เรื่องเล่าของข้าพเจ้าความศักดิ์สิทธิ์พระคาถาชินบัญชร

ในห้อง 'สมเด็จโต พรหมรังสี' ตั้งกระทู้โดย ชัชวาล เพ่งวรรธนะ, 1 ตุลาคม 2008.

  1. ขันติธรรม

    ขันติธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2009
    โพสต์:
    545
    ค่าพลัง:
    +372
    อนุโมทนา สาธุ

    คุณอ้องให้ธรรมะที่เป็นธรรมชาติดีมาก ข้าพเจ้าได้ความรู้ความเข้าใจธรรมะในตัวตนของข้าพเจ้ามากยิ่งขึ้น ขอขอบคุณอย่างสูง
     
  2. loveyoutoo2

    loveyoutoo2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +207
    ส่งการบ้านครับอาอ้อง ^^

    ก่อนอื่นต้องสวัสดีครับอา...

    ....จะว่าไปแล้วสมัยนี้เปลี่ยนไปเนอะอา วัยรุ่น หนุ่มสาวก็รู้จักปฏิบัติธรรม

    ไอ้ตัวผมก็ปฏิบัติไป ลองผิดบ้างถูกบ้างครับอา แต่จะทำให้ถูกที่สุดครับอาจะได้ไม่หลงทาง

    ทำแต่สมาธิ ก็ไปติดกรรมฐาน เฮ้อ.... ทำไงดีหนอ

    ดูจิตเหรอครับอา... "ยืนก็ให้รู้สึกว่ายืน" ปล.อาจารย์ปราโมทย์ น่ะว่า จะว่าไปแล้วผมก็ทำตามซีดีน่ะครับอา

    คราวแรกฟังไปไม่งง แต่ยิ่งฟังยิ่ง งง ???

    แต่ผมก็ไปปฏิบติลองดูครับอา....

    ...ส่งการบ้านอาน่ะ ก็คือ อาบอกให้รู้สติใช่มั้ยครับอา คือผมนั่งอยู่น่ะ ก็รู้ว่านั่ง เป็นสติมั้ยครับอา แต่พอสังเกตุดูดีๆน่ะครับอา แป๊บนึงมันก็เผลอ ทั้งที่ไม่ตั้งใจเผลอ แต่ก็รู้ว่าเผลอ พอรู้มันเข้าความรู้สึกก็ดึงมาที่กายคับ

    บางครั้งก็รู้สึกบ้างนะครับอา บางครั้งก็เผลอบ้าง และก็มีอีกครับอา


    เอายังงี้น่ะอาจะได้ไม่งง คือผมรู้สึกว่า "ผมเนี้ยกลัวจะไม่รู้สึกอะไรที่จริงจังเหมือนคนอื่น ก็อยากจำถามอาครับว่า ผมปฏิบัติถูกมั้ย กลัวว่าจะผิดทางที่พระพุทธเจ้าสอนครับ"

    ..เริ่มเลย ผมนั่งคุยกับเพื่อน รู้สึกว่านั่งอยู่ จากนั้นคุยกันไม่ถูกคอ เขาเริ่มน่ะมิใช่ผม เอาและครับตอนนั้น รู้สึกโกรธ ใจมันจะสั่นเลยเหมือนมันเดือดพล่าน หัวใจเต้นตุ๊บตั๊บ แต่ ! ทำไมผมไม่โกรธครับอา


    แต่ความรู้สึกเนี่ยนะ ผมรู้เลยว่า "มีความรู้สึกโกรธ และเห็นมันดับไป แต่ไม่ดับเฉย มีอารมณ์อื่นมาแทรก" แต่ทำไมผมไม่โกรธเพื่อน จริงๆ นาะครับอา แต่กลับยิ้มออกมา และดูอาการโกรธของตัวเองว่ามีความรู้สึกอย่างไร และดับไปตอนไหน

    มันแปลกตรงที่ ถ้าเมื่อก่อนเนี่ยนะครับ ผมรู้ว่าโกรธโกรธและก็ยึดอารมณ์โกรธมาโวยวายแม่จะไม่รุนแรงนัก แต่มันโกรธจริง

    ....................... อาครับ หมายความว่าไงครับ ผมปฏิบัติถูกมั้ย ? ...........

    ประมาณว่า แบบว่า เวาลาผมดีใจ ผมรู้สึกว่าดีใจ แต่ทำไมไม่ดีใจ เวลาทุกข์น่ะครับ ก็รู้สึกว่าทุกข์เพราะเหตุนั้น เพราะเหงา เหราะหิว แต่เหมือนไม่ใช่ผมหิว ใจมันอิ่ม แต่พอสังเกตุดูร่างกายน่ะครับเหมือนร่างกายผมมันอยากจำหาอะไรเข้าท้อง แต่ใจมันอิ่มแล้วครับ เฮ้อออ

    จนแม่ถามว่าหิวมั้ย ใจผมไม่หิวน่ะ เหมือนเราพอใจหนะครับไม่ต้องการอะไร แต่ร่างกายมันร้องตรงท้อง ผมไม่รู้จะตอบไงเลบพยักหน้าไป....

    .... มันเหมือนกับว่า ผมเห็นทุกข์ แล้วไม่ติดทุกข์ เห็นสุขแล้วไม่ติดสุข ผมกลัวว่าตนเองจะไม่มีความจริงใจครับอา ก็ตรงที่ ผมเห็นเพื่อนหัวเราะแล้วมีความสุข ผมก็รู้สึกว่ามีความสุข แต่ผมลองมาดูอารมณ์ของเราว่าจะสุขนานแค่ไหน ไม่สุขไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วยซ้ำ มันก็มีอารมณ์อื่นมาแทรกน่ะครับอา และแทนที่ผมจะหัวเราะตามเพื่อน แต่ก็ไม่หัวเราะตาม ........ ผมกลายเป็นคนที่ ไม่จริงใจเหรอครับอา ?


    .. งง ครับ อา ช่วยอธิบายให้รู้แจ้งกันไปเลย
     
  3. loveyoutoo2

    loveyoutoo2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +207
    ผมว่าเรื่องเวรกรรมมีจริง

    ลืมไปครับอา...

    ความอยากคือกิเลสใช่มั้ยครับอา แล้วผมอยากไปวัดไปทำบุญเพื่อให้คนอื่นพ้นทุกข์ เปรต ผี วิญญาณต่าง ๆ หนะครับ ทำเพราะสงสารครับอา

    เวณกรรมช่างละเอียดจริงๆ ไม่รู้หรอกว่าสร้างกรรมอะไรไว้ แต่ทำไมชีวิตเราต้องมาเจออย่างนี้

    ขนาดชีวิตผมยังน่าสงสารเลยครับอา เพราะทุกอย่างมันเฉลยเอาตนหลัง ผมมารู้ว่าเพื่อนสนิทผมคนที่รู้จักกันมา เกือบจะสิบปี เข้าโรงเรียนเดียวกัน เลิกเรียนไปเล่นเกมส์ด้วยกันทุกวัน จนโตมา ไปเที่ยวก็ชวนกันไป จนผมแบบว่า เพื่อนเอ๋ยเรามีอะไรน่ะเราจะช่วยนายเต็มที่ ไม่หวังประโยชน์เลยแต่ทำเพราะ อยากตอบแทนบุญคุณ เพราะเพื่อนคนนี้จะชอบแบ่งปันอะไรหลายๆ อย่างให้ผม และอีกอย่างเข้าฐานะดีกว่าผม บ้านเขานะธุรกิจรองรับตัวเองแต่เรียนไม่เก่งน่ะเพื่อนผมคนนี้

    ผมก็เลยช่วยเพื่อนในเรื่องการเรียนเพื่อเป็นการตอบแทน

    แล้วนึงผมได้รู้จักกับผู้หญิงคนนึง เห็นครั้งแรกครับอาโอ้โหยังกับภาพสโลวเลยครับ ผมยาว สาวมาก หน้าตาน่ารัก มีเสน่ห์

