ไม่แคร์สื่อ

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย librarianstory, 11 เมษายน 2011.

  1. librarianstory

    librarianstory สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    347
    ค่าพลัง:
    +15
    ......................ขอบคุณค่ะคุณMantalay
     
  2. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    (k)
    (k) หมายถึงว่าเป็นนิสัยส่วนตัวที่อยากจะทำอะไรก็ได้ ไม่แคร์ใครใช่ไหมคะแปลถูกไหมคะ อ.กายคงจะประทับใจคำ ๆ นี้(ไม่แคร์สื่อ)เป็นพิเศษ ใช่ไหม
    คะ ถ้ารุ่นพี่ใจ่ใจ๋ เขาก็คงจะเรียก ช่างมันฉันไม่แคร์
    น่าจะคล้าย ๆ กันนะคะ เวลาพี่จะไม่สนใจอะไรใครก็จะขุดคำนี้ขึ้นมาบอกตัวเองน่ะค่ะ ก็ได้ผลนะ ทำใส่ใครคนนั้น..เขาจะมีอาการฉุนเฉียวขึ้นมาทันทีทันควันเลยค่ะ..ฮี่ ๆ ๆ ก็ยั้ง ๆ ไว้ แคร์คนที่อยู่รอบข้างจิ๊ดนึง จะได้อยู่เย็นเป็นสุขน่ะจ้า ๆ
    (k):cool::':)@:boo:({)
    ที่บอกว่าพี่ใจดัง คืออัดเพลงเสียงดั้ง ดัง กว่าคนอื่นช่ายหมายคะ อาจารย์ขา พี่กลัวเขาจะไม่ได้ยินเสียงพี่ชัดน่ะค่ะ ก็มักจะอัดให้ดังลั่นสนั่นไว้ก่อน นั่นคือที่มาของเพลง ดัง ของพี่ใจ่ใจ๋นั่นเองงงงงงงงงง 555 666 777 ขอบคุณที่ชมว่าเพลงดังนะคร้า ๆ ๆ
     
  3. librarianstory

    librarianstory สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    347
    ค่าพลัง:
    +15
  4. librarianstory

    librarianstory สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    347
    ค่าพลัง:
    +15
  5. librarianstory

    librarianstory สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    347
    ค่าพลัง:
    +15
  6. librarianstory

    librarianstory สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    347
    ค่าพลัง:
    +15
    <TABLE><TBODY><TR><TD align=middle>ใกล้ตาไกลตีน
    ชื่อเพลง : ใกล้ตาไกลตีน
    นักร้อง : สุนทรีย เวชชานนท์
    แนวเพลง : Folk


    </TD></TR><TR><TD align=right></TD></TR><TR><TD>

    ไกล โอ้ไกลจากโพ้นขอบฟ้า
    เราจากมาด้วยการก้าวย่าง
    จาก กลิ่นฟาง รอยยิ้มเจ้าเอย
    ใครเล่าเคย..
    ใครเล่าเคย
    พี่น้องเอ๋ย...
    จะเล่า..ให้ฟัง
    ตามทิวเขา ที่ยาวเหยียดฟ้า
    ตาม..หมู่ปลา ลำธารใสสด
    ตามหมู่มดที่ร้างเริดรัง
    ไปจากหลัง..
    ใจฝากฝัง
    ฝาก..เจ้า ไว้..
    ในแผ่นดิน
    ดินเคยนอน สะท้อนอุ่นกาย
    มองยอดไม้ เมื่อยามแรกผลิ
    ปริกิ่งรวงเป็นพวงพุ่มใบ
    น้ำที่ไหลหลั่งลงจากดอย
    ใจเจ้าลอยไปสู่ท้องทุ่ง
    มุ่งสู่เมืองเฟื่องฟุ้งแปลกตา
    เจ้าเคยยิ้ม เคย แย้มเบิกบาน
    สนุกสนานท่ามกลางผองเพื่อน
    เคยพูดเตือนและสนทนา
    เจ้าเคยฝันถึงวันที่ดี
    มาบัดนี้ไม่อาจพบหน้า
    ดูใกล้ตา แต่แล้วไกลตีน
    แผ่นดิน..ที่หอม
    แผ่นดิน..ที่ตรอม
    จักกอดเจ้าไว้...
    ยังไออุ่นกัน
    รับเจ้าไว้ยังไออุ่นกัน
    ฝันและฝันให้ไกลที่สุด
    เจ้ามนุษย์ เจ้าหวังสิ่งใด (2 ครั้ง)
    </PRE></TD></TR></TBODY></TABLE></P>
    <EMBED height=390 type=application/x-shockwave-flash width=480 src="http://www.youtube.com/v/NnK5PA2guR8?fs=1&hl=th_TH&autoplay=1 " allowfullscreen="true" allowscriptaccess="always"></EMBED>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 เมษายน 2011
  7. librarianstory

