แก้วจักรพรรดิ์ และรวมของดีจาก อ.เถิน ของดีจาก จ.สุโขทัยและของดีจาก จ.อุตรดิตถ์ ครับ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย satan, 6 มิถุนายน 2007.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,045
    ค่าพลัง:
    +17,915
    ขอประจุพลังและอธิษฐานจิตให้ดวงแก้วอีก 1 คืนก่อนจัดส่งนะครับผม...จึงเรียนมาเพื่อให้ทุกท่านได้รับทราบขอรับกระผม...^O^
     
  2. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,045
    ค่าพลัง:
    +17,915
    อำนาจเร้นลับกับความเชื่อ เกี่ยวกับหินอัญมณี
    กำเนิดเพชร

    เพชร (Diamond) เป็นอัญมณีที่ล้ำค่าและเป็นที่รู้จักโดยทั่วไป ในอดีตผู้ที่จะมีไว้ในครอบครองจะต้องเป็นเศรษฐีหรือเชื้อพระวงศ์ เนื่องจากเป็นของที่หายาก
    มีความเชื่อแต่อดีตว่าผู้ที่ได้สวมใส่เพชรจะมีอำนาจที่จะป้องกันสิ่งชั่วร้ายได้ คือมักใช้เป็นเครื่องรางมากกว่าเป็นเครื่องประดับ เพราะฉะนั้น ในอดีตจึงเป็นผู้ชายที่สวมใส่เพชรมากกว่าผู้หญิง
    ตำนานโบราณกล่าวไว้ว่า เพชรมีแหล่งกำเนิดมาจากกระดูกยักษ์ชื่อมหาพลสูตรที่คิดจะทำพิธีอดอาหารเพื่อเป็นเกียรติยศให้ปรากฏในแผ่นดิน พอครบ 7 วัน ก็สิ้นชีวิต เทวดาจึงนำกระดูกไปฝังไว้ทุกแห่ง ก็บังเกิดกลายเป็นเพชรรัตน์
    ในทางวิทยาศาสตร์ เพชรเกิดจากธาตุคาร์บอน (C ) เกือบบริสุทธิ์ คือประมาณ 99.95% ที่ถูกทับถมอยู่เป็นเวลานานใต้พื้นโลกด้วยแรงกดกว่า 3,000 ตัน อยู่ลึกประมาณ 80 กิโลเมตร ต่อมาหินคิมเบอร์ไลต์ (Kimberite) ได้ดับเพชรขึ้นมาระดับพื้นผิวโลก นอกจากนี้ยังพบเพชรอยู่ในบริเวณ ลานแร่ (Alluvian) อยู่ประมาณร้อยละ 90 ของเพชรที่พบทั้งหมด


    ลักษณะและชนิดของเพชร

    เพชรเป็นแร่มีรูปร่างผลึก 8 เหลี่ยม หรือ 12 เหลี่ยม มีความโปร่งใส และกึ่งโปรงใส มีประกายแวววาว รอยตำหนิมีเหลี่ยมมุมถาวร ไม่เปลี่ยนแปลง
    เพชรมีหลายสี ตั้งแต่ไม่มีสี จนกระทั่งถึงสีดำ ที่เรียกว่า Carbonado สีต่างๆ ที่เกิดขึ้นเกิดจากมลทินในผลึก ส่วนใหญ่จะพบไนโตรเจน ซึ่งจะพบอยู่ถึงร้อยละ 0.2 นอกจากนี้ยังพบซิลิกอน แมกนีเซียม อะลูมิเนียม เหล็ก แคลเซียม และทองแดง ซึ่งมีอยู่ในปริมาณที่น้อยมาก เพชรที่พบอยู่โดยทั่วไปจะมีสี เหลือง หรือน้ำตาลอ่อน เพชรที่ใสไม่มีสี จะมีราคาสูงที่สุดและเป็นที่นิยม แต่เพชรมีสีนั้นค่อนข้างหายาก เช่น สีชมพู หรือสีน้ำเงิน เช่น Hope Diamond เป็นเพชรที่มีสีฟ้า มีชื่อเสียงมาก และชนิดที่หายากที่สุดคือ Red Diamond
    เพชรแบ่งออกได้ 4 ชนิด คือ

    ชนิด la มีไนโตรเจน ประมาณร้อยละ 0.1 ได้แก่ เพชร ที่ขุดตามธรรมชาติ
    ชนิด lb มีไนโตรเจน ประมาณร้อยละ 0.2 ได้แก่ เพชรสังเคราะห์
    ชนิด lla ไม่มีไนโตรเจน ชนิดนี้หายากมาก
    ชนิด llb เป็นเพชรที่มี boron อยู่ในผลึกจะมีสีฟ้า หายากมาก

    ค่าความแข็งแร่มาตรฐาน Moh's Scale

    เนื่องจากเพชรถูกทับถมอยู่ใต้โลกเป็นเวลานานจึงมีความแข็ง และความหนาแน่นมากที่สุด
    ในมาตราส่วนเปรียบเทียบความแข็งของ Moh หรือ Moh's Scale จะแบ่งแร่ที่มีความแข็งต่างๆ กันเป็น 10 อันดับ กำหนดเป็นความแข็งมาตรฐานแร่ที่แข็งกว่าเพียง 1 ขั้น ก็จะขีดแร่ที่อ่อนกว่า 1 ขั้นเป็นรอยและลบไม่ออก เช่น ถ้าต้องการทดสอบเพชรก็ใช้ทับทิมที่มีความคมมาขีดเพชรดู ถ้าไม่มีรอยก็แสดงว่าเป็นเพชรแท้ แต่ถ้ามีรอยก็เป็นเพชรเลียนแบบ

    ค่าความแข็งแร่มาตรฐาน Moh's Scale
    1 ทัลค์ (Talc)
    2 ยิปซัม (Gypsum)
    3 แคลไซต์ (Calcite)
    4 ฟลูออไรต์ (Fluorite)
    5 อะพาไทต์ (Apatite)
    6 ออร์โทเคลส (Orthoclase)
    7 ควอตซ์ (Quartz)
    8 โทแพซ (Topaz)
    9 คอรันดัม (Corundum)
    10เพชร (Diamond)

    แต่ละหน้าผลึกของเพชรมีความแข็งต่างกัน ดังนั้น เพชรสามารถสามารถตัดเพชรได้ นอกจากนี้เพชรมีแนวแตกเรียบ (Cleavage) ซึ่งเป็นรอยแตกตามระนาบในโครงสร้างอะตอมในผลึก เวลาตัดเพชรเม็ดใหญ่ให้เป็นส่วนๆ แนวแตกเหล่านี้จะช่วยได้มาก แต่เวลาเจียระไนต้องระวังไม่ให้กระทบถูกแนวแตกรียบเพื่อไม่ให้เพชรที่ถูกเจียระไนมีตำหนิ
    เพชรที่ยังไม่ผ่านการเจียระไนจะไม่มีความแวววาวเป็นประกาย สมบัติของความวาวและเป็นประกาย (Luster & Brilliancy) เรียกกันว่า ไฟ (Fire) ส่วนคุณสมบัติการโปร่งแสงเราเรียกว่า น้ำ (Water of a Diamond) ไฟและน้ำของเพชรขึ้นอยู่กับลักษณะผลึก การเจียระไนและขัดเพชรมีค่าดัชนีหักเห (Refractive Index) และค่าการกระจายแสง (Dispersion) สูง คือ 2.42 และ 0.044 ตามลำดับ เมื่อแสงผ่านเพชรจะเกิดการหักเหของแสงภายในผลึกแล้วสะท้อนออกมามาก และเกิดการแยกแสงสีขาวออกเป็นสีรุ้งเป็นประกาย ความถ่วงจำเพาะของเพชร คือ 3.5
    แม้ว่าเพชรจะมีความแข็งมากแต่เปราะ จึงสามารถแตกและบดเป็นผงได้ เพชรจะแตกได้ถ้าได้รับความร้อนอย่างเฉียบพลัน
    เพชรเป็นแร่ที่เฉื่อย คือ ไม่ทำปฏิกิริยากับสารเคมีชนิดอื่นนอกจาก Oxidizing Agent ในอุณหภูมิสูงๆ และทำปฏิกิริยากับโซเดียมคาร์บอเนต และโซเดียมไนเตรตที่หลอมเหลวที่อุณหภูมิสูง เพชรที่อุณหภูมิห้องเป็นฉนวนไฟฟ้าที่ดีที่สุด นอกจากนี้เพชรยังมีการนำความร้อนสูงมาก


    การเลือกซื้อเพชร

    น้ำหนักของเพชรไม่ได้เป็นตัวกำหนดราคาเพียงอย่างเดียว ต้องพิจารณาคุณสมบัติอื่นๆประกอบด้วย โดยอาศัย 4C ดังนี้

    CARAT (น้ำหนัก) ขนาดของเพชรยิ่งโตราคายิ่งสูงขึ้น น้ำหนักเพชรใช้วัดเป็น CARAT ซึ่ง 1 CARAT เท่ากับ 0.200 กรัม (200 มิลลิกรัม หรือ 1/5 กรัม) 1 กรัมเท่ากับ 5 CARAT
    COLOR (สี) เกิดขึ้นจากการรวมตัวทางเคมีของธาตุต่างๆ สีของเพชรมีทุกสี แต่ที่มีค่า ได้แก่ สีทึ่ไม่มีสีอื่นเจือปน (Colorless)
    LARITY (ความบริสุทธิ์) เพชรแท้ธรรมชาติต้องไม่บริสุทธิ์ 100% ถ้าดูด้วยกล้องขยาย 1,000 เท่า จะมองเห็นเส้นเล็กๆ หรือจุดเล็กๆซึ่งแสดงถึงความไม่บริสุทธิ์ของเพชรธรรมชาติ
    CUTTING (การเจียระไน) การเจียระไนมีความสำคัญต่อเพชรมาก ถ้าฝีมือในการเจียระไนสวยจะทำให้เพชรมีประกายสวยขึ้น

    แหล่งกำเนิดเพชร

    อินเดีย มีการขุดเพชรมากกว่า 5000 ปีมาแล้ว เป็นประเทศแรกที่พบเพชร เพชรที่อินเดียเป็นเพชรมีคุณภาพสูง เม็ดมีขนาดใหญ่ และมีจำนวนมาก เพชรที่มีชื่อเสียงของโลกกว่าครื่งมาจากประเทศอินเดีย
    บราซิล เป็นประเทศรองจากอินเดียที่พบเพชร โดยพบในปี พ.ศ. 2288 เพชรที่นี่ไม่สวยเท่ากับอินเดีย เม็ดมีขนาดเล็กเป็นส่วนใหญ่ ใช้ในวงการอุตสาหกรรม ขณะนี้มีปริมาณน้อยแล้ว
    แอฟริกา เมื่อเพชรที่บราซิลเริ่มน้อยลงก็พบเหมืองใหม่เมื่อ พ.ศ. 2410 ที่แอฟริกาเพชรมีคุณภาพสูง สวยงามและมีเม็ดขนาดใหญ่ ๆ และมีปริมาณมาก
    รัสเซีย ในปี ค.ศ. 1970 มีการขุดเพชรที่รัสเซีย เพชรที่รัสเซียปริมาณมากกว่าแอฟริกา แต่เนื่องจากความเป็นประเทศในโลกที่สาม จึงไม่เป็นที่สนใจนัก
    นอกจากนี้ยังพบที่ จีน อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย โคลัมเบีย สหรัฐอเมริกา เวเนซุเอล่า โบลิเวีย กิอานา และไซบีเรีย ในประเทศไทยพบที่จังหวัดพังงาปนอยู่ในแหล่งแร่ดีบุก เพชรที่พบเหล่านี้มีขนาดเล็กไม่ถึงหนึ่งกะรัต และมีปริมาณไม่มากนัก

