เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕

พระพิฆเนศ<O</O
องค์ต่อไปหลวงพ่อท่านก็มีเป็นถุง ทรงเดียวกันกับพระถังซำจั๋ง แต่คนล่ะเนื้อ เนื้อพระพิฆเนศจะออกเหลืองและแกร่งกว่า
<O</O
ด้านหน้าเป็นพระพิฆเนศ นั่งมีรัศมี มีรูปพระพุทธนั่งบนพระเศียร<O</O
ข้างหลัง เป็นรูปพระธรรมจักร และอักษร เศรษฐีนวโกฏิ ๒๕๔๔ ( อ่านไม่ชัด ) คลังบุญ โพธิจิตต
<O</O
ข้างล่างเขียน หลวงพ่ออ่อน วัดเขียน หลวงพ่อทรงวัดศาลาดิน วิเศษไชยชาญ อ่างทอง ( สะกดแบบนี้ )
<O</O
ขนาดสูงประมาณ ๓.๒ ซ.ม. ฐานกว้างประมาณ ๒.๑ ซ.ม. <O</O
พระนี้ผมก็ได้มาหลายที นั่งยันว่าของฟรี
<O</O
พระผงพระถังซำจั๋งและพระผงพระพิฆเณศนี้เป็นของคุณวีระพงษ์ แซ่เตี้ยและเพื่อนๆ ( ขออภัยที่เอ่ยนาม แต่เพราะท่านทำความดี ) โครงการโพธิจิตตสร้างพระแจกเป็นพุทธบูชาได้จัดสร้างขึ้นและนำไปตระเวณเสกตามที่ต่างๆ ผมเคยเจอพระนี้แต่ด้านหลังเขียนเป็นของหลวงพ่อครูบาดวงดี วัดบ้านฟ่อนด้วย พวกท่านพอเอาพระเสกที่ไหนก็มักจะแบ่งพระไว้ให้ครูบาอาจารย์ที่นั่นส่วนหนึ่งแทบทุกครั้งไปเพราะพระสร้างมาเป็นแสนองค์ แต่ในส่วนที่ถวายลพ.ทรงนี้ได้จัดทำมาเพื่อถวายท่านเป็นพิเศษจึงได้ทำบล๊อคหลังขึ้นใหม่แต่แม่พิมพ์ด้านหน้ายังคงใช้แม่พิมพ์เดิมเหมือนกับที่ทำแจกเป็นทานบารมี เป็นของฟรีแน่นอนครับ
<O</O
ส่วนหลวงพ่อ อ่อนวัดเขียนเป็นพระสหธรรมิกของหลวงพ่อทรง อาวุโสกว่านิดหน่อย เป็นลูกศิษย์อาจารย์เดียวกัน บวชมาด้วยกันที่วัดยางมณี และออกจากจากวัดยางมณีมาด้วยกัน รู้จักหลวงพ่อมายาวนาน เป็นพระผู้เฒ่าที่ดังในพื้นที่ มีคนนับถือมากในพื้นที่ ผมไม่รู้จักท่านเลย แต่ท่านดังทางแหวน เหรียญและเบี้ยเหมือนกัน นอกนั้นผมไม่มีข้อมูลเลยครับ แต่พอจะจำได้ว่า ท่านมรณะภาพไปก่อนหลวงพ่อทรงประมาณ สองปี

 

เอาไปถักลวดมาครับ

 

ลวดเงินหรือปล่าวครับ ตอนนี้หาคนทำยากแล้ว

 

