เรื่องราวที่คนทั่วๆไปไม่ค่อยรู้

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย Aunyasit, 26 สิงหาคม 2005.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    คำว่าพระอริยสงฆ์ โดยปกติทั่วไป จะใช้เรียกพระสาวก ว่า "พระอริยสาวก" ที่มีภูมิธรรมตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป ครับ

    ส่วนพระโพธิสัตว์นั้น จะเรียกว่า "พระอริยโพธิสัตว์" คือพระโพธิสัตว์ที่ปฏิบัติผ่านภูมิโสดาบัน เป็นต้นไป แต่ส่วนใหญ่เท่าที่พบเห็นพระโพธิสัตว์ที่ท่านประกาศตัวเองว่าเป็นพระโพธิสัตว์ อย่างน้อยๆท่านมักจะผ่านภูมิพระอรหันต์ขั้นปกติบารมีและ อุปบารมีมาแล้วทั้งนั้น และก็มีอีกหลายรูปที่เข้าใจว่าท่านผ่านภูมิพระอรหันต์ขั้นปรมัตถบารมีแล้ว คือที่บารมีเต็ม 30 ทัศน์แต่ต้องรอคิว เป็นต้น

    ครูบาอาจารย์ท่านเล่าให้ฟังว่า มีขั้นของการเป็นพระพุทธเจ้าที่ต้องได้สิทธิ์จากภายใน เช่น พระศรีฯนี่ได้สิทธิ์เต็มทุกประการ พระราโมฯก็มีอีก 1 ขั้นที่ต้องผ่านบารมี อย่างพระสุมังคละ องค์ที่ 10 ก็ต้องมีอีก 9 ขั้นที่จะต้องไปผ่านบารมี


    เท่าที่ผมทราบ

    หลวงปู่ทวด เป็นพระโพธิสัตว์ อนาคตท่านจะเป็นพระพุทธเจ้าราโมพุทโธ ท่านบอกผมอย่างนั้นครับ

    สมเด็จโต ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่าเป็นพระครูโลกอุดร อยู่ที่ภูมิโสดาบัน เป็นอรรคสาวกองค์หนึ่งของพระศรีฯ ครับ เคยพบท่านในโลกภายใน มีแม่นาค ติดตามท่านอยู่ด้วย แม่นาคมีอำนาจจิตสูงมากครับ

    หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค พระโพธิสัตว์ เคยเห็นท่านในโลกภายใน ไม่ได้สนทนากับท่านครับ

    หลวงปู่สุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ผมเข้าใจว่า เป็นพระโพธิสัตว์องค์หนึ่ง เคยพบท่านในโลกภายใน ท่านสอนวิชาหนึ่งให้แต่ยังไม่อนุญาตให้ใช้จนกว่าจะถึงเวลา ผมเคยอธิษฐานชมบารมีพลังพระเครื่องของหลวงปู่สุข พบว่ามีพลังเหมือนกับพระเครื่องของหลวงปู่ยี วัดดงตาก้อนทอง ทุกประการ ก็น่าแปลกมาก พระเครื่องของหลวงปู่ยี ที่ผมมีทุกชิ้น จะกินน้ำผึ้ง ครับ วางไว้เฉยๆใส่ถุงไว้มิดชิด ก็จะมีน้ำผึ้งไปติดจนเยิ้มทุกชิ้นและก็มีของที่ครูบาอาจารย์ท่านทำอีกหลายชิ้น ที่กินน้ำผึ้ง เล่นซะหิ้งพระเยิ้มด้วยน้ำผึ้ง ผมแงะขอมากินเรื่อยเลย นอกจากนั้นมีธาตุธรรมชาติอีกหลายอย่างที่กินน้ำผึ้ง วางไว้เฉยๆเขาก็เรียกน้ำผึ้งมากินได้ รวมทั้ง ขันธ์ทุกขันธ์ที่บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น ขันธ์พระเจ้าห้าพระองค์ ขันธ์พระแก้วมรกต ขันธ์เสด็จพ่อรัชการที่ 5 ขันธ์พระแม่ธรณี ฯลฯ ท่านก็กินน้ำผึ้งเยิ้มตลอดเวลา ก็ดีเหมือนกัน เอาไว้ทำยาได้

    หลวงปู่ฤษีลิงดำ ในอนาคตท่านจะเป็นพระอรรคสาวกเบื้องซ้าย หนึ่งในแปดของพระศรีฯ

    หลวงปู่แหวน ในอนาคตท่านจะเป็นพระอรรคสาวกเบื้องขวาหนึ่งในแปดของพระศรีฯ

    ใครที่อยู่ในระบบของพระศรีฯนี่ก็จะพบเจอกันหมดแหละครับ จะมีสังขารหรือไม่มีสังขารก็ตาม ใครลงมาทำหน้าที่อะไร อยู่ตรงไหน ถึงเวลาก็มาเจอกันหมดครับ เพราะมีศูนย์รวมอยู่ ครับ และไม่มีใครหายไปไหนเลย อยู่กันครบถ้วน ที่สำคัญก็คือปฏิบัติให้ถึงทั้งภายนอกและภายใน เท่านั้นเองครับ
     
