เรื่องราวที่คนทั่วๆไปไม่ค่อยรู้

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย Aunyasit, 26 สิงหาคม 2005.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. Peng+

    Peng+ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +119
    ผมเปิดไฟล์รูปดูไม่ได้ครับ รบกวนคุณอัญญาสิทธิ์ส่งมาที่ peng@mapit.co.th ด้วยครับ

    คุณอัญาสิทธิ์มีเทปที่หลวงปู่ทองทิพย์ท่านเทศน์ส่งสอนไว้ไหมครับ สนใจอยากได้ไว้ฟังบ้าง

    มีคำถามเพิ่มเติมครับ

    1. คุณอัญญาสิทธิ์เคยเล่าว่า สมัยพระศรีท่านตรัสรู้ ท่านจะอยู่สอนธรรม จนสาวกองค์สุดท้ายเข้านิพพาน ท่านจึงจะเข้าปรินิพพาน และจบพุทธกาล แสดงว่าในสมัยนั้น จะไม่มีการสร้างพระพุทธรูป ตัวแทนท่านเหมือนสมัยปัจจุบันใช่ไหม เพราะเมื่อพระศรีท่านปรินิพพานแล้วก็ไม่มีการต่อศาสนาไปอีก

    2.ถ้าเราพบยักษ์ จะรู้ได้อย่างไร มีสัญญลักษณ์อะไรที่บ่งชี้ได้ว่าเป็นยักษ์ ยักษ์ดีและมิจจฉา มีอะไรต่างกันไหมครับ อย่างท่านท้าวเวสุวรรณ มีสัญลักษณ์อะไรที่บ่งบอกว่าเป็นท่านครับ (ผมเคยเห็นเป็นกงจักรหมุน แล้วมีบางคนบอกว่าเป็นท่านท้าวเวสสุวรรณ)

    3.อายุพระศาสนาของพระพุทธเจ้า แต่ละองค์ ที่แตกต่างกัน มีเหตุสำคัญอย่างไรให้ยืนนานต่างกัน ปัจจุบัน 5000 ปี สมัยพระศรี ก็น่าจะ 80,000 ปี หรือขึ้นอยู่กับการปรารถนาของแต่ละองค์

    เท่าที่ผมเข้าใจคือ ความสำคัญของการสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์จะอยู่ในช่วงแรกและช่วงอุปบารมี ที่ยังไม่ได้รับพุทธพยากรณ์ ซึ่งหมายถึงว่าพระโพธิสัตว์จะปั้นแต่งความมุ่งมาดปรารถนาใดก็ได้ เช่นอยากให้ศานาที่เมื่อสำเร้จแล้วเป็นอย่างไรก็สร้างบุญกุศลอย่างนั้น หรืออยากให้อายุศาสนายืนนานก็ต้องสร้างบารมีแบบนั้นในช่วงอุปบารมี เมื่อได้รับพุทธพยากรณ์แล้ว ก็เพียงแต่สร้างให้เข้มข้นขึ้น อย่างนี้เป็นความเข้าใจที่ถูกหรือไม่อย่างไรครับ อยากขอความเห็นครับ

    4. คำถามเกี่ยวโลกครับ สงสัยมานานแล้ว ในแต่ละกัปป์มีพระพุทธเจ้าไม่เท่ากัน ภัทรกัปป์มี 5 องค์ การมีพระพุทธเจ้าหลายองค์ช่วงรอยต่อแต่ละองค์จะเกิดยุคมืด แต่ภพภูมิยังอยู่ แต่พอจบกัปป์อย่างสิ้นสุดพระศรีฯ แล้วก็จะมีไฟบรรลัยกัลป์ล้างโลก โลกจะแตกสลาย เมื่อไม่มีโลกแล้ว สวรค์ก็ไม่น่าจะมี ภพภูมิต่างๆ จะไปอยู่ไหนครับ พระโพธิสัตว์ ไปอยู่ไหนครับ บางตำราก็ว่าเมื่อไฟบรรลัยกัลป์เผาผลาญ จะเหลือพรหมโลก 2 ชั้น ชั้นนึงคือสุทธาวาส และพรหมอีกชั้นนึงจะเป็นที่อยู่ของเหล่าพรหม คือหมายถึงเหลือเฉพาะพรหมเท่านั้น
    อยากขอความเห็นครับว่าถูกผิดอย่างไร

    ที่ผมสงสัยก็เพราะว่า อย่างที่คุณอัญญาสิทธิ์เคยเล่านะว่าสิ่งวิเศษต่างๆของพระศรีฯ หลายอย่างได้มาจากในยุคพระพุทธเจ้ากกุธสันโธ และไม่เคยกล่าวถึงยุคก่อนหน้านั้นเลย จะมาปรากฏในยุคนี้ แล้วถ้าไฟบรรลัยกัลป์ล้างโลกแล้วของวิเศษต่างๆ จะยังคงอยู่ไหมครับ

    ด้วยความรู้ครับ หากความเห้นใดไม่ถูกต้อง คุญอัญญาสิทธิ์ช่วยปรับแก้ให้รู้ถูกต้องด้วยนะครับ
     
