แก้ไขความเข้าใจผิดของลูกศิษย์หลวงตามหาบัว(บางคน)และเรื่องนิพพานอนัตตา

ผญาอีสาน
⊙ ตกกะเทินว่าได้เฮียนแล้ว สิเฮียนเหมิดสู่ซ่อง
เฮียนให้เผิ่นได้ย่อง เหมิดถ้วนคู่สู่แนว

 

งั้นขอนุญาติถามให้ลึกลงไปอีกนะครับ
ในขณะจิตที่เห็นความเป็นอนัตตานั้น เป็นอย่างไร
เห็นอะไร และจิตมีอาการอย่างไร

 

อยากทราบครับว่า ใจกับจิตอันเดียวกันหรือเปล่า

 

มายเคยเขียนเป็นลำดับขั้นการเข้าถึงอย่างละเอียดไว้นานแล้ว ไม่อยากเขียนอีก
ไว้จะหาลิ้งค์มาให้นะคะ

 

ถามคุณ wlotuss ครับ ว่ายังเห็น

โลกนี้มีแต่ความสุข อยู่หรือเปล่าครับ

หรือเปลี่ยน ความเห็นไปแล้วครับ

 

ครับ ถามสั้นๆก็ได้ครับ
อาการตอนเข้าไปเห็น ความเป็นอนัตตา เป็นอย่างไรครับ
เล่าสั้นๆก็ได้ครับ

 

บุตรของมารดาผู้ช่างถาม จริงๆ

 

นี่ก็บุตรของมารดาผู้ช่างชอบกินสตอเบอรี่ พะนะ

 

ผมคงไม่ฉลาดน้อยอย่างคุณหรอกมั้ง อย่าถามเลยนะ ลูกนางช่างถาม
ถามไปก็ไม่เห็นจะฉลาดเพิ่มขึ้นมาเลย

 

จร...เอ็ย...จร คืนนี้เจ้านอนแล้วหรืออย่างไรพี่คนบ้านไกลขอมาปราศรัย จรอย่าได้งอนเอ๋อเอ๋ยอย่าได้งอน...

 

นี่ๆๆ สติที่ว่านี่มันเป็นสิ่งนั้นจริงๆเหรอท่านน้าจอน ฝึกไปฝึกมาเอ...ทำไมมันถึงได้วิสปลาศไปเสียอย่างนั้นละ ทักหน่อยแล้วกันหวังว่าจะได้อะไรบ้างละ

 

จอนเอ่ย...รุ้ไหมทำไมมันถึงยาวและทำไมมันถึงถึงส้้น...หมายถึงเรื่องราวต่างๆที่เราทั้งหลายกำลังพูดจาใช้จิตสร้างสรรคฺบัญญัติขึ้นมา

 

เอาลิ้งค์ที่เคยอธิบายมาให้ค่ะ

http://palungjit.org/posts/8164730

 

เอ่อ กลายเป็นกระทู้กลายพันธุ์ ซะแล้ว

รับรองไม่จบง่ายๆ ถ้าเถียงเรื่องพระนิพพาน ควรจะหยุดได้แล้ว ถ้าสงสัยก็ทำเหตุให้ถึงก็จะหายสงสัยในผลไปเอง นิพพานจะเป็นอะไรก็แล้วแต่อย่าเพิ่งไปสงสัยเลย
ทำจิตให้สงบ แล้วพิจารณากายแยกเป็นส่วนๆ ให้รู้ตามความเป็นจริงก่อน ว่ามันเป็นอย่างไร ผมนี่ของเราไหม เราบังคับไม่ให้ร่วงได้ไหม หนังบังคับได้ไหม? เมื่อไม่ได้ก็ไม่ใช่ของเรา และส่วนไหนเป็นเรายึดตรงไหนว่าเป็นเรา ผม สมอง เล็บ หรือ ? เวทนา สัญญา ฯลฯ ของ ผม ของ เล็บ ฯลฯ หรือ? เป็นต้น ถ้าเข้าใจด้วยปัญญาไม่ใช่ด้วยสัญญาแล้วก็จะไม่สงสัยเรื่องนิพพานแล้ว

