ไม่ควรเสวนากับคนพาล เพราะจะพาให้ใจต่ำลงมากกว่าสูงขึ้น

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย เทพบุตรลั้ลลาลั้ลลั้ลลาาา, 21 พฤษภาคม 2016.

  1. เทพบุตรลั้ลลาลั้ลลั้ลลาาา

    เทพบุตรลั้ลลาลั้ลลั้ลลาาา เพื่อมวลมนุษย์แลสรรพสัตว์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2014
    โพสต์:
    872
    ค่าพลัง:
    +1,936
    อเสวนา จ พาลานัง ปัณฑิตานัน จ เสวนา. ไม่พึงเสวนากับคนพาล พึงเสวนากับบัณฑิต. หนึ่งใน38ข้อ ของมงคล การจะตัดสินใจคิด พูด ทำ อะไรกับใครในสถานการณ์ใด แล้วทำให้เป็นไปในฝ่ายอกุศลมากกว่า ก็ควรเว้นเสีย . คำว่าบัณฑิตในที่นี้ คือผู้รู้จักบาปบุญคุณโทษ ฯ. ที่สำคัญเพียรรักษาใจ ให้ไกลจากบาปอกุศล
     
  2. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,293
    ค่าพลัง:
    +12,622
    ตราบใดที่คุณธรรมยังไม่เข้าถึงกระแสอริยบุคคล
    จิตใจของผู้คนก็ย่อมแวะเข้าเป็นคนพาลได้ตลอดเวลา
    ยกเว้น คนที่ตระหนักในศีลสิกขาตลอดเวลา

    ดังนั้น อย่าไปยึดถือเอาสาระจากคนพาล เมื่อเรายังจำต้องเสวนาด้วย
    เพราะการคบหาแต่บัณฑิตย่อมทำได้ยากหรือทำไม่ได้เลย
    ทีเดียว
     
  3. งุ้งงิ้ง

    งุ้งงิ้ง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2014
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +48
    รับทราบเจ้าค่ะ เพื่อละเว้นการทะเลาะที่หาแก่นสารไม่ได้ เราจะต้องละบุคคลนั้นไปอย่าไปต่อความยาวสาวความยืด ยิ่งไปให้ความสำคัญมาก คนพวกนี้ก้อยิ่งกำเริบได้ใจ
     
  4. YKW

    YKW Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +45
    กัวทำไม กะคนพาล แค่คบหาอย่างระมัดระวังก้อพอมั้ง
    ดาไลลามะ กล่าวไว้ ว่า ศัตรู คือ ครูที่ดีที่สุด
    ส่วน คีนู รีฟ ก้อบอกว่า

    [​IMG]
     
  5. Xtrem

    Xtrem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +275
    เราไม่กัวคนพานนะ เพาะคนพานเขียนหนังสือไม่ค่อยจะแตก เที่ยวแบกธรรมแต่งกระทู้ เอาคำพูดคนอื่นนู้นคนนี้มาแปะ แล้วกระแดะยกตนถือศีล 6 :cool:
     
  6. Xtrem

    Xtrem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +275
    เค้าว่าไม่ควรเสวนากับคนพาล กลัวใจตนจะตกต่ำหายไป อันนี้ยังภาวนาอีกไกล เพราะอะไร เพราะยังถือใจ กลัวว่าใจมันจะตก กลัวใครมันจะเหยียบ แม้องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านก็เสวนาหมดทั้งคนพาลและบัณฑิต ท่านกลัวซะที่ไหน ถ้าตนเป็นทองแท้แล้ว จักไปกลัวไฟทำไม
     
  7. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    คบคนพาลก้อเหมือนเอาน้ำเน่าไปผสมน้ำเปล่า เหมือนปลาตายตัวเดียวเหม็นทั้งข้อง จิตใจเราจะขุ่นมัวไปด้วย เพราะคุยไม่รู้เรื่อง ไม่มีเหตุผล ชอบเหน็บ ชอบแถ ชอบกลอกกลิ้ง หาเหตุผลสารพัดมาเข้าข้างตัวเอง แต่พิจารณาดูแล้วฟังไม่ขึ้น
     
