... แล้วเราจะเล่าให้ฟัง ...

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สายฝนฉ่ำเย็น, 1 กุมภาพันธ์ 2011.

  1. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    ยังมะนอนอีกหรือเจ้ายุ้ย....สวดมนต์หรือยังวันนี้...นอนดึกพรุ่งนี้ตาบวมมะรู้ด้วยน๊า...
     
  2. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    #19 .. แล้ววันนั้นก็มาถึง ..2

    แม่บอกว่า ฉันสองคนพี่น้อง ได้รับความรัก ความเอาใจใส่ ความเป็นคนขึ้นมา ก็เพราะตา ... แม่อยากให้ฉันรดน้ำดำหัวตาในวันสงกรานต์และขอพร และให้ล้างเท้าให้ตาเป็นการขอขมากรรมกับตาด้วย ก่อนที่จะสายเกินไป...แต่พอไปถึง ตาแทบจะลุกนั่งไม่ไหวเลย...ฉันเห็นท่านลำบากมาก แม่บอกว่า ... ถ้าอย่างนั้น ยกพานขอขมากรรมเลย...ไม่ต้องล้างเท้าให้ตาแล้วกัน...ครอบครัวฉันขอขมากรรมกันทั้งหมดก่อน...ฉันกับสามีขอขมากรรมเรื่องที่ทำให้ตาเสียใจที่สุด...และฉันกับพี่ชายขอขมากรรม ที่ได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ทั้งที่ตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ...พอเสร็จ สามี และ แม่ของฉัน ก็แยกย้ายออกไปนั่งคุยกับญาตินอกห้อง..เหลือเพียงฉันกับพี่ชาย...ที่นั่งคุยกับตาอยู่ในห้อง... จู่ๆ ตามองหน้าฉันแล้วถามว่า...“เอ็งสองคนอยากอาบน้ำให้พ่อไหม” (ตาเวลาคุยกับฉันบางครั้ง จะแทนตัวเองว่าพ่อ เพราะท่านเห็นเหมือนฉันเป็นลูกคนสุดท้องของท่าน (แต่ฉันเห็นมากกว่านั้น หลังจากที่ท่านเสียชีวิตแล้ว จึงเข้าใจ))...ฉันมองหน้าพี่ชาย พี่ชายก็มองหน้าฉัน เหมือนไม่แน่ใจในคำพูดที่ได้ยิน...ว่า...ตาพูดกับเราสองคนหรือเปล่า...แล้วตาก็พูดอีกครั้งด้วยเสียงดังกว่าเดิม เพราะคิดว่า พวกฉันไม่ได้ยินเสียงท่าน...“เอ็งสองคนอยากอาบน้ำให้ตาไหม”...ฉันรีบพยักหน้า...ฉันรู้แล้วว่าตาจะให้ฉันทำอะไร..แต่พี่ชายฉันยังนั่ง งง อยู่ เพราะเขาเห็นว่า ตาลุกไม่ได้แล้ว จะให้อาบน้ำให้ยังไง...พอฉันรับพยักหน้า และบอกว่า อยาก...ตาพูดต่อว่า ... “เอ็งไปผสมน้ำอุ่นนะลูก เตรียมน้ำไว้ แล้วพ่อจะลุกตามเอ็งไปห้องน้ำ”...ฉันพยักหน้า..แล้วเดินไปบอกป้าว่า ตาจะให้ฉันอาบน้ำให้ ขอน้ำร้อนหน่อย...ป้าบอกว่า..ตาเพิ่งจะเช็ดตัวไปเมื่อกี้นี้เอง ก่อนหน้าที่พวกฉันจะมาไม่นาน แต่ถ้าจะอาบอีกก็ตามใจ จะต้มน้ำให้...ฉันก็สองจิตสองใจ จะเอาไงดี ฉันกลัวผู้ใหญ่ว่า...ว่าฉันหาเรื่องไม่เข้าเรื่อง...ฉันเลยตัดสินใจ..ยกกระติกน้ำร้อนตา เทน้ำใส่กะละมัง ผสมน้ำให้อุ่น แล้วเดินมาบอกตา ว่าเตรียมน้ำแล้ว...ตาพยักหน้ารับ...และจะลุกขึ้น...แต่...ตาพยายามเท่าไหร่ก็ลุกไม่ขึ้น เพราะเจ็บไปหมดทั้งตัว...ภาพที่ฉันเห็นตรงหน้า ไม่ได้ทรมาณแค่ตา แต่ทรมาณใจฉันเสียเหลือเกิน...ฉันไม่อยากร้องไห้...ให้ตาเห็น...จะประครองก็เจ็บ จับตรงไหนก็เจ็บ ...ฉันกับพี่ชายช่วยกันประครอง..ก็เจ็บไปทั้งตัว...ฉันบอกว่า...ไม่ต้องลุกแล้ว นอนเถอะ...ไม่ต้องอาบน้ำหรอก...ตาบอกว่า...ไม่เป็นไร ตาจะให้พวกเอ็งอาบน้ำให้ตา...แล้วก็จะลุกอีก พ่อเลี้ยงฉันเห็น เลยพยายามาประครองกัน 4-5 คน ... ใจท่านแข็งแกร่งมาก เหมือนท่านกำลังพยายามจะสู้กับสังขารที่อ่านแรงเต็มทีแล้ว...เพียงเพื่อให้ฉันสองคนพี่น้อง อาบน้ำให้...จนสุดท้าย...พวกเราประครองท่านนั่งบนรถเข็นของผู้ป่วย...ท่านขึ้นมานั่งแล้วหน้าบิดเบี้ยว เพราะเจ็บไปทั่วร่างกาย ...ท่านนั่งเอาศีรษะพิงที่พนักพิงด้านขวา ศีรษะเอียงตกลงมานิดหน่อย...เพราะความที่เจ็บมาก...แต่ใจสู้เกิน 100 นี่แหละ ที่ฉันทรมาณเหลือเกิน...ท่านบอกว่า “เอ็งพาพ่อไปอาบน้ำที” ฉันเห็นก็ทรมาณแล้ว เลยบอกว่า รถเข้าห้องน้ำไม่ได้ ประตูเล็กกว่า และแคบกว่า...เอาอย่างนี้แล้วกัน หนูล้างเท้าอย่างเดียวแล้วกัน...ตาจะได้นอน ไม่เจ็บมาก เพราะตอนนี้ก็เจ็บอยู่ตลอดเลย...ท่านไม่ตอบ...ท่านมองหน้า...น่ิงไปสักครู่...แล้วพูดว่า...เอ็งจะไม่อาบน้ำให้ตาเหรอ...ฉันไม่รู้จะพูดอะไรอีกแล้ว...ฉันบอกว่า ถ้าอาบน้ำ อาบตรงนี้ได้ไหม หนูจะเช็ดพื้นให้แห้งให้หมด...ตาบอกว่า “เอาอย่างนั้นเหรอ...ถ้าเอ็งว่าดี ตาก็ว่าดี”...คุณเชื่อไหม ท่านให้ฉันสองคนพี่สองอาบน้ำให้ท่าน ไม่ให้ใครเข้ามายุ่งเลย...ฉันอาบน้ำให้ท่านทั้งน้ำตา...ฉันเข้าใจเจตนาของท่าน...ไม่ต้องการให้กรรมติดตัวฉันกับพี่ไป...พรหมของฉัน...ในชีวิตนี้ ถึงแม้ฉันจะมีครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ แต่ฉันไม่เคยขาดความรัก ความอบอุ่นเลย...พรหมของฉัน...ท่านให้ทุกอย่าง กับทุกคน...ท่านคือพระพรหม...ที่ฉันรักที่สุดในชีวิต...

