ไม่เคยฝึกมโนมยิทธิ แต่สิ่งที่ตัวเองสื่อได้ คล้ายๆจะมาทางด้านนี้

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย Me, myself, 3 มีนาคม 2009.

  1. Ricardo DeCalgary

    Ricardo DeCalgary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +11,341
    เพิ่งกลับมาจากที่ทำงานเมื่อสักครู่ครับ
    รู้สึกอย่างไรไม่ทราบ ต้องเขามาดูว่ามีอะไรคืบหน้าบ้าง

    สรุปมีคนเรียกนั้นเอง พลังจิตแรงดีจัง

    ยินดีครับ น้อง sabzajeed เรามาช่วยกันต้อนรับสมาชิกใหม่กันครับ

    คนกันเองท่านนั้น

     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 มิถุนายน 2012
  2. Ricardo DeCalgary

    Ricardo DeCalgary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +11,341
    หลังจากได้อ่านขอความของคุณรวัสสรร พลังความตั้งใจ และมุ่งมั่น ทะลุจอออกมาเลยครับ

    จะไม่รับขึ้นเรือได้อย่างไร

    เรือธรรมหรรษาลำนี้ยินดีต้อนรับครับ

    ค่อยๆ อ่านครับ ไม่ต้องรีบ เก็บรายละเอียด หลังจากนั้นมีคำถามอะไร ก็นำมาเขียนฝากไว้นะครับ รอไม่นานท่านผู้รู้จะมาช่วยไขข้อข้องใจครับ

    ส่วนเรื่องสมาธิยังไม่นิ่ง ก็ยังไม่เป็นไรครับ ปฏิบัติไปเรื่อยๆ มีสติตามรู้
    หากว่าความคิดยังฟุ้ง คิดเรื่องต่างๆไปเรื่อย ก็พยามยามกลับมาครับ
    ขณะนี้เอง จะมีสติมาเกี่ยวอยู่ด้วย กล่าวคือ อยู่กับปัจจุบัน คำว่าปัจจุบันแปลว่า ณ ขณะนี้ ณ บัดเดี๋ยวนี้ ณ วินาทีนี้ ทำบ่อยๆ ก็จะเกิดความชำนาญครับ

    เปรียบราวกับว่า ความคิดในหัวเรามีหลายลิ้นชัก ในขณะปฏิบัติ ให้ปิดทุกลิ้นชัก แล้วเหลือลิ้นชักเดียวเท่านั้น คือลิ้นชักของการปฏิบัติ การบริกรรม

    ปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง เดี๋ยวดีเองครับ

    คุยเสียยาว เอาเป็นว่า

    ยินดีต้อนรับสู่เรือธรรมหรรษาลำนี้ครับ

    อีกสักครู่พี่หนิงคงจะมาส่งไม้พายครับ

    (ปล. หากข้อคิดเห็นของผมผิดพลาดประการใด ผมขออภัยด้วยครับ แล้วรบกวนท่านผู้รู้ ได้โปรดให้คำแนะนำด้วยครับ)



     
  3. Doughnut

    Doughnut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +15,615
    สวัสดีค่ะ ตามเข้ามาติดๆ เหมือนมีแม่เหล็กดึงดูดจริงๆ พ่อเรือง น้องเบน และทุกท่าน

    ขอโมทนาบุญกับคุณปอลด้วยค่ะ วัดพระธาตุโป่งนก ผ่านหลายรอบคิดว่าจะแวะ จะแวะ แต่ก็แค่จะ..จะ..ค่ะ..

    สมาธิไม่นิ่ง ออกตัวมาแรงแบบนี้ ทั้งๆ ที่ผ่านการสอบมาแล้ว ครูบาอาจารย์แนะนำวิธีการปฏิบัติพระกรรมฐานมาแล้ว อย่างไรก็ยังถือว่ามีคะแนนสะสมมาบ้างแล้วค่ะ

    ค่อยๆ พิจารณา ปฏิบัติไปเถอะค่ะ ตัวหนิงเองก็ยังไม่ได้ดีเลย... เอาเป็นว่าเป็นกำลังใจให้นะคะ ติดขัดในทางปฏิบัติอย่างไรก็ลองโพสเข้ามาถาม ครูสมาธิอย่างพ่อเรือง..หรือท่านกัปตันเอง หรือท่านอื่นๆ ที่มีความรู้จะเข้ามาช่วยเสริมในด้านที่แต่ละท่านถนัดเองค่ะ ถือเป็นธรรมทานอย่างหนึ่งนะคะ อย่าไปคิดว่าเป็นการรบกวนหรืออย่างไร

    ไม้พายคงไม่ต้องส่งมั้งคะ ยังพอมีวางไว้ให้หยิบฉวยเลือกได้ตามความชอบของแต่คน คนส่งพายช่วงนี้ก็แย่เอาเหมือนกัน..ฮา...

