เรื่องเล่า ตื่นนอน ตอนสายๆ

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย suwi, 30 มิถุนายน 2010.

  1. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,423
    ค่าพลัง:
    +13,166
    ข่าวด่วย อีก ข่าวหนึ่ง ครับ
    ได้รับ ข่าวบุญ จาก หลวงพ่อ วัดป่ากังวาลไพร
    มี ญาติโยม ข้างวัด ประสงค์ จะขอบวช พระ อีก 2 คน
    จึง เป็นโอกาสดี ที่ เราจะได้ ร่วม บุญ บวชพระ อีก 2 รูป
    วันจันทร์นี้ ผมจะรวบรวม แล้ว ส่ง ไป ให้ หลวงพ่อ เพื่อ ดำเนินการ

    ท่านใด ประสงค์ ร่วมบุญ โทรมาที่ เบอร์ ผม 081-497 2008 นะครับ
     
  2. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,423
    ค่าพลัง:
    +13,166
    กราบอนุโมธนาบุญ กับ เพื่อนสมาชิก ทุกท่าน ที่ได้ร่วมบุญ บวชพระ ที่วัดป่ากังวาลไพร อีก2 รูป ครับ

    ผม ได้ จัดส่งเงิน ไป หลวงพ่อบุญมา แล้ว
    และ วันนี้ ท่าน ได้ นำเงินนี้ ไป ซื้อ เครื่องอัฐบริขาร ที่จำเป็น ในการ อุปสมบท แล้ว

    สรุปได้ ว่า ในขณะนี้ ที่วัดป่ากังวาลไพร มี พระภิษุ 3 รูป
    กับ พระที่ กำลัง จะบวชใหม่ อีก 2 รูป
    รวม 5 รูป


    เพื่อเป็นกำลัง ใน การสร้างวัด ต่อไป

    กราบ อนุโมธนาบุญ ครับผม
     
  3. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    ปิดรับร่วมพิมพ์หนังสือสวดมนต์ หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม วัดอัมพวัน จ. สิงห์บุรี โดย คุณ สกล อัชฌาเจริญสถิต

    รายชื่อผู้ร่วมพิมพ์ ปี พ.ศ. 2557 มีดังนี้

    น.ส.ณัฐฐาพร ดอนเสือและครอบครัว 100 บาท
    *คุณบุษบรรณ พลาแดงและครับครัว
    *คุณผ่องศรี ไกรขุนทศและครอบครัว
    (*)ทำปีกกาไม่เป็นนะคะ สองครอบครัวรวม (57 เล่ม) 399บาท


    น.ส.อภิสรา ร่มเริงและครอบครัว จำนวน 70 เล่ม
    นางเตือน ฉันทะกลางและครอบครัว จำนวน 50 เล่ม
    นางอรทัย บุญมาและครอบครัว จำนวน 28 เล่ม
    นางบรรณสรณ์ ชนะพลและครอบครัว จำนวน 10 เล่ม
    นายสมัย สานคล่องและครอบครัว จำนวน 10 เล่ม
    ร.ต.ท.กฤษฎาพงษ์ วรวารีจิตรและครอบครัว จำนวน 10 เล่ม
    นายพิบูลย์ แสงสุระและครอบครัว จำนวน 10 เล่ม
    น.ส.ธัญชนก ฉิมปี่กลางและครอบครัว อุทิศให้ตาชุ่ม ยายจันทร์กลั่นสารและเจ้ากรรมนายเวร จำนวน 15 เล่ม
    นายพนม คำแก้วและครอบครัว จำนวน 10 เล่ม
    น.ส.กัญญาภัทร รักพวกกลางและครอบครัว จำนวน 10 เล่ม
    นายอำนาจ อ่อนคำและครอบครัว อุทิศให้แม่เจ๊ก อ่อนคำ,เทวดาประจำตัวและเจ้ากรรมนายเวร จำนวน 10 เล่ม
    น.ส.เสาวภา นวนทองหลางและครอบครัว อุทิศให้พ่อสุวิทย์ นวนทองหลางและเจ้ากรรมนายเวร จำนวน 10 เล่ม
    นายกตัญญู ปรังประโคนชัย อุทิศให้พ่อไหม ปรังประโคนชัย จำนวน 10 เล่ม
    น.ส.ภัททิยา ท้องพิมาย จำนวน 10 เล่ม
    นายขจรศักดิ์ ท้องพิมาย จำนวน 5 เล่ม
    นางหวาน ปีนะกะเสและครอบครัว จำนวน 5 เล่ม
    น.ส.สุดใจ คงหมื่นไวยและครอบครัว จำนวน 5 เล่ม
    ด.ญ.ดวงกมล สานคล่อง จำนวน 5 เล่ม
    นายอารี สานคล่อง จำนวน 5 เล่ม
    น.ส.สุมาลี แก่นพระเนาว์ จำนวน 5 เล่ม
    น.ส.วรรณา ลำไธสง จำนวน 5 เล่ม
    น.ส.ณิชกานต์ ยุติธรรมและครอบครัว จำนวน 5 เล่ม
    นายสิทธิกร-นางรัตติกานต์-ด.ช.วิศวกร-ด.ญ.วิชญาพร เซ็นทองหลาง อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร จำนวน 4 เล่ม
    นายนพรักษ์ แสรศรศรี จำนวน 3 เล่ม
    น.ส.จุไรรัตน์ สุวรรณโคตรและครอบครัว จำนวน 2 เล่ม
    นางฉลวย ขวัญยืนและครอบครัว จำนวน 2 เล่ม
    กรุ๊ป ตั้งแต่ น.ส.อภิสรา ถึง นางฉลวย รวม 2,198 บาท

    คุณสกุลทิพย์ เนติวุฒิพันธ์และครอบครัว 280.01 บาท = 40 เล่ม
    นายพชร นทีทวีศักดิ์ 22.97 บาท
    นายเอกศักย์ จรัสไพศาล และครอบครับ 105 บาท 15 เล่ม
    * คุณพจนี จิตตปราณีรัชต์
    * ผศ.ดร.มนูญ อรุณไพโรจน์
    * คุณนันทวรรณ จรูญพิพัฒน์กุลและครอบครัว
    (*) 3 ครอบครัว 700 บาท
    น.ส.อธิษฐาน พูลศิลป์ศักดิ์กุล เตชะวีระวงศ์และครอบครัว 100 บาท
    นายวินันท์ วงศ์เอนกอนันต์ และครอบครัว 700 บาท

    สาธุค่ะ

    กะทิขอเชิญคุณหมอสุวิ มาเขียนข้อความอธิษฐานถวายบูชาบูชาพระพุทธเจ้า ในพระพุทธศาสนา ที่พวกเราได้ร่วมกันพิมพ์หนังสือสวดมนต์สร้างบุญในครั้งนี้ค่ะ
     
  4. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    นิทานพลังอธิษฐานของกะทิ ตอนที่สี่ "นั่งสมาธิแล้วนอนไม่หลับไม่รู้ทำไง? กับการว่าด้วยประโยชน์ของการสวดมนต์ก่อนนอน การสวดมนต์คุ้มภัย"


    จริงๆ สองเรื่องนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงอะไรกันหรอกนะคะ แต่มีประโยชน์ทั้งสองเรื่องค่ะ


    อันดับแรกคือเรื่องของการสวดมนต์ก่อนนอน ซึ่งกะทิเชื่อว่า ทุกท่านคงทราบถึง เหตุ และ ผล ของการสวดมนต์ก่อนเข้านอน โดยเฉพาะ การอาราธนาศีลห้า และสวดรับศีลห้านะคะ



    ศีล แปลว่าอะไรอะ กะทิ?

    กะทิได้ยินจากพระท่านว่า ศีล แปลว่า ปกติค่ะ ดังนั้นกะทิจึงคิดว่า ผู้ที่สวดมนต์รับศีลห้า และพยายามรักษาศีล ก็เพื่อ "สำรวมรักษาตนเอง" ให้มีความเป็นสัตว์ที่ได้ชื่อว่า ประเสริฐกว่าสัตว์ทั้งปวงบนโลก ให้มีความเป็นปกติสุข


    การสวดมนต์ก่อนนอน มันดีกว่าสวดมนต์ตอนเช้า อย่างนั้นรึ กะทิ?

    การสวดมนต์ก่อนนอน มันดีกว่าสวดมนต์ตอนเช้ารึไม่ กะทิคิดว่า ไม่ได้มีความแตกต่างกันค่ะ กะทิสวดมนต์หลายบทมากๆ ในตอนเช้ามากกว่าตอนกลางคืน เพียงแต่ว่า การสวดมนต์ก่อนนอน พอสวดแล้ว เราก็มักจะนั่งสมาธิต่อบ้าง นอนหลับบ้าง

    ดังนั้น ระยะเวลาในการคงอยู่กับศีลที่เรารับ จะอยู่ได้นานกว่า การสวดมนต์รับศีลตอนเช้า

    เพราะในตอนเช้านั้น หากเราเผลอแป๊บเดียว เราก็อาจจะพูดปด ศีลขาด ศีลด่างพร้อยซะแล้ว เช่น พอหลังสวดมนต์รับศีลเสร็จ ก็มีโทรศัพท์ดังเข้ามาให้รับสาย

    เสียงตามสาย : นี่ๆ แม่คุณ..ออกจากบ้านรึยังจ๊ะ อย่าลืมนะ มีประชุมเช้าหนะ

    เสียงตอบกลับ : กำลังอยู่บนถนนแล้วเนี่ย ทันแน่นอน....


    ศีลจ๋า...


    อย่างที่กะทิเคยกว่าแล้วว่า เมื่อกะทิไปวัดแถวบ้าน ก็มักได้พบแม่ชีพราหมณ์อยู่หลายท่าน มีอยู่อีกท่านหนึ่ง นอกจากแม่ชีหนูทรัพย์ ที่มีคำถาม ถาม กะทิ ค่ะ


    แม่ชี : (ได้ยินที่แม่ชีหนูทรัพย์คุยเรื่องการนั่งสมาธิกับกะทิ...จึงพูดเสริมขึ้นมาว่า..) ป้าเองก็นั่งสมาธิอยู่เหมือนกันนะ เพียงแต่นั่งแล้ว ทำไมหนอ นอนไม่หลับ



    อาการเช่นี้ กะทิก็เคยเป็นอยู่บ่อยๆ นะคะ นั่งสมาธิแล้วนอนไม่หลับเนี่ย ...ไม่ว่ากะทิจะนั่งสมาธิภวนาแบบพุทธ..โธ แบบธรรมดา หรือแบบอื่นๆ โดยเฉพาะ สมาธิลืมตาเนี่ย ฝุดๆ เลย วันไหนที่เข้าสมาธิได้ดี ก็เท่ากับชาร์จพลังเข้าสู่จิตจนเต็มแบตเตอรี่ได้ง่ายๆ พอแบตเต็มก็ยุ่งอะจิคะ ทำให้นอนไม่หลับค่ะ ไม่แตกต่างจากท่านอื่นๆ ที่เคยมีอาการเยี่ยงนี้เช่นกันนะคะ


    เล่าเหตุการณ์หนึ่งสักหน่อย ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทำสมาธิเลยค่ะ แต่กะทิไปชาร์จพลังมาจากวัดพระแก้ว ด้วยการพิจารณาเสมาหน้าพระอุโบสถวัดพระแก้วนะคะ


    (อันนี้ขอเสริมว่า การทำบางสิ่งบางอย่าง ก็สามารถทำให้เกิดพลังงานได้เหมือนกัน นอกจาการทำสมาธินะคะ แต่ไม่ได้ให้ผลทางการเสริมเพิ่มกำลังบุญทางสมาธินะคะ เพราะที่ไปทำในคราวนั้นเนี่ย แค่ไปหาคำตอบที่หมอสุวิเคยบอกเอาไว้ และให้กะทิไปหาคำตอบเอาเองค่ะ)


    อย่างที่รู้ๆ กันว่า เวลาใครไปวัดพระแก้ว ไม่ว่าจะเป็นพี่ไทย หรือชาวต่างชาติ ทุกคนจะต้องไปนั่งในพระอุโบสถ ซึ่งเท่ากับถือว่า ได้มาถึงที่แล้ว เป็นที่เรียบร้อย ใครอยากจะสวดมนต์ ... นั่งสมาธิอะไรก็ทำ แต่คงได้ชั่วประเดี๋ยวเท่านั้น เพราะทั้งพี่ไทยและนักท่องเที่ยว ต่างเข้ามานั่งแออัด และส่งเสียงพูดคุยกัน อะนะคะ อารมรณ์ประมาณนั้น


    แต่กะทิค่ะ ได้รับคำแนะนำให้ไปทดลองยืนพิจารณาเสมาอยู่ที่หน้าพระอุโบสถ

    คำถาม : มีอะไรที่ตรงนั้นให้พิจารณากันหนอ?
    คำตอบ : โปรดไปถามเอาจากหมอสุวินะคะ เพราะท่านเป็นผู้แนะนำให้กะทิไปทำดูค่ะ

    แต่ถ้าให้กะทิเดาคำตอบของหมอสุวิ ท่านคงตอบกลับผู้อ่านมาว่า อันนี้คงต้องไปดูกันเองแหงมเลย




    images?q=tbn:ANd9GcQRNvhz65Y_v-CU-mOClpOZpXxl2vzGuD_AiYTs6br6rJga7zIK.jpg



    กะทิยืนอยู่ที่เสมาด้านหน้าพระอุโบสถที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตนั้น ก็ใช้จิตพิจารณาลงไปดูนะคะ เออหนอ..แค่เสมา เสมา เดียวนี้ (จะใช้ลักษณะนาม เรียกเสมาว่าเป็น "อัน" คงไม่เหมาะอะนะคะ) ก็มีความแตกต่างกันอยู่ในเสมา เสมาเดียวด้วย