  2. YOMI_NK

    YOMI_NK Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +91
    โอ...ความคิดของผมชักจะสับสนซะแล้วซิ งงเต็กเง็กตง จริงๆ แล้วอะไรคือตัวเราละครับ แล้วอะไรละที่ไม่ใช่ขันธ์ 5 แล้วมาควบคุมขันธ์ 5 ถ้าไม่ใช่จิตวิญญาณคือขันธ์ที่ 5 แล้ว นอกเหนือขึ้นไปมันคืออะไรกันแน่ครับครับ
    สมุตินะครับสมมุติ สมุติว่าตอนนี้เรากำลังทำอะไรอยู่เราก็รู้โดยตัวรู้ซึ่งเป็นขันธ์ที่ 5 แล้ว
    แล้วหากว่าเราตัดขันธ์ 5 ทิ้งตามที่คนรุ่นพี่รุ่นพ่อ หรือบรรพโกตโคตบิดาสอนกันมาตามตำรา
    แล้วเราจะเอาอะไรมารับรู้หรือ เมื่อตัวรู้เราก็ตัดออกไปเสียแล้ว แล้วอะไรคือเราอะไรคือสิ่งที่บ่งบอกว่าเป็นเราหรือ...ตามที่ได้ยินคือกายนี้ไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตน กายนี้ไม่มีในเรา เรานี้ไม่มีในกาย แล้วอะไรคือเรากันแน่ครับ หรือว่าไม่มีอะไรเลย เป็นศูนย์ เราคือไม่มี ไม่มีคือเรางั้นหรือ นี่เป็นคำถามที่ผมพยายามหาคำตอบเอามากๆ ชวยตอบที...นะครับ
    สมุตินะครับสมมุติ หากว่าโลกนี้มีตัวตนอยู่จริงเป็นสิ่งที่พูดได้ว่าเมื่อมากระทบก็จะรู้สึกได้ สิ่งเหล่านี้ไม่มีส่วนในความเป็นเราเลยจริงๆ เป็นเพียงปฎิกริยาเคมีตามธรรมชาติ แล้ว หากเราตัดหรือแยกออกไปเป็นส่วนๆ จนมองเห็นว่าทุกสิ่งไม่ใช่เราไม่ใช่ของเราแล้ว และไม่ยึดติดแล้ว อะไรคือเราหรือ...ไม่มีเลยตามทฎษฎี แล้วเมื่อนั้นเราจะรู้สึกทุกข์ หรือ สุขบ้างไหม หากปล่อยวางจากสิ่งที่ไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน หรือว่าเราคือศูนย์....
    หากวิชาอันประหลาดล้ำ ที่ทุกคนมองว่าเหนือธรรมชาติวิสัยอันเป็นของปุธุชนคนตาดำๆ จะทำได้ แต่กลับเป็นว่า สิ่งประหลาดเหล่านี้เป็นเพียงปฎิกริยาทางเคมีที่เป็นเรื่องแสนจะธรรมดาของโลกแล้ว วิชาเหล่านี้ทำให้เรามองเห็นในสิ่งที่คนธรรมดามองไม่เห็นแล้ว มันจะช่วยให้เราหลุดพ้นจากทุกข์ไหม...
    หากว่าสิ่งเหล่านี้อันเป็นสิ่งที่พิศดาลล้ำเป็นเพียงธรรมดาวิสัยทางเคมีโลก ซึ่งหากคนฝึกปฎิบัติพึงเห็นได้ด้วยการเข้าถึง(คือเข้าไปรับรู้ถึง สามารถเข้าถึงในสิ่งที่มี อันละเอียดกว่าสิ่งที่มองเห็นทั่วไป)และนำมาใช้งานได้แล้ว มันจะสามารถทำให้เราเกิดความหลุดพ้นแห่งใจไหม....และการหลุดพ้นแห่งใจคืออะไร
    หากคนที่พยายามที่จะเข้าใจในปฎิกริยาต่างๆในมนุษย์จนแยกย่อย ว่านี่คือรูป นี่คือเวทนา นี่คือสัญญา นี่คือสังขาร และนี่คือวิญญาณ และก่อนจะแยกย่อยออกมาได้นี้ ได้ค้นพบสิ่งเหนือวิสัยมนุษย์แต่ไม่เหนือธรรมชาติ เป็นเหมือนธรรมดาที่คนเดินไปแล้วต้องพบฉะนั้น เป็นเหมือนของแถม เป็นเหมือนของที่เวลาเดินผ่านแล้วต้องมองเห็น แสดงว่า ความเป็นธรรมดาของธรรมชาติไม่ใช่สิ่งที่จะนำพาให้เราหลุดพ้นยังงั้นหรือ....
    หากสิ่งที่เป็นธรรมชาติ คือ รูป เวนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ คือวัฎจักร และเราวิ่งวนอยู่ในวัฎจักรนี้ เหมือนวิ่งอยู่ตรงขอบกระทะแล้ว หากเราตัดสิ่งที่เป็น รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณได้ เราก็จะหลุดพ้นยังงั้นหรือ....เหมือนสิ่งที่บอกในหนังสือที่เขียนไว้ว่า ธรรมทั้งหลายไม่ใช่ตัวตน ไม่ต้องไปยึดติด สิ่งนี้คือสิ่งที่ถูกต้องแล้วหรือ....
    ผมเป็นเพียงเด็กปุธุชนคนรุ่นหลัง อายุอานามก็ 20 คงไม่ได้เข้าใจอะไรมากมาย บางทีอาจจะไม่เข้าใจอะไรเลยก็เป็นไปได้ ก็พยายามต่อไป...เพื่อความหมดไปแห่งทุกข์ หากผู้เข้าใจและหลุดพ้นบังเกิดขึ้นแล้วในโลก ก็ช่วยมาโปรดข้าพเจ้าให้เห็นธรรมและหลุดพ้นตามด้วยเถิด...ก็ขอเอวังไว้เท่านี้ ขอความสุขสวัสดีจงมีแก่ผู้เป็นสหายธรรมทั้งหลาย...ด้วยเธิน สาธุ
     
  3. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    อายุจริงของจิตวิญญาณของแต่ละคนนั้นนับไม่ถ้วนครับ หากจะทำความเข้าใจในธรรมะของพระพุทธองค์นั้น ต้องหมั่นสั่งสมในด้าน ทาน ศีล ภาวนา(อย่างรวมๆของบารมี 10) เปรียบโลกใบนี้คือโรงเรียนของจิตวิญญาณ ที่ต้องมาเรียนรู้เรื่องของศีลธรรม แล้วสอบให้ผ่าน หากสอบตกเละเทะ ก็ต้องไปตั้งต้นเรียนในอบายภูมิสี่ หากตกซ้ำชั้นก็วนเวียนในโลกมนุษย์ ต่อไป หากสอบผ่านก็ไปสู่ภพภูมิที่สูงขึ้น ตั้งแต่สวรรค์ชั้นจาตุมมหาราชิกาขึ้นไป แต่ยกเว้นสำหรับผู้ที่สอบผ่านแล้วไปอยู่ในชั้นภูมิที่สูงขึ้น แต่ปรารถนามาเรียนเพิ่มเติม ก็ลงมาทำบารมีในโลกมนุษย์ต่อไป ที่จริงจิตวิญญาณทั้งหลาย เขาให้มาเกิดตามอำนาจของกรรม มีหน้าที่มา "ใช้กรรมและทำบารมี" ครับ

    ที่จริงจิตวิญญาณนั้นตายไม่เป็นครับ เพียงแต่เปลี่ยนร่างอาศัย ไปตามวาระของบุญของกรรมเท่านั้น หากเราไปเรียนรู้ ไปเข้าใจในเรื่องของสังสารวัฎก็จะเข้าใจเรื่องของจิตวิญญาณ มาขึ้น กว่าจะแยกขันธ์ห้าออกจากจิตได้ ก็เกิดวนเวียนกันนับไม่ถ้วนแหละ

    ที่จริงวันนี้จะเขียนเรื่องนางแก้วของพระศรีฯ ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่าเขาลงมาเกิดทำบารมีอยู่เช่นกัน คนรู้จักกันทั้งประเทศ ที่เขาอยู่เป็นโสดเพราะในสมัยพระพุทธเจ้าโคดม เขาได้ถวายทานต่อพระพุทธองค์ แล้วอธิษฐานปรารถนาเป็นผู้หญิงที่เหนือผู้หญิงใดๆในโลก ท่านว่าเขาก็ปรารถนาจะมีครอบครัวอยู่นะ แต่จิตเขาปรารถนามาว่าสามีของเขาต้องเหนือมนุษย์ทั่วไป ต้องเหาะเหินเดินอากาศได้ ครูบาอาจารย์ท่านว่าก็มีแต่พระจักรพรรดิ์แหละที่จะทำฤทธิ์อย่างนั้นได้ เขาก็ตามหาท่านอยู่ แต่ยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะได้เจอ ท่านว่าเคยเจอกันที่ฝั่งลาวขณะที่ครูบาอาจารย์ท่านไปโปรดสัตว์ที่นั่น เขาเคยไปกราบ แต่ครูบาอาจารย์ท่านบอกให้ชาวลาวบอกเขาไปว่า ครูบาอาจารย์เป็นพระลาว เป็นพระธรรมดา ไม่มีดีอะไร ตอนนี้เขาก็ตามหาระบบของพระจักรพรรดิ์อยู่เหมือนกัน ในจิตในใจเขามีแต่พระแก้วมรกต เพราะมีความเกี่ยวพันกันมานาน

    ครูบาอาจารย์ท่านว่าตอนนี้ให้ลูกหลานได้ทำบารมีกันเต็มที่เสียก่อน สำหรับคนที่ปรารถนามาอย่างอื่นๆนั้นเอาไว้ทีหลัง เมื่อถึงเวลาเขาก็จะมาเองแหละ เขามีอำนาจวาสนาทางบ้านเมืองสูงหากเขาเข้ามาวัดตอนนี้ ลูกหลานก็จะทำบารมีได้ยาก ครูบาอาจารย์ท่านว่า สำหรับผู้ที่ทำหน้าที่สูงสุดของประเทศ เอาไว้ทีหลังสุด
     
  4. xchan

    xchan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2005
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +106
    สงสัยคนละระบบกันมั๊งครับ แต่ขอถามอย่างหนึ่งนะครับว่ารู้จัก "บักสีทน" หรือเปล่า ถามแค่นี้แหละครับ
     
  5. xchan

    xchan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2005
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +106

    ขึ้น 15 ค่ำเดือน 12 นี้ "หอแม่พระธรณี" ก็เสร็จแล้วครับ
     
  6. littleweb

    littleweb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    343
    ค่าพลัง:
    +1,355
    อ่านยังไม่หมด แต่คิดว่าเรื่องจริง เขาเล่ามาว่า พระศรีฯ ท่านรับหน้าที่ ต่อจากพระพุทธเจ้าของเรา ยุคที่เราอยู่นี้ คือยุคของพระศรี ท่านดูแลพวกเราอยู่ ทำหน้าแทน แต่พระพุทธเจ้าที่เรานับถือ ก็ยังอยู่ แต่อยู่เบื้องสูงแล้ว
     
  7. littleweb

    littleweb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    343
    ค่าพลัง:
    +1,355
    พระศรีฯ

    อ่านยังไม่หมด แต่คิดว่าเรื่องจริง เขาเล่ามาว่า พระศรีฯ ท่านรับหน้าที่ ต่อจากพระพุทธเจ้าของเรา ยุคที่เราอยู่นี้ คือยุคของพระศรี ท่านดูแลพวกเราอยู่ ทำหน้าต่อจากพระพุทธเจ้า แต่พระพุทธเจ้าที่เรานับถือ ก็ยังอยู่ แต่อยู่เบื้องสูงแล้ว (พระศรีฯท่านศาสนาพุทธ ศาสนาเดียวกัน)
     
  8. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    xchan หากปรารถนาจะทำบารมี อย่ากลัวมาร ครูบาอาจารย์หรือเทวดาท่านดูอยู่ เขากำลังทดสอบการทำบารมี หากผ่านมารไม่ได้ก็ไม่ได้บารมี มารภายนอกนั้นจิ๊บจ๊อย มารภายในน่ากลัวกว่าเยอะ แปลงได้สารพัดแหละต้องใช้ปัญญามาก อดทนให้มากพอ เสียสละให้มากพอ ทำบารมีให้ต่อเนื่อง เดี๋ยวก็ดีเอง 84000 พระธรรมขันธ์นั้นสรุปรวมลงที่ ตัวอดตัวทนหรือขันติบารมี แหละ

    ครูบาอาจารย์หรือเทวดาท่านก็รอให้พรผู้ทำบารมีอยู่ หากผ่านบารมีก็จะได้พรเป็นขั้นๆไป แต่ต้องหนักหน่อยนะ จะผ่านบารมีท้าวจตุโลกบาล เขาก็ต้องทดสอบดูก่อนว่ามีดีอะไรหรือมีบุญญฤทธิ์อะไร

    ขึ้น 15 ค่ำเดือน 12 นี้ "หอพระจักรพรรดิ์" ก็ไม่แน่ว่าจะเสร็จโดยง่าย ยังมองไม่เห็นปัจจัยแห่งความสำเร็จ เล็กข้างนอกแต่ใหญ่ข้างในนะ แต่ส่วนที่เราดูแลเรื่องสัญญลักษณ์พระจักรพรรดิ์นั้นเสร็จเรียนร้อยแล้ว
     
  9. xchan

    xchan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2005
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +106
    ขอบคุณครับพี่ Aunyasit ผมเดาไว้แล้วไม่ผิดว่าเป็นพี่แต่ไม่แน่ใจ เมื่อครั้งที่พี่ไปวัดท่าซุงอันนี้ผมไม่ทราบว่าพี่ไปเมื่อไหร่ แต่ก็มีเหตุให้ผมไปเหมือนกันแต่เป้าหมายอยู่ที่หอ "จตุโลกบาล" โดยมีบัญชามาให้ไปบูชาทั้ง 4 ทิศให้สำเร็จ ตอนนี้ต้องโดนทดสอบเรื่องธาตุ 4 ตอนนี้ธาตุในกายสังขารแปรปรวนมาก แต่ก็จะพยายามคุมให้อยู่ เรื่องมารไม่เคยกลัวเลยครับพี่แต่โดนรุมนี่ลำบากเหมือนกัน มีอะไรเด๋วผมโทรหาครับ[b-wai]
     
  10. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    xchan ระบบที่แปรปรวน ทำความสงบให้มากเดี๋ยวก็ดีเองเพราะธาตุสี่ไม่ค่อยพร้อมน่ะ ศีลธรรมภายในเขาปรุงธาตูทิพย์แต่ xchanทำความสงบน้อยไปนิดนึง ให้ปรับธาตุด้วย นะมะ พะ ทะ จะดีขึ้น

    ส่วนหนึ่งที่หนักก็เพราะขณะทำรูปปั้นสัญญลักษณ์ยังขาดสิ่งหนึ่งไป แต่เมื่อวันอังคารที่แล้ว ขึ้น 1 ค่ำ พี่ไปทำแก้ไขระบบของพญานาคให้แล้วแหละ ขณะนี้ญาณท้าววิรูปักเขท่านเข้าสถิตที่หอพระจักรพรรดิ์แล้ว เอาเป็นว่าศีลธรรมเขามารับและก็เข้าเขตวัดไปแล้ว นี่ผ่านแค่หนึ่งทิศนะ เหลืออีก 3 ทิศ ระวังไว้หน่อย ทิศที่เหลือเขาอาจจะทดสอบอีก
     
  11. Ong

    Ong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +12,861
    (y) เฝ้ารออ่านอย่างตอ่เนื่องนะครับ

    อนุโมทนากับผู้เตรียมและทำบารมีทุกท่าน สาธุๆๆ
     
  12. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171
    ถามเพื่อคลายความสงสัยครับ แต่เดิมพระเดชพระคุณพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ) ท่านเคยปรารถนาพุทธภูมิ ท่านบำเพ็ญบารมีมามาก (ประมาณ 16 อสงไขย กับอีกแสนกัป) เท่าที่ทราบท่านจะมาเกิดอีกเพียงไม่เกิน 7 ชาติ แต่ท่านได้ลาพุทธภูมิแล้ว และได้เข้าสู่แดนพระนิพพานเรียบร้อยแล้ว ซึ่งถ้าท่านบำเพ็ญบารมีต่อท่านจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ 21 หรือ 22 (ขออภัยถ้าจำผิด) ต่อจากพระศรีอาริยเมตตรัย แต่ท่านบอกรอไม่ไหว ท่านเบื่อการเกิดซึ่งมีแต่ความทุกข์ และที่สำคัญหากท่านยังเกิดอยู่อีก บรรดาลูกหลานของท่านที่ติดตามกันมานานแสนนานก็จะต้องติดตามท่านมาเกิดอีก ด้วยความเมตตาของท่านที่อยากให้บรรดาลูกหลานพ้นทุกข์ ท่านจึงลาพุทธภูมิและเขาสู่พระนิพพานเพื่อให้ลูกหลานที่ติดตามมาตามเข้าสู่พระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วย

    ตามความเข้าใจของผม ผู้ที่เข้าสู่แดนพระนิพพานแล้วท่านจะไม่มาเกิดอีก แต่ตามที่คุณ Aunyasit กล่าวไว้ว่า "ในอนาคตท่านจะเป็นพระอรรคสาวกเบื้องซ้ายหนึ่งในแปดของพระศรีฯ " นั้น ผมยังสงสัยอยู่ว่าทำไมจึงจะเป็นแบบนั้น ในเมื่อท่านเข้าสู่พระนิพพานไปแล้ว ท่านจะมาเกิดเป็นพระอัครสาวกเบื้องซ้ายตามที่คุณกล่าวอีกได้อย่างไรครับ

    รบกวนช่วยอธิบายให้คลายสงสัยด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
     
  13. จอมมาร

    จอมมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +176
    ผู้ปฏิบัติกัมมัฏฐาน ทำสมาธิภาวนา เมื่อปรากฎผลออกมาในแบบต่างๆ ย่อมเกิดความสงสัยขึ้นเป็นธรรมดา เช่น เห็นนิมิตในรูปแบบที่ไม่ตรงกันบ้าง ปรากฎในอวัยวะของตนเองบ้าง ส่วนมากมากราบเรียนหลวงปู่เพื่อให้ช่วยแก้ไข หรือแนะอุบายปฏิบัติต่อไปอีก มีจำนวนมากที่ถามว่า ภาวนาแล้วก็เห็น นรก สรรรค์ วิมาน เทวดา หรือไม่ก็เป็นองค์พระพุทธรูปปรากฎอยู่ในตัวเรา สิ่งที่เห็นเหล่านี้เป็นจริงหรือ ฯ

    หลวงปู่บอกว่า

    "ที่เห็นนั้น เขาเห็นจริง แต่สิ่งที่ถูกเห็น ไม่จริง"
    หลวงปู่ดูลย์ อตูโล
     
  14. จอมมาร

    จอมมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +176
    แนะวิธีละนิมิต

    ถามหลวงปู่ต่อมาอีกว่า นิมิตทั้งหลายแหล่ หลวงปู่บอกยังเป็นของภายนอกทั้งหมด จะเอามาทำอะไรยังไม่ได้ ถ้าติดอยู่ในนิมิตนั้นก็ยังอยู่แค่นั้น ไม่ก้าวต่อไปอีก จะเป็นด้วยเหตุที่กระผมอยู่ในนิมิตนี้มานานหรืออย่างไร จึงหลีกไม่พ้น นั่งภาวนาทีไร พอจิตจะรวมสงบก็เข้าถึงภาวะนั้นทันที่ หลวงปู่โปรดได้แนะนำวิธีละนิมิตด้วยว่า ทำอย่างไรจึงจะได้ผล

    หลวงปู่ตอบว่า

    เออ นิมิตบางอย่างมันก็สนุกดี น่าเพลิดเพลินอยู่หรอก แต่ถ้าติดอยู่แค่นั้นมันก็เสียเวลาเปล่า วิธีละได้ง่ายๆก็คือ อย่าไปดูสิ่งที่ถูกเห็นเหล่านั้น "ให้ดูผู้เห็น แล้วสิ่งที่ไม่อยากเห็นนั้นก็จะหายไปเอง"
    หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
     
  15. จอมมาร

    จอมมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +176
    เมื่อวันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๒๔ หลวงปู่อยู่ในงานประจำปี วัดธรรมมงคล สุขุมวิท กรุงเทพฯ มีแม่ชีพราหมณ์หลายคนจากวิทยาลัยครูพากันเข้าไปถาม ทำนองรายงานผลของการปฏิบัติวิปัสสนาให้หลวงปู่ฟังว่า เขานั่งวิปัสสนาจิตสงบแล้ว เห็นองค์พระพุทธรูปในหัวใจของเขา บางคนว่า ได้เห็นสวรรค์เห็นวิมานของตนเองบ้าง บางคนว่าเห็นพระจุฬามณีเจดีย์สถานบ้าง พร้อมทั้งภูมิใจว่าเขาวาสนาดี ทำวิปัสสนาได้สำเร็จ

    หลวงปู่อธิบายว่า

    "สิ่งที่ปรากฎเห็นทั้งหมดนั้น ยังเป็นของภายนอกทั้งสิ้นจะนำเอามาเป็นสาระที่พึ่งอะไรยังไม่ได้หรอก."
    หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
     
  16. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    ถึงคุณ Tamsak ทราบว่าคุณเป็นลูกศิษย์สายหลวงพ่อฤษีลิงดำ แต่ไม่รู้ว่าปัจจุบันนี้คุณปฏิบัติถึงภายในหลวงพ่อฤษีลิงดำได้หรือเปล่า เอาเป็นว่าผมยังพบเห็นท่านอยู่ในโลกภายในครับ เคยสนทนากับท่านหลายครั้ง และพระสงฆ์รูปใดก็แล้วแต่ ถ้าระดับผมยังปฎิบัติเห็นท่านได้แสดงว่าท่านยังไม่เข้าพระนิพพานครับ เท่าที่ผมพบเห็นภายใน พระเกจิอาจารย์เกือบจะทุกรูปในสายหลวงพ่อฤษีลิงดำ ไปยุคพระศรีฯทั้งสิ้น

    อีกมุมหนึ่งที่คุณ Tamsak ควรศึกษา คือเรื่อง นิพพานธาตุหรือธาตุนิพพาน และสภาวะของนิพพานนั้นเท่าที่ผมทราบมา ผู้ที่เข้าพระนิพพานแล้วจะไม่ออกมาครับ ยกตัวอย่างเช่น พระอรหันต์อุปคุต ท่านอยากเห็นว่าพระพุทธเจ้ารูปร่างหน้าตาเป็นยังไง จึงขอให้พญามารท่านเนรมิตพระพุทธเจ้าให้ดู ท่านมีบุญญฤทธิ์ขนาดนั้น ถ้าท่านเข้าพระนิพพานไปดูเองแล้วออกมาไม่ดีกว่าหรือครับ ดังนั้นเท่าที่ผมทราบ สิ่งที่หลายๆท่านทำมโนมยิทธิ แล้วเห็นพระพุทธเจ้ากันนั้น เป็นเรื่องของ "เทวดาเนรมิต" ทั้งสิ้นครับ ในยุคปัจจุบันนี้ไม่มีพระพุทธเจ้าพระองค์ใดมาคอยตอบคำถามให้เหล่านักปฏิบัติมือใหม่ที่เต็มไปด้วยกิเลสอย่างเราๆหรอกครับ พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่าเมื่อพระองค์เข้านิพพานแล้ว พระธรรมจะเป็นองค์แทนท่าน แล้วพระธรรมที่ท่านเข้าใจกันนั้นเป็นอย่างไร สัญญลักษณ์ของพระธรรมนั้นเป็นอย่างไร พระสูตรล่ะครับเป็นอย่างไร เท่าที่ผมทราบมา ท่านเป็นบริสุทธิจิตที่สามารถใช้กระแสจิตสื่อกับนักปฏิบัติได้ครับ ผู้ที่ปฏิบัติถึงศีลธรรมระดับนึง ท่านเหล่านี้จะมารับรองครับ อันนี้มันเป็นปัจจัตตังแล้วครับ

