เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย พี เสาวภา, 7 เมษายน 2008.

  1. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,989
    ค่าพลัง:
    +146,259
    ผี เราก็เลี้ยงน่ะครับ เหล้ายา หมากพลู ของคาวของหวาน

    118891.jpg 118892.jpg 118893.jpg
     
  2. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,989
    ค่าพลัง:
    +146,259
    ท่านพระครูลงจารมีดให้เล่มหนึ่งหลังพิธี เปิดฤกษ์ มีดรุ่นในพรรษา ๖๒

    118887.jpg 118888.jpg
     
  3. berbapor

    berbapor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,850
    ค่าพลัง:
    +21,862
    พี่พีครับ ขอถามเป็นความรู้หน่อยนะครับว่า ตะกรุด เทพรัญจวน สามกษัตริย์ หลวงพ่อทรงเสกเน้นไปทางด้านไหนครับพี่ ผมได้มาจากคุณเบ็น นานแล้วครับ เก็บไว้ไม่ได้ห้อยเลย พึ่งจะเอาออกมาครับ ขอบคูณครับผม
     
  4. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,989
    ค่าพลัง:
    +146,259

    แนวหลวงพ่อทรงเลยน่ะครับ เมตตาแคล้วคลาด โภคทรัพย์ ค้าขาย หนุนชะตา ที่ผมเจอมา อะไรจะให้ท่านช่วยใช้วัตถุมงคล เอามาอธิษฐานเอาครับ ทำน้ำมนต์ อาบกินได้ ...ครบเครื่องครับ

    พระท่านจะแนวๆนี้ครับ เป็นแนวคุณพระ

    แต่เครื่องราง จะต่างจากพระ จะไปแนวครูแรง เช่นตะโพน เบี้ย ตะกรุด จะมีสรรพคุณ เฉพาะแนวๆไป แต่คลุมๆบารมีข้างบนด้วย

    ตะกรุดพวกดอกเล็ก หลวงพ่อจะไปในแนวเมตตานำหน้า แถมเสน่ห์ และ โภคทรัพย์ครับ

    ตะกรุดสามกษัตริย์ นี่ ทิด ส. เป็นคนลงยุคบวชเป็นพระอยู่ที่วัด จำได้ว่าจะออกร่วมกับวัตถุมงคลชุด นะ ........ แต่ไม่ได้ออก เลยมาออกเอง การเสกอยู่ที่หลวงพ่อไม่เกี่ยวกับยันต์ข้างใน ยกเว้นบอกท่านว่ายันต์อะไร แนวไหน ขึ้นอยู่กับที่ท่านเสก รูปทรงแนวนี้จะเป็นแนวเทพรัญจวนครับ หนักไปทาง เสน่ห์ เมตตา ครับ
     
  5. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,989
    ค่าพลัง:
    +146,259
    พระวัดปากน้ำรุ่น ๗

    รุ่นบรรจุในเจดีย์ที่มหาวิหารหินอ่อนประดิษฐานพระไตรปิฎก เป็นรุ่นที่ 7 ของวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กทม. นับจากที่พระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (สด จันทสรเถร) หลวงพ่อวัดปากน้ำสร้างรุ่นแรกเมื่อ พ.ศ. 2493 พระรุ่นนี้ได้พิมพ์เป็นปฐมฤกษ์เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535 ผสมผงพระรุ่น 1-6 สร้างขึ้นเพื่อบรรจะไว้ในเจดีย์ส่วนหนึ่ง และเพื่อแจกเป็นของขวัญแก่ผู้บริจาคทรัพย์สร้างหอสมุดแห่งพระพุทธศาสนา ณ พุทธมณฑล

    IMG_6437 (2).JPG IMG_6438 (2).JPG IMG_6441 (2).JPG IMG_6440 (2).JPG IMG_6442 (2).JPG IMG_6443 (2).JPG IMG_6444 (2).JPG IMG_6446 (2).JPG IMG_6448 (2).JPG IMG_6449 (2).JPG
     
  6. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,989
    ค่าพลัง:
    +146,259
    #เหรียญอสุรินทราหู ปี 2561

    IMG_6451 (2).JPG IMG_6452 (2).JPG

    พระครูวิธานสุตสุนทร (มานิตย์ สุทธิญาโณ) วัดรัษฎาธิษฐาน (วัดเงิน) บางพรม กทม.

    เนื่องในเดือนกรกฎาคม ปี 2561 นี้ได้เกิดปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์และโหราศาสตร์ที่หาได้ยากยิ่ง นับร้อยปีถึงจะเกิดสักครั้ง นั่นคือ เกิดสุริยคราส (วันศุกร์ที่ 13 ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 8) และจันทรคราส (วันศุกร์ที่ 27 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ตรงกับวันอาสาฬหบูชา) ในเดือนเดียวกัน

    ซึ่งการเกิดสุริยคราสและจันทรคราสในครั้งนี้ มีข้อที่น่าสังเกตคือ
    1. เกิดในเดือนเดียวกัน
    2. ตรงกับวันศุกร์ทั้งคู่ ซึ่งทางโหราศาสตร์ถือว่า พระศุกร์ท่านเป็นครูของเหล่าอสูรทั้งหลาย รวมถึงพระราหูด้วย (พระพฤหัส ท่านเป็นครูของเหล่าเทพเทวา)
    3. ปีนี้วันศุกร์เป็นอธิบดี และฤกษ์ที่เกิดคราสทั้ง 2 ก็เป็นฤกษ์ดีทั้งคู่

    ตามหลักโหราศาสตร์แล้ว เมื่อพระราหูเข้าสถิต ณ ลัคนาใดก็จะมีผลกระทบต่อเจ้าของดวงชะตานั้น ยิ่งคราวใดที่มีคราสเกิดขึ้น คนที่อยู่ในช่วงพระราหูเข้า ราหูเสวยอายุ ดวงตก ปีชง ดวงไม่ดี ก็ยิ่งจะได้รับอิทธิพลจากคราสนี้มากขึ้น ด้วยเหตุนี้ ท่านพระอาจารย์มานิตย์ วัดเงิน จึงได้จัดสร้างเหรียญอสุรินทราหูขึ้น เพื่อแจกแก่ศิษยานุศิษย์และผู้สนใจไปบูชาติดตัว ติดบ้านเรือน เพื่อเป็นสิริมงคลเป็นขวัญกำลังใจในการดำเนินชีวิต ให้เกิดความสุขสงบราบรื่น ใช้หนุนดวงชะตาแก้ดวงตก บรรเทาเคราะห์ภัยที่จะพึงมีพึงเกิดขึ้นในอนาคต

    พระราหูรุ่นนี้ พระอาจารย์มานิตย์ ท่านได้ออกค่าใช้จ่ายในการสร้างด้วยองค์ท่านเองทั้งหมด โดยคณะศิษย์ได้ขอมีส่วนร่วมบุญในการสร้างเหรียญแจกเป็นทานบารมีในครั้งนี้ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการจัดทำพิธีไหว้ครูบวงสรวง

    รูปแบบ เหรียญอสุรินทราหูที่จัดสร้างในครั้งนี้ ได้แบบมาจากผ้ายันต์ดวงแก้วสนธยาราตรี ซึ่งเป็นผ้ายันต์ในสายแม่กลองที่ท่านได้แจกเมื่อปี 2559

    • ด้านหน้า เป็นรูปพระพุทธเจ้าประทับนั่งบนพระราหูหรือท้าวอสุรินทราหู
    • ด้านหลัง ประทับยันต์ สุริยประภา (ทองแดง) และยันต์จันทรประภา (ทองเหลือง)

    จำนวนสร้างดังนี้
    1. เนื้อเงิน สร้าง 31 เหรียญ
    2. เนื้อนวะ สร้าง 100 เหรียญ
    3. เนื้อทองแดง สร้าง 3,500 เหรียญ
    4. เนื้อทองเหลือง สร้าง 3,500 เหรียญ

    พระราหูในพุทธศาสนา หรือ อสุรินทราหู มีนามว่า ทีฆชังฆี ท่านเป็นนิยตโพธิสัตว์ใหญ่ที่จะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคตวงศ์ทรงพระนามว่า " พระนารทะสัมมาสัมพุทธเจ้า " (ลำดับที่ 5 ในอนาคตวงศ์) ผู้สร้างบารมีด้วยการอุทิศชีวิตแห่งบุตรและธิดาจนได้รับการพยากรณ์เป็นพระนิยตโพธิสัตว์ อีกทั้งท่านยังเป็นผู้ที่เปล่งวาจาว่า " ตัสสะ " แปลว่า ขอบูชา ขอนอบน้อม ขอนมัสการ ต่อจาก " นะโม "

    พระนารทะพุทธเจ้า (อสรินทราหู) มีไม้แก่นจันทร์แดงเป็นมหาโพธิ์ เป็นพระพุทธเจ้าที่เอกอุในทานบารมี ในศาสนาของพระองค์ คนในยุคนั้นจะมีรูปร่างอันสวยงามน่ายินดีด้วยบุญที่ท่านให้ลูกเป็นทาน และยังมีภักษาหาร 7 ประการบังเกิดขึ้น มนุษย์ก็ได้อาศัยภักษาหารนี้เลี้ยงชีพ

    อสุรินทราหู ท่านเป็นเทพอสูรชั้นดาวดึงส์ ซึ่งมีศักดิ์สูงกว่าเทพชั้นจตุมหาราชิกา หรือ ท้าวจตุมหาราชทั้ง 4 โดยอาศัยอยู่ในภพอสูร ระหว่างเขาตรีกูฏใต้เขาพระสุเมรุ

    ภพอสูร มีจอมอสุรินทร์ หรือจอมอสูร 3 ตน คือ

    ● ท้าวเวปจิตติ
    ● พระอสุรินทราหู
    ● ท้าวปหาราทะ

    อสุรินทราหู เป็นมหาเสนาบดีของจอมอสูรเวปจิตติ พ่อตาของท้าวสักกะหรือพระอินทร์ (พระนางสุชาดาชายาพระอินทร์ เป็นธิดาท้าวเวปจิตติ) มีกายทิพย์สูง 84,000 โยชน์ สูงสุดกว่าบรรดาอสูรทั้งปวงในพิภพอสูร และถึงแม้ว่าพระราหูจะเป็นมหาเสนาบดี แต่ก็อยู่ในฐานะจอมอสูรเทียบเท่าท้าวเวปจิตติด้วย

    ตามพระพุทธประวัติตอนหนึ่งกล่าวว่า...ท่านท้าวอสุรินทราหูเป็นอสูรที่มีฤทธิ์มาก มีร่างกายใหญ่โตถึงขนาดสามารถกลืนกินตะวันและพระจันทร์ได้ เมื่อครั้งพระพุทธองค์ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว เป็นบรมครูของมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย เหล่าเทพยดาต่างๆ ไปฟังธรรมไปเฝ้าพระพุทธเจ้ามิได้ขาด เว้นแต่ท้าวอสุรินทราหูที่มิไปเข้าเฝ้าฟังธรรมเนื่องจากมีความคิดมิจฉาทิฐิว่าตนนั้นมีร่างกายใหญ่โต พระพุทธเจ้าเป็นเพียงมนุษย์ตัวเล็ก เกรงว่าถ้าไปแล้วจะทำให้ตนนั้นต้องก้มมองพระพุทธเจ้า และพระพุทธเจ้าต้องแหงนหน้ามองตนเองจะไม่สมควร และท้าวอสุรินทราหูก็ไม่ยอมก้มหัวให้ใครอยู่แล้วจึงไม่ไปเข้าเฝ้า แต่เมื่อเห็นว่าเทพพรหมน้อยใหญ่ต่างพากันไปฟังธรรมทั้งสิ้น ตนเองอดใจไม่ไหวจึงเหาะติดตามไปด้วย

    พระพุทธองค์ทรงหยั่งรู้ถึงความคิดของอสุรินทราหูด้วยญาณวิถี พระองค์จึงแสดงปาฏิหาริย์เนรมิตร่างกายของพระองค์ใหญ่โตกว่าภูเขา ใหญ่กว่าพระราหู ...นอนสีหไสยาสน์คือนอนอย่างราชสีห์ ตะแคงข้างขวา แม้พระบาททั้งสองข้างวางซ้อนกันยังสูงใหญ่กว่าอสุรินทราหู ซึ่งปาฏิหาริย์นี้ทรงให้เห็นแต่อสุรินทราหูเพียงผู้เดียว

    เมื่ออสุรินทราหูเห็นเช่นนั้นต้องแหงนหน้าคอตั้งบ่าเพื่อมองดูพระพุทธองค์ตั้งแต่พระบาทจนถึงพระพักตร์เป็นพุทธลักษณะที่งดงามยิ่งนัก (ที่มาของปางไสยาสน์) ทำให้อสุรินทราหูมีความปลื้มปิติ และละทิฐิมานะลง ยอมฟังธรรมจากพระพุทธองค์จนเกิดความเลื่อมใส ขอถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะสูงสุดตลอดชีวิตนับแต่นั้นมา

    ในบทสวดนมัสการพระพุทธเจ้า บท นะโม ตัสสะ ภควโต ฯ ซึ่งเป็นบทที่เหล่าเทพพรหมรจนาขึ้น ซึ่งพระราหูได้มีส่วนสำคัญในการรจนาไว้ด้วย คือ

    “ นะโม ” ผู้กล่าวคือ พญายักษ์สันตาคีรี
    “ ตัสสะ ” ผู้กล่าวคือ องค์อสุรินทราหู
    “ ภะคะวะโต ” ผู้กล่าวคือ ท้าวมหาราชทั้งสี่
    “ อะระหัตโต ” ผู้กล่าวคือ พระอินทร์
    “ สัมมาสัมพุทธะสะ ” ผู้กล่าวคือ ท้าวมหาพรหมสหัมปติ