    อินเดียเป็นชาติแรกที่รู้จักการเจียระไนเพชร แต่ไม่มีชื่อเรื่องความสวยงามเพราะคำนึงถึงปริมาณเนื้อเพชรมากๆ จนกระทั่ง Vineenti Peruzzi ชาวเวนิสเป็นผู้ออกแบบ Brilliant cut นับเป็นครั้งแรกที่ทำให้นักเจียระไนทั่วโลกได้เห็นไฟ และประการแวววาวที่สวยงามของเพชรเป็นครั้งแรก แต่รูปทรงยังไม่ดีนักโดยในเวลาต่อมาก็ได้มีการปรับปรุงต่อเนื่องกันมาเรื่อยๆ

    แหล่งเจียระไนที่มีชื่อ ได้แก่ เบลเยียม, ฮอลันดา, นิวยอร์ค, ลอนดอน, อิสราเอล และอินเดีย ในปัจจุบันรูปแบบการเจียระไนที่นิยม คือ การเจียระไนเหลี่ยมเกสร (Round Brilliant Cut) ซึ่งมี 57-58 เหลี่ยม ถ้าเพชรมีคุณสมบัติ 4C อย่างใดอย่างหนึ่ง หมายถึง เพชรที่ไม่มีสี มีรูปร่างในการเจียระไนสวยงาม ไม่มีมลทิน

    เพชรสังเคราะห์และเพชรเทียม

    เพชรสังเคราะห์ (Synthetic Diamond) นักวิทยาศาสตร์คิดสังเคราะห์เพชรขึ้นเป็นผลสำเร็จตั้งแต่ปี พ.ศ. 2498 เนื่องจากเพชรเป็นอัญมณีที่มีราคาสูงจึงมักทำเทียมขึ้น ปัจจุบัน General Electric Company เป็นผู้ผลิตเพชรสังเคราะห์เพื่อใช้งานด้านอุตสาหกรรมรายใหญ่ที่สุด นอกจากนี้ผู้ผลิตรายอื่น ๆ ได้แก่ แอฟริกาใต้ , ญี่ปุ่น ,จีน ,รัสเซีย
    ในการผลิตเพชรสังเคราะห์ สามารถทำโดยใช้หินแกรไฟต์ (Graphite) ซึ่งประกอบด้วยคาร์บอนเช่นเดียวกับเพชร มาให้ความร้อน และแรงกดสูง เพื่อให้อะตอมของ C เข้ามาอยู่ด้วยกันมากขึ้น ก็จะได้ความหนาแน่นมากขึ้น สามารถทำให้หินแกรไฟต์กลายเป็นเพชรสังเคราะห์ มีความแข็งเท่ากับเพชร แต่มีตำหนิมากจึงนิยมใช้ในด้านอุตสาหกรรม แต่ถ้าจะนำไปทำเป็นเครื่องประดับจะต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงในการแก้เพชรสังเคราะห์ให้บริสุทธิ์เท่ากับเพชรธรรมชาติ คาดว่าในอนาคตนักวิทยาศาสตร์คงสามารถสังเคราะห์เพชรหรือนำไปใช้เป็นเครื่องประดับในราคาถูกได้
    เพชรเทียม ( Diamond Substitutes ) คือ แร่หรือสารสังเคราะห์ที่ไม่มีคาร์บอนเป็นองค์ประกอบ เมื่อเจียระไนแล้ว มีคุณสมบัติทางด้านแสงคล้ายเพชร ดังนั้นเพชรสังเคราะห์และเพชรเทียมจึงไม่เหมือนกัน

    เพชรเทียมที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ได้แก่

    คิวบิก เซอร์โคเนีย (Cubic Sirconia ) หรือที่คนไทยเรียกว่า "เพชรรัสเซีย" เป็นเพชรเทียมที่นิยมที่สุด มีค่าดัชนีหักเหน้อยกว่าเพชร แต่การกระจายแสงสูงกว่า ทำให้มีประกายแวววาวแบบเพชร เพชรรัสเซียสังเคราะห์จากเซอร์โคเนียออกไซด์ (ZrO2) ซึ่งเป็นสารที่เกิดขึ้นในธรรมชาติ มีผลึกรูปโมโนคลินิก ( monoclinic ) โดยมีแคลเซียมไดออกไซด์ หรือ Yttrium Oxide (Y2O3 ) ผสมเข้าไปเล็กน้อย เพื่อให้คิวบิกเซอร์โคเนียเสถียรเป็นผลึกรูปคิวบิก (Cubic) ได้ในอุณหภูมิห้อง
    Yttrium (Aluminium Garnet) บางทีเรียกว่า Diamomiar ค่าดัชนีหักเห และค่าการกระจายแสงต่ำกว่าเพชรเล็กน้อย ความแข็งตาม Moh's Scale เท่ากับ 8 ความถ่วงจำเพาะมากกว่าเพชร คือ 4.65
    Gadolinium Gallium Garnet ค่าดัชนีหักเห และค่าการกระจายแสงใกล้เคียงเพชร ความแข็งตาม Moh ข s scale เท่ากับ 7 ความถ่วงจำเพาะมากกว่าเพชร คือ 7.05
    Strontium titanate มีชื่อทางการค้าว่า Fabulite , Starilian , Wellington ค่าดัชนีหักเหและค่าการกระจายแสงสูงกว่าเพชร ทำให้มีประกายแวววาวมากกว่า แต่อ่อน ความแข็งเท่ากับ 5 เพื่อนำไปทำเครื่องประดับจะขุ่นมัว ถูกขูดขีดง่าย ความถ่วงจำเพาะมากกว่าเพชรคือ 24.26
    Synthetic rutile อาจเรียกว่า "Titania " มีค่าดัชนีหักเหและค่าการกระจายแสงสูงที่สุดในบรรดาเพชรเทียม แต่ไม่ใสบริสุทธิ์ มักมีสีเหลืองปน ค่อนข้างอ่อน มีความแข็ง 6 ความถ่วงจำเพาะมากกว่าเพชร คือ 5.15
    Synthetic sapphire และ Synthetic spinel ทั้ง 2 ชนิดนี้ เป็นเพชรเทียมยุคแรก ความแวววาวน้อยกว่าเพชร แข็งทนทาน เพราะมีค่าความแข็งตาม Moh ข s scale เท่ากับ 9 และ 8 ตามลำดับ

    การตรวจสอบว่าเป็นเพชรเทียมหรือเพชรแท้

    การตรวจสอบว่าเป็นเพชรเทียมหรือเพชรแท้ ต้องทดสอบหลายวิธีประกอบกัน

    ดูค่าความถ่วงจำเพาะ
    โดยหย่อนเพชรที่สงสัยในน้ำยามาตรฐาน ที่มีความถ่วงจำเพาะ 3.52 ถ้าเป็นเพชรแท้จะลอยปริ่มระดับเดียวกับน้ำยา เพชรเทียมส่วนมากจะจม แต่วิธีนี้ใช้ไม่ได้กับเพชรเทียมที่เป็นพวกแก้ว Topaz , quartz , Synthetic sapphire และ Synthetic spinel เพราะค่าความถ่วงจำเพาะของสิ่งเหล่านี้ใกล้เคียงเพชร
    ดูค่าดัชนีหักเห
    โดยหย่อนเพชรที่สงสัยลงในน้ำยามาตรฐานที่มีค่าดัชนีหักเห 1.743 ถ้าเป็นสารที่มีค่าดัชนีหักเหสูงกว่านี้จะมองเห็นประกายในน้ำยา แต่ถ้าสารนั้นมีดัชนีหักเหต่ำกว่า จะมองไม่เห็นประกาย เพชรเทียมส่วนมากมีค่าดัชนีหักเหสูงกว่านี้ ยกเว้น พวกแก้ว ,Topaz ,quartz , Synthetic sapphire , Synthetic spinel
    ดูความแข็ง
    เป็นวิธีที่แน่นอน เพราะเพชรแท้ต้องถูกคอรันดัมขีดบนหน้าผลึกแล้วไม่เป็นรอย แต่ถ้าขีดบนเพชรเทียมชนิดอื่น ๆ จะเห็นรอยขีด ซึ่งรอยจะชัดเจนแค่ไหน ขึ้นอยู่กับความแข็งของเพชรเทียมชนิดนั้น แต่วิธีนี้ไม่นิยมใช้เพราะอาจขีดบนแนวแตกเรียบ ซึ่งอาจทำให้เพชรหักบิ่นและเกิดตำหนิได้
    ทดสอบการนำความร้อน
    โดยใช้เครื่องมือตรวจสอบการนำความร้อน ซึ่งใช้แยกเพชรออกจากเพชรเทียม เครื่องมือนี้เรียกว่า เทอร์มอลคอนดัคทิวิตี้โพรบ (Themal conductivity probe ) ซึ่งสะดวกในการพกพา ใช้ได้กับเพชรทุกขนาดและรวดเร็ว
    ปัจจุบันผู้ผลิตเพชรเทียมใช้สารเคมีเคลือบผิว เมื่อนำไปทดสอบได้ค่าผิดจากความจริง หรืออาจใช้วิธีทำเทียมแบบประกบ 2 ชั้น คือ เพชรแท้อยู่ด้านบน เพชรเทียมอยู่ด้านล่าง โดยใช้วัตถุใสไม่มีสี หรืออาจจะเป็นชิ้นส่วนของเพชรที่ปะอยู่บริเวณที่เป็น Girdle ของเพชรซึ่งปะติดกันกับชิ้นล่างของเพชรอีกส่วน ซึ่งวิธีปลอมแบบนี้สามารถสังเกตได้ โดยพิจารณาจากรอยต่อและความแตกต่างของเนื้อเพชร
    ดังนั้น การตรวจสอบให้ได้ผลที่แน่นอนต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ และต้องใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์ทดสอบคุณสมบัติ
    --------------------------------------------------------------------------------
    Aventurine
    สีเขียวขุ่นเนื้อละเอียด

    อำนาจเร้นลับกับความเชื่อ
    - อเวนเจอรีน เป็นหินที่นำมาซึ่งพลังแห่งการสร้างสรรค์ และการมีโลกทัศน์ที่ดี และการมีจิตใจที่สงบ ชำระล้างอารมณ์ขุ่นมัวให้ใสสะอาด
    - ทำให้สุขภาพดี แข็งแรง รวมทั้งช่วยให้รากผมแข็งแรง แก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง กระตุ้นให้ผมดกขึ้นได้อีกด้วย