  2. nehan

    nehan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    99
    ค่าพลัง:
    +965
    อืม หลังจากที่อ่านมาอย่างคร่าวๆทั้งหมด ก้ งงอ่ะนะ 5555+

    เเต่ก้เคยได้ยินเรื่องสมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรยท่านอยู่ จากครูบาอาจารย์

    ท่านก้บอกอะไรบางอย่างมากับผมเหมือนกัน

    ที่มีเค้า เข้ากับเรื่องของคุณอยู่คับ ^^

    ผมชอบกงจักรจัง
     
  3. illanzer

    illanzer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +840
    555 ยอดเยี่ยมมากมายครับ หวังว่าเราคงจะได้พบกันในอีกไม่ช้าครับ ผมรู้สึกอย่างงั้น
     
  4. Peng+

    Peng+ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +119
    ขอเพิ่มเติมคำถามอีกให้คุณอัญญาสิทธิ์ตอบอีกข้อนะครับ

    สมัยก่อนเคยอ่านเรื่องราวพระมาลัย ที่ไปนรกสวรรค์ แล้วนำเอาเรื่องราวมาเล่าให้คนเร่งทำบุญเพื่อไปเกิดสมัยพระศรีฯ แล้วเล่าถึงความวิเศษของคนในยุคพระศรี จนทำให้คนที่อ่าน เร่งสร้างบุญ กุศล เพื่อให้ทันไปเกิดในยุดท่าน จนมีคนพูดกันว่าถ้าไม่เร่งทำดี จะไปเกิดในยุคพระศรีไม่ได้

    ความที่สงสัยก็คือว่า ในสมัยพระศรีฯ บุคคลที่ไปเกิดในยุคนั้น ก็จะมาจากพวกที่สร้างกุศลมากมาย เพราะศาสนาท่านรองรับผู้มีบุญที่จะมาเกิด

    แล้วอย่างงี้แสดงว่า ในสมัยท่านจะไม่มี อลัลชี หรือพวกนอกศานาเลย หรือ พวกทุศีล เลยหรือครับ เหล่าคนที่มาเกิด ก็คือผู้ที่สร้างกุศลเฉพาะกับพระศรีฯ เท่านั้นหรือไม่ครับ

    ถ้าเป็นอย่างนั้น ศาสนาของของพระศรีฯ ท่านน่าจะยืนยง ยาวนาน มากๆ เลยใช่ไหม อย่างในสมัยปัจจุบันศาสนาที่กำลังจะเสื่อมไป เพราะมีการทุศีล
     
  5. Peng+

    Peng+ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +119
    พอดีได้ไปรับฟังเรื่องราวเกี่ยวกับพระธาตุของพระอรหันต์มา เห็นว่าบางคนที่บารมีเก่งๆ และปฏิบัติดี สามารถที่จะตั้งพระอบไว้ แล้วเขียนชื่อพระอรหันต์ที่ต้องการให้พระธาตุมาปรากฏ ได้ใสไว้ในภาชนะปิด สามารถอธิษฐานจิต เชิญพระธาตุของพระอรหันต์ องค์ที่ระบุชื่อให้มาปรากฏได้ และจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นอีกต่างหาก หากยังปฏิบัติดีอย่างต่อเนื่อง

    ผมก็เลยสงสัยขึ้นมา เท่าที่คุณอัญญาสิทธิ์เคยเล่าว่า พระโพธิสัตว์ที่เป็นปรมัตถบารมีจะผ่านชั้นภูมิของอรหันต์แล้ว แต่ยังไม่นิพพานเท่านั้น อย่างพระศรีฯ ท่านในสมัยต่างๆที่ผ่านมาที่ท่านบำเพ็ญบารมี (ตั้งแต่ผ่านภูมิอรหันต์แล้ว) ในแต่ละชาติของท่านจะมีพระธาตุด้วยไหมครับ หรืออย่างหลวงปู่ทวด หลวงปู่มั่น ท่านก็จะมีพระธาตุ ด้วยใช่ไหม

    ถ้ามี จะถามต่อว่า แล้วลักษณะพระธาตุระหว่างพระโพธิสัตว์ กับ พระอรหันต์ จะมีความแต่ต่างกันหรือไม่ อย่างไรครับ
     
  6. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    ตอบ คุณสหธรรมและท่านอื่นๆ

    1. สมัยศาสนาของพระศรีฯ ครูบาอาจารย์ยังไม่เคยกล่าวถึงเรื่องของพระพุทธรูปในสมัยนั้นครับ

    2.เรื่องยักษ์ ที่เราจะรู้ว่าดีหรือไม่ดีนั้น ต้องรู้ด้วยตนเองครับ ส่วนมากเป็นเรื่องเฉพาะตนของแต่ละคน

