของทางช้างเผือกเป็นครั้งแรกในรอบ 2.6 หมื่นปี ซึ่งหมายความว่า พลังงานทุกประเภทจากใจกลางของทางช้างเผือกจะถาโถมและเกิดการปะทะกับพลังงานทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็นของโลกในวันที่ 21 ธ.ค. 2012 เวลา 23.11 น. (11.11 pm ตามเวลาสากล)


สมมติว่า มีมนุษย์เหลือรอดบนโลก ก็ไม่อาจรู้ว่าจะจำตัวเองได้หรือไม่ เนื่องจากพลังงานทั้งหลาย แหล่งข้างต้นจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของ ดีเอ็นเอ นำมาซึ่งการกลายพันธุ์ หรือสรุปคร่าวๆ ได้ว่า ถึงตอนนั้นโลกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง คนที่รอดต้องดิ้นรนสร้างสิ่งต่างๆ นับจากศูนย์


นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลทางธรณีวิทยาที่ชี้ว่า ปี 2012 คือปีที่ซูเปอร์โวลคาโน หรือภูเขาไฟใต้น้ำครบกำหนดเวลา 7.4 หมื่นปีที่จะทำลายหรือระเบิดตัวเอง โดยสัญญาณเตือนภัยครั้งล่าสุด คือ โศกนาฏกรรมคลื่นยักษ์สึนามิเมื่อปี 2004 ที่บอกให้ชาวโลกรู้ว่า โครงสร้างพื้นผิวโลกได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และการระเบิดของซูเปอร์โวลคาโนอาจไม่ใกล้ไม่ไกลบริเวณที่เคยเกิดสึนามิมาก่อน


และเป็นที่น่าสังเกตว่า ระยะหลังมานี้ เกิดเหตุแผ่นดินไหว ดินถล่ม และน้ำในแม่น้ำหรือทะเลสาบเหือดแห้งบ่อยครั้งทั่วโลก เป็นไปได้ที่ส่วนหนึ่งเกิดจากภาวะโลกร้อน แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เช่นกันว่าโครงสร้างของพื้นผิวโลกกำลังขยับและเปลี่ยนแปลงตัวเองโดยที่มนุษย์ไม่รู้ตัว



1.ทางวิทยาศาสตร์ NASA ออกมาบอกว่าสนามแม่เหล็กโลกจะเกิดการเปลี่ยนแปลง
2.ทางโหราศาสตร์ บ่งบอกว่าจะเกิดการเรียงตัวกันของ โลก กาแล็คซี่ทางช้างเผือก และดวงอาทิตย์
3.ทางโบราณคดี ชาวมายามีปฏิทินถึงเพียงแค่ปี 2012 และระบุวันจุดจบของโลกไว้
4.ทางการทำนาย นอสตราดามุสได้ทำนายไว้กับราศีตีความแล้วสอดคล้องกับทางโหราศาสตร์
5.ทาง UFO ผู้ที่ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้อ้างว่ามนุษย์ต่างดาวได้บอกเค้า(แล้วแต่ความเชื่อ)
6.ทางความคิดผมเอง ศาสนาพุทธและคริส ได้ระบุวันจุดจบไว้แล้วในปี พุทธศักราชและคริสศักราช
คำทำนายเรื่องวันสิ้นโลกนี้ มาจากวันในปฏิทินของชาวเผ่ามายัน (ชาวเผ่าโบราณที่อาศัยอยู่ในทวีปอเมริกาตอนกลาง) ซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันที่ 21 ธันวาคม ปีคศ. 2012
ไม่ว่าจะทางใด ดูจากหลาย ๆ ทางแล้วชี้ไปในปีเดียวกัน ความเชื่อมั่นกับสิ่งที่จะเกิดในปี 2012 นั้นน่าจะมีอะไรเกิดการเปลี่ยนแปลงแน่ ๆ แต่ที่แน่ ๆ ในปัจจุบันผมมั่นใจว่ามันน่าจะเริ่มเกิดขึ้นแล้ว โดยสังเกตุจากผลกระทบจากภัยธรรมชาตินี่เอง เมื่อกลับมามองดูปี 2012 ก็เลยมานั่งพิจรณาดูเล่น ๆ (การนับเลขฐานสิบจะนับศูนย์ถึงเก้า) ถ้าเราตัดเลขสองออกก็จะได้เลขนับ 0->1->2 เมื่อมาดูเป็นปี พ.ศ. มันเป็นปี 2555 (เลยสวยมาก) ถ้าเราตัดเลขสองออกเช่นกัน จะได้เลข 5 เรียงตัวกัน 3 ตัวผมขอโยงไปเรื่องโหราศาตร์ที่จะมี โลก กาแล็คซี่ และดวงอาทิตย์ ที่จะเกิดการเรียงตัวกัน ผลลัพธ์นั้นคงบอกไม่ได้ อาจเกิดผลกระทบรุนแรงต่อโลกหรืออาจจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยก็ได้ เพราะสิ่งที่เราไม่รู้นั้นยังมีอีกมากมายทั้งในอวกาศและจักรวาล




คำทำนาย

- ช่วงเวลาการเปลี่ยนแปลง (ฟื้นฟู) การฟื้นฟูธรรมชาติน่าจะใช้เวลาประมาณสอง-สามปี 2009-2012 เข้าสู่ new world อย่างเป็นทางการ 21 ธันวาคม 2012 คล้ายๆเป็นวันสถาปนาชาติทำนองนั้น