    โมทนาด้วยค่ะ
     
  4. TPC

    TPC เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +2,435
    แดนนิพพาน นั้นมีจริง แต่แดนนิพานจะสวยงามดีแค่ไหน ก็ไม่สำคัญไปกว่า จิตที่อยู่เหนือสุขเหนือทุกข์ในแดนนิพพาน นั้นหมายถึงจิตที่หลุดพ้นจากกิเลสแล้วนั้นเอง
    การฝึกมโน นั้นดีแล้วครับ แต่ควรฝึกวิปัสนาขัดเกลากิเลสในจิตตนควบคู่ไปด้วยนะครับ
    เผื่อดับจิตไปแล้วจะได้ไปอยู่แดนนิพพานได้อย่างถาวรครับ
    รู้สิ่งใด เห็นสิ่งใด ไม่สู้การรู้เห็นทันจิตตน นะครับ สุดท้ายจะได้ตามทันจิตตน จะได้ไม่ถูกจิตตน หลอกตน ให้เวียนวน หาทางออกไม่เจอ
    ผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลาย พึงไม่ประมาทในธรรม พึงตั้งมั่นและเจริญอยู่ในธรรมครับ สาธุครับ
     
  5. ปรม

    ปรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2010
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +325
    หวัดดีครับ
    ผมก็ขอสมัครเป็นสมาชิกกระทู้นี้อีกคนน่ะครับ

    จะพยายามปฏิบัติให้ทันทุกๆคน
    เพราะตอนนี้ผมคิดว่าผมยังอ่อนด้อยอยู่
    อนุโมทนาทุกๆท่านที่มีจิตใจดี ชอบทำบุญ เอาบุญมาฝาก
    เอาอย่างนี้แล้วกัน ผมขออนุโมทนาทุกๆ ท่านทั้งหมด ขอให้ได้ไปนิพพานกันทุกคนในชาตินี้...........สาธุ
     
  6. โมกขทรัพย์

    โมกขทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    474
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,849
    สวัสดีครับ พี่สาว พี่ริค คุณหนิง คุณเอ น้าหมง คุณฝน ท่านผู้อ่านทั้งขาจร ขาประจำ ท่านกัลยาณมิตรทุกท่าน

    ห่างหายไปซะนานเลยครับ ไม่ค่อยได้เข้ามาในบอร์ดเลยครับ วันนี้มีเรื่องมาเล่าให้ชมกัน เป็ํนนิทานนะครับ เป็นเรื่องกรรมของผมเองครับ



    ย้อนไปเมื่ออาทิตย์ก่อน จู่ๆผมก็รู้สึกปวดหัวมาก แรกๆก็ไม่ได้คิดอะไร คิดว่า ซักพักคงจะหาย แต่พอผ่านมาวันที่สอง มันยิ่งทวีความเจ็บปวดรุนแรง... ทนถึงขั้นอาเจียน กินอะไรก็อ๊วกออกมาหมด ก็เลยคิดไปถึงคำของครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า โรคที่เกิดขึ้นกับทางกายนั้น เป็นผลมาจากเศษกรรมของปานาติบาตทั้งสิ้น.. พอช่วงตอนเย็นก็เลยนั่งกรรมฐาน พอจิตนิ่งจนเ้ข้าถึงสภาวะฌานที่ละเอียด ก็ถอยสมาธิมาที่อุปจาระสมาธิ กำหนดภาพพระขึ้นมา แล้วกราบถามท่านดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับตน

    ทัน ใดนั้น...! พลันก็เกิดภาพ เหมือนการฉายภาพยนต์เป็นเรื่องเป็นราวเกิดขึ้นตรงหน้า ผมเห็นภาพ ตัวผมในอดีตชาิตินั้นเป็นพรานป่าหน้าตาเหี้ยมเกรียมคนหนึ่ง ไว้หนวดเครารุงรังน่ากลัว ถือมืดปลายแหลมอันใหญ่ กำลังไล่ทุบหัวลูกกวางตัวหนึ่งด้วยความคะนอง ปากก็ร้องรำทำเพลงด้วยความสะใจ และนึกสนุก ที่เห็นลูกกวางตัวนั้นวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน... กวางน้อยตัวนั้นมันวิ่งหนีด้วยความกลัว ลุ้มลุกคลุกคลาน คะเนว่า.. กวางตัวนี้คงเพิ่งจะคลอดเนื่องจากมันตัวเล็กมาก


    ม้ันพยายามกระเสือกกระสนหนีตาย แต่พรานหน้าโหดคนนั้นก็ไม่ลดละ ไล่ทุบหัวมัน ทุบเอา...ทุบเอา ..จนในที่สุด..มันล้มลง เอาเท้าถีบอากาศอยู่วืดๆ... และแล้วภาพที่น่าสยดสยองก็ปรากฏขึ้น พรานใจโหด เอามีดปลายแหลมอันใหญ่ ฟันฉับๆ และจ้วงแทงซ้ำๆที่คอกวางน้อยที่น่าสงสารตัวนั้น...จนตายคาที่....