  8. Xtrem

    Xtrem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +275
    ถ้าจิตใจยังขุ่นมัวเพียงเพราะ ฟังคำคนพาล แล้วแสดงว่าเรายังต้องปฎิบัติอีกมาก ยังยึดมั่นถื่อมั่นอยุ่ พออะไรมันกระทบแล้วเกิดชอบใจไม่ชอบใจ หรือ เฉยๆๆ มันเป็นตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ มันไม่มีอะไรในคำพูดนั้นหรอกเป็นเพียงกิเลสและทิฐฐิมานะของผู้พูดเท่านั้น อย่าไปคว้าเอาขี้เขามาใส่ใจเรา มันจะเป็นทุกข์:cool:
     
  9. Xtrem

    Xtrem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +275
    ใน "อักโกสกสูตรนั้น" องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านเสวนากับคนพาลอย่างไร มาดูกัน

    ๒. อักโกสกสูตร

    ว่าด้วยพระพุทธเจ้าไม่รับคำด่าของพราหมณ์



    [๖๓๑] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ในพระวิหารเวฬุวันอันเป็นที่พระราชทานเหยื่อแก่กระแต กรุงราชคฤห์. อักโกสกภารทวาชพรหมณ์ได้สดับมาว่า ได้ยินว่า พราหมณภารทวาช-โคตรออกจากเรือบวชเป็นบรรพชิต ในสำนักของพระสมณโคดมแล้ว ดังนี้ก็โกรธ ขัดใจ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ครั้นแล้ว ด่าบริภาษพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยวาจาอันหยาบคาย มิใช่ของสัตบุรุษ. [๖๓๒] เมื่ออักโกสกภารทวาชพราหมณ์กล่าวอย่างนี้แล้ว พระผู้มี-พระภาคเจ้าได้ตรัสกะอักโกสกภารทวาชพราหมณ์ว่า ดูก่อนพราหมณ์ ท่านย่อมสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน มิตรและอำมาตย์ ญาติสาโลหิต ผู้เป็นแขกของท่าน ย่อมมาบ้างไหม. อักโกสกภารทวาชพราหมณ์ตอบว่า พระโคดมผู้เจริญ มิตรและอำมาตย์ ญาติสาโลหิต ผู้เป็นแขกของข้าพระองค์ย่อมมาเป็นบางคราว. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนพราหมณ์ ท่านย่อมสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ท่านจัดของเคี้ยวของบริโภคหรือของดื่มต้อนรับมิตรและอำมาตย์ ญาติสาโลหิต ผู้เป็นแขกเหล่านั้นบ้างหรือไม่. อ. พระโคดมผู้เจริญ ข้าพระองค์จัดของเคี้ยวของบริโภคหรือของดื่มต้อนรับมิตรและอำมาตย์ ญาติสาโลหิต ผู้เป็นแขกเหล่านั้นบ้างในบางคราว. พ. ดูก่อนพราหมณ์ ก็ถ้าว่ามิตรและอำมาตย์ ญาติสาโลหิต ผู้เป็นแขกเหล่านั้นไม่รับ ของเคี้ยวของบริโภคหรือของดื่มนั้นจะเป็นของใคร. อ. พระโคดมผู้เจริญ ถ้าว่ามิตรและอำมาตย์ ญาติสาโลหิต ผู้เป็นแขกเหล่านั้นไม่รับ ของเคี้ยวของบริโภคหรือของดื่มนั้น ก็เป็นของข้าพระ-อย่างเดิม. พ. ดูก่อนพราหมณ์ ข้อนี้ก็อย่างเดียวกัน ท่านด่าเราผู้ไม่ด่าอยู่ ท่านโกรธเราผู้ไม่โกรธอยู่ ท่านหมายมั่นเราผู้ไม่หมายมั่นอยู่ เราไม่รับเรื่องมีการด่าเป็นต้นของท่านนั้น ดูก่อนพราหมณ์ เรื่องมีการด่าเป็นต้นนั้นก็เป็นของท่านผู้เดียว ดูก่อนพราหมณ์ เรื่องมีการด่าเป็นต้นนั้นก็เป็นของท่านผู้เดียว แล้วตรัสต่อไปว่า ดูก่อนพราหมณ์ ผู้ใดด่าตอบบุคคลผู้ด่าอยู่ โกรธตอบบุคคลผู้โกรธอยู่ หมายมั่นตอบบุคคลผู้หมายมั่นอยู่ ดูก่อนพราหมณ์ ผู้นี้เรากล่าวว่าย่อมบริโภคด้วยกัน ย่อมการทำตอบกัน เรานั้นไม่บริโภคร่วม ไม่กระทำตอบด้วยท่านเป็นอันขาด ดูก่อนพราหมณ์ เรื่องมีการด่าเป็นต้นนั้นเป็นของท่านผู้เดียว ดูก่อนพราหมณ์ เรื่องมีการด่าเป็นต้นนั้นเป็นของท่านผู้เดียว. อ. บริษัทพร้อมด้วยพระราชา ย่อมทราบพระโคดมผู้เจริญ อย่างนี้ว่าพระสมณโคดมเป็นพระอรหันต์ ก็เมื่อเป็นเช่นนั้น ไฉนพระโคดมผู้เจริญจึงยังโกรธอยู่เล่า. [๖๓๓] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ผู้ไม่โกรธ ฝึกฝนตนแล้ว มีความเป็น อยู่สม่ำเสมอ หลุดพ้นแล้ว เพราะรู้ชอบ สงบ คงที่อยู่ ความโกรธจักมีมาแต่ที่ไหน ผู้ใดโกรธตอบบุคคลผู้โกรธแล้ว ผู้นั้นเป็น ผู้ลามก กว่าบุคคลนั้นแหละ เพราะการ โกรธตอบนั้น บุคคลไม่โกรธตอบบุคคล ผู้โกรธแล้ว ชื่อว่า ย่อมชนะสงครามอัน บุคคลชนะได้โดยยาก ผู้ใดรู้ว่าผู้อื่นโกรธ แล้วเป็นผู้มีสติสงบเสียได้ ผู้นั้นชื่อว่าย่อม ประพฤติประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย คือ แก่ ตนและแก่บุคคลอื่น เมื่อผู้นั้นรักษา ประโยชน์อยู่ทั้งสองฝ่าย คือ ของตนและ ของบุคคลอื่น ชนทั้งหลายผู้ไม่ฉลาดใน ธรรมย่อมสำคัญบุคคลนั้นว่า เป็นคนเขลา