สิ่งที่เขามองจากปัจจุบันจนถึงวัน the Winter Solstice of 2012 (วันที่สั้นที่สุดในฤดูหนาวของปี 2555)

การเกิดฤดูหนาวนิวเคลียร์จนแทบไม่มีกลางวัน มีแต่ความมืดมิดหนาวเหน็บ


The daykeepers ผู้เรียนรู้เกี่ยวกับปฏิทินระบุวันสำคัญของปี One Reed, Ce Acatal ซึ่งเป็นวันที่บรรพบุรุษคนสำคัญที่ได้รับพยากรณ์จะกลับมา มาเหมือนผีเสื้อบิน


เหตุการณ์ที่ พระเมสิอาห์ หรือพระศรีอาริย์ หรือท่านผู้อยู่ในตำนานของทุกอารยะธรรมจะ ปรากฏสู่โลกด้วยการเหาะ มาปรากฏ ด้วยความอัศจรรย์


Harmonic Convergence (การรวมกันเป็นหนึ่งอย่างสอดคล้องกัน) คนเป็นล้านได้ใช้โอกาสนี้เพื่อสร้างพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ สวดมนต์เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงสู่ยุคใหม่ (The world of the 5TH Sun) ให้เป็นไปอย่างราบรื่น


เริ่มมีการสื่อสารกับจิตวิญญานบริสุทธิ์ และมีการทำสมาธิหมู่ หรือการทำอภิจิตในหลายศาสนาและหลายแห่งทั่วโลก อันเป็นการรวมพลังงานอันบริสุทธิ์ปลุกจิตวิญญานภายในให้ตื่นขึ้น


ขณะที่เราผ่านช่วงเวลาที่เปลี่ยน จะมีการทำลายล้างอย่างกว้างขวาง ความสับสน อลหม่านทางสังคม สงคราม ตลอดจนการเปลี่ยนแปลง กายภาพของโลกทั้งหมดนี้ Mr. Barrios บอกว่าได้ถูกมองเห็นผ่านคณิตศาสตร์ รูปแบบเกลียวที่ดูเข้าใจง่าย จากปฏิทินมายัน


ยุคสมัยแห่งภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้น นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงโลก ให้เป็นยุคใหม่


The Daykeepers ชาวมายัน มองว่า วันที่ 21 ธันวาคม 2012 เป็นวันเกิดใหม่ เป็นการเริ่มต้นของ the World of the Fifth Sun เป็นการเริ่มต้นยุคใหม่ เป็นผลมาจาก- เป็นเครื่องหมายว่า- ดวงอาทิตย์เดินทางผ่านเส้น equator ของ Galaxy และโลกจะปรับทิศทางให้เข้ากับศูนย์กลางของ Galaxy


ดวงอาทิตย์ขึ้นของวันที่ 21 ธันวาคม 2012 เป็นครั้งแรกในรอบ 26,000 ปี ดวงอาทิตย์จะขึ้นเชื่อมกับการทับกันของทางช้างเผือกกับระนาบของ Ecliptic พรรณนาว่าบนท้องฟ้าจะปรากฏดาวเคราะห์ และดวงดาวต่างๆมากมาย ปรากฏการณ์ของจักรวาลครั้งนี้ถือว่าเป็น The Sacred Tree, The Tree of Life


ผู้สังเกตการณ์บางท่านกล่าวว่า การที่ดวงอาทิตย์อยู่ในตำแหน่งเดียวกับ Galaxy ในปี 2012 จะเปิดช่องทางหนึ่งสำหรับพลังงานจักรภพที่จะไหลผ่านโลก ล้างโลกให้สะอาด รวมทั้งล้างสิ่งที่อาศัยอยู่ ยกทั้งหมดสู่ภาวะที่สูงขึ้น ขั้นตอนเหล่านี้ได้เกิดขึ้นแล้ว


สำหรับเรื่องนี้ วิทยาการปัจจุบันเข้าใจการโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ แต่ที่จริงระบบ สุริยจักรวาลของเรามีการโคจรรอบๆ กาแลกซี่อีกด้วย ซึ่งวัฏฏะจักรยาวนานเป็นรอบพันๆปีและมี วงโคจรใหญ่ของกาแล๊กซี่ไปรอบมหาจักรวาลอีก การย้ายตำแหน่งนี้ก่อให้เกิดมหายุค เช่นเดียวกับ การหมุนรอบตัวเองของโลกทำให้เกิดวัน การโคจรรอบดวงอาทิตย์ทำให้เกิดปี ส่วนการโคจรของระบบสุริยะนี้ทำให้เกิดมหายุค


ถ้าคนบนโลกอยู่ถึงปี 2012 โดยยังมีสภาพปกติ ปราศจากการถูกทำลาย Mr. Barrios กล่าวว่า เราจะเข้าสู่ภาวะใหม่ ที่สูงขึ้น แต่เพื่อไปถึง ณ จุดนั้นได้ เราต้องเปลี่ยนด้วยแรงที่มีพลังมหาศาลเพื่อที่จะป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่พึงปรารถนานั้น







วันที่ระบุในปฏิทิน - เป็นวันที่สั้นที่สุดในฤดูหนาวปี 2012 – ไม่ได้บอกวันสุดท้ายของโลก คนที่อื่นจำนวนมากเขียนเกี่ยวกับปฏิทินมายัน อย่างตื่นเต้น หวั่นไหวกับวันนี้ แต่เขาไม่รู้ว่ามีคนที่รู้คือ ชาวพื้นเมืองสูงอายุ ซึ่งเชื่อมั่นในความเชื่อที่ว่า มนุษย์จะดำเนินอยู่ต่อไป แต่ในทางที่แตกต่าง โครงสร้างทางวัตถุจะเปลี่ยน จากนี้ไป เราจะมีโอกาสที่เป็นมนุษย์มากขึ้น”



มีผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงทั้งสนามแม่เหล็กโลก ประตูมิติ ผู้อยู่รอดได้ต้องเป็นผู้มีจิตใจที่บริสุทธิ์ วันที่ 21 ธค. 2012 ไม่ใช่วันสิ้นโลก แต่เป็นวันที่เริ่มเข้าสู่ยุคใหม่ ที่มนุษย์มีจิตใจที่เปลี่ยนแปลงไปสู่จิตสำนึกร่วม ที่เข้าสู่ยุคของจิตนิยม ละทิ้งวิถีแห่งทุนนิยมที่นำพาไปสู่หายนะ


เรากำลังอยู่ในยุคที่มีความสำคัญที่สุดของปฏิทินมายันและพยากรณ์ คำทำนายของโลกทั้งหมด ทุกความเชื่อ กำลังรวมกันเป็นหนึ่ง ไม่มีเวลาสำหรับสงครามเย็น จิตวิญญาณในอุดมคติเกิดขึ้นแล้ว

คำทำนายของทุกอารยะธรรมชี้ชัดในทิศทางเดียวกัน และได้กล่าวถึงจิตวิญญานในอุดมคติ (จิตที่เต็มไปด้วยเมตตาต่อทุกดวงจิตทั่วอนันต์จักรวาล)

ดวงจิตที่มีพลังมหาศาลจำนวนมาก ได้เกิดขึ้นใหม่อีกครั้งในยุคนี้ กับพลังจำนวนมาก นี่คือความจริงทั้ง 2 ด้าน ทั้งด้านมืดและสว่าง การเปลี่ยนที่จะมาถึง ยุ่งยากหรือง่ายขึ้นกับจิตใจผู้คน

พลังอำนาจของพลังจิตหรืออภิญญาปรากฏขึ้น จำนวนมาก มีทั้งที่เป็นด้านมืดและด้านสว่าง สัมมาทิษฐิและมิจฉาทิษฐิ ขึ้นอยู่กับจิตใจของคนผู้นั้น

The elder ได้ให้ข้อความที่ตรง ง่ายๆ เขาเรียกร้องเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ชาติ ให้รวมกันเพื่อสนับสนุนชีวิตและความสว่าง ขณะนี้ แต่ละคน แต่ละกลุ่มกำลังทำงานของตนThe elder กล่าวว่า มีความหวังถ้าผู้คนของฝ่ายสว่างรวมตัวกันเป็นหนึ่งปฏิบัติในแนวทางเดียวกัน

ทางรอดของมวลมนุษยชาติ ก็คือ การรวบรวมผู้คนที่มีจิตใจดีงามเสียสละ (เป็นน้ำใจพระโพธิสัตว์) มารวมใจกันให้เป็นหนึ่งเดียวกันให้ได้

Mr. Barrios อธิบายว่า
เราอาศัยในโลกที่มี2 ขั้ว กลางวันและกลางคืน ผู้ชายและผู้หญิง ด้านบวกและลบ สว่างและมืด ต่างพึ่งพาซึ่งกันและกันมีความสมดุล ปัจจุบันด้านมืดมีความแข็งแรงกว่า เป็นที่ชัดเจนว่าเขาต้องการอะไร มีมุมมองอะไร ต้องการอะไรก่อนหลังและจัดองค์กรเป็นอย่างไร เขาได้ทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้เราสามารถเชื่อมต่อกับ the spiral Fifth World in 2012

ด้านสว่าง ทุกคนคิดว่า พวกเขาสำคัญมากที่สุด ซึ่งความเข้าใจของเขา กลุ่มของเขาคือกุญแจ มีความหลากหลายของวัฒนธรรมและความเห็น มีการแข่งขัน การกระจาย ขาดความเป็นหนึ่ง

ขออธิบายแบบตรงไปตรงมา ฝ่ายมืดตอนนี้มีกำลังมากกว่าเนื่องจาก เขามีเป้าหมายชัดเจน มีการจัดแผนการมายาวนานตั้งแต่สมัยบาบิโลน มีองค์กรที่แผ่อิทธิพลไปทั่วโลก แถมยังมี บางดวงดาวให้เทคโนโลยี่ในการทำลายล้างอีก

ส่วนฝ่ายสว่าง มีจุดอ่อนที่สำคัญก็คือ ต่างคนต่างคิดว่าตัวเองสำคัญ ตัวเองเก่ง แข่งกันเก่งเป็นมานะทิษฐิ ต่างคนต่างทำ ต่างคนต่างสร้างบารมี งานและเป้าหมายจึงกระจายตัวออกไป ไม่โฟกัส ดังนั้นหากจะกำจัดจุดอ่อนนี้ให้ได้ ทุกคนต้องรวมจิตเป็นหนึ่ง มุ่งเน้นที่เป้าหมายและ ผลประสิทธิผลและประสิทธิภาพของงานหรือภาระกิจเป็นสำคัญ เมื่อใจรวมกันเป็นหนึ่งเดียว พลังก็จะเพิ่มขึ้น