    librarianstory สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    347
    ค่าพลัง:
    +15
  8. librarianstory

    librarianstory สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    347
    ค่าพลัง:
    +15
    จิต ของคนลวงโลกย่อมมีความบิดเบี้ยว กลับกลอกไปมา แม้แต่เจ้าตัวเองก็ควบคุมไม่ได้ว่าจะให้ชอบอะไรหรือรักใคร คล้ายตกอยู่ในห้วงฝันหลอนที่โยกเยกไหวเอนอยู่เกือบตลอดเวลา
     
  9. librarianstory

    librarianstory สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    347
    ค่าพลัง:
    +15
    การโกหก หลอกลวงแต่ละครั้งคือการบิดเบือนความจริง ซึ่งก็มีผลสะท้อนให้ความจริงของเราบิดเบี้ยวไปด้วย อาจจะในรูปของการโดนใส่ไคล้ หรืออาจจะในรูปของการถูกเข้าใจผิด คิดให้ดีก็สมกันแล้ว ไม่มีทางที่เราจะบังคับใครต่อใครให้พูดถึงเราตรงตามความจริงไปทั้งหมด เท่า ๆ กับที่เราเองก็ไม่ได้พูดถึงตัวเองตรงตามจริงทุกครั้ง เช่นที่เป็นกันมากคือโกหกเพื่อรักษาหน้า ไม่ยอมรับผิด เป็นต้น
     
  10. librarianstory

    librarianstory สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    347
    ค่าพลัง:
    +15
    ความ คิดในทางปั้นน้ำเป็นตัวจะลดความฉลาดในการอธิบายให้คนเข้าใจความจริง ทั้งที่พูดความจริงโดยไม่ต้องให้คนฟังเสียความรู้สึกก็ได้ แต่เพราะมัวไปเชื่ออยู่ว่าขืนพูดความจริงก็พังเท่านั้น เลยเท่ากับปิดโอกาสฝึกใจให้ซื่อ ฝึกคิดให้ฉลาด น้อยคนจึงสามารถพูดแบบให้เกิดเรื่องดี ๆ โดยไม่ต้องแต่งเรื่องหลอก ๆ ขึ้นมา
     
  11. librarianstory

    librarianstory สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    347
    ค่าพลัง:
    +15
    ทุกข์ จะไม่จบโดยง่ายแม้เมื่อหลอกลวงให้คนอื่นหลงเชื่อได้สำเร็จ สังเกตเข้ามาในตนเอง จะเห็นเป็นความรู้สึกเหมือนมีสองภาค ภาคหนึ่งรู้ความจริง อีกภาคหนึ่งรู้ว่ามีความลวงซ้อนความจริงขึ้นมา อีกทั้งต้องคอยปกปิดให้ดี ยิ่งภาคแห่งความลวงหนาขึ้นกลบภาคแห่งความจริงมากขึ้นเท่าใด เราจะยิ่งรู้สึกคล้ายเกิดหน้ากากปิดบังหน้าตาของตนมากขึ้นเท่านั้น จนวันหนึ่งส่องกระจกเงาแล้วอาจรู้สึกครึ่งจริงครึ่งฝัน ถามตัวเองว่านี่ใบหน้าของเราแน่หรือ?
     