    Blood Stone (หินเลือด)
    หินสีเลือด

    อำนาจเร้นลับกับความเชื่อ
    - คนโบราณเชื่อกันว่า คนที่มีลูกยาก ให้นำบลัดสโตนนี้พกติดตัวหรือวางไว้บนหัวเตียงจะสมหวังได้
    - หินชนิดนี้จะเสริมสร้างเกี่ยวกับระบบเลือดภายในร่างกาย ระบบประจำเดือนของสตรี เพิ่มการไหลเวียนของโลหิตได้เป็นอย่างดี
    - ในสมัยกลางเชื่อกันว่า บลัดสโตน เป็นหินที่ดูดซับโลหิตของพระเยซูไว้ จึงมีอำนาจศักดิ์สิทธิ์แฝงอยู่ภายใน

    Carnelian
    มีหลากหลายสีสัน ตั้งแต่สีชมพู สีส้มแดง เนื้อใส สีน้ำตาลแดง

    อำนาจเร้นลับกับความเชื่อ
    - คนโบราณใช้หินชนิดนี้เป็นเครื่องรางของขลังประจำตัว เนื่องจากเชื่อว่า มีพลังผลักดันให้เกิดความสุข เป็นหินแห่งคำอวยพรที่ดี
    - สำหรับคนที่มีความรักปิดบังซ่อนเร้นอยู่ภายในใจ คาร์เนเลียนจะช่วยกระตุ้นให้จิตใจเกิดความกล้าที่จะเปิดเผยให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้ และยังบำบัดอาการอิจฉาริษยาทั้งในจิตใจตัวเอง และปกป้องตัวคุณเองให้พ้นจากบุคคลที่มีใจอิจฉาริษยาคุณ
    - คาร์เนเลียน ช่วยในการรักษาโรคที่เกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร ท้องอืด ท้องเฟ้อ หรือคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบขับถ่าย

    Citrine
    อยู่ในควอตซ์ สีเหลือง

    อำนาจเร้นลับกับความเชื่อ
    - ซิตริน จะช่วยในแง่ของการตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่ต้องใช้ความคิด และความเสี่ยงเกิดขึ้น ซิตรินจะช่วยให้เราตัดสินใจถูกขึ้น
    - ช่วยให้ความคิดสร้างสรรค์ที่มีอยู่ในตัวเราได้แสดงออกมากขึ้น เพิ่มพลังทางสติปัญญาให้แก่ผู้เป็นเจ้าของ
    - กล่าวกันว่า ซิตรินเป็นอัญมณีแห่งความโชคร้าย

    Crystal
    สีขาวใส

    อำนาจเร้นลับกับความเชื่อ
    - ได้มีการนำลูกแก้วร็อกคริสตัลมาใช้ทำนายเหตุการณ์ในอนาคตกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก
    - การบำบัดโรคด้วยร็อกคริสตัลเป็นศาสตร์โบราณ โดยอาศัยหลักการที่ว่า ร็อคคริสตัลมีพลังอานุภาพอันเป็นพลังงานที่ร่างกายต้องการมาก
    - คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระดูกสันหลัง ปวดหลังควรสวมใส่เครื่องประดับที่ทำด้วยคริสตัลจะช่วยบำบัดอาการได้ดี

    Coral (ปะการัง)
    สีธรรมชาติหลากหลาย สีชมพูอ่อน ส้ม น้ำตาลแดง

    อำนาจเร้นลับกับความเชื่อ
    - เชื่อกันว่าหากสวมใส่ปะการังติดตัวไว้ จะช่วยคุ้มครองป้องกันสิ่งชั่วร้ายได้ คนโบราณจึงนิยมให้เด็กๆ สวมใส่ไว้เพื่อให้ปลอดภัยและมีสุขภาพดี
    - ในศตวรรษที่ 16 ผู้คนเชื่อว่ากิ่งปะการังสีแดง หรือสีขาว ล้วนมีอานุภาพบันดาลให้พายุร้ายสงบลงได้
    - เล่าขานกันมาว่า ปะการังรักษาอาการบ้าคลั่งได้ และช่วยป้องกันไม่ให้ตกอยู่ในความหลงใหล
    - ช่วยบำบัดรักษาอาการของโรคในช่องปาก ปวดฟัน เหงือกบวม โดยดื่มน้ำที่แช่ปะการังทิ้งไว้นาน 20 นาที

    Chalcedony (คาลซิโดนี)
    ควอตซ์โปร่งใสชนิดหนึ่ง สีเทาหรือสีขาวขุ่น

    อำนาจเร้นลับกับความเชื่อ
    - ช่วยกระตุ้นฮอร์โมนเพศหญิง ในผู้หญิงที่ผ่าตัดมดลูกทิ้งไป จำเป็นต้องได้ฮอร์โมนเพศหญิงเพิ่ม คาลซิโดนี จะช่วยเสริมสร้างหรือกระตุ้นได้
    - เหมาะสำหรับคนที่ไม่กล้าพูดในที่สาธารณะ คนขี้อาย คนไม่มั่นใจในตัวเอง ควรพกหินชนิดนี้ติดตัวไว้ จะช่วยเสริมพลังทางด้านบวก ให้เพิ่มมากขึ้น

    Calcite
    มีหลายสี สีขาวอมเหลือง

    อำนาจเร้นลับกับความเชื่อ
    - หินชนิดนี้เชื่อกันว่า นำมาซึ่งความร่ำรวย และความอุดมสมบูรณ์มาสู่ผู้พกพา
    - แคลไซต์มีคุณสมบัติในการพลิกฟื้น สถานการณ์ที่เลวร้ายให้กลับดีขึ้น ก่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ ขึ้นในจิตใจ ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแปลกใหม่
    - แคลไซต์เป็นหินที่สามารถรักษาพิษจากแมลงสัตว์มีพิษกัดต่อยได้ โดยนำแคลไซต์มาคลึงบริเวณนั้นเพื่อดูดพิษ อาการเจ็บปวดจะลดลง

    Chrysocolla (คริสโซโคลลา)
    สีเขียว

    อำนาจเร้นลับกับความเชื่อ
    - หากสุขภาพอ่อนแอ ร่างกายทรุดโทรม ให้พกหินชนิดนี้ติดตัวไว้ หินชนิดนี้จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงดีขึ้น
    - ทำให้ร่างกายและจิตวิญญาณเกิดความสมดุล ช่วยให้เกิดความรู้สึกที่ดี มีความมั่นคงในจิตใจและอารมณ์

    Diamond
    มีหลากสี ที่นิยมคือ สีขาวบริสุทธิ์

    อำนาจเร้นลับกับความเชื่อ
    - ชาวฮินดูเชื่อว่า เพชรที่มีตำหนิจะนำโชคร้ายมาให้
    - ชาวกรีกเชื่อว่า เพชรสามารถป้องกันยาพิษได้
    - ในสมัยกลาง บุคคลที่มีฐานะร่ำรวย จะแสวงหาเครื่องเพชรมาสวมใส่ เพื่อป้องกันการติดโรคระบาด
    - สมัยโบราณเชื่อกันว่า ควรมอบเพชรให้คู่ครองคนรักเป็นของขวัญ ครบรอบปีที่ 60 ของการแต่งงาน เพื่อแสดงถึงความรักอันมั่นคง

    Emerald (มรกต)
    สีเขียวสด

    อำนาจเร้นลับกับความเชื่อ
    - ในสมัยโบราณ นิยมใช้มรกตเป็นยาฆ่าเชื้อ โดยนำมรกตมาถูบริเวณที่อักเสบ จะลดอาการอักเสบลงได้
    - สมัยอิยิปต์โบราณ เชื่อกันว่า มรกตนั้นแทนคำมั่นสัญญาของหญิงชายที่ให้ไว้แก่กัน เป็นตัวแทนของความรัก ดังนั้นหากความรักเกิดเปลี่ยนแปรไป มรกตจะร้าว
    - เมื่อหลายร้อยปีก่อน เชื่อกันว่ามรกตมีอานุภาพ บำบัดโรคได้ดี โดยเฉพาะการรักษาอาการทางสายตา
    - ในช่วงสมัยฟื้นฟูศิลปะวิทยา กลุ่มชนชั้นสูงมีธรรมเนียมแลกเปลี่ยนมรกตต่อกัน เพื่อเป็นสัญลักษณ์และสิ่งทดสอบมิตรภาพ มรกตจะอยู่ในสภาพดี หากความเป็นมิตรยังคงอยู่

    Fluorite (ฟลูโอไรด์)
    สีม่วง ขาว เทา เขียว เหลือง

    อำนาจเร้นลับกับความเชื่อ
    - คนโบราณเชื่อกันว่า ฟลูโอไรด์ เป็นตัวแทนแห่งจุดประสงค์ของพระเจ้า ซึ่งจะผลักดันให้เราดำเนินไปสู่อนาคตอย่างที่พระเจ้าต้องการ
    - ช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง ลดอาการปวดหลัง ปวดเอวและรักษาอาการของโรคกระดูกทุกชนิด


    Garnet (โกเมน)
    มีหลายสี ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มสีแดงและน้ำตาล

    อำนาจเร้นลับกับความเชื่อ
    - ในสมัยกลางนั้น เชื่อกันว่า การ์เนตช่วยบำบัดโรคความดันโลหิตต่ำ คุ้มครองไม่ให้เกิดการฝันร้าย รักษาโรคตับและอาการตกเลือด
    - ตามตำนานกล่าวไว้ว่า โนอาใช้การ์เนตที่เจียรไนอย่างงดงาม ส่องแสงให้ความสว่างบนเรือ
    - ช่วยปกป้องคุ้มครองภัยอันตรายต่างๆ
    - ช่วยปรับสมดุลด้านความรู้สึกได้อย่างดี เสริมแง่คิดในด้านบวกและเสริมความกล้าหาญ เชื่อมั่นในตัวเองให้เกิดขึ้น

    Hematite (เฮมาไทด์)
    สีเทาดำ ลักษณะเหมือนเหล็กไหล

    อำนาจเร้นลับกับความเชื่อ
    - คนโบราณเชื่อกันว่า เฮมาไทต์ เป็นหินที่ป้องกันพิษทุกชนิด โดยเฉพาะพิษงูหรือพิษแมลงป่อง
    - ช่วยในการบำบัดกระดูกที่หักให้ประสานกันเร็วขึ้น
    - ช่วยปรับสภาพจิตใจให้หนักแน่น มีความกล้าในการเผชิญหน้ากับสถานที่แปลกใหม่ ขจัดความกลัวออกไปจากจิตใจ

    Jade (หยก)
    ยู่ในเฉดสีเขียว เขียวอมขาว

    อำนาจเร้นลับกับความเชื่อ
    - คนจีนโบราณเชื่อกันว่า หยกเป็นหินศักดิ์สิทธิ์ มีคุณสมบัติในการปกป้องคุ้มครองทารก จึงนิยมสวมหยกติดตัวเด็กๆ ช่วยป้องกันคุ้มครอง
    - คนจีนเชื่อว่า หยก เป็นหินซึ่งนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรือง ส่งเสริมให้เกิดความเจริญก้าวหน้า และช่วยให้อายุยืน
    - มีการนำหยกไปบดและละลายในน้ำค้างเพื่อดื่ม เนื่องจากเชื่อว่า หยก ทำให้จิตใจสงบ
    - ชื่อ " หยก (Jade)" มาจากภาษาสเปนว่า " Piedra de hijada " หมายถึง หินเนื้อดี เพราะเชื่อว่าใช้รักษาอาการผิดปกติที่เกี่ยวกับสะโพกได้