    ดังนี้. [๖๓๔] เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเจ้าอย่างนี้แล้ว อักโกสกภาร-ทาวชพราหมณ์ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก พระโคดมผู้เจริญทรงประกาศพระธรรมโดยปริยายเป็นอันมากเปรียบเหมือนบุคคลหงายของที่คว่ำเปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลงทาง หรือส่องประทีปในที่มืดด้วยคิดว่า คนมีจักษุย่อมเห็นรูปฉฉะนั้น ข้าพระองค์นี้ขอถึงพระโคดมผู้เจริญ พระธรรม และพระภิกษุสงฆ์ว่าเป็นสรณะ ขอข้าพระองค์พึงได้บรรพชา พึงได้อุปสมบทในสำนักของพระโคดมผู้เจริญ. อักโกสกภารทวาชพราหมณ์ ได้บรรพชา ได้อุปสมบทแล้ว ในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้า ก็ท่านอักโกสกภารทวาชะอุปสมบทแล้วไม่นานแล หลีกไปอยู่ผู้เดียว ไม่ประมาท มีความเพียร มีจิตมั่นคงอยู่ ไม่นานเท่าไรนัก ก็กระทำให้แจ้งซึ่งคุณวิเศษยอดเยี่ยม เป็นที่สุดแห่งพรหมจรรย์ ซึ่งกุลบุตรทั้งหลายออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตโดยชอบมีความต้องการ ด้วยปัญญาเป็นเครื่องรู้ยิ่งเองในปัจจุบันนี้เข้าถึงอยู่ ได้ทราบว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่จะต้องทำได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นอีกเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี ก็แหละ ท่านพระอักโกสกภารทวาชะได้เป็นพระอรหันต์รูปหนึ่ง ในบรรดาพระ-อรหันต์ทั้งหลาย ดังนี้แล.