    ฉันหยิบผ้าขนหนู...ซับน้ำในกะละมัง...เช็ด แขน เช็ด ขา เช็ด คร่าวๆ เพราะกลัวท่านจะเจ็บไปกว่านี้...ท่านบอกว่า “หน้าของตาเอ็งยังไม่ได้ล้างเลย ล้างหน้าด้วยลูก”...คุณ..ใจฉันจะขาดให้ได้ ณ ตรงน้น ....พอฉันอาบน้ำเสร็จ ฉันทาแป้ง ให้ท่าน ....ฉันก้มลงกราบที่เท้า...ท่านบอกว่า...ตายกโหสิกรรมให้ ตาไม่เอาไปด้วยนะ...ฉันอยากจะกอดท่านมากมาย ณ ตอนนั้น ... แต่แค่นี้ ท่านก็ทรมาณมากพอแล้ว...ฉันได้แต่กอดเบาๆ กระซิบข้างๆ หนูว่า “ตา อ้อรักตานะ ให้เราได้มาเจอกันอีกนะ”...แล้วพวกเราก็พยุงท่านลงนอนที่เตียงเหมือนเดิม...ตาบอกว่า...เอ็งให้สัญญากับตาได้ไหม...ถ้าตาเป็นอะไร...เอ็งอย่าร้องไห้...ตาบอกอย่างนี้กับทุกคน รวมทั้งฉันด้วย...ฉันพยักหน้า บอกว่ารับปาก...ตาถามว่า...เอ็งแน่ใจนะ รับปากแล้วต้องทำให้ได้นะ...ฉันบอกว่า ฉันขอแค่วันนี้วันเดียว...แล้วฉันจะไม่ร้องไห้อีก...ตาบอกว่า...ดีแล้วลูก แค่นี้ตาก็ไม่ห่วงแล้ว....


     
  3. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    #19 .. แล้ววันนั้นก็มาถึง ..3

    จากนั้นอีกไม่กี่วัน...ตาเริ่มทุรนทุราย เสื้อผ้าใส่ให้ไม่ได้เลย...ร้อนไปหมด..ฉันจับท่าน ท่านก็ไม่ให้จับ...ฉันบอกท่านว่า ฉันมาแล้ว...ท่านก็เพ้อ .... เออ!! ไปเรื่อย...ป้า น้า แม่ฉัน ผลัดกันเฝ้าท่านทั้งวันทั้งคืนมา 2 เดือนกว่าแล้ว ...เร่ิมดูแลใกล้ชิดมากขึ้น แทบจะไม่กระดิกไปไหนกันเลย...เปิดเทปพระไตรปิฏก และ พระคาถาชินบัญชร ที่ท่านชอบสวด ให้ท่านฟังทั้งวันทั้งคืน ... นิมนต์พระมารับสังฆทาน ... ในห้องท่าน ... พระท่านมาเทศ ... ท่านบอกว่า ... ท่านจะไปกลับพระ ... ท่านให้ลูกของท่าน รีดชุดสีขาว คือ เสื้อกุยเฮง และ กางเกงเล ผ้าสไบ สีขาว ที่ท่านใส่สวดมนต์ ให้รีดเตรียมไว้...ท่านบอกว่า ท่านจะใส่ชุดนี้ ไม่ใส่ชุดอื่น ท่านจะไปกราบพระพุทธเจ้า ท่านจะไปกลับพระ...ท่านยำ้แล้วย้ำอีก พวกเอ็งอย่างร้องไห้ อย่าร้องนะ...วันนั้นฉันยังไม่กระจ่างเรื่อง ขันธ์ ๕ ... ภาพที่อยู่ตรงหน้า คือ ตามีเพียงผ้าปิดกายไว้ เพราะใส่อะไรไม่ได้เลย ร่างกายผอมเหมือนตอนที่พระพุทธเจ้าท่าน ฝึกตน ผอมจนหนังท้องแห้งจนเกือบถึงกระดูกสันหลัง สี่โครงกี่ซี่ ไม่ต้องไปดูใกล้เลย เพียงแค่มองก็เห็นแล้วว่าโผล่มาเท่าไหร่...ตอนนี้ เหมือนหนังหุ้มกระดูกดีๆ นี่เอง..ฉันกระซิบบอกท่านว่า...ใช้เค้านะ อดทนใช้เค้าให้หมด...ฉันไม่รู้ว่าท่านได้ยินหรือเปล่า ท่านพยักหน้า และผลักฉันออกไป...ตอนนี้ ท่านไม่รับรู้อะไรแล้ว...เพราะกรรมที่ทำให้ทุรนทุรายอย่างนี้...ฉันน้อมบุญส่งให้เท่าที่ฉันจะทำได้...ท่านเข้าโรงพยาบาลอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย...ฉันไม่ได้ไปเยี่ยมเลย เพราะเป็นครั้งสุดท้ายที่ใช้เวลาน้อยมาก...กว่าทุกครั้ง...

    เช้าวันพุธ ฉันลุกขึ้นสวดมนต์ทำวัตรเช้า ตอนตี 4 กว่าๆ คืนนั้น ฉันนอนไม่ค่อยหลับ...เลยเปิด ทีวี ดูรายการ ธรรมะตอนเช้ามืด...พระท่านสอนเรื่อง “ขันธ์ ๕” พอท่านอธิบายเสร็จ ... ฉันเข้าใจ ทันที เพราะภาพที่ฉันเห็น ... เป็นของจริง คือ ร่างกายของคุณตาฉัน ที่เป็นธรรมทานให้แก่ฉัน...ให้กับการเข้าใจสัจจธรรมของชีวิตจริง...กฏไตรลักษณ์ที่เกิดขึ้น...ทั้งหมด...ฉันก้มลงกราบ..พระผู้บรรยาย แล้วขึ้นไป อาบน้ำ สวดมนต์ทำวัตรเช้า ...