    ความหมายในเหรียญ คือ เมื่ออสุรินทราหูหรือพระราหูมีสัมมาทิฐิแล้วมีความเคารพในพระพุทธเจ้าเป็นสรณะสูงสุดแล้ว ด้วยพุทธบารมีเป็นเครื่องขจัดปัดเป่าสรรพทุกข์ สรรพภัยทั้งปวงให้หมดสิ้นไป และผู้บูชาที่มีความเคารพในพระรัตนตรัยเป็นสรณะสูงสุด ย่อมเป็นที่พอใจกับอสุรินทราหู ย่อมจะเว้นโทษภัยต่างๆ และกลืนกินภัยที่จะเกิดขึ้นให้ผ่อนหนักเป็นเบา ที่เบาจะได้ขจัดปัดเป่า ที่ดีก็ส่งเสริมหนุนให้ดียิ่งขึ้นไป อีกด้วย

    พิธีไหว้ครู ปลุกเสกในฤกษ์
    • วันที่เกิดสุริยคราส (13 กรกฎาคม 2561)
    • วันที่เกิดจันทรคราส (28 กรกฎาคม 2561)
    • พิธีไหว้ครูเชิญครูเข้าพรรษา (3 สิงหาคม 2561)

    บทบูชาขอพร
    ตั้งนะโม 3 จบ

    พุทธะสังมิ โอมระงับสนธยาราตรี สะวาหะ สัพเพชะนาพหูชะนาฯ

    แล้วนึกอธิษฐานว่าคุณพระระงับดับกิเลส ท้าวอสุรินทราหูบังพระอาทิตย์และพระจันทร์ฉันใด ขอ..(อธิษฐาน)...ฉันนั้น

    หมายเหตุ พระอาจารย์มานิตย์ได้ให้เคล็ดการใช้เหรียญนี้ว่า...พระราหูท่านเป็นธาตุลม ดังนั้นปกติวิสัยของลมย่อมจะพัดแส่ส่ายไปในที่ต่างๆ ทำให้จิตใจหวั่นไหวหาความสงบมิได้ เหตุที่ทำองค์พระไว้เหนือพระราหู ก็เนื่องจากว่าพระพุทธองค์ทรงเป็น 1 ในไม่กี่บุคคลที่พระราหูเกรงกลัว ดังนั้นเมื่อเราสงบใจของเราด้วยการภาวนา “ พุทโธ ” ก็เท่ากับใจของเราเข้าถึงซึ่งพุทธบารมีแห่งพระพุทธองค์ อำนาจลมอันเกิดจากพระราหูที่จะพัดพาความเดือดร้อนให้วุ่นวายใจก็ย่อมสงบระงับไป ดังนั้นผู้ที่ต้องอิทธิพลจากพระเคราะห์พระราหูจงหมั่นพึงภาวนา “ พุทโธ ” ก็ย่อมจะพ้นภัยไปได้ด้วยพระพุทธานุภาพนี้แล

    38779256_2031853116854522_6676235415604690944_n-jpg.jpg 38720874_2031853106854523_6646021987124641792_n-jpg.jpg 38789151_2031853240187843_3075194951848427520_n-jpg.jpg 38810218_2031853273521173_8394829058264793088_n-jpg.jpg
     
  7. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,989
    ค่าพลัง:
    +146,259
    พระนางพญาพลายคู่สิริโภคินทร์

    IMG_6494 (2).JPG IMG_6495 (2).JPG IMG_6496 (2).JPG
    #ประวัติการสร้าง ( ฉบับสมบูรณ์ เป็นกรรมสิทธิ์ของท่านพระครูน่ะครับ )

    พระนางพญาพลายคู่สิริโภคินทร์(ผู้เป็นใหญ่แห่งโภคทรัพย์และวาสนา)
    พระครูวิธานสุตสุนทร วัดเงินบางพรหม

    ในวาระศุภฤกษ์ในรอบร้อยปีที่ดาวทั้งหลายโคจรจับคู่กันได้สมพลถึง 4 คู่ คู่สมพลนี้ให้คุณอย่างมาก ในด้านอุปภัมภ์ค้ำชู คุ้มโทษภัย หนุนส่งดวงชะตา ให้ประสบความเจริญรุ่งเรื่องสำเร็จสมปราถนา

    พระนางพญาพลายคู่สิริโภคินทร์นี้ ได้ทำการบวงสรวงบอกกล่าวครูบาอาจารย์เจ้าของวิชาและมวลสารตั้งต้นทั้งหลายในวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๐ เวลา ๔.๐๐ น. และบวงสรวงบูชาพระรัตนตรัย บอกกล่าวครูบาอาจารย์ เทพยดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย พร้อมทั้งจุลเจิมแม่พิมพ์ กดพระนางพญาพลายคู่ฯ ภายในฤกษ์ของวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๖๐ โดยมีมวลสารประกอบไปด้วย

    ๑.ผงไม้ตะเคียนอินทภาณี เสาหลักเมืองนครศรีธรรมราช
    ๒.ผงนางพญาตานี
    ๓.ผงยอไม่ตกดิน
    ๔.ผงมวลสารทำพระนางพญาพลายคู่ หลวงปู่แก้ว วัดระหารไร่
    ๕.ผงพรายกุมาร วัดควนนาเเค
    ๖.ผงพรายกุมาร วัดระหารไร่
    ๗.ลูกอมมหาจินดามณี พระปลัดปาน วัดตุ๊กตา
    ๘.ผงอิทธิเจ หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์
    ๙.ผงมวลสารหลวงพ่อปลอด วัดปากทะเล
    ๑๐.ผงมวลสารหลวงปู่เหลือง วัดตาด้วง
    ๑๑.ผงมวลสาร หลวงปู่จันทร์ วัดโฉลกหลำ
    ๑๒.ผงมวลสารหลวงปู่พลอย วัดเงิน ตลิ่งชัน
    ๑๓.ผงมวลสารสร้างพระสมเด็จ วัดระฆัง ครบรอบ ๑๐๐ ปี
    ๑๔.ผงลบ หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่
    ๑๕.ผงปถมังแฝด
    ๑๖.ผงมหาวนมหาเวียน
    ๑๗.ผงมวลสารอาถรรพ์ทางเมตตา โภคทรัพย์ สายลังกา
    ๑๘.ผงอาถรรพ์ทางเมตตา เสน่ห์
    ๑๙.ผงพระนางพญา หลวงปู่กลิ่น วัดบางปรือ
    ๒๐.ผงมวลสารพระขุนแผนเนื้อหอม พระครูวิธานสุตสุนทร
    ๒๑.ผงมหาราช พระครูวิธานสุตสุนทร
    ๒๒.ผงอิทธิเจมอญ พระครูวิธานสุตสุนทร
    ๒๓.ผงว่าน ๑๐๘ พระครูอินสรวิสุทธิ์
    ๒๔.ผงมวลสารพระมงคลมหาลาภ วัดสารนาถ
    ๒๕.ผงมวลสารพระกัจจายน์ ท่านพ่อโต วัดเขาบ่อทอง
    ๒๖.ผงมวลสารทำพระหลวงปู่พิศดู วัดเทพธารทอง
    ๒๗.ผงมวลารแท่งยา ท่านพ่อโต วัดเขาบ่อทอง
    ๒๘.ผงนะอิทธิเจ
    ๒๙.ผงชันโรงต้นคูณ
    ๓๐.ผงกาฝาก ขนุน มะยม คูณ รัก กาหลง
    ๓๑.ผงพญาจิ้งจกคำ
    ๓๒.ผงมวลสารพระครูบากองคำ วัดดอนเปา
    ๓๓.น้ำมันพระลักษณ์ พระราม พระครูวิธานสุตสุนทร
    ๓๔.น้ำมันมหาราช พระครูวิธานสุตสุนทร
    ๓๕.ผงมวลสารทำพระสายภาคตะวันออก
    ๓๖.ผงมวลสารทำพระ หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า
    ๓๗.ผงมวลสารทำพระหลวงปู่บุญ วัดบ้านนา
    ๓๘.ผงมวลสารทำพระหลวงพ่อรวย วัดท่าเรือ
    ๓๙.ผงพลอยเสกคุณแม่บุญเรือน๔๐.ผงนะหน้าทอง หลวงปู่ดี วัดเทพากร
    ๔๑.ผงบัวบาน เมืองน่าน
    ๔๒.ผงประชุมธาตุ ๔
    ๔๓.ผงตะไบกะลาตาเดียว หลวงปู่อั๊บ วัดท้องไทร
    ๔๔.คำข้าวก้นบาตร พระกรรมฐาน
    ๔๕.ผงจินดามณี หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน
    ๔๖.ยาวาสนาจินดามณี หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว
    ๔๗.ยาวาสนาจินดามณี หลวงปู่อั๊บ วัดท้องไทร
    ๔๘.ยาวาสนาจินดามณีหลวงปู่เล็ก วัดทำนบ
    ๔๙.ผงตะไบทองคำ ผงไบเงินแท้
    ๕๐.สีผึ้งหลวงพ่อคง วัดบางกระพ้อม
    ๕๑.เครื่องหอมและ น้ำมันหอม ตามตำราการสร้างพระแต่โบราณ
    และมวลสารทางเมตตาโภคทรัพย์ อีกมากกว่า ๑๐๐ ชนิด

    จำนวนการจัดสร้างนางพญาพลายคู่ รุ่นสิริโภคินทร์
    มวลสารล้วน 19 องค์
    เนื้อเหลือง ตะกรุดทองคำ 90 องค์
    เนื้อเขียว กรรมการ 188 องค์
    เนื้อชมพู 182 องค์
    -ชมพูทาบรอน ฝั่งพลอย ตะกรุดเงิน 125 องค์
    -ชมพู หน้ากากเงิน ตะกรุดเงิน หลังแบบ 11 องค์
    -ชมพู หน้ากากเงิน ตะกรุดเงิน หลังพลอย 6 องค์
    -ชมพู หน้ากากเงิน หน้ากากทอง 6 องค์
    -ชมพู หน้าโรยไม้หลักเมืองนคร หลังตะกรุดเงิน เม็ดเงิน พลอย 20 องค์
    -ชมพู หน้าโรยลูกปัดทวาราวดี หลังตะกรุดเงิน ฝั่งพลอย 14 องค์
    เนื้อขาว ทาบรอนหน้าหลัง นำฤกษ์ = 47
    ขาวทาบรอน ตะกรุดเงินมหาราช 83 องค์
    ขาวทาบรอน ตะกรุดหลวงพี่ 51 องค์
    ขาวทาบรอน ฝั่งพลอย 707 องค์
    ขาวหน้าโรยเนื้อเขียว 22 องค์
    -สีผึ้งพิชัยสมบัติ สร้าง 100 ตลับ

    ท่านพระครูวิธานสุตสุนทร ได้เริ่มอธิฐานจิตพระนางพญาพลายคู่นับตั้งแต่วันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๖๐ จนถึงการบวงสรวงสมโภชน์และอธิฐานจิตครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๖๑

    ...................................

    #แจ้งถึงศิษยานุศิษย์วัดเงินบางพรมและผู้มีจิตกุศลทุกท่าน กดแชร์ กดไลน์ การกุศล 1000% วันศุกร์นี้สามทุ่มตรงจะเปิดจองรายการแยกเดี่ยวพร้อมกันนะครับ
    หลังจากการจองชุดกรรมการพระนางพญาพลายคู่ หมดไปแล้ว (หลวงพี่ท่านนำเงินจากการเช่าบูชาไปถวายฉลองอุโบสถที่วัดบ้านเกิดท่านที่ จ.อุดรธานี) ก็มีคนถามเข้ามามากมาย

    #ท่านที่เป็นศิษย์สายวัดเงินจะพอทราบอยู่แล้วนะครับว่า วัตถุมงคลต่างๆที่หลวงพี่ท่านสร้าง ..................ไม่ได้เน้นพุทธพานิชย์ .........................ท่านก็ไม่ค่อยได้ให้ประชาสัมพันธ์อะไรมาก จะบอกๆกันในหมู่ลูกศิษย์แบบปากต่อปากไป ไม่ได้เน้นเปิดจองหรือทำประชาสัมพันธ์ใหญ่โต

    หลายท่านบ่นกับหลวงพี่ว่าทำแต่ละรุ่นเงียบเกินไปไม่ค่อยทราบข่าว แค่จองภายในก็จะหมดแล้วครับ ตอนนี้แบ่งยอดมาประชาสัมพันธ์ในเฟสบุ๊ค อย่าลืมจองกันนะครับ ของวัดเงินผงจริงทำจริงมวลสารจริงทั้งหมดบางอย่างก็เกินกว่าที่ลงไว้ หลวงพี่ท่านตั้งใจ และผมก็ศรัทธามาก ใครศรัทธาก็เชิญจองครับ

    พระนางพญาพลายคู่ชุดนี้ ท่านใดพลาด ก็ถือว่าอีกร้อยปีก็มิอาจสร้างได้อีกเพราะทั้งฤกษ์และมวลสารสำคัญบางอย่างนั้น ชั่วชีวิตเราก็ไม่ได้เจออีกแล้ว ครับ แต่รับรองได้ว่าเป็นของมหามงคล สายคุณพระ คุณเทพเทวดาครูบาอาจารย์ครับ
    c_oc=AQkUkVMwJjCOZOmPzV_HfsyvHgWDuz43uSxNOiz-y2d_9rYGW0pzp7qKR6vaZnZbMyQ&_nc_ht=scontent.fbkk6-2.jpg
    c_oc=AQl5ceuRi1Dr3MbrPVxa5kopAE16N0w5gW7BUkOnD7cQfF8LAzSLCmfeUPhL8_dGKIg&_nc_ht=scontent.fbkk6-2.jpg
    c_oc=AQm5IyB-nW1LwGCbXikWllWq516sxxHQjHRgcqZZ58i161FRtllepOC5fNuteNnzvc0&_nc_ht=scontent.fbkk6-2.jpg
    c_oc=AQkD-KvpINLYQasmS7QfWnXc2EqOWX6mtJ6UODyiKCKFYMEOIvKjpqW4M7Q4HV-dCL8&_nc_ht=scontent.fbkk6-1.jpg
    c_oc=AQlMGlDkihCw1ekeAQIEqcf7TM6jlQMUNNxcRCqrbsBE3j5xWRNRuXR_kOZ2m6tJmzQ&_nc_ht=scontent.fbkk6-1.jpg
     