Mr. Barrios มองเห็นว่า ด้านมืดทำงานเพื่อจะป้องกันการรวมกัน ผ่านการไม่ยอมรับและวัตถุนิยมมันได้ผลที่จะทำลายด้านสว่างซึ่งกำลังทำงานเพื่อสภาวะที่สูงขึ้น ด้านมืดจะชอบรูปแบบเก่า วัตถุนิยม ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลง ไม่ต้องการการรวมกัน ต้องการสภาวะแบบเดิม กลัวสภาวะที่สูงกว่า

พลังด้านมืดของ The lace w:st "on"Fourth Worldlace ไม่สามารถถูกทำลาย หรือมีอิทธิพลเหนือกว่า มันแข็งแรงกว่า นั้นคือยุทธวิธีที่ผิด ด้านมืดสามารถเปลี่ยนเมื่อเผชิญกับหัวใจที่เปิด อย่างง่ายๆ นี่คือสิ่งที่นำไปสู่การรวมกัน นี่คือกุญแจสู่ the World of the Fifth Sun

ด้านมืดพยายามสร้างความแตกแยก ไม่ให้เกิดการรวมตัวกัน ใช้วัตถุนิยมเข้าล่อ แต่ด้ามืดก็กลัวสภาวะธรรมที่สูงกว่า และมิจฉาทิษฐิก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เมื่อพบกับจิตใจที่เปิดออก (เมตตาอัปปันนาณญาณ) และเมตตาอัปปันนาณญาณนี้เองคือกุญแจ หรือบัตรผ่านไปสู่ความอยู่รอดในยุคอารยะสมัยใหม่ (รวมทั้งใช้ผ่านประตูมิติ เมืองลับแล ยานแม่)

เราจำเป็นต้องแสดง ที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เลือกคนที่เป็นตัวแทนซึ่งเข้าใจและจะแสดงทางให้เห็นถึงความเคารพต่อแผ่นดิน การนั่งสมาธิคือสิ่งที่ดี แต่ต้องทำด้วยการเรียนเทคนิคการหายใจที่ดี ซึ่งคุณสามารถควบคุมการหายใจได้

กล่าวถึง อานาปานสติ ไปจนถึงลมสบาย ที่ตอนนี้พัฒนาวิธีการฝึกให้ง่ายที่สุดแล้ว

ไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ สวดเพื่อสันติภาพ เคารพต่อแผ่นดินที่ให้อาหาร เสื้อผ้า เราต้องกระตุ้นพลังของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ นี่คืองานของเรา

สำหรับชาวพุทธเราเองและที่พระท่านได้สั่งมา ก็คือให้ทุกคนไปกราบนมัสการพระธาตุและปฏิบัติบูชาด้วยการทำสมาธิในระดับสูงสุดที่เราทำได้เพื่อเป็นการช่วยกระตุ้นพลังงาน เป็นการช่วยคอนเฟิร์มว่านี่คือสิ่งสำคัญ(ดูในกระทู้ งานพระธาตุของพวกเราชาวเว็บพลังจิต)

ในที่สุดส่งผลให้มีการตาย 2 ใน 3 ของมนุษย์ชาติ ถ้าเราตื่น เราสามารถเปลี่ยนระบบดวงดาว The elder เฝ้าดูสิ่งที่จะเกิดขึ้น

ในกรณีที่ร้ายที่สุด เราจะอยู่รอดเหลือ 1 ใน 3 ของประชากรทั้งหมด และหากเราตระหนักรู้ช่วยกันทำความดี ทำสมาธิ อธิฐานจิต (ทั่วโลก) วงโคจรจะเบี่ยงเบน กรรมเบี่ยงเบน ให้รอดเพิ่มขึ้นบ้าง มีภูมิปัญญาระดับสูงที่เฝ้าดู การผ่านยุคสมัยของพวกเราชาวโลกอยู่

นี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดสำหรับมนุษย์ เพื่อโลกแต่ละคนมีความสำคัญ ถ้าคุณเป็นมนุษย์ในยุคนี้ คุณต้องมีจิตที่จะทำงานเพื่อรักษาสมดุล The planet เป้าหมายของชาวมายันเป็นเดียวกับเป้าหมายของโลก ปัญญาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอยู่ในสิ่งที่ง่ายๆ

สรุปแล้วมนุษย์ทุกคนมีหน้าที่ ที่จะต้องรักษาสมดุลของโลกใบนี้ ธรรมมะคือสิ่งที่เรียบง่ายงดงาม พรหมวิหารสี่ การให้อภัยทาน การแบ่งปัน การเสียสละ จิตใจที่ดีงาม เป็นสิ่งที่ทำได้อย่างง่ายๆ เป็นปกติ เป็นธรรมดา และ สิ่งนี้ไม่ต้องแสวงหาจากภายนอก เพราะสิ่งนี้มีอยู่แล้วในดวงใจของทุกๆคน เพียงแต่เราต้องค้นหามันด้วยตนเองเท่านั้น

 

7 เมื่อไหร่ได้พักเมื่อนั้น

อันว่า ยิ่งกว่า รหัสลับดาวินซี เสียอีก เพราะปริศนาของพระเจ้า สนุกสุดๆ ยิ่งกว่าเกมซ่อนหา หรือเรียกว่า Hide and Seek ซะอีก

ก็ในพระคัมภีร์นะ ขนาดคนแปลหรือคนรวบรวมยังไม่คิดลึกซึ้งขนาดนี้ แต่พระเจ้าสุดยอดของความมหัศจรรย์