    ไอ้ผมหนะเหรอเทียบไม่ติดหรอกทั้งฐานนะ แต่ผมก็อยากรู้จักเธอ และบังเอิญมันฟรุ๊คครับอาได้เบอร์เธอ จากแฟนของเพื่อนที่รู้จักเธอ ได้คุยกับเธอครั้งแรกน่ะครับอา ผมแทบจะพูดกับเธอไม่ออกเลย จะว่าคนที่คุยด้วยสวยปานนางฟ้างก็ไม่ใช่ดอก แต่เป็นคนที่ใช่เลยสำหรับเราไอ้เราก็เลยหลงซะ ตอนแรกไม่รู้ดอกว่าหลง แต่ตอนพิมหนะ รู้ครับ - -*

    เราได้รู้จักกันพักหนึ่ง ไอ้เรารู้ได้เลยว่าผู้หญิงคนนี้น่ะนิสัยก็ดีชอบทำบุญด้วย ตามที่ผมอยากได้คนอย่างเลยๆ เพราะบ้านเธอน่ะครับอยู่ใกล้กับไอ้เพื่อนผม มันเลยสืบมาให้ว่าเขาดีอย่างนั้นน่ะ

    ไอ้เราก็ถามว่า "ทำไมแกไม่ชอบว่ะ" (เอาเป็นว่าบรรยายสุภาพแล้วกันเนาะอา)

    มันบอก "ก็ข้าเห็นเขาผ่านบ้านข้าทุกวัน คิดเหมือนพี่เหมือนน้องเอง" และเพื่อนผมคนนี้บอกผมว่า เอาน่าจะช่วยอีกแรง

    ไอ้เราก็ "ขอบใจน่ะเพื่อน"

    เราก็คบกันได้พักนึง ประมาณ หนึ่งเดื่อน ก็ได้เวลาพระเอกมาแล้ว

    ผมคุยกับเธอ ตอนนั้นเธออยุ่หน้าบ้าน แต่ไม่บอกว่าอยู่กับพี่สาว คือพี่สาวอายุประมาณ 21 เธอ อายุ 16 ผม อายุ 19

    ผมก็คุยเล่นๆว่า "วันนี้จะแวะไปแซวซะหน่อยน่ะ"

    เธอก็บอกว่า "พี่มาเลย กวางจะวิ่งเข้าบ้าน" ฮ่า ๆ เธอเป็นคนที่ช่วยงานแม่ และก็จะชอบอยู่บ้าน สเป็กเลย

    เธอไม่คิดว่าผมจะไปจริงๆ ผมก็ตื่นเต้นเหมือนกัน ผมขับรถจักรยานยนต์ไปกับเพื่อน

    ผมตอนนั้นน่ะครับอา ผมยาวไม่มากหรอกแต่เป็นทรงยอดฮิตครับ ทรงพวกเกาหลี พวกในตัวการ์ตูนญี่ปุ่น อะไรอย่างนี้

    ผมกับเพื่อนก็ขับรถไปจอดหน้าบ้านเธอ ผมเห็นเธอ ตาต่อตา โอ้วพระเจ้าเธอน่ารักจักง แต่บังเอิญพี่สาวเธอสายมากโคตรสิบเท่า - -* แต่สายตาเธอน่ะดูจะหวงน้องสาวมากมายเลย

    ผมว่าจะคุยกับเธอซะหน่อย แต่บังเอิญว่ามันไม่กล้ากลัวพี่สาว ก็เลยจอดซักพักนึง

    .......... เอาก่อนน่ะครับอา ขอให้อาช่วยอ่านแระกัน เวรกรรมผมมันเกี่ยวเนื่องกันแบบซับซ้อนละเอียด น่าสงสารชีวิตตัวเองมาก เลยต้องพึ่งธรรมมะ........ แล้วผมจะโกรธ เกลียด อาฆาต แค้น พบาบาทคนอื่นทำมันกันเล่า ไม่ได้เล่าผมอยากจะได้ดีจากอาหรอกครับ แค่อยากให้อารู้ว่าผมเริ่มเห็นว่า เราเกิดมา ไม่ได้เกิดแล้วดับไปเฉยๆ แน่ และก็คนเราก็จะเกิดต้องเกิดเป็นอย่างอื่นหรือเป็นคนอื่นก่อนเป็นแน่ ชาตินี้จึงได้เจอทั้งเรื่องดี เรื่องไม่ได้ คอดแล้วมันเสร้าน่ะครับอา แต่ไม่เศร้าแระ รู้แต่ว่ามันเศร้าน่ะรู้สึก....


    ... วันหลังจะเล่าให้อาได้รู้อีกครับ ไปแระครับอาสวัสดีครับอาอ้อง ^^



    .......................................
    รู้ทุกข์ อย่ายึดทุกข์ เพราะทุกไม่นาน เกิดแล้วดับไป
    รู้สุข อย่ายึดสุข เพราะสุขไม่นาน เกิดแล้วดับไป

    การบ้านอา ผมสรุปแล้วรู้ได้แค่นี้ครับ คราวหน้าจะส่งเป็นเรื่องไปนาะครับอา

    ขอบพระคุณครับอา ที่แนะนำในทางที่ถูก ถ้าผมเอาแต่สมาธิคงได้ไปติดอยู่กับกรรมฐานแน่นอน

    ไปแระครับอา ^^
     
  4. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ตอบตั๊ม

    เข้าใจถูกแต่ยังเพ่งและประคองอยู่
    เวลาโกรธเมื่อรู้สึกตัวมีสติตื่นอยู่ความโกรธจะหายไป
    เพราะจิตที่เป็นอกุศลกับจิตที่เป็นมหากุศลต่างกันตรงที่
    ความนุ่มนวล อ่อนโยน ว่องไว
    ตั๊มไปดูอาการของจิตมากไปหน่อยนะ ไปแยกแยะเหมือนเดิม
    อย่าพึ่งไปดูถึงความเกิดดับไม่เที่ยง
    ตรงนี้เพ่งเข้าไป กำหนดเข้าไป นี่เป็นสมาธิ
    เมื่อไหร่ที่ตั๊มชินสภาวะ มันจะเห็นรูปนามแวบเข้ามาเหมือนเงา
    ความโกรธก็เป็นรูปนามเป็นสภาวะที่ต้องจดจำ
    ความหิว ความหงุดหงิด ความดีใจ เสียใจ มันเป็นรูปนามทั้งสิ้นแวบเข้ามา

    ถ้ามรรคปรากฏ สติที่กลายเป็นมหาสติ มันเสมอกันที่ สติ จิต อารมณ์
    ส่วนตั๊มยังเอาสติไปบังคับจิต สติจึงยังเป็นการกำหนด เพ่งจ้องอยู่
    และมีการประคองเอาไว้เพราะมีความอยากให้รู้ชัดมากเข้า

    นี่ยังเพียรผิด สำรวจใจนะ...
    มันแน่นๆ แข็งๆ มันไม่นิ่มนวล มันไม่สบายๆไหลอ่อนโยน รู้สึกไม๊ มันยังไม่อิสร
    มีการควบคุมบังคับอยู่ ไปกดๆให้มันอยู่นานๆ

    เราสำรวจจิตตนเองได้นะ...
    ถ้าจิตมีสภาพนิ่มนวล อ่อนโยน ว่องไว นี่จิตมีคุณภาพ
    ส่วนคำว่าตื่น รู้สึกตัวว่าตื่นนั้น

    ให้ดูตอนที่เราเผลอหลงไป กับตอนรู้สึกตัวขึ้นมาว่าเผลอหลง....
    ตรงนี้ตั๊ม เพียรทำมากๆ พิจารณามากๆ จิตที่ซัดส่ายหาอารมณ์ใหม่อยู่เสมอ

    ตั๊มจะเผลอหลงทั้งวันในช่วงแรก และรู้สึกตัวตื่น ยังมีน้อยอยู่
    แต่พอทำไปมากเข้า จิตมันเริ่มจดจำสภาวะธรรมมากเข้า
    ตั๊มจะตื่นขึ้นมาแบบธรรมชาติที่รู้สึกตัวตามจริงที่ปัจจุบันอารมณ์