    จบอักโกสกสูตร

    พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ ๒๐๑
     
  10. เทพบุตรลั้ลลาลั้ลลั้ลลาาา

    เทพบุตรลั้ลลาลั้ลลั้ลลาาา เพื่อมวลมนุษย์แลสรรพสัตว์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2014
    โพสต์:
    872
    ค่าพลัง:
    +1,936
    ถ้าจบกิจในพระศาสนาแล้ว ใจไม่แฟบไม่ฟู ไม่ปรุงเป็นบาปบุญ มีชีวิตอยู่อย่างผู้เหนือโลก
    อย่างพระศาสดา และพระอรหันตสาวก ท่านไม่ต้องรักษาใจอีกแล้ว ...แต่เราผู้ปุถุชน รวมทั้ง ผู้เหมือนจะเป็นอริยะจากการวางฟอร์ม แต่แค่ปุถุชน นั้นควรรักษาใจ เพราะไม่ได้เป็นไปเพียงกิริยาจิตหรือมหากิริยาจิต คือจิตไม่ก่อภพ อย่างพระอรหันต์
     
  11. Xtrem

    Xtrem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +275
    การตามรักษาใจ ก็เหมือนคนมีบ้าน ต้องคอยตามปัดกวาดเช็ดถูดูแลอยู่ตลอด
    น่าจะเบื่อหน่ายกันได้แล้วนะ เผาบ้านทิ้งไปแต่ตัวเปล่าๆ สบายใจดี ไม่ต้องมีห่วงภาระหน้าที่ต้องคอยดูแลปัดกวาดเช็ดถู ไม่ให้ฝุ่นหรือกิเลสมาจับ ดังภาษิตของท่านเว่ยหลางที่ว่า " ไม่มีต้นโพธิ์ ทั้งไม่มีกระจกเงาอันใสสะอาด
    เมื่อทุกสิ่งว่างเปล่าแล้ว ฝุ่นจะลงจับอะไร?" :cool:
     
  12. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ความประมาทน่ะครับคุณลั้ลลา ธรรมดาผู้รู้ทั้งหลายท่านจะสมาทานความไม่ประมาทเป็นเครื่องอยู่ประจำใจกัน นัยก็คือมีสีลวิสุทธิเป็นเบื้องต้นนั่นเอง ดังนั้นจะทำอะไรท่านเอาสตินำหน้าก่อน ไม่ใช่เอาปัญญานำหน้า ถ้าเอาปัญญานำหน้า มันทะเลาะกันได้ ไม่เลิกเสียด้วยครับ
     
  13. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    พระผู้มีพระภาคได้ตรัสอธิบายถึงความแตกต่างระหว่างคนพาลและบัณฑิต
    ดังพระองค์ได้ทรงแยกให้เห็นลักษณะของคนพาล เครื่องหมายของคนพาล
    และความประพฤติที่ไม่ขาดสายของคนพาล

    คนพาลนั้นจะมีปกตินิสัยอยู่ ๓ ประการ คือ
    ๑. คิดแต่เรื่องไม่ดี
    ๒. พูดถึงแต่เรื่องไม่ดี
    ๓. ทำแต่สิ่งไม่ดี
    เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงเป็นที่สังเกตของบัณฑิตว่า
    ผู้นั้นผู้นี้เป็นคนพาล

    ในทางตรงกันข้าม พระพุทธองค์ก็ได้ตรัสสอนถึงลักษณะของบัณฑิต
    เครื่องหมายของบัณฑิตและความประพฤติที่ไม่ขาดสายของบัณฑิต
    โดยทรงแยกให้เห็นว่า

    บัณฑิตนั้นจะมีปกตินิสัยอยู่ ๓ ประการ คือ
    ๑. คิดแต่เรื่องดี
    ๒. พูดถึงแต่เรื่องดี
    ๓. ทำแต่สิ่งที่ดี
    เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงเป็นที่สังเกตของบัณฑิตได้ว่า
    ผู้นั้น ผู้นี้เป็นบัณฑิต

    พระผุ้มีพระภาคได้ตรัสถึงสิ่งที่บอกลักษณะของคนพาลหรือบัณฑิต
    ตามนัยของอัจจยสูตร โดยตรัสว่า