เช่น คำว่า อย่ากลัวเลย มี 365 คำ คือไม่ให้เรากลัวสักกะวันเลย

หรือแม้แต่พระคัมภีร์ บทที่อยู่ตรงกลางของพระคัมภีร์ คือ สดุดีบทที่ 118 ส่วนบทที่สั้นที่สุดคือ 117 และยาวที่สุดคือ 119

ฯลฯ

ดูสิว่า พระเจ้าขี้เล่น มากแค่ไหน แต่กระนั้น ก็เป็นความอัศจรรย์สำหรับมนุษย์เราๆ



บางเรื่องเราก็ยังไม่รู้ความหมายที่แน่ชัด แต่เราก็รู้สึกสนุกที่ได้ค้นหามัน

เช่น ความหมายของเลข 7 ทำไมในพระคัมภีร์ ต้องกล่าว ถึงเลข 7 หลายครั้งมากเลย

สร้างโลกภายใน 7 วัน ซึ่งวันที่ 7 พระเจ้าก็เสร็จงาน และพักผ่อน

บทที่ / ข้อที่ : ปฐมกาล 2:2 // วันที่เจ็ดพระเจ้าก็เสร็จงานของพระองค์ที่ทรงกระทำมานั้นในวันที่เจ็ดนั้นก็ทรงพักการงานทั้งสิ้นของพระองค์ที่ได้ทรงกระทำ..

พระเจ้าอวยพรในวันที่ 7

บทที่ / ข้อที่ : ปฐมกาล 2:3 // พระเจ้าจึงทรงอวยพระพรแก่วันที่เจ็ดทรงตั้งไว้เป็นวันบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์เพราะในวันนั้นพระองค์ทรงหยุดพักจากการงานทั้งปวงที่พระองค์ทรงกระทำในการเนรมิตสร้าง..

ใครทำร้ายคาอิน พระเจ้าบอกว่า มีโทษ 7 เท่า

บทที่ / ข้อที่ : ปฐมกาล 4:15 // พระเจ้าตรัสแก่คาอินว่า"ไม่ได้ผู้ใดฆ่าคาอินจะมีโทษเจ็ดเท่า"แล้วพระเจ้าทรงทำเครื่องหมายไว้ที่ตัวคาอินเพื่อว่าเมื่อใครพบจะได้ไม่ฆ่า..

และใครทำร้าย ลาเมค ก็มีโทษ 77 เท่า

บทที่ / ข้อที่ : ปฐมกาล 4:24 // หากทำแก่คาอินต้องมีโทษเจ็ดเท่าแล้วเมื่อทำแก่ลาเมคก็ต้องมีโทษเจ็ดสิบเจ็ดเท่า"..

หรือแม้แต่ข้ออื่นๆ ที่เกี่ยวกับเลข 7 ที่เราอาจจะไม่ได้ใส่ใจ

บทที่ / ข้อที่ : ปฐมกาล 5:7 // ตั้งแต่เสทมีบุตรคือเอโนชแล้วก็มีชีวิตอีกแปดร้อยเจ็ดปีและมีบุตรชายหญิงอีกหลายคน..

บทที่ / ข้อที่ : ปฐมกาล 5:12 // เคนันอยู่มาได้เจ็ดสิบปีจึงมีบุตรชื่อมาหะลาเลล..

บทที่ / ข้อที่ : ปฐมกาล 5:25 // เมธูเสลาห์อยู่มาได้ร้อยแปดสิบเจ็ดปีจึงมีบุตรชายชื่อลาเมค..

บทที่ / ข้อที่ : ปฐมกาล 5:26 // ตั้งแต่เมธูเสลาห์มีบุตรคือลาเมคแล้วก็มีชีวิตอีกเจ็ดร้อยแปดสิบสองปีมีบุตรชายหญิงอีกหลายคน..

บทที่ / ข้อที่ : ปฐมกาล 5:31 // รวมอายุลาเมคได้เจ็ดร้อยเจ็ดสิบเจ็ดปีจึงสิ้นชีวิต..



ถ้าเป็นคนอื่น คงคิดว่า ลาเมค คงมี lucky number เลข 7 แต่สำหรับเรา คิดว่า มีเหตุผลปริศนาอะไรบางอย่างที่พระเจ้าอยากบอกเรา

เพราะตามความเชื่อ เลข 7 คือ เลขสมบูรณ์ และลาเมค ก็ตายที่อายุ 777 ก็คือ สมบูรณ์ สมบูรณ์ สมบูรณ์ นั่นเอง

อย่างนี้ใครชื่อ สมบูรณ์ คงต้องตั้งชื่อเล่นว่า เจ็ด



แม้กระทั่งตอนให้ โนอาห์ ขนสัตว์เข้าไปในนาวา ก็ยังไม่วายมี เลข 7 มาเกี่ยวข้อง

บทที่ / ข้อที่ : ปฐมกาล 7:2 // จงเอาบรรดาสัตว์ที่สะอาดไปด้วยทุกชนิดอย่างละเจ็ดคู่ทั้งตัวผู้และตัวเมียและสัตว์ที่ไม่สะอาดอย่างละคู่ทั้งตัวผู้และตัวเมีย..

บทที่ / ข้อที่ : ปฐมกาล 7:3 // นกในอากาศอย่างละเจ็ดคู่ทั้งตัวผู้และตัวเมียเพื่อจะช่วยชีวิตสัตว์ไว้ให้สืบพันธุ์ทั่วพื้นแผ่นดิน..