  12. librarianstory

    librarianstory สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    347
    ค่าพลัง:
    +15
  13. librarianstory

    librarianstory สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    347
    ค่าพลัง:
    +15
    link: แก่ดี แก่เสีย

    อย่างไรก็ตาม เราเกิดมาแล้วก็ต้องผ่านการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งนั้น

    " เด็ก " ก็จะต้องแก่ "แก่" อยู่แล้วก็จะต้องแก่ต่อไป

    " แก่ " มีอยู่ 2 อย่าง มี "แก่กลวง" และ " แก่แก่น"

    " แก่แก่น " คือ แก่แล้วมีแก่น ยืนยง คงกระพัน หรือ ยืนยงคงที่
     
  14. librarianstory

    librarianstory สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    347
    ค่าพลัง:
    +15
    สวย เพราะ ธรรมะ

    เมื่อพูดถึงเรื่องสวยๆงามๆแล้ว ส่วนใหญ่มักเป็นเรื่องของผู้หญิง เพราะผู้หญิงจะห่วงเรื่องความสวยงามมากกว่าผู้ชาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการดูแลผิวพรรณทั้งผิวหน้าและผิวกายให้ดูสดใสอ่อนกว่าวัย ให้นุ่มนวลอยู่เสมอไม่หยาบกร้าน ไม่มีริ้วรอยเหี่ยวย่น ตลอดจนเครื่องประดับตกแต่งร่างกาย เสื้อผ้าอาภรณ์ รองเท้า กระเป๋า ทรงผม เครื่องสำอางค์ราคาแพง ขายดิบขายดี เพราะผู้หญิงยินดีจะซื้อมาใช้เพื่อชะลอความแก่ เพื่อคงความงามเอาไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ หรือแม้แต่ยอมเจ็บตัว เพื่อทำศัลยกรรม เสริมแต่งจมูก เสริมหน้าอก ฯลฯ

    ผู้หญิงที่รักสวยรักงามนี้ เธอสวยไปเพ่ือใคร ถ้าไม่ใช่เพราะ เพื่อให้ผู้ชายชื่นชมความงาม อย่าบอกนะ ว่าสวยเพื่อตัวเอง เพราะว่าตัวเองนั้น ไม่เห็นใบหน้าของตัวเองตลอดเวลาอยู่แล้ว คงไม่ได้แต่งหน้าแต่งตา เพื่อจะนั่งส่องกระจกมองตัวเองทั้งวันหรอกนะ ที่แต่งให้สวยๆน้ัน ก็คงไม่ใช่เพราะอยากอวดผู้หญิงด้วยกันให้ชื่นชมหรืออิจฉาเล่น อันนี้ไม่รวมถึงคนที่ชอบเพศเดียวกันนะ

    ลองคิดดูสิว่า....ถ้าผู้หญิงสวยๆ แต่งเนื้อแต่งตัวดี แต่งหน้าแต่งตาสวยงามชวนมอง แต่เธอเป็นคนหงุดหงิดง่าย อากาศร้อนไปนิดก็บ่น อากาศเย็นไปหน่อยก็บ่น หงุดหงิดงุ่นง่าน มีนิสัยเย่อหยิ่ง แววตาที่มองคนอื่นก็เย็นชา หรือ ดูถูกดูแคลน กิริยามารยาทไม่เรียบร้อย เห็นแก่ตัว เอาแต่ใจตัวเอง ฯลฯ หรืออย่างที่เรียกว่า "สวยแต่รูป จูบไม่หอม" เธอก็คงมีแต่ความสวย แต่ไม่มีความงาม

    มางามด้วยธรรมะกันเถอะนะ เป็นความงามที่ไม่ต้องไปทำศัลยกรรมให้เจ็บตัวด้วย งามได้โดยไม่ต้องซื้อเครื่องสำอางค์ราคาแพงๆมาใช้ งามได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องประดับอัญมณีใดๆ ก็ทำให้งามได้ตลอดกาล เป็นความงามที่เปล่งรัศมีออกมาจากภายใน ใบหน้าก็จะสวยงามผ่องใสชวนมอง เพราะมองแล้วสบายใจ มองแล้วก็เย็นใจ


    ธรรมทำให้งาม (gracing virtues) มี 2 ข้อ คือ

    1. ขันติ (patience: forbearance; tolerance)
    ความอดทน ความอดกลั้น ความมีใจกว้าง หนักแน่นมั่นคง ไม่หวั่นไหว เพื่อบรรลุจุดหมายที่ดีงาม ได้แก่