  8. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,989
    ค่าพลัง:
    +146,259
    ล็อกเก็ต หลวงพ่อชาญณรงค์ เบอร์ ๓๔

    IMG_6497 (2).JPG IMG_6498 (2).JPG


    ผมเก็บไว้ระยะแล้ว ไม่อยากออกแข่งกับใคร แต่มีคนถามมาสองสามคน ถึงเวลา เอามาออกมาแบ่งกันบ้าง ทำแค่ สองร้อยกว่าอัน ถ้าอยากเก็บก็ตอนนี้แหละครับ

    ผสมมวลสารเก่าของพระอาจารย์ชาญณรงค์ อุดด้านหลัง

    ปลุกเสกโดยท่าน พระครูวิธานสุตสุนทร (มานิตย์ สุทธิญาโณ)

    ล็อคเก็ตหลังเงิน จัดสร้าง 224 องค์


    มวลสารที่บรรจุในล็อคเก็ต มีดังนี้


    -ผงเก่าที่ใช้ทำล็อคเก็ตสามอาจารย์

    -ผงสมเด็จหลวงปู่พลอย

    -ผงปิดตาเม็ดบัว

    -ผงครูฝึก

    -สีผึ้งของท่านอาจารย์

    -เกศาของท่านอาจารย์

    -พลอยเสกของท่านอาจารย์

    -ทรายเสกของท่านอาจารย์

    ผงมวลสารอื่นๆ เช่น

    -ผงพระกรุ วัดทอง บางระมาด

    -ผงเมฆพัด

    -ผงพระหลวงพ่อจง

    -ผงปูนช่อฟ้า กุฎิ หลวงพ่อชาญณรงค์

    -ผงมหาระงับ

    -ผงไม้ราชา

    -ผงใบลานคัมภีร์เก่า

    -ผงมหาราช-ดินขุยปู
     
  9. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,989
    ค่าพลัง:
    +146,259
    เหรียญทำน้ำมนต์ 7 ขัน ฤาชา 8 ทิศ ปี 2561
    IMG_6500 (2).JPG IMG_6499 (2).JPG
    46743008_2296497697087103_1169513074940444672_n-jpg-jpg.jpg


    พระครูวิธานสุตสุนทร (มานิตย์ สุทธิญาโณ) วัดรัษฎาธิษฐาน (วัดเงิน) บางพรม กทม.

    วิชาทำน้ำมนต์ 7 ขัน ของ พระอาจารย์ชาญณรงค์ อภิชิโต เป็นตำรับที่ท่านเรียนมาจากพระอาจารย์สายในดง ซึ่งท่านจะทำน้ำมนต์นี้ให้เฉพาะบุคคลที่ท่านเห็นว่าเคราะห์หนักหนาสาหัสจริงๆ ซึ่งน้ำมนต์แต่ละขันก็มีอิทธิคุณแตกต่างกันไป 7 ขัน 7 อย่าง 7 ประการ ดังนี้

    1. สัพพะสิริมงคล เสมือนดั่งมงกุฎพระพุทธเจ้าลงมาครอบ
    2. แคล้วคลาด ป้องกันภัย
    3. ถอดถอนของและคุณไสย ตลอดจนที่ต้องธรณีสาร
    4. เสกยา รักษาโรคภัยไข้เจ็บ ทำให้อายุยืน
    5. โชคลาภ หนุนดวง
    6. คงกระพัน ชาตรี
    7. เป็นวิชาคุม

    ซึ่งในสมัยท่านน้อยคนที่จะมีวาสนาได้รดครบทั้ง 7 ขัน เพราะบางอย่างใช้สำหรับรดกับผู้ที่เรียนวิชา เช่น ขันที่ 7 ที่เป็นวิชาคุม วิชานี้ท่านได้ถ่ายทอดให้กับศิษย์ท่าน 4 คน แต่เสียชีวิตไปหมดแล้วเหลือแต่ตัวผู้ใหญ่หนุนเพียงคนเดียวที่รับสืบทอดวิชานี้ และท่านได้มอบถวายวิชานี้ให้กับท่านพระอาจารย์มานิตย์เป็นผู้สืบทอดต่อไป

    เนื่องในโอกาสไหว้ครูประจำปีของ พระอาจารย์มานิตย์ สุทธิญาโณ วัดรัษฎาธิษฐาน (วัดเงิน) ซึ่งท่านจัดเป็นประจำทุกปีในวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 (วันลอยกระทง) ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันที่ 22 พฤศจิกายน 2561 ซึ่งเป็นวันพฤหัสตรงกับวันครูพอดี ในปีนี้ท่านจึงได้ดำริที่จะทำวัตถุมงคลเป็นที่ระลึกเพื่อแจกแก่ญาติโยมและศิษยานุศิษย์ที่มารดน้ำมนต์จันทร์เพ็ญกับท่าน ท่านจึงได้ระลึกถึงวิชาทำน้ำมนต์ 7 ขัน ตำรับ พระอาจารย์ชาญณรงค์ อภิชิโต ขึ้น จึงเป็นที่มาของเหรียญ “ เหรียญทำน้ำมนต์ 7 ขัน ฤาชา 8 ทิศ ”

    เหรียญทำน้ำมนต์ 7 ขัน ฤาชา 8 ทิศ เป็นเหรียญที่ออกแบบมาได้อย่างสวยงามและลงตัว ทั้งรูปแบบ เอกลักษณ์ การจัดวางอักขระเลขยันต์ และการผนวกสรรพวิชาทั้งไสยศาสตร์ โหราศาสตร์ และพุทธาคมเข้าไปในเหรียญนี้ได้อย่างลงตัว

    ลักษณะ เป็นเหรียญทรงกลม มีกลีบบัว 8 แปดกลีบ โดยกลีบด้านหน้าจะงุ้มเว้าลงไปแบบกลับบัวจริง และกลีบบัวด้านหลังจะอูมออกมา ซึ่งแสดงถึงความใส่ใจในรายละเอียดของผู้สร้าง

    ด้านหน้าตรงกลาง เป็นยันต์ตรีนิสิงเห ตำรับ พระอาจารย์ชาญณรงค์ อภิชิโต ซึ่งกลบทการลงตัวเลขในยันต์จะไม่เหมือนกับตำรับของวัดประดู่ทรงธรรม และมีเคล็ดวิชาเฉพาะ ซึ่งพระอาจารย์มานิตย์ท่านได้ลงเป็นเกสรบัวบังไว้ ถือเป็นมหาเสน่ห์เมตตาอาถรรพ์ซ้อนอาถรรพ์

    กลีบบัวใหญ่ ลงไว้ด้วย นะฤาชา ตามตำรับท่านอาจารย์ชาญณรงค์ ทั้ง 8 ทิศ

    กลีบบัวเล็ก ลงไว้ด้วย พระอรหันต์ทั้ง 8 ทิศ ตำรับของ พระอาจารย์ชาญณรงค์ อภิชิโต ซึ่งพบจดบันทึกอยู่ในหอไตรของวัดเงิน ซึ่งในบท “ พุทธมงคลคาถา ” ก็ได้มีการกล่าวถึงพระอรหันต์ทั้ง 8 ทิศไว้ ดังนี้

    พุทธมงคลคาถา

    สัมพุทโธ ทิปะทัง เสฏโฐ นิสินโน เจวะ มัชฌิเม
    โกณฑัญโญ ปุพพะภาเค จะ อาคะเณยเย จะ กัสสะโป
    สารีปุตโต จะ ทักขิเณ หะระติเย อุปาลี จะ
    ปัจฉิเมปิ จะ อานันโท พายัพเพ จะ คะวัมปะติ
    โมคคัลลาโน จะ อุตตะเร อิสาเณปิ จะ ราหุโล
    อิเม โข มังคะลา พุทธา สัพเพ อิธะ ปะติฏฐิตา
    วันทิตา เต จะ อัมเหหิ สักกาเรหิ จะ ปูชิตา
    เอเตสัง อานุภาเวนะ สัพพะโสตถี ภะวันตุ โน

    อิจเจวะมัจจันตะนะมัสสะเนยยัง
    นะมัสสะมาโน ระตะนัตตะยัง ยัง
    ปุญญาภิสันทัง วิปุลัง อะลัตถัง
    ตัสสานุภาเวนะ หะตันตะราโย ฯ
    ------------------------------------------------------

    (คำแปล) สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ประเสริฐกว่าสัตว์สองเท้า ทรงประทับนั่งอยู่ท่ามกลาง มี

    • ท่านอัญญาโกญฑัญญะ อยู่ทางทิศบูรพา (ตะวันออก)
    • ท่านพระมหากัสสปะ อยู่ทางทิศอาคเนย์ (ตะวันออกเฉียงใต้)
    • ท่านพระสารีบุตร อยู่ทางทิศทักษิณ (ใต้)
    • ท่านพระอุบาลี อยู่ทางทิศหรดี (ตะวันตกเฉียงใต้)
    • ท่านพระอานนท์ อยู่ทางทิศปัจฉิม (ตะวันตก)
    • ท่านพระภควัมปติ อยู่ทางทิศพายัพ (ตะวันตกเฉียงเหนือ)
    • ท่านพระโมคคัลลานะ อยู่ทางทิศอุดร (เหนือ)
    • ท่านพระราหุล อยู่ทางทิศอิสาน (ตะวันออกเฉียงเหนือ)

    กลีบบัวด้านหลัง ลงด้วย นะเทวดานพเคราะห์ทั้ง 9 ตามตำรา “ มหาทักษาพยากรณ์และวิธีบูชาสะเดาะเคราะห์ ” ของ อาจารย์อั้น สาริกบุตร (ท่านมีศักดิ์เป็นทั้งลุงและอาจารย์ของอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร) ซึ่งในตำราได้กล่าวอ้างถึงพระสูตรหนึ่งที่มีชาวเมืองชมพูทวีปได้ไปกราบทูลถามพระพุทธองค์ถึงเรื่องของการที่เทวดานพเคราะห์ทั้ง 9 เข้าเสวยอายุยังผลให้เกิดคุณและโทษต่างๆ นานา พระพุทธองค์จึงทรงมีพระฎีกาตรัสตอบว่าแม้แต่ตัวพระองค์เองก็ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของเทวดานพเคราะห์ทั้ง 9 เช่นเดียวกัน แล้วจึงทรงมีพระบัญชาให้พระโมคคัลลาน์ไปถามถึงวิธีแก้จากเทวดาทั้ง 9 องค์นั้น จึงเป็นที่มาของ นะเทวดานพเคราะห์ แต่เนื่องจากกลีบบัวมีแค่ 8 กลับ จึงใช้พญานาคแทนพระเกตุ เพราะพระเกตุมีหางเป็นพญานาค แต่เพื่อซ้อนวิชาเข้าไปจึงทำเป็นนาศบาศก์ (งูกินงู) เป็นอาถรรพ์ซ้อนอาถรรพ์อีกที

    ตรงกลางนาคบาศก์ เป็นคาถาหัวใจมนุษย์ทั้งชาย-หญิง

    รายรอบเหรียญ เป็น พระคาถาทำน้ำมนต์ 7 ขัน ของ พระอาจารย์ชาญณรงค์ อภิชิโต ทั้งด้านหน้าและหลัง

    จำนวนการสร้าง 1. เนื้อเงิน ตอกโค๊ต “ อุองการ ” 50 เหรียญ
    2. เนื้อทองแดง ตอกโค๊ต “ ชฎา ” 5,000 เหรียญ

    การปลุกเสก 2 วาระ คือ

    • วาระที่ 1 ในเย็นของวันพุธที่ 21 พฤศจิกายน 2561 ก่อนวันไหว้ครูประจำปี 2561 พระอาจารย์มานิตย์ได้จัดพิธีสวดมนต์เย็นและธัมมจักกัปปวัตนสูตร โดยมีพระสงฆ์มาเจริญพุทธมนต์ 9 รูป ซึ่งมี ท่านผู้ใหญ่หนุน ศิษย์อาจารย์ชาญณรงค์ที่ยังมีชีวิตอยู่และคุ้นเคยกับพระอาจารย์มานิตย์เป็นอย่างยิ่งมาเป็นประธาน ในการเชิญบอกกล่าวท่านพระอาจารย์ชาญณรงค์ เมื่อเจริญพุทธมนต์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้ทำพิธีทักษิณานุปทาอุทิศถวาย อดีตเจ้าอาวาสวัดเงิน บางพรหม และพระอาจารย์ชาญณรงค์ เป็นลำดับสุดท้าย

    • วาระที่ 2 ในวันลอยกระทง ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 22 พฤศจิกายน 2561 โดยท่านได้ทำพิธีไหว้ครู และอธิษฐานจิตปลุกเสกตามตำรับวิชาที่ได้รับถ่ายทอดมา

    อุปเท่ห์วิธีใช้ เมื่อจะใช้เหรียญนี้กระทำการใดๆ ให้จัดตั้งขัน 5 อันได้แก่ ดอกไม้ 5 ดอก เทียน 5 เล่ม ธูป 5ดอก บอกกล่าวครูบาอาจารย์ที่เป็นเจ้าของวิชาตั้งแต่ปฐมเจ้าอาวาสวัดเงินบางพรม อันมี ลป.เสม ลป.ภู ลป.ปั้น ลป.ชุ่ม ลป.พลอย ลพ.สมบูรณ์ พระอาจารย์ชาญณรงค์ ลป.ในดง และลป.นอกดง ให้มาอนุเคราะห์ แล้วอธิษฐานเอา

    เหรียญนี้ออกแบบสวยมาก ใครเห็นชอบทุกคนครับ

    img_6392-3-jpg.jpg img_6393-3-jpg.jpg

    เหรียญนี้ตอก โค็ด น หยดน้ำแยกไว้
    51191857_2298565673516597_3646515525946703872_n-jpg-jpg.jpg 51378899_2298566543516510_3648098775446061056_n-jpg-jpg.jpg 51575916_2298566020183229_2567527429459410944_n-jpg-jpg.jpg 51589954_2298565516849946_4999898251067916288_n-jpg-jpg.jpg 51612561_2298565680183263_5777751514529398784_n-jpg-jpg.jpg

    พระครูวิธานสุตสุนทร (มานิตย์ สุทธิญาโณ) วัดรัษฎาธิษฐาน (วัดเงิน) บางพรม กทม.