    ห้องพระของฉันตอนแรก...เป็นห้องเล็กด้านในชั้นบน ... ครึ่งห้อง แบ่งเป็นห้องทำงาน กั้นไว้ด้วยตู้เสื้อผ้าใบใหญ่...อีกครึ่งห้องบริเวณที่ตรงกับประตูห้อง เป็นห้องพระ ... ถ้าฉันนั่งสวดมนต์ ทำสมาธิ หน้าฉันหันหน้าเข้าหาพระ ข้างหลังฉันเป็นประตูห้องพอดี ...

    ในขณะที่ฉันสวดมนต์ทำวัตรเช้า...เหมือนกับมีใครมายืนข้างหลังฉัน มายืนที่หน้าประตูห้องพระ...ฉันหันไป ทั้งที่มือยังยกพนมอยู่...คุณตาของฉัน ท่านมายืนตรงประตู ใส่เสื้อกุยเฮง นุ่งกางเกงเล พาดสไป ยืนกุมมือ มองหน้าฉัน...ฉันยกมือไหว้...และน้อมบุญ ให้ท่านอนุโมทนากับฉัน ... ท่านพยักหน้ารับ...แล้วฉันก็หันมาสวดมนต์ต่อ...จนทุกอย่างเสร็จสิ้น....

    ฉันรู้แล้วว่า...ดวงจิตเคลื่อนที่แล้ว...รอเพียงสังขารดับเท่านั้น...ฉันไม่ร้องไห้เลย...ฉันเล่าให้แม่ฟังว่า อีกไม่นานนะ ไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้ ให้เตรียมตัว...ทุกคนไปเฝ้าตากันหมด ยกเว้นฉัน...ฉันติดที่ต้องดูแลลูก และติดงาน...แต่ฉันรู้แล้ว เพราะสังขารไม่รับรู้อะไรแล้ว...จนกระทั่ง

    เช้าวันศุกร์...ประมาณ 8 โมงกว่าๆ ...พ่อเลี้ยงฉันโทรมาบอกว่า...ตาอาการไม่ดีแล้วนะลูก...มาดูใจตาเป็นครั้งสุดท้ายหรือเปล่า...ฉันบอกว่า ไม่ไป...เพราะระยะทางที่จะไป ไกลกันมาก...อาจจะไม่ทัน...เป็นอย่างนั้นจริงๆ ... 9 โมงกว่า เกือบ 10 โมง ...พ่อเลี้ยงโทรมา..บอกว่า....ตาไปแล้วนะ...ฉันบอกว่า ค่ะ...ฉันปิดโทรศัพท์น้ำตาซึม...เตรียมลูก...ขับรถไปโรงพยาบาล....ฉันบอกลูกว่า...เราไปรับตาทวดกันนะลูก....ในขณะที่ขับรถไป...ฉันบอกลูกว่า..ถ้าแม่เป็นผู้ชาย แม่จะบวชให้ตาทวด...แต่แม่เป็นผู้หญิง...แม่บวชไม่ได้...ลูกบวชแทนแม่ได้ไหม...เขาบอกว่า เขาจะบวช...เขาแค่ 5 ขวบกว่าๆ เอง...น้ำตาฉันคลออีกแล้ว...ฉันขับรถไป นึกถึงคำที่ท่านสอน จนวินาทีสุดท้าย ท่านรู้ว่า ฉันโกรธใคร ที่ทำร้ายจิตใจฉัน ... ท่านบอกว่า ...“อโหสิกรรมให้เขานะลูก อย่าแบกไปด้วย วางมันไว้ให้ได้ แล้วเอ็งจะเป็นสุข”...ฉันนึกถึงภาพตอนที่เข้าโรงพยาบาลครั้งหลังๆ ฉันไปเยี่ยม...ภาพที่เห็นคือท่านนอนนิ่งๆ เหม่อมองเพดาน มองพัดลมเพดาน...ฉันไปถึงก็จุ๊บ จุ๊บหัวเหม่งท่าน กอดท่าน หอมท่านไปทั่วหน้า...ฉันถามว่า...รู้ไหมใครมาหา...ท่านยิ้ม..แล้วบอกฉันว่า...แล้วเอ็งจะให้ตาตอบว่าเป็นใคร...ฉันตอบกลับไป...เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ มั๊ง..ท่านเอามือตีหัวฉัน..แล้วหัวเราะ จากนั้นก็คุยกันด้วยเสียงที่ดัง...แล้วเราก็คุยกันเรื่องบทสวดมนต์...ฉันขอหนังสือสวดมนต์ท่าน ฉันบอกว่า ฉันจะเก็บไว้เป็นที่ระลึก...เพราะหนังสือสวดมนต์นี้ อยู่ติดตัวตาตลอดเวลา...ฉันบอกว่า...หนูขอนะ...ตาพยักหน้า...เออ ตายกให้...สักพัก ตามองไปที่เพดานอีกแล้วพูดว่า...“เมื่อสังขารดับ...ดวงจิตก็เคลื่อนย้าย...ไปสู่สังขารใหม่”.....ฉันร้องไห้...พูดทั้งน้ำตาว่า...ใช่แล้ว ถูกแล้ว..นั่นคือสิ่งที่ฉันพยายามบอกตามาหลายครั้ง...ฉันสัมผัสได้แล้วว่า..ท่านรู้แล้ว...ท่านพูดต่อว่า ... สังขารและดวงจิตนี้ รับกรรมที่ทำมา...แล้วก็เปลี่ยนสังขารใหม่..ท่านบอกว่า ตอนนี้ท่านอายุ 31 ปี...ฉันพูดให้ตลกว่า...จะให้หวยเหรอ...ซื้อไม่เคยถูก...แล้วจะถูกไหมเนี่ย...ท่านหัวเราะ...ท่านบอกว่า...ตอนนี้ท่านเรียนหนังสืออยู่ชั้นประถม...ฉันรู้ว่าท่านหมายถึงอะไร...ฉันตอบว่า...ถ้าตาอยู่ชั้นประถม...ตอนนี้ฉันเหมือนเพิ่งจะเข้าอนุบาล...เพราะยังมีอะไรอีกมากมายที่ฉันต้องเรียนรู้...ท่านบอกว่าใช่...ยกเอาแต่ตัวบุญนะลูก...คนไม่เห็น...ผีเห็น...เขาก็ให้พรเอ็งให้มีความสุข...จำคำตาไว้นะ...

    คุณรู้ไหม...ตอนนี้ ฉันร้องไห้ตาบวมแล้ว แสบตามากๆ ...แต่ฉันต้องพิมพ์ให้จบ....