    ผมถอนจิตจากสมาธินั้น ในนั้นก็นึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อประมาณ๗ปีที่แ้ล้วผมเคยโดนโจร เอาไฟฟ้าช๊อตและทุบหัวจากข้างหลัง บนสะพานลอยแห่งหนึ่งเพื่อปล้นเอาโทรศัพท์ซึ่งในตอนนั้นผมก็เจ็บปวดเีจียนตาย หัวแตก เย็บหัีวถึง๑๔เข็ม นอนซมอยู่หลายวัน ในตอนนั้นคิดในใจ เราไปทำเวรกรรมอะไรไว้ถึงได้เป็นแบบนี้หนอ ..แต่ในตอนนี้ มันกระจ่างแจ้งแล้วว่า คงจะเป็นบุพกรรมที่ผมเคยทำไว้กับกวางตัวนี้กระมัง....ในใจนึกสลดสังเวชตนเอง และรู้สึกสงสารกวางตัวนั้นเหลือเกิน ทำไมผมในอดีตชาตินั้นจึงได้ใจไม้ไส้ระกำเช่นนี้หนอ


    คิดได้เช่นนั้น ผมจึงกำหนดจิตไปว่า หากข้าพเจ้าได้เคย ล่วงเกินให้ท่านได้รับความเจ็บปวดอันใดแล้วไซร้ ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมนั้น เนื่องจากข้าพเจ้าได้รับรู้แล้วซึ่งความเจ็บปวดอันนั้น แม้จะไม่เท่าที่ท่านได้รับก็ตาม หากบุญกุศลอันใดที่ข้าพเจ้าได้บำเพียรแ้ล้วจนถึงปัจจุบัน ขอให้ท่านจงโมทนาด้วยเถิด และบุญกุศลใดที่ท่านได้บำเพ็ญแล้วข้าพเจ้าก็ขอโมทนาด้วยเช่นกัน


    บางท่านอาจจะสงสัย ทำไมต้องโมทนาบุญของเจ้ากรรมนายเวรด้วย เนื่องจากผมเคยได้ฟังเทศน์ครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งกล่าวเอาไว้ว่า หากเราโมทนาในบุญความดีของเขา ก็จะมีผลทำให้ผลบุญความดีของเขาขยายตัวด้วย


    และไ้ด้อธิฐานจิตต่อไปว่า....หากข้าพเจ้าหายจากอาการเจ็บป่วยนี้แ้ล้ว จะถวายสังฆทานไปให้ ขอจงอย่าได้มีเวรมีกรรมต่อกันเลย ..... หลังจากนั้นผมจึงแผ่เมตตาและถอนจิตจากสมาธิ เป็นที่น่าอัศจรรย์อาการปวดทุเลาลงทันที แต่...ก็ยังไม่ได้หายขาดเลย ยังปวดอยู่แต่ไม่มาก ปวดๆหายๆ จนถึงวันนี้ก็วันที่สามแล้ว แต่วันนี้ไม่ปวดเท่าไรเกือบจะเป็นปกติแล้ว ..ผมคิดว่าพรุ่งนี้จะไปถวายสังฆทานอยู่ครับ จากวันนั้นทุกๆครั้งที่นั่งกรรมฐาน จิตผมก็จะนึกถึงกวางตัวนั้นตลอด และแผ่เมตตาให้ตลอด


    พออธิฐานแล้ว ก็เป็นที่น่าแปลกครับ อาหารปวดหายปลิดทิ้งเลย รุ่งขึ้นตอนเช้าผมเลยไปถวายสังฆททานที่วัดสะแก (หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ) และนั่งสมาธิ ประมาณสิบห้านาทีครับ