    1. เนื้อเงิน ตอกโค๊ต “ อุองการ ” 50 เหรียญ
    2. เนื้อทองแดง ตอกโค๊ต “ ชฎา ” 5,000เหรียญ
    - แบ่งเป็นเนื้อทองแดงไม่ขัดเงา 450 เหรียญ แจกในพิธีไหว้ครู จันทร์เพ็ญ61
    - เนื้อทองแดงขัดเงา ออกให้เช่าบูชา 1,500 เหรียญ
    -------------------------------------------

    ซึ่งในสมัยท่านน้อยคนที่จะมีวาสนาได้รดครบทั้ง 7 ขัน เพราะบางอย่างใช้สำหรับรดกับผู้ที่เรียนวิชา เช่น ขันที่ 7 ที่เป็นวิชาคุม วิชานี้ท่านได้ถ่ายทอดให้กับศิษย์ท่าน 4 คน แต่เสียชีวิตไปหมดแล้วเหลือแต่ตัวผู้ใหญ่หนุนเพียงคนเดียวที่รับสืบทอดวิชานี้ และท่านได้มอบถวายวิชานี้ให้กับท่านพระอาจารย์มานิตย์เป็นผู้สืบทอดต่อไป

    เนื่องในโอกาสไหว้ครูประจำปีของ พระอาจารย์มานิตย์ สุทธิญาโณ วัดรัษฎาธิษฐาน (วัดเงิน) ซึ่งท่านจัดเป็นประจำทุกปีในวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 (วันลอยกระทง) ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันที่ 22 พฤศจิกายน 2561 ซึ่งเป็นวันพฤหัสตรงกับวันครูพอดี ในปีนี้ท่านจึงได้ดำริที่จะทำวัตถุมงคลเป็นที่ระลึกเพื่อแจกแก่ญาติโยมและศิษยานุศิษย์ที่มารดน้ำมนต์จันทร์เพ็ญกับท่าน ท่านจึงได้ระลึกถึงวิชาทำน้ำมนต์ 7 ขัน ตำรับ พระอาจารย์ชาญณรงค์ อภิชิโต ขึ้น จึงเป็นที่มาของเหรียญ “ เหรียญทำน้ำมนต์ 7 ขัน ฤาชา 8 ทิศ ”

    เหรียญทำน้ำมนต์ 7 ขัน ฤาชา 8 ทิศ เป็นเหรียญที่ออกแบบมาได้อย่างสวยงามและลงตัว ทั้งรูปแบบ เอกลักษณ์ การจัดวางอักขระเลขยันต์ และการผนวกสรรพวิชาทั้งไสยศาสตร์ โหราศาสตร์ และพุทธาคมเข้าไปในเหรียญนี้ได้อย่างลงตัว

    ลักษณะ เป็นเหรียญทรงกลม มีกลีบบัว 8 แปดกลีบ โดยกลีบด้านหน้าจะงุ้มเว้าลงไปแบบกลับบัวจริง และกลีบบัวด้านหลังจะอูมออกมา ซึ่งแสดงถึงความใส่ใจในรายละเอียดของผู้สร้าง

    ด้านหน้าตรงกลาง เป็นยันต์ตรีนิสิงเห ตำรับ พระอาจารย์ชาญณรงค์ อภิชิโต ซึ่งกลบทการลงตัวเลขในยันต์จะไม่เหมือนกับตำรับของวัดประดู่ทรงธรรม และมีเคล็ดวิชาเฉพาะ ซึ่งพระอาจารย์มานิตย์ท่านได้ลงเป็นเกสรบัวบังไว้ ถือเป็นมหาเสน่ห์เมตตาอาถรรพ์ซ้อนอาถรรพ์

    กลีบบัวใหญ่ ลงไว้ด้วย นะฤาชา ตามตำรับท่านอาจารย์ชาญณรงค์ ทั้ง 8 ทิศ

    กลีบบัวเล็ก ลงไว้ด้วย พระอรหันต์ทั้ง 8 ทิศ ตำรับของ พระอาจารย์ชาญณรงค์ อภิชิโต ซึ่งพบจดบันทึกอยู่ในหอไตรของวัดเงิน ซึ่งในบท “ พุทธมงคลคาถา ” ก็ได้มีการกล่าวถึงพระอรหันต์ทั้ง 8 ทิศไว้ ดังนี้

    พุทธมงคลคาถา

    สัมพุทโธ ทิปะทัง เสฏโฐ นิสินโน เจวะ มัชฌิเม
    โกณฑัญโญ ปุพพะภาเค จะ อาคะเณยเย จะ กัสสะโป
    สารีปุตโต จะ ทักขิเณ หะระติเย อุปาลี จะ
    ปัจฉิเมปิ จะ อานันโท พายัพเพ จะ คะวัมปะติ
    โมคคัลลาโน จะ อุตตะเร อิสาเณปิ จะ ราหุโล
    อิเม โข มังคะลา พุทธา สัพเพ อิธะ ปะติฏฐิตา
    วันทิตา เต จะ อัมเหหิ สักกาเรหิ จะ ปูชิตา
    เอเตสัง อานุภาเวนะ สัพพะโสตถี ภะวันตุ โน

    อิจเจวะมัจจันตะนะมัสสะเนยยัง
    นะมัสสะมาโน ระตะนัตตะยัง ยัง
    ปุญญาภิสันทัง วิปุลัง อะลัตถัง
    ตัสสานุภาเวนะ หะตันตะราโย ฯ
    ------------------------------------------------------

    (คำแปล) สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ประเสริฐกว่าสัตว์สองเท้า ทรงประทับนั่งอยู่ท่ามกลาง มี

    • ท่านอัญญาโกญฑัญญะ อยู่ทางทิศบูรพา (ตะวันออก)
    • ท่านพระมหากัสสปะ อยู่ทางทิศอาคเนย์ (ตะวันออกเฉียงใต้)
    • ท่านพระสารีบุตร อยู่ทางทิศทักษิณ (ใต้)
    • ท่านพระอุบาลี อยู่ทางทิศหรดี (ตะวันตกเฉียงใต้)
    • ท่านพระอานนท์ อยู่ทางทิศปัจฉิม (ตะวันตก)
    • ท่านพระภควัมปติ อยู่ทางทิศพายัพ (ตะวันตกเฉียงเหนือ)
    • ท่านพระโมคคัลลานะ อยู่ทางทิศอุดร (เหนือ)
    • ท่านพระราหุล อยู่ทางทิศอิสาน (ตะวันออกเฉียงเหนือ)

    กลีบบัวด้านหลัง ลงด้วย นะเทวดานพเคราะห์ทั้ง 9 ตามตำรา “ มหาทักษาพยากรณ์และวิธีบูชาสะเดาะเคราะห์ ” ของ อาจารย์อั้น สาริกบุตร (ท่านมีศักดิ์เป็นทั้งลุงและอาจารย์ของอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร) ซึ่งในตำราได้กล่าวอ้างถึงพระสูตรหนึ่งที่มีชาวเมืองชมพูทวีปได้ไปกราบทูลถามพระพุทธองค์ถึงเรื่องของการที่เทวดานพเคราะห์ทั้ง 9 เข้าเสวยอายุยังผลให้เกิดคุณและโทษต่างๆ นานา พระพุทธองค์จึงทรงมีพระฎีกาตรัสตอบว่าแม้แต่ตัวพระองค์เองก็ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของเทวดานพเคราะห์ทั้ง 9 เช่นเดียวกัน แล้วจึงทรงมีพระบัญชาให้พระโมคคัลลาน์ไปถามถึงวิธีแก้จากเทวดาทั้ง 9 องค์นั้น จึงเป็นที่มาของ นะเทวดานพเคราะห์ แต่เนื่องจากกลีบบัวมีแค่ 8 กลับ จึงใช้พญานาคแทนพระเกตุ เพราะพระเกตุมีหางเป็นพญานาค แต่เพื่อซ้อนวิชาเข้าไปจึงทำเป็นนาศบาศก์ (งูกินงู) เป็นอาถรรพ์ซ้อนอาถรรพ์อีกที

    ตรงกลางนาคบาศก์ เป็นคาถาหัวใจมนุษย์ทั้งชาย-หญิง

    การปลุกเสก 2 วาระ คือ

    • วาระที่ 1 ในเย็นของวันพุธที่ 21 พฤศจิกายน 2561 ก่อนวันไหว้ครูประจำปี 2561 พระอาจารย์มานิตย์ได้จัดพิธีสวดมนต์เย็นและธัมมจักกัปปวัตนสูตร โดยมีพระสงฆ์มาเจริญพุทธมนต์ 9 รูป ซึ่งมี ท่านผู้ใหญ่หนุน ศิษย์อาจารย์ชาญณรงค์ที่ยังมีชีวิตอยู่และคุ้นเคยกับพระอาจารย์มานิตย์เป็นอย่างยิ่งมาเป็นประธาน ในการเชิญบอกกล่าวท่านพระอาจารย์ชาญณรงค์ เมื่อเจริญพุทธมนต์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้ทำพิธีทักษิณานุปทาอุทิศถวาย อดีตเจ้าอาวาสวัดเงิน บางพรหม และพระอาจารย์ชาญณรงค์ เป็นลำดับสุดท้าย

    • วาระที่ 2 ในวันลอยกระทง ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 22 พฤศจิกายน 2561 โดยท่านได้ทำพิธีไหว้ครู และอธิษฐานจิตปลุกเสกตามตำรับวิชาที่ได้รับถ่ายทอดมา

    อุปเท่ห์วิธีใช้ เมื่อจะใช้เหรียญนี้กระทำการใดๆ ให้จัดตั้งขัน 5 อันได้แก่ ดอกไม้ 5 ดอก เทียน 5 เล่ม ธูป 5ดอก บอกกล่าวครูบาอาจารย์ที่เป็นเจ้าของวิชาตั้งแต่ปฐมเจ้าอาวาสวัดเงินบางพรม อันมี ลป.เสม ลป.ภู ลป.ปั้น ลป.ชุ่ม ลป.พลอย ลพ.สมบูรณ์ พระอาจารย์ชาญณรงค์ ลป.ในดง และลป.นอกดง ให้มาอนุเคราะห์ แล้วอธิษฐานเอา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2019
  10. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,989
    ค่าพลัง:
    +146,259
    เงินขวัญถุง หลวงปู่ บุญตา วิสุทธสีโล

    IMG_6504 (2).JPG IMG_6505 (2).JPG IMG_6506 (2).JPG IMG_6507 (2).JPG


    FB ของหลวงปู่ปรากฎว่าถูกลบไปแล้ว แต่ประวัติท่านยังอยู่ ขออนุญาต เอามาบันทึกไว้น่ะครับ

