[[***2013***]] = โลกเปลี่ยนเป็นมิติ5 ??? หรือ โลกยังเหมือนเดิม ???

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Gold, 23 เมษายน 2012.

  1. อจิตตะ

    อจิตตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2012
    โพสต์:
    305
    ค่าพลัง:
    +1,840
    เห็นด้วยกับคุณ MR_Buddhoอยู่ ๒ เรื่อง คือ เรื่องนี้ควรออกสื่อให้ประชาชนได้รับรู้ และ อีกเรื่องคือ ที่คุณMR_Buddho บอกว่าคนแปล ยังไม่สามารถ ตอบคำถามได้ชัดเจนเหมือนต้นฉบับ...

    ดังนั้น หากคุณต้องการทำให้ประชาชนได้เรียนรู้ศึกษาเรื่องนี้โดยถูกต้องชัดเจน ก็ควรเชิญต้นฉบับมานำเสนอเลย เพราะหากเชิญผู้แปลไปตอบ เดี๋ยว คุณ MR_Buddho ก็จะอกหักอีก และก็บ่นอีกว่า ข้าพเจ้าว่าแล้ว ว่าเขาไม่สามารถตอบได้ชัดเจนได้ ...นี่ก็จะทำให้เสียเวลา prime time ของทั้งคนออกสื่อและคนดูไปเปล่า ๆ...

    ความปรารถนาดีต่อสื่อและผู้ชมของคุณMR_Buddhoจะสำเร็จลุล่วงได้ด้วยดีหาก ได้มีโอกาสเชิญ ต้นฉบับ มาออกรายการเลย มันอาจจะตอบโจทย์ที่คุณสงสัยได้หมดเลยนะ ..และจะเป็นรายการยอดเยี่ยมแห่งปีเลยทีเดียว...สำหรับเรา...รายการนี้พลาดไม่ได้อย่างแน่นอน... และเราจะนับวันรอคอยความปรารถนาดีของคุณในเรื่องนี้อย่างใจจดใจจ่อเลยทีเดียว...(ขอให้ลองพิจารณาดูนะ เพื่อมวลชน U are a hero...)

    ขอขอบคุณล่วงหน้าไว้ ณ ที่นี้ด้วย (f)
     
  2. อจิตตะ

    อจิตตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2012
    โพสต์:
    305
    ค่าพลัง:
    +1,840
    ที่สำคัญลืมนำ เสนอไป คือ ผู้ที่บอกได้ว่า คนอื่นรู้น้อยเกินไป นี่ แสดงว่าเขาต้องรู้มากกว่านะ ไม่งั้นเขาจะรู้ได้ไงว่าคนนั้นรู้ไม่จริง หรือ รู้น้อยกว่า (นี่เป็นความจริงที่ จริง ๆ เลยนะ ไม่เชื่อลองไปศึกษาจิตวิทยามนุษย์ดูได้)

    ดังนั้น หากคุณรู้ได้ว่า คนแปล แปลไม่ได้ความ แสดงว่าคุณต้องแปลได้ความกว่าและรู้จริงมากกว่าคนแปลอย่างแน่นอน

    แล้วเมื่อเป็นเช่น ใยต้องไปเชิญต้นฉบับให้เสียเงินและเวลาเล่า.... คุณนั่นแหละเป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุดที่จะไปออกรายการ เพื่อให้มวลชนมาให้ความสนใจในเรื่องนี้ ที่สำคัญประหยัดไปเยอะเลย...

    พระพุทธเจ้าทรงเทศน์ได้ถูกกาลและเวลา เพราะท่านมีความรู้เหนือกว่าผู้ฟังธรรม และจัดให้ได้ว่า จะเทศน์ระดับไหน หากท่านรู้น้อยกว่า ท่านจะบอกได้ไงว่าคนฟังเอาไหน ไม่เอาไหน ...

    คุณเป็นคนหนึ่งที่รู้ว่าคนแปลไม่เอาไหน ดังนั้น คุณนี่แหละคือผู้ที่รู้มากกว่าคนแปล...

    และเพื่อประโยชน์ต่อมวลชนดังที่คุณปรารถนาดีและตั้งใจไว้ดีแล้ว อย่าลืมแปลมาให้อ่านกันบ้างนะจ๊ะ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2012
  3. WhiteMagic

    WhiteMagic สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +8
    No any phenomenal are paranormal in the universe.,
    Just only human experience beyond the narrow and shallow
    to understand those phenomena. (P. Wish.a C.H.)


    “มิมีสรรพสิ่งหรือปรากฏการณ์ใดๆ ในจักรวาลนี้เป็นเรื่องพิเศษ มหัศจรรย์ เหนือธรรมชาติ
    มีเพียงแต่ประสพการณ์ของมนุษย์ที่ตื้นเขินคับแคบเกินกว่าจะเข้าใจในปรากฏการณ์เหล่านั้น”