    (ด้านหน้าและด้านหลังของเสมามีบางสิ่งที่ไม่เหมือนกันค่ะ แต่ไม่ใช่ลวดลายนะคะ ลวดลายเหมือนกันค่ะ แต่สิ่งที่อยู่ข้างในของเสมาทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เฉพาะหน้าพระอุโบสถของพระแก้วมรกตไม่เหมือนกันค่ะ)


    เมื่อพิจารณาจบ กะทิก็เดินตามผู้คนเข้าไปสักการะพระแก้วมรกตเสร็จ ก็เดินทางกลับบ้าน


    images?q=tbn:ANd9GcQ-bdS2ObrVadhKi0JYSnJh_fHUvhvZVHqkB3cpSyLTNL15TG1h.jpg



    ในระหว่างที่นั่งรถกลับบ้าน อากาศพี่ไทยก็ร้อนชิมิคะ กะทิก็ตื่นแต่เช้าไปวัด เริ่มเพลียค่ะ อย่ากระนั้นเลย ของีบสักหน่อยบนรถเมล์นี่แหละ


    กะทิตั้งใจจะหลับเพราะความร้อนและเหนื่อย แต่ทำมั้ยทำไม กลับได้ผลตรงกันข้าม เพราะยังไงเธอก็ไม่หลับ ทั้งที่ร่างกายสุดๆ แล้ว จนเกิดความสงสัย ??? (สงสัยอีกแย้วยัยกะทิ)


    "เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ทำไม่ตรูไม่หลับวะ" อดรนทนไม่ได้ กริ๊งกร้างไปถามหมอสุวิเดี๋ยวนั้นค่ะ ได้ความตอบกลับมาว่า "แบตมันเต็ม"


    อ้าวแบตของกะทิเต็มซะงั้น ฉะนั้น เรามาหาวิธีระบายพลังงานออกจากแบตของกะทิ กันค่ะ ซึ่งมีหลายวิธีมากๆ เอาวิธี Basic ก่อนนะคะ นั่นก็คือการแผ่เมตตาค่ะ


    แต่เราจะไม่แผ่เมตตาแบบปรกติอย่างที่เคยนะคะ ...เพราะเราจะแผ่ไปแบบไก๋ไกลค่ะ แผ่ไปทั้งสามโลก อันได้แก่ชั้น มนุษย์ เทวดาและชั้นบาดาล กันเลยค่ะ ดังนี้


    "สัพเพ สัตตาฯ" ว่าไปจนจบหนึ่งบท ก็ให้พูดต่อไปค่ะว่า..


    ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลที่ข้าพเจ้าในทำในวันนี้( ทำอะไรไปบ้าง เช่น ทำสมาธิ สวดมนต์ภวนา ตักบาตร ไรๆ ก็กล่าวออกมาในใจนะคะ) แด่ มนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลาย เทพเทวดาทั้งหลาย บนสวรรค์16 ชั้น มีท่านใดบ้าง พอจะนึกชื่อของท่านออกก็ว่ากันไปค่ะ ต่อด้วยเทพเทวดาบนโลก มีพระแม่ธรณี พระแม่คงคา รุขกเทวดา พระภูมิเจ้าที่เจ้าทาง เป็นอาทิ และเทพเทวดาในนรกภูมิ


    กะทิเคยเล่าแบบนี้ในการแนะนำให้แม่ชีฟังค่ะ แล้วก็ถามแม่ชีกลับไปด้วยว่า แม่ชีสงสัยไหมคะ ว่ามีเทพเทวดาในชั้นบาดาล(นรกภูมิด้วยรึ? คืออะไรกันหว่า?)


    คำตอบ เทพเทวดาในนรกภูมิ อันได้แก่ ท้าวเทพสุวรรณและคณะค่ะ คุ้นชื่อไหมคะ เป็นใครหนอ ลองหาจากหนังสือธรรมะ หรืออากู๋ ดูนะคะ หรือว่ายักษ์ในนรกภูมิก็มีคะ


    ผู้อ่านหลายคนอาจเริ่ม สงสัย อีกว่ายักษ์นี้เป็นเทวดาด้วยรึ? (ถ้าไม่สงสัย ก็ช่วยกันสงสัยกับกะทิหน่อยนะคะ จะได้มีส่วนร่วมค่ะ)


    คำตอบนี้ กะทิขอให้ผู้อ่านนึกไปถึงหน้าวัดต่างๆ ในประเทศไทยค่ะ คุณจะเห็นท่านๆ ทั้งหลายยืนอยู่ที่หน้าวัดชิมิคะ? และคำถามคือ ท่านอยู่ในวงศ์ใดคะ ถึงได้รับตำแหน่งให้ยืนอยู่ที่หน้าวัดหนะค่ะ?


    images?q=tbn:ANd9GcS67k7eCLj8HZybUQs_VXrXE2UlFEZnHtGFTbvMsQtJ_oT8vISrUg.jpg


    กะทิขออธิบายค่ะ ...คำตอบคือ วงศ์ยักษ์นั้นแบ่งได้เป็นสองวงศ์ใหญ่ๆ (แต่มีหลายๆ วงศ์ย่อยๆ นะคะ) เปรียบไปก็เหมือนมนุษย์ดี กับมนุษย์ไม่ค่อยดีนั่นแหละค่ะ


    การที่เราแผ่เมตตาไปทั้งสามโลก (ตั้งใจกำหนดจิตแผ่) พลังงานในแบตก็จะค่อยๆ กระจายออกไปเป็นวงกว้าง ความอิ่มที่บรรเทาด้วยอีโน ก็จะทำให้ความจุกเสียดแน่นที่เรามีบรรเทาขึ้นได้นั่นเองค่ะ หากวิธีนี้ยังไม่ได้ผล ก็สามารถทำซ้ำๆ ได้หลายครั้งนะคะ


    แต่ก็มีอยู่เหมือนกันค่ะ ที่แบตเต็มมากจนเกิดอาการ Over กับร่างกาย ประหนึ่งดื่มกาแฟเกินขนาดไปมากกว่าสามแก้วต่อวัน อันนี้ทั้งอาจารย์สามตา คุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย (ขออนุญาตเอ่ยชื่อนะคะ) และท่านอื่นๆ ก็อาจเคยเป็นกันมาแล้ว ไม่ได้นอนกันล่ะค่ะ อยู่กันข้ามวัน บางทีหลายวันค่ะ



    อันนี้หวังว่าท่านผู้อ่านคงจะยังไม่มีใครเป็นถึงขั้นนี้นะคะ แต่ถ้าเกิดเป็นขึ้นมา ก็ขอให้รับทราบไว้ว่า มันเป็นธรรมดา ไม่ได้ผิดปรกติค่ะ(กะทิเขียนเผื่อเอาไว้ ณ ตรงนี้ จะได้ไม่เป็นทุกข์หากเกิดผลแบบนี้กับท่านๆ เข้าจริงสักวัน อันเกิดจากพลังสมาธินะคะ)



    กะทิขอเสริมด้วยว่า บุญที่ท่านอุทิศไปนี้จะหมดไปจากตัวท่านไหม? ข้อแรก การอุทิศให้เทวดาทั้งหลายนี้ บางท่านจะให้พรเรากลับมาด้วยนะคะ และหากท่านกังวลมาก กลัวว่าบุญจะหมด ขอให้กล่าวว่า ขอบุญที่ข้าพเจ้าอุทิศไปแด่....(ใครก็ว่าไป นี้ๆ)....ข้าพเจ้าขอน้อมถวายบูชาแด่พระพุทธเจ้าในพระพุทธศาสนา ขอบุญนี้จงส่งผลให้ข้าพเจ้า.........(ปรารถนาสิ่งใดก็ว่าไปนะคะ)...... เป็นต้นค่ะ



    กลับมาว่ากันด้วยเรื่องสมาธิเปิดตากันสักหน่อย เพราะมันเป็นสิ่งที่กะทิทำเป็นกิจวัตร ตลอดวันที่กะทินึกขึ้นได้อะนะคะ (นึกได้ตอนไหน แม้กำลังทำอะไรอยู่ ก็สามารถทำทั้งสองสิ่งควบกันไปได้ในทีเดียว พร้อมกันกับกิจวัตรปรกติ)


    สำหรับกะทิแล้ว การทำสมาธิเปิดตา นอกจากจะเป็นการฝึกให้ใจนิ่งสงบลงแล้ว ยังเป็นการชาร์จพลังเข้าสู่ร่างกายด้วย อย่างที่เคยเล่าให้ผู้อ่านฟังแล้วว่า ท่านที่กะทินับถือจากการทำสมาธิเปิดตานี้ ไม่ใช่เป็นเพียงแค่การฝึกกสิณอย่างที่หลายๆ คนทางพุทธจะเข้าใจไปในทางนั้น แต่ท่านมีอยู่มากับกะทิ ตั้งแต่ปฐมของการเกิดและมีอยู่ของกะทิแล้ว ท่านเป็นทั้งพ่อ ครู ผู้ให้ความอบอุ่น ความรัก ให้พลังงาน และอาหาร หนะค่ะ


    การที่กะทิทำสมาธิเปิดตา จึงฝึกทั้งการควบคุมตนให้อยู่ในความสงบ และขณะเดียวกัน ก็ดูดพลังจากท่านมาหล่อเลี้ยงร่างกายและดวงจิต และยังเพื่อการดูแลรักษาโรคในร่างกายจากสิ่งแปลกปลอมให้ถูกขับออกไปด้วย


    ดังนั้นพลังนี้ในหลายๆ ครั้งมีมากมายมหาศาล หากบางท่านรู้ จะคล้ายๆ การดึงพลังงานมาจากจักรวาลหนะค่ะ ผ่านตาทั้งสาม รวมถึงปากด้วย เรียกว่ารับพลังโดยตรงจากท่านมาเต็มสตรีม (Extreme)



    ดังนั้นระหว่างที่กะทิเธอนั่งอยู่กับท่านไป บางทีจึงต้องมีการถ่ายเทออกไปในทันทีที่กะทิกำลังนั่งด้วย ท่าทางก็คงจะคล้ายๆ เวลาที่หมอพลังจิตรักษาคนไข้มั้งคะ พอดีตรงนี้กะทิก็ไม่แน่ใจ แต่รู้ว่าต้องทำท่านี้ๆ ค่ะ ท่านจะแนะนำเรา แล้วส่งพลังส่วนเกินทั้งหมดไปเพื่อยังความสงบสุขแก่โลก และสรรพสัตว์ทั้งมวล เช่น ส่งพลังส่วนเกินนั้นไปกระตุ้นต่อมทางความคิดแก่มนุษย์ทั้งมวลบนโลก ให้ตระหนักรู้อยู่ในความสงบ ปราศจากการเบียดเบียนผู้อื่น สงคราม การเบียดเบียนป่า สัตว์ป่า เป็นอาทินะคะ (อันนี้เป็นหน้าที่ของการอยู่กับท่านโดยตรงเลยนะคะ เป็นหน้าที่ที่กะทิเคยถูกมอบหมายให้ทำมาก่อนในอดีตชาติแล้ว ซึ่งในตอนโน้น กะทิเธอรู้สึกว่า เป็นงานที่แสนจะน่าเบื่อฝุดๆ ค่ะ เอาไว้กะทิจะเก็บไปเล่าไว้ในนิทานตอนต่อๆ ไปนะคะ)


    เวลาอยู่กับท่าน แบบเต็มสตรีม ท่านก็จะพูดๆๆๆๆๆ เรื่อยๆ ช้าๆ แล้วเราก็คิดตามในสิ่งที่ท่านพูดไปด้วย แล้วเราก็ส่งคลื่นความคิดที่ท่านส่งมาให้นี้ ส่งลงไปยังโลก ตามภาพเหตุการณ์ที่ปรากฎตรงหน้า เหมือนดูโทรทัศน์พร้อมเสียงประกอบภาพให้เราเห็นหนะค่ะ ประมาณนี้นะคะ


    แล้วถ้ากะทิไม่ทำอย่างนี้ล่ะ แบบว่าขี้เกียจอะนะคะ -> กะทิก็นอนไม่หลับไง อิอิ


    อีกวิธีที่เธอเรียนรู้มาจากคุณหมอสุวิ แล้วนำมาประยุกต์ใช้เอง และพอนำไปปรึกษากับหมอสุวิอีกครั้ง(คุยกันไปคุยกันมาอะนะคะ) ก็ได้ออกมาประมาณนี้ค่ะ ดังนี้ค่ะ



    ในบทสวดบทหนึ่ง มีประโยคอยู่ท่อนหนึ่งที่กล่าวว่า เย ธัมมา เหตุปปะภะวา ซึ่งแปลว่า ธรรมทั้งหลายเกิดแต่เหตุ

    แต่เวลากะทิจะท่องเพื่อกดจิตตัวเองไม่ให้ลอยขึ้นมา จะประยุกต์เปลี่ยนคำไปใช้คำว่า เย กรรมา เหตุปปะภะวา หรือก็คือ กรรมอันใดที่ทำให้ข้าพเจ้านอนไม่หลับ ขอเหตุนั้นจงดับพลันเทอญฯ


    (สาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เรานอนไม่หลับ เพราะจิตลอยตัวอยู่ด้วยความอิ่มเอมนะคะ ถ้าเมื่อไหร่ที่จิตจมลง นั้นหมายถึงเราจะหลับค่ะ การทำสมาธิแล้วหลับก็คือ จิตได้จมลงไปนั่นเอง ถ้า งง เดี๋ยวเอาไว้จะอธิบายเพิ่มเติมนะคะ)


    ว่าจบประโยคแล้วก็ลงไปมองดูจิตของตนเองที่กำลังลอยเท้งเต้งอยู่ตรงกลางของกาย ไม่ยอมจมนะคะ แล้วก็กำหนดตัวเยขนาดใหญ่ขึ้นมา ที่มีน้ำหนักเท่ายิปซั่มหลายพันตัน กดลงมาทับไม่ให้จิตลอยขึ้นมา เปรียบไปก็เหมือน ลูกปิงปองหรือไข่ ในแก้วน้ำหนะค่ะ กำหนดให้คำว่า เย กดเหยียบทับลงไป ไม่นานก็หลับนะคะ


    images?q=tbn:ANd9GcREsvkLxew80AJ3ct3EacJ4lzrL9IxIUO3Vy9DfBm1WnQ-6L1_0.jpg



    หลังๆ ก็มีดื้อยา เลยกำหนด เย กดทับดวงจิต แล้วดวงจิตยังพยายามดันเยขึ้นมา (แบบว่าดวงจิตเริ่มจะดื้อฝุดๆ อะนะคะ) เลยต้องกำหนด เย ขึ้้นมาอีกคำ แล้วเหยียบทับบน เย ตัวแรก อัดๆๆๆๆๆ กระทืบทับลงไป และหลับได้ค่ะ



    นอกจากนี้ถ้ายังไม่หลับด้วยวิธีนี้ กะทิ จะทำไงได้อีก?