    สำรวมกาย วาจา ใจ สติจะปรากฏเกิดขึ้นเหมือนดั่งสายน้ำไหล
    ทำมาดีแล้ว ทำต่อไป อย่าหวังในผลงาน นับหนึ่ง จบแล้วจบเลย
    นับหนึ่งใหม่

    เมื่อไหร่ที่รู้สึกตัวมากขึ้น วิปัสสนาจะก่อเกิด
    ดังนั้นอย่าพึ่งไปแยกแยะ อย่าพึ่งเข้าไปดูพระไตรลักษณ์
    สติ สมาธิยังมีกำลังน้อย อย่าพึ่งเข้าไปรู้ชัด

    เมื่อชินมันจะชัดมันเอง รู้เอง เห็นเอง หยั่งลงสู่ขันธ์เอง แบบจะห้ามก็ห้ามไม่ได้
    เพราะมันชินไปซะแล้ว และตั๊มจะเข้าใจคำว่า ธรรมชาติที่เกิดดับแย่างแท้จริง

    สรุป ยังเพ่งไปมากเกิน อยากรู้มากเกิน แต่ทำดีแล้วเพียงแต่ยังไม่ชิน
    เพียรชอบนำ อย่าตั้งใจเกินมันจะแข็งๆสำรวจจิตตนเองด้วยที่อาอ้องบอกมานั่นละ

    ธรรมชาติ ต้องสบายๆ ไหลรื่นเข้าไป แบบช้าๆ อ่อนโยนแต่มั่นคง นิ่มนนวล
    ว่องไว นี่คือธรรมชาติของจิตที่สะอาดและมีคุณภาพ

    อนุโมทนาครับ

    อาอ้องครับ...
     
  5. loveyoutoo2

    loveyoutoo2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +207
    อีกรอบครับอา

    ผมจะต้องทำตัวเผลอๆเข้าไว้ ใช่มั้ยครับ แต่อย่าไปตามอารมณ์ ผมก็รู้สึกอย่างที่อาว่าไว้ รู้ว่าโกรธก็ไปเพ่งดูเอาจนแทบจะทุกข์ครับที่มารู้สึกหายใจไม่สะดวก อึดอัดใจ เหมือนที่ตอนเราทำสมาธิเลย ไปเพ่งที่ลมหายใจ


    แล้ววิปัสสนา พุทธ โธ ที่ให้ท่อง ให้ท่องเฉยๆ ใช่มั้ยครับอา ไม่ต้องเพ่งที่ลมหายใจ

    ......... ไม่อยากทำผิดทางครับอา ขอบพระคุณจริงๆ ครับอา

    .. ทุกวันนี้ จู่ก็ระลึกถึงปรางค์พระพุทธรูปเองน่ะ พ่อกับแม่น่ะ ยึงนึกได้ไม่บ่อยเท่าปรางค์พระพุทธรูปครับอา


    พุทธ โธ ช่วยการทำวิปัสสนาได้จริงมั้ยครับอา แล้วถ้าได้ ต้องปฏิบัติอย่างไรจึงจะเป็นวิปัสสนา ไม่ใช่กรรมฐาน ครับอา
     
  6. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ประเมินการพัฒนาอบรมสติว่าถูกต้องหรือหลงทาง

    ขอให้สำรวจใจภายในย่อมทราบว่าสิ่งที่กระทำมาผิดพลาดหรือถูกทาง

    ถ้าทำมาพอสมควรก็ยังฟุ้งสลับเครียดๆอย่างนี้ต้องมีอะไรที่ผิดพลาด

    ถ้าทำแล้วตกเป็นทาสของตัณหาอย่างนี้ไม่ได้เรียกว่าขัดเกลากิเลส

    ถ้าราคะ โทสะ โมหะ โลภะ เบาบางลงเพราะมีสติ และสำรวมอินทรีย์
    ควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น อารมณ์ใดปรากฏและรู้สึกตัวและเริ่มไม่เข้าไปปรุงแต่ง
    ไปสร้างเชื้อฟืนในใจ อย่างนี้เริ่มเดินทางถูก เพราะจับจิต ควบคุมจิตด้วยสติ
    มีกำลังของสติ สมาธิได้มากขึ้น

    จิตที่เกิดขึ้นพร้อมกับอารมณ์ มีสติรักษา
    ยอ่มทำให้อารมณ์ที่จะเริ่มปรุงแต่งถูกสติที่ตื่นปัดในสิ่งที่เป็นโทษทิ้งเสียได้

    ถ้าทำไปแล้วยังปรารถนาในผลของ ทาน ศีล ภาวนา ยังหวังผลในสมาธิ
    อย่างนี้ทบทวนตนเองด้วยว่า มีกิเลสนำอยู่หรือไม่ จิตมีโลภะหรือไม่
    เพราะทาน ศีล ภาวนา กระทำไปเพื่อความบริสุทธิ์ สละอารมณ์ทั้งสิ้น

    ถ้าทำไปแล้วทรมานตนเองด้วยการกดข่ม นำเอาธรรมอันเป็นปฏิปักษ์มาทำลายอารมณ์
    ก็ไม่ต่างจากการสร้างเขื่อนภายในจิตด้วยกำลังของสมาธิ ไม่ต่างจากหินทับหญ้า

    ถ้าบุคคลบางคนเวลาคิดไม่ดี ล่วงเิกินสิ่งใด เพราะติดดี ไม่เอาชั่ว
    จิตจะอึดอัด ไม่สบายใจ ละอายและเกรงกลัวต่อความคิดที่ไม่ดี
    ถ้าเอาสมาธิกดข่ม หนีอารมณ์ด้วยการพยายามไม่คิด เท่ากับหนีความจริงตรงหน้า

    หินยิ่งก้อนใหญ๋
    จิตยิ่งควบคุมไม่ได้ เขื่อนย่อมเอ่อล้นและพังทลาย บังคับไม่อยู่

    การฝึกสติ เราเอารู้ ทั้งดีและชั่ว ดีก็เป็นธรรม ชั่วก็เป็นธรรม ปรากฏธรรมตอนรู้สึกตื่นว่าคิดดี
    คิดชั่ว ไม่ฝืนอารมณ์ ช่างมันเราจะเอารู้อย่างเดียวเพื่อตื่นขึ้นมากับความจริง...

    ถ้าฝึกแล้วตึงเครียด ฟุ้งซ่าน เลอะเทอะเหลวงไหล ยึดติด ทนงตน
    ให้สำรวจสิ่งที่ฝึกด้วยปัญญาด้วยใจเป็นกลางและปรับปรุงแก้ไข

    เพราะธรรมะพระพุทธองค์
    เป็นสิ่งที่มีแต่สันติ สะอาด บริสุทธิ์

    ฝึกแล้ว สุข ทุกข์ สั้นลง เหมือนจิตมันหดลง นี่เริ่มเดินทางถูกเพราะมีกำลังของมหาสติมากขึ้น

    ฝึกแล้วมีแต่สละอารมณ์ มีแต่สลัดคืน ไม่ยึดเข้ามานี่ไม่ต่างจาก
    พบผู้รู้ทำลายผู้รู้
    พบจิตไม่ยึดจิต
    ปิดทวารทั้ง๕ประหารใจ

    ฝึกแล้วสุขภาพดีขึ้น หน้าสดใส ผิวพรรณดี หน้าตาสดชื่น รับรู้ภายในด้วยสติถึง
    การตื่นระหว่างวันมากขึ้น อารมณ์ปัจจุบันเริ่มเกิดถี่ขึ้น นี่จิตเริ่มชินสภาวะไม่ต่างจาก กายไหว จิตไหว ก็รู้

    ฝึกแล้วรู้สึกอิสรมากขึ้น รู้สึกกลมกลืนเข้ากับธรรมชาติแบบไม่แบ่งแยกเค้าเรา
    เริ่มเห็นว่า กายที่มีปรากฏ ไม่ใช่เรา มีแต่สิ่งที่ถูกรู้ด้วยจิต
    แม้แต่จิตก็เป็นสิ่งที่ถูกรู้ เป็นธรรมชาติรู้อารมณ์