    ด้วยขอบเขตประสบการณ์อันจำกัดและยึดถือประสบการณ์ทั้งหมดนั้นคือบรรทัดฐาน
    มนุษย์จึงจำกัดตนเองอยู่บนพื้นฐานของ"ข้อมูล"ที่รับรู้เข้ามา ซึ่งข้อมูลเหล่านั้นหากถูกตอกย้ำซ้ำๆ
    มากขึ้นจะเกิดเป็นความเชื่อและยึดถือ สั่นคลอนเปลี่ยนแปลงได้ยาก
    และมักต่อต้านข้อมูลใหม่ที่ไม่เข้าพวกกับข้อมูลประสบการณ์เดิมที่ยึดถืออยู่
    ขอบเขตอันจำกัดนี้ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์ให้เป็นไปตามวิถีที่ตนเองเชื่อถือและบันทึกข้อมูลเหล่านั้นไว้
    บันทึกเรื่องราวดีดีก็นำพาไปสู่วิถีที่ดี บันทึกเรื่องราวที่ไม่ดี ก็นำพาไปสู่ทิศทางที่ไม่ดี
    ซึ่งเป็นไปตามกฎพื้นฐานของธรรมชาติแต่ดั้งเดิมห้าประการ
    ความสำคัญสูงสุดอยู่ที่กฎของจิต
    ซึ่งมีอยู่สองสภาวะคือ อยู่ในการควบคุม และไม่อยู่ในการควบคุม คือสำนึกได้และ สำนึกไม่ได้
    สภาวะนี้เรียกว่า “ปรจิต”
    ทำงานสอดประสานเชื่อโยงกันไปตลอดเวลา ไร้การหยุดนิ่ง
    สภาวะที่สำนึกได้จะติดยึดอยู่กับปรากฏการณ์เพียงสี่มิติ คือมีจุดเริ่มต้น มีจุดสิ้นสุด มีความชัดลึก
    และถูกกำหนดด้วยสิ่งที่เรียกว่า ”เวลา” แต่เมื่อใดสำนึกไม่ได้ หรือสำนึกได้เลือนราง ก็จะก้าวเข้าสู่มิติที่ห้า
    เวลาจะบิดเบี้ยว เร็วช้าไม่เท่ากับสมมุติบัญญัติในมิติที่สี่ รูปทรงจะไร้รูปแบบ
    มิติที่ห้าเป็นมิติของความรู้สึก
    ความรู้สึกของมนุษย์ต่อปรากฏการณ์หนึ่งๆ นั้นมีไม่เท่ากัน คนหนึ่งได้ยินเสียงดัง ไม่ชอบ เกลียด พาลโกรธ
    แต่อีกคนหนี่งที่เดซิเบลเท่ากัน กลับรู้สึกเฉยๆ
    ความเข้าใจในมิติที่ห้านี้มีเพียงเฉพาะบุคคลนั้นๆ
    ที่เข้าใจและเป็นเพียงผู้เดียวที่สัมผัสหรือรู้สึกได้
    หากต้องการรู้ว่ามิติที่ห้าอยู่ที่ใด เป็นอย่างไร ดีมีประโยชน์อย่างไร
    ก็ให้ลดภาระของความสำนึกได้ด้วยการวิเคราะห์ลงเสีย เพื่อปลดปล่อยพันธนาการของสมมุติบัญญัติ
    ที่ตัวมนุษย์เองกำหนดขึ้นมาเสีย ยิ่งปลดปล่อยการวิเคราะห์หาเหตุผลมากเท่าใด มิติที่ห้ายิ่งเปิดประตูกว้างมากเท่านั้น

    เมื่อได้สัมผัสและฝีกฝนจนชำนาญแล้ว ความเข้าใจในจักรวาลทั้งมวลจะบังเกิดขึ้นเอง
    โดยการสังเคราะห์อย่างยิ่งยวดเรียกอาการนี้ว่า “เหนือสำนึก” ซึ่งมนุษย์ทุกคนมีความสามารถนี้ มิใช่เรื่องเหนือธรรมชาติ


    มนุษย์ล้วนถูกสมมุติบัญญัตินำพาไปในทิศทางการสังเกตการณ์ออกภายนอกตัวเองเสมอ
    จึงมองเห็นแต่รูปธรรม ที่จับต้องได้ และยึดถือสิ่งเหล่านั้นว่าคือความจริง หากความจริงเหล่านั้นทำให้รู้สึกไม่ชอบ
    อันมีที่มาจากสภาวะแวดล้อมภายนอกจะทำให้เกิดเป็นความทุกข์ ก็จะหาทางควบคุมความจริงที่ยึดถือเหล่านั้น
    ให้ตอบสนองตนเองในทิศทางที่ต้องการ


    มีคำกล่าวว่า “มนุษย์ล้วนถูกหล่อเลี้ยงไปด้วยความกลัว และอ่อนแอเกินกว่าจะช่วยเหลือตัวเองได้”
    คำกล่าวนี้หมายถึง มนุษย์กลัวความไม่แน่นอนซึ่งเป็นปรกติธรรมชาติของจักรวาลนี้ กลัวความเปลี่ยนแปลง
    ของสภาพแวดล้อมต่างๆ รอบตัวเอง วันนี้มีกิน พรุ่งนี้ไม่มี วันนี้มีความสุขก็อยากให้ความสุขคงอยู่
    แต่ความเป็นจริงมนุษย์รู้เห็นจากความรู้สึกอยู่เต็มอกว่า สภาวะความมีและไม่มีนั้น เกิดขึ้นสลับสับเปลี่ยนกันไปตลอดเวลา
    ความกลัวในความไม่แน่นอนของอนาคต กลัวจะเกิดสิ่งไม่พึงประสงค์จึงฝังรากอยู่ในจิตใจมนุษย์
    สิ่งนี้คือความอ่อนแอพื้นฐานแต่ดั้งเดิมของมนุษย์ เมื่อกลัวก็ต้องหาตัวช่วย
    สภาวะแวดล้อมปรกติธรรมดาควบคุมไม่ได้ ก็ต้องหาอะไรที่เหนือธรรมดาที่คิดเอาเองว่าจะสามารถช่วยให้
    ควบคุมได้ พิธีกรรม ความเชื่อ ศาสตร์ต่างๆ คือความเหนือธรรมดาเหล่านั้น
    จวบจนมีผู้ตกผลึกความเหนือธรรมดาเหล่านั้นนำมาบอกเล่าให้เป็นความธรรมดา คือกฎของความจริงแท้
    และสอนวิธีเรียนรู้ที่จะอยู่กับความจริงที่มนุษย์เองสมมุติขึ้น มิใช่เรียนรู้เพื่อควบคุมให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์
    ของตนเอง ความยึดมั่นเดิมจึงถูกสั่นคลอน ด้วยข้อมูลใหม่เกิดเป็นความเชื่อถือและศรัทธาในที่สุด
    แต่มนุษย์เองก็ยังหนีไม่พ้น สมมุติบัญญัติของตนเองอยู่ดี เพียงแต่เปลี่ยนไปอยู่ในอีกวัฒนธรรมอีกความเชื่อหนึ่ง

    แล้วยึดเอาผู้ประกาศกฎความจริงเป็นที่พึ่ง เมื่อใดที่ความเชื่อของตัวเองถูกสั่นคลอน หรือรู้สึกว่าจะถูกสั่นคลอน
    ก็จะอ้างถึงผู้ประกาศและกฎแห่งความจริงแท้มาหักล้างข้อมูลอื่น
    ซึ่งการหักล้างมักดำเนินไปในวิถีแห่งความเข้าไม่ถึง
    และไม่เข้าใจกฎแห่งความจริงแท้นั้น เพราะหากเข้าถึงหรือเข้าใจก็จะสามารถปลดภาระความกลัวต่างๆลงเสียสิ้น
    ซึ่งปรากฎการณ์การแสดงการหักล้างจะไม่เกิดขึ้น