    วันนั้น...ไม่ว่าจะเป็นภาพ เป็นเสียง ของตา ขึ้นมาเป็น short short เหมือน replay เตือนใจฉัน ให้ระลึกถึงคำสอน...ของพระพรหมของฉัน..ที่มาเพื่อ...ให้...ให้...และให้จริงๆ...ฉันถึงโรงพยาบาล ก็เจอญาตพี่น้องรออยู่หลายคนแล้ว...รอที่เขาทำเกี่ยวกับมรณบัตรและอะไรๆ อีกหลายๆ อย่าง..พอเจ้าหน้าที่บอกว่าให้รับศพได้...เขายกโลงขึ้นรถ ฉันบอกลูก ให้เคาะโลงบอกตาทวดว่าจะบวชให้...ลูกฉันปกติกลัวผีมาก...แต่วันนั้น เขาขอขึ้นรถส่งศพไปด้วย และเคาะโลงบอกตาทวดว่า...“ตาทวดครับ...ผมจะบวชให้ตาทวดนะครับ”... แล้วฉันก็ขับรถตามไป....

    (วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะคะ แล้วฉันจะมาเล่าต่อ)






     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2011
  4. windybliss

    windybliss Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +51
    พี่อ้อก็นอนดึกเหมือนกันนะคะ รักษาสุขภาพด้วย รออ่านต่อค่า ^^
     
  5. นายวีระศักดิ์ ท

    นายวีระศักดิ์ ท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2006
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +1,003
    เข้ามาอ่าน และจะตามต่อ ขอให้กำลังใจครับ
     
  6. ยอดผธู

    ยอดผธู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    302
    ค่าพลัง:
    +272
    อ่านจบแล้วค่ะถ้าเขียนต่อก็จะมาอ่านต่อไปนะค่ะบอกตรงๆนะไม่ได้กระแด๊ะทำไมตอนคุณตาคุณป่วยน้องรู้สึกสะเทือนใจเหมือนตื้นตันจะร้องตามเหมือนมีอะไรมาจุกที่คอหอยเข้าใจว่ามันช่างทรมานจริงๆหรือว่าน้องเป็นคนอ่อนไหวกับเรื่องพวกนี้แต่ไงก็ได้ความรู้ค่ะ
     
  7. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    ขอบคุณค่ะ ที่ติดตามอ่าน .. ข้อความใดที่เป็นประโยชน์ ก็ขออนุโมทนาบุญด้วยนะคะ...แค่คุณอ่านตาม...คุณยังจุกคอ...ฉันคนเดินเรื่อง...พิมพ์ไป น้ำตาเปียกไป...เมื่อคืน ล้างหน้า ไปหลายรอบ...จนไม่ไหวแล้ว...เลยต้องขอหยุดก่อน...บวกกับ งานเข้าพอดี จึงขอเวลาเคลียร์งาน 2-3 วัน....แล้วจะกลับมาเล่าต่อนะคะ...

    อีกอย่างดิฉัน...ไม่ได้จะมาสอนใคร...เพราะดิฉันเป็นบัวที่ยังไม่พ้นน้ำเลย...แล้วจะไปสอนใครได้...ที่เล่าประสบการณ์ของตัวเอง...เพราะคิดว่า น่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่หาทางออก...ในการที่เจออะไรแบบฉันบ้าง...เพื่อเป็นบุญกุศล ในข้อพรหมวิหาร ที่ดิฉันเข้าใจ... อนุโมทนา สาธุด้วยนะคะ ... เพราะกว่าจะผ่านวันที่เลวร้ายมาได้ .... ฉันมองกลับมา ... ขอบคุณที่ทำให้ฉันเกิดบนผืนแผ่นดินไทย .... ขอบคุณที่ทำให้ฉันเกิดมาทันในหลวง ..... ขอบคุณที่ทำให้ฉันเกิดมาได้พบคำสอนของพระพุทธเจ้า ... ขอบคุณ ท่านที่อยู่ในใจ ที่สอนให้ฉันปล่อยวาง ... จนใจฉันเป็นสุขตามคำท่านสอน .... แค่นี้ ก็ถือว่า ... ฉันยังมีพอมีบุญที่ยังมีผู้ชี้แนะให้พ้นจากทุกข์ของตนเอง ... ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

    เรื่องราวยังมีอีกมาก...นี่ยังไม่เข้าเรื่องไปดูกรรมให้คนอื่นเลยค่ะ..ถ้าเห็นว่าเป็นประโยชน์ก็ติดตามต่อได้นะคะ...ดิฉันจะเล่าจนกว่า...จะหมดหน้าที่ค่ะ...ขอบคุณทุกๆ ท่านที่ให้แรงใจนะคะ...ขอบคุณค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กุมภาพันธ์ 2011
  8. OneLostSoul

    OneLostSoul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    985
    ค่าพลัง:
    +355

    ขอบคุณความทุกข์ที่ผ่านเข้ามาค่ะศิษย์พี่ สาธุ..


    ปล.1 พกดาบพร้อมทิ่มแทงไว้ในจิตใต้สำนึกแห่งความมีทิฐิมานะ
    กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ย่อมเชือดเฉือนและสร้างกรรมต่อเนื่องโดยไม่รู้ตัว
    ทั้งหมดล้วนปูทางสู่อบายของสัตว์นั้น ๆ เอง หาได้สร้างเพื่อผู้อื่นไม่..

    โทสะในฐานะ "ผู้ดู" จึงไม่มี.. มีแต่เมตตา

    ปล.2 อุเบกขาแล้วจริงค่ะท่านพี่ รอเคลียร์งานกลับมาพิมพ์ให้อ่านต่อนะคะ มีอะไรให้ช่วยก็บอกค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กุมภาพันธ์ 2011
  9. ศิวกา

    ศิวกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    656
    ค่าพลัง:
    +779
    สู้ๆ นะจ๊ะ เป็นกำลังใจให้จ้าาาาาาาาา
     
  10. jirarad

    jirarad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +487
    เป็นกำลังใจให้คุณค่ะ
     
  11. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    :cool:โมทนาบุญ สาธุฯ :cool:

    ขออภัยคุณแม่หมออีกครั้ง ยิ้มบอกแล้วว่าตอบตามสัญญาความจำได้ ความสามารถของยิ้มคงไม่สามารถให้คุณยอมรับได้หรอกค่ะ เพียงแต่คุณถามเพื่อทดสอบ ยิ้มก็ตอบให้คุณทราบว่ายิ้มมีความรู้เท่านี้

    คุณเป็นคนฉลาด..คงต้องไปกราบครูบาอาจารย์ที่คุณยอมรับเอาเอง
     
  12. Helen

    Helen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +803
    อนุโมทนากับพี่สายฝนนะคะ อ่านจบแล้วมีความรู้สึกดีๆผุดขึ้นในใจอย่างบอกไม่ถูก

    อ่านมา2-3 วันแล้วค่ะ แต่เพิ่งอ่านจบวันนี้ พอดีไม่มีเวลาได้อ่านต่อเนื่องกันนานๆ

    ขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ ^__^






     
  13. ทีฆา

    ทีฆา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2011
    โพสต์:
    600
    ค่าพลัง:
    +3,641
    อิอิ ถึงเวลาต้องอ่านแล้ว