    พระครูสิริธัชสมาจารย์(หลวงปู่บุญตา วิสุทธสีโล) วัดคลองเกตุ อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี
    มีนามเดิมว่า บุญตา นามสกุล พาซื่อ โยมบิดาชื่อ นายอุด โยมมารดาชื่อ นางทุม พาซื่อ
    เกิดที่บ้านโนนสะคาม จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2449
    ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 4 ท่าน คือ
    1. นายอ้วน พาซื่อ
    2. นายรุณ พาซื่อ
    3. นางลา พาซื่อ
    4. หลวงปู่บุญตา วิสุทธสีโล
    เมื่ออายุได้ 3 ขวบ บิดาย้ายถิ่นฐานไปอยู่บ้านพระเสาร์ อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร
    ชีวิตในวัยเยาว์อายุ 12 ปี ได้ศึกษาภาษาไทย ณ วัดพระเสาร์ จนถึงชั้น ป. 3 จึงออกมาช่วยบิดามารดาทำนา
    จนกระทั่งอายุ 16 ปี บิดามารดาพาย้ายถิ่นฐานไปอยู่บ้านจาน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์
    และได้ย้ายไปอยู่บ้านหนองมะนาว ต.ขอนแก่น อ.สำโรงทาบ จ.สุรินทร์
    จนอายุได้ 23 ปี มารดาก็เสียชีวิต ท่านจึงได้บวชหน้าไฟเพื่อทดแทนคุณมารดา
    ท่านอุปสมบทเมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2472 ที่วัดหนองม้า ต.หนองฮะ อ.ศรีขรภูมิ จ.สุรินทร์
    โดยมีพระอธิการกลัด เจ้าอาวาสวัดสะเม็ด เป็นพระอุปัชฌาย์
    พระอาจารย์กา วัดสะเม็ด เป็นพระกรรมวาจา
    พระอธิการเผือ วัดบ้านเครือ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    ท่านได้รับฉายาว่า "วิสุทธสีโล" แปลว่า "ผู้มีศีลอันบริสุทธิ์"
    เมื่อบวชแล้วได้จำพรรษาอยู่กับพระอาจารย์กลัด พระอุปัชฌาย์ในวัดสะเม็ด
    ได้เริ่มเรียนการปฏิบัติกัมมัฏฐานอย่างจริงจังกับผู้เป็นอุปัชฌาย์
    พร้อมกับเรียนพระปริยัติธรรมควบคู่ไปด้วยและก็สอบได้นักธรรมชั้นตรีในพรรษาแรก
    เมื่อจิตใจพึงพอใจอยู่กับความสงบประกอบกับหลวงปู่ท่านได้สมาธิแล้ว
    ก็ทำให้เกิดความเบื่อหน่ายที่จะต้องอยู่กับสิ่งแวดล้อมแห่งผู้คน
    จึงขออนุญาตพระอาจารย์กลัดแสวงหาครูบาอาจารย์สอนวิชา
    โดยไปจำพรรษาที่วัดกลาง จังหวัดบุรีรัมย์
    เพราะทราบว่ามีครูบาอาจารย์ดีในวัดหลายองค์
    ท่านจึงได้ศึกษาวิชาต่างๆ หลายแขนงทั้งทางด้านปฏิบัติธรรม ด้านคาถาอาคม
    ไสยศาสตร์ แต่เนื่องจากวิชาอาคมต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นภาษาขอมท่านจึงคิดที่หาที่เรียนภาษาขอม
    จึงเดินทางไปยังวัดเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี
    เรียนภาษาบาลีและอักขระขอม ใช้เวลาเรียนอยู่ 4 ปีเต็มจนแตกฉานในภาษาบาลีและอักขระขอม
    จบแล้วจึงไปจำพรรษาที่วัดพระเสาร์เป็นเวลา 3 พรรษา
    และท่านก็ปรารถนาจะกราบนมัสการพระธาตุพนม ซึ่งไม่เคยไปมาก่อน
    ท่านจึงออกเดินทางธุดงค์ไปยังวัดพระธาตุพนม ค่ำไหนก็ปักกลดที่นั่น
    ทำการสำรวจจิตใจด้วยตนเอง ทบทวนด้วยเรื่องของสังขารอยู่ในป่าทึบ
    จนกระทั่งถึงวัดพระธาตุพนม และอยู่ที่วัดพระธาตุพนม 7 วัน
    จากนั้นออกธุดงค์ต่อไปทางจังหวัดเชียงใหม่ไปพักอยู่วัดอุโมงค์
    เป็นวัดที่พระชาวศรีลังกามาสอนธรรมะ
    ท่านอยู่ที่นั่น 15 วัน ก็ธุดงค์ต่อไปทั่วภาคเหนือและภาคอิสาน
    ปี พ.ศ. 2474 หลวงปู่เดินธุดงค์อยู่เชียงใหม่
    ท่านทราบว่าเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) แสดงธรรมอยู่ที่วัดเจดีย์หลวง
    ท่านดีใจมากที่จะได้พบพระสุปฏิปันโน
    และท่านก็ได้รับความเมตตาชี้แนะแนวทางธรรม
    หลังจากนั้นท่านจึงธุดงค์ไปวัดป่าสาลวัน จ.นครราชสีมา
    ไปฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อเสาร์ กันตสีโล
    ซึ่งหลวงพ่อเสาร์ ท่านเชี่ยวชาญเรื่องปัฏฐวีกสิณ เตโชกสิณ อาโปกสิณ และวาโยกสิณ
    หลวงพ่อเสาร์ท่านได้เมตตาสอนปัฏฐวีกสิณให้
    โดยนำดินมาปั้นเป็นก้อนกลมๆ ขนาดเท่าหม้อใหญ่และขนาดขันน้ำ โดยมองให้เห็นอยู่อย่างนั้น
    แล้วลืมตามาเพ่งใหม่คือ การเพ่งดินเป็นอารมณ์ และในการฝึกนั้นจะมีพระมหาปิ่น ปญฺญาธโร
    และพระอาจารย์สิงห์ ขันตคยาโม เป็นผู้เข้มงวดในการฝึก
    จนกระทั่งหลวงปู่บุญตา เข้าถึงปฐวีกสิณอย่างรวดเร็วกว่าศิษย์ท่านอื่นๆ
    จากนั้นท่านจึงกราบลาหลวงพ่อเสาร์ และพระมหาปิ่น ธุดงค์มาทางจังหวัดลพบุรี
    และมาพักอยู่วัดพรหมมาสตร์ มาอยู่กับหลวงพ่อพุทธวรญาณได้ศึกษาธรรมะอยู่ 1 พรรษา
    จากนั้นจึงเดินทางเข้าไปกรุงเทพฯ ไปอยู่วัดมหาธาตุ
    พร้อมกับปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานกับพระเทพสิทธิมุนี ภาวนายุบหนอ พองหนอ
    เพ่งสติให้เป็นมหาสติปัฏฐาน ปฏิบัติได้ 2 เดือนเศษก็มีความชำนาญและช่ำชองอย่างรวดเร็ว
    ออกจากวัดมหาธาตุ ย้อนกลับไปยังจังหวัดนครสวรรค์
    ได้ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อเดิม พุทธสโร แห่งวัดหนองโพ ได้ศึกษาวิชากับหลวงพ่อเดิมหลายอย่าง
    เช่น การสร้างมีดหมอเทพศาสตราตามตำรับเดิมแท้ ฯลฯ
    และท่านได้ไปเรียนวิชากับหลวงพ่อทองวัดเขากบ ซึ่งท่านมีชื่อเสียงในการเล่นแร่แปรธาตุ
    จากนั้นได้เข้าศึกษาพระธรรมที่วัดศรีษะเมือง หรือวัดนครสวรรค์ ซึ่งมีชื่อเสียงทางปริยัติธรรม
    หลวงปู่บุญตาจึงได้ศึกษาจนสำเร็จนักธรรมชั้นโทและนักธรรมชั้นเอก
    ท่านอยู่ที่ในนครสวรรค์ 4 พรรษา จากนั้นก็กลับมาลพบุรี มาจำพรรษาอยู่ที่วัดหนองบัว ต.คลองเกตุ
    อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส ในปี 2483
    ท่านอยู่ที่วัดหนองบัว 3 พรรษา จากนั้นจึงกลับไปเยี่ยมภูมิลำเนาเกิด โดยไปจำพรรษาที่วัดพระเสาร์
    เป็นเวลา 3 พรรษา จากนั้นก็กลับมาเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองบัวอีกครั้งหนึ่ง
    ในการอยู่วัดหนองบัวท่านก็ได้โน้มน้าวจิตใจของญาติโยมเข้าวัดปฏิบัติธรรม
    ควบคู่ไปกลับการสอนปริยัติธรรมให้กับพระภิกษุสามเณร
    รวมทั้งเป็นที่พึ่งของญาติโยมในภาวะเจ็บไข้ท่านก็ใช้พลังอำนาจทางจิตทำการรักษา
    รวมทั้งผู้ที่ถูกคุณไสยมนต์ดำ หลวงปู่สยบมาแล้วทั้งนั้น
    ชื่อเสียงด้านการสอนธรรมะและปฏิบัติธรรมของหลวงปู่ ทำให้ผู้ใหญ่ระดับสูงในอำเภอโคกสำโรง
    อาราธนานิมนต์ไปยังอารามแห่งใหม่
    ท่านอยู่วัดหนองบัวครั้งหลัง 3 พรรษา ปี 2492 ก็ได้รับคำสั่งให้ไปปกครองวัดสิงห์คูยาง
    ซึ่งอยู่ใจกลางชุมชนตลาดอำเภอโคกสำโรง ท่านพัฒนาวัดสิงห์คูยาง จนก้าวหน้า
    และได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งพระครูสังฆรักษ์บุญตา พระฐานานุกรมของพระกิตติญาณมุนี
    (พระพุทธวรญาณ) เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี รวมระยะเวลาปกครองวัดสิงห์คูยาง 23 พรรษา
    ขณะที่ท่านพำนักอยู่วัดสิงห์คูยางนั้นท่านเดินทางสู่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์
    เพื่อขอรับการฝึกปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานตามแนวทางของพระธรรมธีราชมุนี (โชดกญาณสิทธิ ป.ธ.9)
    ในรุ่นที่ 3 และได้รับการยกย่องจากพระเดชพระคุณ พระพิมลปัญญาว่า เป็นพระวิปัสสนาจารย์ชั้นเยี่ยม
    เพราะเข้าสมาธิได้เป็นที่ 1 สามารถทำให้ร่างกายไม่ไหวติงนานนับ ถึง 1 วัน 1 คืน
    ถึงขั้นมีผู้ทดสอบยกร่างของท่านจากที่เดิมไปที่แห่งใหม่ โดยที่ท่านั่งของท่านยังคงเดิมไม่ไหวติง
    เพราะหลวงปู่ท่านเข้าถึงสภาวะจิตขั้นสูงแล้ว
    วัดคลองเกตุ ต.คลองเกตุ อ.โคกสำโรง ถึงยุคเสื่อมโทรมร้างเจ้าอาวาส
    ชาวบ้านตำบลคลองเกตุได้พร้อมใจกันไปขอร้องท่านผู้ใหญ่ในอำเภอ
    ขออาราธนานิมนต์ไปปกครองวัดคลองเกตุไปเป็นหลักของชาวบ้านคลองเกตุ
    เพราะความศรัทธาที่มีต่อท่านตั้งแต่ครั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองบัว ซึ่งอยู่ในตำบลเดียวกัน
    คณะสงฆ์ผู้ใหญ่ได้สอบถามหลวงปู่ หลวงปู่ก็ตอบตกลงเพราะว่าวัดสิงห์คูยางเจริญแล้ว
    และอยู่กลางอำเภอ และเห็นว่าวัดคลองเกตุเงียบสงบ
    เหมาะแก่การเจริญภาวนา ปฏิบัติธรรม ท่านจึงตอบตกลงทันที
    วันที่ 25 มกราคม 2514 ขบวนชาวบ้านคลองเกตุ ได้จัดขบวนไปรับหลวงปู่ถึงวัดสิงห์คูยาง
    เพื่อไปดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดคลองเกตุ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
    หลวงปู่ท่านก็ได้ไปบริหารจัดการและพัฒนาจนเจริญก้าวหน้าจนเป็นวัดคลองเกตุในปัจจุบัน
    หลวงปู่บุญตาท่านมีความช่ำชองในการเพ่งกสิณไฟเป็นพิเศษ
    ถึงขนาดที่กำหนดจิตเสกพระให้แก่ผู้ศรัทธาเพียงชั่วอึดใจ
    พระที่ท่านเสกให้ถึงกับร้อนจัดขึ้นทันที
    และที่น่าอัศจรรย์คือมีผู้ห้อยพระของท่านถูกฟ้าผ่า แต่รอดตายได้อย่างปาฏิหารย์
    วัตถุมงคลของท่านทุกรุ่น ประสบการณ์เพียบ....เรื่องแคล้วคลาด ปลอดภัย โชคลาภ
    มีพูดคุยปากต่อปากของลูกศิษย์ของท่านไม่ขาดปากตลอดจนถึงปัจจุบันนี้
    และวัตถุมงคลของท่านไม่มีวางให้เห็นตามแผงพระทั่วไป เพราะลูกศิษย์เห็นจะเก็บไว้หมด
    นานๆ ทีจึงจะเห็นวัตถุมงคลของท่านออกมาให้เห็นตามตลาดพระบ้าง
    กสิณไฟเหนือฟ้า วาจาสิทธิ์
    ลูกศิษย์ของหลวงพ่อบุญตา ทั้งใกล้และไกลได้ประจักษ์ถึงคุณวิเศษของท่านคือ วาจาสิทธิ์
    ถ้อยคำที่ท่านพูดออกไปนั้นมักเป็นความจริงเสมอ จนได้รับการยกย่องว่า หลวงปู่บุญตาวาจาสิทธิ์
    หลวงปู่ท่านเป็นพระกัมมัฏฐานที่มีจิตใจสะอาดมองโลกในงแง่ดีเสมอ
    กายวาจาและจิตใจของท่านบริสุทธิ์จริงไม่มีการพลั้งเผลอขาดสติ
    จิตใจแน่วแน่อยู่ในพุทธคุณ วาจาที่กล่าวออกมาจึงบังเกิดความศักดิ์สิทธิ์
    เป็นที่รู้กันไม่ว่าหลวงปู่จะพูดอะไรก็เป็นไปอย่างนั้น จะทักใครให้อยู่ดีมีความสุข
    คนนั้นก็จะเป็นไปตามที่หลวงปู่พูด คนเกเรข่มเหงไม่ว่าผู้เฒ่าผู้เฒ่าผู้แก่ระรานเขาไปทั่ว
    เมื่อหลวงปู่ทราบก็จะสั่งสอนให้กลับเนื้อกลับตัวเสียใหม่
    ให้ปฏิบัติแต่ในสิ่งที่ดีงามก่อนจะสาย หากคนนั้นรับปากแล้วไม่กระทำตามหรือดูหมิ่น
    ในคำสอนของหลวงปู่ก็จะต้องได้รับความวิบัติจนถึงหายนะไปในที่สุดดังที่ประจักษ์กันมาแล้ว
    คำพูดของท่านที่ลูกศิษย์ได้ยินเสมอคือ ช่างเขาเถอะ
    หลวงปู่ท่านเป็นผู้ที่ให้เสมอ ผู้ใดขออะไร ท่านก็มีแต่ให้ ท่านมักพูดน้อย
    วาจาไพเราะ ผิวพรรณผ่องใสงดงาม ผู้ที่เข้ามากราบท่าน พบท่านแล้วจะเกิดความเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่ง
    สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของท่านก็คือ การเพิ่มพลังกำลังใจให้แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยาก
    หรือที่ภาษาของชาวบ้านเรียกว่า ต่ออายุหรือต่อชะตา
    ชาวบ้านใกล้ไกลจะมาให้ท่านสงเคราะห์อยู่อย่างสม่ำเสมอ คนป่วยที่ว่าไม่น่ารอด
    ไปหาหมอไหนๆ ก็ส่ายหน้า แต่ถ้ามากราบนิมนต์ให้ท่านทำหรือแนะนำให้ไปปฏิบัติ
    ก็จะหายจากอาการที่เป็นอยู่ และจะดีขึ้นในวันต่อมา เป็นความมหัศจรรย์จริงๆ
    หลวงปู่ท่านจะอบรมสั่งสอนให้ศิษย์เป็นคนดีหนีทุกข์ยากได้สำเร็จ
    ดั่งคำพูดของท่านว่า "อาตมาเป็นพระภิกษุสงฆ์ บวชแล้วได้อาศัยอาหารของชาวบ้าน
    เลี้ยงตัวตนจึงนับด้วยพระคุณ ดุจทองคำอันมีค่า
    แต่ยังด้อยกว่าข้าวเพียงหนึ่งคำที่ฉันผ่านลำคอ
    ดังนั้น แม้เวลาใดขณะใดญาติโยมมาหา อาตมาก็ต้องต้อนรับขับสู้ด้วยจิตที่มีเมตตายินดี"
    หลวงปู่ท่านได้เมตตาอบรมความคิดคติธรรมคำพรประสิทธิ์แด่ลูกศิษย์ ดังนี้
    1. ให้ทำความสงบทางจิตใจ
    2. ให้ขยันหมั่นเพียร
    3. อย่าเกียจคร้านให้สร้างเนื้อสร้างตัวโดยเร็ว
    4. ให้ทำตัวเป็นคนดี จะได้หลุดพ้นความยากจนและความทุกข์
    5. มีให้เกินใช้ มีมากใช้น้อย
    6. ได้ให้เกินเสีย คือทำงานมีเงินควรเก็บไว้แต่เวลาใช้ก็อย่าใช้มากให้ประหยัด
    7. คบเพื่อนที่ดี เพื่อนที่แนะนำไปในทางที่ดี
    8. สวดมนต์ภาวนา สร้างกุศลเพื่อหลุดพ้นภพชาติ
    ขอให้ญาติโยมทุกคนหมั่นเจริญภาวนาหาเหตุผลแยกแยะความดีความชั่ว
    ดูให้ออกมองให้เห็นและหมั่นทำความดีรักษาศีล เจริญธรรม
    ชีวิตที่อับเฉาของญาติโยมก็จะดีขึ้นมีความสุขขึ้น
    เพราะพระธรรมย่อมนำความสุขสงบความร่มเย็นมาให้