    ดูเหมือนมีแต่ไม่ใช่เราทั้งกายและจิต สิ่งนี้จะทำให้สังโยชน์ถูกละออกไปเหมือนของแข็งที่ถูกทุบจนป่น
    เหมือนลูกไก่ที่เจาะเปลือกชั้นแรกได้ มีความรู้สึกเป็นไท อิสรจากกิเลสที่ผูกมัด

    ฝึกแล้ว ราคะ โทสะ โมหะ
    ลดน้อยถอยลงเพราะในขณะที่ปรากฏอกุศลจิตชนิดนี้เห็นโทษ

    เห็นว่าไร้สาระ
    แม้ในช่วงแรกจะต้องใช้การสละอารมณ์แต่เหมือนว่า พอนานเข้า แม้อารมณ์ก็ไม่ต้องสละ
    มันสลัดออกเองเพราะเริ่มเห็นว่าไร้สาระ เพราะไปคว้าเงา กินลม
    เหมือนดั่งมายาลวงหลอก มันวางลงเองโดยอัติโนมัติ์เพราะเท่าทันกิเลสมากขึ้น

    เงาแห่ง ราคะ โทสะ โมหะที่ปรากฏชั่วแวบเดียว ยังไม่ทันปรุงแต่งก็ถูกทำลายสิ้นด้วยการไม่ยึดจิต

    ฝึกแล้วสุขปราณีตมากขึ้นเป็นไปโดยลำดับ
    มีความรู้สึกเป็นธรรมชาติ ไม่บังคับ ไม่ฝืน ไม่กดข่ม ไม่ประคอง ไม่ไปรักษา
    รู้สึกถึงจิตถึงใจหมดจด

    กิเลสทำอะไรผู้ที่ตื่นขึ้นมาไม่ได้ เพราะเท่าทันสภาวะ มากขึ้นโดยลำดับ

    เริ่มเห็นว่า จิตที่เกิดดับมีแต่ทุกข์ล้วนๆ
    รูปนามมีแต่ทุกข์ล้วนๆ

    กริยาจิตที่ไปเกาะยึดเพราะมีแรงผลักคคือตัณหาเริ่มถูกทำลายด้วยสติที่เข้าไปรู้ทุกข์และละสมุทัย

    คือเหตุแห่งทุกข์ ตรงนี้กำลังทำลายตรงเกาะยึดอารมณ์ ตรงแรงผลัก
    ตรงพลังงานที่ไปเกาะยึดติดโลก ประยุกต์เข้ากับโลก
    จิตกำลังหดตัวเข้าสู่สภาวะเป็นหนึ่งเดียว เพราะมหาสติ เพราะมรรคปรากฏ เพราะรู้แจ้งในอริยสัจ๔

    ฝึกแล้วหลงตัวตนลดลง ฝึกแล้วผ่อนคลาย ฝึกแล้วเบาสบาย
    ฝึกแล้วธรรมชาติเริ่มปรากฏให้เห็นเองแม้ไม่ไ้ด้ตั้งใจ
    ฝึกแล้วเริ่มชินสภาวะ ฝึกแล้วเริ่มรู้สึกตัวตื่น

    ฝึกแล้วเริ่มเห็นความแตกต่างระหว่างเผลอหลงกับรู้สึกตัว
    ฝึกแล้วมีความเพียรชอบมากขึ้น ฝึกแล้วจิตใจสงบราบเรียบมั่นคง
    ฝึกแล้วปราณีตยิ่งขึ้น ฝึกแล้วระวางอารมณ์ ฝึกแล้วทำลายสิ่งปรุงไม่ว่าดีและชั่ว

    ฝึกแล้วการกระเพื่อมสั่นไหวน้อยลง ฝึกแล้วใจเป็นกลางไม่หวั่นไหวโลกธรรม๘มากยิ่งขึ้น
    ฝึกแล้วปัญญาหยั่งถึงธรรมชาติตามจริงเห็นความไม่เที่ยงแท้ของขันธ์

    ฝึกแล้วปล่อยวาง ไม่อวดตน ฝึกแล้วเกื้อกูลผู้อื่นให้หยั่งถึง
    ฝึกแล้ว พิจารณาแล้วเข้าถึงแล้ว สันติย่อมปรากฏอยู่ที่ใจแค่สลัดคืนให้กับธรรมชาติ

    วางมันลงแค่อารมณ์

    ทำแทบตายที่มันหวง มันกอดมาชั่วนานปีก็แค่อารมณ์ที่ไปยึด
    แค่นั้นก็พบสันติได้แล้ว

    จิตที่ไปยึดอารมณ์ที่ไปเอาดีและชั่ว เตะมันทิ้งด้วยใจที่เป็นกลาง
    ดั่งใบบัวที่้น้ำำกลิ้งไหลไปมาไม่แทรกซึมผ่านบนผิวใบบัว

    ขออนุโมทนาครับ...
    กรุณาอ่านด้วยการพิจารณาเพราะบางอย่างก็เป็นความเข้าใจส่วนตัว
    อ้องยังแค่หางอึ่งครับ...สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มีนาคม 2009
  7. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ตัวโน๊ตเตือนสติอ้องที่หน้าคอมพ์

    ใส่ใจในสภาวะด้วยความเพียรชอบ
    อบรมสติตนด้วยความสำรวมอินทรีย์
    ฝึกจิตให้ชินสภาวะ
    สติก่อเกิดจิตตั้งมั่นพระไตรลักษณ์แสดง
    ย่อมพบธรรมหยั่งลงสู่ขันธ์ ณ จิตหนึ่ง


    ครูอาจารย์หลายท่านก็ใช้ตัวโน๊ตแปะรอบบ้านตรงตำแหน่งที่เห็นง่ายๆเพื่อเตือนตน
    2ปีที่ผ่านมาอ้องว่า เพราะได้กระดาษที่แปะเอาไว้เตือนตนได้บ่อยๆ
    ไม่มีลิขสิทธิ์ ลอกเลียนแบบอาจารย์ของอ้องได้ประโยชน์หลายๆครับ..
     
  8. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ตอบตั๊ม

    การบริกรรมพุทโธเป็นการจับจิต เพราะจิตไม่มีตัวตน เป็นธรรมชาติรู้อารมณ์และก็ดับไปตลอดเวลาที่ไหลไปหาเหตุ

    เราจึงบริกรรมพุทโธเพื่อจับจิตให้อยู่ในอารมณ์กรรมฐาน เช่นดูลมก็บริกรรมพุธโธ
    ตรงตำแหน่งที่เราจับจิต ทางธรรมเรียกว่าเครื่องอยู่หรือวิหาร

    ส่วนการทำตัวเผลอๆนี่ผิด...
    รู้สึกตรงหน้าตามจริงอะไรเกิดก็ตามรู้พอ ไม่ใช่ไปบังคับนี่กิเลสนำนะ
    ตั๊มติดตรงที่คิดเยอะไปหน่อย แยกแยะมาก

    นับหนึ่งตรงหน้าพอ จิตเกิดดับเร็วมาก มันไม่เผลอตลอดนะ อารมณ์ก็เกิดดับเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ดังนั้น ตั๊มไม่ต้องไปแยกแยะ ให้รู้สึกตัวง่ายๆ
    ว่าตอนนี้มันทำอะไรอยู่ ยืนเิดินนั่งนอน ตั๊มดูที่กายก่อนก็ได้นะ ดูที่รูปก่อนเพราะเป็นสิ่งหยาบ มันเห็นง่ายตามจริง เดี๋ยวพอชินมากขึ้นอาจะปรับให้เข้าไปดูจิตอีกทีดีไม๊ เน๊อะ เอาง่ายสุดๆ ดูรูป รู้สึกตัวไปก่อนนะ ขยับตัว เหลียว คู้ เหยียด ตึง
    สั่น คัน ขยิบตา กายไหว นี่อิริยาบทย่อยเสริมเข้าไปด้วย

    แค่นี้ซักเดือนนึงรับลองตั๊มจะพัฒนาอบรมสติมากขึ้นเอง...