    3.อายุศาสนาของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ ที่แตกต่างกันนั้น เป็นไปตามการบำเพ็ญบารมีของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นๆ ครูบาอาจารย์ท่านจะใช้คำว่า "ปรุงโลก ปรุงศาสนา" ซึ่งความปรารถนาในการปรุงโลกปรุงศาสนาของพระมหาโพธิสัตว์ ก่อนที่จะเป็นพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์นั้นจะแตกต่างกันไป อย่างเช่นเมื่อพระศรีฯท่านเล็งญาณเห็นว่าบางยุคศาสนา เช่น ยุคศาสนาพระโคดมนั้น ผู้คนตัวเล็ก อายุสั้น ต้องทำงานหนัก มักมีทุกข์มากกว่าสุข มีภัยต่างๆมากมาย ทำบารมีได้ยาก จิตมนุษย์หยาบ สอนศีลธรรมได้ยาก บรรลุธรรมได้ยาก ผู้คนมีพรไม่ครบทั้ง 4 ประการ คือ ไม่มีใครมี อายุ วรรณะ สุขะ พละ ครบทั้ง 4 อย่าง ฯลฯ พระศรีฯ ท่านก็บำเพ็ญบารมีเพื่อปรุงโลกหรือปรุงศาสนา ให้ในสมัยศาสนาของท่านให้คนมีขนาดใหญ่ (สูง 80 ศอก) มีอายุยืน ไม่ต้องทำงาน เสวยเครื่องทิพย์ คนทุกคนมีศีลธรรม ฯลฯ เมื่อพระศรีฯท่านบำเพ็ญบารมีไปเพื่อให้โลกหรือศาสนาในยุคนั้นเป็นไปตามที่ท่านต้องการ เมื่อถึงเวลาในกาลศาสนาของท่าน สิ่งที่ท่านบำเพ็ญมาก็จะปรากฏผลตามนั้นครับ

    4. สำหรับเรื่องแต่ละกัปป์ที่มีพระพุทธเจ้าจำนวนต่างกันนั้น ผมเข้าใจว่าเป็นไปตามการบำเพ็ญบารมีที่เกี่ยวเนื่องกันของพระมหาโพธิสัตว์ว่าท่านเหล่านั้นบำเพ็ญบารมีเกี่ยวข้องกันมาอย่างไรและจะกำหนดกาลเวลาของการลงมาโปรดสัตว์บนโลกเมื่อใด ทั้งนี้เป็นเรื่องของเหล่าพระมหาโพธิสัตว์ที่ท่านจะตกลงกันเองว่าใครจะลงมาโปรดสัตว์ในสมัยไหน ซึ่งเป็นไปตามบารมีที่ท่านบำเพ็ญเกื้อกูลต่อเนื่องกันมาครับ

    ตอนปิดกัปป์ เมื่อสิ้นสุดศาสนาพระศรีฯ แล้วก็จะมีไฟบรรลัยกัลป์ล้างโลก โลกจะแตกสลาย สวรรค์ก็จะไม่มี สิ่งวิเศษต่างๆรวมทั้งจิตวิญญาณตามภพภูมิต่างๆจะไปอยู่รวมแออัดยัดเยียดกันในชั้นอนิษกฐาพรหม ดังนั้นภพภูมิยุคว่างกัปปฺจะเหลือแค่ชั้นอนิษกฐาพรหมและพรหมชั้นที่สูงขึ้นไป (ผมเข้าใจว่าน่าจะเป็นพรหมชั้นสุทธาวาส)

    การบำเพ็ญไปในยุคศาสนาของของพระศรีฯนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายครับ ต้องมีบารมีมาจึงจะไปเกิดในยุคนั้นได้ ดังนั้นศาสนาในยุคของท่านจึงยืนยาว เนื่องจากคนมีศีลธรรมกันทั้งนั้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเข้าพระนิพพานได้หมด จะมีเหลือส่วนหนึ่งที่ต้องไปต่อในยุคถัดๆไป เช่น พระโพธิสัตว์ พระปัจจเจก และพระสาวกของพระโพธิสัตว์พระองค์นั้นๆ

    สำหรับเรื่องพระธาตุนั้น เข้าใจว่าเป็นได้ทั้งสองแบบคือทั้งพระโพธิสัตว์และพระอรหันต์ แต่ส่วนใหญ่แล้วพระธาตุของจริงนั้นมีน้อยมาก ส่วนมากมักเป็นสิ่งที่เทวดาเขาเนรมิตขึ้น ครูบาอาจารย์ท่านเลยไม่ให้ผมสนใจในสิ่งเหล่านี้ครับ

    เมื่อช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาก็ได้นำคณะไปทอดผ้าป่าสามัคคี ที่วัดป่าสีดาฯ เพื่อปิดโครงการ สร้างเจดีย์พระศรีจักรพรรดิ์ ก็จะแล้วเสร็จในไม่ช้านี้ จากนั้นก็ได้แวะไปทำบุญกับหลวงพ่อทองแดง ได้สนทนากับท่านเรื่องหลวงปู่ทวด รวมทั้งพระมหาอุปคุตถ์ และหลวงปู่ใหญ่(พระครูโลกอุดร) ซึ่งหลวงพ่อทองแดง ท่านบอกว่าสองท่านนี้คือพระอรหันต์ในสมัยพุทธกาลที่ยังทำหน้าที่ดูแลพุทธศาสนาอยู่ ซึ่งพระครูโลกอุดรก็คือ พระอุตตระเถระ ในสมัยพุทธกาลนั่นเอง