    ครูหนึ่งคนไม่สามารถสอนให้นักเรียนทั้งห้องให้เข้าใจเรื่องเดียวกันได้ฉันท์ใด การสื่อสารเรื่องราวต่างๆ
    จึงมีวิธีการนำเสนอที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละวัฒนธรรม หรือถูกตามจริตของผู้รับสาร ความเข้าใจ ความรู้สึก ประสบการณ์ที่ไม่เท่ากันของผู้รับสารคือตัวกำหนดวิธีการนำเสนอเหล่านั้น จงมองที่ความต้องการของตัวเอง แล้วพิเคราะห์ไปว่า สมมุติที่ตนเองยึดถือ เชื่อถือ ศรัทธานั้นส่งผลดีต่อตนเองจากอดีตจนถึงปัจจุบันหรือไม่ หากยังส่งผลดีอยู่ก็จงเชื่อและศรัทธาต่อไป วิธีการนำเสนอของวัฒนธรรมอื่นๆ ความเชื่ออื่นๆ ก็เป็นเพียงสิ่งที่ไม่ตรงกับจริตของเรา แต่มิได้ด้อยกว่าเพียงแต่เหมาะกับจริตของผู้อื่นที่ต่างประสพการณ์ กับเราเท่านั้น


    สรรพสิ่งล้วนก่อกำเนิดมาจากแหล่งเดียวกัน ธรรมชาติมีอยู่แล้วก่อนมนุษย์จะถือกำเนิด และเป็นธรรมดาอยู่อย่างนั้น
    หากเรายังยึดในสมมุติเท่าที่เราสัมผัสได้เพียงจากมิติทั้งสี่ เราจะไม่มีวันเข้าใจเข้าถึงความเป็นธรรมดาและมีอยู่
    ของธรรมชาติได้เลย จิ๊กซอว์ที่ขาดหายไปจนทำให้ภาพแห่งความจริงแท้ขาดความสมบูรณ์
    และส่งผลทำให้มนุษย์เราขาดความเข้าใจในกฎแห่งความจริงแท้นั้น คือ “มิติที่ห้า” ลองเปิดประตูมิติที่ห้าแล้วก้าวเข้าไปสัมผัสดูจึงจะเข้าใจเด้อ.... ซิบอกไห่
    :z2

    มนุษย์ล้วนสังเกตุการณ์ออกภายนอกตัวเองเสมอ จมูกตัวเองยังมองไม่เห็นเลย อิ อิแล้วจะหาตัวตนพบได้อย่างไร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2012
  4. light worker

    light worker เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    465
    ค่าพลัง:
    +446
    55+ คงพวก Fallen angel น่ะสิครับ อิอิ วันก่อนคอมของผมโดนพวกมันแฮ๊คเหมือนกัน พวกผมต้องใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะกู้ข้อมูลกลับมาได้ทั้งหมด ทางหน่วยของผมตรวจสอบแหล่งที่มาแล้วครับ มันไม่ได้ยิงข้อมูลมาจากบนโลกนี้ พวกผมใช้เวลากันถึง 3 ชม.จนได้รู้ว่ามันเป็นการเข้ารหัสจากแถบด้านมืดของดวงจันทร์ พวกมันคือสมุนของพวกแอนอันนากิและเร็บทิเรี่ยนที่ยังหลงเหลือจากการจับกลุ่มของทางสมาพันธ์กาแล๊กซี่น่ะครับ ทางหน่วยของผมใช้ดาวเทียมของพวกเราถ่ายภาพฐานย่อยของพวกมันไว้ได้ (ดูจากภาพด้านล่างครับ...จะเห็นได้ว่ามีอยู่ประมาณ 2 ฐานครับ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      151.5 KB
      เปิดดู:
      77
  5. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,087
    ค่าพลัง:
    +3,394
    จะรีบฝึกวิชาก็รีบซะ เพราะใกล้ถึงวันสิ้นโลกเต็มทีแล้ว จะไปมิติไหน GOD ก็ตามไปหาคุณได้ครับ
     
  6. HLC

    HLC เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    466
    ค่าพลัง:
    +259

    5555555

    มาอีกแล้ว พวกบ้าวันสิ้นโลก จะบ่นจะตามหาไปจนวันสิ้นใจเลยละสิ


    ใกล้เข้ามานี่มันอีกกี่พันปีเหรอ
    จะได้เตรียมตัวทัน

    ประวัติ ศาสตร์โลกแตก สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยอ่าน

    ประวัติ ศาสตร์โลกแตก สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยอ่าน

    ประวัติ ศาสตร์โลกแตก

    ค.ศ.33-150 ชาวคริสต์ยุคแรกกลุ้มใจว่าโลกจะแตกสลาย

    ค.ศ.992-1000 พระชาวยุโรปคิดว่า โลกจะวินาศในปี ค.ศ.1000 ผู้คนจึงหวาดกลัวกันใหญ่

    ค.ศ.1001 ปรากฏว่าโลกยังไม่แตก พระชาวฝรั่งเศสจึงบอกว่า ภัยพิบัติจะเลื่อนไปเกิดปี ค.ศ.1033

    ค.ศ.1033
    โลกยังหมุนต่อไป

    ค.ศ.1186
    (พ.ศ.1729)เกิดดาวเคราะห์เรียงตัวกัน ชาวยุโรปนึกว่าโลกจะล่มสลาย

    ค. ศ.1346-1418 (พ.ศ.1889-1961) เกิดโรคกาฬโรคขึ้น ประชากร 1 ใน 3 ของยุโรปตาย และคร่าชีวิตประชากรครึ่งประเทศในอังกฤษ แต่มนุษย์โลกก็เพิ่มจํานวนกลับคืนมาตามเดิม

    ค.ศ.1501 (พ.ศ.2044) คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ค้นพบรหัสไบเบิ้ล เรียกมันว่า"ไบเบิ้ลโค้ด" ได้ผลทํานายออกมาว่า โลกจะแตกใน ปีค.ศ.1656 (พ.ศ.2199)