    ขอบคุณมากครับสำหรับประสบการณ์ดีๆ และที่ยิ่งต้องขอบคุณเป็นอย่างยิ่งคือทำให้ผมเข้าใจการปฏิบัติแบบยุบหนอพองหนอมากขึ้น

    ขออนุโมทนาในบุญที่คุณ สายฝนฉ่ำเย็น ทำมานะครับ และขอเป็นกำลังใจให้กับทุกเรื่องทั้งทางโลกทางธรรม และการเขียนบอกเล่าประสบการณ์นะครับ
     
  14. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    แม่หมอจ๋า...น้ำตาแห้งแล้วหรือยัง สบายใจขึ้นแล้วมาเล่าต่อนะ เราจะรอแม่หมอมาเล่าต่อจ้ะ
     
  15. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    #19 .. แล้ววันนั้นก็มาถึง ..4

    เมื่อมาถึงศาลา...ฉันโทรบอกสามี...ว่าถึงศาลาแล้ว...จะรดน้ำตอน 4 โมง...ให้มาให้ทัน...เพราะเขาก็รักตาของฉันเช่นกัน...เขายกตาออกจากโลง ลงมานอนบนตั่ง...ภาพข้างหน้าที่ฉันเห็นตอนนี้...คือ ตาอยู่ในเสื้อแขนสั้นสีขาว ติดกระดุมหน้า ใส่กางเกงเลสีขาว...ฉันหันมามองหน้าแม่...และบอกแม่ว่า...ตาไม่ได้จะใส่เสื้อตัวนี้ ตาจะใส่เสื้อกุยเฮงที่เคยใส่สวดมนต์...แม่บอกว่า...แม่รู้แล้ว แต่เสื้อพวกนั้นบางเหลือเกิน...แม่กลัวตาจะหนาว...ฉันก็พยักหน้ารับทราบ...ตอนนี้ ตานอนนิ่ง ไม่ขยับแล้ว...เหมือนคนนอนหลับ...ฉันจับมือของตา...ส่งใจให้...ว่าฉันรักตานะ ฉันรักตานะ...จับมือที่เคยจับ...ฉันจับเท้าตา...บีบ...เอาแก้มไปซบที่เท้าตา...เท้าตายังอุ่นอยู่เลย...มือยังเหมือนเดิมเลย...เหมือนที่ฉันเคยจับ...ความรักของตาต่อพระเจ้าแผ่นดินยังอยู่ที่แขนขวา...จนกระทั่งหมดลมหายใจ...ตารักในหลวงมาก...ช่วงนั้นที่ใครเขาฮิตสายรัดข้อมือ “เรารักพระเจ้าแผ่นดิน” กัน...ตาบอกว่า...ตาจะมีกับเขาด้วย...ผ่านมาหลายปี...สายรัดเส้นนั้น ก็ยังอยู่ในข้อมือของตาเหมือนเดิม...ฉันเป็นคนตักน้ำอบส่งให้แขกที่มาในงาน...พี่ชายฉันอยู่ที่ฟากหนึ่งของสังขารตา...เรานั่งคุยกัน..โดยมีตาอยู่ตรงกลาง...พี่จับตา...บีบแขน จับตรงโน้น ตรงนี้...เหมือนรู้ว่า...ได้แค่วันนี้ สุดท้ายแล้วที่จะได้สัมผัสกายนี้...ฉันให้ลูกชายมากราบตาทวด ก่อนที่จะรดน้ำ...เขานั่งใกล้มาก...ผิดกับอาการที่เคยกลัวผีเลย...ฉันบอกให้เขา จับมือตาทวดด้วย ล้างมือให้ตาทวดด้วย เขาก็ทำ....จนถึงคราวของฉันกับพี่ชายที่ต้องรดน้ำแล้ว...ฉันน้อมบุญส่ง...คิดว่าจะเกิดปาฏิหาริย์...นิ้วโป้งกระดกอีกหน...เปล่า...ฉันจับมือตา ถู ๆ ล้างมืออยู่อย่างนั้น...พวงมะลิพวงใหญ่ขาวสะอาด ไม่มีดอกไม้อื่นเจือปนเลย...อยู่ที่ข้อมือนั้น...ฉันไม่มีน้ำตา...ฉันรักษาสัจจะที่ให้ไว้กับตา....จนเขานำร่างของตาใส่โลงแอร์...มีช่องหน้าต่างเล็กๆ...ให้ได้เห็นหน้ากัน...พวกเรา...จะพากันไปทักทายตาบ่อยๆ .... มองว่าตาหลับสบายดีอยู่ไหม...หนาวไหม...

    ฉันและน้องๆ ช่วยกันเสริฟน้ำ เสริฟอาหาร รับแขก สวัสดี เชื้อเชิญ...ไม่ว่าใครที่มางานตา ฉันถือว่า ทุกคนคือแขกที่ร่วมงานตา...ฉันไม่เคยพูดเรื่องบวชกับสามีเลย...เพราะเกรงใจ...ใจฉันอยากบอกเขาว่า...เธอบวชแทนฉันได้ไหม...ฉันบวชไม่ได้...อยากให้เธอบวชแทนให้...แต่ก็ไม่พูด...ได้แต่พูดกับลูก...แต่เย็นวันนั้น...แม่เดินมาบอกว่า...สามีฉันจะบวชให้ตา...เพราะลูกอายุแค่ 5 ขวบ พระท่านไม่บวชให้ ต้อง 10 ขวบขึ้นไป...ฉันน้ำตารื้น...ดีใจ...ที่เขารับรู้ถึงเจตนารมย์ของฉัน...ได้แต่พูดคำว่า “ขอบคุณนะ ขอบคุณมากๆ”.....

    แขกมากันเยอะมาก...บางคนมารดน้ำศพตอนเย็น...กลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วกลับมาฟังพระสวดกันอีกหน...วันแรก...ทุกอย่างวุ่นวาย...แต่ก็เป็นไปด้วยดี...ฉันอยากรู้ว่า ตาอยู่ในนี้หรือเปล่า...ฉันมองหน้าตาในรูปภาพที่ตารักที่สุด...แล้วฉันก็เห็น ตาเดินไปเดินมา ... เหมือนตรวจความเรียบร้อย...ดูแล ไม่ให้มีอะไรขาดตกบกพร่อง...ฉันเตรียมน้ำเพื่อจะเสริฟแขก...ช่วงที่รอ ก็ยืนคุยกัน เพราะมีแต่พี่ๆ น้องๆ ญาติกันทั้งนั้น....แขกมาก็ยังคุยกันอยู่...เพราะคิดว่า มีคนอื่นในศาลา เขาก็คงจะรับแขกเอง...ตามายืนข้างหน้า แล้วดุ “เอ็งคุยกันอยู่นั่นแหละ แขกมาแล้ว” ฉันก็ยิ้มๆ ... จ๊ะ ... ฉันตอบในใจ ...

