เรื่องราวที่คนทั่วๆไปไม่ค่อยรู้

เราท่านทั้งหลาย อย่าโมทนาซี้ซั๊ว นะครับ.....

เอะอะ ก็... ยกมือโมทนาอย่างเดียว..

เพราะผลแห่งการโมทนา.. มีผลเทียบเท่ากับผู้กระทำเลยทีเดียว..

พูดได้แค่นี้แหล่ะครับ...

 

แต่คนที่รู้แล้วแย้งก็มีมาก พากันสังเวชแล้วก็หายกันไป ปล่อยให้เป็นเรื่องของเวรกรรมและความงมงายต่อไปต่อไป

 

ขอขอบคุณพี่อัญญาสิทธิ์ ที่มาให้ความรู้เรื่องพระธาตุ
และ วิธีการฝึกเพื่อให้กระดูกเป็นพระธาตุด้วยครับ
เพิ่งรู้นะครับว่า คนที่ฝึกจิตได้ฌานโลกีย์ กระดูกก็เป็นพระธาตุได้ด้วย อิอิ
ตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยเห็นเลย อยากเห็นมากๆ
เคยเห็นแต่ของพระพุทธเจ้า และ พระอรหันต์ เท่านั้นน่ะครับ

 

เดี๋ยวมา อ่านดูแล้วก็น่าอ่านนะ
คำเตือน คนที่ศึกษาใหม่ควรระวังมากทีเดียว ไม่ควรเชื่ออะไรง่ายๆ เดี๋ยวหลงทางนะจะบอกให้

 

ผมเคยอ่านจากหนังสือหรือว่าในเว็บเนี่ยแหละจำไม่ค่อยได้ (เพราะกรรมเก่า) แต่พอเล่าได้เพียงคร่าวๆเกี่ยวกับเรื่องที่หลวงตาจรัญและลูกศิษย์คนหนึ่งที่ต้องการจะสัมภาษณ์เรื่องราวความเป็นมาหรือความลับอะไรเนี่ยแหละระหว่างท่านกับหลวงปู่ดำเพื่อที่จะนำไปลงหนังสือ. แต่หลวงตาจรัญกลับกล่าวกับลูกศิษย์คนนั้นว่า "ถ้าบอกแล้วเธอจะต้องตายนะ". ลูกศิษย์คนนั้นก็ตกปากรับคำโดยไม่เชื่อคำเตือนของหลวงตาจรัญทำให้หลังจากนั้นไม่นานลูกศิษย์คนนั้นก็ตายจริงๆ (รู้สึกว่าไม่ถึงสัปดาห์มั้งถ้าจำไม่ผิด) แต่ที่น่าแปลกก็คือสมุดที่จดบันทึกคำสัมภาษณ์นั้นปรากฏว่าไม่มีตัวหนังสืออยู่เลย. แล้วตกลงใครลบ? อันนี้มาเล่าให้ฟังไม่ได้หมายความว่าหลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านเข้าข่ายนี้เพราะผมไม่ได้มีญาณหยั่งรู้อะไร. ถ้าอยากรู้รายละเอียดมากกว่านี้ก็ลองใช้ทิพจักขุอันแจ่มใสของท่านผู้มีบุญญาธิการแต่ละท่านที่อ่านนี้ส่องเอาเองก็แล้วกันบางทีผมอาจจะเมายาสั่งมากไปหน่อยก็ได้เลยทำให้เรื่องนี้อยู่ในความจำของผม...

ผมไม่ได้โกหกจริงๆนะ.

 

ไม่รู้จะให้กำลังใจยังไงดีครับ เอาเป็นว่าขอให้คุณอัญสู้ๆ ต่อไปละกัน อย่าย่อท้อกับอุปสรรคที่มีมากมายดั่งสารไฮโดรเจนในอากาศ ที่เรารู้ว่ามีมันอยู่ แต่ก็ไม่ได้ไปใส่ใจอะไรมันมากนัก (^o^)Vขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมครับ โอมเพี้ยง

 

ศิษย์ สายไหนก็แล้วแต่ ที่มีครูบาอาจารย์แล้ว ศรัทธาท่านแล้ว ท่านสอน แล้ว เข้าใจ เกิดดวงตาธรรมแล้ว ก็ขอให้เชื่อท่าน อันไหนที่สอดคล้องกับของคุณ อัญญาสิทธิ์ ก็ โมทนาในความดีส่วนตรงนั้น จริงๆการโมทนา นี่ไม่จำเป็น ต้องกดในเว็บ เพียงจิตเรามี มุทิตา จิตก็จะโมทนา ไป โดย Autometic ( ดูยังไง ให้เอากิเลสเป็นเครื่องวัดจิต ว่าจิต โดน ข้อความ คำพูด หรืออะไร ก็แล้วแต่ กระทบแล้ว ถ้าวางอารมฯณ์ได้ และ ดับอารมณ์ ปรุง ได้ ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว หรือ พยายามคิดแต่ในแง่ดี มองในแง่ดี ก็ใช้ได้เหมือนกัน )