    Kunzite (คันไซต์)
    สีชมพูอ่อน ชมพูแกมม่วง

    อำนาจเร้นลับกับความเชื่อ
    - เป็นหินที่เสริมสร้างพลังแห่งเพศหญิง
    - ช่วยขับประจำเดือนและช่วยให้ระบบภายในของสตรีทำงานได้อย่างปกติ

    Lapis Lazuli
    สีน้ำเงินเข้ม มีละอองทองผสมอยู่ในเนื้อ

    อำนาจเร้นลับกับความเชื่อ
    - ทั้งชาวอิยิปต์และชาวบาบิโลนโบราณเชื่อว่า ลาพิส ลาซูลี่ ช่วยขจัดความทุกข์ได้ มีพลังอำนาจในการปกป้องคุ้มครองสูง
    - สมัยอิยิปต์โบราณ ลาพิส ลาซูลี่ ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องสำอาง โดยการบดเป็นผงและตกแต่งดวงตาให้สวยงาม และยังใช้ถอนพิษหรือบำบัดอาการที่เกี่ยวกับการระคายเคืองในดวงตา ลำคอ ได้เป็นอย่างดี
    - การแพทย์จีนในปัจจุบัน ใช้ลาพิส ลาซูลี่ บรรเทาอาการมีเสมหะ เลือดคั่ง และชักกระตุก

    Leopard Skin Jasper (หินเสือดาว)
    ลายหลากสีในเนื้อหิน ลักษณะคล้ายเสือดาว

    อำนาจเร้นลับกับความเชื่อ
    - หินเสือดาว ให้ความรู้สึกในด้านพลังงานที่สูงส่ง มีคุณสมบัติในด้านปกป้องคุ้มครอง
    - หินจะทำงานกับจิตใต้สำนึก จึงมีส่วนช่วยให้ผู้เป็นเจ้าของเล็งเห็นความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง ช่วยในเรื่องของการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ หรือสถานที่ไม่คุ้นเคย ปรับตัวให้เข้ากับผู้คนได้ง่ายขึ้น

    Malachite
    สีเขียวสด ทึบแสง มีริ้ว

    อำนาจเร้นลับกับความเชื่อ
    - คนโบราณเชื่อกันว่า หินชนิดนี้ จะทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองทารก ป้องกันอุบัติเหตุเกี่ยวกับการพลัดตกหกล้มได้
    - ในช่วงสมัยกลาง ใช้มาลาไคท์เป็นยารักษาอาการอาเจียน
    - ชาวอิยิปต์โบราณใช้เครื่องรางมาลาไคท์ สำหรับปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกไป
    - หากเกิดสิ่งเลวร้ายกับผู้เป็นเจ้าของ มาลาไคท์จะส่งพลังการคุ้มครองเข้มข้น จนถึงขนาดหินจะแตกได้

    Moonstone (มุกดาหาร)
    สีขาวใสเหมือนหยดน้ำ สายหมอก หรือ น้ำ นม

    อำนาจเร้นลับกับความเชื่อ
    - ในอินเดียมีความเชื่อว่า มูนสโตนนำพาความโชคดีมาให้ จึงถือเป็นสิ่งสักการะ
    - ชาวโรมัน เชื่อว่าผู้ใดได้สวมใส่มูนสโตนจะมีปัญญาเฉลียวฉลาด ร่ำรวย และมีชัยชนะในการสู้รบ
    - คนไทยถือว่าเป็นหินที่เสริมศิริมงคลให้กับผู้สวมใส่ เป็นหินที่จัดอยู่ในอัญมณีชุดนพเก้าของไทย

    Opal (โอปอล)
    พลอยสีเหลือบเหลือง สะท้อนประกายสีรุ้ง

    อำนาจเร้นลับกับความเชื่อ
    - ในสมัยโบราณนิยมให้สตรีมีครรภ์สวมใส่โอปอลติดตัวไว้ ด้วยความเชื่อว่าจะช่วยให้คลอดบุตรง่าย และดีต่อปอด
    - ในทวีปเอเชียเชื่อว่า โอปอลเป็นสัญลักษณ์ของความหวัง

    Pearl (ไข่มุก)
    สีขาว สีเงินยวง ชมพู และสีทอง เป็นสีที่นิยม

    อำนาจเร้นลับกับความเชื่อ
    - ความเชื่อโบราณ ไม่นิยมใส่ไข่มุกไปงานแต่งงาน เพราะเชื่อว่าจะนำความเศร้าโศกเสียใจมาให้ เพราะไข่มุกนั้นลักษณะเหมือนหยดน้ำตา
    - ไพลานี นักเขียนชาวโรมันกล่าวไว้ว่า พระนางคลีโอพัตราได้ละลายไข่มุกอันล้ำค่าในเหล้าองุ่น แล้วดื่มเพื่อแสดงถึงความรักอันยิ่งใหญ่ที่พระนางมีต่อมาร์ก แอนโทนี่
    - ไข่มุกถูกนำไปใช้ในวงการแพทย์เป็นเวลาช้านานแล้ว โดยเชื่อว่ามีอำนาจในการรักษาโรคทุกชนิด ตั้งแต่เป็นไข้ตัวร้อนไปจนถึงโรคแผลในกระเพาะอาหาร

    Ruby (ทับทิม)
    สีแดงสด เรียกว่า แดงทับทิม

    อำนาจเร้นลับกับความเชื่อ
    - ทับทิม ถือเป็นสัญลักษณ์แทนความรัก และการอยู่ร่วมกันของหญิงชาย
    - ในสมัยบอร์เกียร์ ศตวรรษที่ 15-16 เชื่อว่าทับทิมสามารถขจัดพิษได้ จึงเป็นที่ต้องการมาก
    - มีความเชื่อว่า หากนำทับทิมมาลูบไล้ตามผิวกาย จะช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง มีชีวิตชีวาขึ้น
    - ในยุคกลางเชื่อกันว่า ทับทิมเป็นหินบอกเหตุร้าย หากผู้สวมใส่กำลังตกอยู่ในอันตราย สีของทับทิมจะหมองคล้ำ
    - ทับทิมเป็นอัญมณีประจำเดือนกรกฎาคม และนิยมมอบเป็นของขวัญสำหรับคู่สมรสที่อยู่ด้วยกันครบ 40 ปี

    Rose Quartz
    สีชมพูอ่อนใส

    อำนาจเร้นลับกับความเชื่อ
    - โรส ควอตซ์ เป็นหินแห่งความรัก และการให้อภัย เชื่อกันว่า จะนำความรักมาสู่ผู้สวมใส่
    - ในสมัยโรมันโบราณ นิยมนำโรส ควอตซ์ มาทำตราประจำตำแหน่ง
    - เป็นหินที่มีประสิทธิภาพสูงในการบำบัดอาการเจ็บปวดภายใน ส่งผลดีกับไตและระบบไหลเวียนต่างๆ ในร่างกาย กระตุ้นการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติดีขึ้น

    Rhodochrosite (โรโดโครไซด์)
    สีแดงริ้วขาว

    อำนาจเร้นลับกับความเชื่อ
    - เป็นหินที่เกี่ยวกับความรักและความเข้าใจ
    - รักษาโรคเกี่ยวกับเลือด ระบบหมุนเวียนโลหิต ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ลำไส้ บำบัดในคนที่ท้องผูกบ่อย

    Rutile Quartz (ไหมทอง)
    ควอตซ์ใส แต่มีเส้นไหมสีทอง นาค หรือเงิน กระจายอยู่ภายใน

    อำนาจเร้นลับกับความเชื่อ
    - เชื่อกันว่า หินชนิดนี้จะนำความร่ำรวย นำโชคลาภ มาสู่ผู้เป็นเจ้าของ
    - รักษาโรคที่เกี่ยวกับระบบประสาทสัมผัส เส้นประสาททั้งหมด มีพลังเหมือนเป็นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

    Sapphire (ไพลิน)
    มีหลากหลายสี มีชื่อเรียกเฉพาะไปตามแต่ละสี เช่น กรีนแซพไฟร์ เรียกว่า เขียวส่อง
    เยลโลแซพไฟร์ เรียกว่า บุษราคัม
    บลูแซพไฟร์ เรียกว่า ไพลินสีน้ำเงิน

    อำนาจเร้นลับกับความเชื่อ
    - คนโบราณเชื่อว่า ไพลินมีคุณสมบัติพิเศษในการควบคุมตัวเองได้ดียิ่ง
    - ผู้คนในอดีตเคยเชื่อว่า มีรังสีศักดิ์สิทธิ์แผ่ออกมาจากแซพไฟร์ ซึ่งสามารถฆ่าบรรดาสัตว์มีพิษต่างๆได้
    - ชาวเปอร์เซียร์คิดว่า โลกตั้งอยู่บนแท่งแซพไฟร์ขนาดมหึมา ซึ่งสะท้อนแสง ทำให้ท้องฟ้าเป็นสีฟ้า
    - เชื่อกันว่า แซพไฟร์ สตาร์ เป็นเครื่องรางที่ทรงอานุภาพมากที่สุด ลำแสงที่ตัดกันทั้ง 3 แนวนั้น เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของความศรัทธา ความหวัง และโชคชะตา

    Sodalite (โซดาไลต์)
    สีน้ำเงินเข้ม

    อำนาจเร้นลับกับความเชื่อ
    - โซดาไลต์ จัดเป็นหินที่เพิ่มพูนประสิทธิภาพของเซลล์ต่างๆ ในร่างกายได้ดี ผลัดเซลล์เก่า สร้างเซลล์ใหม่ และรักษาเกี่ยวกับเนื้อเยื่อ
    - มีคุณสมบัติในการปกป้องคุ้มครองสูง ยิ่งหินมีความเข้มของสีมากเท่าไร ก็จะยิ่งเพิ่มพลังซึมซับเอาไว้มากขึ้นเท่านั้น

    Sugilite (ซูกิไลต์)
    สีม่วงบานเย็น

    อำนาจเร้นลับกับความเชื่อ
    - ว่ากันว่า คนที่ถนัดมือซ้าย ควรใช้หินซูกิไลต์ ในการสร้างสมดุลกับสิ่งต่างๆ และเป็นประโยชน์สำหรับคนที่เป็นโรคลมชัก ลมบ้าหมู และมีปัญหาเกี่ยวกับความดัน
    - ช่วยในเด็กที่มีปัญหาเกี่ยวกับการท่องจำ เพราะหินจะบำบัดให้เกิดสมาธิ และความจำก็จะดีขึ้น

    Smokey Quartz
    สีน้ำตาลอมเหลือง

    อำนาจเร้นลับกับความเชื่อ
    - ช่วยบำบัดรักษาในคนที่ล้มเจ็บเป็นเวลานาน คนที่ขาดเรี่ยวแรง และในคนที่กำลังรู้สึกสิ้นหวัง หินจะส่งปฏิกริยากระตุ้นกับทุกส่วนของร่างกาย เพื่อให้ร่างกายทำงาน

    Tiger eye
    สีเหลืองเคลือบลายน้ำตาล

    อำนาจเร้นลับกับความเชื่อ
    - บรรเทาอาการปวดศีรษะ
    - มีพลังในการปกป้องคุ้มครองสูง โบราณเชื่อว่าจะช่วยขับไล่วิญญาณร้ายไม่ให้มาใกล้