    ถ้าเพราะตามองเห็นท่าน ก็ปล่อยให้มองไปเลยค่ะ แล้วกำหนดว่า แค่มองเห็น (ฉันไม่ได้ดูพลังนะ แค่มองเห็นท่านเฉยๆ) แค่นี้บางทีก็หลับนะคะ


    ที่พิเศษกว่านั้น เพราะการกำหนดมองเห็นท่านแบบนี้ในระหว่างที่หลับนี่แหละค่ะ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ทำให้กะทิหลุดออกมาจากกะทิ โดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ตัวค่ะ แต่มันก็เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในช่วงที่ฝึกหนักๆ อยู่กับท่านเท่านั้น หลังๆ มาเนี่ย ตั้งแต่ไม่มีเพื่อนๆ ในแก๊งค์คอยเตือนสติ ก็ละเลยไปเยอะมากๆ โอกาสแบบนั้นจึงยังไม่มีมาอีกนะคะ




    ขอจบนิทานตอนที่สี่ค่ะ ขึ้นนิทานพลังอธิษฐานของกะทิ ตอนที่ห้า โลกของคนตาทิพย์ไม่ได้น่ารื่นรมย์นักหรอกนะคะ มันก็มีอะไรๆ น่ากลัวเหมือนที่เรามองด้วยตาปรกติ ในโลกสามมิตินี่แหละค่ะ (ชื่อตอนของนิทานยาวชะมัด แต่ไม่รู้ว่ายังจะมีใครอยากฟังอยู่รึเปล่านะคะเนี่ย อิอิ แต่ขอบอกนะคะ ว่าไม่ได้เตรียมจะเล่าเรื่องผี ดังนั้นใครอยากฟังเรื่องผีๆ คงต้องผิดหวังนะคะ เพราะกะทิก็กลัวผีค่ะ แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ไม่ได้จะเลี่ยงนะคะ)




    นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ, นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ, นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ. วันทามิ พุทธัง สัพพัง เม โทสัง ขะมะถะ เม ภันเต. ข้าพเจ้าอธิษฐาน พูลศิลป์ศักดิ์กุล เตชะวีระวงศ์ กราบขอขมาแด่พระพุทธเจ้าในพระพุทธศาสนา, ขอพระพุทธองค์โปรดทรงยกโทษทั้งปวงที่ข้าพเจ้าทำล่วงเกินด้วยเทอญ. วันทามิ ธัมมัง สัพพัง เม โทสัง ขะมะถะ เม ภันเต.ข้าพเจ้าอธิษฐาน พูลศิลป์ศักดิ์กุล เตชะวีระวงศ์ ขออภิวาทพระธรรม, ขอพระธรรมโปรดยกโทษ ทั้งปวงที่ข้าพเจ้าทำล่วงเกินด้วยเทอญ.วันทามิ พุทธัง สัพพัง เม โทสัง ขะมะถะ เม ภันเต. ข้าพเจ้าอธิษฐาน พูลศิลป์ศักดิ์กุล เตชะวีระวงศ์ ขออภิวาทพระสงฆ์, ขอพระสงฆ์โปรดยกโทษทั้งปวงที่ข้าพเจ้าทำล่วงเกินด้วยเทอญ. หากการให้ความรู้ที่ข้าพเจ้าเขียนแล้วนี้ มีประโยชน์ไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อมแด่ผู้อ่านท่านใด ขอให้เป็นบุญแก่ข้าพเจ้าในการกล่าวขอขมาแด่พระรัตนตรัยในพระพุทธศาสนานี้ จงมีส่งผลเป็นพลังขอขมาจากข้าพเจ้าในกาลทุกเมื่อทุกภพชาติเทอญฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 สิงหาคม 2014
  5. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    นิทานจมูกยาวจากแดนซากุระ ดูละคร ย้อนดูตัว


    เธอไม่ใช่เป็นเพียงแค่ช้างไทย แต่คือ "ฑูตไทยประจำประเทศญี่ปุ่น" เธอเดินทางไปอยู่ญี่ปุ่นตั้งแต่อายุ 2 ขวบ (โดยคงไม่เคยถูกถามความคิดเห็นเลยสักครั้งล่ะมั้งคะ ว่าเธอหนะ เต็มใจที่จะไปอยู่ไกลบ้านขนาดนั้นไหม?) และคงจะไม่ได้กลับมาตายในบ้านเกิดของตัวเอง


    [​IMG]



    แต่ถึงกระนั้น ฮานาโก๊ะ ช้างไทย อยู่สุขสบาย ยิ่งกว่าคนไทยดูแลช้างไทยซะอีกนะคะ กะทิดูไปน้ำตาไหลไป คิดถึงตัวเอง คิดถึงฮานาโก๊ะ และแอบคิดถึงญี่ปุ่น



    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=0WFecxzOxeE&feature=share]ดูให้รู้ : ฮานาโกะ ช้างไทยเชื่อมสัมพันธ์ (5 ก.ค. 57) - YouTube[/ame]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 สิงหาคม 2014
  6. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    ขอไร้สาระ อย่างมีสาระค่ะ หรือก็คือ กะทิขอนอกเรื่อง แต่ได้เรื่องสักนีสนึงนะคะ


    การศึกษา..เพาะต้นกล้าของสังคม

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=CeMZ4bXsIkw]ดูให้รู้ - เพราะต้นกล้าของสังคม (อนุบาล) Dohiru 初等教育(幼稚園・小学校) Part-1 27 - YouTube[/ame]



    โรงเรียนแบบนี้มีในประเทศไทยนะคะ ไม่ใช่มีแค่ที่ประเทศญี่ปุ่นค่ะ แต่มีน้อยมากนะคะ กะทิเธอเคยได้ไปเจอ ไปสัมภาษณ์แค่โรงเรียนเดียวเองค่ะ คือโรงเรียนอนุบาลบ้านรัก ซอยสุขุมวิท 40 ที่นี่มีเด็กญี่ปุ่นมาเรียนร่วมกับเด็กไทยด้วยค่ะ


    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=N4bNPUrbxcY]ดูให้รู้-การศึกษา..เพาะต้นกล้าของสังคม2 初等教育2 - YouTube[/ame]



    ฺBy The Way กะทิขอนอกเรื่องนะคะ ครูที่อยู่ในการเรียนการสอนแบบนี้ จะใช้คำในการเรียนการสอนแบบที่เห็นนี้ในประเทศไทยว่า สอนเพื่อให้เด็กมีความ "รู้ตัวทั่วพร้อม" ค่ะ ซึ่งตอนแรกๆ ที่กะทิได้ยินคำนี้ ยังไม่ค่อยเข้าใจนะคะ แต่เดี๋ยวนี้พอได้ยินคำว่า รู้ตัวทั่วพร้อม ปุ๊บ เข้าในได้อย่างลึกซึ้งขึ้นค่ะ ลองคลิ๊กอ่านดูนะคะ น่ารักมั๊กมากค่ะ โรงเรียนอนุบาลในญี่ปุ่น ดูแล้วไม่สงสัยเลยว่าทำไมเค้ามีระเบียบวินัยกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 สิงหาคม 2014
  7. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,423
    ค่าพลัง:
    +13,166
    ขอ แจม ด้วยคน

    ที่ คุณอธิษฐาน เล่ามา เรื่อง ทำสมาธิ แล้ว นอนไม่หลับ

    จะว่า ไป ก็ คง มี หลายคน ที่ เคย เจอ อาการ นี้

    ลองพิจารณา ดู ว่า สาเหตุ ของ การ นอนไม่หลับ ของ คนปกติ มี อะไรบ้าง

    1. นอน มาเพียงพอ แล้ว
    2. จิตคิดฟุ้งซ่าน
    3. ตื่นเต้น ดีใจ,เสียใจ,กังวล อย่างยิ่ง ก็ นอนไม่ค่อยจะหลับ
    4. มีความทุกข์ เจ็บป่วย ทางสังขาร มาก เจ็บมาก ปวดมาก ก็ นอนไม่หลับ
    ฯลฯ

    เรามาดู สาเหต ของ การนอนไม่หลับ กันแล้ว

    แต่โจทย์ ขอ เราวันนี้ คือ นอนไม่หลับ หลังจาก การนั่งสมาธิ มาแล้ว

    คำตอบ
    ก็ น่าจะ มาจาก ข้อ1 คือ ได้รับการพักผ่อน มา จนเพียงพอแล้ว
    จึง ทำให้ ไม่ง่วง หรือ ไม่ยากนอน แล้ว ละ

    อาการ ทำนอง นี้ ผม ก็ เคยเป็น เหมือนกัน

    เวลา ทำสมาธิ ตอนเย็น หรือ ค่ำ ปกติ ก็ นั่ง สัก ชั่วโมง สองชั่วโมง

    นอกจาก วันไหน นั่ง เพลิดเพลิน ไป นานหน่อย ก็ สามสี่ ชม.

    หากนั่งนานๆ อย่างนี้ ร่างกาย มันได้ หยุดพัก คล้าย นอนหลับ

    พอ ออกจากสมาธิ แล้ว มักจะไม่ง่วงนอน

    ( แต่ อาจจะลุกไม่ขึ้น นะ...เหน็บ กิน ครับ.......55 ก็ นั่งนานซะขนาดนี้)

    แต่อย่างไง ก็ ต้อง นอน ไม่ เช่นนั้น จะทำอะไร ละ อีกหลาย ชั่วโมง กว่าจะถึง เช้า

    ผม ก็ ใช้วิธี นี้ ครับ

    หลังจาก นั่งสมาธิ มาแล้ว ถึงเวลาต้องเข้านอน
    อยากิน น้ำชา กาแฟ ฯ อะไร ก็ จัดการซะ ให้ เรียบร้อย
    รวมถึง การขับถ่าย ก็ เช่นกัน จะได้ ไม่ มี กังวล

    พอล้มตัวลงนอน ก็ ทำสมาธิ ต่อ ไป เลย

    แต่ ทำสมาธิ จริงๆ นะ ไม่ ใช่ ไปท่องเที่ยว อะไร ที่ไหน

    ทำสมาธิ ให้จิตอยู่ ในตัวเรา

    วางไว้ เบาๆ ทำใจเย็นๆ

    มีสติ กำกับ แต่เพียง เบา เบา

    เผลอ เมื่อไหร่ เป็น หลับ ครับ.........................55

    รู้ ตัว อีก ที ก็ เช้า พอ ดี .

    เอวัง ด้วย ประการ ละ ฉะนี้.....
     
  8. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    จากนิทานพลังอธิษฐานของกะทิ ตอนที่สี่ "นั่งสมาธิแล้วนอนไม่หลับไม่รู้ทำไง? กับการว่าด้วยประโยชน์ของการสวดมนต์ก่อนนอน การสวดมนต์คุ้มภัย" ไปแล้วนั้น


    คุณหมอสุวิได้เข้ามาอ่านแล้ว และเราได้คุยกันหลังไมค์กัน โดยคุณหมอบอกว่า นิทานตอนนี้ หากคนที่ไม่รู้อะไรเลย ถ้าอ่านแล้วอาจจะทำให้ งง ได้ เรียกว่า น่าจะ งง มากกว่ารู้เรื่อง

    ยกเว้นก็เห็นแต่พี่ดาวทะเลทราย ที่ช่วยกรุณามาเขียนอธิบายต่อให้น้องกะทิ ขอบคุณค่ะ สาธุ

    กะทิก็เลยย้อนกลับมาอ่าน และพยายามทำความเข้าใจว่า ตรงไหนบ้างหว่าที่อาจทำให้ผู้อ่าน งง


    นอกจากที่พี่ดาวช่วยมาอธิบายเพิ่มเติมแล้ว จะเป็นตรงจุดนี้รึเปล่า? ที่หมอสุวิบอกว่า ผู้อ่านอาจ งง (และเดี๋ยวหมอถ้าว่างจะมาช่วยอธิบาย หมอท่านว่าอย่างนั้นนะคะ) หรือว่าจะเป็นส่วนอื่นๆ หว่าที่ทำให้ผู้อ่าน งง มีจุดอื่นๆ ด้วยรึเปล่าหว่า?)