    จากนั้นก็ไปกราบคารวะหลวงพ่อทองฤทธิ์ และก็ได้ไปหาพระสงฆ์อีกรูปหนึ่งไม่ขอเอ่ยนามท่านก็แล้วกันครับ เหตุที่ต้องไปหาท่านเนื่องจากก่อนหน้านี้หลวงพ่อทองฤทธิ์ท่านแจกหนังสือสวดมนต์เล่มเล็กๆให้เล่มนึง ข้างหลังมีรูปวาดของพระสงฆ์รูปหนึ่ง ลักษณะมีเมตตาสง่างามมาก ปรากฏว่าก่อนหน้าจะไปทอดผ้าป่า 3 วัน ตอนเช้าได้นิมิตว่าได้ไปหาพระสงฆ์รูปหนึ่ง ซึ่งก็คือพระสงฆ์ที่มีรูปอยู่ด้านหลังของหนังสือสวดมนต์นั่นเอง แต่รูปที่เห็นนั้นเป็นร่างภายในของท่าน

    พระสงฆ์ที่ผมไปหานั้น ท่านเป็นพระหนุ่มที่เป็นสื่อญาณ(ร่างเทียม)ของหลวงปู่ใหญ่ (พระครูโลกอุดร) ที่จริงทั้งองค์ท่านและหลวงพ่อทองฤทธิ์ก็เป็นศิษย์พระครูโลกอุดร เช่นกัน แต่สำหรับพระที่ท่านเป็นสื่อญาณของหลวงปู่ใหญ่นั้น ท่านจะใกล้ชิดกับหลวงปู่ใหญ่ค่อนข้างมาก เพราะหลวงปู่ใหญ่จะมาสอนธรรมให้ท่านอยู่เสมอ ท่านมาตัวเป็นๆนี่เหละ เมื่อถึงเวลาหลวงปู่ใหญ่ท่านมาสอนธรรมะ ท่านก็จะปรากฏกายขึ้นแล้วก็เดินลอยมาเหนือพื้นดิน มานั่งในอาสนะ เมื่อสอนเสร็จท่านก็ไป เป็นอยู่อย่างนี้สม่ำเสมอ

    และครูบาอาจารย์อีกท่านหนึ่งของพระหนุ่มรูปนี้คือ หลวงปู่ทองทิพย์ ท่านบอกกับผมว่าบนพื้นปฐพีนี้ หลวงปู่ทองทิพย์ท่านสูงสุดแล้ว ไม่มีใครเทียบท่านได้ ท่านก็เคยไปอยู่ปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่ทองทิพย์เหมือนกัน ท่านบอกว่าหลวงปู่ทองทิพย์บอกกับท่านว่า เออลูกนี้ "ดีแต่เล็ก เล็กแต่ดี" พระหนุ่มท่านนี้ ท่านบอกว่าท่านเคยไปนั่งภาวนาอดข้าว อดน้ำอยู่ด้านหลังพระธาตุที่วัดป่าสีดาฯ อยู่เจ็ดวัน ระหว่างที่ท่านนั่งอยู่นั้นผู้คนเขามาอธิษฐานอะไร ท่านก็ได้ยินตลอด เมื่อครบเจ็ดวัน ท่านก็อธิษฐานบ้าง ท่านอธิษฐานว่า "ขอให้ท่านตายโหงในผ้าเหลืองภายใน 5 ปี" ท่านบอกว่าก็ไม่ตายสักที ท่านมารู้ทีหลังว่ามีเทวดาอยู่ตนหนึ่งที่เป็นผู้บันทึกการอธิษฐานของผู้คนทั่วโลก เขามาบอกท่านว่า ทำไมอธิษฐานแบบนั้น ไม่มีใครเขาอธิษฐานให้ตัวเองตายกัน

    ซึ่งการสนทนากับพระหนุ่มในท่ามกลางความมืดสลัวๆนี่ได้บรรยากาศดีมาก เพราะวัดท่านยังไม่มีไฟฟ้า ท่านอยู่ในป่าช้า ก็สนทนากันหลายเรื่องมากมาย ตั้งแต่ 3 ทุ่ม จนถึงตี 3 ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของศีลธรรม ที่เป็นเรื่องเฉพาะตน ท่านก็ตอบให้อย่างตรงไปตรงมา เหมือนลูกศิษย์กับอาจารย์คุยกัน ท่านบอกว่าในระหว่างปฏิบัติก็เป็นแบบนี้แหละ ท่านก็เป็นอาการแบบนี้มาก่อน เมื่อถึงจุดหนึ่งก็จะเข้าใจทั้งหมด ท่านบอกว่าเมื่อถึงยุคของ "สามร่มโพธิ์ศรี" ในอนาคตอันใกล้ แล้วจะเข้าใจ เมื่อถึงตอนนั้นพวกเราก็จะกลับมานั่งสนทนาหัวเราะกัน สำหรับท่านนั้นจะมีครูบาอาจารย์ใกล้ชิดคือหลวงปู่ใหญ่ แต่สำหรับของผมนั้นท่านบอกว่าคือหลวงปู่ทองทิพย์ ปฏิบัติไปเรื่อยๆแล้วจะเข้าใจ