    เรื่องกรรมนั้นมีจริงครับ ใครทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้น ชาตินี้ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนาแ้ล้ว เร่งทำความดีกันเถิดครับ อย่าให้เหมือนผมเลยที่เสียเวลามามากแล้ว หากหลวงพ่อฤาษีฯไม่ไปตาม ป่านนี้ก็คงไปนอนในกระทะทองแดง ไปปีนต้นงิ้วเล่นแล้วครับ ผมเคยถามหลวงพ่อฤาษีในมโนฯนะครับว่าทำไมหลวงพ่อตามผมช้าจริง...(นั่น...! เลวจริงๆผม โทษหลวงพ่อซะงั้น) หลวงพ่อตอบว่า... "ก็เอ็งไม่รู้ทุกข์ จะรู้ไหมล่ะว่าความสุขเป็นอย่างไร จะเข้าถึงสัจธรรมไหม..? ต้องให้ทุกข์มากๆจะได้สำนึก"... แหม..อึ้งครับเจอคำตอบ แ่ค่หลวงพ่อมาตาม ก็บุญคุณหาที่เปรียบไม่ได้แล้ว..กราบๆหลวงพ่อด้วยจิตเคารพครับ





    โมทนากับทุกกุศลกรรมของทกท่านด้วยครับ
     
  7. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    สวัสดีครับ ผมเป็นสมาชิกใหม่ได้ไม่นาน ก็ยังนึกไม่ถึงว่าตัวผมจะเข้ามาสนใจในทางธรรมะได้ ผมมีโอกาสได้ฝึกมโน2-3ครั้งก็ยังเห็นเป็นมัวๆอยู่ คงเพราะที่ผ่านมานั้นใช้ชีวิตอยู่กับอบายมุขซะส่วนมาก ยังตัดขันธ์ 5ได้ไม่ดี สมาธิขึ้นๆลงๆ
    ผมมีข้อสงสัยเวลาปฏิบัติอยู่บ้างคือว่าเวลาที่อาจารย์ถามนั้น บางครั้งผมไม่ไดเ้เห็นเป็นภาพแต่เห็นเป็นตัวหนังสือหรือไม่ก็แว๊บว่าน่าจะเป็น เช่นเวลาที่ผมไปฝึกที่ศุูนย์พุทธมีคำถามว่าเจ้าเมืองในอดีตที่ศูนย์ปัจจุบัน ในสมัยพระพุทธกาลที่พระองค์เคยเสด็จมาโปรด ชาติปัจจุบันคือใคร ผมก็แว็บว่าคือในหลวง เลยตอบไป อาจารย์ก็ว่าถูกต้อง อย่างนี้ใช้ได้ไหมครับ คือว่าเห็นแว็บแล้วหายไม่ทรงตัวครับ
     
  8. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    มีอีกอย่างที่ผมสงสัยครับ คือว่าเวลาที่ผมแผ่เมตตาหรือขออโหสิกรรมนี่จะมีอาการคือขนลุกซุ่เลย เมื่อก่อนนี้ไม่เคยมีความรู้สึกอะไร อย่างนี้แสดงว่าท่านทั้งหลายที่ผมอุทิศบุญให้นั้น น่าจะได้รับใช่ไหมครับ
     
  9. โมกขทรัพย์

    โมกขทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    474
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,849
    ได้รับสิครับ การเจริญกรรมฐานเป็นบุญใหญ่ และการแผ่เมตตาก็เป็นการสร้างบารมีอย่างหนึ่ง ที่ชื่อว่า เมตตาบารมี ตัวนี้เป็นตัวที่ต้องทรงไว้ตลอดเวลาครับ ในพรหมวิหาร๔ สำหรับผู้ทรงฌาน เนื่องจากถ้าไม่ทรงตัวนี้ไว้ตลอด ฌานอาจเสื่อมได้ เพราะนึกจะทำอะไรโดยไม่มีเมตตาอาจเข้าข่าย มิจฉาทิฏฐิได้

    โมทนาในกุศลกรรมด้วยครับ
     
  10. Doughnut

    Doughnut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +15,615

    ในเมื่อครูผู้ฝึก ท่านรับรองมาแบบนี้คงไม่ต้องตอบคำถามแล้วนะคะ ๑ ในนิวรณ์ห้าประการที่ควรละให้ได้ คือความลังเลสงสัยคะ

    อย่างไรแล้วในการฝึกมโนมยิทธิ ที่ศูนย์พุทธศรัทธาคิดว่าครูผู้นำฝึกจะแจ้งให้ทราบก่อนว่า สิ่งที่เราฝึกหมายถึงอย่างไร และวิธีปฏิบัติมีอะไรบ้าง ซึ่งคิดว่าคุณคงจะหารายละเอียดศึกษามาก่อนบ้างแล้ว

    คำตอบมีในคำถามที่คุณถามแล้วค่ะ

    ขอโมทนาด้วยค่ะ
     
  11. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    ขอบคุณครับ สำหรับคำตอบ ช่วงนี้มีเวลาว่างๆก็จะฝึกไปเรื่อยๆ รู้สึกดีมากครับ ที่ได้เข้ามาสู่หนทางที่ควรจะเข้ามาตั้งนาน หลังจากที่หลงมานาน ยังดีที่ไม่สายไปเสียก่อน
     