หลวงพ่อทวด<O</O
หลวงพ่อทรง ท่านมีหลวงพ่อทวดแจกด้วย ไม่ทราบเจ้าเดียวกันหรือปล่าว
<O</O
ข้างหน้าเป็นรูปหลวงพ่อทวด ทรงนิยมนั่งขัดสมาธิเพชรบนดอกบัวเนื้อผงขาวเทา สูงประมาณ ๓.๔ ซ.ม. ฐานยาวประมาณ ๒.๒ ซ.ม.
<O</O
ข้างหลังเป็นรูปพระเจ้าตากสิน (?) ชูดาบ และอักษรอ่านจนเมื่อยตา เดาไม่ออก ข้างล่างพระเจ้าตาก เขียนโพธิจิต
<O</O
ได้มาฟรีอีกเหมือนกัน เป็นของฟรีที่หลวงพ่อแจกแถมแก่ท่าน เทพบุตร เทพธิดา ที่มาทำบุญกับหลวงพ่อ อาจจะเช่าวัตถุมงคล แล้วมาให้หลวงพ่อจารหรือ เสกให้ มากันหลายคน หลวงพ่อท่านมีอยู่ในถุงข้างตัว ท่านก็หยิบออกมาแจกครับ
<O</O
จะเห็นว่าของฟรีของหลวงพ่อมีหลายอย่างน่ะครับ ดีกว่าของที่มาทำขายกันราคาแพงๆซ่ะอีก ของบางอย่างต้นทุน อย่างเช่นเหรียญทองแดงเหรียญล่ะ สิบกว่าบาท เอามาขายกัน เป็นร้อยๆ เหรียญเงิน ต้นทุนหลักร้อย อาจจะหลายร้อยหน่อยถ้าลงยา แต่เอามาขายกันเป็นหลักพัน เกือบสองพันก็มี ถ้าราคาแพงๆ แล้วเงินมันเข้าวัด หรือ ไปทำสาธารณะประโยชน์ก็ดี แต่บางทีมันไม่ใช่น่ะครับ ลองตรองดูน่ะครับ แล้วราคาแพงๆน่ะคนจนๆ แห้วเลยครับ
<O</O
เล่นของฟรีนี่แหละครับ หลวงพ่อท่านเสกอย่างดีเหมือนกันทุกอย่าง และขลังตั้งแต่ทำออกมา เพราะเจตนาดี จะแขวนของหลวงพ่อก็แขวนของพวกนี้แหละครับ พุทธคุณดีแน่นอน ไม่ต้องไปสนเรื่องราคาหรอกครับ<O</O


อีกแบบจากคณะเดียวกัน หลวงพ่อแจกฟรีครับ

 

กราบ กราบ กราบ หลวงพ่อทรงครับ

 

จริงครับ

 

พระพิมพ์จันทร์ลอยครึ่งองค์<O</O
พระองค์นี้มาจากระยองเหมือนกัน คงไม่ใช่คณะเดียวกัน ผมไม่รู้จักเป็นส่วนตัวเหมือนกันว่า ใครสร้าง สร้างจำนวนเท่าไหร่ สร้างเนื่องในโอกาศอะไร รู้แต่ว่ารุ่นนี้ดีมากส์
<O</O
ตอนได้มา ผมไปวัดตามปกติ หลังจากกราบหลวงพ่อก็เดินไปทางข้างหลัง เข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างมือแล้วเลยแวะไปตรวจดู " กิจการ " ปั้มท์พระแจกฟรี ที่หลังวัดตามปกติ เพื่อดูว่าขาดเหลืออะไรบ้าง นั่งพูดคุยสักพัก พระสวัดดิ์ ควักพระองค์นี้จากกระป๋องมาให้ บอกว่าพวกระยองให้มา ผมมองดูแล้วชอบใจ องค์ปึ้กดี เลยรีบเอาพระมาให้หลวงพ่อดู ถามว่าใช่ของหลวงพ่อหรือปล่าวครับ ท่านบอกใช่ แล้วเอาเหล็กจารมาจารข้างๆ รอบองค์พระเพียบแบบส่ะใจ แล้วเสกซ้ำให้อีกทีแบบถูกใจโก๋แก่ <O</O
<O</O
<O
</O
รอยจารที่มีรอบองค์ ผมลองซูมแล้วติดแค่นี้แหละครับ มีฝีมือแค่นี้แหละ......แหะๆ และมีเส้นเกศาผสมมาด้วยครับ ประปราย