    งานตาลูกๆ เขาตั้งใจจะสวด 7 วัน แต่ทำไปทำมา ติดโน่นนี่ เท่ากับว่า ศพได้ไว้ 9 วัน และสวด 7 วัน...ช่วง 2 วันที่ไม่มีสวด ลูกๆ หลานๆ ก็มาอยู่เป็นเพื่อนตา มาถวายอาหารพระ ทั้งเช้า ทั้งเพล ... มานั่งๆ นอนๆ ในศาลา ไม่ให้ตาอยู่คนเดียว

    คืนที่ 5 นิมนต์พระมาสวดพระมาลัย...ฉันเคยได้ยินแล้วในงานยาย..แต่มันก็หลายปีมาแล้ว..เดี๋ยวนี้เขาไม่ค่อยมีใครนิมนต์พระสวดกัน...เพราะจะใช้เวลานานกว่าปกติ...ฉันก็ตั้งใจจะฟังสวด...แต่ติดที่ต้องช่วยเขาเสริฟน้ำ...เสริฟอาหารกัน...เย็นนั้น...เจ้าหน้าที่ศาลา นำลำโพงเล็กๆ มาติดหน้าศาลา...เพื่อให้แขกที่นั่งอยู่นอกศาลาได้ยินเสียงพระสวด...ศาลาเป็นศาลาแอร์จึงปิดประตูไม่ให้แอร์ออก...และเสียงที่ออกมาก็เบามาก...เห็นแขกไม่มีแล้ว...ฉันนั่งพนมมือ ตามคนที่อยู่ในศาลา..เพราะลำโพงที่ติดไว้ หาใช้ประโยชน์ได้ไม่ (อิอิ ใช้คำโบราณเชียว)...เสียงเบาและซ่าตลอดเวลา...เลยต้องปิดไป....ฉันนั่งพนมมือได้สักพัก...ก็หาวจนน้ำตาไหลแล้วไหลอีก...จนปวดกราม...น้ำตาก็ร่วงผลอยๆ...เสียงตาก็ดังในหูทันที...ไม่มีแขกแล้ว ไปนั่งข้างในสิ เอ็งเคยได้ยินหรือเปล่า ที่พระท่านสวด....ฉันบอกในใจว่า...เคยแล้วตอนงานยายก็เคยได้ยินแล้ว...เดี๋ยวแขกมา นั่งข้างนอกเนี่ยแหละ...แล้วฉันก็นั่งหาวอยู่อย่างนั้น...จนไม่ไหวแล้ว...ต้องลุกขึ้นไปนั่งข้างในศาลา...พ่อเลี้ยงฉันเห็นเข้า...ก็คงเหมือนจะรู้มั๊ง...ท่านทำหน้าแบบว่า...มีอะไรหรือเปล่า...ฉันบอกว่า ตาให้มานั่งข้างใน....ฟังพระสวด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2011
  16. windybliss

    windybliss Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +51
    ขอบคุณค่ะพี่ ตามอ่านต่อไป ค่ะ ^^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2011
  17. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    #19 .. แล้ววันนั้นก็มาถึง ..5

    ฉันอยากจะบอกว่า...ฉันไม่ได้เห็นอะไรเสมอไป...จงอย่าพยายาม คิดว่า ฉันพิเศษกว่าใคร ความสามารถมากมาย...เปล่าเลย...ฉันแค่ขอเห็นกับบางคนเท่านั้น...ถ้าเขาบุญมาก...เขาก็จะให้ฉันเห็นเอง...แต่ถ้าเขาบุญไม่มากพอ...ให้พยายาม...ฉันก็ไม่ได้เห็นเขา...อีกอย่าง...ฉันยังเป็นคน เดินดิน กิน ถ่าย หิวข้าว ปวดท้อง ปวดหัว เป็นไข้ ฯลฯ มีชีวิตเป็นคนๆ หนึ่งเหมือนกัน...อย่าได้ตั้งความหวังอะไรกับฉันมากเลย...บุญสัมพันธ์ก็ช่วยกันไป...ไม่เคยร่วมบุญกันมา...ก็เพียงแค่แวะมาทักกัน...แล้วผ่านกันไป....อีกอย่างสิ่งที่ฉันเห็น...หรือกระทบ...คือ กรรมของฉัน บทเรียนของฉัน ปัจจัตตังของฉันที่เกิดขึ้น...ซึ่งสิ่งเหล่านี้...เมื่อมาได้ วันหนึ่งก็จากไป...หน้าที่ตรงนี้...ฉันไม่ได้ทำตลอดชีวิต...ระยะเวลาก็ถูกกำหนดไว้เช่นเดียวกัน....พอหมดหน้าที่...ฉันก็จะได้ปฏิบัติธรรมอย่างที่ฉันอยากทำ โดยความสะดวก สบายใจต่อไป....จนกว่าจะถึงวันนั้น...หน้าที่ที่ต้องทำก็ต้องทำ....เน๊าะ...