  12. sabzajeed

    sabzajeed เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    299
    ค่าพลัง:
    +4,744
    "รู้ทันใจ" (หลวงพ่อสนอง กตฺปุญโญ วัดสังฆทาน)

    บางคนเพียงคนอื่นทำให้ไม่ถูกใจแค่ครั้งเดียวก็โกรธ จำเอามาคิดมานึกเกินกว่าเหตุจนเกิดความพยาบาทก็มี ความคิดอย่างนี้ก็คือการไม่รู้จักแยกแยะความคิด และไม่รู้จักการให้อภัย ความโกรธอยู่กับใครแล้วทำให้มีปัญหา ทำให้ไม่มีความสุข ไม่มีความสุขตรงที่ว่าเขาทำใจไม่ได้ ให้อภัยไม่ได้

    เรารู้ว่าโกรธ รู้ว่ารัก รู้ว่าโลภ รู้ว่าหลง รู้เท่านี้ยังไม่พอ เราต้องไปรู้จักตัวเจตสิก ตัวสังขารที่ปรุงแต่งว่าโกรธมันกำลังปรุงแต่งว่าโกรธอย่างไร มีอาการฟ้องมาทางใจอย่างไร.... พอโกรธแล้ว มันอยากจะว่า มันอยากจะแช่ง...มันอยากจะตบตี หรือมันอยากจะทำร้าย

    ถ้าสติและปัญญาเข้าไปทัน เราก็จะหายโกรธ แล้วเราก็จะรู้ว่าสิ่งที่ทำให้คนเราเข้ากันไม่ได้มีความทุกข์อยู่ร่ำไป มีความไม่สงบอยู่ร่ำไปนี้ ก็คือการที่เราไม่รู้ทันตัวปรุงแต่งของใจเรานี่เอง
    ไม่ว่าจะเป็นโกรธก็ดี โลภก็ดี รักก็ดี ชังก็ดี นี่เขาเรียกว่าเรียนธรรมะ คือมาเรียนรู้ทันอารมณ์ตัวเอง


    กรรมฐานก็เรียนอย่างนี้แหละ ครูบาอาจารย์ท่านก็เรียนกันอย่างนี้
    หลวงพ่อสังวาลย์ท่านอยู่ป่าช้า ๖ ปีท่านก็สำเร็จเรื่องอย่างนี้
    ท่านได้ธรรมะเรื่องจิต ท่านดับได้ก็เยือกเย็น ดับได้ก็มีเหตุผล มีปัญญา และก็รู้จริง


    การมาเรียนที่วัดก็คือมาเรียนรู้ตัวเอง มาเรียนการกระทบ
    มาเรียนการนอนเนื่องในสันดานของตัวเอง พูดง่ายๆ มาคุ้ยสันดานตัวเอง


    เวลาดูคนอื่นให้ดูเรื่องดี ๆ ดูเขาเดินสงบ ดูเขานั่งสงบ ดูเขานอนสงบ
    แต่ดูตัวเองนี่ให้ดูเรื่องไม่ดี ขุดคุ้ยด้วยสติ ด้วยปัญญา
    คนเราถ้าเห็นตัวเองได้เรียกว่า เข้าใจธรรมะ เห็นกายภายนอก เห็นกายภายใน


    เห็นจิตภายนอก เห็นจิตภายในก็คือเห็นการกระทำการปรุงแต่งของจิต
    ไม่ใช่นั่งหลับตาเฉยๆ แต่มันมีความเข้าใจสภาพความจริงของการปรุงแต่งจิตที่เกิดขึ้น


    เราต้องเห็นกิเลสตัวเองก่อน ไม่ใช่เห็นสวรรค์ก่อน เราต้องเห็นตัวเองโง่ก่อน
    ถ้าคนไหนนั่งแล้วฉลาดเลย คนนั้นหลง...นั่นฉันก็รู้ นี่ฉันก็รู้ ฉันรู้หมด นั่นเขาเรียกว่า หลงธรรมะ


    แต่ถ้านั่งแล้ว...เอ้อ ! ตรงนี้เราก็เคยทำไม่ดี ตรงนี้เราก็เคยพูดไม่ดี ตรงนี้เราก็เคยคิดไม่ดี ตรงนี้เราก็เคยคิดร้ายกับคนโน้นคนนี้ นั่นแหละเขาเรียกว่าลำดับญาณ อนุโลมปฏิโลมญาณ หรือ เรียกว่าอดีตเป็นอย่างไร
    ปัจจุบันก็เป็นอย่างนั้น ปัจจุบันเป็นอย่างไร อนาคตก็เป็นอย่างนั้น เมื่อรู้ว่าอดีตไม่ดีก็แก้ปัจจุบันให้ดีอนาคตก็จะดี