    จะเห็นว่า
    ครูบาอาจารย์ของท่าน ไม่ธรรมดาทั้งนั้นน่ะครับ

    พระอุปัชฌาย์ พระอธิการกลัด เจ้าอาวาสวัดเสม็ด
    ผู้ประสิทธิ์วิทยาคม ๑. พระอาจารย์เสรี กนฺตสีโล ที่วัดป่าสาลวัน นครราชสีมา
    ๒. หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ จ.นครสวรรค์
    ๓. หลวงกัน วัดเขาแก้ว จ.นครสวรรค์
    ๔. หลวงพ่อทอง วัดเขากบ จ.นครสวรรค์
    ๕. พระธรรมธีรราชมหามุโน (โชดก) วัดมหาธาตุฯ กรุงเทพฯ
     
  11. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,989
    ค่าพลัง:
    +146,259
    เหรียญพระอาจารย์พ่อ วัดบางกระเจ้า ๒๕๐๖

    IMG_6501 (2).JPG IMG_6502 (2).JPG

    หาประวัติไม่ได้เลยครับ เป็นเหรียญตะกั่วเก่า ไม่ใช่รุ่นแรก รุ่นแรกเป็นเหรียญเสมาเนื้ออัลปาก้า ว่ากันว่าท่านเป็น พระยุคเดียวกับหลวงปู่ รอด วัดบางน้ำวน และ บางกระเจ้ามีคนมอญอยู่ พระมอญปกติจะเคร่งครัดในพระวินัยมากน่ะครับ ต้นแบบพระธรรมยุต ในยุค รัชกาลที่ ๔ น่ะครับ
     
  12. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,989
    ค่าพลัง:
    +146,259
    ลูกอมมหามงคลเลิศประสิทธิ์ วัดหลังศาลประสิทธิ์

    IMG_6508 (2).JPG IMG_6509 (2).JPG

    แม่กลองนี่ดังทางลูกอม ผมลองหาประวัติไม่ค่อยมีเลย เพียงแต่มีคนบอกมีมวลสารหลายอย่าง อ้างว่ามีผงพรายกุมารด้วย

    เอาว่าแท้ครับ จำหน่ายเหมือนแจกกันครับ
     
  13. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,989
    ค่าพลัง:
    +146,259
    ตาไข่เด็กวัดเจดีย์ รุ่นกฐิน๕๙

    IMG_6510 (2).JPG IMG_6511 (2).JPG
    สายใต้ดังมากแบบสุดๆ ผมลองเอาลงที่เหรียญตาไข่ ปี ๖๒ ไม่ใช่แนวพี่น้องบ้านเหรียญบิน ไม่มีคนชอบ ลองลงเนื้อผงอีกตน

    ตาไข่นี่ผมไม่ได้ซื้อมาน่ะครับ ได้มาจาก พระที่ท่านไปร่วมพิธี ท่านแจกมาให้จำนวนหนึ่ง ถ้าคราวนี้ไม่เดินผมจะเก็บเข้ากรุยาวเลย

     
  14. Suppasit_S

    Suppasit_S เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,147
    ค่าพลัง:
    +3,869
    สวัสดีครับพี่พี และทุกๆท่าน

    วันนี้ประมาณ 2.40 pm ผมได้โอนเงินมาร่วมบุญกับทุกท่าน 1000 บาท เรียบร้อยแล้วครับ

    ติดตามเสมอครับ
     
  15. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,989
    ค่าพลัง:
    +146,259
    กันงู สารพิษ อสรพิษ ๗๙ เชือกเขียว ( โชว์ )
    ดอกนี้โชว์อย่างเดียว ว่าจะไม่เขียนอะไรอีกมากล่ะ เดี๋ยวดอกล่ะเป็น หมื่นๆ แสนๆ แบบโพธิ์กลับ จะหากันอีกไม่ได้ ได้ออกนอกต่างประเทศกันหมด ทีนี้มานั่งมองหน้ากันล่ะ คนทำก็ไม่อยู่แล้ว วิชาก็ไม่มีใครได้มีวาสนาต่อไว้ ( เท่าที่ผมทราบน่ะครับ.... แต่เคยเจอในเน็ท มีคนประกาศตนว่าเรียนมาจากตำราสายหลวงพ่อ เรื่องนี้ไม่ทราบจริงๆ ถ้าจริงก็เป็นวาสนาของท่านครับ )
    วิชากันงูนี่มีหลายสาย สายหลวงพ่ออี๋ จะสักยันต์ไว้ที่น่องสองข้าง ซ้าย ขวา มีพระคาถากำกับ งูจะยกคอไม่ขึ้น อ้าปากไม่ได้เหมือนกัน ท่านลงที่คุณปลัดด้วย เจองูกัด ให้เอาจี้ที่แผล และ เอาพ่อปลัดฝนกับน้ำข้าว บนฝาละมีกิน แก้พิษงู และ แก้โรค ต่าง ( อันนี้พ่อเล่าให้ฟัง ) .....พ่อผมลูกศิษย์ตัวจริงของหลวงพ่อ ยุคเด็กวัดที่สัตหีบ ถ้ากินข้าวหกเรี่ยราด นอกจากโดนไม้หวาย หางกระเบนแล้ว ( หลวงพ่ออี๋ดุมาก จะเฆี่ยนเองเลยถ้า ดื้อด้าน ใครแน่ๆโดนทั้งนั้น ไม่ว่าลูกใคร คุณหลวง คุณพระ เอามาฝากเลี้ยง ฝากให้เรียนหนังสือ ) ก็ต้องหามข้าวสุกทีละเม็ด ไปทิ้งทะเล ต้องทิ้งให้ดังตูมด้วยแล้วกลับมาขนอีกเม็ดไปจนหมด ข้าวที่เรี่ยราด กว่าจะหมดคงหลายตูม
    เรื่องนี้ผมไม่ทราบใครเล่ากันในสื่อ แต่ผมฟังพ่อผมเล่ามาตั้งแต่เด็ก ตอนนั่งกินข้าวกัน พ่อคงจะปรามๆไม่ให้กิน มูมมามเรี่ยราดตามนิสัยเด็กๆทะโมน ...วิชา พระคาถากันงู เคยสอนถ่ายทอดผมมาประจำตระกูล ท่านบอกว่าอย่าลืม ๆ ๆ
    นอกจากนั้น สายหลวงพ่อจง ในชุดตะกรุด ๑๖ ดอก มีตะกรุดกันงู ( กันเขี้ยวงาอยู่ ) ผมเคยเอาตะกรุด ๑๖ ดอก สูตรหลวงพ่อจง ลงโดยพระอาจารย์แม้น วัดหน้าต่างนอก ไปให้หลวงพ่ออั้บ ท่านดู ท่านจับปั้บ ท่านบอกเลยว่ากันงูได้ ผมเอามาเล่าในกระทู้เหรียญบินฯ ปรากฏว่า พรึ่บเดียวเกลี้ยงวัดหน้าต่างนอก รู้สึกว่าท่านก็ไม่ทำมาอีก เพราะยุ่งยากมาก ไม่ใช้แค่ จารตะกรุด ๑๖ ยันต์ ไม่ให้ปนกัน การทำสายคาดเอว เงื่อนจรเข้ขบฟันอีก กว่าจะได้แต่ล่ะเส้นยากเย็นพอสมควร
    ที่เล่ามา จะสรุปว่ากันงูมีหลายสาย ผมเป็นเด็กสถานเสาวภา เกิดโรงพยาบาลจุฬาและ โตที่สถานเสาวภา มาตั้งแต่เด็ก จนเข้ามหาวิทยาลัย โตมากับงูเลยครับ ที่นั่นมี หมองูหลายคน เพราะต้องจับงูมาทำเซรุ่ม หลักๆคือ งูเห่า งูจงอาง งูสามเหลี่ยม งูกะปะ งูแมวเซา ฯลฯ พวกหมองูรุ่นเก่าๆ เหล่านี้ มีวิชาแตกต่างกันไป ที่ใช้ว่าน กันงู ก็มี เคยเห็น เคยปลูกด้วย ที่ใช้พระคาถาก็มี ( เขาหวง ไม่บอก ) ที่ใช้เครื่องราง ตะกรุด ผ้าประเจียดก็มี พระเครื่องก็มี สายคาดเอวก็มี ที่สักตัวดำก็มี หลากหลายครับ......แต่หมองู ตายเพราะงู
    และ เคยเห็น รู้จัก หมองู ที่ถูกงูกัดก็มีหลายคน ผมจำได้ สองคนขึ้นไป ที่ถูกกัดถึงตาย คนหนึ่งอาการหนัก นอน โรงพยาบาลเป็นเดือน เกิดอาการแหยงงู เครื่องรางเสื่อมไปเลย หมดความมั่นใจ คนนี้ ชื่อ ลุงชั้น เลี่ยมพระ ดูพระเก่งซ่ะด้วย
    ขนาดเซรุ่มอยู่ตรงนั้นก็มี ชื่อ ตาหลง ตายแล้วเป็นผีดุมากๆ จะไม่เล่าเปลืองที่ตรงนี้ครับ เอาสั้นๆว่า ตาหลงแกจับงูโชว์ฝรั่งตามรอบ วันนั้นตามข่าว ( ผมมาฟังทีหลัง เพราะเป็นเด็ก ไม่ได้ไปดู เบื่อด้วยเห็นแทบทุกวันตั้งแต่เด็ก ) ฝรั่งเยอะ คนดูเยอะ ส่งเสียงเชียร์กัน เอาเหรียญเงิน ( ฝรั่ง ) โยนให้ลงบ่องูให้ ตาหลงชักเพลิน แทนที่จะเอาเหล็ก เกี่ยวงูโชว์ หรือ เอามือจับ ลุงแก เอางูเห่าพาดคอโชว์ฝรั่ง ให้ฝรั่งถ่ายรูป อาจจะเพลิน หรือ มั่นใจในวิชาหรือของๆแก แต่เรียบร้อย งูกัดหมับเข้าให้ที่คอ ขนาดหมอ เซรุ่มอยู่ที่ตึกใหญ่ ใกล้ๆนั้น ยังไม่ทัน
    ขึ้นชื่อเลยในยุคนั้น มืดๆไม่มีใครกล้าเดินผ่านบ่องู โดนทุกคน รวมทั้งคุณแม่ผมด้วย แต่คุณแม่ผม ท่านเป็นหมอ เห็นศพมาเยอะ ไม่กลัวผี สติแข็ง พอตาหลงมาส่งเสียงทัก แม่ผม ขึ้นเสียงเลย
    ตาหลง มาหลอกชั้นเหรอ เดี๋ยวด่าให้น่ะ จะเอาพระมาไล่
    ตาหลงเงียบเลยครับ กลับบ้านมา แม่มาเล่า เป็นเรื่องธรรมดา แต่ผมยิ่งกลัวหนัก กลัวตาหลงตามมาที่บ้าน เอาพระเอาเครื่องราง ก่อนเข้าเอามาปลุก ตามประสาเด็ก นอนคลุมโปง จนหลับน่ะแหละ
    ตาหลงดุมาก แต่แค่หลอก ไม่หลอน จนทางการต้องนิมนต์พระมาสวด ทำบุญให้ จึงหายไป คงไปผุด ไปเกิดแล้วครับ คนเสาวภาที่ทันยุคนั้นรู้กิติศัพท์ ตาหลงทุกคน จะโดนเอง หรือไม่โดนเท่านั้น บางคนอาจจะมีของดีจริงๆ ตาหลงไม่กล้าแหยม
    เอาว่าสรุปเลยดื้อๆ กันงู ๗๙ คือตำนานตัวจริงแห่งวัดท้องไทรจริงๆครับ ๑ ไม่มี ๒ ครับ ของดีจริงๆ

    อ้อ ลืม ไคล์แมกซ์ ตอนจบ ช่วง ปี ๕๑ ๕๒ ๕๓ ( ๕๔ ท่านน่าจะย้ายมากฏิใหม่แล้ว ชักเลือน แต่ช่วงอยู่กุฏิเก่า ท่านยังพอแข็งแรง ลุกหเิน นั่งรับแขกได้ ไม่นอนติดเตียง ) หน้างานผมอยู่แถวราชบุรีและ ปทุมธานี มืดๆ จะแอบ ย่องไปหาหลวงพ่ออั้บ ที่ กุฏิเก่า พร้อมกับยานวดตาเสือ ( ท่านชอบ ท่านบอกกลิ่นมันหอม และร้อน