    คุณตาฉันเสียวันที่ 30 เมษายน 2553 ก่อนหน้านั้น เมื่อเดือนกันยายน ... ยายซึ่งเป็นน้องสะใภ้ของตาฉัน ...ท่านเสียชีวิต...นั่นเป็นครั้งแรกๆ ที่เห็นแว๊บๆ แบบ ใจเต้น ไม่เป็นจังหวะเหมือนกัน...แต่ข่มใจไว้...คุณยายคนนี้ เป็นคนใจบุญมาก..ใครมีเรื่องอะไรเดือดร้อนไปหาท่าน ท่านจะช่วยทุกอย่าง โดยเฉพาะกับญาติพี่น้อง...แม่ฉันบอกว่า ตอนเด็กๆ แม่ก็เคยได้อาศัยบ้านท่านอยู่กินเหมือนกัน..ลูกหลานหลายรุ่นแล้ว ที่ได้แวะเวียนมาพัก มาอาศัย มีที่กิน ที่นอน...ท่านจะชอบพูดตลก...ดูเหมือนจะปากร้าย...แต่ใจดีมากกกกกกก...ท่านเสียเมื่อเดือนกันยายน 2552 ก่อนจะไปงานนี้ ฉันแวะไปรับตาที่บ้านน้าสาว จะได้ออกมาพร้อมกัน...ตอนนั้น ตายังพอเดินได้ ด้วยไม้เท้า และคนประครองควบคู่กัน...ฉันนั่งฟังพระสวด...หางตาขวาฉันก็แว้บๆ...อะไรบางอย่าง...ฉันมองตาม...ขวามือฉัน เป็นโลงไม้สีขาวสะอาดตา ประดับดอกไม้สวยงาม...บนฝาโลงนั้น คุณยายนั่งอยู่ ห้อยขาหย่อนลงมือ ... สองมือเท้าที่ฝาโลง ตรงที่ท่านนั่งอยู่...เป็นท่าประจำของท่าน ที่ฉันเคยเห็น...หัวใจฉันเต้นไม่เป็นจังหวะเลย หายใจเร็ว...แต่สักพักฉันก็ข่มใจไม่ให้กลัว...หันกลับไปมองใหม่...ยายนั่งยิ้ม ใส่เสื้อลูกไม้คอบัวสีชมพู นุ่งจูงกระเบนลายดอกกระจังสีแดง...ยายยิ้ม...เหมือนดีใจ...ที่ลูกๆ หลานมางานท่านเยอะ...ฉันด้วยความที่ไม่เคยเชื่ออะไรที่ตนเองเป็น...ก็พยายามพิสูจน์...ฉันเดินเข้าไปในครัว และตรงดิ่งไปหาหลานสาวคนสนิทของท่าน...ฉันจะเริ่มถามยังไง ที่จะไม่ทำให้เขากลัวกัน...น้องกำลังเตรียมอาหารที่จะเสริฟแขกในงาน...ฉันเอ่ยปากถาม....“เอ่อ..พี่ถามหน่อย...ตอนที่อาบน้ำศพน่ะ...ใส่ชุดอะไรให้ยาย...น้องคิดสักครู่แล้วบอกว่า...ใส่ชุดสีเขียวที่ป้าเพิ่งซื้อมาให้ใหม่วันสงกรานต์นั่นไง...ฉันคิดในใจ .. (อ้าว! ตรงลงที่เห็นผิดหรือเนี่ย!! เอ๊ะ แล้วยังไงกัน)...ฉันถามใหม่...“แล้วมีชุดที่ยายชอบไหม แบบ เสื้อลูกไม้สีชมพู แขนสั้น คอบัว ผ้าถุงลายดอกกระจังเล็กๆ สีแดง อะไรแบบนี้”...น้องบอกว่า...มี...แกชอบใส่ชุดนั้น...แต่หนูเห็นมันเก่าแล้ว...หนูเลยไม่ใส่ให้ ใส่ของใหม่ให้...พี่ถามทำไมเหรอ...เปล่าไม่มีอะไร (ฉันไม่กล้าตอบ)...แต่น้าสาวฉัน ซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวของแก บอกกันฉันว่า...หนูฝันเห็นเหรอ...น้าก็ฝันเห็น...ยายใส่ชุดที่หนูบอกนั่นแหละ...ยายยืนยิ้มให้น้า แต่ไม่พูดอะไร...น้าเล่าไปน้ำตาก็คลอไป...ฉันเลยบอกว่า...เปล่าค่ะ หนูไม่ได้ฝัน...และฉันก็ขอตัวเข้าไปในศาลา...

    กลับมาที่งานของตาต่อ...ฉันจำได้แม่นทีเดียว...ก่อนหน้าตาจะเสีย ฉันทำงานเสร็จไป project หนึ่งเสร็จไปได้เกือบเดือนแล้ว..และจริงๆ กว่าจะเก็บเงินได้...ต้องใช้เวลาเป็นเดือนๆ และ ลูกค้าเจ้านี้ มักจะแบ่งเงินเป็นสองงวด...พอวันที่ตาเสีย...ฉันมีเงินติดตัวแค่ 600 บาทเอง...ฉันก็ยังคงเครียดเรื่องเงินเหมือนเดิม...อยากทำอะไรให้ตาบ้าง...แต่เงินแทบจะไม่มีเลย งานก็หมดไปแล้ว...ไม่รู้จะมีมาอีกไหม..ฉันก็ด้วยความอยากรู้ว่า ตาจะได้ยินสิ่งที่ฉันพูดหรือเปล่า...ช่วงบ่าย ยังไม่มีคนมามาก ... ฉันเดินไปจุดธูป บอกกับตาว่า ฉันยังไม่มีงานทำเลย ตาช่วยด้วย...เดือนนี้ ยังไม่มีเงินจ่ายค่ารถ ค่าบ้านเลย...ปรากฏว่าวันรุ่งขึ้น...ช่วงสายๆ หน่อย ลูกค้าเจ้านั้น ก็โทรมาบอกว่า โอนเงินทั้งหมดให้โดยไม่แบ่งเป็นงวด...และเพื่อนรุ่นพี่ที่เคยทำงานด้วยกันมา โทรมาบอกฉันว่า จะส่งงานมาให้ทำ....ฉันยิ้มหน้าบาน....พอวางโทรศัพท์เสร็จ...ฉันไปจุดธูปขอบคุณตา...พูดติดตลกว่า...ถ้ารู้ว่าได้ยินยังงี้...หนูบอกไปตั้งแต่วันแรกแล้ว.....

    แล้วคืนที่ 6 มาถึง...คืนนี้ นิมนต์พระมาสวดคฤหัส (ไม่แน่ใจว่าสะกดถูกหรือเปล่า) .. ช่วงบ่ายของวันนั้น...ฉันถูกกำหนดหน้าที่ให้แต่งกลอนให้ตา...ฉันเครียดทันที...ก็ฉันแต่งกลอนไม่เป็น...น้าสาวฉันให้คนแต่งขึ้นมาให้แล้ว 2 บรรทัด...ฉันเครียดมาก เอ่อ จะแต่งต่อได้ไหมเนี่ย...น้าของฉันไม่ให้ฉันทำอะไรอีกเลย ให้แต่งกลอนและเขียนประวัติตาอย่างเดียว....ฉันก็แต่งตามที่คำขึ้นมาในหัวตอนนั้น...พอตกกลางคืน พระสวดไปได้หน่อยเดียว...เสียงตาก็เรียกฉันให้เข้าไปข้างใน...ท่านบอกว่า สวดคฤหัสนี้ ไม่ค่อยมีคนได้ยิน...มาฟังไว้ลูก...ของโบร่ำโบราณ...ฉันทำตามที่ได้ยินเสียงของตา...กลับมาบ้าน ฉันไม่แน่ใจกับกลอนที่แต่ง เลยอาศัยไหว้วาน...แม่สร้อยฟ้ามาลา...เธอช่วยหน่อย...ช่วยเกลาให้พี่หน่อย...เธอน่ารักมาก...