    การรู้ธรรมเห็นธรรม คือ การเข้าใจจิตของตัวเอง เข้าใจสภาพตัวเองว่าสงบหรือไม่สงบเป็นอย่างไร อ่านนิสัยตัวเองออก เหมือนกับพ่อแม่เลี้ยงลูกก็รู้จักนิสัยลูกว่าเป็นอย่างไร...หยาบละเอียด...โง่ฉลาด...ดื้อไม่ดื้อ....
    เป็นคนกตัญญูไม่กตัญญู...เป็นคนขยันหรือขี้เกียจ ก็จะรู้จักลูกตัวเองหมด


    ถือว่าพ่อแม่ฉลาดนะที่สามารถรู้จักนิสัยของลูก แต่ยังขาดคุณธรรมคือ พ่อแม่ไม่รู้จักตัวเอง พอไม่รู้จักตัวเองก็คือการไม่ได้แก้ตัวเองให้เข้ากับลูกหรือให้เข้ากับสังคมได้
    นี่คือธรรมชาติที่เรียนรู้ และเข้าใจกันได้ ลูกบาง คนก็สามารถเรียนรู้ว่าพ่อแม่เป็นคนอย่างนั้นเป็นคนอย่างนี้ รู้ทันพ่อแม่หมด แต่กลับไม่รู้จักตัวเองว่าตัวนั้นกำลังทำหน้าที่อะไร บกพร่องต่อหน้าที่ในความเป็นลูกอย่างไร

    เขารู้จักพ่อแม่ แต่กลับไม่รู้จักตัวเองจึงแก้ไขตัวเองไม่ได้ เข้ากับพ่อแม่ไม่ได้
    กลายเป็นลูกเถียงพ่อแม่ เป็นลูกดื้อดึง เป็นลูกอกตัญญู โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองทำผิด

    ธรรมะนี่รู้เขารู้เรา รู้เรื่องข้างนอกแล้วก็ต้องย้อนมาดูข้างใน เหมือนการพิจารณาพระไตรลักษณ์ญาณ
    พิจารณาว่าทุกคนตกอยู่ในพระไตรลักษณ์หมดแล้วสังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง
    ทุกคนที่เกิดมาต้องเป็นทุกข์ และในที่สุดทุกคนก็ต้องดับไป

    เมื่อน้อมมาพิจารณาตนเองแล้วจิตก็ปลงตก เกิดการปล่อยวางคลายความยึดมั่นถือมั่นทั้งหลาย

    ขอบคุณบทความจาก : aranyawas

    กราบอนุโมทนาสาธุ ครูบาอาจารย์ ค่ะ (เอามาฝากจ้า)
     
  13. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    ผมมีเรื่องที่ขอคำชี้แนะหน่อยครับ คือว่าตอนนี้ผมได้เปลี่ยนงานใหม่ ได้จะครบ2เดือนแล้ว ตอนที่มาใหม่ๆผมก็ยังกินเหล้า เที่ยว เอาง่ายๆว่าศีล5กระจุยทุกข้อ คราวนี้เมื่อมาปฏิบัติแล้วก็ไม่อยากจะกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมอีก แต่มันดันมีปัญหาว่าบรรดาลูกน้องที่รักทั้งหลายดันจะพาไปเลี้ยงต้อนรับซะได้ เอาล่ะวาตูจะเอาไงดี ตอนมาใหม่ก็หยั่งห้าว กินเหล้าสารพัด แล้วผมจะเอายังไงดีครับ
     
  14. sabzajeed

    sabzajeed เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    299
    ค่าพลัง:
    +4,744
    เป็นปัญหาที่เลี่ยงไม่ยากหรอกจ้า เมื่อคุณคิด และ มั่นใจที่ปฏิบัติดี แล้วไม่อยากกลับไปเป็นแบบเดิมอีก คุณตั้งใจเพื่อรักษาศีล 5 มั่นคงแค่ไหน เมื่อใจตั้งมั่นแล้ว ที่เหลือ ก็ อยู่ที่การกระทำ จะทำได้หรือไม่ได้ อยู่ที่ตัวคุณเองจ้า
     