    กะทิไม่รู้ว่าผู้อ่านจะ งง ตรงไหน อย่างที่คุณหมอคาดไหม? คุณๆ ผู้อ่าน ช่วยคอมเม้าท์หน่อยก็ดีนะคะ



    ปล. หากแต่ว่า ถ้าเป็นเรื่องเสมา เดี๋ยวกะทิจะเอาไปเขียนอธิบายไว้ในนิทานตอนต่อไปค่ะ ว่าต้นเหตุที่หมอสุวิให้กะทิไปใช้จิดมองผานเสมาที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต วัดพระแก้ว เป็นเพราะอะไร มีที่มาที่ไปอ่านไรกันนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 สิงหาคม 2014
  9. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    กะทิเธอหายไปนั่งคิดนอนคิดว่า จะเอายังไงกับการเขียนนิทานในตอนต่อไปดี เพราะตอนนี้นิทานของเธอเหมือนจะแตกเป็น สอง หัวข้อ ที่จะเริ่มเขียนในตอนต่อไป แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไหนก่อนอย่างไหนหลัง คือ ...

    1.นิทานพลังอธิษฐานของกะทิ ตอนที่ห้า โลกของคนตาทิพย์ไม่ได้น่ารื่นรมย์นักหรอกนะคะ มันก็มีอะไรๆ น่ากลัวเหมือนที่เรามองด้วยตาปรกติ ในโลกสามมิตินี่แหละ

    หรือ...

    2.นิทานพลังอธิษฐานของกะทิ ตอนที่ห้า เสมา..มิติของเสมา


    ทั้งนี้หากเขียนนิทาน ตอน เสมา..มิติของเสมา ก็จะได้ไปขยายใจความของนิทานตอนที่สี่ ซึ่งเท่ากับว่าความสนุกที่จะเข้าสู่นิทาน ตอน โลกของคนตาทิพย์ไม่ได้น่ารื่นรมย์นักหรอกนะคะ มันก็มีอะไรๆ น่ากลัวเหมือนที่เรามองด้วยตาปรกติ ในโลกสามมิตินี่แหละ จะต้องถูกเลื่อนออกไป อย่างไม่มีกำหนด ทั้งนี้เพราะว่า ที่มาที่ไปก่อนที่กะทิเธอจะได้รู้จักกับ มิติของเสมา นั้นมีที่มาที่ไป เยอะ ยาว หนะคะ ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ กะทิเธอจะเขียนเข้าเรื่องเจอะไปที่เสมาได้โดยตรงเลย



    images?q=tbn:ANd9GcS4LmJVqWgzVOqbR8ZONle46EhC0FyFswb7sueVt5NSVuhE_Yd3.jpg



    เพราะว่ามันมีที่มาที่ไปนี้เอง ทำให้เรื่องราวของนิทานของ เสมา อาจจะยาววววววว และยาวมากก็เป็นได้ หรืออาจจะสั้นรวบรัดจบ เพราะกะทิเธอเริ่มขี้เกียจจะเขียนบรรยายขึ้นมาเฉยๆ ก็เป็นได้นะคะ


    แต่ถึงกระนั้น กะทิเธอก็ตัดสินใจแล้วค่ะว่า น่าจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับเสมาก่อน เพื่อที่นิทานจะได้ต่อเนื่องกับนิทานตอนที่สี่ที่ได้เขียนจบไปแล้วนะคะ


    ดังนั้นผู้อ่านท่านใดสนใจอยากอ่านนิทาน ตอน โลกของคนตาทิพย์ไม่ได้น่ารื่นรมย์นักหรอกนะคะ มันก็มีอะไรๆ น่ากลัวเหมือนที่เรามองด้วยตาปรกติ ในโลกสามมิตินี่แหละ คงอาจต้องรอไปก่อนอะนะคะ ต้องขออภัยค่ะ 미안 했습니다. 당신은 천천히 기다리세요.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 สิงหาคม 2014
  10. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,423
    ค่าพลัง:
    +13,166
    เห็นจริง ด้วย อย่างจริงๆ............

    การที่ เรามองเห็น หรือรู้เห็น ในสิ่ง ที่คนอื่นเค้าไม่เห็น หรือ ไม่ได้เห็นด้วย นี่ บางทีมันก็มีทุกข์ จริงๆ ด้วยละ

    จะไปบอกใคร พูดกับใคร มันก็ พูดกันไม่รู้เรื่อง หรือ จะถูกกล่าวหา ว่า เพี้ยน ๆไป เสียอีก

    จะพอพูดกันรู้เรื่อง ก็ เฉพาะ คนในแวดวง เดียว กัน ..... เท่านั้น

    พอรวมกลุ่มกันได้ ก็มักจะ มีเรื่องมาเล่า มาคุยกัน เมาส์กัน ได้ตั้งแต่เช้ายั นเย็น ทุกที.

    ( แต่เรื่องแบบนี้ ห้าม เลยนะ ห้ามไป บอกคนนอกวงการ เค้าจะหาว่า เรา เพี้ยน หรือ หนักๆ ก็ว่า บ้า กันไป เลย .. เสียคน ละ ทีนี้......55)

    เมื่อวันวิสาขบูชา ที่ผ่าน มา พาลูก พาเต้า ไป เวียนเทียนที่วัด ข้างบ้าน

    มีคน มากันมาก พอสมควร
    ต่างก็ ตะเตรียม ดอกไม้ธูปเทียน สำหรับ บูชาพระ และเวียนเทียน ปทักษิณ รอบพระอุโบสถ

    ผม และครอบครัว ก็ เช่นกัน
    พวกเรา ไปถึง ตั้งแต่ หกโมงเศษๆ ก็ ยีนรอเวลา ที่จะ เวียนเทียนพร้อมกัน

    ระหว่างนั้น

    พวกเรา ยืนรอ อยู่ ข้างโบสถ ทั้งตัวผม ภรรยา ลูกสาว ลูกชาย มีลูกน้อง ตามมาอีกสองสามคน

    ยังอีกนาน กว่าจะถึงเวลาเวียนเทียน

    ยืนรอ อยุ่เฉย ไม่มีอะไรทำ ก็ มอง ไปรอบๆ เรี่อยเปื่อย
    ไปสะดุด ตรง หลังโบสถ มี ศาลตะเคียนอยู่ แต่ก็ ไม่ได้คิดอะไร

    พอกลับมา รอที่ ข้างโบสถ อีกที ยืนรวม กับ ลูกๆ

    มองไป รอบตัว
    ด้านหลังของพระอุโบสถ รุ้สึก มี พลัง อะไร ค่อนข้างแรง ( ทีว่า แรง เพราะ แรง จน รุ้สึกได้ว่า ร้อนวูบๆ ทีเดียว)

    จึง ตามสังเกต ว่า พลังนี้ น่าจะสัมพันธ์ กับ ด้านหลัง พระประธานในโบสถ แต่ ก็ยังไม่รุ้ว่า คืออะไร

    สักพัก ได้ยินเสียงเจ้าลูกชาย บ่น พึมพัม อะไร กับแม่ เค้า

    มารู้ เอาตอนขา กลับ

    ว่า เจ้า ลูกชาย ไป ทะเลาะ กับ เพื่อน ที่มองไม่เห็น
    ( คนอื่น นะมองไม่เห็น มันมองเห็น จึงทะเลาะกันได้...55)

    คือ เค้า เข้ามาใกล้ ๆ ลูกชาย ไม่พูดไม่จา (ปกติ จิตวิญญาณมักจะไม่ค่อยพูด อยู่แล้ว)
    เค้า ยื่นมือ เข้ามา จะจับ เจ้าลูกชาย

    เท่านั้นแหละ เจ้าลูกชาย มัน หวงเนื้อหวงตัว ไม่รุ้จัก กัน มาทำท่าจะ จับตัว มัน
    ก็ อัดไป สัก ฉาด ท่าทาง จะ กระเด็นไป ไกล เหมือนกัน

    พอผม รู้ เข้า ก็ จึง สอนลูกไปว่า พวกเพื่อนที่ มองไม่เห็น นี่
    มีทั้ง มาดี มาร้าย
    ดูให้ดี เสียก่อน ถ้าเค้ามา ดี ก็ ควร ดี ตอบ ไป
    หากมาร้าย ก็ ค่อย จัดไป สักชุด เป็นเหตป้องกันตัว ก็พอสมกับเหตผล

    อย่า มอง เค้าในแง่ ร้าย เพราะส่วนใหญ่ เค้า มา ทักทาย หรือ มาขอความช่วยเหลือ

    ให้ ดู ให้ ดี ก่อน ว่า มาดี มาร้าย

    มิฉะนั้น จะกลายเป็นว่า เราจะเป็น คน ที่ ไม่มีมนุษย์สัมพันธ์

    เห็นผี ไม่ได้ เป็นต้อง ไล่ไปให้พ้น
    แบบ นักบวชเหมาซาน ในหนังจีน เห็นผี ปีศาจ เหมาเอาว่า ต้องชั่วต้องเลว ไปหมด ต้องกำจัด

    นั่นมันในหนัง
    เรื่องจริง มันมี ทั้ง ดี และ ไม่ดี ควรแยก แยะ

    เรื่องท่าเล่ามานี้ ดูเหมือน เป็นเรื่องเล็กน้อย

    แต่ เพิ่งรุ้ ว่า เจ้าลูกชาย มัน เก็บมา โกรธ ผม หาว่า ตอนนั้น เค้ายืนอยู่ติดกับผม ด้านหลังผม แท้ๆ ไม่ ยอม จะ ช่วย เค้า

    โธ่ เอ้ย มันนึกว่า พ่อมัน มีตา ด้าน หลัง ด้วย หรือ.... วะ

    ผม ไม่ เห็น จริงๆ

    ตอนนั้น เห็น เพียง ค่าพลังงาน ที่ มัน สูง ล้นขึ้นมา ผิดปกติ เท่านั้น
    จึงมองไป ตรงหน้า เห็นด้านหลังของโบสถ มี พลังงาน ออกมา

    ใครจะไป รู้ ละ ว่า ด้านหลัง มี คน โดน จู่โจม

    ............
    อย่างนี้ ก็ โดน เค้า ว่า แล้ว เห็น ไหม.................55
     
  11. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    ความจริงกะทิเธอเขียนนิทานพลังอธิษฐานของกะทิ ตอนที่ห้า เสมา..มิติของเสมาไปได้สักเข้าเรื่องแล้วหนะค่ะ แต่ว่าตอนกดปุ่ม save แล้วดันกดไม่ติด ข้อความทุกคำที่เขียนหายไปเกลี้ยง เสียเวลาเขียนไปหลายชั่วโมง แต่ว่าเวลาหาย หายไปในพริบตา 5555555 กะทิเธอประมาทเองนะคะ ก็ว่าจะไปเริ่มเขียนใหม่อาทิตย์หน้าแล้วเพราะเสียความรู้สึกนะคะ เสียเวลา และ เสียไฟ ไปมากมาย แล้วต้องมานั่งเขียนซ้ำ


    แต่พอเปิดหน้าเว็บมาอ่านกระทู้ เห็นพี่ดาวมาช่วยเล่านิทาน ก็เลยมีกำลังใจ พี่ดาวเข้ามาเขียนเยอะๆ นะคะ ระหว่างที่รอกะทิเธอทำใจหนะค่ะ


    เป็นความจริงอย่างที่พี่ดาวกล่าวไว้นะคะ เรื่องเหล่านี้ถ้าใครมาอ่าน จะคิดว่าพวกเราควรไปอยู่โรงพยาบาลกันค่ะ เพราะว่าถ้ามองเห็น ก็จะเป็นตุเป็นตะ เปรียบไปก็เหมือนกับพวกเราถูกแวดล้อมด้วยสภาพแวดล้อมของพวกมักเกิ้ลในแฮร์รี่ พอตเตอร์ นะคะ พวกเราเท่านั้นที่จะรู้กันเองว่าใครพูดจริง พูดไม่จริง เพราะจะสัมผัสกันได้ ว่าเรื่องที่ใครคนนั้นเล่ามา มันเป็นจริง หรือว่าโกหก แต่หากไปเล่าเรื่องพวกนี้ให้พวกมัลเกิ้ลฟัง ก็จะเหมือนป้าของแฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่รังเกียจพวกเขาและน้องสาวของเธอนั่นแหละค่ะ (พวกเธอมันบ้าไปแล้ววว)


    ยกตัวอย่างเช่น เทวดานางฟ้าที่พวกเราเคยพบมา ไม่ต่างอะไรกับชุดสิเกทรงเครื่อง มีตั้งแต่ไม่สวมเสื้อ แต่สวมโจงกระเบน สะพานสังวาร เดี่ยวหรือไขว้ ก็แล้วแต่ ไปจนถึงเต็มยศครบชุด ส่วนรองเท้าก็แบบที่ในหลวงทรงมีราชเครื่องราชกกุธภัณฑ์ ที่มีฉลองพระบาทเชิงงอนนั่นแหละค่ะ พวกเทพเขาใส่กันแบบนั้น


    images?q=tbn:ANd9GcRYzJHqDOrI1wirpG-BJl1-a2wjiKcCaqvIcKBdS5XuOVthNhsDng.jpg




    จะหาว่าบ้า หรือตลกก็ได้ แต่ว่ากะทิเธอคิดว่า ผู้ที่เคยเห็นสิ่งเหล่านี้ (เป็นพวกเดียวกับพวกเรา) ในช่วงบรรพบุรุษรุ่นก่อนๆ ของพวกเราและพวกคุณ คงเคยมองเห็นเช่นที่พวกเราได้มองเห็นนี้ และได้เอามาเล่าสืบๆ กัน



    [​IMG]