    Tiger Iron
    สีผสมระหว่างไทเกอร์อายส์, เรด แจสเปอร์ และ เฮมาไทด์

    อำนาจเร้นลับกับความเชื่อ
    - หินชนิดนี้เหมาะสำหรับคนที่เป็นนักคิด นักเขียน จิตรกร กวี และผู้ที่ทำงานด้านสื่อสารต่างๆ
    - หินชนิดนี้จะปกป้องรังสีจากคอมพิวเตอร์ได้ดี

    Topaz
    สีเหลือง สีทอง สีน้ำตาล

    อำนาจเร้นลับกับความเชื่อ
    - เป็นอัญมณีที่อยู่ในชุดนพเก้าของไทย เชื่อกันว่าสามารถเสริมสิริมงคลแก่ผู้สวมใส่ได้ และนำมาซึ่งความมั่งคั่งร่ำรวย
    - ในปี ค.ศ. 1255 เซนต์ ฮิลเดการ์ด รักษาอาการสายตาเสื่อม โดยวิธีง่าย ๆ คือแช่โทแปซในเหล้าองุ่น เป็นเวลาสามวัน แล้วนำมาลูบไล้หนังตาเบา ๆ
    - เชื่อกันว่า หากสวมโทแปซไว้ที่คอ จะช่วยบำบัดอาการคุ้มคลั่งได้

    Turquoise
    สีเขียวไข่กา สีน้ำทะเล

    อำนาจเร้นลับกับความเชื่อ
    - ชาวอินเดียเผ่าต่างๆ ขนานนามเทอร์ควอยซ์ว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งท้องฟ้า เป็นดั่งลมหายใจของชีวิต และจิตวิญญาณ
    - ในอิยิปต์ เทอร์ควอยซ์ เป็นสัญลักษณ์แห่งสุริยเทพ ซึ่งเป็นตัวแทนของพลัง อำนาจ และความศักดิ์สิทธิ์
    - เทอร์ควอยซ์เป็นสิ่งนำโชค มีอำนาจคุ้มครองป้องกัน และบันดาลความสุข
    - ในช่วงศตวรรษที่ 15 มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับอานุภาพของเทอร์ควอยซ์ว่า เมื่อผู้เป็นเจ้าของไม่สบายหรือตกอยู่ในอันตราย สีของเทอควอยซ์จะจางไป และกลับเป็นสีเดิมที่สดใส เมื่อโรคภัยและอันตายได้ผ่านพ้นไป

    Tourmaline
    สีดำ เขียว แดง ชมพู และสีแตงโม

    อำนาจเร้นลับกับความเชื่อ
    - ในศตวรรษที่ 18 นักวิทยาศาสตร์ชาวฮอลแลนด์ อ้างว่า หากนำทัวร์มาลีนห่อด้วยผ้าไหม แล้วนำไปสัมผัสกับแก้มของเด็กที่มีไข้ขึ้นสูง จะเช่วยให้เด็กนอนหลับได้อย่างสนิท
    - พลอยชนิดนี้ จะสร้างความสมดุลให้เกิดขึ้น ระหว่างความเป็นเพศชายกับเพศหญิง ปรับสมดุลให้แก่ร่างกายและจิตใจ

    Zircon (เพทาย)
    หลากหลายสี เช่น แดงคล้ำ ส้ม ฟ้า ขาว

    อำนาจเร้นลับกับความเชื่อ
    - เพทาย เป็นหนึ่งในอัญมณีเสริมสิริมงคลในชุดนพเก้าของไทย
    - เชื่อกันว่า เมื่อใดที่เพทาย ปราศจากประกายแวววาว แสดงว่า เจ้าของกำลังตกอยู่ในอันตราย
    - เชื่อกันว่า เพทายทุกชนิดมีอำนาจวิเศษ ในศตวรรษที่ 14 ผู้คนจึงซื้อหามาสวมใส่ เพื่อให้คุ้มครอง ป้องกัน การติดเชื้อกาฬโรค
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1-text-4.jpg
      1-text-4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      3.7 KB
      เปิดดู:
      324
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 ตุลาคม 2007
  3. sakmalai

    sakmalai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    504
    ค่าพลัง:
    +1,344
    สนใจแก้วเม็ดนี้ ไม่ทราบว่าราคาเท่าไหร่จ๊ะ.....

    อ่ะ...มาอัฟเดตแก้วโป่งข่ามก่อนละกันครับ อิอิอิ...
    แถวที่ 1 อันแรกคือ ต้นไม้เงิน 2.แก้วเข้าแก้ว 3.มังกรเงิน 4.ต้นคริสมาส (ดูกลับหัวนะครับ)
    แถวที่ 2 อันแรกคือ แก้วรูปปลาวาฬ 2. โคตรแก้วเข้าแก้ว 3.แก้วหลักเขตพัทธสีมา 4.แก้วเข้าหลัก( ดูตามปกติ )
    <!-- / message --><!-- attachments -->
     
  4. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,045
    ค่าพลัง:
    +17,915
    หวัดดีครับผม...ราคาของแก้วชุดนี้เป็นแก้วระดับสุดยอดทั้งนั้นครับ...ดังนั้นบางอย่างจึงมีราคาแพงครับผม...
    แถวที่ 1 อันแรกคือ ต้นไม้เงิน 4500 บาท 2.แก้วเข้าแก้ว 9000 บาท 3.มังกรเงิน 3500 บาท 4.ต้นคริสมาส มีคนซื้อไปแล้วครับ (ดูกลับหัวนะครับ)
    แถวที่ 2 อันแรกคือ แก้วรูปปลาวาฬ 6000 บาท 2. โคตรแก้วเข้าแก้ว9000 บาท 3.แก้วหลักเขตพัทธสีมา 9000 บาท 4.แก้วเข้าหลัก 11000 บาท ( ดูตามปกติ )
     
  5. braleaw

    braleaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2007
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +256
    [​IMG]คืออะไร และราคาทะไร่ครับ
     
  6. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,045
    ค่าพลัง:
    +17,915
    ครับผม..อันนี้คือไหลน้ำพี้ครับ อันนี้ผมเอาใส่ไว้ข้างหลังพระสมเด็จของผมน่ะครับ อิอิอิ..และมีเป้นชุด 10 กว่าชนิดนี้ครับ ในราคา 800 บาทครับผม คือรวมของดีของ 3 จังหวัดครับ ลำปาง สุโขทัยและอุตรดิตถ์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,045
    ค่าพลัง:
    +17,915
    แก้วหลักเขตพัทธสีมา ก็คือ แก้วที่มีรูปหลักเขตพัทธสีมา ที่อยุ่บนกำแพงของวัดน่ะครับ...จึงเรียกตามรูปแบบที่เห็น...เป็นแก้วมงคลที่มีลักษณะดีถูกต้องตามตำราครับ...
     
  8. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,045
    ค่าพลัง:
    +17,915
    1 โยชน์ = 16 กิโลเมตร
    400 เส้น = 1 โยชน์
    20 วา = 1 เส้น
    1 กัป = ตั้งแต่โลกเกิด จนถึงโลกดับ 1 ครั้ง
    อสงไขย = 10 ยกกำลัง 140 กัปป์
    คำว่า กัปป์ กับ คำว่า กัลป์ เป็นคำที่มีความหมายเดียวกัน คำนึงเป็น บาลี คำนึงเป็น สันสกฤต

    สมมุติมีกล่องใบหนึ่ง กว้าง 100 โยชน์ ยาว 100โยชน์ และ สูง 100 โยชน์ ในเวลา 100 ปี ให้เอาเมล็ดผักกาด 1 เมล็ด ใส่ลงไปในกล่องนั้น ทำอย่างนี้จนเมล็ดผักกาดนั้นเต็มเสมอเรียบปากกล่อง นั้นละจึงเท่ากับ 1 กัป

    (บางตำรากล่าวว่า กว้าง 1 โยชน์ ยาว 1 โยชน์ สูง 1 โยชน์) วิเคราะห์คำนวณ 1 โยชน์ = 16 กิโลเมตร ดังนั้นกล่องใบนี้มีปริมาตร = 1600X1600X1600 = 4,096,000,000 ลูกบาตกิโลเมตร ประมานว่า เมล็ดผักกาด มีขนาด .5 มิลลิเมตร 1 กิโลเมตรเทียบเป็นมิลลิเมตรได้ดังนี้ 10X100X1000 = 1,000,000 มิลลิเมตรจะได้ 1 กิโลเมตรใช้เมล็ดผักกาดเรียงกัน = (1,000,000)/0.5 = 2,000,000 เมล็ด

    ดังนั้น 1600 กิโลเมตรใช้เมล็ดผักกาดเรียงกัน = 1600X2,000,000 = 3,200,000,000 เมล็ด ถ้าเป็นปริมาตร คือ กว้าง x ยาว x สูง
    ต้องใช้เมล็ดผักกาดทั้งหมด คือ
    3,200,000,000X3,200,000,000X3,200,000,000 = 32,768,000,000,000,000,000,000,000,000 เมล็ด

    ใน 100 ปี ใส่เมล็ดผักเพียง 1 เมล็ด ดังนั้นต้องใช้เวลาทั้งหมดคือ
    32,768,000,000,000,000,000,000,000,000X100 = 3,276,800,000,000,000,000,000,000,000,000 ปี

    จึงได้เวลา 1 กัปป์ ประมาณ สามล้านสองแสนเจ็ดหมื่นหกพันแปดร้อยล้านล้านล้านล้าน ปีประมาณ 3.3 X 10 ยกกำลัง 30 ปี

    1 อสงไขยมีกี่กัปนั้นเป็นจำนวนที่แน่นอน คือ 1 ตามด้วยเลข 0 จำนวน 140 ตัว หรือ 1 X 10 ยกกำลัง140 กัปป์


    กัปป์ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนามีอยู่ ๒ ประการ คือ

    ๑) สุญญกัปป์ หมายถึง กัปป์ที่ไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระเจ้าจักรพรรดิ
    ๒) อสุญญกัปป์ หมายถึง กัปป์ที่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระเจ้าจักรพรรดิ อุบัติขึ้น

    อสุญญกัปป์มี ๕ อย่างคือ

    ๑) สารกัปป์ ได้แก่ มหากัปป์(= ๔ อสงไขยกัปป์)ที่มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น ๑ พระองค์
    ๒) มัณฑกัปป์ ได้แก่ มหากัปป์(= ๔ อสงไขยกัปป์)ที่มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น ๒ พระองค์
    ๓) วรกัปป์ ได้แก่ มหากัปป์(= ๔ อสงไขยกัปป์)ที่มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น ๓ พระองค์
    ๔) สารมัณฑกัปป์ ได้แก่ มหากัปป์(= ๔ อสงไขยกัปป์)ที่มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น ๔ พระองค์
    ๕) ภัททกัปป์ ได้แก่ มหากัปป์(= ๔ อสงไขยกัปป์)ที่มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น ๕ พระองค์


    ภัทรกัปป์ ( คือกัปป์ปัจจุบัน )
    มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้แล้ว ๔ พระองค์คือ
    - พระพุทธกกุสนธะ
    - พระพุทธโกนาคมน์
    - พระพุทธกัสสปะ
    - พระพุทธโคดม ( สมเด็จพระศาสดาองค์ปัจจุบัน )
    - และจะมี พระพุทธเมตไตรย มาตรัสรู้ในอนาคต