  15. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    ในตอนแรกผมก็ตั้งใจว่าจะพาพวกเขาทั้งหลายมาทางผมยังไงดีหว่า หรือให้ปล่อยไปตามกรรมที่เขาทำเอาไว้หรือ....... ความคิดร้อยแปด จนต้องปล่อยวาง เอาตัวเองให้ดีก่อนดีกว่า
    ผมค่อนข้างโชคดีหน่อยคือปรกติที่นี่จะไม่มีnetให้ใช้ จะมีส่วนกลางเครื่องเดียว แต่ดีที่ผมมาอยู่ตำแหน่งที่สามารถขอได้เลยสามารถได้นั่งอ่านกระทู้เก่าไปเรื่อยๆ ก็มานั่งคิดว่ามันดีไหมหว่านั่งอ่านทั้งวัน แต่มันก็อดใจให้เข้ามาอ่านไม่ได้ซะที ทุกวันนี้ยังนั่งคิดว่าคนอย่างเรานี่นะ มาอ่านเว็บธรรมะ บอกพ่อแม่คงช็อค
     
  16. sabzajeed

    sabzajeed เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    299
    ค่าพลัง:
    +4,744
    หลายสิ่งหลายอย่าง ก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา และก็วาระค่ะ เมื่อถึงเวลานั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ดี หรืออื่นๆอันนี้แล้วแต่จะคิด ที่ทำให้เราหันมาสนใจธรรมะขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เข้ามาศึกษาค้นคว้าหาความรู้ และนำำสิ่งเหล่านี้ไปปฏิบัติให้เกิดมรรคผลต่อไป เป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่หรือค่ะ ส่วนคนรอบข้างเรานั้น ช่วงแรกก็ คงมีแปลกใจค่ะ แต่จริงๆแล้วพวกเขาจะดีใจด้วยซ้ำที่เห็นเราเปลี่ยนไปในทางที่ดี พอเราปฏิบัติดี ทำดี ให้พวกเขาเห็น การเปลี่ยนแปลงรอบข้างเราก็จะดีขึ้นไปเองตามธรรมชาติ ไม่ต้องไปฝืนใจใครให้เขาทำตาม ถึงเวลาเขาก็มาเองค่ะ อย่างแรก เราควรทำตัวเรา ใจเราเสียก่อน เรื่องบ้างเรื่อง เราช่วยได้เท่าที่ช่วย เรื่องไหนช่วยไม่ได้ก็ ปล่อยวางไป พูดให้ตาย เขาก็ไม่สนใจ หรอกค่ะ
     
  17. sabzajeed

    sabzajeed เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    299
    ค่าพลัง:
    +4,744
    พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ (ท่านพ่อลี ธมฺมธโร)
    วัดอโศการาม อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
    (๒๔๔๙ - ๒๕๐๔)

    เมื่อมนุษย์เป็นคนไม่ดี แม้วัตถุเหล่านั้นจะเป็นของดีก็ตาม มันจะกลับกลายเป็นโทษแก่ปวงชนได้เหมือนกัน ถ้ามนุษย์มีธรรมประจำใจ สิ่งทั้งหลายที่ให้โทษก็จะกลายเป็นประโยชน์

    ถ้าใครไม่จริงกับพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาก็ไม่จริงกับผู้นั้น และผู้นั้นก็จะรู้จักพระพุทธศาสนาที่แท้จริงไม่ได้
    เหตุนั้น ท่านจึงสอนให้ทำสิ่งใดด้วยการทำจริง ทานก็ทานให้จริง ศีลก็ศีลให้จริง ภาวนาก็ภาวนาให้จริง อย่าทำเล่นๆ แล้วผลแห่งความจริงก็ย่อมจะต้องเกิดจากการกระทำเหล่านี้ ไม่ต้องสงสัย

    ถ้าใจของเราเป็นโทษเสียแล้ว จะไปทำบุญทำทานอะไรก็ไม่ได้ผล เหมือนกับเราขนปุ๋ยไปใส่ต้นไม้ที่ตายแล้ว

    พวกเราทั้งหลายไม่มีความสัตย์ความจริงต่อตัวเอง จึงมิได้ประสบสุขอันแท้จริงเหมือนอย่างพระพุทธองค์ เราบอกกับตัวเองว่าอยากได้ความสุขแต่เราก็โดดเข้าไปสู่กองไฟร้อนๆ เรารู้ว่าสิ่งนั้นๆ เป็นยาพิษ แต่เราก็ดื่มมันเข้าไป นี่แหละเป็นการทรยศต่อตัวเอง

    ร่างกายนั้น เขาวางเราและหนีเราไปทุกวันๆ แต่เราสิไม่เคยหนีเขา ไม่ยอมวางเขาเลยสักที เราติดเขาทุกๆ อย่าง เหมือนเรากินข้าว เราก็ติดข้าว แต่ข้าวมันไม่เคยติดเรา เราไม่กินข้าว ข้าวก็ไม่ร้องไห้สักที มีแต่เราติดมันฝ่ายเดียว