    ค.ศ.1656 (พ.ศ.2199) คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ทํานายผิด

    ค.ศ. 1844 วิลเลียม มิลเลอร์ บอกสาวก50,000 คนว่า โลกจะพินาศในปีนี้แล้ว แต่ก็ผิดหวัง

    ค.ศ.1848 วิลเลียมบอกว่า มันจะเลื่อนมาเกิดปีนี้ต่างหาก .. แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น วิลเลียมจึงบอกว่า มันเลื่อนไปเกิดปีหน้า

    ค.ศ.1849 วิลเลียมไม่ได้รับความเชื่อถืออีกต่อไป

    ค.ศ.1910 ดาวหางฮัลเล่ห์ปรากฏ ผู้คนต่างหวาดกลัวว่าจะเกิดวันสิ้นโลก

    ค. ศ.1925 แม่ชี โรเบิร์ต ไรท์บอกว่า พระเจ้ามาบอกว่า โลกจะพินาศในปีนี้ เผอิญปีนั้น เกิดโรคระบาด แผ่นดินไหวถี่ผิดปกติ ภาวะบ้านเมืองอึมครึม คนเลยเชื่อใหญ่ บางคนร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร บางคนขายบ้าน ขายที่นา พอถึงวันที่แม่ชีว่าจะเกิด แม่ชีไรท์พาลูกศิษย์หลบเข้าป่าจําศีลภาวนา แต่แล้วก็ผิดพลาดอีก..

    ค.ศ.1945 ชาร์ล ลอง นักฟิสิกส์อังกฤษ บอกว่า โลกจะพินาศ ซึ่งในระยะเดียวกันนั้น บังเอิญเกิดดาวหางบ่อยๆ เกิดสุริยคราสและจันทราคราส บ่อยๆ
    น้ำท่วมเป็นประจํา แผ่นดินไหวถี่ผิดปกติ จึงเป็นเหตุผลที่ชาวโลกควรเชื่อ แต่ก็ผิดพลาดหนักเข้าไปอีก

    ค.ศ.1975 กลุ่มชาวคริสต์ออกมาทํานายว่าปีนี้โลกจะพินาศ หลังจากทายผิดติดต่อกันมาแล้ว 10 ปี

    ค. ศ.1996 ไมเคิล ดรอสนินท์และเอลิยา ริปป์ ตีความไบเบิ้ลโค้ด แล้วบอกว่า จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3ในวันที่ 25 กรกฏาคม ...แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไมเคิลและริปป์จึงบอกว่า สงครามโลกครั้งที่ 3และภัยพิบัติทางธรรมชาติเกิดขึ้นแน่ แต่เลื่อนไปในปีค.ศ.1999

    ค.ศ.1999 นอสตราดามุส บอกว่าจะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3... นอกจากนอสตราดามุสแล้ว ยังมีไมเคิลกับริปป์ที่หน้าแหกเป็นเพื่อนอีกตั้งหาก

    ค.ศ.2000 ดาวเคราะห์เรียงตัวกันในวันที่ 5 พฤษภาคม ผู้คนบนโลกเชื่อว่าโลกจะแตก แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    ค. ศ.2003 กลุ่มที่เชื่อเซคาริยาห์อ้างว่าดาวนิบิรุจะโคจรมาใกล้โลก ก่อเกิดภัยพิบัติ ที่ญี่ปุ่นมีกลุ่มคนพากันเข้าป่า เตรียมเสบียง แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    กันยายน 2005 - สิงหาคม 2006 กลุ่มไบเบิ้ลโค้ดเชื่อว่า จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ตามที่คัมภีร์ทํานายว่าจะเกิดใน สิงหาคม 2006 แต่ก็ผิดอีก..

    ค.ศ. 2009 เชื่อว่านิบิรุจะเฉี่ยวโลกในปี 2012 จะเกิดโน่นเกิดนี่ บลาๆๆๆๆ แล้วรอดูกัน


    ก็สืบเชื้อสายถ่ายทอดความติงต๊องกันมาเรื่อยๆ

    อิ อิ อิ


    (||)(||)(||)(||)(||)
     
  7. light worker

    light worker เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    465
    ค่าพลัง:
    +446
    ครับ ผมจะรีบๆฝึกนะครับ ผมจะฝึกจนเลยมิติของ GOD เลยแหละครับ อิอิ 55555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555+
     
  8. HLC

    HLC เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    466
    ค่าพลัง:
    +259

    มันฝึกหนัก จนทะลุโลกหลุดจักรวาล โคตรพ่อโคตรแม่ GOD ยังตามไม่ทัน

    ไปอยู่มิติแห่งคนบล้าาา ไปซะแร้ววว


    5555555555

    ฮิ๊ววววว


    (||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)
     
  9. light worker

    light worker เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    465
    ค่าพลัง:
    +446
    555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555++
     
  10. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    มาแล้วคร๊าบบบ..มาแล้ว..ขออภัยที่ต้องให้รอนานนะครับ
    ตอนนี้โพสต์ข้อความทุกอย่างที่แปลไว้เสร็จหมดแล้วครับ
    ก็เลยว่างแล้ว..พร้อมที่จะมากเล่นกับพวกท่านได้เต็มที่เลยหละครับ

    อีกอย่าง เพราะว่าวันนี้ฝนตก ไปไหนก็ไม่ได้ ก็เลยว่างจริงๆหนะครับ
    เดี๋ยวจัดให้..ใครอยากจะได้อะไรเดี๋ยวจะจัดให้หมดเลย..