<O</O
แต่บอกตามตรง พระองค์นี้มีอะไรแปลกๆไม่รู้เขาใส่อะไรมาน่ะครับ ดูเนื้อหลักเหมือนดินสอพอง นั่งรถกลับมาหอมแปลกๆมาตลอดเหมือนใครตามมาตลอด พอเอาเข้าเขตบ้านผมอาราธนาของใหม่ก่อนเอาเข้าบ้านตามปกติ พอเข้าห้องพระได้กลิ่นธูป ผมไม่เคยจุดธูปในห้องพระครับ มันมีเหตุผล ( ตอนหลัง เขาพิสูจน์ออกมาแล้ว ว่ามีสารเร่งมะเร็ง ) อืมพระองค์นี้น่าสนใจ มีแค่องค์เดียว จะไปหาอีกไม่ทราบว่าจะไปหาที่ไหน เลยให้นายหมีเอาไปปิดทองคำเปลวแท้ๆ แล้วเอาวางบูชาไว้ที่รูปหล่อเก้านิ้วหลวงพ่อ บอกกล่าวทุกวัน มองทีไรท่านก็ยิ้มให้ทุกที
<O</O
ด้านหน้าเป็นรูปท่านครึ่งองค์ เขียน พระครูสุภัทรธรรมโสภณ และอักขระขอม เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๕.๒ ซ.ม. ( ประมาณ ๒ นิ้วฟุต )

<O</O
ด้านหลังเป็น อักขระเพียบ ที่จริงมียันต์ตรงกลางแต่เขาเอาเหรียญหนึ่งบาทหันตราแผ่นดินขึ้น แสดงว่าพระรุ่นนี้ไปได้ทุกที่ เพราะมีตังค์( ตราแผ่นดิน )ไปด้วย....แหะๆ เหรียญบาทฝังไว้อย่างแน่นสนิท ฝีมือปราณีตมาก มีภาษาไทยคำดีๆเช่น สมใจนึกปราถนา ค้ำดวง พยุงดวง ข้างล่างเขียนว่า ศากยะบุตรพรหม อันนี้ไม่เข้าใจความหมายเหมือนกัน ท่านใดทราบช่วยกรุณาให้ความรู้แก่ผมหน่อย องค์นี้ก็ของฟรีแต่ได้จากพระสวัดดิ์ครับ ก่อนมารับจากมือหลวงพ่อครับ<O</O

 

กราบ กราบ กราบ หลวงพ่อทรง
พระพิมพ์จันทร์ลอยครึ่งองค์ผมมีคล้ายลุงพี่ครับ
แต่ด้านหลังไม่มีสตังค์ครับ
ของผมหลวงพ่อเมตตาจารด้วยปาปากาเคมีครับ

 

โชว์รูปหน่อยสิครับ เพื่อมาศึกษากัน เผื่อคนทำเขาเข้ามาเห็นจะได้บอกรายละเอียดให้เราได้รู้ครับ

 

ศากยะ ชื่อกษัตริย์พวกหนึ่ง ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากพระเจ้าโอกกากราช ซึ่งเป็นผู้สร้างและครองกรุงกบิลพัสดุ์ พระพุทธเจ้าก็เป็นกษัตริย์วงศ์นี้; ศากยะ เป็นคำสันสกฤต เรียกอย่างบาลีเป็น สักกะบ้าง, สักยะบ้าง, สากิยะบ้าง, ศากยะ หรือสักกะนี้ ใช้เป็นคำเรียกชื่อถิ่นหรือแคว้นของพวกเจ้าศากยะด้วย

ศากยะบุตรพรหม เป็นคำสมาตย์ ของคำว่า ศากยะ+บุตรพรหม
บุตรพรหม ก็ บุตรแห่งพรหม

ลอกเค้ามาครับ หัดลอกมาตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ จนได้เมียก็ยังลอกเค้าอยู่.....

 

ศากยะบุตรพรหม = พระพุทธเจ้าครับ ในกัลป์นี้ครับ

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 8 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 3 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

[ แนะนำเรื่องเด่น ] ​

</TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>NR, numthip, zmico, นะชาลีติ, พี เสาวภา </TD></TR></TBODY></TABLE>


พร้อมหน้าเลย

สวัสดีครับ

 

ขอบคุณครับ ทีนี้อยากคุยกับคนสร้าง พอมีใครจะรู้ตัวไหมครับ แบบขุนแผนโพธิสัตว์น่ะครับ จะได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับพระรุ่นนี้น่ะครับ

 

ไม่ใช่ครับ ลวดเงินหาซื้อได้ที่ไหนครับ

 