บทที่ / ข้อที่ : ปฐมกาล 7:4 // เพราะว่าอีกเจ็ดวันเราจะทำให้ฝนตกบนแผ่นดินสี่สิบวันสี่สิบคืนบรรดาสัตว์ที่มีชีวิตซึ่งเราสร้างมานั้นเราจะทำลายล้างเสียจากพื้นแผ่นดิน"..

บทที่ / ข้อที่ : ปฐมกาล 7:10 // ครั้นล่วงไปเจ็ดวันน้ำก็ท่วมแผ่นดิน..

บทที่ / ข้อที่ : ปฐมกาล 7:11 // เมื่อโนอาห์มีอายุได้หกร้อยปีในเดือนที่สองวันที่สิบเจ็ดของเดือนนั้นในวันนั้นเองน้ำจากบาดาลก็พลุ่งขึ้นมาตามธารทุกสายและช่องฟ้าก็เปิด..

บทที่ / ข้อที่ : ปฐมกาล 8:4 // ณวันที่สิบเจ็ดของเดือนที่เจ็ดนาวาก็ค้างอยู่บนเทือกเขาอารารัต..

บทที่ / ข้อที่ : ปฐมกาล 8:10 // โนอาห์คอยอยู่อีกเจ็ดวันจึงปล่อยนกพิราบไปจากนาวาอีก..

บทที่ / ข้อที่ : ปฐมกาล 8:12 // โนอาห์คอยอยู่อีกเจ็ดวันจึงปล่อยนกพิราบไปนกนั้นไม่กลับมาหาโนอาห์อีกเลย..

บทที่ / ข้อที่ : ปฐมกาล 8:14 // ครั้นถึงวันที่ยี่สิบเจ็ดเดือนที่สองแผ่นดินก็แห้งแล้ว..

แม้กระทั่ง อับราฮัม โยเซฟ หรือฟาห์โรที่โยเซฟแก้ฝัน ก็ล้วนแล้วแต่ มีลข 7 มาเกี่ยวข้องทั้งสิ้น

หรือแม้พระคัมภีร์ใหม่ พระเจ้าก็ให้เรา อนุญาติให้เราให้อภัยคนอื่น 7x70 ครั้ง

หรือแม้แต่จำนวน แตรเจ็ดคัน ในวิวรณ์ หรือ แม้แต่คำแสดงความนับถือไปยังคริสตจักรทั้งเจ็ด



ยิ่งใน อพยพ มีแต่เลข 7 ทั้งนั้น

เมื่อดูแล้ว ในพระคัมภีร์เดิม มี เลข 7 ทั้งสิ้น 518 ครั้ง ซึ่ง สามารถหารได้ด้วย 7 ลงตัว

 

7 อัศจรรย์ จากพระคัมภีร์ Bible

เรื่องความอัศจรรย์ของเลข 7 จากพระคัมภีร์ Bible

พระคัมภีร์ได้พิสูจน์ถึงปรีชาญาณที่ซ่อนอยู่หลายต่อหลายครั้ง และอีกสิ่งที่น่าทึ่งคือเรื่องของตัวเลขในพระคัมภีร์กับรูปแบบทางคณิตศาสตร์ที่ไม่มีคอมพิวเตอร์ทันสมัยใดจะมาเทียบได้ และแน่นอนยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่สำหรับลำพังมนุษย์ธรรมดาจะทำการคำนวณที่ซับซ้อนขนาดนั้นได้ในยุคร่วม 2-3 พันปีมาแล้ว เลข “7” เป็นตัวเลขหนึ่งที่ปรากฏหลายต่อหลายครั้งในพระคัมภีร์ ดังที่เราจะได้เห็นบทบาทของ 7 จาก

7 วัน ในการสร้างโลก
7 วัน ก่อนสะปาโต
7 วัน สำหรับโนอาห์ในการรวบรวมฝูงสัตว์
7 คน ที่อยู่กับโนอาห์
7 ปี แห่งความอุดมสมบูรณ์ และ 7 ปีแห่งความแห้งแล้ง
7 พระสงฆ์ และแตรทั้ง 7 ล้อมลอบกำแพงแห่งเยริโคห์ เป็นเวลา 7 วัน และในวันที่ 7 เมืองเยริโคห์ก็ตกอยู่ในมือของอิสราเอล
7 วัน สำหรับการชำระล้างผู้ไม่บริสุทธิ์
7 เครื่องบูชาในพิธีกรรม
7 วัน ที่เพื่อนของโยบอยู่กับเขา
7 ปี ในการสร้างพระวิหาร
7 เทศกาลในเลวีนิติ
77 ชั่วอายุคน จาก อดัม สู่พระเยซู
7 ชั่วโมง ของการตรึงกางเขนของพระเยซู
7 อีกมากมายในบทวิวรณ์