    เมื่อสิ้นมหากัปป์นี้แล้ว คัมภีร์อนาคตวงศ์กล่าวไว้ว่าอสุญญกัปป์ต่อไปจะเป็น มัณฑกัปป์ มีพระพุทธเจ้า ๒ พระองค์คือ
    พระรามโพธิสัตว์ และพระเจ้าปเสนทิโกศล(พระธรรมราช)

    --------------------------------------------------------------------------------

    พระสูตรเกี่ยวกับความยาวของกัป
    จาก "ภูมิวิลาสินี"
    หน้า ๔๕๖ - ๔๖๐
    โดย พระธรรมธีรราชมหามุนี
    (วิลาศ ญาณวโร ป.ธ.๙)
    + + + + + + + + + + + + + + +

    ปัพพตสูตร
    (สังยุตนิกาย นิทานวรรค ข้อ ๓๑๔ หน้า ๒๑๖ บาลีฉบับสยามรัฐ)

    "ดูกรภิกษุ! กัปหนึ่งนั้น เป็นเวลายาวนานนักหนา จะนับเป็นว่า
    - เท่านี้ปี
    - เท่านี้ร้อยปี
    - เท่านี้พันปี
    - เท่านี้แสนปี ดังนี้ไม่ได้เลย"

    "ดูกรภิกษุ! เราตถาคตจะยกอุปมาให้เธอฟัง เหมือนอย่างว่า ภูเขาศิลาลูกใหญ่ ยาว ๑ โยชน์ กว้าง ๑ โยชน์ สูง ๑ โยชน์ ไม่มีช่อง ไม่มีโพรง เป็นแท่งทึบ
    ยังมีบุรุษผู้หนึ่งนำเราผ้าขาวบางเยื่อไม้มาแต่แคว้นกาสี แล้วเอาผ้านั้นปัดถูภูเขา ๑๐๐ ปีต่อครั้งหนึ่งดังนี้ การที่ภูเขาศิลาใหญ่นั้น จะพึงถึงความหมดไป สิ้นไป เพราะความพยายามของบุรุษนั้นยังเร็วกว่า แต่เวลาที่เรียกว่า กัปหนึ่ง นั้น ยังไม่ถึงความหมดไป สิ้นไปเลย
    กัปหนึ่งนั้น นานอย่างนี้ ก็บรรดากัปที่นานอย่างนี้แหละ พวกเธอท่องเที่ยวไปมาอยู่ในวัฏสงสาร
    มิใช่ ๑ กัป มิใช่ ๑๐๐ กัป มิใช่ ๑๐๐๐ กัป
    มิใช่ ๑๐๐๐๐๐ กัป (แสนกัป- ไม่ได้พิมพ์ผิดนะคะ - deedi) ข้อนี้ เป็นเพราะเหตุดังฤา?
    เพราะว่า วัฏสงสารนี้ กำหนดที่สุดและเบื้องต้นมิได้ ในเมื่อเหล่าสัตว์ทั้งหลายถูกอวิชชาเป็นเครื่องกางกั้น ถูกตัณหาผูกพันเขาไว้ ก็ย่อมจะต้องท่องเที่ยวไปๆ มาๆ อยู่ โดยที่สุดและเบื้องต้น ย่อมไม่ปรากฏเลย"

    …………………………………………………………

    สาสปสูตร
    (สังยุตนิกาย นิทานวรรค ข้อ ๔๑๓ หน้า ๒๑๖ บาลีฉบับสยามรัฐ)

    "ดูกรภิกษุ! เราตถาคตจะยกอุปมาให้เธอฟัง เหมือนอย่างว่า พระนครที่ทำด้วยเหล็ก มีความยาว ๑ โยชน์ กว้าง ๑ โยชน์ สูง ๑ โยชน์ ซึ่งเป็นพระนครที่เต็มไปด้วยเมล็ดพันธุ์ผักกาด มีเมล็ดพันธุ์ผักกาดรวมกันเป็นกลุ่มก้อน ยังมีบุรุษผู้หนึ่งพึงหยิบเอาเมล็ดพันธุ์ผักกาดเมล็ดหนึ่งๆ ออกจากพระนครนั้น โดยกาลล่วงไป ๑๐๐ ปี ต่อเมล็ดหนึ่ง การที่เมล็ดพันธุ์ผักกาดกองใหญ่นั้น จะพึงถึงความหมดไป สิ้นไป เพราะความพยายาม ของบุรุษนั้น ยังเร็วกว่า แต่เวลาที่เรียก กัปหนึ่ง นั้น ยังไม่ถึงความหมดไป สิ้นไปเลย กัปหนึ่งนั้น ยาวนานอย่างนี้ ก็บรรดากัปที่ยาวนาน อย่างนี้แหละ พวกเธอท่องเที่ยวไปๆ มาๆ อยู่ในวัฏสงสาร มิใช่ ๑ กัป มิใช่ ๑๐๐ กัป
    มิใช่ ๑๐๐๐๐๐ กัป (แสนกัป- deedi)
    เพราะว่า วัฏสงสารนี้ กำหนดที่สุดและเบื้องต้นมิได้ ในเมื่อเหล่าสัตว์ทั้งหลายถูกอวิชชาเป็นเครื่องกางกั้น ถูกตัณหาผูกพันเข้าไว้ ก็ย่อมจะต้องท่องเที่ยวไปๆ มาๆ อยู่โดยที่สุดและเบื้องต้น ย่อมไม่ปรากฏเลย"

    …………………………………………………………

    สาวกสูตร
    (สังยุตนิกาย นิทานวรรค ข้อ ๔๓๓ หน้า ๒๑๗ บาลีฉบับสยามรัฐ)

    อีกคราวหนึ่ง ได้มีพระภิกษุหลายรูปด้วยกัน ได้พากัน เข้าไปเฝ้าสมเด็จพระสรรเพชญสัมมาสัมพุทธเจ้า และกราบทูลถามเรื่องกัปที่ล่วงไปแล้วว่า
    "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! บรรดากัปทั้งหลายที่ผ่านไปแล้ว ล่วงไปแล้ว มีมากเท่าใดหนอ พระเจ้าข้า"

    สมเด็จพระมหากรุณาสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสตอบว่า
    "ดูกรภิกษุทั้งหลาย! เราตถาคตจะยกอุปมาให้พวกเธอฟัง ยังมีพระพุทธสาวก ๔ รูปในพระศาสนานี้
    เป็นผู้มีอายุยืน ๑๐๐ ปี มีชีวิตอยู่ได้ ๑๐๐ ปี
    หากว่าพระสาวกทั้ง ๔ รูปเหล่านั้น สามารถระลึก ถอยหลังไปได้วันละ ๑๐๐๐๐๐ กัป
    กัปที่พระสาวกเหล่านั้นระลึกไม่ถึงพึงยังมีอยู่อีก พระสาวก ๔ รูปของเราผู้มีอายุยืน ๑๐๐ ปี มีชีวิตอยู่ได้ ๑๐๐ ปี พึงทำกาละโดยล่วงไป ๑๐๐ ปีเสียก่อน โดยแท้เลย
    กัปที่ผ่านไปแล้ว ล่วงไปแล้ว มีจำนวนมากมาย อย่างนี้แหละ ฉะนั้น จึงมิใช่เป็นการกระทำที่ง่าย ในการที่จะนับจำนวนกัปว่า เท่านี้ร้อยกัป เท่านี้พันกัป เท่านี้แสนกัป
    ข้อนี้ เป็นเพราะเหตุดังฤา?
    เพราะว่า วัฏสงสาร กำหนดที่สุดและเบื้องต้นมิได้ ในเมื่อเหล่าสัตว์ทั้งหลายถูกอวิชชาเป็นเครื่องกางกั้น ถูกตัณหาผูกพันเข้าไว้ ก็ย่อมจะต้องท่องเที่ยวไปๆ มาๆ อยู่โดยที่สุดและเบื้องต้น ย่อมไม่ปรากฏเลย"

    …………………………………………………………..

    คงคาสูตร
    (สังยุตนิกาย นิทานวรรค ข้อ ๔๓๕ หน้า ๒๑๗ บาลีฉบับสยามรัฐ)

    กาลต่อมาอีกคราวหนึ่ง
    ขณะที่องค์สมเด็จพระชินสีห์สัมมาสัมพุทธเจ้า ประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ได้มีพราหมณ์ผู้หนึ่ง เข้าไปเฝ้าและกราบทูลถามปัญหาเรื่องกัปที่ผ่านไปแล้ว อีกเช่นกัน แลในวันนั้น สมเด็จพระพุทธองค์ ได้ทรงมีพระพุทธฎีกาตอบแก่เขาว่า
    "ดูกรพราหมณ์! เราตถาคตจะยกอุปมาให้ท่านฟัง เหมือนอย่างว่า แม่น้ำคงคานี้ ย่อมเกิดแต่ที่ใด และย่อมถึงมหาสมุทร ณ ที่ใด เม็ดทรายในระยะนี้ ย่อมไม่เป็นของไม่ง่ายนัก ที่จะกำหนดนับได้ เท่านี้เม็ด เท่านี้ร้อยเม็ด เท่านี้พันเม็ด เท่านี้แสนเม็ด ดูกรพราหมณ์! กัปทั้งหลายที่ผ่านไปแล้ว ล่วงไปแล้ว มากกว่าเม็ดทรายเหล่านั้น จึงมิใช่เป็นการง่ายนัก ที่จะกำหนดนับกัปเหล่านั้นว่า เท่านี้กัป เท่านี้ร้อยกัป เท่านี้พันกัป เท่านี้แสนกัป
    ข้อนี้ เป็นเพราะเหตุดังฤา?
    เพราะว่า วัฏสงสารนี้ กำหนดที่สุดและเบื้องต้นมิได้ ในเมื่อเหล่าสัตว์ทั้งหลายถูกอวิชชาเป็นเครื่องกางกั้น ถูกตัณหาผูกพันเข้าไว้ ก็ย่อมจะต้องท่องเที่ยวไปมาอยู่ โดยที่สุดและเบื้องต้นย่อมไม่ปรากฏ สัตว์ทั้งหลาย ที่ยังท่องเที่ยวอยู่ในวัฏสงสารนั้น ได้เสวยทุกข์ ความเผ็ดร้อน ความพินาศ ได้เพิ่มพูนปฐพีที่เป็นป่าช้า ตลอดกาลนาน พอทีเดียวเพื่อจะคลายความกำหนัด พอทีเดียวเพื่อจะหลุดพ้นได้ ใช่ไหมเล่า"

    เมื่อสมเด็จพระสรรเพชญสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสฉะนี้แล้ว พราหมณ์ผู้นั้นได้กราบทูลด้วยความเลื่อมใสว่า
    "แจ่มแจ้งยิ่งนัก ท่านพระโคดม! ไพเราะยิ่งนัก ท่านพระโคดม! ขอท่านพระโคดมผู้เจริญ โปรดจงจำข้าพระบาทว่า "เป็นอุบาสก" ผู้ถึงสรณะสาม ตลอดชีวิต ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป" ดังนี้