    รวมถึง HLC ด้วยนะครับ เชิญรับยาช่อง 2 ด้วยนะครับ
    เพราะว่ารายนี้ชอบบอกให้คนอื่นไปกินยา..
    แต่ว่าตัวเองหนะลืมกินซะเอง 555 เลยบ้าไม่มีชิ้นดีเลยหละคราวนี้

    ขอสวัสดีสมาชิกทุกๆท่าน ที่กำลังอ่านอยู่นี้ด้วยนะครับ
    ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล (เปรียบเทียบเฉยๆนะครับ)

    ประเด็นแรก สำหรับผู้ที่ขี้เกียจอ่าน และฟังไม่ได้ศัพท์แต่จับมากระเดียด
    อย่างเจ้าของกระทู้นี่ ใช้ชื่อว่าอะไรนะ Mr อะไรนี่แหละ ไม่อยากจำครับ

    เมื่อ ราวๆ 3 - 4 ปีก่อนนี้ ผมก็เหมือนๆกับพวกท่านนี่แหละ ที่เข้ามาเวปพลังจิตนี้
    ก็เพื่อที่จะมาหาอ่านเอาความรู้อันโน้นอันนี้ ที่ผู้อื่นโพสต์ให้อ่าน ไปวันๆ
    ตัวเองก็มีโพสต์บ้างเหมือนกันแหละ แต่ก็เป็นส่วนน้อย และก็คัดลอกเขามาครับ
    เพราะว่าผมเองหนะในหัวไม่ค่อยมีอะไรเลย ก็เลยได้แต่ฟังเขามา อ่านเขามา เป็นต้น

    แต่หลังจากนั้น ผมก็ไปเจอข้อความจากต่างมิติชุดหนึ่งเข้า มาจากประเทศสาธารณรัฐเช็ก
    เรื่องเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว และยานอวกาศอะไรพวกนี้ ก็เลยคัดลอกเอามาอ่าน
    เป็นภาษาอังกฟษล้วนๆครับ เจ้าของเวปชื่อนาย Ivo Benda เขาบอกว่า
    เขาสามารถติดต่อกับท่าน Ashtar Sheeran ได้ และข้อความทั้งหมดที่ติดต่อมาหลายปี
    ก็อยู่ในเอกสารของเขาชุดนี้แล้ว อะไรแบบนั้นหนะครับ

    ทีแรกผมก็ไม่รู้อะไรเลย เหมือนๆกับทุกๆท่านนี่แหละครับ แต่เพราะว่าอยากรู้ว่า
    ในจักรวาลนั้น มันจะมีมนุษย์ต่างดาวอยู่จริงๆไหม ถ้ามี พวกเขาจะเป็นยังไง
    จะมีรูปร่างหน้าตาเหมือน ET หรือเหมือนสัตว์ประหลาดกินคนในหนังไหม อะไรแบบนั้น
    ก็เลยลองอ่านดูครับ..

    เนื้อหาส่วนหนึ่งที่พวกเขาสื่อสารมาถึงนาย Ivo Benda คนนั้น
    ก็คือเรื่อง "การเลื่อนระดับขึ้น" ของดาวเคราะห์โลกและของทุกสรรพชีวิตที่อยู่บนโลกใบนี้
    แน่นอนว่า ผมก็ย่อมจะงงเป็นธรรมดา ก็คงเหมือนกับหลายๆท่านนี่แหละ
    แต่ผมแตกต่างจากเฉียวฟงและ Mr อะไรนี่ นิดหน่อย ตรงที่ว่า
    ถ้าผมอ่านแล้ว ผมเห็นว่ามันน่าสงสัยมากๆเลย หรือแปลกประหลาดมากๆเลย
    ผมจะอ่านต่อจนกระจ่างครับ เพื่อที่จะได้ตัดสินใจลงไปซะทีว่าควรจะเชื่อได้หรือไม่ได้
    ผมจะไม่ออกมาโวยวาย หรือด่า หรือประชดประชัน หรือตั้งกระทู้เพื่อ Discredit คนอื่น
    แบบเฉียวฟง หรือแบบ Mr อะไรนี่ทำเลยครับ ..เปล่าเลย..ผมไม่ใช่คนดีอะไรหรอกครับ
    เพียงแต่ว่านิสัยสันดานของผม มันไม่คุ้นเคยแบบนั้นมากกว่า
    เพราะมันคุ้นเคยกับเรื่องเลวๆแบบอื่นมากกว่า..ดังนั้น..ประเด็นเรื่องที่่ว่าผมเป็นคนไม่ดีนี่
    ก็ตัดไปได้เลยนะครับ เพราะว่าผมยอมรับว่า ตัวผมเองยังมีส่วนที่เลวอยู่มาก
    ยังมีส่วนที่จะต้องชำระสะสางตัวเองอีกมาก จนกว่าจะสิ้นกิเลสโน่นแหละ
    ถึงจะกล้าเรียกว่าตัวเองเป็นคนดีได้..

    ดังนั้น..ตำแหน่งคนดี ก็ขอยกให้กับผู้ที่ท่านอยากจะให้เราเรียกแบบนั้นก็แล้วกันนะครับ

    แน่นอนว่า ผมก็เป็นมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่ง ซึ่งมีครบทุกอารมณ์ความรู้สึกครับ
    เพราะฉะนั้น มันจะแปลกมาก ถ้าผมบอกว่า ผมไม่รู้จักโกรธใครเลย แม้ว่าเขาจะเอาส้นเท้ามาลูบหัวก็ตาม
    นั่นหนะ มันต้องระดับพระพุทธเจ้า หรือ พระเยซูคริสต์แล้วมั๊ง ถึงจะทำได้แบบนั้น
    เพราะฉะนั้น อย่าแปลกใจที่เห็นผมออกมาด่าพวกคุณ
    เพราะว่าพวกคุณก็ "จัดหนัก" มาให้ผมแล้วเหมือนกัน..ก็..นะ..
    คนเรา..คนไทยด้วยกัน คนไทยเรามีนิสัยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันดีอยู่แล้วนี่นา
    ใครจัดหนักมาให้เรา เราก็ควรจะมีมารยาทจัดหนักกลับไปให้เขาบ้างสิ
    ..ถึงจะเรียกว่าไม่แล้วน้ำใจ..จริงไหมครับ..

    และเพราะว่าผมบอกมาตลอด ว่าผมเป็นแต่เพียงผู้ส่งสาส์นเท่านั้น
    หาใช่เจ้าของสาส์นแต่อย่างใดไม่ ดังนั้น ถ้าผมจะไม่ได้ดีงามล้ำเลิศเท่ากับเนื้อความในสาส์น
    มันจะแปลกตรงไหน ผมใช้ส่วนไหนของร่างกายคิดก็ยังคิดไม่ออก ว่ามันจะแปลกตรงไหนเลย

    เดี๋ยวค่อยมาต่อนะครับ..อย่าเพิ่งปิดกระทู้หนีไปซะก่อนหละ..
    เดี๋ยวจะตอบทุกคำถามที่สงสัยให้ เท่าที่จะตอบได้นะครับ

    แล้วก็ ขอบอกไว้ก่อนว่า ไอ้ที่จะตอบนี่ ก็ลอกเขามาอีกนั่นแหละครับ
    เพราะว่าผมไม่ใช่เจ้าของข้อมูลแต่อย่างใดทั้งสิ้น
    เพราะฉะนั้น ไม่รับประกับความถูกต้อง และความถูกใจด้วยครับ

    .....................................................................
     