​

​

ถ้าพูดให้ถูกเราสามารถนับ “7” อื่นๆที่ลงตัวได้อีกนับไม่ถ้วนในพระคัมภีร์ เลข “7” ในฐานะตัวเลขแสดงถึงสุดท้าย ท้ายสุด เสร็จสิ้นสมบูรณ์ ตัวอย่างแนวคิดนี้ได้แก่ 7 วันสำหรับการสร้างโลก และ วันที่ 7 ที่เป็นวันสะปาโต ตัวเลขอื่นๆในพระคัมภีร์แต่ละตัวมีความหมายและสื่อความหมายต่างกันออกไป ตัวอย่างเช่น เลข 3 สื่อถึง พระตรีเอกภาพ เลข 4 สื่อถึง 4 มุมพิภพ ความหมายของมนุษย์ และอื่นๆ ดังนั้นถ้าหมายเลข 7 สื่อถึงความสุดท้ายเสร็จสิ้น หมายเลข 6 ย่อมเป็นเครื่องหมายของปีศาจ (mark of the beast ) แม้จะมีเลขอื่นๆที่มีความหมายและความสำคัญต่างกันออกไป แต่เนื้อหาในพระคัมภีร์เน้นย้ำและให้ความสำคัญกับเลข 7 มากที่สุด อย่างในบทวิวรณ์ที่มีการกล่าวถึงเลข 7 หลายต่อหลายครั้ง เช่น ตะเกียงทั้ง 7 เชิงตะเกียงทองทั้ง 7 ดวงดาวทั้ง 7 วิญญาณทั้ง 7 ของพระเจ้า คริสตจักรทั้ง 7 ตราทั้ง 7 แตรทั้ง 7 และภัยพิบัติทั้ง 7 และเลข 7 ทั้งหมดนี้แสดงถึงสุดท้ายเสร็จสิ้น
เลข 7 ยังมีอะไรให้เราทึ่งมากกว่านี้อีกหากเราลองสังเกตเลข 7 ทั้งหลายที่ซ่อนอยู่ในพระคัมภีร์ดีๆ ตัวอย่างเช่นจากบทปฐมกาลกับบทที่คุ้นเคยเราเป็นอย่างดีว่า “ ในปฐมกาลพระเจ้าทรงเนรมิตสร้างฟ้าและแผ่นดิน ” ซึ่งบทนี้ถ้าเทียบกับต้นฉบับที่เป็นภาษาฮีบรู บทนี้จะจัดออกมาได้ 7 บทพอดี และนับเป็นภาษาฮีบรูได้ 7 คำพอดีอีก จำนวนตัวอักษรจากคำ 7 คำ นับได้ 28 หรือ 4 เท่าของ 7 คำ โดยที่ 3 คำแรกมีตัวอักษร 14 ตัว หรือ 2 เท่าของ 7 ส่วนคำสุดท้ายประกอบด้วย “ ฟ้า ” กับ “ แผ่นดิน ” ทั้งคู่มีตัวอักษร 7 ตัว ที่น่าสนใจคือโอกาสที่ทั้งหมดจะลงตัวพอดีแบบนี้เรียกได้ว่าเป็นโอกาส 1 ในล้านทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นอัศจรรย์ของตัวเลขทางคณิตศาสตร์ก็ว่าได้ แม้แต่ 11 บทแรกของนักบุญมัทธิวก็มีรูปแบบ 7 แบบนี้เช่นกัน

​

การจะคิดว่าทั้งหมดนี้เกิดขึ้นโดยเหตุบังเอิญเป็นเรื่องตลกมากๆ จาก 11 บท มีคำ 49 คำ จำนวนตัวอักษรคือ 266 หรือ 38 เท่าของ 7 จาก 266 ตัวอักษร 140 เป็นสระ หรือ 20 เท่าของ 7 และอีก 126 เป็นพยัญชนะ หรือ 18 เท่าของ 7 ส่วนคำ 49 คำ ก็เท่ากับ 7 เท่าของ 7 คำไม่ว่าเป็นคำนามอะไรก็มีรูปแบบ 7 อีกเช่นกัน ซึ่งถ้าเราสังเกตดีๆรูปแบบนี้เป็นไปเหมือนกันหมดในบทอื่นๆทั้ง 11 บท ไม่มีทางที่มนุษย์จะสามารถคำนวณทั้งหมดนี้ออกมาได้ และยังสื่อความหมายออกมาได้ชัดเจน คิดได้อย่างเดียวว่าพระเป็นเจ้าเป็นผู้ทรงเขียนผ่านทางประกาศกต่างๆ ไม่ว่าจะบทปฐมกาลก็ดี บทของนักบุญมัทธิวทั้งสองบทที่ได้กล่าวไปแล้วก็ดีอยู่ในหนังสือเล่มเดียวกัน อันหนึ่งในภาษาฮีบรู อีกอันหนึ่งในภาษากรีก โอกาสที่ทั้งสองภาษาจะตรง 7 พอดีนั้นต่ำจนไม่สามารถคิดได้เลย หรือถ้าคำนวณโอกาสความน่าจะเป็นจริงๆจะได้ 1 ใน 678,000,000,000 ( 1 ใน 678 พันล้าน )ซึ่งคงมีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่ทำเช่นนี้ได้
นอกจากนี้ในบทอื่นๆในพระคัมภีร์ยังมีอีกหลายบทที่สามารถใช้สูตร 7 นี้ได้ ทั้งพันธสัญญาเดิม และ พันธสัญญาใหม่ คุณก็สามารถไปลองดูได้ แต่พระคัมภีร์นั้นต้องเป็นฉบับภาษาเดิมที่เป็นต้นฉบับเท่านั้น ตัวอย่างเช่นหนังสือ Apocrypha (เป็นพระคัมภีร์นอกระบบเล่มหนึ่ง) ก็ไม่พบสูตร 7 ในบทต่างๆเลยทำให้เรารู้ได้ว่าเนื้อหาส่วนนี้ไม่ได้มาจากต้นฉบับพระคัมภีร์เดิมจริง