    ผมกับ ตา หมี เมืองนนท์ ที่มาช่วยขับรถให้ผม ก็นวดหลวงพ่อ หนักไปที่ ขาและหลัง มีคลายเส้นแขน ตามวิชานวดที่พอรู้ หลวงพ่ออั้บท่านเป็นคนสันทัด เป็นคนแข็งแรง เนื้อแน่น เส้นแข็งและ ต้องนวดหนักๆ เบาๆมันจั้กกะจี้ กดที่เส้นเต็่มข้อ รีดเส้น เต็มน้ำหนัก ไม่มีร้องแม้แต่แอะเดียว คนจริงแห่งแหลมบัวเลยล่ะ ถ้าตรงจุดท่านจะบอก เออ ๆๆใช่ล่ะ เอาตรงสีข้างให้กูอีกหน่อย ..แต่นวดคนมีอายุ ต้องไล่เส้น ห้ามนวดมั่วๆ นวดกระดูก กดข้อ กดเอ็น ห้ามดัดแข้งขา คอ และบางที่ กดแรงๆ เส้นเลือดจะแตกได้ ต้องรู้จุด กดไล่เส้น นอกนั้นนวดน้ำมัน ไล่ เลือดลมเดิม

    หลวงพ่อจะชอบมาก เพราะท่านทำงานช่วยคน นั่งๆ ลุกๆ เดินๆทั้งวัน คนแก่มันเมื่อย หลัง เมื่อยขา เมื่อยสลักเพชร เส้นสายตึง ตอนนวด ท่านจะนอนหลับตาพริ้มๆ มันสบายเคลิ้มๆเรียกว่าท่านได้พักผ่านในญานท่านแบบสบายๆ

    ตอนนี้ละเสร็จผม ( กราบขอขมาหลวงพ่อด้วย ผมมันลูกศิษย์ ครูพัก ลักจำ ) ผมก็แอบดู ลายสักบนตัวหลวงพ่อตามความรู้ งูๆ ปลาๆ ว่ายันต์อะไรบ้าง

    จะเล่าเฉพาะตรงที่น่องท่าน ตามที่ผมรู้ เพราะนวดท่านหลายครั้ง ผมจับน่องหลวงพ่อบิดดู ทั้งสองข้าง ท่านลงอักขระ เดียวกับน่องของพ่อผม ที่หลวงพ่ออี๋ ลงให้ที่น่อง ซ้าย ขวา เลยล่ะ น่าจะคนล่ะลายมือเพราะมันเห็นมานานแล้ว เรื่องลายมือ รอยสักไม่แน่ใจ พ่อผมผมก็นวดให้เหมือนกัน แต่อักขรขอมเดียวกัน เด๊ะๆ
    ผมบิดดู ซ้ายขวาจนแน่นใจ เหลือบตามมองหลวงพ่อ ท่านนักเลงเก่า เหลี่ยมทันคนก็มองดูผมอยู่ ว่ามึงนี่ มาแอบดูวิชากูประมาณนั้น แต่ท่านก็ยิ้มๆไม่ว่าอะไร ผมก็ยกมือไหว้ท่านขอน่ะหลวงพ่อ ...แต่ผมไม่กล้าถ่ายรูปมา เห็นท่านหวงวิชากันงูท่านมาก ไม่กล้าล่วงเกินท่านตรงนั้น

    สายหลวงพ่ออั้บ หลวงพ่ออี๋ เรื่องกันงู น่าจะมาจากสายเดียวกัน แนวสายเขมร และน่าจะเก่าลึกไป ถึงหลวงปู่ปาน หลวงปู่วัดอ่างศิลา ปรมาจารย์สายตะวันออก ผมเคยแอบท่องคาถา กันงู หลวงพ่ออี่ ให้ท่านฟังสองคน ท่านมองหน้า แล้วไม่พูดอะไร ไม่ปฏิเสธ ไม่ยอมรับ เลี่ยไปเลย ..สรุปเองดื้อเลยครับ ใช่แน่นอน

    แต่ผมไม่รู้คาถาลง คาถาเสกน่ะครับ เขาต้องมี เพราะไม่เคยขึ้นครูกับใคร แค่ รู้แค่ปลายแถวที่พ่อสอนคือคาถาปลุกเท่านั้น เอาไว้ท่องตอนทำงานในป่าสมัยหนุ่มๆ พระคาถานี้ ไม่เคยเห็นที่ไหน ในเน็ท

    วิชากันงู มีแน่นอน แตกสายกันไป คนใจมั่นๆ ใช้ขึ้นแบบหลวงพ่ออั้บนี่แหละคับ แต่ข้อห้ามเยอะน่ะครับ อย่านึกว่า มันชัวร์ ตลอด ๒๔ ช.ม. ท่านต้องรู้ข้อห้าม และ รู้ธรรมชาติของงูด้วย งูเป็นสัตว์อาถรรพ์ ตามกฎแห่งธรรมชาติ อ่านดูในฝอยน่ะครับ

    ...................................
    c_oc=AQkWgwVnrRIKFwY8CsiFfCeu4aijW5bl94JTVz6aH4IpoXQRq4FdGy51SBbbrYQ0n8c&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.jpg
    c_oc=AQmJ-Ksl93HqRF2y0PR-jYfKyNdYgnLqot4_bjhSQxtxvYSuSc3qXHI5p7G6WBJzL5M&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.jpg
     
  16. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,989
    ค่าพลัง:
    +146,259
    มีดเหล็กลาย

    ลงและปลุกเสกโดยพระครูมานิตย์ เล่นนี้อยู่กับท่านน่าจะข้ามปี จนผมลืมๆ ไป

    ถ่ายมีดถ่ายยากน่ะครับ ไม่ค่อยชำนาญ

    IMG_6544 (2).JPG IMG_6545 (2).JPG 128270 (2).jpg 128271 (2).jpg 128272 (2).jpg 128272 (3).jpg 128273 (2).jpg
     
  17. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,989
    ค่าพลัง:
    +146,259
  18. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,989
    ค่าพลัง:
    +146,259
    สมเด็จวัดน้ำผึ้ง หลังข้าวสารดำ
    IMG_6570.jpg IMG_6571.jpg
    องค์สภาพสวย ไม่หัก ไม่บิ่น หลังฝังข้าวสารดำ สามเม็ด ไม่มีหลุด

    พระรุ่นนี้ไปแนวเมตตา แคล้วคราดน่ะครับพระมีขนาดใหญ่ พอสมควร เลี่ยมคล้องเป็นพระประธานสวยเลยครับ

    index.jpg index (1).jpg index (2).jpg

    สมเด็จหลังรวงผึ้งฝังข้าวสารดำ ออกวัดน้ำผึ้ง จ.สิงห์บุรี พระคณาจารย์ที่ร่วมปลุกเสกได้แก่ หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม , หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม , หลวงพ่อเจ้ย วัดห้วยเจริญสุข , หลวงพ่อฟุ้ง วัดสะเดา ประมาณ ปี พ.ศ. ๒๕๑๔ แถวๆนั้นน่ะครับ ประวัติชัดเจนมาก บ้างว่ามี หลวงพ่อมุ่ยมาเสกด้วย ผมไม่กล้ายืนยัน .... แต่หลวงพ่อกวย นี่แน่นอนครับ ถ้าออกวัดท่าน ราคาลืมไปได้

    กราบขอบคุณข้อมูล ใบฝอยจากวัดน่ะครับ
     
  19. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,989
    ค่าพลัง:
    +146,259
    พระรูปหล่อ ๕ นิ้ว พระครูสุภัทรธรรมโสภณ รุ่นแรก ๒๕๔๒

    ขอบันทึกไว้ เพราะมีรายละเอียดพอสมควร

    ผมตอนนี้มีภาระกิจมากเลยครับ แต่ก็มีหน้าที่ เอาพระเครื่อง พระบูชา เครื่องราง ที่หลวงพ่อทรง ได้ทำ และผ่านมือท่านมาเผยแพร่ อะไรจริงว่าไปตามจริง อย่างที่มีหลักฐาน
    และเมื่อต้องเขียน ผมก็ต้องลสะเวลามานั่งดูพระรูปหล่อนี้อย่างละเอียด การซื้อพระรูปหล่อนี้ มีทางพลาดได้ง่ายถ้าไม่ชำนาญหรือมีของจริงไว้ดูเทียบ เพราะรุ่นต่อๆมาก็หล่อมาจากพิมพ์เดียวกัน ต้นแบบเดียวกัน และได้ข่าวมีคนเอาต้นแบบนี้ ทำลายที่ฐานและนำไปเก็บแล้ว แต่จะเก็บทำไม จะเอาไว้ทำอะไร ผมยังมองในแง่ดีว่า ไม่ต้องการให้ทำพระรูปหล่อนี้ออกมาอีก
    และผมจะเขียนเฉพาะพิมพ์ที่ โรงเรียน หรือ วัดทำน่ะครับ เพราะถ้าทำมาจากศูนย์ ท่านต้องไปถามศูนย์เองเรื่องรายละเอียด ไม่ใช่อะไร เพราะผมไม่ทราบเรื่องรายละเอียด ว่าเขาทำมาเท่าไหร่ อย่างไร แต่เท่าที่ผมทราบ รุ่นของศูนย์นี้ มีการเทที่วัดจำนวนหนึ่งเหมือนกัน

    แต่รุ่น ๕ นิ้วนี้คงจะเทที่โรงงานแถววัดไผ่แหลม ที่บ้านช่างมากกว่าครับ

    ตอนปี ๒๕๔๒ มีการดำริห์ เพื่อทำรูปหล่อรุ่นแรกนี้ออกมา มีทั้งเล็กและใหญ่ หลวงพ่อ เททองเองกับมือ จัดว่า เป็นทางการคือ รูปหล่อของท่าน มีทั้งเล็ก และใหญ่ หลวงพ่อทำเองกับมือท่าน และเมื่อ ทำเสร็จ แต่งเสร็จ ได้มีการนำไปในโบถส์ และข่าวว่า ตอนทุกเย็นๆประมาณ ๖ โมงเย็นหลังจากหลวงพ่อเสร็จสิ้นภาระกิจของท่าน ท่านจะลงโบถส์และปลุกเสกรูปหล่อนี้ องค์เดียวแบบเดี่ยว ตอนนั้นท่านยังไม่มีชื่อเสียงในส่วนกลางมากแบบนี้ ท่านอาจจะมีเวลามากหน่อย เพราะฉนั้นการปลุกเสก ท่านเลยพิถีพิถัน ทำให้ปลุกเสกเป็นเดือนๆ และอยู่ในโบถส์ก็เสกมาเรื่อยๆ

    ส่วนการเททอง ช่างที่เทก็เป็นเจ้าประจำของวัด ได้เล่าให้ผมฟังว่า ทองในพิธี เป็นทองที่เหลือมาจาก งานที่ช่างไปเททำพิธีให้วัดโสธร เป็นงานใหญ่มาก มีหลายช่าง รุมเทกัน ทองที่เหลือจึงเอามาทำรูปหล่อนี้ จัดว่าดีมาแล้วในเนื้อหา เมื่อเอามาเท ทำให้เนื้อรุ่นนี้ ค่อนข้างจะแตกต่างไปจากรุ่นอื่น เพราะเป็นทองผสม ทางวัดหลวงพ่อโสธร คงผสมอะไรๆ ลงไปหลายอย่าง เนื้อหาจะดูแก่เงินขึ้น ไม่เป็นทองเหลืองอ๋อยเหมือนกับรุ่นหลังๆ ทำให้แยกออกได้ง่าย และจะไม่กะหลั่ยสีใด ปล่อยให้เป็นเนื้อทองแบบนั้นจึงดูดีมากตอนเนื้อเก่าลง

    การเททอง หลวงพ่อก็เทเอง จัดว่าเป็นทางการเท่าที่ได้ยินมาที่หลวงพ่อเทรูปของท่าน จัดว่าเป็นรุ่นแรกที่ได้ยินมาน่ะครับ

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤษภาคม 2009 หน้า ๑๕๒

    ......................................