    และผู้ที่ได้ฟังก็คงนำมาเขียนไปนิทานละครต่างๆ สืบๆ กันมา จนเห็นว่าเป็นละครไปจริงๆ ทั้งที่ของจริงก้ไม่ต่างจากละครนัก เพียงแต่มีรายละเอียดปลีกย่อยของพลังของวัตถุในสิ่งของนั้นด้วย เปรียบไปก็ไม่ต่างอะไรกับหนังไซไฟนะคะ พวกดาบเลเซอร์อะไรประมาณนั้นหนะค่ะ



    images?q=tbn:ANd9GcS55M2e8pz0J-koWsC8sK0EcVu5woxR3ND-h3oOY0bAuk_KRbnN-g.png



    และใช่ว่าคนปรกติจะไม่สามารถมีได้นะคะ อย่าพี่ดาวเนี่ย ของเล่นเธอเยอะค่ะ ตั้งแต่ของจริง เช่น อาวุธจริงๆ ไว้ป้องกันขโมยเข้าบ้าน หรือเพื่อทดสอบพระเครื่องว่าของจริงหรือไม่จริงแล้ว ของเล่นทางมิติก็มีอยู่มากมาย


    พี่ดาวเธอไม่ชอบใช้กำลังอย่างลูกชายนะคะ อย่างที่เธอเล่าเรื่องมาในกระทู้ด้านบนนี้ กะทิคาดว่าลูกชายเธอคงจะใช้พลังแบบดราก้อนบอลไปด้วยความตกใจหนะค่ะ พลังลูกชายของเธอเยอะ และพิเศษ สวยงามค่ะ กะทิเธอเคยได้รับอนุญาตให้ดูมาแล้ว ก็เลยกล้าพูดแบบนี้


    images?q=tbn:ANd9GcQbmRAAuS-y47h9rU68utVSJrSbe79zpWRKrO945LR2US8ICA2n.jpg


    อันนี้เป็นของเล่นง่ายๆ ที่พวกเรามี รวมถึงคุณๆ ผู้อ่านก็มีด้วยค่ะ ถ้าคุณมีจิตสัมผัส ก็จะสามารถเรียกมาดูได้ไม่ยากเลย เพราะมีกันทุกคน แต่เวลาเรียกออกมาใช้นี่จิ กะทิยังทำไม่เป็นเลยนะคะ ได้แต่ว่า ถ้าว่างๆ ก็เรียกออกมาดูเล่นหนะค่ะ


    images?q=tbn:ANd9GcTfUttfmYFTKyEus8Q9WXGk877rgMZKqRnSZF92Pq95NYvfCe0puw.png


    แต่พี่ดาวเธอต่างออกไป เธอชอบใช้อาวุธหรือของเล่นของเธอ ไว้ปราบผีค่ะ เธอบอกว่า เปลืองกำลังของเธอ ส่วนกะทิเองก็แนวลูกชายพี่ดาวค่ะ คือไม่ชอบพกพา แต่ต่อสู้กับใครเป็น จึงมักโดนเข้ามาสิง มาดูดพลังอยู่บ่อยๆ เพราะว่าไม่เก่งเท่านะคะ ดังนั้นแน่นอนว่า กะทิเองก็มีอาวุธของตนเองเหมือนกันค่ะ ส่วนหนึ่งเป็นของที่ติดตัวมาอยู่แล้วตั้งแต่อดีต และเขาก็ตามเรามาในปัจจุบันนะคะ

    อีกส่วนหนึ่งเป็นของที่หมอสุวิให้มาในชาติปัจจุบันค่ะ เรียกว่ายกชุดกันเลย ใครอยากดูและมาที่บ้าน กะทิเธอไม่สามารถหยิบออกมาให้คุณๆ ดูได้ด้วยตาเปล่านะคะ ต้องส่องด้วยจิตเอาเองค่ะ


    images?q=tbn:ANd9GcReDkzYS4DzjRQzbdlQfoCgjVTJh9NqE8hwyLMDaDLzBfxQqllE.jpg


    ทำไมคุณหมอสุวิต้องให้ของกับกะทิด้วยหนะรึคะ? อันนี้ถ้าอ่านนิทานไปเรื่อยๆ ก็จะค่อยๆ เฉลยออกมานะคะ แต่ความจริงก็คิดว่า ผู้อ่านพอจะเดาได้อยู่นะคะ



    อ๋อ สวรรค์ไม่ได้มีแค่เทวดาจำพวกเดียว ดูไปก็ไม่ต่างจากมนุษย์ที่มีทั้งเอเชีย และยุโรป อเมริกา ฯลฯ หรือแค่วงศ์ยักษ์วงศ์เดียว ก็มีเผ่าพันธุ์ย่อยๆ ไปอีกหลายเผ่าพันธุ์ เช่นเดียวกับเทพเทวดา ที่มีการแต่งกายต่างกัน เช่นผู้นับถือคริสต์ เทพเทวดาที่พวกเขาเห็นก็จะแต่งกายประหลาดในแบบของพวกเขาในโบสถ์นั่นแหละคะ เป็นเช่นนั้นนะคะ


    images?q=tbn:ANd9GcSIS5xrT7aE00zaDL_JupVTf7HXMV7T0EGaSFM2YhQf0JEABpl2Bg.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2014
  12. chaivat chinkidjakar

    chaivat chinkidjakar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    1,601
    ค่าพลัง:
    +21,664
    คุณดาวก็บอกลูกชายว่า เป็นแค่กองหน้า....
    ลูกชายบวชกี่วันครับ..
     
  13. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,423
    ค่าพลัง:
    +13,166
    เค้าบวช แค่ สองสัปดาห์ เท่านั้น ครับ

    ส่วนเรื่อง กองหน้า ฯ.... อะไร พวกนี้ ก็ เคยคุย กับเค้า

    พวก เล็กๆ หรือ ย่อมๆ เค้า เอาตัวรอดได้อยู่แล้ว
    แต่ ก็ เคย เจอ ตัวใหญ่ ระดับหัวหน้า นี่สิ

    เอาชนะ ได้ยาก หรือ บางที ก็ ไม่สามารถ เลย แค่ เอาตัวให้รอด ก็ ดีแล้ว

    เค้า เคยเจอ ระดับ นี้ มา เหมือนกัน ยังฝังใจ มาจน ทุกวันนี้

    เพราะโดนหนัก มันเล่น เอา ทั้งคืน ยันเกือบ รุ่งเช้า เลยทีเดียว

    วันรุ่งขึ้น ถึงให้ เพื่อนผม อีกคน เค้า หลอกชวนให้ไป เที่ยวบ้านอาจารย์ผม

    แล้ว ก็ ทิ้งไว้ ที่ บ้านอาจารย์ นั่นแหละ ....55

    แต่ เวลา โดน งานหนักๆ แบบนี้
    แม้นเอาตัวรอด ได้ ก็ ตาม
    ตัวเรา ก็ อาจ บาดเจ็บ หรือ สูญเสีย อะไร ไปบ้าง

    (ยัง กะ หนังจีน .. เวลา ที่ พระเอก ประทะกับ หัวหน้า ผุ้ร้าย เจอศึกหนัก
    แม้น เอาตัวรอดมาได้ ก็ อาจบาดเจ็บ ภายนอก หรือภายใน สูญเสีย พลังปาน ไปบ้าง วรยุทธ ก็ จึง ถดถอย..... ว่าไป นั่น.....55)

    เอาหนังจีน มาเปรียบเที่ยบ ให้่ พอ มองเห็น ภาพพจน์ นะครับ

    ...................

    ส่วนที่ว่า ผม มี ของเล่น เยอะ

    อันที่จริง ผมเอง ก็ ชอบ ด้านนี้อยู่แล้ว เป็นงานอดิเรก อย่างหนึ่ง ด้วย แหละ

    เพราะ สมัยเด็กๆ ก็ เรียน พวกศิลปการต่อสู้ ยูโด คาราเต้ เทควันโด้ อาวุธไทยโบราณ จนมา จบ ที่ อาวุธปัจจุบัน มันที่สุด...55

    ด้าน เครื่องรางของขลัง พระเครื่อง นี่ ก็ ศึกษา และสะสม มาตั้งแต่ อายุ สิบกว่าขวบ
    จนปัจจุบัน ห้าสิบกว่าขวบ จึงมี เก็บไว้ บ้าง สัก สองสามตู้ เท่านั้น เอง

    จะว่าไป ตั้งแต่ ได้ศึกษา พลังยูเรอัส มา จนเริ่มรู้ อะไร มาขึ้น เข้าใจ ที่ไปที่มา

    ยิ่ง รัก เครื่องรางของขลัง และ พระเครื่อง ที่สะสมไว้ มาขึ้น อีก โข ทีเดียว

    เพราะ เก็บไว้ ไม่เสียหาย
    จำเป็น ก็นำออกมาใช้ ได้ ทันท่วงที

    พระดี ดี อาราธนาท่าน ติดตัว ไว้ บ้าง ยามเคราะหามยามซวย ท่านก็ ยังช่วยได้ ให้ หนักเป็นเบา ถึง เบาหวิว

    เช่น โดน เหล็ก หนัก 4.5 กิโลกรัม ปลิว มากระแทบ ตัวเรา
    กลาย เป็นว่า มัน แค่โดนตัว แล้ว กระเด็นกลับไป
    กางเกง เปรอะเปื้อน เท่านั้นเอง ไม่ได้รับอันตราย เลย
    อย่างนี้ เป็นต้น

    อย่างพระยอดขุนพล ที่ ผม เคย ภาพมาลงให้ดู ( อันที่จริง อวด อ.สุวิ )
    องค์ นี้ เพื่อนสนิท ผม เค้า ห้อยติดตัวไป ฟังพวกเสื้อแดง ปราศัย ที่สนามกีฬาหัวหมาก ปีที่แล้ว ตอนที การชุมนุน กันนั่นแหละ
    ขากลับ เค้า โดน ลูกละเบิด ไป 3 ลูก ด้านสนิท
    อันที่จริง คง โดน สไนเปอร์ ไป ด้วย หรือ เปล่า ก็ไม่รู้
    แต่ พอเค้ากระโดดขึ้นรถได้ พวกคนกลุ่ม นั้น ที่ ยังยืนอยู่ โดนไป มิใช่น้อย ตาย ไป หลายศพ ตามที่ได้ยินข่าว มานั่นแหละ

    นี่ เหตุการ มันผ่านมานานแล้ว จึง พอจะเล่าให้ฟัง กันได้

    อย่างนี้ เป็นต้น

    ทำไม ต้องห้อยพระ.............................................

    ห้อย ก็ ได้ ไม่ห้อย ก็ ไม่มีใครว่า

    แต่ ผม เลือก ห้อย ดีกว่า....55

    ส่วนที่ ว่า จะหา พระดีดี ได้ยางไง คงต้อง คุยกันยาว............มาก

    เพราะ ต้อง เรียนรู้ ก้น ในหลายๆด้าน

    ไม่ใช่ แค่ จับพลัง ได้ ยี่สิบหน่วย สามสิบหน่วย แล้ว จะเหมาว่า กันกระสุน ได้

    ที่ ผม เล่า ว่า กันกระสุนได้ นี่ ต้อง ผ่าน การทดสอบ ผ่านสมรภูมิ กันจริงๆ มี หลักฐาน ทางวิทยาศาสตร์ ที่ เชื่อถือได้ เสียก่อน
    จึง กล้า ยืนยันฟันธง
     
  14. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    หนังสือสวดมนต์พิมพ์เสร็จแล้วนะคะ หนังสือสวดมนต์ครั้งนี้ลงทุนวาดกันเลย


    [​IMG]


    [​IMG]



    อย่างที่บอกไปแล้วนะคะว่ากะทิเธอพิมพ์หนังสือสวดมนต์ร่วมกับคุณสกลมาหลายครั้ง พบว่า การรับหนังสือสวดมนต์ไปแจกเอง ไม่ค่อยได้รับการตอบรับที่ดี เท่ากับนำไปแจกเป็นธรรมทานที่วัดอัมพวันโดยตรง


    ผู้คนไปใครมา ที่ต้องการหนังสือสวดมนต์จริงๆ เขาจะเป็นผู้หยิบไปอ่านเอง อย่างนี้น่าจะได้ประโยชน์กว่า แต่ถึงกระนั้น หากผู้อ่านท่านใดประสงค์รับหนังสือสวดมนต์ สามารถแจ้งไปได้ที่เฟสบุ๊คที่ชือ สกล อัชฌาเจริญสถิต ได้ค่ะ


    [​IMG]

    [​IMG]



    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    สำหรับผู้แจ้งชื่อที่อยู่ที่ขอไว้จำนวนหนึ่งแล้ว ได้แจ้งให้คุณสกลทราบแล้วค่ะ เธอจะจัดส่งให้ฟรีถึงบ้านนะคะ


    ปล. ขอแนบไฟล์ข้อความถ้อยคำแถลงนะคะ กะทิขอใช้ฝากบุญนี้มาคุ้มครองไฟล์นี้ไว้ค่ะ หากใครดาวน์โหลดไปเปิดอ่าน ไม่มีประโยชน์กับผู้อ่านนะคะ เป็นการแก้ทางเฉพาะของกะทิเฉยๆ ค่ะ และทางที่ดีอย่าดาวน์โหลดไปอ่านดีกว่านะคะ เพื่อความปลอดภัยของท่านเองค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2014
  15. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    เมื่อ หนังสือสวดมนต์พิมพ์สำเร็จแล้ว และได้นำไปสู่วัดเรียบร้อย
    การทำบุญที่เป็นธรรมทานนี้ ก็สำเร็จแล้ว
    และหากมีผู้อ่าน แล้วนำไปปฏิบัติจนได้ผลดี เราก็จะได้บุญเพิ่มอีกส่วน