    คนพาลนั้นประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ คือ
    ๑. ไม่เห็นโดยความเป็นโทษ (ทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิด)
    ๒. เห็นโทษโดยความเป็นโทษแล้ว (แต่ยังรั้นจะรับโทษ)
    ๓. เมื่อถูกอบรมสั่งสอนชี้โทษ ไม่ยอมรับรู้ (ยังแก้ตัวอยู่ร่ำไป)

    พระผู้มีพระภาคได้ตรัสถึงสิ่งที่บอกลักษณะของบัณฑิตนั้นว่า
    ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ คือ
    ๑. เห็นโทษโดยความเป็นโทษ (ทำผิดแล้วยอมรับผิด)
    ๒. เห็นโทษโดยความเป็นโทษแล้ว (ยอมรับโทษนั้นโดยดี)
    ๓. เมื่อถูกอบรมสั่งสอนชี้โทษ (ก็ยอมรับรู้และแก้ไขในส่วนที่ผิด
    และเห็นผู้ชี้โทษให้เป็นเหมือนผู้บอกขุมทรัพย์ให้)

    :b53: :b53:

    (จินดาสูตร ติกนิบาตและอัจจยสูตร ติกนิบาต เล่ม ๒๐ ข้อ ๔๔๒-๔๔๓)

    คัดลอกจากหนังสือเรื่อง เตือนตนด้วยพุทธโอวาท
    เรียบเรียงโดย แก้ว สุพรรโณ
    กรุงเทพ : ไพลิน, ๒๕๔๒ หน้า ๒๒-๒๓
     
  14. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    "อะเสวะนา จะ พาลานัง"

    คบคนพาลพาลพาไปหาผิด

    ปราชญ์ทั้งหลายสอนไว้ว่า"คบคนพาลพาลพาไปหาผิด" นิสัยของคนพาลนนั้น
    ชอบการทะเลาะวิวาท ชกต่อย ชอบความรุนแรง
    แก้ปัญหาด้วยพละกำลังเหมือนสัตว์ป่า
    การคบคนพาลจึงเป็นเหตุแห่งทุกข์

    ทำให้ทำชั่ว ทำผิด อันนำมาซึ่งโทษภัย

    ทำให้เสียชื่อเสียง ถูกติฉินนินทาว่าร้ายต่างๆ นานา

    ถูกดูหมิ่น ดูแคลน ดูถูกเหยียดหยามจากผู้อื่น

    พาทำในสิ่งที่ไม่ใช่ธุระ ทำตัวเกเร ประพฤติตัวเหลวไหล ไร้สาระ

    หมดคนนับถือ ไม่มีสง่าราศี ไม่อาจหาญในที่ชุมชน

    หมดที่พึ่งทั้งทางโลกนี้และโลกหน้า

    ทำลายชื่อเสียงวงศ์ตระกูล

    เมื่อละโลกไปแล้วย่อมไปสู่อบายภูมิอย่างแน่นอน

    ย่อมเป็นทุกข์ทุกเมื่อ แม้หลับก็ฝันร้าย

    เป็นที่เกลียดชังของคนทั่วไป

    คนพาล หมายถึง คนที่มีใจขุ่นมัวเป็นปกติ เป็นผลให้มีความเห็นผิด
    ยึดถือค่านิยมผิดๆ และมีวินิจฉัยเสีย คือไม่รู้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว
    อะไรควร อะไรไม่ควร

    ลักษณะคนพาล

    1.ชอบคิดชั่วต่ำเป็นปกติวิสัย ได้แก่ คิดละโมบอยากได้ในทางทุจริต
    คิดพยาบาทปองร้าย คิดเห็นผิดเป็นชอบ ฯลฯ

    2. ชอบพูดชั่วต่ำเ็ป็นปกติวิสัย ได้แก่ พูดบด พูดหยาบ
    พูดส่อเสียดยุยง พูดเพ้อเจ้อ ฯลฯ

    3. ชอบทำชั่วเป็นปกติวิสัย ได้แก่ เกะกะเกเร
    ชอบล้างผลาญชีวิตคนและสัตว์ ลักทรัพย์ ฉุดคร่าอนาจาร ฯลฯ

    ประเภทของคนพาล

    1. พาลภายนอก คือคนพาลทั่วไป สามารถหาทางหลีกเลี่ยงได้

    2. พาลภายใน คือตัวเราเองขณะที่คิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว

    โทษของการคบคนพาล

    1. ย่อมถูกชักจูงนำไปในทางที่ผิด

    2. ย่อมเกิดความหายนะ การงานล้มเหลว

    3. ย่อมถูกมองในแง่ร้าย ไม่ได้รับความไว้วางใจจากบุคคลทั่วไป

    4. ย่อมอึดอัดใจ เพราะคนพาลแม้เราพูดดีๆ ด้วยก็โกรธ

    5. หมู่คณะย่อมแตกความสามัคคี
    เพราะการยุยงและไม่ยอมรับรู้ระเบียบวินัย

    6. ภัยอันตรายต่างๆ ย่อมไหลเข้ามาหาตัว

    7. เมื่อละโลกแล้ว ย่อมมีอบายภูมิเป็นที่ไป

    "ตลอดเวลาที่บาปยังไม่ให้ผล คนพาลสำคัญบาปเหมือนน้ำผึ้ง
    เมื่อใดบาปให้ผลคนพาลย่อมเข้าถึงทุกข์เมื่อนั้น"

    ����� ���¶֧ �������㨢��������繻��� ��繼�����դ�����繼Դ �ִ��ͤ�ҹ����Դ� ������ԹԨ������� ���������������ô� ���ê��� ���ä�� ����������
     
  15. choksila58

    choksila58 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    631
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,059
    ..ก้อมีแต่ไลค์ให้ไป..
     
  16. DR-NOTH

    DR-NOTH เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    581
    ค่าพลัง:
    +1,276
    เสวนาได้เพื่อช่วยยกระดับสติปัญญา ให้แสงธรรมส่องทาง มุ่งช่วยเหลือเป็นเจตนาหลัก ....
    ไม่เลือกชนชั้นวรรณะ ไม่แบ่งแยกดีชั่ว
    ช่วยเหลือด้วยเมตตา มโนธรรม ตามโอกาส และวาระเอื้ออำนวย ..
    ^__^ ขอทุกท่านเจริญในธรรม ครับ
     
  17. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    บางทีก้อไม่ไหวค่ะ ครูอ้อยสอนว่าอย่าอยู่ใกล้คนให้พลังงานด้านลบ หรือภาษิตที่กล่าวว่าเราอยากเป็นคนแบบไหนประสบความสำเร็จไปเป็นใคร ให้ใกล้ชิดคนแบบนั้น ยังใช้ได้เสมอค่ะ จนกว่าคนเหล่านั้นหรือแม้แต่ข้าพเจ้าเองด้วย ยกระดับจิตใจให้ดีขึ้นแล้ว มิตรดีๆถึงจะหลั่งใหลเข้าไปคบหาค่ะ
     
  18. Higtmax

    Higtmax เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    2,324
    ค่าพลัง:
    +4,774
    อันนี้รู้สึกได้เลยครับ ว่าถ้าอยู่ใกล้ๆคนด้านลบแล้วเนี่ย จะรู้สึกเหมือนหดหู่ เคร่งเครียดเกลียดชัง
     
  19. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    ที่นำมาลงเพื่อเป็นแนวทางครับ...
    บางทีเราก็อาจจะเผลอลืมตัวกันได้...
    คนพาลมี ๒ ประเภท คือ ๑.พาลภายนอก
    และ ๒.พาลภายใน...
    เพราะฉนั้นถ้าเราเข้าใจว่า เราเป็นชาวพุทธ
    และเป็นนักปฎิบัติ เราก็ต้องควรระมัดระวัง
    ระพึ่งสังวรณ์เอาไว้ เพื่อระมัดระวัง
    ตัวเองไม่ให้พลั้งเผลอครับ...
    ทุกคนเคยทำผิดพลาดมาแล้วทั้งนั้นหละครับ
    เราเป็นมนุษย์ธรรมดา ถ้าเราดีจริง
    ป่านนี้คงไม่ได้ลงมาเวียนว่ายตายเกิดกัน
    แล้วหละครับ...
     
  20. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ดิฉันก้อมีมโนกรรมพาลๆบ่อย ต้องเจริญสติให้สม่ำเสมอ
     

แชร์หน้านี้

Loading...