    เช้าวันที่ 7 วันนี้แล้วสินะ ที่เราจะได้เห็นตาเป็นครั้งสุดท้ายกัน...ฉันตื่นแต่ตี 4 เพื่อนำลูกหลานของตา 7 คนไปบวชเณร หน้าไฟ จูงศพตา...ในนั้นมี พี่ชายฉัน และสามีของฉัน...ฉันยิ้มด้วยความดีใจ..เหมือนความรู้สึกของตาส่งผ่านมาที่ฉัน ...แม่สร้อยฯ เธอส่ง mail มาให้ แต่เช้า...เธอเกลาคำให้น่าฟัง แถมยังต่อท่อนจบให้...ขอขอบคุณอีกครัั้ง...พอได้โคลงกลอนแล้ว..ฉันส่งกระดาษให้น้า...อ่ะ เสร็จแล้ว...แต่ไม่ยังไม่จบจริงๆ นะสิ...น้าสาวฉันพูดปนบังคับว่า...หนูนั่นแหละที่จะต้องเป็นคนอ่าน...เอาแล้วสิ...9 วันที่ผ่านมา ไม่มีน้ำตาสักหยด...สงสัยวันนี้ฉันจะสอบไม่ผ่านแน่เลย..ฉันบอกว่า ฉันทำไม่ได้หรอก...เดี๋ยวอ่านกันไม่จบพอดี...น้าสาวบอกว่า...ให้หนูนั่นแหละเป็นคนอ่าน ตาอยากให้เป็นแบบนั้น...ฉันลองอ่านด้วยไมค์ในศาลา...แค่เริ่มต้นไม่กี่ประโยค...ฉันก็ไปต่อไม่ได้แล้ว..ฉันลองอยู่อีก 2 ครั้ง ฉันก็ไปไม่รอดจริงๆ...และเสียงดังของวงปี่พาทย์ ทำให้ฉันไม่สามารถอ่านได้...น้าชายที่เป็นหลานตา บอกว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวน้าเอาเทปอัดเสียงมาให้ อัดไว้แล้วใช้เปิดเอา....ฉันตัดสินใจชวนน้องสาวของฉันไปที่โรงเรียนในวัด เพื่อหาที่เงียบๆ อัดเสียง...เอาแล้ว...กระทั่งอัดเสียง ก็อัดอยู่ 3-4 รอบ กว่าจะนิ่ง...พอได้ที่แล้วฉันกลับมาที่ศาลา...ก็เตรียมตัวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า...ฉันเอาเทปมาเปิดให้น้าสาวฟัง...แต่...น้าสาวฟังแล้ว...บอกว่า...ยังไง น้าก็จะให้หนูเป็นคนอ่าน ด้วยเสียงสดๆ...ฉันบอกว่า...หนูจะทำให้งานเสีย...เขาให้กำลังใจ...ไม่หรอก...งานตา หนูไม่ทำงานตาเสียหรอก น้ารู้....

    แล้วเขาก็เคลื่อนศพมาที่เมรุ...พวกเรากุลีกุจอกันย้ายของ...ไม่ว่าจะเป็นพวงหรีด ช่อดอกไม้ ฯลฯ ฉันต้อนรับแขกที่มาในงาน แต่ใจหนึ่งก็หวั่นๆ ว่าจะทำเสียงานหรือเปล่า...จนกระทั่งถึงเวลา ไมค์ลอย ดันไกลเกินไป จากศาลามา ตัวลำโพง...ต้องไปยืนบนเมรุ สัญญาณจะส่งถึงกัน...ฉันมีน้องสาวไปเป็นเพื่อน เพราะกลัวจะเป่าปี่ก่อนกลอนและประวัติจะจบ...เมรุเป็ระดับชั้น สองชั้นจากพื้นดิน...ฉันยืนอยู่ชั้นแรก และชั้นที่สองเป็นโลงศพของตา...ฉันมองขึ้นไป ยกมือพนม แล้วพูดว่า...ตาจ๋า ถ้าตาต้องการให้หนูเป็นคนอ่าน ข้อความที่ตาต้องการสื่อให้ลูกๆ หลานๆ ตาฟัง..ขอให้หนู อ่านทั้งหมดให้จบ อย่าให้หนูติดอะไรเลย....ปรากฏว่า...ฉันอ่านไปทั้งที่น้ำตาคลอตลอดเวลา...จนข้อความสุดท้าย...ฉันพูดจบ...ฉันปล่อยโฮ...เหมือนกับอัดอั้นมานานแสนนาน....ฉันรีบเดินมาหน้าเมรุ...เพื่อมาขอบคุณและแจกของชำร่ายให้กับแขก...ของชำร่วย เป็น CD เสียงสวดมนต์ พระไตรปิฏก และ พระคาถาชินบัญชร รวมบทแปลที่ตาชอบสวด....แล้วพวกเราก็รีบขึ้นไปบนเมรุ เพื่อขอเห็นหน้าตาที่ครั้งสุดท้าย ฉันก็ยังคงไม่หยุดร้อง...หลายๆ คนเบียดเสียดกันเข้าไปด้านใน...ฉันเลยออกมาเพื่อให้คนที่มาที่หลังได้เข้าไป...ฉันมายืนด้านนอก...เสียงตาอยู่ข้างๆ หูฉัน “ยังไม่หยุดร้องอีก...ไหนเอ็งบอกว่าเอ็งจะไม่ร้องไห้ไง” ... ฉันยิ้ม...แล้วหายใจลึกๆ สะอื้น ฮึก ฮึก อยู่พักหนึ่งก็หยุด...ตอนนี้ สังขารตากำลังมอดไหม้...ฉันโทรหาน้องที่ฉันรักคนหนึ่ง...“เอ็ม..ร่างตากำลังอยู่ในเตาเผานะ”...“พี่อ้อ...หยุดร้องได้แล้ว...และส่งนะ ส่งตาได้แล้ว”...“พี่อ้อรู้...ว่าต้องทำยังไง...ส่งตาขึ้นข้างบนเถอะพี่อ้อ”...“ฉันตั้งสติ...ลูก (ชื่อ นามสกุล) ขอน้อมบุญทั้งหมดทั้งมวล ในทุกภพชาติที่ได้เกิด ได้กระทำ ได้สั่งสมมา น้อมบุญส่งให้กับคุณตา (ชื่อนามสกุล) ขอน้อมบุญส่งคุณตาของลูกสู่ภพภูมิของท่านด้วยเทอญ” (ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันพูดถูกหรือเปล่า)....แล้วจากนั้น ฉันก็นั่งเหมือนคนหมดแรง...เหนื่อย...สามี...ฉันเห็นเขาปาดน้ำตา...หลังจากลาสิกขาแล้ว...เขาเล่าให้ฟังว่า...ตอนที่ฉันอ่านประวัติและกลอน...มีคนนั่งน้ำตาร่วงหลายคนทีเดียว...รวมถึงเค้าด้วย...ดีแล้วนะ ทำให้ตาแล้ว สบายใจนะ.......
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กุมภาพันธ์ 2011
  18. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    เอ...แล้วอย่างนี้ ถ้าพิมพ์เป็นหนังสือ จะมีคนตามอ่านไหมหนอ.....
     
  19. manganiss

    manganiss เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2009
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +636
    น่าจะมีนะครับ ผมก็ตามอ่านอยู่ อิอิ..
     
  20. สายฝนฉ่ำเย็น

    สายฝนฉ่ำเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,474
    ค่าพลัง:
    +7,070
    ขอบคุณค่ะ ^ ^ วันนี้ขอตัวก่อนนะคะ พรุ่งนี้จะมาเล่าให้ฟังต่อ นะคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...