ครับ ไปที่ช่างเงินครับ เขารีดไว้ตัดทำห่วงพระ เขามีเบอร์ผมไม่แน่ใจว่าเบอร์อะไรบ้าง เอาไม่ใหญ่จะได้ม้วนง่าย พอได้มาเอามาเผาไฟให้สะดุ้ง เงินจะได้นิ่มแล้วเอามาถักได้ ช่างเงินลองถามคุณออยล์ดู หรือ บนชั้น ๖ ของบางลำภูพันธิพย์ก็มีครับ

แต่แน่ะนำน่ะครับ ว่าเลี่ยมปลาสติก แบบไม่เข้าไฟดีกว่า เขาทำแบบหอยไว้ก่อน แล้วเลี่ยมทับ หลังจากนั้น เอามาเลี่ยม จับขอบเงินหรือทอง ที่บางลำภูมี

สาเหตุเพราะถ้าแบบเปลือยๆใช้ไป ปรอทอาจจะรั่วหรือ หนีได้ ของดีอยู่ตรงนั้น ถ้าเลี่ยมปลาสติกซ่ะแล้ว ปรอทหนีไปไม่ได้ครับ

ของหลวงพ่อ เป็นของดี เก็บไว้ใช้นานๆ ถึงรุ่นลูกหลานครับ

 

เมื่อวานลุงพีบอกว่าให้เอารูปมาให้ดูผมก็เลยถ่ายรูปแล้วส่งมาครับ
ฝีมือการถ่ายอาจจะยังไม่ดีมากนะครับ

ด้านหน้าครับ

ด้านหลังครับที่ผมบอกว่าไม่มีเหรียญ

รอยจารของหลวงพ่อครับ

 

ขอบคุณครับ มีรอยจารเพียบ ด้วยหมึก เป็นรอยจารประจำของท่านคือ มะอะอุ นะชาลีติ อ่านง่ายดูง่าย พระหนาบึ้กเลย

ได้มาอย่างไรครับ ขอประวัติด้วยครับ จะได้บันทึกไว้

 

เทพสาริกา

อย่างที่ผมเคยพูดไว้หลายครั้ง ว่าผมชอบของฟรี ตอนที่ผมไปหาหลวงพ่อบ่อยๆมากขึ้น ชักจะสนิทกับหลวงพ่อมากๆขึ้นแล้ว ถ้าผมเห็นพระวางอยู่ตรงที่ท่านนั่งแบบไม่สนใจละก็ ผมจะ "ไถ" หลวงพ่อทันที เพราะรู้ว่าบางทีเป็นลีลาของท่าน ท่านก็เจตนาเอามาวางให้เห็นเพื่อให้เตะตา จะให้ขอน่ะ เพราะรู้ใจว่าท่านไม่หวง แต่เรียกว่าท่านมีฟอร์มหน่อยๆไม่ให้เองจะให้ขอเอา ส่วนใหญ่จะเป็นรูปแบบนี้ พอหยิบส่งให้ก็แซวผมว่า อ้าวไม่รู้นี่ว่าอยากได้ ประจำ .....แหะๆๆ