    เดี๋ยวมาอ่านของน้องคนนึงที่คุยกับอาอ้องหน่อยนะครับในเรื่องของธรรมะ
    เพียงแต่ว่ายังไม่ได้ขออนุญาติน้องเค้าเลยอาจจะไม่ได้ลงชื่อน้องเค้านะ

    อนุโมทนาตั๊มทำต่อนะ การบ้านง่ายสุดๆ
     
  9. Obtimus-KoAutobot

    Obtimus-KoAutobot สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2009
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +8
    เวลา จิตสงบก็สุข กว่าจะผ่านนิวร ไปได้นานเหลือทน แต่สิ่งต่างๆที่ ได้เจอกับจิต อธิบายใครจะเชื่อ......อา ครับเวลาที่ยาย ผมเสีย แล้ววันนั้นไปทำบุญที่ วัดตอนขึ้นไปศาลา ตอนถวายพระก็ สวดตอนพนมมือ ก็เหมื่อน ภาพเข้ามาในหัว(เหมื่อนเห็นอีกภาพ) เเวบเข้ามา เห็นยายของผมนั้งพนมมือ อยู่ตรงข้างล้างศาลา ตอนนั้นผมว่าจิตปรุงแต่งรึป่าว ? แต่ในหัวสาบานได้ว่าไม่ได้จิตนาการ อย่างนี้ ทั้งๆๆที่มีสติอยู่ อยากถามว่าคืออะไรครับ บางอย่างอยากถาม แต่ไม่รู้จะถามใคร+ไม่กล้า แล้วจะรู้ได้ไงครับว่าไหนจริงไหน จิตปรุงแต่งหลายเรื่องมากครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มีนาคม 2009
  10. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    เรื่องเล่าของน้องที่คุยธรรมะในเว็บพลังจิต

    คืออ้องยังไม่ได้ขออนุญาติน้องเค้านะครับ จึงไม่ขอลงชื่อน้องเค้าเอาไว้
    เพียงแต่เห็นว่าการอบรมสติ เป็นประโยชน์ถ้ามาถูกทางนะครับ

    ขอบคุณนะคะ
    สำหรับการแนะนำ www. และขอบอกว่า ได้เคยอ่านการสอนของหลวงพ่อปราโมชย์ หลังจากที่ติดอยู่ในสมาธินานมาก ๆ มีคนใน www. บอกให้ลองอ่านคำสอนของหลวงพ่อฯ ก็ลองอ่านดู

    ตอนแรกที่อ่าน ก็จะแบบว่า เอ๊ะ...ก็เหมือนที่หลวงพ่อพุธสอนเลย เพราะอ่านของหลวงพ่อพุธ ซ้ำเป็น 100 รอบแล้ว

    เพราะตัวน้องเอง..ทำสมาธิแล้ว มันนิ่ง นิ่ง ๆๆๆ ยิ่งลึก ๆๆๆๆ ก็ไม่รู้จะทำอะไรอีก เพราะมันนิ่ง ลึก ขึ้นอย่างเดียว ไปต่อไม่เป็น

    (และที่อ่านของหลวงพ่อพุธ ซ้ำ ๆๆ อยู่นั้น ความรู้สึกมันบอกว่า ท่านต้องสอนต่อ ไว้ในคำพวกนี้แหล่ะ แต่เราไม่เข้าใจเอง ก็จะต้องอ่าน ๆๆๆ เพื่อให้รู้ว่าคืออะไร / หลวงปู่มั่น เหมือนกัน ก็อ่านๆๆๆ )

    แต่พอหลังจากอ่านของ หลวงพ่อปราโมชย์ แล้ว ปรากฏว่า ได้สังเกตุ...พบบางอย่าง ในการสอนของทั้ง 3 ท่าน เหมือนกันอยู่ 1 อย่าง คือ...

    ทั้ง 3 ท่านจะบอกไม่ให้ติดอยู่ใน...ความนิ่ง ในสมาธิ...

    (ซึ่งตัวเองเคยคิดว่า...เนี่ยแหล่ะ...ความนิ่ง สงบ เป็นสุขมาก ๆ อย่างนี้แหล่ะดี...ต้องถูกทางแน่ ๆ เพราะไม่มีความอยาก...อะไร ๆ ๆใน สมาธิ เลย..จึงไม่ยอมเชื่อ จะทำแต่สมาธิ เพื่อ ให้นิ่งขึ้น ลึกขึ้น จนเป็นวัน ไม่หิว ไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้นเป็นวันๆ จนมัน นิ่งลึก ว่างมาก สงบมาก ๆๆๆ ไม่รู้สึกว่ามีร่างกาย แทบจะตลอดเวลา

    ความรู้สึกทุกอย่างอยู่ที่หว่างคิ้วเท่านั้น จนต้องหยิก ต้องตี แขน ขา บ่อย ๆ และสุดท้าย... ต้องหยุด...การทำสมาธิ ...

    เพราะ เวลาเดิน ๆ มันไม่รู้สึกว่าเราเดิน เหมือนเราเห็นร่างกายเดิน แต่เราไม่รู้สึก ตอนนั้น กลัวมาก ๆๆ เลิกทำสมาธิ แต่ขนาดเราเลิกทำ มันกลับทำของมันเอง (คือ นิ่ง ไม่มีร่างกาย ตลอดเวลา) บังคับไม่ได้ จนต้องหาเรื่องไร้สาระมาคิดให้มันฟุ้งซ่าน ....

    แต่พออ่านคำสอนของหลวงพ่อปราโมชย์ แล้ว ก็เห็นการสอนที่เหมือนกัน ทั้ง 3 ท่าน คือ ให้เราดูอาการต่าง ๆ ของร่างกาย ว่าขณะนี้ เราทำอะไร เดิน กิน นั่ง นอน

    แต่ที่อ่านของ หลวงพ่อพุธ หลวงปู่มั่น แล้วไม่เข้าใจ อาจเป็นเพราะ ....

    หลวงพ่อปราโมชย์ ได้ขยายความหมาย ไว้ด้วยว่า ...ให้เรามี...สติ... รู้ตาม...อาการที่เกิดขึ้น กิน เดิน นั่ง นอน ให้รู้ตามตลอด แต่ไม่ต้อง เพ่ง หรือ บังคับ หรือ ฝืน ข่ม ...แต่ ให้ตามดู...ตามรู้...ตามความเป็นจริง...

    พออ่านเจอตรงนี้ ก็ รู้สึกว่า ทั้ง 3 ท่าน สอนเหมือนกันเลย ให้ตามดูอิริยาบถ ร่างกาย ของเราเอง

    ตอนแรกก็ งง ๆ ว่าดูทำไม ร่างกาย ...และทำไม..ไม่สอน ให้ทำสมาธิ ลึก ๆ ต่อไปนะ...แปลกจัง

    จนไม่รู้จะทำยังไง..ต่อ
    จึงคิดเล่น ๆ ว่า ในเมื่อไม่มีอะไรจะทำต่อ ด้านสมาธิ...

    และทำไม ทั้ง หลวงปู่มั่น หลวงพ่อพุธ ที่เรารู้สึกว่า เราศรัทธาท่านมาก โดยไม่รู้สาเหตุ ....
    และหลวงพ่อปราโมชย์...ท่าน ทั้ง 3 จึงให้ทำแบบเดียวกัน คือ ตามดูอิริยาบถ ของตัวเราเอง

    จึงคิดว่า....มันต้องมีอะไรสำคัญ อยู่ในคำสอนแบบนี้ แน่ ๆ เลย ก็เลยคิดว่า ลองทำดูสิ.. เพราะไม่มีอะไรทำอยู่แล้วนี่...

    หลังจากตามดูร่างกาย โดยที่ตอนแรกคิดว่า ต้องน่าเบื่อแน่ ๆ ...แต่....