    ___________________________________________

    พระสูตรเกี่ยวกับความยาวของวัฏสงสาร
    จาก "ภูมิวิลาสินี" หน้า ๔๕๓ - ๔๕๖
    โดย พระธรรมธีรราชมหามุนี
    (วิลาศ ญาณวโร ป.ธ.๙)

    *********************************************

    …ขอให้พุทธสาวกทั้งหลายนึกถึงพระพุทธฎีกาว่าด้วย ความยาวนานแห่งวัฎสงสาร อันปรากฏมีในอนมตัคคสังยุต (สังยุตนิกาย นิทานวรรค อนมตัคคสังยุต ติณกัฏฐสูตร ข้อ ๔๒๑ หน้า ๒๑๒ บาลีฉบับสยามรัฐ) ซึ่งเป็นเรื่องที่ พวกเราชาวพุทธบริษัทสมควรจะรับทราบเอาไว้ ดังต่อไปนี้

    ความยาวนานแห่งวัฏสงสาร

    "ดูกรเธอผู้เห็นภัยในวัฏสงสารทั้งหลาย! อันว่าวัฏสงสารนี้ กำหนดที่สุดและเบื้องต้นมิได้ เมื่อเหล่าสัตว์ทั้งหลาย ถูกอวิชชาเป็นที่กางกั้น ถูกตัณหาผูกพันเข้าไว้ ก็ย่อมจะท่องเที่ยวไปๆ มาๆ อยู่ โดยที่สุดและเบื้องต้น ย่อมไม่ปรากฏเลย
    ดูกรเธอผู้เห็นภัยในวัฏสงสารทั้งหลาย! เหมือนอย่างว่า มีบุรุษคนหนึ่งเที่ยวตัดหญ้า ไม้ กิ่งไม้ ใบไม้ ในชมพูทวีปนี้ แล้วจึงรวมกันไว้ ครั้งแล้วพึงกระทำให้เป็นมัดๆ มัดละ ๔ นิ้ว วางเอาไว้ แล้วจึงกระทำการสมมติว่า
    "นี่ เป็นมารดาของเรา"
    และว่า
    "นี่ เป็นมารดาแห่งมารดาของเรา"
    กระทำการสมมติไปโดยลำดับ มารดาแห่งมารดา ของบุรุษนั้น ไม่พึงสิ้นสุดลงได้ แต่ว่าหญ้า ไม้ กิ่งไม้ ใบไม้ พึงถึงความหมดสิ้นไปก่อน
    ข้อนี้ เป็นเพราะเหตุดังฤา?
    เพราะว่า วัฏสงสารนี้ กำหนดที่สุดและเบื้องต้นมิได้ เมื่อเหล่าสัตว์ทั้งหลายถูกอวิชชาเป็นเครื่องกางกั้น ถูกตัณหาผูกพันเข้าไว้ ก็ย่อมจะต้องท่องเที่ยวไปๆ มาๆ อยู่โดยที่สุดและเบื้องต้น ย่อมไม่ปรากฏ พวกเธอ ได้เสวยทุกข์ ความเผ็ดร้อน ความพินาศ ได้เพิ่มพูนปฐพีที่เป็นป่าช้าตลอดกาลนาน
    ดูกรเธอผู้เห็นภัยในวัฏสงสารทั้งหลาย!
    ก็เหตุเพียงเท่านี้ ย่อมเป็นการเพียงพอทีเดียว เพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง ย่อมเป็นการเพียงพอเพื่อจะหลุดพ้นได้"

    อีกคราวหนึ่ง สมเด็จพระสรรเพชญ์สัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงมีพระมหากรุณาแสดงพระธรรมเทศนา เรื่องวัฏสงสารนี้ ในท่ามกลางที่ประชุม พระภิกษุสงฆ์ว่า
    (สังยุตนิกาย นิทานวรรค อนมตัคคสังยุต ปฐวีสูตร ข้อ ๔๒๓ หน้า ๒๑๒ บาลีฉบับสยามรัฐ)
    "ดูกรเธอผู้เห็นภัยในวัฏสงสารทั้งหลาย! วัฏสงสารนี้ กำหนดที่สุดและเบื้องต้นไม่ได้ ในเมื่อเหล่าสัตว์ ถูกอวิชชาเป็นเครื่องกางกั้น ถูกตัณหาเป็นเครื่อง ผูกพันเข้าไว้ ก็จะท่องเที่ยวไปๆ มาๆ อยู่ โดยที่สุดและเบื้องต้น ย่อมไม่ปรากฏเลย ดูกรเธอผู้เห็นภัยในวัฏสงสารทั้งหลาย! เหมือนอย่างว่า มีบุรุษคนหนึ่งพยายามปั้น แผ่นปฐพีนี้ให้เป็นก้อน ก้อนละเท่าเม็ดกระเบา แล้ววางไว้ และแล้วก็กระทำสมมติว่า
    "นี่ เป็นบิดาของเรา"
    และว่า "นี่ เป็นบิดาแห่งบิดาของเรา"
    กระทำการสมมติเรื่อยไปโดยลำดับดังนี้ บิดาแห่งบิดาของบุรุษนั้น ย่อมไม่เป็นอันที่จะ สิ้นสุดลงไปได้ แต่ว่ามหาปฐพีนี้ พึงถึงความหมดสิ้น ไปก่อน
    ข้อนี้ เป็นเพราะเหตุดังฤา
    เพราะว่า วัฏสงสารนี้ กำหนดที่สุดและเบื้องต้นมิได้ ในเมื่อเหล่าสัตว์ถูกอวิชชาเป็นเครื่องกางกั้น ถูกตัณหาผูกพันเข้าไว้ ก็ย่อมจะต้องท่องเที่ยวไปๆ มาๆ อยู่โดยที่สุดและเบื้องต้น ย่อมไม่ปรากฏเลย" ดังนี้

    ยังมีอีกคราวหนึ่ง ซึ่งสมเด็จพระสรรเพชญ์สัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงมีพระมหากรุณาตรัสสอนเรื่องวัฏสงสาร ในท่ามกลางที่ประชุมสงฆ์ว่า
    (สังยุตนิกาย นิทานวรรค อัสสุสูตร ข้อ ๔๒๕ หน้า ๒๑๓ บาลีฉบับสยามรัฐ)
    "ดูกรเธอผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร! วัฏสงสารนี้ กำหนดที่สุกและเบื้องต้นมิได้ พวกเธอจะสำคัญความข้อนี้เป็นไฉน คือ น้ำตาที่หลั่งไหลออกจากตาของพวกเธอ ผู้ท่องเที่ยวไปมาอยู่ ร้องไห้คร่ำครวญอยู่ เพราะประสบสิ่งที่ไม่พอใจ เพราะพลัดพราก สิ่งที่พอใจโดยกาลนานนี้ กับน้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ สิ่งไหนจะมากกว่ากัน? ถูกแล้ว น้ำตาที่หลั่งไหล ออกจากตาของพวกเธอ ผู้ท่องเที่ยวไปมา ร้องไห้ คร่ำครวญอยู่ เพราะประสบสิ่งที่ไม่พอใจ เพราะพลัดพรากสิ่งที่พอใจ โดยกาลนานนี่แหละ มากกว่าน้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ เป็นไหนๆ

    พวกเธอได้ประสบมรณกรรมของมารดาตลอดกาลนาน
    น้ำตาที่หลั่งไหลออกจากตาของพวกเธอ
    ผู้ประสบมรณกรรมของมารดา และร้องไห้คร่ำครวญ
    เพราะประสบสิ่งที่ไม่พอใจ เพราะพลัดพราก
    จากสิ่งที่พอใจอยู่นั้น มีประมาณมากกว่าน้ำ
    ในมหาสมุทรทั้ง ๔ ส่วนน้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ นั้น
    มีประมาณไม่มากกว่าน้ำตาของพวกเธอเลย

    พวกเธอได้ประสบมรณกรรมของบิดามาตลอดกาลนาน…
    พวกเธอได้ประสบมรณกรรมของน้องสาวมาตลอดกาลนาน…
    พวกเธอได้ประสบมรณกรรมของบุตรธิดามาตลอดกาลนาน…
    พวกเธอได้ประสบกับความเสื่อมแห่งญาติมาตลอดกาลนาน…
    พวกเธอได้ประสบกับความเสื่อมแห่งโภคะมาตลอดกาลนาน…

    พวกเธอได้ประสบกับความเสื่อมเพราะโรคมาตลอดกาลนาน
    น้ำตาที่หลั่งไหลออกจากตาของพวกเธอ ผู้ประสบกับ
    ความเสื่อมเพราะโรค และร้องไห้คร่ำครวญเพราะประสบ
    สิ่งที่ไม่พอใจ เพราะพลัดพรากจากสิ่งที่พอใจอยู่นั้น
    มีประมาณมากกว่าน้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔
    ส่วนน้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ นั้น
    มีประมาณไม่มากกว่าน้ำตาของพวกเธอเลย

    ข้อนี้ เป็นเพราะเหตุดังฤา?
    เพราะว่า วัฏสงสารนี้ กำหนดที่สุดและเบื้องต้นมิได้
    ในเมื่อเหล่าสัตว์ถูกอวิชชาเป็นเครื่องกางกั้น
    ถูกตัณหาผูกพันเข้าไว้ ก็ย่อมจะต้องท่องเที่ยวไปๆ มาๆ
    อยู่โดยที่สุดและเบื้องต้น ย่อมไม่ปรากฏเลย" ดังนี้
     
  9. braleaw

    braleaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2007
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +256
    [​IMG]ไหลน้ำพี้แหล่งที่มาจาก"อ.ศักดิ์ดา"รึเปล่าครับเพราะดูแล้วเหมือนกันมาก
     
  10. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,045
    ค่าพลัง:
    +17,915
    อ๋อ...ไมได้เอามาจาก อ.ศักดา หรอกครับ...ผมเอามาจากหมู่บ้านน้ำพี้โดยตรงน่ะครับพี่...^O^
     
  11. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,045
    ค่าพลัง:
    +17,915
    ข้าวตอกพระร่วง จัดอยู่ในตระกูล
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 ตุลาคม 2007
  12. ปลัดหัวชะมด

    ปลัดหัวชะมด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,129
    ค่าพลัง:
    +1,256
    อยากได้แบบนี้มีไหมครับ

    อยากได้แบบนี้มีไหมครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,045
    ค่าพลัง:
    +17,915
    ครับผม..ประคำขนาดใหญ่ก็มีครับผม...ก็อยุ่ที่ 200 บาท ครับ...ต่อ 1 เส้นอ่ะครับ...อิอิอิ ... พอดีผมเอาแก้วกายสิทธิ์ที่ผมใส่พลังแล้วไปให้คนที่เขาจับพลังได้..จับดูครับ...พอดีไปดูไข่พญางูขาวด้วยครับ...เพิ่งกลับมาบ้าน...แม่ก็บอกผมว่า คุณ ปลัดไม้ โทรมาที่บ้านบอกว่าได้รับของแล้ว...^O^
     
  14. braleaw

    braleaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2007
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +256
    พอจะทราบวัตถุมงคลของ หลวงปู่ทองทิพย์ เปล่าครับ
     
  15. ปลัดหัวชะมด

    ปลัดหัวชะมด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,129
    ค่าพลัง:
    +1,256
    ขอขนาดใหญ่ 1เส้นครับ
     