เหมือนคนเคยจับไฟบอกว่าไฟร้อน อธิบายให้คนไม่เคยจับว่าร้อนอย่างไร คนไม่เคยจับก็ไม่เข้าใจ เถียงกันไม่รู้จบบางทีมัวแต่เถียงเรื่องวิธีจับแต่ไม่ลองจับดูซักทีก็มี จนต้องลองจับจึงจะเข้าใจว่ามันร้อนอย่างไร

ที่อธิบายมาไม่ได้หมายความว่าผู้เขียนถึงนิพพานแล้วเป็นแต่เพียงผู้กำลังศึกษาและได้ยินได้ฟังมา หลายคนไปถามธรรมขั้นสูงกับครูบาอาจารย์ แต่กลับโดนดุก็มีบอกให้ไปปฏิบัติก่อน เพราะว่าถ้าท่านอธิบายไปบางทีเราก็ไม่หายสงสัย หรือ มีข้อสงสัยใหม่ๆขึ้นอีกไม่รู้จบ(นิวรณ์) ท่านเลยไล่ไปทำให้ถึงเองซะก่อน ติดขัดค่อยมาถามจะเป็นประโยชน์กว่ากางตำราไปถามท่านซึ่งสงสัยได้ไม่รู้จบบางสำนักไม่ให้อ่านเยอะด้วยซ้ำ

อีกข้อหนึ่งคนที่ศรัทธาองค์หลวงตา(เช่นกระผม)
ก็ไม่สงสัยอยู่แล้วถึงสงสัยพอฟังคำสอนองค์ท่านก็หายสงสัยโดยเร็ว ส่วนท่าน ป.นั้นก็เป็นพระที่ได้ทำประโยชน์อย่างยิ่งและน่าเคารพมาก พวกท่านเหล่านี้ไม่ได้มาเถียงกันวุ่นวายหรือเดือดเนื้อร้อนใจ เพราะท่านคิดแต่เพียงช่วยเหลือชาติ และพระพุทธศาสนาเท่านั้นไม่ได้หวังชื่อเสียง แม้ว่าลูกศิษย์ลูกหาของแต่ละฝ่่ายจะเข้าใจผิดก็ตาม เป็นเรื่องที่ลูกศิษย์ทะเลาะกันเองทั้งนั้นจริงๆไม่มีอะไร คล้ายๆในมิลินทปัญหา ถามว่า ทำไมโลกนี้ไม่มีพระพุทธเจ้าสององค์ ยิ่งมีเยอะก็ยิ่งดีไม่ใช่หรือ? คำตอบคือ
ถ้ามี 2 องค์ปุ๊บ ลูกศิษย์ของแต่ละฝ่ายจะทะเลาะกันเอง ว่า พระพุทธของเรานี้ดีกว่าอีกฝ่าย ส่วนพระท่านก็ไม่มาทะเลาะอะไรอยู่แล้ว เพราะสิ้นกิเลสเป็นผู้ดีที่สุดเลิศที่สุดอยู่แล้วไม่ต้องสงสัยเลย แต่ลูกศิษย์ยังมีกิเลสก็เลยทะเลาะกัน

ดังนั้นบรรดาลูกศิษย์ที่ทะเลาะกันก็ไม่ดีทั้งสองฝ่ายนั้นแหละครับ มีโทสะ โมหะ ทั้งสองฝ่ายเหมือนกัน เท่าๆกันแหละ พระท่านดีของท่านอยู่แล้ว

 

อนุโมทนาครับ พระโสดาบันก็เห็นแจ้งอย่างนี้ล่ะครับ

อยากทราบว่า คุณ MindSoul เห็นสิ่งนี้ด้วยตัวเองหรือเปล่าครับ
ถ้าใช่

แล้วขณะนั้นมีอาการอย่างไรครับ
ขณะที่เข้าไปเห็น เห็นอะไร
เห็นแล้วมีอาการอย่างไร ครับ


ไม่ต้องเป็นภาษาอภิธรรมก็ได้ครับ ภาษาอธิบายแบบธรรมดา
เหมือนคุยกันกับเพื่อน สภาวะธรรมเหล่านี้มันไม่มีชื่ออยู่แล้ว
เหนือสมมุติไป คนแค่มากำหนดเอาทีหลังว่า ชื่อนั้นชื่อนี้