    ผลการทดลอง (การตามดู)
    วันที่ 1 ตั้งใจจะทำตามคำสอนทั้ง 3 ท่าน จึงเริ่มจาก ดูลมหายใจเข้า-ออกก่อน พอดูแม่นแล้ว ก็เริ่มดูอิริยาบถต่าง ๆ หลังจากตามดู ก็ตามดู ตามทันบ้าง ไม่ทันบ้าง เผลอคิดบ้าง แต่ทุกครั้งที่เผลอ พอรู้ว่าเผลอ ก็จะกลับมา ที่ลมหายใจก่อน ว่าเข้า-หรือ-ออก อยู่ และตามดูอิริยาบถ ต่อ...

    วันที่ 2 รู้สึกว่าตามดู ได้ทันเยอะขึ้น ไม่ค่อยเผลอคิด แต่ก็ยังมี ตามดูทัน บ้าง ไม่ทัน บ้าง อยู่ แต่เพิ่งจะสังเกตุเห็นว่า ร่างกายเรามันเปลี่ยนไปแทบจะตลอดเวลา บางที นั่ง เอ้า เดินอีกแล้ว เดี๋ยว หยุดคิดอะไรอีกแล้ว แปลกจัง..มันไม่อยู่นิ่งเลย ที่เห็นว่านั่งเฉย ๆ จริง ๆ อาจจะไม่เฉยก็ได้ อาจกำลังคิดอะไรอยู่ คือ นั่งปุ๊บ คิดอีกแล้ว มันต่อเนื่องกันไปตลอดเวลา....แปลก..

    วันที่ 3 แทบจะตามดู ได้ทันตลอดเวลา แต่ยังไม่ 100 % แต่ตามได้เป็นส่วนมาก ที่ตามไม่ทัน คือ ตาม ๆ ดู อยู่ แว่บไปคิด ซะนี่...พอกำลังคิด ก็ เฮ้ย.. กำลังตามดู...ว่าเรากำลังนั่งอยู่นะ มันก็จะกลับมาที่ลมหายใจ ก่อนเลย ว่าเข้า-หรือ-ออก อยู่ แล้วก็ตามดูอิริยาบถ แบบกระชั้นชิดต่อไป....

    วันที่ 4 วันนี้ เริ่มต้นวันก็ตามดูทันตลอด เผลอน้อยมาก
    จนขณะหนึ่ง กำลังเดินอยู่ ก็ตามดูแบบแนบติดตลอด ก็ปรากฏว่าเห็น แขน ขา มันเดิน ของมันไป แต่ความรู้สึกของตัวเรา อยู่ตรงหว่างคิ้ว และเหมือนกับกำลังมองดูหุ่นยนต์ตัวหนึ่ง ทำอิริยาบถต่าง ๆ เห็นแบบต่อเนื่อง ตลอดขั้นตอน ในการเปลี่ยนแปลง ท่า ต่าง ๆ ไม่มีช่องว่างเลย มันต่อการเกิดท่านี้ จบท่านี้ ต่อท่านี้ โดยที่เรามองเห็นตลอด เหมือนตัวเรา แยกความรู้สึกอยู่ที่หว่างคิ้ว เห็นตลอด แต่ร่างกายเขาเป็นของเขาไปเอง เป็น auto ไม่เกี่ยวกันเลย เหมือนขณะที่เห็นแบบนี้มันเป็น แบบช้า ๆ ให้เราดู จึงเห็นมันได้อย่างต่อเนื่องทั้งหมด แล้วมันแว่บ ขึ้นมาว่า ร่างกายนี้มันไม่ใช่ของเรานี่นา มันเคลื่อนไหล เปลี่ยนไปมาของมันเอง และเรากำลังมองดูมันอยู่นี่ไง

    หลังจากเห็นดังนั้นแล้ว จึงหันมาศึกษา คำสอนของพระพุทธเจ้า เรื่อง สติปัฏฐาน 4
    (เคยมีคนบอกว่า ทำสมาธิแล้ว ให้ทำ สติปัฏฐาน 4 นะ...แต่ตัวน้องเอง ตอนนั้น ไม่เข้าใจ ว่าคืออะไร...) ตอนนี้พอทราบแล้ว

    แต่ก่อนนั้น อ่านคำสอนพระพุทธเจ้า บางอย่าง อ่านเป็น 100 รอบ ก็ไม่เข้าใจ

    แต่หลังจาก ตามดูกายแล้วเห็นแบบดังกล่าว ได้กลับมาอ่าน สติปัฏฐาน 4 โอ้โห...มันสำคัญอย่างนี้นี่เอง เพิ่งจะเข้าใจ ตอนนี้

    และเหมือนมันเป็น auto เลยค่ะ
    พอเราเห็นกายเป็นแบบนั้นแล้ว
    วันต่อมา
    มันเห็นอารมณ์ที่กำลังเกิดของตัวเอง
    ว่านี่ไง อารมณ์โกรธ มันมีอาการอย่างนี้ ๆๆๆๆ และ
    ๆๆๆๆ ร่างกายมีอาการอย่างนี้ ๆๆๆ เห็นแบบละเอียด ต่อเนื่อง ไปจน อ่อนลง ๆๆๆๆ จนหายโกรธ มันแปลกมาก มันตามดูได้ตลอด แบบต่อเนื่อง ให้เราเห็นเลยค่ะ

    และก็แว่บขึ้นมาว่า พอเราโกรธ เกิดอาการอย่างนี้
    ร่างกายมีอาการเป็นแบบนี้ ๆๆ แต่สุดท้าย มันก็หายไปของมันเอง เราแค่ดูมัน เห็นมันไป ไม่เกี่ยวข้องกับมันเลย

    พอตอนหลัง จะโกรธ ก็แว่บขึ้นมาว่า เรารู้แล้ว เคยเห็นมาแล้ว อาการโกรธ ว่ามันเป็นอย่างไร ร่างกายมีอาการอย่างไร แล้วเดี๋ยวมัน ก็หายไป
    เรารู้อย่างนี้แล้ว เราจะโกรธทำไมนี่
    ตัวเราเองก็จะ เออนะ รู้ว่าเป็นอย่างไรแล้วนี่
    มันไม่ดียังไง ยังจะโกรธอีกเหรอ มันก็หยุดทันที

    และอารมณ์ต่าง ๆ ก็รู้ ตามทันทันที
    เหมือนรู้ (ว่ามีอารมณ์ใด....แล้ว....มันก็...หยุด...สลาย...ไป ไม่เกิดอารมณ์นั้น ...ไม่เกิดอาการต่าง ๆ มันสลายไปเองในทันที...ที่รู้..

    ทุกวันนี้ ใครทำไม่ดีกับเรา แทนที่จะโกรธ เกลียดเขา กลับเป็นว่า เราคงเคยมีกรรมกับเขามา เขาไม่ชอบเรา ก็ช่างเขาเถอะ ห้ามเขาไม่ได้ แต่เราไม่โกรธเขาตอบเลยค่ะ กลับคิดว่าสงสารเขาจังเลย เพราะเรารู้ว่าอาการโกรธ มันทรมาน กาย ใจ ขนาดไหน ก็จะแผ่เมตตา อโหสิกรรม ในใจ...

    จบตอน...

    เล่าให้ฟังค่ะ...