อันไหนไม่สอดคล้องก็ใช้ อุเบกขา วางเฉยไป และไม่รับความรู้ตรงนั้น มาเชื่อตามที่ครูบาอาจารย์เราสอนมา จบ
คุณอัญญาสิทธิ์ท่านจะเป็นยังไง คือเรื่องของท่าน ไม่เกี่ยวกับเรา ท่านจะสอนอย่างไรคือเรื่องของท่าน ท่านจะนำข้อมูลตรงนี้มาจากไหน ก็เป็นเรื่องของท่าน ไม่เกี่ยวกับเรา นอกจาก ท่านทำบุญหรือ มี สัญญาเก่า หรือจะต้อง อยู่ใน สายครูบาอาจารย์เดียวกับ คุณ อัญญาสิทธ์แล้วไซร้ เมื่อนั้น จิตก็จะเข้าใจ และน้อมนำไปเอง

ข้อความ หรือ ข้อเท็จจริง เป็น ยังไงไม่สำคัญ เลยสำหรับ คนที่ไม่ได้บำเพ็ญบารมี เพื่อ ทำหน้าที่ในยุค 3 ร่มโพธิ์ จะไม่มีความเกี่ยวข้อง กับเรื่องพวกนี้เลย คนที่จะ ปรารถนาพุทธภูมิแบบไหนก็แล้วแต่ ก็ตั้งใจ บำเพ็ญไป สำหรับคนที่ปรานาสาวกภูมิ ท่านมีหน้าที่ทำให้แจ้งในนิพพาน ซึ่งไม่เกี่ยว กับเรื่อง พวกนี้เลย ก็ขอให้ตั้งใจปฏิบัติกันต่อ ไป เมื่อบรรลุในธรรมแล้วก็จะทราบข้อเท็จจริงเองทั้งหมด


คุณอัญญาสิทธิ์เองท่านก็บอก แล้วว่า ให้พวกเรา เชื่อครูบาอาจารย์ของตัวเอง และ ปฏิบัติในสายของเราเอง

ใครจะทำหน้าที่ชี้ว่านี้คือ กรรมที่ปรามาส หรือ ไม่ปรามาส นี่คือ บุญ หรือไม่ใช่บุญ นี่คือการ ทำดี หรือ เลว

กฏแห่งกรรมจะทำหน้าที่นี้เอง โดยกลไก ของ กรรมเองอยู่แล้ว เราไม่สามารถล่วงรู้ได้ เลยว่าอันไหน จริง หรือ เท็จ เพราะฉะนั้น ให้ กรรมตัดสินดีที่สุดครับ

ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน ความตายเท่านั้น ที่แน่นอน ที่สุด

 

คุณ วิปจิตัญญู

เรื่องกรรมนั้น หากบุคคลนั้นๆเขาวางเจตนาแห่งจิตไม่เป็นละก็เสร็จทุกรายครับ สุดท้ายเขาก็จะไปต้องคุณหรือละเมิดในคุณ ของท่านผู้มีบารมีคนหนึ่งคนใดเข้า ด้วยเหตุที่ว่าประมาท ไม่สำรวมระวังใน กายกรรม วจีกรรมและมโนกรรม ของตน แค่มโนกรรมนี่ก็ไปไกลแล้วครับ อย่างมากในภพภูมิต่อๆไปเขาก็จะได้แค่คนทุกข์ยากเข็ญใจ หรือหากเป็นอาจิณกรรมละก็จะไปวนเวียนอยู่ในอบายภูมิสี่อีกนานครับ แม้จะมีบุญกุศลอยู่บ้างก็ต้องรอเสวยทีหลังเนื่องจากต้องไปใช้กรรมเหล่านี้ก่อน ครูบาอาจารย์ท่านจึงให้ระมัดระวังมากๆเกี่ยวกับผู้ที่ทำบารมีเพราะว่าหากประมาทพลาดพลั้งเข้า จะเป็นเหตุทำให้สังสารวัฏของตนเองเยิ่นเย่อ ยาวนานขึ้นไปอีก แต่จะทำยังไงได้เพราะกฏแห่งกรรมเป็นแบบนี้ ก็ได้แต่สงสารเขาแหละครับ

 

วันที่ 11-14 ส.ค. ที่ผ่านมาก็ได้ไปทำศาสน์ศิลป์ อธิษฐานในหลายสถานที่ทางภาคเหนือ เริ่มต้นที่วัดพระแก้วดอนเต้า ซึ่งยังมีศีลธรรมอยู่ค่อนข้างหนาแน่นในหลายส่วน ทั้งที่พระธาตุ พระประธานในวิหาร พระเจ้าทองทิพย์และรูปปั้นนางสุชาดาสนทนากับพระเถระในศาลาเล็กๆ

 

คืน 11 ส.ค.นอนที่จังหวัดลำปาง กลางคืนประมาณตี 2 ก็มีบริวารของพระนางจามเทวี มาหา บอกว่าพระแม่เจ้าฝากมาบอกว่าไม่ต้องกังวลเรื่องบายศรีและของเซ่นไหว้ ให้ใช้ภายในทำงานเพราะมีพร้อมอยู่แล้ว ท่านบอกว่าให้ไปแผ่บุญบารมีให้ที่วัดจามเทวี

เช้าวันที่ 12 ส.ค. ก็ไปจังหวัดลำพูน แวะสักการะปู่ฤษีวาสุเทพ ที่วัดพระธาตุดอยติ ที่รูปปั้นของท่านมีญาณศีลธรรมค่อนข้างหนาแน่น

 

จากนั้นไปอธิษฐาน แผ่บุญบารมีที่วัดจามเทวี วัดมหาวัน พระธาตุหริภุญชัยและอนุสารีย์นางจามเทวี

 

ไปสักการะและอธิษฐานที่พระวัดพระบาท 4 รอย เพื่อจะได้กลับมาสักการะอีกครั้ง ในยุคพระศรีฯ ที่ท่านจะมาประทับรอยพระบาท ทับทั้ง 4 รอยให้เป็นรอยพระบาทขนาดใหญ่เพียงรอยเดียว

 

ไปสักการะศีลธรรมที่วัดถ้ำเชียงดาวและวัดถ้ำผาปล่อง โดยเฉพาะที่วัดถ้ำเชียงดาวนี้มีความศักดิ์สิทธิ์มาก ก่อนเข้าถึงวัดมีปฏิกริยาจากฝนฟ้าในลักษณะของฝนทิพย์ลงมาให้เห็นเป็นระยะๆ ศีลธรรมที่อยู่ภายในถ้ำนั้นมีหลายรูปแบบ โดยเฉพาะศีลธรรรมจากพระพุทธรูปทองคำขนาดใหญ่ที่อยู่ลึกเข้าไปภายในถ้ำ เข้าใจว่าปัจจุบันนี้ภพภูมิเขาคงจะปิดไว้ มนุษย์ทั่วๆไปคงจะเข้าไปไม่ถึง สำหรับผู้ที่ผ่านเรื่องความกลัวได้ ที่วัดถ้ำเชียงดาวนี้เหมาะแก่การภาวนาอย่างยิ่ง และศีลธรรมจากพระพุทธรูป(หลวงพ่อทันใจ) ก็ไม่ธรรมดาเลย

 

วันที่ 13 ส.ค. ไปเริ่มต้นกันที่วัดพระเจ้าทองทิพย์ จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่พระเจ้าไชยเชษฐา พระมหากษัตริย์ของประเทศลาว อัญเชิญมาจากเมืองหลวงพระบางเมื่อคราวเสด็จมาครองเมืองเชียงใหม่ ปรากฏว่าเมื่อมาถึงที่นี่เรือพระที่นั่งหยุดอยู่กับที่ ไปต่อไม่ได้ พระองค์จึงให้สร้างมณฑปและประดิษฐานพระเจ้าทองทิพย์ไว้ที่นี่

จะสังเกตเห็นว่าพระไชยเชษฐาธิราช กับพระเจ้าทองทิพย์ในยุคอดีตนั้นก็มีความสัมพันธ์กันมาเช่นกัน ซึ่งในยุคปัจจุบันหลวงปู่ทองทิพย์ท่านก็มีตำนานที่มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ตามที่เล่าไว้ข้างบน ซึ่งเรื่องของผู้มีบุญญาบารมีนี่ซับซ้อนจริงๆครับ

 

จากนั้นก็ไปวัดพระแก้ว จังหวัดเชียงราย ซึ่งเคยเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต แต่ที่นี่กระแสศีลธรรมเบาบางมาก

 

จากเมืองเชียงรายก็ไปอำเภอแม่สาย ไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดถ้ำผาจม สัมผัสกระแสศีลธรรมสำคัญๆอยู่หลายอย่าง โดยเฉพาะญาณศีลธรรมของปู่ฤษี หลวงพ่อสายรุ้งและหลวงพ่อทองทิพย์ ก็รู้สึกยินดีที่ได้ไปสัมผัสกับสิ่งลี้ลับในป่าในเขาแบบนี้ หากมีโอกาสอีกครั้งจะไปนั่งภาวนารับญาณศีลธรรม ตามสถานที่เหล่านี้ให้มากขึ้น