<O</O
แต่สำหรับพระองค์นี้มาแปลก ผมไปกราบตามปกติ พอกราบเสร็จเงยหน้าขึ้นมา ท่านทักว่ามาแล้วเหรอ แล้วก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องนอนทันที หายไปซักพักก็เดินถือเอาพระองค์นี้มายืนให้ ไม่พูดอะไร
<O</O
ผมยกขึ้นดูเห็นในกล่อง ถามว่าหลวงพ่อไปเสกให้เขามาเหรอครับ ท่านพยักหน้าว่าใช่
<O</O
ผมเห็นกล่องแล้ว ตอนนั้นตอบตามตรง ไม่ได้นึกถึงพระ นึกว่าท่านให้หวย แบบที่เขียนไว้บนกล่อง เพราะเห็นท่าทางท่านแปลกๆ วันนี้
<O</O
นึกว่าหวานล่ะงวดนี้...อีกแล้ว....แหะๆ แต่งวดนั้นแห้วครับ เลขอะไรดูในกล่องน่ะครับ
<O</O
บนกล่องเขียนว่า เทพสาริกา รุ่นปลดหนี้ ครูบากฤษณะ อินทวัณโณ ( ฉายาเดียวกับ อาจารย์ผม หลวงปู่ พระครูบุญศรี ) วัดป่ามหาวัน นครราชสีมา พิธีมหาพุทธาภิเษกใหญ่ พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ๑๙ รูป ๒๕๔๗
<O</O
พูดเรื่องหวย น่ะหลายครั้ง ผมปฏิเสธน่ะ ผมไม่ไช่คนบ้าหวย แต่เล่นเอามันส์เปิดประตูรับลาภ ( ตามคุณหญิงสุรีพันธ์ ลูกศิษย์พระอาจารย์จวน แห่งภูทอก พระในดวงใจของผมอีกองค์ แม้คุณหญิงท่านจะมีบุญบารมีมาก ด้วยทรัพสมบัติ และอริยะสมบัติ แต่ท่านก็เปิดประตูรับลาภด้วยการซื้อหวยรัฐบาล ผมได้ ไอเดียมาจากท่านนี่แหละครับ ) และผมซื้อหวยรัฐบาลส่วนใหญ่ แต่บอกคุณอย่าง หลวงพ่อน่ะให้ผมหลายงวดแล้วถูกด้วย แต่ไม่ทุกงวด บางงวดท่านเฉยๆ จะทยอยเล่าฟังแบบ ไหนๆแล้ว เพราะท่านล่ะสังขารไปแล้วน่ะครับ
<O</O
ขนาดท่านเสียแล้ว ตอนเสียใหม่ๆ มาเข้าฝันผม ว่าพาผมไปลานกว้างที่หนึ่ง มีรถคันหนึ่งจอดอยู่ เห็นเป็นรถโตโยต้า มือสองสีดำ คันขนาดกลางๆ แบบ Corolla รุ่นเก่าๆ อะไรประเภทนี้ แล้วท่านบอกว่าให้ผม ที่นี้ในที่นั้น มีคนเฝ้าอยู่คน เป็นลุงแก่ๆแต่งชุดชาวบ้านยืนเฝ้าอยู่ ลุงแกบอกผมว่าต้องเติมน้ำมันรถยี่สิบลิตรน่ะ
<O</O
ผมมัวแต่ดีใจที่เจอหลวงพ่อไม่ได้สนใจน่ะ รถน่ะ คันเล็กๆ ดำๆ ผมเอาแต่กำแขน กำมือหลวงพ่อไว้ ด้วยความดีใจ
<O</O
พอตอนเช้าตื่นขึ้นมาเอ หลวงพ่อมาแปลกอีกแล้ว แต่คิดไม่ออก คิดไม่เก่ง เลยไปปรึกษา เพื่อนที่เป็นสารวัตรกองปราบ ซี้กันเป็นลูกศิษย์หลวงปู่พระครูบุญศรีเหมือนกัน แกมีความสามารถทางนี้ เลยใบ้ให้ผม ผมเอามาซื้อหวยรัฐบาล หลายใบ งวดนั้นผมได้หลายหมื่น เรียกว่าหลวงพ่อรู้นิสัยและสันดานของผม ขนาดล่ะสังขารแล้วยังมาบอกหวยให้อีก.....แหะๆ
<O</O
เรื่องหวยนี้มีหลายครั้งจะทยอยเล่าให้ฟัง ตอนท่านยังมีสังขารอยู่ ผมจะไม่พูดเด็ดขาด ลาภใครลาภมัน เพราะไม่อย่างนั้น ต้องมีพวกบ้าหวยไปเฝ้าท่านแน่ตอนหวยออก แต่ตอนนี้ท่าน ล่ะสังขารไปแล้ว เชิญไปที่วัดได้น่ะครับ ไปขอท่านที่ ท่านรับฟังเรื่องของพวกญาติโยมแน่นอน มีโชคดีก็ได้ครับ ตัวใครตัวมัน ....อิอิ<O</O