    พี่คะ ตอนทำสมาธิครั้งแรก ๆ น้องเคยได้ยิน
    คำว่า พระปัจเจกพุทธเจ้า ก็สนใจว่าหมายถึงอะไร
    พอรู้ว่า เป็นพระพุทธเจ้าเหมือนกัน เพียงแต่
    ท่านจะรู้...สำเร็จ ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้อง
    ให้ผู้ใดมาสอน ครั้งแรกรู้ความหมาย คิดว่า
    โอ้โห...เก่งจัง เราอยากเป็นบ้าง เพราะเก่งได้ด้วยตัวเอง แต่แค่คิดเล่น ๆ นะคะ ...ไม่รู้ว่ามันจะเป็น
    กรรมอะไรหรือเปล่าคะ...พี่

    ทุกวันนี้ ตัวเองคิดไว้ว่า ไม่อยากมาเกิด แก่ ตาย ในวงกลม วัฏฏสงสารนี้แล้ว เบื่อมากแล้ว ขอให้ตัวเองหาทางออกจาก วงกลม นี้ให้ได้ ในเร็ววันนี้ด้วยเถิด

    ทุกวันนี้ ระลึกถึงคุณองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกพระองค์ นะคะ ว่าท่านเมตตามาก ๆ เลย ที่บอกทางหลุดพ้นจากทุกข์ไว้ให้ และท่านก็ทดลองปฏิบัติจริง จนพบทางพ้นทุกข์ได้จริง

    พระพุทธเจ้า ท่านมีมหาเมตตาจริง ๆ นะคะ ระลึกถึงคุณท่านทีไร จะร้องไห้ทุกครั้ง แบบตื้นตันน่ะค่ะ (แต่ก่อนไม่เคยศรัทธา ไม่รู้จักท่านเลย) ดีใจค่ะท่านบอกทางไว้ให้เดินตามท่านไป...


    ด้วยบารมี คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ บุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำมาตั้งแต่ต้น จนสะสมถึงปัจจุบันนี้ ขอยกน้อมถวายแด่ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกพระองค์ และโปรดเมตตา ให้ข้าพเจ้า พ่อแม่ พี่น้อง ทุกคน และทุกท่าน ทุกรูปทุกนาม เกิดดวงตาเห็นธรรม และเข้าสู่พระนิพพาน ด้วยเถิด...


    ตรงนี้อ้องขอบอกว่า ธรรมะนั้นเมื่อทำถูกก็จะเหมือนกันหมด
    คือมีวิหารเป็นเเครื่องอยู่ มีอบรมสติเพื่อพัฒนาเข้าสู่ว่างบริสุทธิ์แท้

    น้องเค้าติดสมาธิลึกเกิน เห็นสว่างตรงหน้าบ่อยมากๆ และไปติดที่ว่างๆ
    ซึ่งตรงที่รู้สึกว่าว่างยังเป็นสิ่งที่ถูกรู้ด้วยจิตเช่นกัน
    คำว่าว่างต้องว่างจากกิเลส กิเลสไม่มีอำนาจเหนือใจเพราะได้อบรมศีล สมาธิ ปัญญามาดีแล้วด้วยสติปัฎฐาน๔

    น้องเค้าเริ่มแยกกายกับจิตได้ออก และเริ่มเดินเข้าถูกทางมากยิ่งขึ้น
    ขอเพียงแค่เข้าหาครูแนะนำเพิ่มเติม เข้าหากัลยาณธรรม ย่อมพบฝั่งในไม่ช้า

    ทำลายสังโยชน์ในเบื้องต้น เห็นว่ากายที่มีไม่ใช่เรา เห็นว่าจิตที่เกิดและดับไม่ใช่เรา ย่อมละสักกายะทิฎฐิลงเสียไ้ด้
    หมดความลังเลสงสัย เชื่อมั่นในพระรัตนตรัยมั่นคงไม่คลอนแคลนอีกต่อไป
    อนุโมทนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มีนาคม 2009
  11. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ตอบน้องObtimus-KoAutobot

    เป็นสื่อที่ผูกพันกันและกันโดยธรรมชาติเพราะใกล้ชิดกันมานะครับ
    นิมิตชนิดนี้มีทั้งจริงและไม่จริง
    แต่ให้จับอามรณ์ความรู้สึกด้วยใจอย่าไปดูภาพ
    รับรู้ที่ใจเหมือนท่านยังอยู่และย้อนดูใจตนว่าคิดนึกปรุงแต่งหรือไม่

    ทำใจให้ว่างและพิจารณาใหม่จะรู้ด้วยผัสสะว่าของแท้หรือคิดไปเองครับ

    ตรงนี้ผ่านมาแล้วเน๊อะ....
    คราวหน้าลองใหม่นะครับ ย้อนทวนดูภายในและทำใจให้ว่างๆ ถ้าภาพยังปรากฏอีก ใช้ใจสัมผัสจะรับรู้ถึงจิตที่สื่อถึงกันเพราะความผูกพันครับ
     
  12. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    สร้างกุฎิที่วัดทุ่งสมอ

    วันนี้อ้องให้คนงานล้มต้นสนใหญ่4ต้น
    และให้เลื่อยไม้เพื่อนำเอาไปสร้างกุฎิที่วัดทุ่งสมอครับ

    ก็บอกให้เจ้าที่เค้าย้ายบ้านออกมาอย่าไปอยู่วัดละกันฮิๆ
    สงสัยจะบ่นอ้องกันน่าดูว่า...

    น่าจะทำบุญต้นไม้ถวายซะตั้งนานแล้ว ทามไมพึ่งมาคิดได้แหะๆ...

    ค่าแรงค่าตัดไม้ประมาณ 5,000บาทได้ครับ
    และพอดีมีเศษปีกไม้เผื่อวัดเอาไว้ใช้ทำฝ้าของพี่หมู พี่ที่แสนดีมาซื้อบ้านอ้อง
    ติดกัน ก็จะถวายวัดพร้อมไปด้วยเลย

    พอดีท่านมหาสุขุมพึ่งได้รับแต่งตั้งมาเป็นเจ้าอาวาสวัดทุ่งสมอ
    มีกิจจาวัตรงดงามพอดู บ้านอ้องก็เล่นติดวัดซะด้วย ส่วนท่านก็จะคอยเปิดเทป
    ธรรมะครูอาจารย์ต่างๆ อ้องก็เลยได้รับส่วนดีในธรรมะใกล้บ้านไปด้วย

    ก็คงฝากเพื่อนๆอนุโมทนาในกุศลครั้งนี้ด้วยครับ
    และคงจะรวมไปถึงการสร้างพระธาตุเจดีย์ที่วัดที่เชียงราย
    มีพี่รัตน์เป็นเจ้าภาพงาน ทางกลุ่มและเพื่อนๆร่วมกันจัดสร้างได้เงินมาประมาณ
    2ล้านบาท และอ้องอาจจะต้องขึ้นไปสักการะบูชาเนื่องจาก

    สร้างเสร็จแล้ว ว่างๆจะเอารูปมาฝากนะครับ

    บุญแห่งการอนุโมทนาขอให้ออกมาจากใจ ดูที่ภายใน ยินดี น้อมนำด้วยใจอันบริสุทธิ์จิตย่อมร่มเย็นเป็นสุขยิ่งนักครับ

    อนุโมทนาครับ

    อ้องครับ
     
  13. kcsn

    kcsn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2009
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +111
    ร่วมอนุโมทนาบุญในวันแม่ของประเทศอังกฤษค่ะ

    สวัสดีค่ะคุณอ้องและเพื่อนๆกัลยานิมิตรทุกคนค่ะ แวะมาบอกบุญค่ะ วันนี้วันอาทิตย์เป็นวันแม่ของประเทศอังกฤษค่ะ พวกเราชาวไทยได้กราบนิมนต์พระสงฆ์ 3 รูปที่เดินทางมาจากเมืองไทย ไปทำบุญที่ร้านอาหารไทยค่ะ ขอทุกท่านได้ร่วมอนุโมทนาบุญด้วยกันในครั้งนี้ด้วยนะคะ ขอผลบุญทั้งหลายที่ข้าพเจ้าได้ทำทั้งหมดทั้งมวลส่งผลให้ทุกๆท่านและครอบครัวมีความเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ...สาธุ :)
     
  14. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    วันนี้งานบุญแฮะดีๆจังอนุโมทนา ส่งรูปมาให้ดูครับ

    เป็นงานตัดไ็ม้ของพวกช่าง งานนี้ไม้เอาไปสร้างกุฎิได้หนึ่งหลังแน่ๆ
    แต่ค่างานสงสัยจะมากขึ้น แหะๆ ...
    [​IMG]

    [​IMG]

    รูปที่บ้านอ้องอยู่ครับ บนเขาจะสงบเงียบ สันโดษ ขโมย โจร น้อยครับ
    บ้านแต่ละหลังเลยไม่มีรั้วบ้านครับ
    [​IMG]