    งานนี้หมอก็มีส่วนในการทำบุญนี้เช่นกัน ดังนั้น ก็ขอเป็นหัวหน้าในการอธิษฐานบุญนี้ซะเลย
    ใครที่ร่วมบุญ ก็อธิษฐานตามเลย ส่วนผู้ที่ไม่ได้ลงขันด้วย ก็อนุโมทนาบุญ เอานะ(แค่นี้ก็ได้บุญโขแล้ว)

    ด้วยอำนาจแห่งเสมาและอำนาจ... ข้าขอเป็นตัวแทนท่านทั้งหลายที่ได้ทำบุญสร้างหนังสือ แจกเป็นธรรมทาน ที่สำเร็จแล้วในครั้งนี้

    ข้าพเจ้า ขอนำบุญนี้ขึ้นบูชา องค์พระผู้มีพระภาคเจ้าทั้งปวง
    บูชาพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งปวง
    บูชาพระนิพพานทั้งปวง
    บูชาพระอรหันต์ทั้งปวง
    บูชา พระอาริยะเจ้า ทั้งปวงในทุกระดับชั้น
    และขอน้อมบูชา พระพุทธะจักรพรรดิ ฝ่ายปกครอง ทั้งปวง
    และขอน้อมบูชา พระธรรมที่ทั้งหลาย ที่ท่านเหล่านี้ ได้ ตรัสรู รู้เห็นเป็น ในธรรมทั้งปวงที่ยังให้ท่านทั้งหลายบริสุทธิ์

    ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมบูชาท่านเหล่านี้อันมีจำนวนนับประมาณมิได้ ในสามโลกธาตแห่งนี้
    ขอน้อมบูุชาท่านทั้งหลายเหล่านี้อันมีจำนวนนับประมานมิได้ ในทุกๆโลกธาตุ ในทุกๆทวีป ในทุกๆจักวาล มหาจักรวาล อนันต์จักวาลทั้งปวงอันไพศาล
    บุญใดอันเกิดจากการบูชานี้ ข้าขอน้อม อนุโมทนา ในผลบุญนี้ สาธุ สาธุ

    ผลบุญนี้เกิดจากการร่วมบุญกัน ขอบุญนี้จงแจกจ่ายแก่ผู้ได้ร่วมบุญนี้ตามส่วน ทั่วทุกตัวคนเถิด

    ด้วยอำนาจแห่งบุญนี้ จงสำเร็จแก่ตัวข้าพเจ้า...(ระบุชื่อ ครอบครัว ฯ)...
    จงหล่อเลี้ยงกาย ธาตุ จิตวิญญาน ข้าพเจ้า(และครอบครัว) ให้อยู่เย็นเป็นสุข ประกอบไปด้วยทรัพย์...
    ด้วยอำนาจแห่งบุญนี้ จงเป็นเกราะคุ้มครองข้าพเจ้า(และครอบครัว)ให้ปลอดภัยจากการเบียดเบียนของเหล่ามนุษย์และอมนุษย์ทั้งปวง
    ด้วยอำนาจแห่งบุญนี้ จงเป็นเกราะคุ้มครองข้พเจ้า(และครอบครัว) ให้ปลอดภัยจาก โรคภัยไข้เจ็บทั้งปวง
    และโรคภัยไข้เจ็บที่เป็นอยู่ ขอได้เปิดทางการรักษาให้หายด้วยเถิด ขอได้พบหมอดี ยาดี รักษาโรคที่เป็นอยู่ได้โดยง่าย

    ด้วยอำนาจแห่งบุญนี้ .......(ใครอยากอธิฐานอะไร ก็อธิษฐานเอานะ ต่างคนต่างใจ อธิษฐานในสิ่งอันควร).........
     
  16. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,423
    ค่าพลัง:
    +13,166
    ............สาธุ...........
     
  17. ดาวทะเลทราย

    ดาวทะเลทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    3,423
    ค่าพลัง:
    +13,166
    เรียนเชิญ ร่วมเป็นเจ้าภาพ ทอดกฐิน ณ วัดป่ากังวาลไพร จ.ชัยภูมิ
    วันอาทิตย์ ที่ 18 ตุลาคม 2557

    ออกเดินทาง วันเสาร์ ที่ 17 เวลา 9.00 น.

    ท่านผู้มีจิตศัทธา ร่วมเป็นเจ้าภาพ , บริจาคปัจจัย
    และ ร่วมเดินทางไป ถวายกฐิน

    ติดต่อผม ได้ทางโทรศัพท์ 081-497 2008

    เพื่อจะได้ร่วมบุญ โดยพร้อมเพียงกัน ... ครับ
     
  18. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    พยายามเขียนใหม่รอบที่สอง หลังจากรอบแรก save ไม่ติด ทำให้ so sad ไปหลายเพลา เข้าเรื่องกันเลยดีกว่าค่ะ



    นิทานพลังอธิษฐานของกะทิ ตอนที่ห้า เสมา..มิติของเสมา


    เกริ่น : ก่อนเข้านิทานเรืองนี้ กว่าจะไปถึงเสมา อาจจะมีความยาวสักหน่อยนะคะ แต่เพราะมันมีที่มาที่ไป ก็จำต้องเยิ่นเย้อค่ะ แต่รับรองว่ากะทิเธอพยายามดึงเข้าเรื่องอยู่ค่ะ


    เรื่องบางเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ กะทิเคยเขียนไว้ในกระทู้อื่นแล้วบ้าง ครั้งนี้ก็จะขอเขียนใหม่มารวมกันไว้ ณ กระทู้นี้ ทั้งนี้เพื่อจะปูเรื่องเข้าสู่ประเด็นที่ว่า สิ่งที่กะทิเห็นจากเสมา ไม่ใช่ว่ากะทิจะคิดไปเอง โดยไม่มีประสบการณ์ใดในชีวิตมาก่อน ถึงอยู่ดีๆ ก็มองเห็นบางอย่างในเสมาได้

    และการเห็นครั้งนั้นทมีผู้คอยรีเช็ค นั่นก็คือหมอสุวินะคะ (เพราะเป็นการตอบคำถามที่หมอเป็นผู้ตั้งไว้ให้กะทิไปหาคำตอบด้วย)


    แต่ก่อนจะถึงตรงนั้น กะทิอยากจะเล่าถึงประสบการณ์ในการมองเห็นของตัวเองให้ผู้อ่านทราบกันสักหน่อยหนะค่ะ ว่ามันมีที่มาที่ไปอะไรมาก่อนบ้างดังกล่าวแล้วข้างต้นอะนะคะ



    ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต หลังจากเรียนจบตรี และมีงานทำ ก็ลองออกมาใช้ชีวิตอยู่กันเองกับน้องสาวนะคะ แต่ว่าใช่จะไม่มีเรื่องกลัดกลุ้มนะคะ กะทิเธอเป็นคนขี้เหงามาก แต่นั้นก็เป็นเพราะผลกรรมจากพลังอธิษฐานของตัวเธอเองที่กำหนดไว้ (กรรมประกอบด้วย กรรมดี/กรรมกลางๆ ไม่ดีไม่ชั่ว/กรรมชั่ว นะคะ)


    ช่วงนั้นกะทิเธออ่านเว็บพลังจิตอยู่ด้วย และได้เห็นประกาศว่า มีผู้บริจาคหนังสือธรรมะค่ะ อย่างที่เคยเล่าให้ผู้อ่านฟังนะคะ ว่าพ่อแม่ของกะทิเธอเป็นคริสตเตียน แถมสมัยที่เธอเรียนในโรงเรียน เธอเรียนโรงเรียนคาทอลิก เธอจึงไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรทางพุทธมากมายนัก บทสวดมนต์ต่างๆ รู้จำกัดมากๆ แต่บทนโมฯ บทอาราธนาศีลห้า โดยเฉพาะยิ่งคำแปลของบทสวดมนต์ แทบจะไม่รู้เลยค่ะ อาศัยว่า เวลาไปห้องสมุดโรงเรียนและมหาวิทยาลัยก็เคยสนใจหยิบมาอ่านเรืองของการฝึกสมาธิในหลายๆ รูปแบบอยู่มากนะคะ รวมถึงไปบวชชีพราหมณ์มาเกือบเดือน แต่ก็ไม่ได้สนใจเรื่องคำศัพท์ คำเรียกทางพุทธ เช่น ทำเรียกขั้นสมาธิต่างๆ เป็นต้นเนี่ย แทบไม่รู้เลย และอื่นๆ ถ้าใครคุยกับเธอเรื่องพวกนี้ เธอไม่รู้ค่ะ ได้แต่นั่งฟังตาแป๋ว



    ดังนั้นในช่วงที่ย้ายบ้านมาอยู่เอง บ้านโล่งๆ ไม่มีอะไรเลย ก็เลยได้หนังสือจากคนผู้หนึ่งเว็บพลังจิตมาอ่าน กะทิอ่านอย่างช้าๆ ค่ะ เพราะว่าเหงามากจนอยากร้องไห้ ถ้าไม่อ่านหนังสือจิตก็จะกลับมาฟุ้งที่ความเหงานะคะ ลองใช้ทีวีแล้ว ก็ยังฟุ้งค่ะ เลยคิดว่าหนังสือธรรมะนี่น่าจะเป็นทางออกได้ ในหนังสือเขียนเรื่องบทสวดมนต์พร้อมคำแปลด้วยการนำเสนอที่แตกต่างออกไปจากหนังสือเล่มอื่นที่เคยอ่านๆ มา อ่านแล้วสนุกมากกว่าน่าเบื่อ หรืออาจเป็นเพราะในช่วงนั้นกะทิยังรู้น้อย อะไรๆ ที่ใหม่กว่าความรู้ที่มีก็เห็นเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น สนุกไป เธอจึงตั้งใจอ่านและพยายามจดจำแทบทุกตัวอักษรเลยนะคะ(แต่ถ้าให้มาถามตอบตอนนี้ก็ลืมคืนหนังสือไปเยอะแล้วค่ะ 555 แต่ตอนนั้นตั้งใจมากจริงๆ)



    ด้วยความที่ว่า บ้านหลังนี้ยังไม่มีเครื่องเรือน และกะทิก็เคยเห็นที่บ้านเพื่อนมีเครื่องเรือนเหลือมาตั้งทิ้งไว้ ไม่ได้ใช้ จึงโทรไปถามเพื่อน และไม่นานแม่เพื่อนก็ยกตู้เก่า ตั่งเตียงและเตียงเก่าขนาด หก ฟุต มาให้นะคะ โดยมีคนงานชายกลุ่มหนึ่งยกมาติดตั้งให้ พร้อมปูผ้าปูที่นอนให้ด้วย ในใจก็คิดว่า ว้าววว....มีหนุ่มๆ มาปูที่นอนให้หญิงสาวด้วย คิดฟุ้งไปค่ะ ก็มันน่าฟุ้งอยู่ชิมิคะคุณๆ ผู้อ่าน อิอิ แต่ทว่า กะทิไม่ได้รู้เลยค่ะว่า จะได้ของแถมมาด้วย


    ช่วงก่อนที่กะทิจะได้ตั่งเตียงและเตียงนี้มา กะทินอนพื้นปูผ้าห่มนะคะ ช่วงนั้นกะทิก็สวดมนต์และนั่งสมาธิอยู่ในช่วงค่ำ พอได้เตียงมา กะทิก็ทำกิจเหมือนปรกติค่ะ แล้วก็นอนบนเตียงใหญ่ไปด้วยความสุขสม (ส่วนน้องสาวไม่ได้มานอนด้วยนะคะ เธอมีห้องและเครื่องเรือนซื้อใหม่เป็นของตนเองค่ะ)



    ในคืนที่กะทินอนหลับไปในคืนนั้นเอง กะทิก็ต้องตื่นมากลางดึกด้วยความกลัว เช่นเดียวกับประสบการณ์ของท่านผู้อ่านที่เคยตื่นกลางดึกด้วยความกลัวนั่นแหละคะ จะเป็นเรื่องใดไปไม่ได้เลยใช่ไหมคะ?


    ค่ะ ในฝันนั้น กะทิเธอกำลังวิ่งหนีผี ซอมบี้ จำนวนหนึ่งที่ไล่กวดเธออยู่ค่ะ กะทิตกใจตื่นขึ้นมาพร้อมเหงื่อ และเดินไปเปิดไฟ จำได้ว่า กลางคืนนั้นไม่ได้มืดนะคะ เป็นคืนเดือนหงายถ้าจำไม่ผิด บรรยากาศในห้องจึงไม่ได้น่ากลัวเลย แต่ในความฝันนั้นน่ากลัวฝุดๆ


    และสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ก็เป็นไปแล้วก็คือ ในคืนถัดมา กะทิเธอก็ฝันแบบเดิมค่ะ ในฉากเดิม สีของฉากก็ยังเดิมอีก คือออกสีมืดเขียวนะคะ ที่จำได้เพราะกะทิตื่นมาเหงื่อท่วมและรีบไปเปิดไฟนอน


    พอตื่นเช้ามาก็มานั่งทบทวนด้วยความตลกค่ะ ว่าเรานี่แปลกคนนะคะ สามารถฝันเรืองราวในแบบเดียวกันได้เหมือนเดิม โดยกะทิเธอสามารถจำในรายละเอียดของฉากในความฝันนั้นคล้ายกัน ต่อกันติด สองวันซ้อน จะมีใครเคยเป็นเหมือนเราไหมเนี่ย?