    ท่านบอกว่าหลวงปู่ใหญ่นี่ มีผู้คนตามหากันจัง แต่คนที่ตามหามักไม่ได้เจอ หรือก็อาจจะได้เจอในชาติหน้าหรือในชาติต่อๆไป แต่คนที่มีบุพกรรมเกี่ยวเนื่องกันมานี่ ไม่ต้องตามหา เมื่อถึงเวลาก็จะได้มาเจอกันเอง

    เท่าที่สนทนากับท่าน สามารถรับรู้ได้ว่า ธรรมะจากหลวงปู่ใหญ่นี่ลึกซิ้งพิสดารมากครับ ก่อนกลับท่านก็ให้เชือกผูกข้อมือมา 2 เส้น แล้วท่านก็บอกให้ไปวาดรูป รูปหนึ่ง มาถวายท่าน เพื่อนำไปติดไว้ในวิหารที่ท่านกำลังสร้าง เข้าใจว่าเป็นปริศนาธรรมที่ครูบาอาจารย์ท่านพยายามจะสอนผม

    ครั้งต่อไปก็จะแวะไปหาท่านเพื่อนำปัจจัยไปถวาย ร่วมสร้างศาลาปฏิบัติธรรมที่ท่านกำลังสร้างใกล้จะเสร็จแล้ว
     
  7. Peng+

    Peng+ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +119
    ตามความรู้ของคุณอัญญาสิทธิ์นี่ พระศรีฯ ที่ท่านสร้างบารมี 80 อสงไขย การนับระยะเวลา นี่ท่านนับเฉพาะชาติที่มีการสร้างความดีเท่านั้น หรือว่านับรวมระยะเวลาตั้งแต่เริ่มปรารถนาพระโพธิญาณครั้งแรกโดยไม่ได้คำนึงว่าชาติต่างๆจะมีการบำเพ็ญบารมีหรือไม่

    แล้วเรื่องที่เคยได้ยินได้ฟังมาว่า ในสมัยก่อนพระพุทธเจ้าโคดมองค์ปัจจุบัน กับพระศรีฯ มีสมัยหนึ่งเป็นเพื่อนกันและเสี่ยงบารมีว่าใครสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าก่อนให้ดอกบัวบานก่อน แล้วมีการแอบเปลี่ยนดอกบัวกัน มีเค้าความจริงหรือป่าวครับ
     
  8. sakol_yok

    sakol_yok Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +54
    คุณอัญญาสิทธิ์ครับ
    ขอที่อยู่วัดที่หลวงพ่อทองฤทธิ์อยู่ได้มั้ยครับ
    ขอบคุณครับ
     
  9. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    คุณ sahadham

    พระศรีฯ สร้างบารมี 80 อสงไขย การนับระยะเวลา นับรวมระยะเวลาตั้งแต่เริ่มปรารถนาพระโพธิญาณครั้งแรกครับ

    เรื่องที่พระพุทธเจ้าโคดมองค์ปัจจุบันกับพระศรีฯ นั้น ครูบาอาจารย์ท่านเคยพูดให้ฟังว่าสองท่านนี้เคยเป็นพี่น้องกันมาและในครั้งที่เป็นเทวบุตรอยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิต ทั้งสองท่านมีการเสี่ยงบารมีอธิษฐานว่าหากใครจะได้ลงมาโปรดสัตว์และสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าก่อนขอให้ดอกบัวประจำตัวบานก่อน แล้วมีการแอบเปลี่ยนดอกบัวกันนั้น เป็นความจริงครับ

    เทวบุตรที่ต่อมาคือพระพุทธเจ้าโคดม ท่านเห็นดอกบัวของเทวบุตรพระศรีฯบานก่อน ด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้าของเทวบตรพระโคดมที่จะลงมาโปรดสรรพสัตว์ ท่านเลยเปลี่ยนดอกบัวของพระศรีฯ พระศรีฯท่านเล็งเห็นด้วยญาณ ท่านจึงตรัสทำนองว่า พี่มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะลงไปโปรดสรรพสัตว์และเป็นพระพุทธเจ้าในโลกมนุษย์ก่อน ด้วยกรรมที่พี่ได้สลับดอกบัวของเรานั้น จะทำให้ในยุคศาสนาของพี่มีคนทุศีลมาก มีโจรภัยต่างๆ มาก นักบวชในศาสนาทำให้ศรัทธาของพุทธบริษัทเสื่อมถอยลงลงอย่างรวดเร็ว ฯลฯ


    คุณ sakol_yok

    วัดที่อยู่ของหลวงพ่อทองฤทธิ์ คือวัดป่าวรพจน์ปรีดาราม บ้านภูพานทอง อ. เมือง จ. หนองบัวลำภู ครับ
     
  10. Peng+

    Peng+ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +119
    คุณอัญญาสิทธิ์ครับ
    เรื่องระยะเวลาการสร้างบารมีนี่ทำให้ผมสงสัย เพราะเมื่อนำระยะเวลาจากสองเรื่องมาเทียบด้วยสเกลเวลาทำให้รู้สึกว่าแย้งกันอยู่