​

ผู้เขียนพระคัมภีร์ได้รับการดลใจจากพระเจ้าอีกทีหนึ่ง เพราะต้องใช้คอมพิวเตอร์เหนือกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ล้ำหน้าที่สุดในโลกปัจจุบันในการคำนวณ 7 ให้ลงตัว และ ครบทั้งหมดในทุกบท โดยสื่อความหมายได้ครบถ้วนด้วย เป็นสิ่งที่มนุษย์ทั่วไปไม่สามารถทำได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแต่ละบทของพระคัมภีร์เขียนห่างกันเป็นร้อยปี อย่างบทปฐมกาลในภาษาฮีบรู กับบทของนักบุญมัทธิวในภาษากรีกก็ห่างกันร่วม 600-700 ปี ถ้าใครบางคนเชื่อว่าพระคัมภีร์ถูกเขียนขึ้นในยุคกลาง หรือในศตวรรษที่ 2-3 คนที่เขียนแบบนี้ได้ต้องมีความอัจฉริยะทางคณิตศาสตร์ การคำนวณ การใช้ภาษาเกินมนุษย์ หรืออีกนัยหนึ่งไม่มีมนุษย์คนใดสามารถทำสิ่งนี้ได้นอกจากองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้อยู่เหนือกว่ามนุษย์ พระองค์กำหนดระบบทั้งหมด และแม้จะห่างกันเป็นศตวรรษ ระบบ 7 ของพระองค์ก็สมบูรณ์แบบและต่อเนื่องกันจนจบพระคัมภีร์ทั้งหมดทั้งเล่ม

 

*** เลข ๗ ****

เป็นสัญญลักษณ์โลกุตตระ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "<!-- google_ad_section_end -->

 

22/11/1977 what is mean

22+11 = 33
11+19+7+7 = 44
และนั่นคือ 33+44 = 77
1977
77 Michael name of god
77 = GG = Gift from God

 

*** ลดลง ลดลง จนหมดไปได้จริง ****

จาก 10 - 9.9999 แล้วก็ลดลงไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็เหลือ 0
เสมือนกิเลสนิสัย ตัญหาราคะ มานะทิฐิ
ต้องอาศัย การตัดลด วันละนิด
วันละนิด วันละชั่วโมง ทุกวันเป็นประจำ
สุดท้าย นิสัยต่างๆ ความเชื่อผิดๆ ก็หมดไป
ดวงวิญญาณ ก็ใสสะอาดเหมือนเดิม

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** เรื่องวิญญาณ ****

1 + 1 = 0

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

เข้าสู่ภาวะ แปลว่าอะไรครับ
แนะนำด้วยะครับ

ตามที่คุณ จิตวดีแนะนำ ว่าให้โพสความรู้สึกออกมา ผมจะสบายใจขึ้น
งั้นผมขอระบายความในใจนะครับ
ผมหาข้อมูลเรื่องนั่งสมาธิ ทางกูเกิ้ล จากนั้นก็หลงเข้ามาเว๊ปนี้
จากนั้น ผมก็ได้ข้อมูลมากมายจากเว็ปนี้
เหมือนค่อยๆได้คำตอบ ที่ผมสงสัยมานานแสนนานอยู่ในใจ
ไม่่น่าเชื่อว่า สิ่งที่ผมรู้สึก สิ่งที่ผมเป็น สิ่งที่ผมคิด สิ่งที่อยู่ในใจ
มันตรง มันใช่ไปหมด เมื่อได้มาอ่านข้อมูลจากที่นี่
โดยเฉพาะเรื่อง เมล็ดพันธ์แห่งดวงดาว
ความรูสึกผมมีหลายระดับ
ระดับแรก คือผมดีใจที่ค่อยๆเจอคำตอบ จากเว็ปนี้
ระดับสอง คือผมเริ่มอ่านมากขึ้น มากขึ้น มากขึ้น และมากขึ้น
ระดับสาม คือผมเริ่มกลัวว่า ผมกำลังงมงายหรือ ผมกำลังหลงหรือเปล่า
ระดับสี่ คือผมจะพิสูจน์ความเชื่อเหล่านี้ได้อย่างไร นอกจากรอเวลาที่จะปรากฎ
ระดับห้า คือผมเริ่มสับสนอย่างรุนแรง ว่ามันเป็นความเชื่อหรือเรื่องจริง
ระดับหก คือ ผมเริ่มไม่แคร์แล้วว่า มันจะเป็นความเชื่อหรือเรื่องจริง
ระดับเจ็ด (ณ ขณะพิมพ์) คือ ผมตั้งใจจะปล่อยวาง แล้วเป็นตัวของตัวเอง และผมจะเริ่ม ปฏิบัติจิต คุมสมาธิ ตามวัตุประสงค์แรก ที่ผมหาข้อมูล จนหลงเข้ามาในเว๊ปนี้
จากวันนี้ ผมคงจะเริ่ม
ควบคุมจิต ให้สั่นอย่างคงที่
ควบคุมใจ ไม่ให้สั่นรัว
คววคุมสมาธิไม่ให้ฟุ้งซ่าน
และสุดท้าย ผมคงจะพบคำตอบ ที่ชัดเจน ด้วยตัวเอง

ปล
ผมขอให้ทุกคน มีสติ รู้เท่าทันความนึกคิด และค้นพบทางออกของตัวเอง
ผมอยากให้ทุกคนเข้าใจ คำว่า "ความว่างเปล่าที่เต็มไปด้วยความรัก"
สุดท้าย ผมขอขอคุณ ทุกคำแนะนำ และทุกคำแปล ทุกคำใบ้ และทุกทางอก......แล้วเจอกันครับ