<O</O
กลับมาที่พระองค์นี้ พระเป็นเนื้อผงสีเขียว เป็นรูปนกสองตัวเอาปากชนกัน อักขระอ่านไม่ออกซักตัว คงไม่ใช่ภาษาขอม เป็นภาษาเทพอะไรสักอย่าง พระมีขนาด พระสูงประมาณ ๔.๑ ซ.ม. กว้างประมาณ ๒.๙ ซ.ม. ผมเข้าใจว่าเป็นของครูบากฤษณะ พอเคยได้ยินชื่อท่านมาบ้าง ตามนิตยสารพระ และมีพระในสนาม แต่พระในสนามจะ paint สีออกฉูดฉาด และค่อนข้างมีราคาพอสมควรครับ หลวงพ่อคงไปร่วมทำพิธีให้เขาน่ะ แต่ส่วนตัวผมไม่รู้จักท่านเลยน่ะครับ
<O</O
<O </O
<O</O
<O</O
<O</O

ทางนี้เป็นด้านหลังเรียบและปั้มท์ตรายันต์ มีภาษา ผมอ่านไม่ออกเลยครับ <O</O

 

สวัสดีครับพี่พี

เขาเรียกว่าภาษาเทวะนาครี( เท-วะ-นา-คะ-รี ) ครับ

 

เพิ่มเติมให้ครับพี่



เอกสารเขียนด้วยอักษรเทวนาครี


อักษรเทวนาครี (देवनागरी อ่านว่า เท-วะ-นา-คะ-รี) พัฒนามาจากอักษรพราหมีในราวคริสต์ศตวรรษที่ 11 ใช้เขียนภาษาฮินดีภาษาสันสกฤตภาษามราฐีภาษาบาลีภาษาสินธีภาษาเนปาล และภาษาอื่นๆในประเทศอินเดีย
อักษรเทวนาครีมีลักษณะการเขียนจากซ้ายไปขวา มีเส้นเล็กๆ อยู่เหนือตัวอักษร หากเขียนต่อกัน จะเป็นเส้นยาวคล้ายเส้นบรรทัด มีการแยกพยัญชนะ สระ และเครื่องหมายต่างๆ
<SCRIPT type=text/javascript>//<![CDATA[ if (window.showTocToggle) { var tocShowText = "แสดง"; var tocHideText = "ซ่อน"; showTocToggle(); } //]]></SCRIPT>


อักษรเทวนาครีเกิดขึ้นเมื่อราวปี พ.ศ. 1743 (ค.ศ. 1200) โดยพัฒนาขึ้นจากอักษรสิทธัม และค่อยๆ เข้ามาแทนที่อักษรศารทา ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดและมีมาก่อน (ยังคงใช้คู่ขนานกันไปในกัษมีร์) อักษรทั้งสองแบบมีต้นกำเนิดมาจากอักษรคุปตะ ซึ่งได้มาจากอักษรพราหมีอีกทอดหนึ่ง ซึ่งมีที่มาตั้งแต่ช่วง 300 ปีก่อนคริสตกาล ส่วนอักษรนาครีนั้น ปรากฏในช่วงราวคริสต์ศตวรรษที่ 8 เป็นสาขาตะวันออกของอักษรคุปตะ ร่วมสมัยกับอักษรศารทาอันเป็นสาขาตะวันตก


ปัจจุบันมีการใช้คำว่า "เทวนาครี" อย่างกว้างขวาง แต่เรียกสั้นๆ ว่า "นาครี" ก็พบเห็นได้ทั่วไป ซึ่งมีความหมายถึงอักษรอย่างเดียวกันนี้ ความนิยมใช้เทวนาครีอย่างแพร่หลายนั้น เกี่ยวโยงกับการใช้ในยุคอาณานิคม ซึ่งแทบจะใช้อักษรเทวนาครีเพียงอย่างเดียว ในการตีพิมพ์งานสันสกฤต แม้ว่าภาษาสันสกฤตนั้น สามารถใช้อักษรต่างๆ ได้แทบทุกแบบของอินเดียก็ตาม และด้วยเหตุนี้ จึงมักจะทำให้มีการผูกโยงระหว่างอักษรเทวนาครีและภาษาสันสกฤต จนมีความเชื่อผิดๆ ไปอย่างกว้างขวาง เรียกอักษรนี้ว่า "อักษรสันสกฤต" ก็มี


จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี