เรื่องราวที่คนทั่วๆไปไม่ค่อยรู้

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย Aunyasit, 26 สิงหาคม 2005.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    โมทนาบุญของพ่อหนูน้อย น่ารักค่ะ:cool:


    ขึ้นชื่อว่าการทำบุญแล้วน่าชื่นชมเสมอค่ะ ศรัทธาย่อมนำหน้าก่อนแล้วปัญญาจงวิ่งตามมาด้วยค่ะ
     
  2. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    หลวงพ่อจรัญ จ.สิงห์บุรี เมตตาลงอักขระให้ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Z.JPG
      Z.JPG
      ขนาดไฟล์:
      30.9 KB
      เปิดดู:
      45
    • Z1.JPG
      Z1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      28.3 KB
      เปิดดู:
      44
  3. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    เอ๊ะ...พรีเซนเตอร์คนเดียวกันไหมเนี่ย 555 ค่าตัวแพงจังเลยหนูน้อยเอ๋ย
     
  4. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    หลวงพ่อทองแดง วัดป่าลาดทอง เมตตาลงอักขระให้ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • A1.JPG
      A1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      33.1 KB
      เปิดดู:
      48
  5. ศิวดล

    ศิวดล Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +75
    เรียน คุณ vachiravute

    1.ได้ยินมาว่า มีการวิจารณ์พระที่วัดป่าสีดา(ไม่ทราบว่าใช่พระสุวิทยาหรือเปล่านะ) ที่ปัจจุบันกำลังทำหอจักพรรดิ์ ที่คุณคนไกลเอามาโพสไว้ และ ที่Chatyman ไปถ่ายมาไง เขาว่าพระที่วัดเลือกตำแหน่งสร้างอยู่ในที่ไม่สมควร ตกทิศมรณะ ผู้ที่สร้างจะแตกร้าวสามัคคีโดยเฉพาะสตรี เขาที่วิจารณ์พระที่วัดป่าสีดาก็คือ หลวงปู่ทองฤทธิ์ ซึ่งการวิจารณ์ไม่ได้วิจารณ์ต่อหน้า แต่ไปวิจารณ์ลับหลังกับลูกศิษย์ของวัดนี้อีกที (หนึ่งในนั้นก็คือ คุณคนไกล )
    โดยหนึ่งในลูกศิษย์ของหลวงปู่ทองฤทธิ์เป็นเพื่อนกับลูกศิษย์ที่วัดป่าสีดา (คุณ XCHAN หรือคุณประสาทพร )จึงเริ่มมีการติดต่อจากหลวงปู่ทองฤทธิ์ว่า
    ให้ลูกศิษย์วัดป่าสีดาคนไหนๆ ไปหาท่าน ในงานนี้บ้าง งานนั้นบ้าง แล้วลูกศิษย์วัดป่าสีดาก็เป็นอย่างที่เห็นในปัจจุบันไง ดูเหมือนแตกร้าวสามัคคีกันเองในเวปนี้ เหมือนกับที่หลวงปู่ทองฤทธิ์ ได้ลั่นวาจาไว้ ก็ลองคิดเอาว่าเกิดจากอะไรถ้าคุณมีปัญญานะ ซึ่งถ้าจะสังเกตุให้ดีในกระทู้นี้คุณคนไกลเคยเขียนเรื่องหอนี้ว่ามหัศจรรย์ขนาดไหน แต่ระยะหลังๆ เรื่องหอจะหายไป กลายเป็นเรื่องโลกอุดรแทน และหลวงปู่ทองฤทธิ์กับลูกศิษย์ใหม่ๆ ก็เป็นที่มาของการระดมเงินสร้างพระเจ้า 5 พระองค์ครั้งนี้ไง ก็คิดดูว่าบริสุทธิ์แค่ไหนนะ
    คุณ vachiravute เข้าใจหรือยังล่ะ ผมไม่ได้มาประจานลูกศิษย์วัดป่าสีดานะ
    ถ้าโกรธก็ขอโทษด้วย แต่ไม่รู้จะโกรธทำไม

    2.ผมไม่ได้แค้นใครหรอก ทั้ง 2 คนเนี่ย แต่ผมมันเป็นโรคที่รักษาไม่หาย คือ ชอบเกาแผลชาวบ้านให้เปิดออก

    3.ก็พิจารณาเอานะครับ

    4.แน่นอนครับกลุ่มนี้เขามีที่มาที่ไปแบบนี้ ถ้ามาบอกบุญในเวปอันดับ 1 ก็ต้องเจอแบบนี้ล่ะ

    ถามหน่อยถ้าข้อเท็จจริงเป็นอย่างนี้แล้วคุณ vachiravute ยังอยากจะร่วมบุญกับพวกนี้ไหม ...........
     
  6. ศิวดล

    ศิวดล Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +75
    รูปต่างๆ ที่คนไกลมาโพสไว้ ก็ไม่สามารถที่จะบอกได้ว่างานนี้บริสุทธิ์แค่ไหน เพราะสูตรต่างๆ ก็มาจากโลกอุดร ที่เขาชอบอ้างเสมอไง ครับคุณ vachiravute
     
  7. xchan

    xchan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +106
    ขออนุโมทนากับผู้ร่วมบุญทุกท่านนะครับ

    สำหรับผู้ที่คิดว่าตนเองทรัพย์น้อย และคิดว่าตนเองไม่มีบทบาทนั้น ฟังทางนี้สักนิดครับ

    เมื่อครั้งที่ผมได้พบกับหลวงปู่ทองทิพย์ใหม่ๆ นั้นผมเรียนหนังสือพึ่งจบ ค่อนข้างขัดสนในการร่วมบุญแต่ละครั้ง ก็เลยหลบๆ อยู่ท้ายๆ ของคณะญาติโยมที่มาร่วมบุญ มีอยู่ช่วงหนึ่งในงานกฐิน ผมเองได้มีโอกาสได้นั่งใกล้ๆ ท่าน
    ท่านหันมามองหน้าของผมแล้วก็เทศน์เรื่องของชายผู้หนึ่งให้ฟัง ดังนี้ครับ

    "นานมาแล้วในเมืองแห่งหนึ่งมีกษัติย์เป็นผู้ปกครองบ้านเมือง ได้ทำบุญทอดกฐินอย่างใหญ่โต เนื่องจากว่าท่านอยากได้บุญเยอะๆ มีผู้คนมากๆ มาร่วมในงานกฐินในครั้งนี้ และมีชายผู้หนึ่งยากจนเข็ญใจ อยากที่จะร่วม
    บุญในครั้งนี้ แต่ไม่มีเงินติดตัวเลยแม้แต่บาทเดียว ด้วยความที่อยากที่จะร่วมบุญกฐินในครั้งนี้ จึงได้เฉือนหนัง ฝ่าเท้าของตัวเองไปขายในตลาด ได้เงินมา 1 บาท เขาได้นำเงิน 1 บาทนี้ไปซื้อเข็มและด้ายมา 1 ชุด แล้วนำ
    ไปร่วมกับบุญกฐินนี้ ครั้นเมื่อพิธีการเสร็จสมบูรณ์ เข็มและด้ายนี้ได้ตกเป็นของภิกษุรูปหนึ่ง บังเอิญภิกษุรูปนี้นุ่งห่มจีวรขาด จึงได้นำเข็มและด้ายนี้ทำการซ่อมแซมจีวรของท่าน ชายหนุ่มผู้นี้ได้เห็นภิกษุนำเข็มและด้ายของตน มาใช้อย่างเป็นประโยชน์ จึงเกิดความปิติอย่างยิ่ง เดินไปไหนมาไหน ใครๆ ก็ทักเพราะเขายิ้มด้วยใบหน้าที่ผ่องใส ใครๆ ต่างก็มาถามว่าเขาเเป็นอะไร เขาก็ตอบว่าเราได้บุญ คนเขาก็ถามต่อว่า ท่านได้บุญอย่างไร เขาก็ตอบว่า เราได้ตัดหนังเท้าของตนไปขายได้เงินมาร่วมบุญกฐิน ผู้คนที่ได้ยินได้ฟังเขาก็ต่างอนุโมทนา สาธุกับ
    อานิสงฆ์ของเงิน 1 บาทนี้ ความได้กระจายไปจนถึงพระราชา พระราชาจึงได้เรียกชายผู้นี้มาถามว่าท่านทำไมได้บุญมากจังเลย ท่านทำสิ่งใดมา แล้วท่านทำอย่างไร ถ้าท่านแบ่งบุญให้เราครึ่งหนึ่ง เราก็จะแบ่งเมืองให้ท่านครองครึ่งหนึ่ง ชายผู้นี้จึงได้เล่าในสิ่งที่ตนเองกระทำบุญในงานกฐินนี้ พระราชาได้ฟังก็ได้กล่าวอนุโมธนาสาธุ แลัวพูดว่า เราปลื้มใจ ดีใจ เราได้บุญมาจากท่านแล้ว งั้นเราจะทำตามสัญญาคือจะแบ่งเมืองให้ท่านครองครึ่งหนึ่ง แล้วในที่สุดชายผู้ยากจนเข็ญใจนี้ก้ได้ครองเมืองร่วมกับพระราชา"

    ได้ฟังท่านเทศน์แล้วน้ำตาซึมเลยครับ

    นี่แหละครับคือ "อนิสงฆ์ของเงิน 1 บาท" ที่ทำบุญด้วยจิตบริสุทธ์

    และตอนนั้นทั้งเนื้อทั้งตัวกระผมมีเงินเพียง 5 บาท จึงได้ตั้งจิตอธิฐานถวายเงิน 5 บาทเพื่อเป็นการสักการะแด่พระเจ้า 5 พระองค์ในงานกฐินครั้งนั้นครับ

    หลวงปู่ทองทิพย์ท่านมักจะสอนผมเรื่องแบบนี้บ่อยๆ ครับ ตอนแรกผมตั้งใจเล่าอีกเรื่องที่ท่านเทศน์ให้ฟัง เรื่อง "มะกอกกับมะขามป้อม" แต่ก็นึกในใจอยู่เหมือนกัน กลัวเรื่องราวจะเปิดเผยสู่สาธารณะ แต่ก็ลองพิมพ์ดู
    ก่อน เมื่อพิมพ์ไปถึงตอนสำคัญเครื่องคอมก็แฮงค์ครับ เลยไม่เอาดีกว่า เล่าได้ปากเปล่า แต่ไม่ควรเป็นลายลักษณ์อักษรครับ เพราะมันเกี่ยวกับอตีตชาติของมหาราชท่านหนึ่ง

    ว่างๆ จะนำนิทานที่ท่านเล่าให้ผมฟัง มาเล่าให้อีกครับแต่ต้องดูทิศทางลมด้วย ไม่งั้นผมแย่
     
  8. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    คุณ ศิวดล

    ลูกศิษย์วัดทุกคน เราคุยกันรู้เรื่องหมดแล้วว่าอะไรเป็นอะไร จะดำเนินงานต่อไปอย่างไรเกี่ยวกับวัด แล้วคุณศิวดล โผล่มาจากไหนละเนี่ย ไม่ได้เกี่ยวข้องกับวัดป่าสีดาฯเลย แล้วมาวิจารณ์โน่นวิจารณ์นี่ ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่า "คนดีมักจะชอบแก้ไข แต่คนจัญไรนี่ชอบแก้ตัวไปเรื่อยๆ" คนเขากินข้าวหม้อเดียวกันเขาคุยกันรู้เรื่อง แต่คุณน่ะคุยไม่รู้เรื่องเพราะคุณเป็นข้าวนอกนา(บุญ)

    ผมน่ะบอกได้ว่าคุณน่ะไม่บริสุทธิ์แน่นอน เพราะคุณปรามาสพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ หลวงปู่ทองทิพย์ พระครูเทพโลกอุดร รวมทั้งครูบาอาจารย์พระอริยสงฆ์ทั้งหลายที่ท่านตั้งใจอธิษฐานจิตเพื่อสร้างพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ รวมทั้งคุณปรามาสลูกศิษย์ลูกหาของครูบาอาจารย์เหล่านั้น รวมทั้งปรามาสผู้ที่ร่วมบุญกุศลท่านอื่นๆในครั้งนี้ด้วย แล้วคุณเกิดมาเป็นมนุษย์เพื่ออะไร เมื่อดูสภาพจิตใจแล้วคุณต่ำกว่าความเป็นมนุษย์ไปแล้ว พระแม่ธรณีท่านคงจะหนักน่าดูเมื่อคุณเดินไปไหนมาไหนบนผืนปฐพีนี่

    คนเราน่ะมีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นของตนเองและมีกรรมเป็นเผ่าพันธ์ สิ่งที่คุณกำลังแสดงออกนั้นจะทำให้เผ่าพันธ์กรรมของคุณนั้นมัวหมองไปทั้งเผ่าพันธ์

    ต้องขออภัยท่านอื่นๆด้วยครับ ที่ใช้คำไม่สละสลวย เท่าที่ควรครับ

     
  9. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    อธิษฐานญาณศีลธรรมหลวงปู่ยี วัดดงตาก้อนทอง เมตตาลงแผ่นอักขระ พร้อมทั้ง สรงน้ำผึ้งให้กับสรีระของท่านครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • B2.JPG
      B2.JPG
      ขนาดไฟล์:
      30.6 KB
      เปิดดู:
      39
    • B4.JPG
      B4.JPG
      ขนาดไฟล์:
      34.9 KB
      เปิดดู:
      45
    • B5.JPG
      B5.JPG
      ขนาดไฟล์:
      30.4 KB
      เปิดดู:
      35
    • B3.JPG
      B3.JPG
      ขนาดไฟล์:
      32 KB
      เปิดดู:
      36
  10. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    อธิษฐานญาณศีลธรรมหลวงพ่อโอภาสี เมตตาลงอักขระ ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • C1.JPG
      C1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      49.4 KB
      เปิดดู:
      44
    • C2.JPG
      C2.JPG
      ขนาดไฟล์:
      39.9 KB
      เปิดดู:
      41
  11. Mr.tom

    Mr.tom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2005
    โพสต์:
    269
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,185
    ก็ขอให้กำลังใจคณะผู้สร้างทุกท่านนะครับ...
    ถ้ามีปัจจัยพร้อมก็จะโอนไปทำบุญด้วยตามกำลังศรัทธาครับ
    ในงานวันหล่อถ้าว่างก็จะพยายามไปให้ได้ครับ...
     
  12. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    ขออนุโมทนาสาธุการกับคุณฐิติ ที่ร่วมบริจาคปัจจัยมาร่วมในการสร้างพระ 100 บาท ครับ

    ต้องกราบขออภัยบางท่านนะครับที่อาจจะไม่ได้ใส่ชื่อของทุกท่านที่ร่วมอนุโมทนาบุญมาในเวป อาจจะมีรายชื่อบางท่านตกหล่นบ้างครับ

    สำหรับท่านที่ต้องการนำแผ่นยันต์ที่มีรายชื่อตนเองและครอบครัว หรือนำโลหะต่างๆเพื่อมาร่วมหล่อพระ ก็เชิญมาใส่เบ้าหลอมด้วยตนเองในวันหล่อพระนะครับ

    พร้อมกันนี้ก็ขออนุโมทนา สาธุการในกุศลจิตของทุกๆท่านด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2006
  13. kitjang

    kitjang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2006
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +511
    เห็นไหมครับ คุณอัญญาสิทธิ์ สิ่งที่ผมบอกที่ผมแนะ ว่าให้ทำอะไรเป็นรูปธรรม ให้ชาวเวปเขาได้เห็น เมื่อเห็นแล้ว เขาย่อมศรัทธาและสนับสนุนกับคณะของคุณ ไม่เหมือนเมื่อก่อน คุณได้มาบอกปากเปล่า น้ำหนักมันไม่เท่ากันครับ และหลายคนเกิดสงสัย จนถึงวันนี้คุณได้นำภาพที่คุณบอกปากเปล่าเมื่อก่อนเอามาลงให้ดู สาธุครับที่คุณได้ไปกราบ ครูบาอาจารย์แต่ละท่าน หากเห็นแบบนี้ตั้งแต่แรกผมจะไม่สงสัยเลยครับ ผมก็จะมีกองบุญของญาติธรรมของผม ไปในวันงานหล่อครับ และขอให้ งานบุญกุศลนี้ สำเร็จ จงสำเร็จ ให้เห็นบารมีแห่งพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ครับ

    คราครั้งใดที่เจ้ารู้สึกตัวว่าเจ้าอยู่ในพระพุทธศาสนานี้ ครานั้นเจ้าคือคนของพระศาสนา
    คราใดที่เจ้าเป็นคนของพระศาสนา ครานั้นเจ้าก็ต้องทำงานให้กับพระศาสนา
    คราใดที่เจ้าทำงานให้กับพระศาสนา ครานั้นเจ้าก็ต้องทำความเจริญให้กับพระศาสนา
    คราใดที่เจ้าทำความเจริญให้กับพระศาสนา ครานั้นเจ้าจงรู้ไว้เถิดว่า
    เจ้ากำลังทำความเจริญให้กับจักรวาลและตัวเจ้าเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2006
  14. loveg

    loveg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    125
    ค่าพลัง:
    +1,078
    เฮ้อ ผมอุตส่าห์บอกแล้วว่า ไม่ต้องการการชี้นำใดๆ ยิ่งการชี้นำที่ทำให้แตกแยก
    การชอบสะกิดแผลคนอื่น แสดงถึงว่าเป็นคนที่ชอบผูกใจเจ็บ ไม่ยอมให้อภัย
    ซึ่งมันเป็นคนละอย่างกับการเตือนและการซักถามเพื่อให้เกิดความกระจ่างอย่างเป็นกลาง
    ทำแบบเป็นมือที่สามแทรกเข้ามาระหว่างความสัมพันธ์ที่เราไม่ได้รู้เรื่องราวลึกๆ อย่างนี้
    ผลมันจะทำให้แตกแยกมากกว่าผลดีอย่างอื่น แถมถ้าเขาคุยกันรู้เรื่องแล้ว เราจะกลายเป็นตัวอะไรไป

    และในความคิดผมต่อให้ผมจะทำบุญอะไรร่วมกับโจรก็เถอะ แต่ถ้าผมแน่ใจและเห็นแล้วว่าเงินของโจรที่นำมาทำบุญนั้นเป็นเงินที่ไม่ได้ปล้นมา
    แต่เขาทำงานสุจริตแลกมาเพื่อการทำบุญนี้ด้วยจิตบริสุทธิ์ ผมก็จะทำร่วมด้วย อนุโมทนาด้วยที่เขา
    ยังทำบุญบ้าง ไม่ใช่ทำบาปอย่างเดียว

    ผมแยกได้ว่าอันไหนบุญ อันไหนบาป ทำบุญทำบาปผลก็เกิดขึ้นเป็นแต่ละครั้ง ไม่ใช่ทำบุญแล้วบาปจะลด ทำบาปแล้วบุญจะลด ทำบุญร่วมกับคนมีบุญมากแล้วผมจะได้บุญมากกว่าทำบุญร่วมกับคนมีบุญน้อย
    แล้วไม่ว่าสิ่งที่ทำจะเกิดอะไรมหัศจรรย์ขนาดไหน หรือจะใครจะทะเลาะกับใครในเรื่องราวใดๆ
    ผมก็ไ่ม่เห็นว่ามันจะน่าสนใจไปกว่าบุญที่จะทำบริสุทธิ์เีพียงไหน ได้ผลบุญอานิสงค์เต็มที่หรือเปล่าหรอกนะ

    ผมไม่ได้นับถือคนที่ภูมิความรู้อย่างเดียวหรอกนะ ผมนับถืิอและให้ความสำคัญที่วาระจิตมากกว่า
    และผมก็แยกด้วยว่าในคนๆนึงนั้นมีสิ่งใดบ้างที่ผมจะนับถือและผมจะไม่นับถือ ผมไม่เหมารวมหรอก
    อย่างเพื่อนผมก็มีสิ่งที่ผมนับถือและสิ่งที่ผมไม่นับถือ แต่ผมก็ยังไม่ได้ตัดสินเลยว่าเพื่อนผมเป็นคนไม่ดี
    ไม่สมควรร่วมบุญด้วย ผมโดนเตือนมาว่าอย่าประมาทในบุญ ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดและกว้างกว่าที่จะคิด

    ถามหน่อยว่า ถ้าผมประพฤติผิดศีลทุกข้ออย่างหนักมาตลอดชีวิต แต่อยากจะทำบุญอย่างบริสุทธิ์อย่างสุดจิตสุดใจสักครั้ง ครบองค์ประกอบสามประการ
    แล้วบุญที่ผมจะได้เพียงครั้งนี้จะเป็นแบบไหน เต็มที่หรือไม่เต็มกันแน่
    ถ้าผมประกาศและแสดงตัวว่าบริสุทธิ์ตั้งแต่เบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุดของการทำบุญนี้
    จะไม่มีคนโมทนาในบุญของคนบาปอย่างผมบ้างเหรอ
     
  15. chatyamn

    chatyamn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +4,057
    อ้าวตกลงกันได้แล้วหรือ....ครับเหลือ ผมเป็นมารอยู่คนเดียวเอง....หรือนี่การบอกบุญ สร้างพระ สร้างกุศลในเวบ...หลาย ๆ กระทู้ที่ผมเห็น เขาจะอัพข้อมูลรายรับจากผู้ร่วมทำบุญเข้ามาเป็นระยะ เดือนหนึ่งหรือสองเดือนอัพที....มียอดรวมเท่าไหร่...เมื่อมีรายจ่ายเท่าไหร่ก็หักออกไป...หักออกวันไหน..รับวันไหน มีบอกไว้ตลอด....บางกระทู้ก็แสกนส่งหลักฐานมาด้วยก็มี....อย่างนี้ยิ่งโปร่งใสยิ่งขึ้น....เวลาผ่านไป ปี สองปี หรือแม้ยี่สิบปีข้อมูล ที่ทำไว้ก็สามารถตรวจสอบได้...และใช้อ้างอิงในการทำโครงการต่าง ๆ ได้ในอนาคต....ผมว่าดีนะตรงนี้.มารไม่มีบารมีไม่เกิด....ไอ้ผมบารมีมันน้อย ก็เลยเป็นมารสะเลย อิอิ.
     
  16. ฐตธนวัฒฆ์

    ฐตธนวัฒฆ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    146
    ค่าพลัง:
    +745
    กฏแห่งกรรม


    แต่ปางก่อน
    ..... หากผู้ใดเคยมีส่วนรวมในการซ่อมแซมโบสถ์ วิหาร ในวัด มิว่าจะโดยการลงทุนด้วยเงินทองหรือลงแรงกายแรงใจ ก็ตาม และนอกจากการช่วยซ่อมแซมแล้ว ถ้าหากผู้ใดเคยมี ส่วนร่วมลงแรงหรือสมทบทุนในการสร้างวัด สร้างโบสถ์ สร้าง วิหาร สร้างศาสนสถานหรือสำนักปฏิบัติธรรมต่างๆ ก็นับว่า อยูในเกณฑ์
    ในชาตินี้
    ..... ผู้นั้นจึงมีบ้านเรือนที่พักอาศัยใหญ่โตหรูหรา หรือ มีตึกมีอาคารเป็นที่ทำการค้า ยิ่งไปกว่านั้นอาจเป็นเจ้าของศูนย์ การค้าหรือห้างสรรพสินค้าซึ่งเป็นธุรกิจของตนเองอย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และคฤหาสถ์หรือตึกอาคารนั้นก็เป็นที่รู้จักและชื่นชม ของบุคคลทั่วไป กล่าวได้ว่านอกจากจะมีทรัพย์เป็นคฤหาสถ์ หรือตึกอาคารใหญ่โตแล้ว ยังเป็นที่เคารพนับถือของคนต่างๆ ประสาผู้มีบุญมีวาสนาไม่ธรรมดา
    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    แต่ปางก่อน
    ..... หากผู้ใดเคยทำความเสื่อมเสียให้แก่บรรดาผู้ปฏิบัติ ธรรมไม่ว่าพระสงฆ์องค์เจ้า ฤๅษี ชี พราหมณ์ นักแสวงบุญ หรือผู้บำเพ็ญในสำนักต่างๆโดยการพูดจาใส่ร้ายป้ายสี หรือใช้ คำพูดในทางใดๆ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลเหล่านั้น โดยไม่เป็นความจริง ซึ่งเรื่องที่ใส่ร้ายใส่ไคลัท่านให้มัวหมอง นั้นล้วนแต่เป็นเรื่องที่ตนเป็นผู้ก่อขึ้นทั้งสิ้น
    ในชาตินี้
    ..... ผู้นั้นจึงต้องพบเจอกับความทุกข์ยากในภัยอันเกิด จากอัคคี ไม่ว่าจะเป็นไฟไหม้ไฟดูดไฟช๊อต หรือถูกฟ้าผ่าเอา ก็ตาม แต่ตลอดชีวิตนั้นจะต้องผจญกับปัญหาเรื่องราวต่างๆ หรือเหตุการณ์ที่นำมาซึ่งความเดือดรัอนราวกับถูกเพลิงไฟแผด เผาให้ต้องร้อนอกร้อนใจอย่างหาความสุขไม่ได้ไปจนกว่าชีวิต จะมอดไหม้
    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    แต่ปางก่อน
    .....หากผู้ใดเคยใช้วาจาในทางที่ผิด มักพูดจาใส่ร้ายป้ายสี ยุยงให้ผู้คนเกิดความเข้าใจผิดต่อกัน จนกระทั่งมีผู้ได้รับความ เสียหาย ไม่ว่าจะเป็นการยุแหย์ให้คนสองฝ่ายมีความเกลียด ชังกัน หรือยุแหย่ให้คนต้องทะเลาะบาดหมางต่อกัน หรือใส่ไคล้ สร้างเรื่องจนเป็นเหตุให้คนเดือดร้อนไปทั่ว ถึงกับถูกไล่ออก จากงานหรือครอบครัวแตกร้าว ยิ่งไปกว่านั้นอาจทำให้คน เขัาใจผิดจนถึงขั้นฆ่าผู้อื่นหรือฆ่าตัวตาย
    ในชาตินี้
    ..... ผู้นั้นจึงเป็นบุคคลที่ไม่ว่าจะมีสภาพความเป็นอยู่สุข สมบูรณ์แค่ไหนอย่างไร แต่ก็จะต้องพบเจอกับความเจ็บป่วย แบบทุกข์ทรมานไม่น้อย กล่าวคือต้องอาเจียนออกมาเป็นโลหิต ด้วยการเจ็บไข้ได้ป่วยหรือเหตุอื่นๆ ใดๆ ก็ตาม แต่จะต้องกระอัก เลือดออกมาเสมอ และต้องทนทุกข์ทรมานด้วยอาการของโรค จนถึงกาลอวสานของชีวิต
    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    แต่ปางก่อน
    ..... หากผู้ใดเคยทำการใดๆ ก็ตามที่เป็นผลให้บุคคลอื่น เกิดความเสื่อมเสีย ไม่ว่าจะเป็นการเสียเกียรติ เสียศักดิ์ศรี เสียชื่อเสียง เสียทรัพย์สิน หรือเสียใจไปตลอดชีวิตจนคิดฆ่าตัว ตาย และ ว่าการกระทำนั้นจะโดยวิธีการพูดจาใส่ร้ายหรือใช้ เล่ห์เหลี่ยมวางแผนชั่วร้ายใดๆ ก็ตาม แต่ถ้าวิธีนั้นทำให้คนดี คนบริสุทธิ์ได้รับความเสียหายขึ้นมาได้ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์
    ในชาตินี้
    ..... ผู้นั้นจึงต้องประสบกับการจบชีวิตด้วยการม่าตัวตาย ไม่ว่าจะเป็นการยิงตัวตาย กระโดดตึกตาย กระโดดน้ำตาย ผูกคอตาย กินยาตาย ฯลฯ โดยที่ตนเป็นผู้ตัดสินใจลงมือเอง หรือถูกผู้อื่นบีบบังคับก็ตาม ถึงแม้ว่าตลอดชีวิตจะอยู่ดีมีสุข เพียงใด แต่เมื่อถึงคราวตายก็จะต้องมีเหตุให้จบชีวิตด้วยการ ฆ่าตัวตาย อย่าง แน่นอน
    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    คิริมานนทสูตร

    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=56466<!-- / message --><!-- edit note -->
     
  17. ฐตธนวัฒฆ์

    ฐตธนวัฒฆ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    146
    ค่าพลัง:
    +745
    ทางคณะผู้ดำเนินงาน จะแจ้งให้ทราบเป็นระยะๆครับ

    ขออนุโมทนาบุญกุศลทุกท่านที่มีส่วนร่วมในการดำเนินงานครั้งให้สำเร็จครับ
    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  18. ฐตธนวัฒฆ์

    ฐตธนวัฒฆ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    146
    ค่าพลัง:
    +745
    กฏแห่งกรรม<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ... สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่พระวิหาร เชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครลาวัตถี สมัยนั้นแล สุภมาณพโตเทยยบุตร เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ยังที่ประทับ แล้วไดัทักทายปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค ครั้น ผ่านคำทักทายปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว ได้นั่ง ณ ที่ควร ส่วนข้างหนึ่ง ฯ
    สุภมาณพ โตเทยยบุตร พอนั่งเรียบร้อยแล้ว ได้ทูล ถามพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ อะไรหนอ แล เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้พวกมนุษย์ที่เกิดเป็นมนุษย์อยู่ ปรากฏ ความเลวและความประณีต คือ มนุษย์ทั้งหลายย่อมปรากฏ<o:p></o:p>

    <TABLE class=MsoNormalTable style="WIDTH: 207.75pt; mso-cellspacing: 0cm; mso-padding-alt: 0cm 0cm 0cm 0cm" cellSpacing=0 cellPadding=0 width=277 border=0><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #d4d0c8; PADDING-RIGHT: 0cm; BORDER-TOP: #d4d0c8; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: #d4d0c8; WIDTH: 106.5pt; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: #d4d0c8; BACKGROUND-COLOR: transparent" width=142> มีอายุสั้น <o:p></o:p>
    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #d4d0c8; PADDING-RIGHT: 0cm; BORDER-TOP: #d4d0c8; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: #d4d0c8; WIDTH: 101.25pt; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: #d4d0c8; BACKGROUND-COLOR: transparent" width=135>มีอายุยืน<o:p></o:p>
    </TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 1"><TD style="BORDER-RIGHT: #d4d0c8; PADDING-RIGHT: 0cm; BORDER-TOP: #d4d0c8; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: #d4d0c8; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: #d4d0c8; BACKGROUND-COLOR: transparent">โรคมาก<o:p></o:p>
    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #d4d0c8; PADDING-RIGHT: 0cm; BORDER-TOP: #d4d0c8; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: #d4d0c8; WIDTH: 101.25pt; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: #d4d0c8; BACKGROUND-COLOR: transparent" width=135>มีโรคน้อย<o:p></o:p>
    </TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 2"><TD style="BORDER-RIGHT: #d4d0c8; PADDING-RIGHT: 0cm; BORDER-TOP: #d4d0c8; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: #d4d0c8; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: #d4d0c8; BACKGROUND-COLOR: transparent">มีผิวพรรณทราม <o:p></o:p>
    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #d4d0c8; PADDING-RIGHT: 0cm; BORDER-TOP: #d4d0c8; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: #d4d0c8; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: #d4d0c8; BACKGROUND-COLOR: transparent">มีผิวพรรณงาม<o:p></o:p>
    </TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 3"><TD style="BORDER-RIGHT: #d4d0c8; PADDING-RIGHT: 0cm; BORDER-TOP: #d4d0c8; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: #d4d0c8; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: #d4d0c8; BACKGROUND-COLOR: transparent">มีศักดาน้อย<o:p></o:p>
    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #d4d0c8; PADDING-RIGHT: 0cm; BORDER-TOP: #d4d0c8; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: #d4d0c8; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: #d4d0c8; BACKGROUND-COLOR: transparent">มีศักดามาก<o:p></o:p>
    </TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 4"><TD style="BORDER-RIGHT: #d4d0c8; PADDING-RIGHT: 0cm; BORDER-TOP: #d4d0c8; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: #d4d0c8; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: #d4d0c8; BACKGROUND-COLOR: transparent">มีโภคะนัอย<o:p></o:p>
    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #d4d0c8; PADDING-RIGHT: 0cm; BORDER-TOP: #d4d0c8; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: #d4d0c8; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: #d4d0c8; BACKGROUND-COLOR: transparent">มีโภคะมาก<o:p></o:p>
    </TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 5"><TD style="BORDER-RIGHT: #d4d0c8; PADDING-RIGHT: 0cm; BORDER-TOP: #d4d0c8; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: #d4d0c8; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: #d4d0c8; BACKGROUND-COLOR: transparent">เกิดในสกุลต่ำ <o:p></o:p>
    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #d4d0c8; PADDING-RIGHT: 0cm; BORDER-TOP: #d4d0c8; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: #d4d0c8; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: #d4d0c8; BACKGROUND-COLOR: transparent">เกิดในสกุลสูง<o:p></o:p>
    </TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 6; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #d4d0c8; PADDING-RIGHT: 0cm; BORDER-TOP: #d4d0c8; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: #d4d0c8; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: #d4d0c8; BACKGROUND-COLOR: transparent">ไร้ปัญญา <o:p></o:p>
    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #d4d0c8; PADDING-RIGHT: 0cm; BORDER-TOP: #d4d0c8; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: #d4d0c8; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: #d4d0c8; BACKGROUND-COLOR: transparent">มีปัญญา<o:p></o:p>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า... ดูกรมาณพ สัตว์ทั้งหลาย
    "มีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้เลวและประณีตได้"
    ส. ข้าพระองค์ย่อมไม่ทราบเนื้อความโดยพิสดารของ อุทเทศที่พระโคดมผู้เจริญตรัสโดยย่อ มิได้จำแนกเนื้อความโดย พิสดารนี้ได้ ขอพระโคดมผู้เจริญได้โปรดแสดงธรรมแก่ข้าพระ องค์ โดยประการที่ข้าพระองค์จะพึงทราบเนื้อความแห่งอุเทศนี้ โดยพิสดารได้เถิด ฯ
    พ. ดูกรมาณพ ถ้าอย่างนั้นท่านจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เรา จะกล่าวต่อไป...
    จูฬกัมมวิภังคสูตร พระสุตตันปิฎก เล่ม 6 มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    แต่ปางก่อน
    ..... หากผู้ใดเคยแบ่งปันข้าวปลาอาหารคาวหวานและน้ำ ดื่มให้แก่คนตกทุกข์ได้ยาก ไม่ว่าจะเป็นคนรู้จักกันหรือคนยาก จนข้นแค้น หากเกื้อกูลช่วยเหลือให้เขาได้กินจนอิ่มท้องและพ้น จากทุกข์ทรมานในความอดอยากหิวโหย
    ในชาตินี้
    ..... ผู้นั้นจึงเป็นผู้ที่มีความอุดมสมบูรณ์พร้อม ในเรื่อง อาหารการกินมิได้ขาด ตลอตชีวิตจะไม่มีวันต้องอดอยาก แม้ บางคนมีฐานะด้อยมิได้ร่ำรวยอย่างเศรษฐี แต่ก็จะมีความ สมบูรณ์พูนสุขในเรื่องอาหารอย่างมิได้เป็นทุกข์เป็นกังวลใดๆ เลย
    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    แต่ปางก่อน
    ..... หากผู้ใดเคยมีส่วนร่วมลงมือลงแรง ช่วยทำการ ซ่อมสะพานข้ามคลอง หรือซ่อมทางสัญจรไปมาต่างๆให้แก่ สาธารณะโดยไม่ได้คิดหวังค่าจ้างค่าตอบแทนใดๆ หรือหากเคย ช่วยบริจาคเงินทองในการสร้างสะพานหรือถนนหนทางต่างๆ ให้ เกิดเป็นประโยชน์แก่คนหมู่มากในชุมชนแห่งใดแห่งหนึ่ง ไม่ว่า จะลงแรงกายแรงใจหรือแรงเงินก็ตาม
    ในชาตินี้
    ..... ผู้นั้นจึงมีพาหนะเอาไว้ใช้อย่างสะดวกสบาย ซึ่งอาจ จะมีรถมอเตอร์ไซค์ รถยนต์ หรือเรือก็เป็นได้ โดยไม่ต้องพบกับ ความลำบากในการเดินทาง หากผู้ใดมียวดยานพาหนะหลาย อย่าง เรียกว่ามีทั้งรถ เรือ หรือเครื่องบินส่วนตัว ก็แสดงว่าได้ ช่วยซ่อมสร้างสะพานหรือทางสัญจรเอาไว้มากในชาติที่แล้ว ชาติปัจจุบันจึงมียวดยานพาหนะใช้อย่างสะดวกและบริบูรณ์
    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    แต่ปางก่อน
    ..... หากผู้ใดเคยจัดหาดอกไม้สด ที่มีทั้งกลิ่นหอมสดชื่น และความสวยสดมาถวายพระ ไม่ว่าจะเป็นพระภิกสงฆ์ในวัด หรือพระพุทธรูปที่ตั้งไว้บูชาในที่ต่างๆ ก็ตาม หรือบุคคลที่มีจิต โจงดงามไม่ถือโทษโกรธเคือง รู้จักให้อภัยและยินยอมผ่อนปรน ยกโทษให้ผู้อื่นอยู่เสมอ เช่นนี้ก็นับว่าอยู่ในเกณฑ์ทั้งสิ้น
    ในชาตินี้
    ..... ผู้นั้นจึงเป็นบุคคลที่มีรูปลักษณ์งดงามกว่าคนธรรมดา ทั่วไป มิว่าคนผู้นั้นจะเป็นบุรุษหรือสตรีจะมีใบหน้าที่งดงามเป็น ที่ต้องตาต้องใจแก่ผู้ได้พบเห็น มีรูปร่างงามสมส่วนตลอด ร่างกาย เป็นที่นิยมของคนทั่วไปด้วยว่าตั้งแต่เกิดก็มีความงาม มีความสง่าเป็นพิเศษ เมื่อมีอายุแก่ตัวไปก็ยังดูงามและดูสง่า เสมอไป เป็นที่อัศจรรย์ยิ่งนัก
    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    แต่ปางก่อน
    ..... หากผู้ใดเคยได้จัดหาน้ำมันไปถวายสำหรับจุดโคมไฟ ในโบสถ์วิหารหรือวัดวาอารามต่างๆ อยู่เป็นนิจ หรือทุกครั้งทุก คราวที่เข้าวัดไปทำบุญไหว้พระนั้น มักจะต้องจุดตะเกียงหรือ โคมไฟพร้อมบริจาคเงินถวายค่าเติมน้ำมัน หรือจัดหาน้ำมันไป ถวายด้วยเป็นประจำสม่ำเสมอ
    ในชาตินี้
    ..... ผู้นั้นจะได้เป็นบุคคลที่มีดวงตางดงามสดใส กล่าว ได้ว่าดวงตาคู่นั้นจะมีทั้งความงามและความบริบูรณ์คือมีสายตา ที่ดีตั้งแต่เกิดไปจนแก่เฒ่า ไม่มีสายตาที่สั้นหรือฝ้าฟางอย่าง คนอื่นทั่วไป ใครพบใครเห็นก็ต้องชื่นชมยอมรับในดวงตาคู่นั้น ตราบบั้นปลายของชีวิต
    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    แต่ปางก่อน
    ..... หากผู้ใดเคยร่วมทำบุญทำทานกับใครๆ เขาทั่วไป ที่มาบอกบุญ ไม่ว่าจะเป็นกฐิน ผ้าป่า หรือบริจาคทำบุญให้ แก่ตู้บริจาคของวัดวาอารามทั่วไป หรือร่วมอนุโมทนาทำบุญ กับงานบวช งานศพ งานวัด งานกุศลต่างๆ หรือแม้แต่เป็น การทำบุญทั่วไปในลักษณะอื่นๆ ใดๆ ก็ตาม
    ในชาตินี้
    ..... ผู้นั้นจึงได้มีสามีหรือภริยาที่ดีงาม ซึ่งกล่าวได้ว่าผู้ที่ จะมาเป็นคู่ชีวิตของบุคคลนั้นจะเป็นคนที่มีรูปโฉมงาม มีนิสัย ใจคอที่ดี และบุคคลผู้นี้ก็ยังจะได้ลูกเขย หรือลูกสะใภ้ที่ดีเป็น เกียรติเป็นศรีสง่าให้แก่ครอบครัว บรรดาชาวบ้านทั่วไปต่าง ชื่นชมในคู่ของท่านหรือในลูกเขยลูกสะใภ้ของท่านอย่างน่าภาค ภูมิใจไม่น้อย
    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    แต่ปางก่อน
    ..... หากผู้ใดเคยให้ความเคารพนบนอบในคนเฒ่าคน ชรา ให้ความนับถือยกย่องในนักปราชญ์ราชบัณฑิตหรือผู้รู้ทั้ง มวล โดยการให้ความเคารพนับถือนี้มีอยู่ในนิสัย ในความประ พฤติอยู่เป็นนิจศีล มิได้เคยทำการใดๆ ที่เป็นการลบหลู่ดูแคลน หรือปฏิบัติไม่ดีไม่งามต่อคนเฒ่าคนชรา หรือบรรดานักปราชญ์ ในชาตินี้
    ..... ผู้นั้นจึงเป็นบุคคลที่มีชีวิตยั่งยืนนาน และเต็มเปี่ยม ไปด้วยบุญวาสนาบารมี ผู้คนทั่วไปล้วนแต่จะให้ความนับถือ และยกย่องไปตลอต อีกทั้งยังจะเป็นบุคคลที่มีสติปัญญาปราด เปรื่อง ได้ดำรงอยู่ตำแหน่งฐานะอันมีเกียรติมีศักดิ์ศรี และ มีอายุมั่นขวัญยืน
    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    แต่ปางก่อน
    ..... หากผู้ใดเคยหมั่นเพียรศึกษาพระสูตรคัมภีร์ต่างๆ หรือท่องบทสวดมนต์ภาวนาอยู่เป็นกิจวัตร มิว่าขอคำชี้แนะ จากผู้ทรงคุณธรรมปัญญา หรือเข้าใกล้ผู้มีภูมิธรรมปัญญาดี เข้าใกล้บุคคลที่ศรัทธาในต้นเหตุผลกรรม ไม่เหยียดหยามคนที่ รู้น้อยกว่า ขาดไหวพริบสติปัญญา
    ในชาตินี้
    ... ผู้นั้นจึงเป็นบุคคลที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสติปัญญาอัน ชาญฉลาด เป็นผู้ดีมีความรอบรู้อย่างน่าทึ่ง มีไหวพริบและ ปฏิภาณดีเลิศ หากผู้ใดมีความฉลาดปราดเปรื่องมีความรู้และ มีการศึกษาในระดับสูงเป็นถึงด็อกเตอร์หรือศาสตราจารย์ ก็ แสดงว่าในซาติที่แล้วเป็นผู้หมั่นเพียรในการศึกษาพระสูตรคัมภีร์ และสวตมนต์ภาวนาจนเป็นนิสัยนั่นเอง
    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    แต่ปางก่อน
    ..... หากผู้ใดเคยได้นำหนังสือออกแจกจ่ายไปตามวัด โรง เรียนโรงพยาบาล เรือนจำ ฯลฯ เพื่อให้ผู้คนได้อ่านได้ศึกษา ได้เพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นการบริจาคหนังสือที่ ใช้แล้วหรือร่วมสมทบทุนพิมพ์หนังสือธรรมะ หนังสือที่มีสาระ ประโยชน์ อีกทั้ง ได้เสียสละแรงกายออกไปบอกบุญเพื่อหาทุน ในการพิมพ์เผยแพร่แจกจ่ายเป็นธรรมทานอยู่อย่างสม่ำเสมอ
    ในชาตินี้
    .... คนผู้นั้นจึงเป็นบุคคลที่มีคุณธรรมในจิตใจเหนือกว่า คนทั่วไป รู้จักที่จะแยกแยะผิดชอบชั่วดีต่อบุคคลหรือเรื่องราว ต่างๆได้ชัดเจน กล่าวได้ว่าเป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์และสายตาที่ กว้างไกล คิดอ่านเรืองราวเหตุการณ์ต่างๆ ได้อย่างแยบยล ดำเนินชีวิตด้วยความผาสุกโดยไม่ตัองมาเป็นทุกข์เป็นกังวลใน เรื่องการเป็นอยู่อาศัย บุคคลเช่นนี้เองที่จะเป็นที่พึ่งและนำความ หวังอันสันติสุขมาสู่โลก
    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    แต่ปางก่อน
    ..... หากผู้ใดเคยได้นำเอาเรื่องราวเกี่ยวกับกฏแห่งกรรม ที่มีอุทาหรณ์สอนใจไปบอกเล่าแก่บุคคลทั่วไปอยู่เสมอ มิว่าจะ เป็นการเล่าสู่กันฟัง หรือเขียนหนังสือให้อ่านกันทั่วไป หากได้ บอกเล่าและถ่ายทอดเรื่องกฏแห่งกรรมให้คนจำนวนมากได้ฟัง และนำไปคิดไปสอนใจตนอย่างมีประโยชน์บ้างก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์
    ในชาตินี้
    ..... ผู้นั้นจึงได้ดำรงชีวิตอย่างเปี่ยมบุญบารมีในระดับ พิเศษ จักได้รับเอาแต่ผลบุญกุศลจากธรรมชาติมากมายตลอด ไป กล่าวได้ว่าเป็นบุคคลที่มีวาสนาสูง ชีวิตมีเกียรติมีศักดิ์และ ตั้งอยู่ในความบริสุทธิ์ เป็นที่เคารพนบนอบแก่คนทั่วๆไป ชีวิต ไม่ต้องตกต่ำลำบากอย่างที่คนธรรมดาจักได้พบ
    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> คิริมานนทสูตร