    และเรื่องมโนมยิทธินั้น ผมเข้าใจดีว่าอะไรเป็นอะไรครับ ทุกครั้งที่ผมติเพื่อนๆสายหลวงพ่อฤษีลิงดำ ที่ชอบเอาเรื่องการฝึกมโนมยิทธิมาอวดผมว่าเห็นโน่น เห็นนี่ กาลต่อมาผมมักจะพบเห็นหลวงพ่อฤษีลิงดำในโลกภายใน ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง มีครั้งนึง เมื่อประมาณกลางปีนี้ จิตออกไปพบหลวงพ่อฤษีลิงดำซึ่งห้อมล้อมไปด้วยคนนุ่งขาวห่มขาวกำลังสอบถามท่านเรื่องมโนมยิทธิ พอผมเข้าไปใกล้ๆคนนุ่งขาวห่มขาวทั้งกลุ่มลอยออกไปจับกลุ่มกันอยู่ห่างๆ หลวงปู่ฤษีลิงดำท่านบอกผมว่า ผู้ที่ปฏิบัติในระดับนั้นก็ต้องให้เขาทำแบบนั้นไปก่อน ส่วนในระดับของผมนั้นให้คุยกับท่านโดยตรง ไม่ต้องตำหนิเขาหรอกเพราะกระทบท่านด้วย หลังจากนั้นผมก็มีโอกาสได้คุยกับท่านทางจิต ในลักษณะที่ผมสติเต็มร้อย ท่านว่าท่านรออยู่ ผมก็รู้เลยโดยทันทีว่าท่านหมายถึงอะไร และก็ใช้ความรู้ตรวจเช็คดูว่าต้องไปที่ไหนบ้าง ก็มีอยู่สองที่คือที่วิหารร้อยเมตร(ที่ร่างท่านอยู่)และที่ศาลาสมเด็จองค์ปฐม ก็ได้ไปทำหน้าที่ตามที่คุยกันกับหลวงพ่อฤษีลิงดำไว้ ซึ่งเป็นครั้งที่ 2 ที่ได้ไปวัดท่าซุงและคงเป็นครั้งสุดท้ายที่นั่น ครับ เพราะไม่มีหน้าที่อะไรเกี่ยวข้องอีกต่อไป

    อยากบอกให้ทราบอย่างนึงครับว่า พระสงฆ์ที่ท่านเก็บร่างไว้นั้น รอพระศรีฯทั้งสิ้นครับ (พระสงฆ์ที่ท่านไม่เก็บร่างบางส่วนท่านก็ไปพระศรีฯเช่นกัน) และจิตวิญญาณของท่านก็มักจะอยู่แถวๆสังขารท่านแหละครับ ถ้าท่านเปิดให้ก็คุยกันได้แบบปกติครับ อย่างท่านพ่อลี วัดอโศการามนี่ก็ต้องคุยภาษามคธกับท่าน พระสงฆ์หลายๆรูปเมื่อท่านไม่ใช้สังขาร ท่านก็มักจะใช้ภาษาจิตเดิมของท่านครับ แต่ละภพภูมิเขามีภาษาของเขา แม้จะมีภาษาจิต(กระแสจิต) เป็นภาษากลางก็ตาม ยกตัวอย่างเช่น ถ้าจะสวดมนต์ให้พวกพญานาคฟังก็จะต้องใช้ภาษานึง ถ้าจะสวดมนต์ให้พวกบังบดฟังก็ใช้อีกภาษานึง หรือถ้าจะสวดมนต์ให้เทวดาฟังก็จะใช้อีกภาษานึง ฯลฯ ที่จริงเขามีทั้งภาษาพูด(ภาษาจิต)กับภาษาเขียนครับ เคยลองเขียนดูก็มีรูปร่างแปลกๆดี ครับ

    เคยทดสอบอ่านภาษากรีกโบราณพอออกเสียงแล้วก็ฟังแปลกๆดี และการพูดภาษาเหล่านั้นจิตจะไม่แปลออกมาครับ แต่หากจะรู้ความหมายแปลก็ต้องวางจิตให้สงบไปอีก จะรู้ทั้งภาษาและความเข้าใจในเวลาเดียวกันครับ และค้นพบอย่างนึงว่า ภาษาที่ใช้นี้มีพลังแตกต่างกันครับ ภาษาแปลกๆที่จิตผุดขึ้นมาให้เราใช้ในวาระต่างๆนั้นมักมีกระแสพลังมากกว่าภาษาที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน

    เอาไว้คราวหน้าจะเล่าประสบการณ์ เรื่องที่ผมเคยคุยกับพระพุทธรูป ก้อนธาตุ กับแก้วธรรมชาติ ธาตุเหล็กไหล ข้าวตอกพระร่วง พระเครื่องบางประเภท วิญญาณที่สิงในดาบ หรือแม้กระทั่งกับ วิญญาณคนที่ตายเมื่อวันเผาศพ หรือพวกที่มาขอส่วนบุญแบบต่าง ถ้าไม่คิดอะไรมากก็สนุกดีครับ ทั้งนี้เพื่อให้เป็นอุทาหรณ์ สำหรับนักปฏิบัติครับว่า ถ้าเราปฏิบัติจริงจังแล้วก็ละวางไป มันจะรู้มากขึ้นเรื่อยๆ หากเราไปสนใจมัน จิตมันก็จะติดอยู่กับเรื่องเหล่านั้นไม่ก้าวหน้า และสิ่งสำคัญก็คือปฏิบัติเพราะว่าเป็นหน้าที่ ไม่ใช่ปฏิบัติเพื่อรู้นั่นรู้นี่ หรือปฏิบัติเพื่อให้เก่งแบบนั้นแบบนี้เพราะผู้ที่ปฏิบัติมาก่อนเราและเก่งกว่าเราๆ นั้นมีอีกมาก หากจิตเราไม่นอบน้อม ไม่ถึงเมตตา สิ่งที่เรามองไม่เห็นตัวท่านก็ไม่เมตตาเราเช่นกันครับ

    สำหรับ คุณจอมมารนั้น ชอบแบบไหน ปฏิบัติลุยไปเถอะครับและที่สำคัญก็คือ ปฏิบัติให้ได้ตามที่ครูบาอาจารย์ของคุณสอน

    ที่เล่ามานั้นก็เพื่อให้นักปฏิบัติทั้งหลาย ปฏิบัติไปพิสูจน์ ไปวิเคราะห์วิจารณ์ด้วยตัวเอง ไม่ใช่ว่าไปจดจำจากการปฏิบัติของผู้อื่นมา แล้วมาคิดเอาเองว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ โดยที่จิตของนักปฏิบัติไม่ได้ไปประสบด้วยตนเอง จะทำให้การเกิดมาเป็นมนุษย์เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ครับ
     
  17. โลกันต์

    โลกันต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    357
    ค่าพลัง:
    +620
    ....
     
  18. จอมมาร

    จอมมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +176
    เพิ่งรู้ว่าAunyasitนั้งเทียนคิดเอาเอง มิน่าถึงได้จิตใจคับแคบ เพ้อเจ้อซะขนาดนี้ ทำตัวเก่งเกินพระอริยสงฆ์ เกินพระพุทธเจ้า ธรรมะที่ปฎิบัติกันอยู่ก็พระพุทธเจ้าสอนทั้งนั้น ที่เราเอามาลงก็ไม่ได้ว่าอะไรใครเลย เป็นคำสอนที่ดีทั้งนั้น แต่มีคนร้อนตัว ก็คงไม่ต้องพูดอะไรมาก เพราะการกระทำก็บ่งบอกออกมา่แล้ว มารอย่างเราเห็นคนที่อ้างว่าปฎิบัติธรรมอย่างโน้นอย่างนี้แต่จิตใจตรงกันข้ามกับที่อ้างแล้วอนาจใจ นอกรีดแท้ๆ ปฎิบัติแบบนี้ คงได้เจอแน่พระศรี แต่เป็นศรีธัญญานะ มารไม่มีบารมีไม่เกิด 555
     
  19. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    วันนี้จิตค่อนข้างสบายและมีเมตตามากเนื่องจากได้สร้างสัญญลักษณ์ของพระจักรพรรดิ์เสร็จแล้ว และพร้อมจะนำเข้าสู่เขตพระศาสนาต่อไป และขอผลานิสงส์และพลังแห่งเมตตายะนี้เผื่อแผ่ไปสู่ทุกท่านที่กำลังหาทางเข้าสู่กระแสแห่งพระธรรม

    สำหรับท่านจอมมาร อิมัง อธิษฐานัง ขอให้จอมมารจงได้รับส่วนบุญส่วนกุศล ที่เราได้สร้างสมมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ขอให้จิตในส่วนที่ยังมืดอยู่จงสว่าง ขอให้มิจฉาทิฐิเปลี่ยนเป็นสัมมาทิฐิ และให้ได้ไปจุติในภพภูมิที่สูงยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  20. จอมมาร

    จอมมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +176
    "เรื่องพิธีกรรม หรือบุญกริยาวัตถุต่างๆทั้งหลาย ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ยังให้เกิดกุศลได้อยู่ หากแต่ว่าสำหรับนักปฏิบัติแล้ว อาจถือได้ว่าเป็นไปเพื่อกุศลเพียงนิดหน่อยเท่านั้นเอง."
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...