    แต่ในคืนต่อมา กะทิเธอหัวเราะไม่ออกค่ะ เพราะเธอไม่ได้ฝันแบบเดิม แต่ว่า ในฝันนั้นมีมือขนาดใหญ่มาก กะทิเห็นแค่มือไปถึงข้อมือนะคะ ไม่มีตัวมาให้เห็นค่ะ มีแต่มืออย่างเดียว ที่มือนั้น มีขนดกที่นิ้วโป้ง จึงคาดว่าน่าจะเป็นมือผู้ชาย ที่แปลกกว่านั้นคือ มือนี้อยู่ที่ปลายเตียงที่กะทินอนค่ะ โดยที่ข้อมือตรงมาจากทางเข้าของประตูระเบียงเหล็กที่ปิดอยู่ในห้องกะทิ ส่วนฝ่ามือและนิ้วมือเลยยาวเข้ามาถึงกลางห้องนอน และพยายามบีบคอของกะทิค่ะ



    เวลาที่คุณผู้อ่านฝันร้าย คงจำความรู้สึกได้ว่ามันน่ากลัว และหากเราตกใจตื่นและนำไปเล่าให้ผู้อื่นฟัง คุณจะรู้สึกว่า ผู้ฟังไม่ได้รู้สึกว่ามันน่ากลัวอย่างที่คุณได้เจอกับตัวเอง ดังนั้นสิ่งที่กะทิเล่าให้คุณๆ ฟังก็เป็นเช่นเดียวกันนะคะ คุณอาจจะอ่านแล้วไม่ได้รู้สึกว่าน่ากลัวตรงไหน แต่สำหรับกะทิในเวลานั้นมันคือเวลาที่เหมือนกำลังจะถูกบีบคอ และนั่นหมายถึงชีวิตหนะค่ะ


    ขอบอกเลยว่าตอนนั้นกะทิเธอคิดอะไรไม่ออกนะคะ ยังดีที่คืนก่อนนอนเธอทำสมาธิ และเท่าที่จำได้ดูเหมือนว่าเธอลองใช้คำภวนาแบบหนึ่งของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี อยู่ ไม่แน่ใจว่าเธอไปอ่านเจอจากที่ไหนนะคะ แต่ว่าเนื้อความของเรื่องราวมีดังนี้ค่ะ...


    กะทิขออนุญาตเชิญประวัติของท่านหลวงพ่อมากล่าวนะเจ้าคะ...ดังนี้


    อาตมา (สมเด็จโต) ได้เห็นอานิสงส์ของการสวดมนตร์ด้วยตัวอาตมาเอง ในสมัยที่อาตมาได้ออกเดินธุดงค์ในป่าเป็นเวลา 15 ปี โดยอาศัยอยู่ในเขตดงพญาไฟ ซึ่งเป็นเขตที่อยู่ใกล้ชายแดนของประเทศเขมร ในสมัยนั้นเต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์ และภูตผีวิญญาณ ตลอดจนชาวบ้านที่มีเวทมนต์คาถา และเล่นคุณไสยกันอยู่อย่างมากมายในอาณาบริเวณชายแดนแห่งประเทศสยาม


    ในตอนนั้น อาตมาได้เดินธุดงค์แต่เพียงลำพัง ในช่วงนั้นอาตมามิได้ศึกษาในพระเวทมนตร์คาถาอาคมใดเลย นอกจากคำว่า พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ/ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ/สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ (ซึ่งมีความหมายว่า ข้าพเจ้าขอยึดมั่น พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง/พระธรรมเป็นที่พึ่งฝพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง <- กะทิขอขยายความตรงนี้ไว้นะคะ)


    อาตมาไปที่แห่งหนตำบลใดก็จะกล่าวเพียงคำนี้ ตลอดเวลาของจิตใจอันเป็นที่พึ่งของอาตมา อาตมาเดินทางเข้าสู่หมู่บ้านชายแดนแห่งประเทศสยาม ในดงพญาไฟขณะนั้น ในหมู่บ้านมีชาวบ้านอาศัยอยู่เพียงเล็กน้อย อาตมาจึงได้ปักกลดอยู่ที่ท้ายหมู่บ้าน มีชาวบ้านนำอาหารมาถวายตามกำลังที่เขาจะพอทำได้ เมื่อเห็นมีพระภิกษุมาปักกลดในที่แห่งนั้น อาตมาอาศัยอยู่ที่นั้นเป็นระยะเวลาหลายปี และ ณ ที่แห่งนั้น อาตมาจึงได้พบคุณวิเศษแห่งการสวดมนต์


    มีชาวบ้านผู้หนึ่งได้เข้ามาสนทนากับอาตมาหลังจากได้ถวายอาหารแล้ว ชาวบ้านผู้นั้นอาตมาทราบชื่อภายหลังว่าชื่อ นายผล นายผลได้เล่าให้อาตมาฟังว่า เขาเป็นผู้ฝึกเวทมนตร์คาถาอาคม เล่าเรียนจนมีญาณแก่กล้า และมักจะทดสอบเวทมนตร์คาถาอาคมแก่พระภิกษุสงฆ์ที่เดินทางมาปักกลด ณ บริเวณนี้เป็นประจำ เขาเล่าให้อาตมาฟังว่าเขาได้ส่งอำนาจคุณไสยเข้ามาทำร้ายอาตมาทุกคืน แต่ไม่ได้หวังทำร้ายเป็นบาปเป็นกรรมถึงตาย เพียงแต่ต้องการทดสอบดูว่าภิกษุรูปนั้น จะมีวิชาอาคมแก่กล้าสามารถที่จะต่อสู้กับคุณไสยเขาได้หรือไม่


    นายผลก็ได้ทำคุณไสยใส่อาตมาถึง 7 วัน เต็มๆ ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยควายธนู หรือปล่อยหนังควาย ปล่อยตะขาบ ตลอดจนภูติพรายเข้ามาทำร้ายอาตมา แต่ปรากฏสิ่งที่ปล่อยมา ก็ไม่สามารถเข้ามาทำร้ายอาตมาได้เลย


    วันนี้จึงได้มากราบเพื่อสนทนาแลกเปลี่ยนวิชาความรู้กับอาตมา อาตมาจึงได้บอกว่าตัวอาตมาเองไม่ได้ศึกษาพระเวทมนตร์คาถา หรือคุณไสยใด นายผลก็ไม่ยอมเชื่อหาว่าอาตมาโกหก ถ้าหากไม่มีของดีแล้วไซร้ไฉนอำนาจคุณไสยดำที่เขาส่งมาจึงกลับมายังเขา ซึ่งเป็นผู้กระทำ ไม่สามารถทำร้ายอาตมาได้


    อาตมาก็พยายามชี้แจงให้เขารู้ว่า อาตมาไม่มีวิชาเหล่านี้จริง ๆ ทำให้นายผลสงสัยยิ่งนักว่าเหตุใดอาตมา จึงไม่ได้รับภัยอันตรายจากอำนาจเวทมนตร์คุณไสยดำที่เขาส่งมาทำร้ายได้ อาตมาได้บอกกล่าวแก่เขาว่า เมื่ออาตมาจะนอน อาตมาก็จะสวดแต่คำว่า พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ/ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ/สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ จนจิตมีความสงบนิ่งแล้ว จึงได้แผ่ส่วนกุศลไปให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย จงอย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลยอย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย และอาตมาก็จำวัดนอนเป็นปกติ


    นายผล เมื่อได้ฟังดังนั้น จึงได้บอกแก่อาตมาว่า ข้าแต่ท่านอาจารย์ ถ้าเช่นนั้น ข้าพเจ้าขอร้องให้ท่านในวันนี้ ก่อนที่ท่านจะจำวัดจงหยุดการสวดมนต์สัก 1 คืนได้หรือไม่ ข้าพเจ้าต้องการจะพิสูจน์ว่าการสวดมนตร์ของท่านเช่นนี้ จะเป็นเกราะคุ้มครองภัยท่านหรือเป็นเพราะอำนาจเวทมนตร์คาถาในภูตผีปิศาจ ของข้าพเจ้าเสื่อมกันแน่ ข้าพเจ้าขอรับรองว่า จะไม่ทำอันตรายแก่ท่านอาจารย์อย่างเด็ดขาด เพียงแต่ต้องการที่จะทดสอบให้ความรู้แจ้งเห็นจริงว่าเกิดอะไรขึ้น อาตมาก็ตกลงรับปากแก่นายผลว่า คืนนี้จะไม่ทำการสวดมนต์ นายผลจึงได้ลากลับไป


    ครั้นถึงเวลาพลบค่ำอาตมาก็นอนโดยมิได้ทำการสวดมนตร์ตามที่ได้ปฎิบัติเป็นปกติ เมื่ออาตมานอนหลับไป อาตมารู้สึกตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เมื่อปรากฏว่าอาตมาได้ยินเสียง กุกกัก กุกกัก ดังขึ้นมา จึงได้จุดเที่ยนและพบตะขาบใหญ่ยาวเท่าขาของอาตมากำลังเลื้อยเข้ามาอยู่ใกล้ตัว ของอาตมามาก อาตมารู้สึกตกใจถึงหน้าถอดสี และด้วยสัญชาติญาณจึ่งกล่าวคำสวดมนต์ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ/ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ/สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ


    ด้วยจิตยึดมั่นในพระพุทธองค์เป็นที่พึ่งเป็นเวลานานเท่าใดไม่ทราบได้ เสียงกุกกักและตะขาบที่อยู่ข้างหน้าก็อันตรธานหายไป จากนั้นอาตมาจึงได้จำวัดนอนเป็นปกติ ในวันรุ่งขึ้น นายผลก็มาหาอาตมาและได้กล่าวว่า เมื่อคืนนี้ข้าพเจ้าได้ปล่อยตะขาบเข้าไปในกลดที่ท่านพักพำนักอยู่


    อาตมาบอกว่าอาตมาได้ตื่นมาและตกใจ จึงได้สวดมนต์ภาวนา ตะขาบตัวนั้น ก็อันตรธานหายไป


    นายผลจึงได้ยกมือพนมขึ้น แล้วกล่าวว่า บัดนี้ข้าพเจ้าเชื่อแล้วว่า อำนาจเวทมนตร์คาถา และคุณไสยใดๆ ของข้าพเจ้ามิอาจทำร้ายท่านได้ ก็เพราะอำนาจแก่การสวดมนตร์ภาวนาของท่านเป็นเกราะคุ้มครองภัยอันตรายต่างๆ ได้


    ที่อาตมา (สมเด็จโต) ได้เล่าให้ท่านทั้งหลายในที่นี้ได้ฟังกัน เพื่อให้เป็นอานิสงส์ของการสวดมนตร์ว่า เหล่าพรหมเทพได้มาฟังการสวดมนตร์จริงดังที่อาตมาได้เทศน์ไว้ เพราะถ้าไม่ใช่เหล่าพวกพรหมเทพแล้วไซร้ ก็คงไม่สามารถที่จะขับไล่สิ่งที่เกิดจากอำนาจคุณไสย ที่นายผลส่งมาเล่นงานอาตมาได้อย่างแน่นอน ท่านเจ้าพระยา และ อุบาสก อุบาสิกา ในที่นั้น เมื่อได้ฟังคำเทศนาแล้วต่างก็ยกมือขึ้นสาธุว่า อานิสงส์ของการสวดมนตร์มีคุณค่าสูงส่งยิ่งนัก


    อ้างอิง : เทศนาโดยท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ดังปรากฏในงานของท่านเจ้าพระยาสรรเพชรภักดี จางวางมหาดเล็กในรัชกาลที่ 4 ที่ได้นิมนต์เจ้าประคุณสมเด็จโตมาเทศน์ที่บ้าน



    ค่ะจากเรื่องราวข้างต้น ในช่วงนั้นกะทิเธอคงได้ลองเอาไปปฏิบัติ เหตุนี้แม้แต่ในความฝันนั้น เธออยู่ในระหว่างอาการตกใจฝุดๆ และจำอะไรไม่ได้เลย แต่จิตของเธอยังจำได้ถึงประโยคที่ได้ฝึกบำเพ็ญไว้ก่อนนอนว่า “พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ/ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ/สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ ตั้งใจภวนาไว้ให้ดี ศัตรูมีมา แก้ไขได้ทุกประการ” ซึ่งเป็นคำพูดของหลวงพ่อโตนั่นเองอะนะคะ


    ดังนั้นกะทิจึงกล่าวออกไปในฝันนั้นว่า...