  11. รักคนอ่าน

    รักคนอ่าน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +94
    เลวจริงๆก็รู้แล้วไม่ใช่รึว่าผมย้ายข้อความไปกระทู้ผมเพื่ออะไร บอกไปแล้วว่าเพื่อไม่ให้รกกระทู้คุณ ปรี๊ดแตกเป็นแต๋วอยู่คนเดียว รู้แล้วยังมากล่าวหาว่าเฉียวฟงย้ายเพื่อ ดิสเครดิส ใส่ร้ายอยู่อีก
     
  12. รักคนอ่าน

    รักคนอ่าน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +94
    ถ้าเป็นแค่คนแปล แล้วจะัมาเดือดร้อนไปทำไม เวลาที่ผมโต้แย้งข้อความที่คุณแปลมา ก็บอกอยู่ทนโท่ว่าผมโต้แย้งฝรั่งตัวต้นเรื่อง

    คนอ่านมีความเห็นต่างใดๆ คุณรับไม่ได้ ใครโต้แย้งไม่ได้ เวลาไปไม่ถูกก็อ้างว่า เพราะฉันเป็นแค่คนแปลนะ
    เวลามีคนแสดงความเห็นต่างทำไมต้องแต๋วแตก ข้อความที่นำมาโพสนั้นก็แปลมา ไม่ใช่ของตัวเองซักหน่อย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 เมษายน 2012
  13. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    เริ่มจากข้อความสื่อสารทางโทรจิตของนาย Ivo Benda กับผู้ที่เขาเรียกว่า Ashtar Sheeran
    เกี่ยวกับเรื่อง "การเลื่อนระดับขึ้น" หรือ Ascension ของโลก

    ถ้าหยุดตรงนี้ แล้ว ถามผมว่า แล้วไอ้เจ้าข้อความสื่อสารทางโทรจิตที่ว่านี่
    มันเชื่อถือได้แค่ไหนกันหนะ..ทำไมถึงคิดว่ามันน่าจะเป็นความจริงอยู่บ้าง?

    ขออนุญาตตอบตามความเห็นส่วนตัวนะครับ..อย่าโกรธนะครับ..ผมก็จะบอกว่า
    มันก็เชื่อถือไม่ได้พอๆกับข้อความที่ถูกถ่ายทอดต่อๆมาหลายพันปีแล้วนั่นแหละ
    เพราะว่าเราพิสูจน์ไม่ได้ทุกอย่างที่ข้อความนั้นบอกเอาไว้ แม้ว่าในใจเรา
    จะยกย่องเชิดชูตำราเหล่านั้นมากแค่ไหนก็ตาม..

    อันนี้..ผมหมายโดยรวมของทุกประเภทตำราหนะนะครับ รวมถึงตำราทางศาสนาด้วย
    นั่นแหละตัวดีเลยหละ..เพราะไม่รู้ถูกบิดเบือนไปมากเท่าไหร่แล้ว
    เพราะว่า อ่านดีๆนะครับ..ถ้าไม่ถูกบิดเบือนไปบ้างแล้ว
    ทำไมการตีความของแต่ละ "นิกาย" ลัทธิ สำนัก ครูบาอาจารย์ และอื่นๆ
    ในเรื่องเดียวกัน ถึงไม่เหมือนกันหละ

    อย่างของพุทธนี่เป็นต้น ไหนลองเอาข้อสรุปของคำว่า "นิพพาน" ออกมาดูซิ
    ว่าแต่ละนิกาย สำนัก ลัทธิ ครูบาอาจารย์ สายวัดป่า สายธรรมกาย สายธรรมยุติ
    สายมโนมยิทธิ สายหลวงพ่อจรัญ สายท่านโกเอ็นก้า และสายอื่นๆ เหมือนกันไหม

    ป่านนี้..ก็ยังเถียงกัน..และสรุปกันไม่ได้เลย เพราะใครๆก็คิดว่าของตัวเองถูกต้องที่สุดแล้ว
    ใครๆก็คิดว่า ครูบาอาจารย์ของตัวเองหนะ เจ๋งสุดแล้ว รู้ดีที่สุดแล้ว เป็นพระอริยะเจ้าแน่แท้แล้ว จริงไหมครับ?
    จนท่านพุทธทาสภิกขุ ท่านเคยกล่าวเอาไว้ และเขียนเอาไว้ด้วยว่า พระไตรฯของเถรวาทเรา
    น่าจะต้องฉีกทิ้งไปซะ 70% เพราะว่ามันเฝอมากกๆ มันมีแต่น้ำ ซ้ำไปซ้ำมา
    มีเนื้อหาอยู่จริงๆก็แค่ 30% เท่านั้นเอง อันนี้ท่านพูดนะครับ ไม่ใช่ผมพูด
    ไม่เชื่อก้ลองไปหาอ่านดูได้ ในเวปไซต์ก็มีด้วย

    ส่วนของทางคริสต์หนะหรือ..หนักกว่าเราอีก..เพราะมันเกี่ยวข้องกับอำนาจของศาสนจักร
    และอาณาจักรในสมัยนั้น ที่ช่วงชิงความเป็นใหญ่กันอยู่ เพราะฉะนั้นแล้ว
    เนื้อหาดั้งเดิมก็เลยไม่รู้ว่าเหลืออยุ่สักเท่าไหร่แนะ..

    แต่สรุปท้ายที่สุดแล้ว ผมก้จะบอกว่า แม้ว่าทุกๆตำราที่ว่ามานี้ จะมีความบิดเบือนอยู่ก็ตาม
    แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า มันไม่มีของจริงของแท้หลงเหลืออยู่เลยนะครับ แน่นอนว่ามันมี
    เพียงแต่ว่ามันมีไม่ครบเท่าต้นฉบับดั้งเดิมแท้เท่านั้นเอง

    และผมก็ไม่เชื่อด้วยว่า ใครก็ตามที่เรียบเรียงหนังสือแล้วใช้ชื่อว่า "พระไตรปิฏกจากพระโอษฐ์" นั้น
    จะมาจากพระโอษฐ์จริงๆ เพราะไม่เห็นมีใครเกิดทันได้ไปฟังธรรมจากพระโอษฐ์จริงๆเลย
    ฉไนเลยถึงกล้าใช้คำว่าจากพระโอษฐ์หละ เพราะว่านั่นหนะ
    แค่เรียบเรียงหรือสรุปเอามาจากตำราอีกทีเท่านั้นเอง

    เดี๋ยวมาต่อครับ..คงจะอีกหลายสิบโพสต์อยู่..
    แต่ก็นะ..ไม่เป็นไรครับ จัดให้ได้เสมอ จนกว่าจะไม่มีอะไรจะโพสต์แล้วโน่นแหละ

    ...........................................................
     
  14. รักคนอ่าน

    รักคนอ่าน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +94
    เดี๋ยวจะมาจัดให้...มันส์แน่:cool:
     
  15. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    อย่า.......ปรองดองกัน
     
  16. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    เอา อย่าง นี้ ดี กว่า ท่าน

    ขอ อนุญาต ถาม แทน จขกท ก่ แล้ว กัน

    อัด กัน ไป มา ก่ ไม่ มี ประโยชน์ อะไร

    ............ มิติ ที่ 5 ตาม ความหมาย ของ ผู้ ส่ง สาร์น คือ อะไร ครับ

    ต้อง ขอ อภัย ที่ ไม่ ได้ ติด ตาม แต่ ต้น ช่วย มา เล่า ให้ ฟัง ที เถอะ

    เผื่อ ว่า ผู้ มา ใหม่ อยาก อ่าน เหมือน ผม บ้าง

    ................

    ลด การ อัด ต่อ กัน ได้ บ่ จบ ๆ กัน ไป
     
  17. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    ท่าน มัน คน เดียว น่ะ สิ .... เอ้า น่า แล้ว ๆ กัน ไป เสีย ...ท่าน ก่ ด่า..เอ๊ย..ว่า ไป แล้ว
     
  18. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    นั่งลงเถอะคับ....นะคับ นั่งลงเถอะคับ ผมได้ให้เวลามาพอสมควรแล้วคับ
    นั่งเถอะคับ....นะคับ
     
  19. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ต่อครับ..ประเด็นหลักจากข้อความของ Ashtar Sheeran ที่กล่าวถึงการเลื่อนระดับขึ้นก็คือ

    เฉียวฟงคงจะรู้นะครับ ว่าโลกเรากำลังหมุนรอบดวงอาทิตย์อยู่ และดวงอาทิตย์รวมถึงระบบสุริยะทั้งระบบของเราเอง
    ก็กำลังโคจรรอบๆแกแล็กซี่อยู่ด้วย และแกแล็กซี่เอง ก็กำลังโคจรรอบๆกระจุกแกแล็กซี่ขนาดเล็กอยู่
    ซึ่งกระจุกแกแล็กซี่ขนาดเล็กเหล่านี้ ก็กำลังโคจรรอบๆกระจุกแกแล็กซี่ขนาดใหญ่อยู่
    และมันพวกก็กำลังโคจรไปรอบๆจักรวาลอยุ่อีกต่อหนึ่งด้วย

    ก็เหมือนกับการที่โลกของเรา โคจรไปถึงจุดที่แตกต่างกันของดวงอาทิตย์ มันก็จะได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์
    ในระดับที่แตกต่างกัน จนเกิดเป็นฤดูกาลต่างๆขึ้นมา เพราะว่า โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ 1 รอบ ใช้เวลาหนึ่งปี
    เพราะฉะนั้นแล้ว ในแต่ละส่วนของดวงอาทิตย์ ที่โลกโคจรไปถึงนั้น มันก็จะต้องมีระดับพลังงานที่ต่างกันตามไปด้วย
    มันจึงทำให้เกิดความแตกต่างของฤดูกาลขึ้นได้

    ฉันใดก็ฉันนั้นเหมือนกันครับ..ที่ในบริเวณต่างๆของแกแล็กซี่ทางช้างเผือก ที่ระบบสุริยะของเรา โคจรไปถึงนั้น
    มันก็มีระดับพลังงานแตกต่างกันอยู่เหมือนกัน ซึ่งถ้าผมจำไม่ผิดนะครับ ก็จะประมาณว่า
    ระยะเวลาที่ระบบสุริยะของเราใช้ในการโคจรรอบแกแล็กซี่ก็คือ 225 ล้านปี
    ซึ่งในแต่ละรอบนี้ มันก็จะมีเขตพลังงานที่แตกต่างกันอยู่มากมาย ซึ่งแต่ละเขต หรือที่เรียกว่า
    แต่ละ "วัฏจักร" หรือแต่ละ "ยุค" นั้น มันก็จะกินเวลาราวๆ 26,500 ปี พูดง่ายๆคือ ทุกๆ 26,500 ปี
    ระบบสุริยะของเราจะเปลี่ยน "ฤดูกาล" ครั้งหนึ่งนั่นเอง

    ซึ่งวัฏจักร หรือ ยุคที่ว่านี้ ในทางดาราศาสตร์แล้ว เราสามารถคำนวณ หรือ พยากรณ์ได้
    เช่นที่มีผู้พยากรณ์เอาไว้แล้ว ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ "ปฏิทินมายา" ผู้โด่งดังนั่นเอง
    แล้วสรุปว่า วันสิ้นยุค หรือ วันเปลี่ยนฤดู หรือ วันเปลี่ยนวัฏจักร ที่จะถึงในวันที่ 21/12/12 นี้
    มันไม่มีจริงใช่หรือไม่ ? เป็นคำถามที่ตลกมากๆเลย เพราะว่า ฤดูร้อนยังมีได้ ฤดูฝนยังมีได้
    ทำไมหละ การเปลี่ยนฤดูตามเขตพลังงานที่ระบบสุริยะจะไปอยู่นี่ มันถึงจะมีไม่ได้

    แล้วอะไรหละคือข้อพิสูจน์?..ก็อย่าเพิ่งรีบชิงตายไปก่อนสิ รอดู รอพิสูจน์ด้วยกันก่อน
    เพราะว่าเขาคำนวณกันมาอย่างนั้น เขาพยากรณ์กันได้ค่านั้นออกมา เราฟังแล้ว ก็อดใจรอไปก่อนสิ
    อะไรที่ยังมาไม่ถึงจะรีบออกมาโวยวายให้อายชาวบ้านเขาทำไม เห็นไหมว่ามีคนออกมาเตือนสติกี่คนไปแล้วหละ?