    คือ ถ้าพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันสร้างบารมี 20 อสงไขย แสดงว่า พระโคดมท่านเพิ่งปรารถนาโพธิญาณครั้งแรก เมื่อพระศรีฯท่านสร้างบารมีมาแล้ว 60 อสงไขย ซึ่งก็ใกล้จะเป็นนิตยโพธิสัตว์แล้ว ดังนั้นเมื่อพระโคดมท่านสร้างบารมีมา 16 อสงไขย ตอนที่จะได้รับพุทธพยากรณ์ ตอนนั้นพระศรีท่านก็สร้างบารมีได้ 76 อสงไขย

    หรือพูดให้ง่ายคือ พระศรีฯท่านได้รับพุทธพยากรณ์ครั้งแรกก่อนพระโคดมตั้งหลายอสงไขย ที่สงสัยคือลำดับก่อนหลังมิได้ขึ้นอยู่กับการได้รับการพยากรณ์ครั้งแรกใช่ไหมครับ (ซึ่งก็น่าจะเหมือนกับว่าพระโคดมท่านก็เร่งสปรีด แซงพระศรีฯ และพระโพธิสัตว์ท่านอื่นที่ที่ตามมาอีกหลายองค์ด้วยใช่ไหม)

    เคยมีบางกระทู้มีความเห็นแย้งกันในเรื่องนี้คือ บางคนก็ว่านับเฉพาะเวลาที่สร้างบารมีเท่านั้น ช่วงที่เกิดมาแล้วไม่สร้างอะไรเลยก็ไม่คิดคะแนนหรือไม่นับเวลา แต่บางคนก็ว่านับหมด

    สำหรับผมแล้ว คิดว่าถ้านับหมดนี่แสดงว่า เวลาต้องมีเวลาสัมบูรณ์ (Absolute) ที่สามารถนับในสมัยใดก็ได้เวลาที่เท่ากัน ขอความเห็นครับ
     
  11. SEIWEK

    SEIWEK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2006
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +102
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 111.jpg
      111.jpg
      ขนาดไฟล์:
      118.7 KB
      เปิดดู:
      2,031
  12. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    คุณ sahadham

    พระศรีฯท่านได้รับพุทธพยากรณ์ครั้งแรกก่อนพระโคดมนานมาก และการปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าแบบวิริยาธิกะนั้น ท่านต้องบำเพ็ญบารมีรวม 80 อสงไขย ซึ่งจะปรากฏสิ่งต่างๆบนโลก แตกต่างจาก ยุคของพระพุทธเจ้าแบบปัญญาธิกะ อย่างพระพุทธเจ้าโคดม ที่ท่านต้องบำเพ็ญบารมีรวม 20 อสงไขย

    ดังนั้นการที่จะบรรลุเป็นพระพุทธเจ้าแบบใด สมัยใด เป็นเรื่องของการปรารถนา ซึ่งเกี่ยวข้องกับระยะเวลาของการบำเพ็ญบารมีด้วยครับ

    เมื่อกลางเดือน มิ.ย ได้มีโอกาสไปทำธุระแถวปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้ไปสำรวจหลายวัด ก็ไม่ค่อยมีอะไรเป็นพิเศษ มักมีแต่สิ่งก่อสร้างภายนอกแต่ภายในว่างเปล่า อย่างไรก็ตามได้ไปพบวัดหนึ่ง คือ วัดนาห้วย เป็นวัดที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อยู่หลายจำพวก มีศีลธรรมที่เกี่ยวข้องกับ ปู่ฤษี พระนารายณ์ พระแม่ธรณี รวมทั้งศีลธรรมของเจ้าอาวาสรูปเก่าๆ ที่มรณภาพไปส่วนใหญ่ก็ยังวนเวียนอยู่ที่วัด ก็เลยถือโอกาสเข้าไปทำศาสน์ศิลป์ที่วัดนี้ด้วย รวมทั้งได้สนทนากับพระเจ้าอาวาส เพื่อถวายปัจจัยร่วมทำบุญสร้างศาลาของวัดนี้ท่านบอกว่าจะมีการหล่อพระพุทธชินราชจำลองในเร็วๆนี้ ท่านไหนผ่านไปทางนั้นก็แวะทำบุญนะครับ เพราะสถานที่ไหนก็ตามถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านอยู่กันมาก เมื่อเราทำบุญจะเกิดอานิสงส์ภายในมาก จากการอนุโมทนาบุญของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในภพภูมินั้นๆ

    สัปดาห์ที่แล้วก็ได้ไปนิมนต์ญาณศีลธรรมของหลวงปู่สี วัดถ้ำเขาบุญนาค อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ไปเข้าเขตโลกทิพย์ของวัดป่าสีดาฯ ท่านก็รับนิมนต์เป็นอย่างดี ระหว่างที่อธิษฐานท่านก็ส่งกระแสจิตบอกว่าท่านรออยู่ เสร็จแล้วก็ได้แผ่บุญกุศลให้กับภพภูมิต่างๆที่อยู่ในบริเวณวัด รวมทั้งภพภูมิที่อยู่ตามถ้ำเขาบุญนาคนั้น ขณะอธิษฐานแผ่บุญกุศล สุนัขเห่าหอนกันเกรียวไปทั่ววัด พอแผ่บุญกุศลเสร็จสุนัขก็หยุดเห่าหอนทันที