    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ -> ผลลัพธ์คือ มือใหญ่นั้นยังอยู่

    พุธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ -> ผลลัพธ์คือ มือใหญ่นั้นยังไม่ไปไหน


    ถึงตรงนี้ในใจของกะทิคิดว่า กะทิคงแย่แล้ว ไม่รอดแน่ แต่กะทิคิดอะไรไม่ออกค่ะ จึงยังคงสวดมนต์บทนี้ต่อไป


    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ ในระหว่างที่กล่าวคำๆ นี้เอง ยังไม่ทันสิ้นเสียงประโยค มือใหญ่นั้นก็เลือนหายไปในพริบตาซะเฉยๆ อย่างที่กะทิก็ไม่อยากจะเชื่อค่ะ ว่ามันจะได้ผลอะนะคะ ทุกวันนี้ก็ยังทึ่งอยู่ มาถึงตอนนี้กะทิก็เพิ่งคิดได้เมื่อเร็วๆ นี้เองค่ะว่า อาจเป็นเพราะการกล่าวนี้ ต้องรอกล่าวให้ครบพระรัตนตรัยอยู่นะคะ คือ มีพระพุทธ/พระพรรม/พระสงฆ์ ครบองค์ประกอบหนะค่ะ


    ตั้งแต่วันนั้น กะทิก็ยังคงสวดมนต์และทำสมาธิบนเตียงนี้ โดยไม่รู้อยู่นั่นเองนะคะว่ามีสิ่งแปลกอยู่บนเตียง และหากว่ากะทิเธอจะเจอเหตุการณ์แบบในคืนนั้นอีก เธอก็ไม่ได้คิดว่าจะแก้ปัญหาไม่ได้หนะค่ะ และเพราะเตียงนี้ กะทิได้ผ่านประสบการณ์มองเห็นนิมิต ในการนั่งสมาธิบนเตียงนี้หลังจากนั้นมากมาย ที่เป็นผลจากการฝึกสมาธิ กะทิก็เลยลืมๆ ไป ไม่ได้คิดอะไรนะคะ และเอาจเป็นเพราะว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่กะทิเจออะไรแบบนี้ ในสมัยช่วงยังเด็ก จำได้ว่าในช่วงที่เรียนอยู่ชั้นมัธยมปลายนี่ได้เจอมาแล้วจะๆ ด้วยตัวเอง แต่ไม่แน่ในว่าจะเป็นครั้งแรกในชีวิตรึเปล่า แต่เอาเป็นว่า จะเรียกครั้งแรกที่จำได้ดี และเห็นภาพชัดเจนมากกว่าหนะค่ะ



    /ยังมีต่อ



    นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ, นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ, นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ. วันทามิ พุทธัง สัพพัง เม โทสัง ขะมะถะ เม ภันเต. ข้าพเจ้าอธิษฐาน พูลศิลป์ศักดิ์กุล เตชะวีระวงศ์ กราบขอขมาแด่พระพุทธเจ้าในพระพุทธศาสนา, ขอพระพุทธองค์โปรดทรงยกโทษทั้งปวงที่ข้าพเจ้าทำล่วงเกินด้วยเทอญ. วันทามิ ธัมมัง สัพพัง เม โทสัง ขะมะถะ เม ภันเต.ข้าพเจ้าอธิษฐาน พูลศิลป์ศักดิ์กุล เตชะวีระวงศ์ ขออภิวาทพระธรรม, ขอพระธรรมโปรดยกโทษ ทั้งปวงที่ข้าพเจ้าทำล่วงเกินด้วยเทอญ.วันทามิ พุทธัง สัพพัง เม โทสัง ขะมะถะ เม ภันเต. ข้าพเจ้าอธิษฐาน พูลศิลป์ศักดิ์กุล เตชะวีระวงศ์ ขออภิวาทพระสงฆ์, ขอพระสงฆ์โปรดยกโทษทั้งปวงที่ข้าพเจ้าทำล่วงเกินด้วยเทอญ. หากการให้ความรู้ที่ข้าพเจ้าเขียนแล้วนี้ มีประโยชน์ไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อมแด่ผู้อ่านท่านใด ขอให้เป็นบุญแก่ข้าพเจ้าในการกล่าวขอขมาแด่พระรัตนตรัยในพระพุทธศาสนานี้ จงมีส่งผลเป็นพลังขอขมาจากข้าพเจ้าในกาลทุกเมื่อทุกภพชาติเทอญฯ กรรมอันใดที่ข้าพเจ้ากระทำผิดพลาดไป ด้วยกาย วาจา ใจ ต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลาย ก่อเป็นความผิดบาปติดตัวข้าพเจ้า ด้วยอำนาจแห่งบุญที่ข้าพเจ้าได้กล่าวถึงอนิสงฆ์แห่งการระลึกถึงคุณพระรัตนตรัยผ่านชีวประวัติของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี รวมถึงด้วยอำนาจที่ข้าพเจ้าได้บูชา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และผู้ปฏิบัติธรรมอันถึงแล้วซึ่งความบริสุทธิ์ บริบูรณ์นี้ และด้วยอำนาจแห่งการกล่าวขอขมากรรม ที่สมบูรณ์ของข้าพเจ้านี้แล้ว ขอความผิดบาปทั้งปวงที่ติดตัวข้าพเจ้า จงสลายสิ้นเทอญฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2014
  19. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    ขอบคุณมากๆ ค่ะ สำหรับโทรศัพท์จากผู้อ่านที่โทรเข้ามาคุยกับกะทิเช้านี้นะคะ เธอน่ารัก และให้คำปรึกษาที่ดีกับกะทิอะนะคะ


    การที่กะทิเขียนนิทานให้ผู้อ่านได้อ่าน ก็ไม่ทราบว่าผู้อ่านจะรู้สึกอย่างไรบ้าง


    กำลังใจที่จะสามารถรู้ได้ ว่าผู้อ่านคิดยังไง ก็มีแต่ข้อความฝากหลังไมค์ และที่โทรศัพท์มาคุยกับกะทิด้วยเท่านั้น


    สิ่งไม่ดีก็จะได้พยายามปรับลดลง สิ่งดีก็จะได้พยายามพัฒนาให้ดีขึ้น


    แต่ที่ต้องเขียนมานี้ เพราะคุณผู้อ่านที่คุยกับกะทิเช้านี้ เธออ่านลายเซ็นต์ของกะทิ แล้วถามกะทิว่า คำว่าหลังไมค์คืออะไรรึคะ? เธอทำวิธีการไม่เป็นหนะค่ะ


    อืม เป็นสิ่งที่น่าสนใจมากนะคะ หลายท่านที่เขียนมาให้กำลังใจกะทิ และคุยกันสนุกสนานเป็นเพื่อนใหม่กันก็มีส่งข้อความผ่านหลังไมค์นี่แหละค่ะ แต่สำหรับผู้อ่านที่ส่งหลังไมค์ไม่เป็น กะทิก็ขอบอกว่า กะทิเองก็ส่ง Line ไม่เป็นเหมือนกันนะคะ 55555 กะทิเธอโบ ค่ะ ไม่มี Line และใช้ Line ไม่เป็นนะคะ ก็ไม่ห่างกันเท่าไหร่ หากจะมีผู้อ่านส่งหลังไมค์ไม่เป็น


    ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้กะทิต้องขออนุญาต เปลี่ยนลายเซ็นต์อีกครั้ง โดยขอลงเบอร์โทรศัพท์เอาไว้ด้วยละกันค่ะ เพื่อให้ผู้อ่านที่อยากจะโทรเข้ามาคุย เข้ามาให้กำลังใจ ได้มีช่องทางหลายๆ ช่องทางในการติดต่อคุยกันนะคะ


    ขอบคุณมากๆ สำหรับทุกกำลังใจ และรวมถึงผู้ที่ต้องการปรึกษา ก็สามารถติดต่อพูดคุยกันได้ กะทิเธอยินดีมากค่ะ เช้านี้เธอจึงหน้าบาน 555555


    ปล. ไม่อยากให้เปลืองหน้ากระทู้นะคะ ขอแก้ไขเพิ่มเติมไว้ตรงนี้ด้วยเลยละกัน สำหรับท่านผู้อ่านที่ส่งข้อความหลังไมค์ไม่เป็น ที่ได้แจ้งกะทิเข้ามาเมื่อเช้านะคะ ค่ำนี้กะทิเลยขอนำเสนอค่ะ เพือเป็นหลายๆ ช่องทางการติดต่อดังกล่าวนะคะ


    ก่อนอื่นท่านจำต้องเป็นสมาชิกเว็บพลังจิตนี้ก่อนค่ะ โดยการสมัครเป็นสมาชิก เหมือนๆ กันกับการสมัครใช้อีแมวฟรีทั่วๆ ไปนะคะ


    ขั้นต่อมาให้ไปที่หน้ากะทู้ของผู้ที่คุณต้องการติดต่อด้วย โดยดูที่ชื่อที่อยู่เหนือรูปภาพของคนๆ นั้น เช่นอยากคุยกับกะทิก็ใช้เม้าส์จิ้มไปที่ชื่อของกะทิ ที่อยู่เหนือภาพแทนตัวกะทิ 1 ครั้งค่ะ


    a.jpg



    คุณจะเห็นว่ามีกล่องห้อยโผล่ขึ้นมานะคะ โดยมีฟังก์ชั่นหลายอย่างให้เลือกใช้ ขอให้คุณเลือกฟังก์ชั่น ส่งข้อความถึงกะทิหนะค่ะ โดยกดเม้าส์ลงไป 1 ครั้ง



    a.jpg




    ต่อจากนั้นคุณก็จะเห็นพื้นที่ในการเขียนข้อความ และชื่อเรื่องของข้อความที่คุณต้องการสื่อถึงนะคะ


    a.jpg



    เมื่อเขียนข้อความเสร็จแล้ว ให้กด submit massage เป็นอันเสร็จพิธีค่ะ และรอกะทิเธอตอบกลับข้อความไม่ช้าไม่นานนะคะ ง้ายง่ายชิมิคะ อิอิ


    ปล. ความจริงไม่ใช่ว่ากะทิเธอใช้ Line ไม่เป็นหรอกค่ะ แต่เธอไม่มีใช้ต่างหาก เพราะว่าเธอยกโทรศัพท์ให้แม่ไปใช้ลงอ่านพระคัมภีร์อะนะคะ ส่วนโทรศัพท์ของเธอไม่มีแอพ เป็นรุ่นโบ หนะค่ะ 5555 แม่ของกะทิเป็นผู้ที่สนใจเทคโนโลยีหรือของเล่นยุคดิจิตตอลอะนะคะ


    เปรียบไปก็เหมือนเด็กสมัยนี้มีเสื้อผ้าสวยๆ มีผ้าอ้อมสำเร็จรูป มีรถเข็นเด็ก มีของเล็กจุกจิกแปลกตา ที่ในยุคของเรายังไม่มี เราโตเป็นผู้ใหญ่ก็ได้แต่มองเด็กให้แอบอิจฉานิดๆ ว่าเราเกิดกันเร็วเกินไปไหม 5555 เช่นเดียวกับแม่ของกะทิ เธอเป็นคนชอบความนำสมัย ในยุคของเธอไม่มีของเล่นแบบนี้ เธอย่อมอยากเล่นเป็นธรรมดา ยิ่งชีวิตในวัยเด็กเธอมีพี่น้องหลายคนที่ต้องแบ่งของกัน ของดีๆ จึงไม่ค่อยมีมาถึงเธอ


    ดังนั้น สิ่งใดที่กะทิทำได้เพื่อความสุขของแม่ ก็รีบๆ ทำไปเถอะ กะทิเลยยกโทรศัพท์มีแอพไปให้เธอใช้ ส่วนของกะทิจึงไม่มี Line ฉะนี้นะคะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 02.JPG
      02.JPG
      ขนาดไฟล์:
      29 KB
      เปิดดู:
      603
    • 01.JPG
      01.JPG
      ขนาดไฟล์:
      16.2 KB
      เปิดดู:
      614
    • 03.JPG
      03.JPG
      ขนาดไฟล์:
      28.3 KB
      เปิดดู:
      605
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2014
  20. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    สำหรับการถวายหนังสือสวดมนต์ คุณสกล เธอได้เป็นตัวแทนของพวกเราทุกคนที่ได้ร่วมกันพิมพ์หนังสือ ได้นำไปถวายบูชาท่านหลวงพ่อจรัญ ที่วัด ในวันที่ 15 สิงหาคม 2557 ที่ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะคะ โดยเธอได้ส่งภาพในวันดังกล่าวย้อนหลังมาให้กะทิเธอด้วย กะทิจึงขออนุญาตนำมาแชร์ให้ทุกท่านได้ร่วมอนุโมทนากันอีกครั้งค่ะ

    [​IMG]


    มองกันเห็นสิ่งของและหนังสือที่ผู้มีใจกุศล นำมาถวายท่านกันด้านบนและด้านล่างของเวทีนะคะ ^ ^


    [​IMG]


    กรรมอันใดที่ข้าพเจ้าและผู้ที่ได้ร่วมพิมพ์หนังสือสวดมนต์ ที่ได้จัดพิมพ์ขึ้นเพื่อน้อมถวายแด่หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน แล้วนี้ อาจได้เคยกระทำผิดพลาดไป ด้วยกายกรรม3 วจีกรรม4 มโนกรรม3 ต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลาย ในพระพุทธศาสนาก่อเป็นความผิดบาปติดตัวแก่ข้าพเจ้าและผู้ร่วมพิมพ์หนังสือสวดมนต์ในครั้งนี้แล้วทั้งหลาย

    ด้วยอำนาจแห่งบุญและอนิสงฆ์ที่ข้าพเจ้าและผู้ร่วมพิมพ์หนังสือสวดมนต์ในครั้งนี้ จัดพิมพ์หนังสือสวดมนต์ขึ้น เพื่อระลึกถึงคุณพระรัตนตรัยในพระพุทธศาสนา

    รวมถึงด้วยอำนาจที่ข้าพเจ้าและผู้ร่วมพิมพ์หนังสือสวดมนต์ในครั้งนี้ ได้บูชา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และผู้ปฏิบัติธรรมอันถึงแล้วซึ่งความบริสุทธิ์ บริบูรณ์นี้ เป็นไปเพื่อขอขมากรรม ที่สมบูรณ์ ขอความผิดบาปทั้งปวงที่ติดตัวข้าพเจ้าและผู้ร่วมพิมพ์หนังสือสวดมนต์ในครั้งนี้ จงสลายสิ้นเทอญฯ


    อนึ่ง เดี๋ยวว่างๆ กะทิจะมาเขียนเพิ่มเติมในเรื่องของกรรมที่เราอาจเผลอล่วงเกินพระสงฆ์ ด้วยกาย วาจา ใจ โดยที่เราอาจไม่รู้ตัว โดยเฉพาะผู้ที่ชอบติดตามข่าวสารเกี่ยวกับพระ และชอบกด Link ใน Facebook นะคะ อาจจะเผลอล่วงเกินได้ง่ายกว่าผู้อื่นหนะค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...