    แล้ว..พอถึงวันสิ้นยุคที่ว่านี้ มันจะถึงวันสิ้นโลกด้วยใช่ไหม?..

    HLC อ่านให้ดีนะ..ผมสังเกตเห็นว่าคุณค่อนข้างที่จะแอนตี้พวกลัทธิวันสิ้นโลก
    หรือพวกตื่นข่าววันโลกแตก หรืออะไรทำนองนั้น ซึ่งผมเองก็เหมือนกัน
    เพราะว่าผมก็ไม่เชื่อเรื่องนั้นเหมือนคุณนั่นแหละ และข้อความที่ผมแปลและโพสต์มาร่วม 3 ปีแล้วนี่
    ก็ไม่มีข้อความไหนเลยที่บอกว่า โลกจะแตก หรือจะถึงวันสิ้นโลก

    แต่ถ้าบอกว่า จะมีภัยพิบัติเกิดขึ้น มากขึ้น รุนแรงขึ้น และถี่ขึ้น อยู่ช่วงหนึ่งนะ
    อันนี้เห็นประจำครับ เพราะข้อความจากต่างมิติทั้งหลาย พูดแบบนี้ตรงกันหมด
    แต่พวกเขาก้บอกว่า มันเป็นธรรมดาของการเปลี่ยนแปลง เพราะว่าพลังงานของโลก
    และของทั้งระบบสุริยะ มันจะต้องเปลี่ยนไปเป็นธรรมดาอยู่แล้ว

    เพราะฉะนั้น สมมุติว่าคุณ ใครก็ได้นะ เฉียวฟง หรือ Mr อะไรนั่นก็ได้ หรือ HLC ก็ได้นะ
    สมมุติเฉยๆว่า คุณเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้ แล้วมีอายุขัยแค่ 30 วันเท่านั้น
    ดังนั้น ถ้ามีใครมาพยากรณ์ หรือ คำนวณบอกพวกคุณไว้ล่วงหน้าว่า อีก 100 วัน โลกนี้จะหนาวเหน็บ
    และเต็มไปด้วยหิมะแล้ว อย่างที่พวกคุณไม่เคยเห็นมาก่อนเลยในชีวิตนี้ พวกคุณจะเชื่อไหม?

    มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกคุณจะเชื่อ เพราะว่าอายุขัยของพวกคุณยาวไม่พอที่จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลง
    ของฤดูใบไม้ร่วง ไปเป็นฤดูหนาว ที่มีหิมะตกแบบนั้น

    ฉันใดก็ฉันนั้น นี่ไงระยะเวลา 26,500 ปีที่ผมบอกพวกคุณไปแล้วนี่ไง มันจะถึงฤดูกาลใหม่แล้วหละ
    ซึ่งมันก็บังเอิีญ บังเอิญว่า มันคาบเกี่ยวอยู่ในช่วงที่เรากำลังมีชีวิตอยู่พอดี เพราะฉะนั้นแล้ว
    ถ้ามันเป็นจริงตามนี้ เราก็จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงไปสู่ฤดูกาลใหม่ที่สดใสกว่าเดิม
    ที่โลกและระบบสุริยะทั้งระบบ จะมีพลังงานที่ไม่เหมือนเดิม ที่สรรพสัตว์และสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย
    จะเข้าสู่รอบแห่งการวิวัฒนาการรอบใหม่แล้ว อะไรแบบนั้น ซึ่งเดี๋ยวเราก็จะได้เห็นกัน

    แต่คงไม่มีใครโง่มากพอที่จะถามผมหรอกนะว่า แล้วหลังวันที่ 22/12/12 ไปแล้วนี่ โลกจะเปลี่ยนแปลงไป
    แบบหน้ามือเป็นหลังมือเลยใช่ไหม? แล้วโลกจะเข้าสู่มิติที่ 5 เต็มรูปแบบเลยใช่ไหม? อะไรแบบนั้นนะ

    เพราะว่าถ้ามีใครถามแบบนี้ ผมก็จะถามกลับว่า แล้วโลกเปลี่ยนจากฤดูหนาวอันแห้งแล้ง ไปสู่ฤดูร้อนนี่
    มันใช้เวลาแค่ข้ามคืนหรือเปล่าหละ? นี่คือระยะเวลาของสิ่งที่เกิดขึ้นในระดับโลกแค่นั้นเองนะ
    ซึ่งวัดกันแค่วัน หรือ เดือน หรือ ปี เท่านั้นเอง เพราะโลก ก็เล็กแค่นี้เอง เมื่อเทียบกับแกแล็กซี่ทั้งแกแล็กซี่
    เพราะว่าถ้าระบบที่ใหญ่กว่านั้น ลองเทียบดูสิว่า โลกใช้วเลา 4 เดือน สำหรับประเทศไทย
    ในการเปลี่ยนแปลงฤดูกาลหนึ่งๆ ส่วนแกแล็กซี่ใช้เวลา 26,500 ปี สำหรับการเปลี่ยนแปลงทำนองเดียวกันนี้

    ขนาดโลกเรายังไม่เปลี่ยนฤดูไปชั่วข้ามคืนเลย แล้วจะนับประสาอะไรกับระดับแกแล็กซี่เล่า?
    มันก็ต้องใช้เวลาบ้าง มันถึงจะเห็นความแตกต่างที่ชัดเจน

    และปลายปี 2012 นี้ ก็เป็นแค่จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนวัฏจักรจริงๆเท่านั้น

    เดี๋ยวมาต่อครับ...กำลังมันส์..
    .................................................................
     
  20. patongnakub

    patongnakub สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +1
    มากางที่นอนรอฟัง ขอบคุณนะคับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...