    ข้อความข้างบนเขียนไว้นานแล้ว แก้ไขบ้างจะคงไว้น่ะครับ

    ถ่ายรูปใหม่ พยายามให้ชัดที่สุดเท่าที่ มือถือ หัวเว่ยจะถ่ายได้ กำลังสนใจ realme ถ่ายรูปดีเหมือนกันครับ
    รุ่นนี้เขียวอื้อ ถ้าพูดตามภาษานักเลงพระ ที่จริงไม่ถึงขนาดอื๋อหรอกครับ แต่ออกเขียวๆ รูปหล่อขนาดห้อยคอก็เนื้อคล้ายนี่แหละครับ
    ที่จริงต้องคุยเรื่องกิเลสนิด ผมไม่ค่อยได้เขียนถึงรุ่นนี้ ทั้งๆที่น่าเขียนที่สุดเพราะเป็นรุ่นแรก น่าสนใจที่สุดในทุกรุ่น เพราะคิดว่าเผื่อมีใครเอามาออก แบบตกรุ่นนึกว่า รุ่น ๒ .....จะได้เก็บไว้อีก แต่สิบกว่าปีมา ไม่เจอเลย .....เลยปล่อยที่รู้หมดล่ะครับ 55555 ใครมีรุ่นนี้ ถือว่ามีโชคมหาศาล ที่มีรูปหล่อ ๕ นิ้ว หลวงพ่อทรง วัดมอญ รุ่นแรกครับ
    เรื่องเล่าไปแล้วข้างบน เป็นเนื้อโลหะผสมจากงานหล่อหลวงพ่อโสธร งานนี้ช่างเล่าว่าเป็นงานใหญ่ มีหลายช่างหล่อกัน ในพิธีเดียวกัน ใส่โลหะมาจากวัดหลายอย่าง จากญาติโยมอีก ทำให้โลหะมีลักษณะพิเศษ ออกแนว แก่เงิน แก่ทอง กว่าทองเหลืองธรรมดา มาผสมอีกก็ไม่น่าจะเหมือนได้ง่าย ๆ ถือว่าเป็นเอกลักษณ์
    โลหะเหลือมา ช่างไม่หวงเพราะจะได้ประหยัดเงิน แต่เนื้อเดิมน่ะจัดว่าเป็นทองชนวนอย่างดี ทำพิธีมาแล้ว เป็นของดีใน ตั้งแต่เริ่มต้น หลวงพ่อเสกทับอีกที จัดว่าสองต่อเข้าฮอส ดีทั้งนอกและใน
    ช่างนี้เทพระหนา คงกลัวพระเสีย เทบางยากกว่าต้องใช้ฝีมือมาก และพระจะเสียง่าย ทะลุง่าย
    ใต้ฐาน ช่างจะเทปูนแม่พิมพ์ช่าง เป็นปูนหล่อพิมพ์พระ จะแข็ง ทนทานเป็นพิเศษมากกว่าปูนปลาสเตอร์ธรรมดาที่หาซื้อตามร้าน และไม่มีอะไรติดมากับปูน ไม่มีเกศา ไม่มีพระ เครื่องรางอะไร ปูนก็เป็นปูนล้วนๆ ไม่มีมวลสารอะไรนอกจากฝุ่นที่มาติดทีหลัง หรือปลิวมาผสมตอนเท
    และรุ่นนี้หลวงพ่อเสกเดี่ยวตามประวัติและเสกนานมาก จนท่านพอใจ จึงเอามาจำหน่ายจ่ายแจก หาดูได้ยากเลยครับ
    รุ่นแรกเปลี่ยนรูปชัดๆน่ะครับ รุ่นนี้ ๑) เนื้อออกเขียว ๒) เทแต่ปูน ไม่มีเกศา
    เขาว่ามีการสั่งปี ๒๕๔๔ ด้วย คงไม่มาก อาจจะนำมาแจกกฐินผ้าป่า ตอบแทนผู้มีบุญคุณแก่วัด ประมาณนี้ ก็อาจจะ เป็นไปได้ และถ้ามีจริง ไม่ใส่เส้นเกศาด้วยก็กลายเป็น รุ่น ๒๕๔๒ หมดล่ะครับ.... แต่ผมนั่งดูมาหลายองค์ รุ่น ๔๗/๔๘ เนื้อเกือบเขียวๆหลายองค์ คอตรง เป็นไปได้ว่า รุ่น ๔๔ เหลือตกค้าง มาถึง ปี ๔๗ ไม่มาก เอามาเทปูนทับใส่ เกศา อันนี้บางองค์ก็เป็นไปได้ น่ะครับ
    ............................
    at=106&_nc_ohc=D-faGuFjigEAQmTZKt7aQIZqSro1jNJuL9Vuwp6tlXs45zQJSHit5MaMg&_nc_ht=scontent.fbkk2-7.jpg
    at=104&_nc_ohc=MMgm6v4WOh4AQmeE2gE7cx4h4ZAuByOpGAoD-YhwECt_eAIjPnmzbQZAw&_nc_ht=scontent.fbkk2-6.jpg
    at=107&_nc_ohc=QrXDAhAFJ0EAQlHW8n2lVR9l2NJseHYTewDv42VkJBbItB3t3sENYRLkw&_nc_ht=scontent.fbkk2-6.jpg
    at=100&_nc_ohc=_SedQcQejJ0AQl0lNXrPkMQ5XvdOAsCdPkfwqZSusITxJ623t8nGlo4mg&_nc_ht=scontent.fbkk2-8.jpg
    at=100&_nc_ohc=t0bc43SOKNsAQltEq9W4FJ31hH8AuW2-eBE7yXhaQb_JFJXVogwbxbeUg&_nc_ht=scontent.fbkk2-8.jpg
     
  20. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,989
    ค่าพลัง:
    +146,259
    รูปหล่อ ๕ นิ้ว( ต่อ )

    มาต่อกันที่รูปหล่อ ๕ นิ้วน่ะครับ รูปหล่อชุดนี้ว่าตามตรงมีศักศรีดิ์ เป็นรุ่นแรกของหลวงพ่อน่ะครับ ของอะไรเป็นรุ่นแรกน่ะ จะตั้งใจอัดวิชามากหน่อยกลัวเสียชื่อ ตอนนั้น หลวงพ่อคงจะดังเฉพาะพื้นที่ รูปหล่อนี้โรงเรียน เจ้าภาพเลยสร้างไม่มาก น่าจะหลักร้อยตามทุน และคงมีส่วนที่เป็นของวัด เป็นของส่วนตัวของหลวงพ่อด้วยครับ

    เนื้อพระมาถึง พ.ศ.นี้จะเริ่มกลับ เพราะเป็นโลหะผสม ตอนเขาผสมเนื้อนี้ที่วัดโสธรคงจะใส่ลงไปหลายอย่าง เช่น โลหะอย่างอื่นพวกเงิน ทอง ทำให้โลหะนี้มีสีแปลก หม่นๆ ไม่ใส ต่อไปคงจะกลับดำขึ้นเรื่อยๆน่ะครับ และตามนิสัยช่างเมื่อได้ชนวนกลับมา เพื่อประหยัด พอมารับงานนี้ก็ใช้เนื้อโลหะที่เหลือเป็นส่วนใหญ่ แต่ทำให้รุ่นนี้น่าสนใจยิ่งขึ้น เพราะแค่บารมีหลวงพ่อโสธรเองก็กว้างใหญ่ไพศาล

    รุ่นนี้จะเป็นรูปหลวงพ่อนั่งจับเข่า พาดสังฆาฏิเต็มยศน่ะครับ และมองไม่เห็นเท้าหลวงพ่อ ไม่เหมือนรุ่นของศูนย์ทำ ท่านนั่งบนฐานสิงห์ กว้าง ๕ นิ้วที่ฐานและเขียนข้างหน้าบนป้ายบนฐานชัดเจนว่า " พระครูสุภัทรธรรมโสภณ" หลวงพ่อชอบใช้ชื่อพระราชทินนามนี้มากน่ะครับ ผมไปไหนกับท่านพอมีคนถามว่าหลวงพ่อชื่ออะไรมาจากไหน ( เพราะลักษณะของหลวงพ่อ สูงโปร่ง และนิ่ง น่าเกรงขาม จะมีลักษณะ เด่นสง่ากว่าคนธรรมดาทั่วไป ) ท่านจะบอกว่า ชื่อ พระครูสุภัทรธรรมโสภณ วัดมอญ ชื่อในโรงพยาบาล ตอนหมอหรือพยาบาลถามท่าน ท่านก็บอกแบบนี้น่ะครับ ตอนคุณใช้ของๆหลวงพ่อ ตอนอธิษฐานนึกถึงท่าน ก็นึกถึงชื่อ หลวงพ่อพระครูสุภัทรธรรมโสภณ วัดมอญ ก็ดีน่ะครับ หลวงพ่อท่านชอบ

    หลวงพ่อจะนั่งบนฐานสิงห์สี่เหลี่ยมมีผ้าลายปู เป็นอาสนะ หลวงพ่อนั่งหลังตรง เอามือจับเข่า คนปั้นหลวงพ่อรุ่นนี้ฝีมือดีทีเดียว เพราะละม้ายคล้ายหลวงพ่อพอสมควร แต่คอใหญ่และดูอ้วนไปหน่อย แต่พอจะดูได้ว่าท่านผอมสูง แขนยาว หูกาง หลวงพ่อดูจะยิ้มนิดๆ กำลังดี

    และผมเองต้องสารภาพว่า ผมไม่เคยดูรูปหล่อนี้แบบละเอียดเหมือนกับเหรียญบิน หรือ ตะกรุดเลย สาเหตุเพราะดูว่าไม่มีปลอม และไม่คิดว่าจะเป็นประเด็นว่าคนจะไปหาประโยชน์ได้ เลยไม่ได้สนใจจะส่องละเอียด แต่กลับมีครับ เพราะฉนั้นจะต้องเจาะลึกและชี้จุดกันล่ะครับ สาเหตุคือ มีการเอารุ่นอื่น มาอ้างว่าเป็นรุ่นนี้ ท่านอาจจะไปซื้อผิดราคา แต่ผมเมื่อดูละเอียดแล้ว จะบอกจุดท่านจะได้ไม่ไปพลาดท่าเขาน่ะครับ เพราะรุ่นนี้มีเอกลักษณ์หลายอย่าง ถ้าจำแม่นแล้ว ไม่มีพลาดครับ

    การเล่นพระนี่น่ะครับ สิ่งแรกเลยต้องจำคือใบหน้าให้ได้ เหมือนดูคนน่ะครับ เพราะถ้าจำหน้าได้ จะพลาดยากหน่อย แต่ถ้าดูแล้วหน้าเพี้ยนๆในแวบแรก ให้สงสัยไว้เลยว่า ท่านกำลังจะโดนกระสุนล่ะ ให้ตีเก็ไว้ก่อน

    จากรูป ช่างปั้นหน้าคล้ายหลวงพ่อพอสมควร ปั้นและแกะได้ดี มีรายละเอียดพอสมควร และจากรูปจะเห็นว่ารุ่นนี้ เนื้อจะกลับหม่นและมีแววเงินๆ เหมือนเอาทองเหลืองผสมเงิน ทำให้ทองเหลืองสีซีดลง ไม่ใสสุกปลั่ง

    จุดต่อไป อันนี้จำให้ดีน่ะครับ ถ้ามองด้านข้างของหลวงพ่อ ตรงๆ จากปลายคางหลวงพ่อลากตรงมาข้างล่าง เส้นตรงทิ้งดิ่งลงมา จะตัดตรงประมาณสะดือของหลวงพ่อ โปรดดูตามแนวลูกศรที่ผมวาดไว้ สาเหตุที่ต้องชี้ให้ชัดตรงนี้

    เพราะจากข้อมูล เมื่อรูปหล่อรุ่นนี้หมด เขาหล่อขึ้นมาใหม่ครับ พิมพ์เดิม เนื้อคล้ายๆกัน ความหนาคล้ายๆ ( จะชี้ต่อไป ) เทปูนข้างล่างคล้ายๆ ( จะชี้ต่อไป ) แต่เพื่อกันสับสน เขา ( ไม่ทราบว่าใคร น่าจะเป็นพวกครู หรือ หลานหลวงพ่อ ) ได้กดคอหลวงพ่อหุ่นต้นแบบลงให้ ศรีษะของ หลวงพ่อ งุ้มไปข้างหน้าหน่อยหนึ่ง แต่จะงุ้มห่างจากจุดที่ผมบอกเกือบครึ่งเซนต์ทีเดียว

    แต่ถ้ามองคนล่ะที และไม่ชำนาญจะดูยาก แต่ถ้ามองแล้วเอาเทียบกัน จะเห็นชัดเจน ผมจะชี้ต่อไป ในการเทียบกับรุ่นอื่นน่ะครับ

    ปูนที่เท จะเป็นคล้ายปูนยิบซั่ม ปั้นพิมพ์ของช่างเทพระ คือจะเเข็งแล้วผิวมันๆ มีความแกร่ง ไม่ใช่ปูนปลาสเตอร์แบบหล่องานของเด็กในงานศิลปะน่ะครับ เนื้อปูนจะดูแน่น แข็ง มัน เทไม่เต็มฐานพระ และ ไม่โรยเส้นเกศา น่ะครับ ในยุคนั้น อันนี้ชัดเจน ถ้ามีเส้นเกศาจะเป็นรุ่นหลังๆครับ

    และการเท ช่างจะเทผิวหนาน่ะครับ ความหนาเห็นได้ชัดเจน ต่างจากรุ่นต่อๆมาซึ่งเทบางขึ้น ทำให้องค์พระมีน้ำหนักพอสมควร

    และภาพโดยรวม การเก็บงานค่อนข้างจะปราณีต กว่ารุ่นอื่นๆต่อมาครับ รุ่นนี้ ดูคลาสสิกที่เดียว ทั้งรูปทรงรวมกับเนื้อหา ดูมัน และพระพุทธคุณคงไม่ต้องห่วงว่าหลวงพ่อคงจะเสกแบบเต็มๆ และที่ผมพบ ยังไม่มีการจารจากหลวงพ่อน่ะครับ การจารจะมาฮิตในช่วงหลังๆครับเมื่อมีคนขอให้ท่านจารให้ ถ้ามีรอยจาร สันนิฐานไว้ก่อนว่าเป็นรุ่นหลังๆครับ

    แก้ไขครั้ง: 5 พฤษภาคม 2009
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ตุลาคม 2017


    ...........................
    at=103&_nc_ohc=aBkL1hKt4CQAQkrONb04Y-wbyKAxIginHfzu8rlBSp2oExYsb73bwRbzw&_nc_ht=scontent.fbkk2-8.jpg
    at=109&_nc_ohc=4-5C01_JHGgAQkJVj_mDnbYF1ClDdhhK2JQj2t_vsO5TghSb8ZWswFouw&_nc_ht=scontent.fbkk2-7.jpg
    at=106&_nc_ohc=7fu08w9TWhsAQmdzHZJJHxdMo5fdf0sXn8SgFGrN9hUe4Nc2wixIdr7Fg&_nc_ht=scontent.fbkk2-7.jpg
    at=104&_nc_ohc=1tmiCYxLEhIAQm3-vWBP6zEBkij9hNUYZMLH9yvfi1BkarteLqYYqx_6w&_nc_ht=scontent.fbkk2-6.jpg
    at=106&_nc_ohc=2a_dglcbwNEAQnFsCl12D0gT1CDzv5Z_e15ym0SH8-6dEOIu6L8v2R0HA&_nc_ht=scontent.fbkk2-7.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...