    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=56466<!-- / message --><!-- edit note --><!-- / message --></o:p>
     
  19. kitjang

    kitjang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2006
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +511
    คุณ chatyman ครับ คนที่จะติดตามรายรับรายจ่ายก็ไม่ใช่ใครหรอกครับ ก็คือคนที่ได้บริจาคไปครับ ขอให้ทุกท่านที่ทำบุญไปได้ติดตาม รายรับจ่ายและรายชื่อของคุณ ผมก็อยากให้คณะทำขึ้นมานะครับ รายชื่อผู้ร่วมทำบุญ ว่ามีกี่คนแต่ละคนทำบุญเท่าไหร่และได้ใช้จ่ายไปกับอะไรบ้าง ทั้งผู้ที่อยู่ในเวปก็ดี ไม่ได้เข้ามาในเวปก็ดี อย่างน้อย คนที่บริจาคไปเห็นชื่อตัวเองลงอยู่ในรายชื่อก็ปลื้มใจแล้วหล่ะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2006
  20. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    เรื่องรายรับ รายจ่าย นั้นไม่ต้องกังวลครับ คณะผู้ดำเนินการสร้างพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ จะแจ้งให้ทราบเป็นระยะๆจะเริ่มตั้งแต่วันเซ็นต์สัญญาเป็นต้นไปครับ ที่จริงในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาเราได้ใช้เงินไปประมาณแสนกว่าบาทแล้วครับ แต่เป็นเงินที่พวกเราแชร์กันเองกับคนในกลุ่ม เพื่อทำแผ่นทองคำ แผ่นเงินและแผ่นทองแดง ให้ครูบาอาจารย์ท่านลงอักขระ เงินส่วนนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเงินที่ท่านต่างๆบริจาคมาร่วมครับ


    เรื่องเงินของสงฆ์นั้นผมจะไม่พลาดหรอกครับ หากทำบุญเจือบาปผมจะทำไปทำไม อยู่เฉยๆดีกว่าครับ ใช้หลักง่ายๆก็คือในเวลานับเงินนั้นเมื่อตัวเลขไม่ลงตัวหรือขาดเศษ ผมก็จะเอาเงินส่วนตัวเพิ่มเข้าไปให้ลงตัว ในการทำงานบุญที่ผ่านมา 9 ปี ผมก็ต่อยอดเงินแบบนี้ไปเรื่อยๆครับ

    สำหรับท่านที่ร่วมบุญกุศลในการสร้างพระนั้น ทางคณะต้องเก็บรายชื่อไว้อยู่แล้วครับ เพราะเมื่อหล่อพระเสร็จแล้ว ทางคณะจะมีของมงคลเป็นที่ระลึกในการสร้างพระให้ครับ แต่จะยังไม่บอกในตอนนี้ว่าของนั้นเป็นอะไร หลวงปู่เทพโลกอุดรท่านเคยบอกว่าท่านทำไว้แล้ว ตอนนี้ฝากแม่ธรณีไว้คือฝังไว้ใต้ดิน

    ทั้งนี้ครูบาอาจารย์ท่านต้องการให้จิตของผู้ร่วมทำบุญนั้นมุ่งไปสู่ที่บุญกุศลเต็มๆ แทนที่จะมุ่งมาที่ของที่ระลึกก่อนบุญกุศลครับ ทำให้ทุกท่านที่ร่วมบุญกุศลได้เกิดอานิสงส์ในการทำบุญมากๆ จึงจะเป็นการทำบุญเพื่อบุญกุศลจริงๆ ไม่ใช่เป็นการทำบุญเพราะมีวัตถุมงคลเป็นสิ่งจูงใจ อานิสงส์ในการทำบุญก็จะลดลงครับ
    </O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2006
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...