    จากนั้นก็เลยไปที่วัดถ้ำภูคา ซึ่งเป็นสถานที่ ที่ครูบาอาจารย์หลายรูปได้เคยไปบำเพ็ญภาวนา เช่น หลวงปู่มั่น หลวงปู่ฝั้น หลวงปู่สิม หลวงปู่สงค์ และหลวงปู่บุดดา เป็นต้น ไปถึงก็สัมผัสศีลธรรมหลายอย่าง รวมทั้งที่เป็นฝ่ายรักษาที่นั่น เข้าใจว่าเป็นภูมิเทวดาชั้นจาตุมหาราชิกา และก็ได้ขึ้นไปบนยอดเขาภูคาเพื่อนมัสการพระพุทธบาทและพระพทธรูปที่ยอดเขาด้วย


    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของวัดนาห้วย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • X7.JPG
      X7.JPG
      ขนาดไฟล์:
      47.2 KB
      เปิดดู:
      79
    • X6.JPG
      X6.JPG
      ขนาดไฟล์:
      52.1 KB
      เปิดดู:
      177
    • X8.JPG
      X8.JPG
      ขนาดไฟล์:
      42.4 KB
      เปิดดู:
      157
  13. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    สรีระหลวงปู่สี วัดถ้ำเขาบุญนาค และ ภาพถ่าย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • X1.JPG
      X1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      59.3 KB
      เปิดดู:
      100
    • X12.JPG
      X12.JPG
      ขนาดไฟล์:
      41.7 KB
      เปิดดู:
      86
    • X2.JPG
      X2.JPG
      ขนาดไฟล์:
      23.5 KB
      เปิดดู:
      82
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2006
  14. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ วัดถ้ำภูคา อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • X4.JPG
      X4.JPG
      ขนาดไฟล์:
      24.5 KB
      เปิดดู:
      70
    • X3.JPG
      X3.JPG
      ขนาดไฟล์:
      44 KB
      เปิดดู:
      81
    • X5.JPG
      X5.JPG
      ขนาดไฟล์:
      25.9 KB
      เปิดดู:
      77
    • X11.JPG
      X11.JPG
      ขนาดไฟล์:
      45 KB
      เปิดดู:
      69
  15. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    อนุโมทนากับคุณ Aunyasit ด้วยครับ ขอให้คุณ Aunyasit นำสถานที่ที่มีศีลธรรมมาลงเรื่อยๆนะครับ จะเก็บเป็นข้อมูล หากมีโอกาสจะได้แวะไปกราบไหว้บูชา
     
  16. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    วันที่ 27 มิ.ย. ก็ได้มีโอกาสไปนิมนต์ญาณศีลธรรมของท่านพ่อลี วัดอโศการาม เข้าสู่โลกทิพย์ในเขตวัดป่าสีดาฯ เนื่องจากได้สื่อทางจิตกับท่านไว้เมื่อหลายเดือนก่อนว่าจะไปทำศาสน์ศิลป์ให้ท่าน ภายในท่านพ่อลีท่านใช้ภาษามคธ ไปคราวนี้ก็ไม่ได้สนทนาอะไรกับท่าน พออธิษฐานเสร็จท่านก็รับภายในเลย

    หลายท่านมักจะถามบ่อยว่ามีพระสงฆ์ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนบ้างที่ต้องไปทำแบบนี้ คำตอบก็คือ ขึ้นอยู่กับจิตสัมผัส ว่าจะเป็นใคร ที่ไหนบ้าง และก็ต้องถึงกาลเวลาด้วย บางที่ผ่านไปครั้งแรกก็ไม่สัมผัสอะไร พอไปครั้งหลังๆหากสัมผัสและสื่อกันได้ จึงจะไปทำศาสน์ศิลป์แบบนี้ ส่วนใหญ่พระสงฆ์ที่เก็บร่างไว้ ญาณศีลธรรมท่านมักจะยังอยู่จนกระทั่งถึงวาระที่ท่านจะเคลื่อนไปที่อื่น

    อย่างคราวที่ไปจังหวัดนครสวรรค์ ก็ได้แวะไปกราบสรีระหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค แต่ก็ไม่สัมผัสอะไร ก็ได้แค่ไปกราบอย่างเดียวซึ่งไม่แน่ใจว่าญาณศีลธรรมท่านถอดออกไปก่อนหน้านี้หรือว่ายังไม่ถึงกาลเวลาของท่าน เท่าที่สังเกตหากว่าเป็นญาณศีลธรรมของพระสงฆ์ที่เราพบเจอท่านในโลกภายในมาก่อนหรือพอพูดถึงชื่อท่านเหล่านั้นแล้วจิตสัมผัสได้ทันที ก็จะต้องไปทำศาสน์ศิลป์ให้ท่านในกาลต่อๆมา