    เอาไว้อ้องไปงานบุญที่เชียงรายกลับมาจะเอาภาพมาฝากนะครับ ถ่ายจาก...บ้านสวนหมอก เขาค้อครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มีนาคม 2009
  15. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ขออนุญาติน้องอีกหนึ่งกระทู้จ๊ะ

    ไหนๆก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆำได้บ้าง
    เพราะพระพุทธองค์สอนให้เข้าหาแก่นแท้คือใจบริสุทธิ์ปราศจากกิเลส

    พี่อ้องก็ขออนุญาติอีกหนึ่งกระทู้นะครับ และขอบคุณที่อนุโมทนามาซะอย่างแรง

    ขออนุญาติเพื่อเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะนะครับ

    ขอถามทางนี้นะคะ
    เพราะยังไม่แน่ใจมากนัก (แต่รู้ว่าเป็นสิ่งดี) ในสิ่งที่ได้ปฏิบัติอยู่

    อดีต คือ เคยนั่งสมาธิครั้งแรก เพราะรู้สึกอยากนั่ง โดยที่ไม่รู้รายละเอียด ในเรื่องการทำสมาธิ และในคืนแรกที่นั่งนี้ ก็มีหลายอย่างเกิดขึ้นในสมาธิ 1 ในหลายอย่าง นั้น คือ ร่างกายหาย และ.....

    ปัจจุบัน แค่นึก จะทำสมาธิ ไม่ว่าทำอะไรอยู่ อยู่ที่ไหน หรือ เสียงดังแค่ไหน แค่คิดทำสมาธิ ก็จะ ร่างกายหายทันที นิ่งมาก ๆ ตรงหน้าจะมีแต่แสงสว่างมาก ๆ อย่างเดียว

    จะขอรบกวนให้ชี้แนะทางธรรมบ้างค่ะ
    ทุกวันนี้ คิดว่า การเกิด แก่ เจ็บ และตาย มีทางไหนบ้าง ที่จะสามารถไม่ต้องมาเป็นแบบนี้อีก มันเบื่อมาก ๆ เห็นแล้ว ไม่อยากมาเป็นแบบนี้อีก

    ทำไมทุกคนที่เห็น เกิดมาต้อง เรียน มีครอบครัว มีลูก มีเจ็บ และต้องตายทุกคน ถ้าชาติหน้าเกิดเป็นคน ก็ต้องเป็นแบบนี้อีกเหมือนกันทุกชาติ แค่คิดก็ เอียนมาก ๆ เบื่อมาก ๆ มีทางไหนไม่ต้องเป็นแบบนี้บ้าง ไม่อยากเป็นแบบนี้แล้ว

    ความคิดนี้ เกิด เมื่อทำสมาธิหลาย ๆ ครั้ง มาก ๆ ขึ้น และเริ่มนึกถึงเรื่องของพระพุทธเจ้า เมื่อครั้งสมัยเรียน ว่าท่านเคยคิดเรื่องนี้ และค้นพบทางออก จึงเริ่มสนใจคำสอนพระองค์ท่าน จากที่ไม่เคยสนใจเรื่องของพระองค์มาก่อน จะมีก็แค่เคยไปวัด ทำบุญ ตามผู้ใหญ่ ตามเทศกาลต่าง ๆ

    ซึ่งแต่ก่อนที่จะทำสมาธินั้น ก็มีความโลภ รัก โกรธ เหมือนทุกคน นั่นแหล่ะค่ะ

    เคยเป็นไหมคะ เวลาเห็นคนแก่ เด็ก-คนเร่ร่อน คนพิการ จะสงสารมาก ๆ บางทีก็น้ำตาซึม และคิดว่า เขาน่าสงสารจัง เขาเคยทำอะไรมา ทำไมเขาเป็นแบบนี้

    ไม่คิดว่าจะเข้ามาอ่านกระทู้แบบนี้ (ประเภทอภิญญา) เท่าไรค่ะ เพราะคิดอยากเดินตามทางที่พระพุทธเจ้าท่านสอนให้พ้นทุกข์ พ้นวัฏฏสงสาร

    คิดแค่อ่านเล่น ๆ เพราะรู้สึกเฉย ๆ แต่ก็รู้ว่าหลายคนทำเรื่องแบบนี้ได้ เชื่อค่ะ แต่ตัวเองจะคิดตลอดว่าอยากไปตามทางที่พระพุทธเจ้าท่านสอนให้ปฏิบัติมากกว่า ไม่ค่อยสนใจเรื่องแบบนี้

    แต่มีบางครั้งสงสัยบางอย่าง ว่ามีจริงหรือ ก็จะมีเกิดขึ้น..ให้เห็นนะคะ (ในสมาธิ)

    แต่มาอ่านกระทู้นี้แล้ว รู้สึกว่า...พี่ชัชวาล..เป็นแบบว่า จิตใจดี ไม่หลง รู้ว่าทางใดเป็นทางที่พระพุทธเจ้าท่านสอนให้ปฏิบัติ

    จึงจะขอให้พี่ชัชวาล ช่วยแนะนำทางที่ควรปฏิบัติด้านสมาธิ เพื่อความก้าวหน้าทางธรรม พ้นจากวัฏฏสงสารนี้

    ขอบารมีคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ คุ้มครอง ทุกรูปทุกนาม ให้มีความสุขกาย สุขใจ สบายกาย สบายใจ เจริญในธรรม มีดวงตาเห็นธรรมในเร็ววันด้วยเถิด...


    พี่อ้องขออนุโมทนานะครับ นี่เป็นคำถามแรก และอ้องได้ตอบน้องไปแล้ว
    ที่อ่านกันในช่วงแรกครับ

    จิตเป็นธรรมชาติรู้อารมณ์เกิดดับเร็วมาก ถ้าเห็นจิตว่าที่มีนั้น ไม่ใช่เราเป็นเพียง
    เงามายา มีสภาพไม่ใช่ีเค้าเรา เมื่อนั้นก็จะทำลายวิปราสสัญญาออกเสียได้
    ขอให้เพียรชอบต่อไป เมื่อใดอินทรีย์แก่รอบ เห็นซ้ำๆจนใจยอมรับ

    เมื่อนั้นก็ทำลายภพ ทำลายขันธ์ในเบื้องต้นที่จัดว่ายากที่สุดลงได้ครับ

    อนุโมทนา

    พี่อ้อง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มีนาคม 2009
  16. seedgogo

    seedgogo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,177
    ค่าพลัง:
    +4,020
    บ้านน่าอยู่นะคับคุณออง
     
  17. กองกอย

    กองกอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +219
    บ้านสงบมาก ๆ สงบเย็น ดูแล้วสบายดีครับ
     
  18. kcsn

    kcsn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2009
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +111
    บ้านคุณอ้องน่าอยู่มากๆค่ะ ดูสงบ ร่มเย็น และอบอุ่นค่ะ :)
     
  19. อิสสริยะ

    อิสสริยะ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2009
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +22
    สวัสดีค่ะคุณอ้อง
    เข้ามาขอบคุณ คุณอ้องที่ได้โพสต์ ข้อความน้องที่ถามคำถาม เพราะตรงกับปัญหาของตัวเองเหมือนกันค่ะ ได้คำตอบจากน้องเขา เลยค้นดูจาก ในเวป เรื่องสติปัฏฐาน4 เลยเจอเวปนี้อธิบายได้ละเอียด ขออนุญาตโพสต์เวป เผื่อจะมีผู้สงสัย ต้องการคำตอบ ในเรื่องสมาธิ และฌาน
    ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จ ได้บรรลุธรรมทุกท่านค่ะ www.nkgen.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มีนาคม 2009
  20. บรม

    บรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,163
    ค่าพลัง:
    +3,926
    อ่านไป ขนลุกไป ด้วยความเคารพในความเพียรปฏิบัติและความรู้จริงที่นำมาเผยแพร่เพื่อประโยชน์แห่งความสุขที่แท้จริง อนุโมทนา สาธุ กับทุกท่านนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...