อีกอย่างผมไม่ค่อยเข้าใจภาษาบาลีด้วยครับ
ผมไม่เคยอ่าน ไม่เคยศึกษา อย่างคำว่า "ปัจจเวกขณวิถี"
อ่านแล้วต้องเข้า "อากู๋" ต่อเลย

หรือถ้าไม่ใช่ไม่ต้องตอบก็ได้ครับ ขอบคุณครับ

 

ธาตุธรรมหรือวิมุติญาณทัสสนะ มันเห็นค่ะ
มันเห็นการทำงานของขันธ์๕ ของ MindSoul1

ธาตุธรรมหรือวิมุติญาณทัสสนะก็ไม่ใช่ของ MindSoul1 จึงตอบไม่ได้ว่า MindSoul1 เป็นผู้เห็น

จริงๆ มายเขียนอาการต่างๆ ไว้ในหลายกระทู้ในเว็บพลังจิตนี้ ตามโอกาส
ถ้าคุณอยากรู้จริงๆ ให้คุณตามอ่านใน "ค้นหาโพสเพิ่มเติมของ MindSoul1"
ตามลิ้งค์นี้ค่ะ
http://palungjit.org/search.php?searchid=3619268

 

แสดงในนี้เลยครับตามอ่านไม่หมดครับ
ไม่ค่อยว่างน่ะครับ

มันสั้นๆเองครับ แต่ถ้าไม่ได้ไม่เป็นไรครับ

 

มันมี วิธีดูว่า ก๊อปปี้ หรือว่า รู้มาจริง

การ ก๊อปปี้นั้น คนที่รู้ คนที่พยายามจะพูดว่ารู้ มันจะมีแรงพลักดัน
ในการ " เล่า " เพราะอะไร เพราะ ลำพังปุถุชนย่อมต้อง จับวัตถุ

" วัตถุพยานในการเห็น "

แต่ คนปฏิบัติ จะต่างกัน ราวฟ้ากับเหว ความต้องการ หรือ แรง
พลักดันให้สำแดงวัตถุพยาน จะต้องเกิดตามเหตุที่เหมาะสม ไม่ใช่
เอะอะๆ เล่าทิ้ง เอะอะๆก็ ละร่ำละลัก

ทั้งนี้เพราะ รสของการเห็น ที่ตรงตามความเป็นจริง จะ ทราบประโยชน์
ในการเห็น และ ทราบประโยชน์ในการ เล่า เท้าความ ที่ สมเหตุสมผล
สมกาล สมเวลา สมบุคคล

อย่างไรก็ดี ด้น เด้า เดา สุ่ม ก็ใช่ว่า จะ อาศัยสิ่งนี้เป็น สื่อ การพิจารณา
เจริญแล้วเสื่อม หรือ จลศรัทธา ที่มันเกิดดับ ไม่ได้

ดังนั้น การปรารภว่ารู้ ตั้งเป็นธง สำหรับบางคน มันก็ พอยกเป็น วิธีการปฏิบัติได้

แต่....สัจจะ จะเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะ ความประมาท จะต้องอยู่ใน
ห้วงคำนึงของการภาวนา หนักแน่น ...

ซึ่ง ก็จะทำให้เป็นพวก " ปิดวาจา " มากกว่าจะ "สว่างไปทั่ว" โดยไม่จำเป็น

และ เพราะทราบประโยชน์ของการกล่าว

หาก มีเหตุให้ต้องกล่าว คนที่ทราบประโยชน์การกล่าว จะ กล่าวได้ทันที

ต่างจากพวก ด้น เด้า และ ไร้สัจจ จะกลัว สัจจ ในด้านไม่กล้าพูด กลัวไม่ตรง คำเดิม

 

คุณสับสนตอนนี้ใช้userอะไรเหรอครับคุณนิวรณ์ทราบไหมครับผมไม่เห็นมานานมากแล้ว

 

มาแล้ว โดนแบนไปแล้ว นิ


เอ๊ะ

สับสน ไหนหว่า

อ้อ ถ้าเป็น สับสน แอนตี้วิมุตติ อันนั้น ไม่ทราบฮับ