 

จากนั้นก็ไปวัดอุดมวารี มีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ เป็นวัดสายธรรมยุติ และวัดถ้ำบำเพ็ญบุญ พระพุทธรูปโบราณภายในถ้ำวัดถ้ำบำเพ็ญบุญมีความศักดิ์สิทธิ์มาก ก็เลยถือโอกาสนั่งสมาธิภาวนา ส่งกระแสจิตถึงท่านอยู่พักนึง ท่านก็ปรารภเรื่องการปฏิบัติธรรมของคนยุคปัจจุบันให้รับรู้ ก็รู้สึกสลดไปกับท่านด้วย เข้าใจว่าท่านบำเพ็ญอยู่ในฌานตลอดเวลา เพราะกว่าจะสื่อกับท่านได้ ต้องส่งจิตเข้าไปค่อนข้างสงบลึกกว่าปกติ สถานที่นี่นั่งภาวนาดี จิตดิ่งเข้าสู่ความสงบเร็วมาก

 

ทางผ่านที่จะไปทางจังหวัดแพร่ ใกล้ๆกับวัดถ้ำบำเพ็ญบุญ บังเอิญจิตไปสะดุด กับวัดพระธาตุดอยงู ซึ่งอยู่บนเนินเขา ก็เลยจอดรถแวะดู ปรากฏว่ามีพระธาตุศักดิ์สิทธิ์และมีรูปปั้นของพ่อขาว ซึ่งเคยปฏิบัติธรรมอยู่ในเขตนั้นส่งกระแสศีลธรรมมาค่อนข้างแรง พ่อขาวนี้เป็นอาจารย์ของแม่ชีเจ้าสำนัก

ภูมิเขตนี้เป็นเขตพญางูขาว วัดนี้มีเฉพาะแม่ชี ไม่มีพระสงฆ์ ภูมิค่อนข้างแรง ก็เข้าไปหาแม่ชีเจ้าสำนัก ปรากฏว่าท่านเป็นอัมพฤกษ์ เป็นอัมพาตท่อนล่างไปครึ่งตัว ก็ได้ร่วมทำบุญสงเคราะห์เรื่องปัจจัยไปส่วนนึง พิจารณาแล้วก็น่าสงสารแม่ชีท่าน คงจะเป็นด้วยวิบากกรรมที่เกี่ยวข้องกันมากับภูมิที่นั่น จึงปฏิบัติผ่านบารมีเขายังไม่ได้ หากละขันธ์ไปก็จะต้องไปเป็นลูกน้องเขาและหากจิตสั่งสมและยอมรับการเดินไม่ได้อยู่เนืองๆ สุดท้ายก็จะตกอยู่ในสภาพเดียวกับภพภูมิที่นั่น ดังนั้นสำหรับนักปฏิบัติการผ่านภพภูมิต่างๆให้ได้ก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน

 

เช้าวันที่ 14 ส.ค.ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ ก็ได้แวะสักการะพระธาตช่อแฮและพระธาตุจอมแจ้ง

 

มีคำถามถึงคุณอัญญาสิทธิ์อีกแล้วครับ

คำถามจะเกี่ยวโยงกับการที่มีนิกายธรรมยุติ กับมหานิกาย ที่มีลักษณะการแตกต่างในแง่ธรรมวินัยและข้อวัตรปฏิบัติ ถามว่า
1. การที่บุคคลบวชและปฏิบัติตามวัตรของแต่ละนิกายมีผลต่อการสร้างบารมีของบุคคลหรือไม่

2. กรณีอย่างสายหลวงปู่มั่น หรือพระป่า ที่ยึดถือธุดงควัตรนั้น มีผลต่อการสร้างบารมีให้มีความเข้มแข็ง หรือไม่อย่างไร

3. กรณีอย่างสายธรรมของหลวงปู่ทองทิพย์และคุณอัญญาสิทธิ์เอง มีการจัดระบบเปรียบเทียบว่า อยู่ในลักษณะนิกายไหน หรือมีวัตรปฏิบัติแบบเอกเทศ อย่างไรบ้าง

4. มีท่านผู้หนึ่งเคยบอกว่า ร 3-4 มีความเกี่ยวข้องกับพระศรีฯ ท่านเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเรื่องการแยกนิกายเป็นสองนิกายในสมัย ร 4 เพื่อทำให้ศาสนาเข้มแข็งคุณอัญญาสิทธิ์ ทราบข้อเท็จจริงเรื่องเหล่านี้ไหมครับ

ขอถามด้วยความสงสัยครับ