  16. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,045
    ค่าพลัง:
    +17,915
    ครับผม..วัตถุมงคลของหลวงปู่ทองทิพย์ติดต่อโดยตรงเลยครับทั่น

    ความเป็นมาของการสร้างพระพุทธเจ้า 5 พระองค์

    ในปี 2542 พระเดชพระคุณหลวงปู่ทองทิพย์ พุทธปัญโญ(โพธิสัตโต) หรือหลวงปู่ทองคำศรี รัตนโคตร ซึ่งเป็นประธานสงฆ์วัดป่าสีดาพระรามลักษณ์รัตนโคตร(ว ัดป่าพระเจ้านั่งแท่น) ได้มีดำริให้นาวาอากาศโท วีระพงศ์ คงสวัสดิ์ เป็นผู้รับขันธ์หน้าที่ในการสร้างพระพุทธรูปพระพุทธเ จ้า 5 พระองค์ ที่ตรัสรู้ในภัทรกัปป์ปัจจุบันนี้ คือ พระกกุสันโธ พระโกนาคมโน พระกัสสโป พระโคตโมและพระศรีอริยเมตตรัยโย โดยมีวัตถุประสงค์ในการสร้างองค์พระเพื่อสืบทอดอายุพ ระศาสนา ไว้สักการะบูชาแก่เทพยดาและมวลมนุษย์รวมทั้งจะมีผลาน ิสงส์ในการค้ำจุนประเทศไทยและช่วยสงเคราะห์ ยับยั้งภัยพิบัติต่างๆนานาที่อาจจะเกิดขึ้นแก่ประเทศ ไทยในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย
    พุทธลักษณะขององค์พระ

    องค์พระมีพุทธลักษณะ ตามพุทธลักษณะของพระแก้วมรกตองค์จริง โดยขยายขนาดให้ใหญ่ขึ้นคือองค์พระกกุสันโธ พระโกนาคมโน พระกัสสโป พระโคตโม นั้นจะมีขนาดหน้าตัก 3.50 เมตร (7 ศอก) และองค์พระศรีอริยเมตไตรโย จะมีขนาดหน้าตัก 3.80 เมตร(8 ศอก) องค์พระพุทธรูปทั้ง 5 พระองค์จะหล่อด้วยทองเหลืองพ่นสีเขียวมรกต เมื่อสร้างเสร็จแล้วจะนำไปประดิษฐานไว้ที่วัดป่ า สีดาพระรามลักษณ์รัตนโคตร ต.สีกาย อ.เมือง จ.หนองคายและจะสร้างปราสาทรองรับเพื่อประดิษฐานพระพุ ทธรูปทั้ง 5 พระองค์ด้วยบัดนี้ถึงกาลเวลาที่จะดำเนินการสร้างพระพ ุทธรูปตัวแทนของพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ดังกล่าวแล้ว เหล่าผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนาและสานุศิษย์ผู้ศรัทธาใ นองค์หลวงปู่ทองทิพย์ฯ จึงตกลงพร้อมใจกันที่จะจัดพิธีหล่อพระพุทธรูปพระพุทธ เจ้า 5 พระองค์ขึ้นในวันมาฆบูชา(เพ็ญเดือน 3) ปี พ.ศ. 2550 โดยจะใช้สถานที่ในการหล่อองค์พระที่วัดธรรมศาลา อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม และจะดำเนินการหล่อพระให้แล้วเสร็จภายใน 1 วัน

    ความเป็นมาเกี่ยวกับวัดป่าสีดาพระรามลักษณ์รัตน โคตร

    วัดป่าสีดาพระรามลักษณ์รัตนโคตรเป็นสถานที่สำคัญมาแต ่สมัยโบราณ ตามตำนานสถานที่แห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่และเคยเป็นสถาน ที่บำเพ็ญบารมีของพระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์ในภัทรกัปป์นี้คือ พระพุทธเจ้ากกุสันโธ พระโกนาคมโน พระกัสสโป พระโคตโมและ พระศรีอริเมตตรัยโย และในตำนานพระธาตุพนม มีบันทึกปรากฏไว้ว่า เมื่อพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช พระมหากษัตริย์ของลาว ผู้อัญเชิญพระแก้วมรกตจากเมืองเชียงใหม่ มาประดิษฐานที่เมืองเวียงจันทร์ เมื่อพระองค์เสด็จมาสักการะบูชาพระธาตุพนม เสร็จแล้วได้เสด็จมาสักการะพระธาตุเจดีย์ที่เมืองราม ลักษณ์ ซี่งเป็นพระธาตุเจดีย์สมัยเดียวกันกับพระธาตุพน ม ซึ่งปัจจุบันอยู่ภายในวัดป่าสีดาพระรามลักษณ์รัตนโคต ร นั่นเอง และในตำนานของประเทศลาวเกี่ยวกับการสวรรคตของพระเจ้า ไชยเชษฐาธิราช ว่า พระองค์ได้ขี่ม้ามาล้มลง แล้วหายไป ณ เมืองรามลักษณ์
    เมื่อหลวงปู่ทองทิพย์ พุทธปัญโญ(โพธิสัตโต) หรือหลวงปู่ทองคำศรี รัตนโคตร ได้เดินธุดงค์กลับจากการไปบำเพ็ญบารมีและปฏิบัติธรรม ที่ภูเขาควาย ประเทศลาว ท่านได้ค้นพบว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่สำคัญ ซึ่งเกี่ยวพันกับการบำเพ็ญบารมีของพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ ท่านจึงได้ชักชวนญาติโยมผู้ศรัทธา พัฒนาขึ้นเป็นวัดสำหรับเป็นสถานที่ทำปฏิบัติธรรมและท ำบารมีของบรรดาผู้ปรารณาพระโพธิญาณและเหล่าสาวกทั้งห ลายต่อไป

    ประธานฝ่ายสงฆ์

    หลวงปู่ทองทิพย์ พุทธปัญโญ (หลวงปู่ใหญ่)
    หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร

    รายชื่อพระเถระที่จะนิมนต์มาร่วมอธิษฐานจิต (นั่งอธิษฐานทั้ง 8 ทิศ)

    1. พระเทพสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม) วัดอัมพวัน จ. สิงห์บุรี
    2. พระราชญาณปรีชา (หลวงพ่อถวิล กนฺตสิริ) วัดราชาธิวาส สามเสน กทม.
    3. พระราชพิพัฒนาทร (หลวงพ่อมหาถาวร ถาวโร) วัดปทุมวนาราม กทม.
    4. พระครูเกษมวรกิจ (หลวงพ่อวิชัย เขมิโย) วัดถ้ำผาจม อ.แม่สาย จ. เชียงราย
    5. พระอธิการ ถวิล จนฺทสโร วัดถ้ำพระบำเพ็ญบุญ จ.เชียงราย
    6. พระปลัดซุ่งเฮง อาจารสมฺปนฺโน วัดทองย้อย อ.บ้านนา จ.นครนายก
    7. หลวงปู่ละมัย ฐิตมโน สำนักสงฆ์คีรีนามฑา จ.เพชรบูรณ์
    8. หลวงพ่อจำเนียร สีลเสฏฺโฐ วัดถ้ำเสือ จ.กระบี่

    รายชื่อครูบาอาจารย์ที่จะมาร่วมงานหล่อพระ
    พระอาจารย์น้อย อนุตตะโร ป่าช้าอภัยทาน จ.หนองคาย
    หลวงพ่อทองฤทธิ์ วัดป่าวรพจน์ปรีดาราม จ.หนองบัวลำพู
    หลวงพ่อทองแดง วัดป่าลาดทอง จ. อุดรธานี
    ฯลฯ

    กำหนดการ
    วันเสาร์ที่ 3 เดือน มีนาคม พ.ศ. 2550 (วันมาฆบูชา) ณ วัดธรรมศาลา อ. เมือง จ.นครปฐม
    เวลา 11: 09 บวงสรวงเทพยดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์
    เวลา 11: 30 เจริญพระพุทธมนต์
    เวลา 12: 00 เททองหล่อพระ
    เวลา 13: 00 พระเถระอธิษฐานจิต
    คณะกรรมการดำเนินงาน

    ผู้มีจิตศรัทธาสามารถติดต่อร่วมบุญมหากุศลได้ที ่
    นาวาอากาศโท วีระพงศ์ คงสวัสดิ์ (โทร. 081-444-9954)
    คุณกฤษณพจน์ สิทธิศุข (โทร. 089-202-7216)
    คุณฐตธนวัฒฆ์ พงศ์พานภักดี (โทร. 086-980-4431)
    และศิษยานุศิษย์ของหลวงปู่ทองทิพย์ พุทธปัญโญ
     
  17. ศิษย์ปลายแถว

    ศิษย์ปลายแถว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    6,114
    ค่าพลัง:
    +25,994
     
  18. braleaw

    braleaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2007
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +256
    สวัสดีครับคุณปลัดไม้^^
    เห็นออนอยู่นานแล้วก็เลยทักเฉยๆครับ
     
  19. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,045
    ค่าพลัง:
    +17,915
    หวัดดีครับผม...แหวนข้าวตอกพระร่วงมีไว้สำหรับแถมครับผม...แต่หัวแหวนหัวละ 250 บาทครับผม...500 บาท ก็ได้หัวแหวน 2 หัว..และแหวนทองเหลือง 1 วง...พระสมเด็จโป่งข่าม 1 องค์ พระหลวงปู่ทวด แร่เหล็กน้ำพี้ 1 องค์ แร่เหล็กน้ำพี้ 1 ก้อน แร่ข้าวตอกพระร่วง 1 ก้อน...สร้อยประคำ 1 เส้น..ไหลน้ำพี้ 5 เม็ด...วิชาเดินธาตุ 1 ชุด วิธีทำสมาธิแบบหลวงพ่อวิริยังค์ แห่งสถาบันพลังจิตตานุภาพ 1 ชุด คือรวมชุดนี้แค่ 500 บาทครับผม.../..คือเราให้มากกว่าที่ท่านระบุมาน่ะครับผม อิอิอิ ^O^และชุดละ 500 บาท แตกต่างจากชุดละ 800 บาทตรงที่ ชุดละ 800 บาทเพิ่มจตุคามแร่เหล็กน้ำพี้กับแก้วโป่งข่ามเข้าไปด้วยน่ะครับ ^O^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 ตุลาคม 2007
  20. อวตารเทพมาร

    อวตารเทพมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2006
    โพสต์:
    707
    ค่าพลัง:
    +2,101
    ขอจองชุดนี้ครับ
    500 บาท ก็ได้หัวแหวน 2 หัว..และแหวนทองเหลือง 1 วง...พระสมเด็จโป่งข่าม 1 องค์ พระหลวงปู่ทวด แร่เหล็กน้ำพี้ 1 องค์ แร่เหล็กน้ำพี้ 1 ก้อน แร่ข้าวตอกพระร่วง 1 ก้อน...สร้อยประคำ 1 เส้น..ไหลน้ำพี้ 5 เม็ด...วิชาเดินธาตุ 1 ชุด วิธีทำสมาธิแบบหลวงพ่อวิริยังค์ แห่งสถาบันพลังจิตตานุภาพ 1 ชุด คือรวมชุดนี้แค่ 500 บาทครับผม.
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...