    สุขโลกีย์ มันก็ดีแต่ใหม่ๆ สดๆ ร้อนๆ เท่านั้น เหมือนข้าวสุกที่เราตักใส่จานใหม่ๆ ยังร้อนๆ ควันขึ้น ก็น่ารับประทาน แต่พอตักไว้นานจนเย็นชืดก็จะกินไม่อร่อย ยิ่งทิ้งไว้จนแข็งเป็นข้าวเย็น ก็ยิ่งกลืนไม่ลง พอข้ามวันก็เหม็นบูด ต้องเททิ้ง กินไม่ได้เลย

    มนุษย์นั้นโง่ ชอบกลืนกินแต่อารมณ์เลว ใช่แต่เท่านั้น เรื่องที่ไม่มีความจริงก็ยังกลืนเข้าไปอีก ของดีก็ไม่อยากจะสนใจ ส่วนของไม่ดีอุตส่าห์ไปกระแด่วๆ เอาใจไปจดไปจำ เนื้อก็ไม่ได้กิน หนังก็ไม่ได้รองนั่ง เอากระดูกมาแขวนคอ

    คนไม่มีธรรมะ ก็เหมือนกับคนที่ไม่มีบ้านอยู่ ต้องไปนั่งตากแดด ตากฝน และตากลม อยู่ทั้งกลางวันกลางคืน

    ทำให้มันรู้ว่า อ้อ… อ้อ… ขึ้นมาในตัว อย่ามัวไปรู้แต่ โอ้… โอ้… ตามเขาพูด

    สรุปแล้วความไม่ประมาทคือ ความไม่ตายใจ ไม่นอนใจ ไม่ไว้ใจในสังขารทั้งหลายเหล่านั้น ส่วนใดที่เป็นความดีควรได้ควรถึง ให้มีความพยายามสร้างสรรค์ขึ้นให้มีในตน บุคคลผู้นั้นจึงชื่อว่าเป็นผู้ไม่ประมาท

    อ้างอิง http://www.polyboon.com/worship/dhumma02_0811.html

    กราบเท้าครูบาอาจารย์ที่เมตตา ขออนุโมทนาสาธุค่ะ
     
  18. spthong2000

    spthong2000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    328
    ค่าพลัง:
    +3,967
    อนุโมทนาบุญครับ แล้วทางคณะเราจะเริ่มบอกบุญและร่วมโอนเงินทำบุญเมื่อไรกันครับได้กำหนดวันเวลาไว้ยังครับ
     
  19. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ก็เริ่มเปิดให้โอนเงินแล้วค่ะ พอดีแจ้งไว้ที่เว็บชุมชน ยังไม่ได้มาแจ้งที่นี่ กว่าบล๊อคองค์พระจะเสร็จก็คงอีกหลายเดือน เพราะว่า อจ แก้ว ท่านติดงานสร้างพระอยู่ด้วย แต่ว่าเราต้องไปทำฐานรอไว้ก่อนค่ะ ตอนนี้ก็เริ่มประสานงานกับทางพ่อผู้ใหญ่ที่บ้านหลวงแล้ว ต้องปรับพื้นที่ ตัดต้นไม้บางส่วน แล้วถึงจะทำฐานได้ค่ะ คงต้องขึ้นไปพูดคุยกับทางโน้นด้วย

    ตอนนี้ก็เริ่มเปิดให้โอนเงินร่วมบุญแล้วค่ะ เพราะว่าค่าใช้จ่ายต่างๆดูแล้วก็เยอะอยู่ ที่เราประมาณการคร่าวๆนั่น ยังไม่รวมเสาสัปธนและฉัตร และค่าทาสีค่ะ แต่ก็มั่นใจว่าด้วยอำนาจของพระรัตนตรัย จะดลบันดาลให้โครงการนี้สำเร็จไปได้ด้วยดีค่ะ

    งั้นก็แจ้งเลยก็แล้วกันค่ะ ท่านใดที่ต้องการร่วมบุญสร้างพระพุทธรูปปางรำพึง สูง 10.09 เมตร ที่หมู่บ้านหลวง ก็ให้โอนเงินร่วมบุญมาที่

    บัญชีออมทรัพย์ ธ.กสิกรไทย สาขาซีคอนสแควร์ ชื่อบัญชี สุนันทา ใจดีเลขที่บัญชี 908-2-01032-4

    โอนแล้วช่วยแจ้งให้ทราบด้วยค่ะ
     
  20. waterydis

    waterydis เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    318
    ค่าพลัง:
    +1,995
    รอมานานแล้ว โอนแล้วจะแจ้งจำนวนให้ทราบอีกทีนะครับ

    ป.ล. วันนี้ผมและคณะได้จัดทำหนังสือธรรมะจำนวน 400 เล่นถวายแด่วันไทยในปราก ขอเชิญทุกท่านร่วมอนุโมทนา
     

แชร์หน้านี้

Loading...