    - มีความอดทนในหน้าที่การงาน ตั้งหน้าตั้งตาทำงานด้วยความขยันหมั่นเพียร เข้มแข็ง ทนทาน ไม่หวั่นไหว มั่นในจุดหมาย ไม่ท้อถอย อย่าเป็นคนหนักไม่เอา เบาไม่สู้

    - มีความอดทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศ ความหนาว ความร้อน โดยไม่แสดงอาการหงุดหงิด หรือ บ่นพร่ำเพรื่อ

    - มีความอดทนต่อความหิว กระหาย ความไม่สบายกายต่างๆ เจ็บตรงนั้น ปวดตรงนี้ ไม่แสดงอาการทุรนทุราย แต่ในที่นี้ ไม่ได้หมายความว่า ต้องทนหิวอยู่อย่างนั้นโดยไม่ต้องกินอะไรเลย หรือต้องทนเจ็บอยู่อย่างนั้นโดยไม่คิดรักษาพยาบาลให้หายจากอาการเจ็บป่วย แต่หมายความว่า เมื่อเกิดความรู้สึกหิว ไม่ควรโมโหหิวจนตาลาย หรือมีอาการหงุดหงิดงุ่นง่าน ทุรนทุราย หรือเมื่อเกิดอาการเจ็บป่วยขึ้นก็ไม่พร่ำบ่นเป็นทุกขเวทนา แต่ให้หาทางรักษาให้ถูกวิธี เป็นต้น

    - มีความอดกลั้น ต่ออำนาจกิเลส ต่อสิ่งยั่วยุต่างๆ เช่น ถ้อยคำร้ายแรง แม้จะถูกเย้ยหยันด้วยคำเสียดสีถากถางอย่างใด ก็ไม่ลุแก่โทสะ ไม่หมดกำลังใจ ไม่ท้อถอย ไม่แสดงกิริยามารยาทที่ไม่ดีงาม มีความทนทานทางจิตใจ สามารถใช้สติปัญญาควบคุมตนให้มีเหตุผลเสมอ และ ประพฤติตนอยู่ในศีลธรรมอันดี ไม่ละโมบโลภมาก ไม่คิดแย่งของรักของใคร

    2. โสรัจจะ (modesty; meekness)
    ความสงบเสงี่ยม ความมีอัธยาศัยดีงาม รักความประณีตหมดจด สงบ เรียบร้อยงดงาม ได้แก่ การประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ขี้โม้โอ้อวด ไม่เย่อหยิ่งจองหอง ไม่อวดดี ไม่มีทิฐิแรงกล้า มีความสุภาพอ่อนโยน มีกิริยามารยาทงาม รู้จักโอภาปราศรัย มองโลกในแง่ดี

    บุคคลที่มีโสรัจจะ จะมีใบหน้าผ่องใส หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส แม้ไม่ยิ้ม ก็ดูเหมือนยิ้ม เพราะมีจิตใจดี ด้วยมองผู้อื่นในแง่ดีอยู่เสมอ จึงมีความรุ้สึกที่ยกย่องให้เกียรติผู้อื่นด้วยการประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตน และสุภาพอ่อนโยน

    ผู้หญิงบางคน แม้หน้าตาจะไม่สวยสะดุดตา แต่เมื่อผู้ชายมองเธอแล้ว จะรู้สึกว่า ยิ่งมองยิ่งสวย เพราะเธอสวยมาจากภายในจิตใจของเธอ ยิ่งมองยิ่งสบายใจ เย็นใจ ยามอยู่ใกล้ก็มีความสุข เพราะเธอมีขันติ โสรัจจะ ไม่จู้จี้ขี้บ่น ไม่เรียกร้อง ไม่โวยวายให้เกิดความอึดอัดรำคาญ

    ซึ่งผิดกับผู้หญิงบางคนที่สวยสะดุดตาเมื่อแรกเห็น แต่พอมองเธอไปนานๆ ความสวยก็จืดจางแล้ว ยิ่งถ้ามีนิสัยเย่อหยิ่ง และ หลงในรูปลักษณ์ภายนอกของตนเองด้วยแล้ว จะทำให้เธอเป็นคนขาดสติ หลงตัวเอง เอาแต่ใจตนเอง ด้วยเข้าใจผิดว่า ความสวยของใบหน้าและเรือนร่างนั้น จะผูกมัดใจผู้คนให้หลงรักเธอได้

    คนเราทุกคนนั้น ไม่ล่วงพ้นความแก่ไปได้ ความสวยงามภายนอก ย่อมมีวันลดน้อยถอยลงไป ตามวันเวลาและอายุท่ีมากขึ้น แต่ความงามภายในจิตใจนั้น ยิ่งนับวัน จะยิ่งงดงามขึ้น และสร้างความรักความผูกพันเหนียวแน่นมากยิ่งขึ้นทุกวัน สำหรับทุกคนที่ได้มีโอกาสใกล้ชิดกับบุคคลที่งามมาจากภายในจิตใจ ด้วยธรรมทำให้งาม ขันติ โสรัจจะ นี้



    ขอขอบคุณpimahn ...link: สวย เพราะ ธรรมะ
     
  15. librarianstory

    librarianstory สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    347
    ค่าพลัง:
    +15
    หัวใจนักปราชญ์
    ทำ อย่างไรเราจึงจะเป็นผู้รอบรู้ หรือสามารถฝึกฝนให้ผู้อื่นเป็นผู้รอบรู้ได้? ตามหลักพุทธ
    ศาสนาจะสอนให้ปฏิบัติตามหลักหัวใจนักปราชญ์ ซึ่งเป็นหลักปฏิบัติเพื่อให้เป็นผู้รอบรู้และ
    เชี่ยวชาญในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยมีหลักปฏิบัติ ๔ ประการ คือ
    ๑. สุตะ คือ การฟัง ซึ่งรวมทั้งการดูและการอ่านจากสื่อต่างๆ
    ๒. จิตตะ คือ การคิด โดยนำ สิ่งที่ฟังหรืออ่านมานั้นมาคิดพิจารณา
    ๓. ปุจฉา คือ การสอบถามผู้รู้
    ๔. ลิขิต คือ การจดจำ หรือบันทึก
    มีผู้กล่าวว่า “คนไทยไม่ชอบอ่านหนังสือ” ก็คงจะจริง คือเราไม่ชอบศึกษาอะไรที่มัน
    หนักสมอง เราชอบอะไรที่มันสบายๆ ง่ายๆ ซึ่งมันมีผลเสียตรงที่ทำ ให้เราไม่พัฒนา หรือไม่
    เจริญอย่างประเทศที่เขาพัฒนาแล้ว


    link: หัวใจนักปราชญ์
     
  16. pearl8

    pearl8 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    335
    ค่าพลัง:
    +154
    แวะเข้ามาอ่านค่ะ ขอบคุณสำหรับความรู้ ดี ดี ที่คุณครูนำมาแปะให้ใด้อ่านกัน
     
  17. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    (k):cool: มาฟังเพลง ใกล้ตาไกลตีน ไพเราะมั่กมักเยยย ชอบมากค่ะ แล้วก็มาเยี่ยมชม สว.ด้วย แหม เห็นหุ่นแล้วอยากแบ่งเนื้อพี่ใจ่ใจ๋ปายให้สัก 10 กิโลจังเล้ยยยยยยยยยยยยย
     
  18. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    เข้ามาหาความรู้ใส่หัว(สมอง)ซ่ะหน่อย "ไม่แคร์สื่อ ไม่แคร์ใคร" การแคร์คนเป็นเรื่องที่เสียเวลามั่กๆ คุณค่าของคน อยู่ที่ตัวตนของเราเอง ไม่ใช่คำของใคร หากมัวแต่แคร์ใจใคร ชาตินี้คงไม่ต้องทำอะไรกันพอดี ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่เป็นประโยชน์
     
  19. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=OY86vDZbl2I&feature=related]YouTube - เพื่อนร่วมทาง - บอย Peacemaker [Full Song][/ame]
     
  20. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491

แชร์หน้านี้

Loading...