    อย่างครูบาอาจารย์บางท่าน ท่านบอกศิษย์ไว้ว่าท่านจะอยู่ถึง 120 ปี แต่พออายุ 80 ปี ท่านก็ละสังขารแล้ว ที่จริงท่านก็ยังอยู่นั่นแหละ แต่กายเนื้อสภาพไม่ไหว ท่านจึงต้องอยู่แบบใช้กายทิพย์ จนครบ 120 ปีท่านจึงจะเคลื่อนไปจากที่นั่น ครูบาอาจารย์ที่ท่านมีบารมีสูงๆ ญาณศีลธรรมท่านก็กระจายไปอยู่ตามที่ต่างๆได้มากมาย เช่นกัน

    ที่วัดเขาคอก จ. นครนายก ใกล้ๆกับโรงเรียนนายร้อย จปร. ที่นั่นก็มีพระสหธรรมิกของท่านพ่อลี ละสังขารเก็บไว้ที่นั่นคือหลวงปู่สี ท่านละสังขารมาหลายปีแล้วตอนนั้นอายท่าน 97 ปี ท่านจะอยู่ที่นั่นอีกประมาณ 15 ปีจึงจะเคลื่อนไป ที่วัดเขาคอกนี้ก็มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน มีพระพุทธฉายและมีถ้ำสำคัญอยู่ถ้ำนึง ซึ่งแต่ก่อนเป็นที่บำเพ็ญบารมีของ หลวงปู่มั่น หลวงปู่สี และ ท่านพ่อลี หลังจากนั้นทั้ง 3 ท่านก็แยกย้ายกันไปบำเพ็ญในที่เฉพาะ หลวงปู่มั่นก็ไปบำเพ็ญต่อที่ถ้ำสาริกา ท่านพ่อลีก็ไปที่คลองด่าน จ.สมุทรปราการ ส่วนหลวงปู่สีท่านบำเพ็ญอยู่ที่เดิม หลังจากหลวงปู่สีท่านถึงศีลธรรมที่นั่นแล้ว ท่านก็อธิษฐานปิดปากถ้ำไว้จนถึงปัจจุบันนี้ ครูบาอาจารย์ท่านต้องการให้เราไปอธิษฐานรับศีลธรรมที่นั่นด้วย แต่ก็ยังไม่ได้ไปทำ ไปมาแล้ว 2 ครั้ง แต่กาลเวลาไม่ได้เพราะไปตอนกลางคืนและฝนก็ตกทั้งสองครั้ง

    เดือนหน้าก็จะไปนิมนต์ญาณศีลธรรมของหลวงปู่บุดดา จ.สิงห์บุรี ก็เคยพบเห็นท่านในโลกภายในหลายครั้ง หลวงปู่หลวง ที่ จ.ลำปาง ก็ต้องไปเช่นกัน แต่ร่างท่านเขาพระราชทานเพลิงไปแล้ว ญาณศีลธรรมท่านอาจจะไปอยู่ที่ไหนสักที่นึง เข้าใจว่าน่าจะอยู่ตรงตำแหน่งพระนาคปรกองค์ใหญ่ที่ท่านดำริสร้างไว้ หากไปที่นั่นก็ต้องใช้เรดาร์ ส่องหาตำแหน่งที่ท่านสถิตย์อยู่ของท่าน

    อย่างที่เพชรบูรณ์ หลวงพ่อทบ วัดชนแดน ก็สำคัญอีกรูปหนึ่ง พระสงฆ์หลายรูปแม้ท่านจะละสังขารไปแล้วแต่ท่านก็ยังทำหน้าที่อยู่ในเขตนั้นๆ บางท่านก็เป็นเทพใหญ่อยู่ในเขตของท่าน

    หากทำศาสน์ศิลป์ครบ 108 เกจิอาจารย์เมื่อไหร่ ก็จะพักชั่วคราว แล้วรอไปทำศาสน์ศิลป์ในเขตสำคัญของประเทศเพื่อนบ้าน ช่วงนี้เป็นหน้าฝนเดินทางไปประเทศเขมร หรือลาว ไม่สะดวกเท่าที่ควร ต้องรอไปในช่วงหน้าหนาว

    ภาพที่เก็บสังขารท่านพ่อลี วัดอโศการาม ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • X1.JPG
      X1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      40 KB
      เปิดดู:
      90
  17. อวทม45

    อวทม45 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    330
    ค่าพลัง:
    +1,832
  18. rin5297

    rin5297 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +569
    เรียนถามท่านอัญญาสิทธิ์ ครับ ผมอยากทราบเรื่องวาจาสิทธิของหลวงพ่อทบวัดชนแดนท่านมีพลังอย่างไรคือผมเกิดมาไม่ทันแต่ได้ยินเรื่องราวของท่านมามาก แล้วส่วน หลวงพ่อแก้ววัดช้างเผือก อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์(อันนี้อยู่ใกล้บ้านผม)ท่านอัญญาสิทธิ์เคยได้ยินชื่อบ้างหรือไม่ทั้งสองท่านนี้เป็นอย่างไรบ้างครับ
     
  19. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    คุณ rin5297

    เรื่องของหลวงพ่อทบนั้นไม่ต้องสงสัยหรอกครับ พระอภิญญาระดับนี้ท่านทำได้สารพัดแหละครับ เมื่อปีที่แล้วเพื่อนผมคนหนึ่งในจังหวัดเพชรบูรณ์ ถามหลวงพ่อทองแดง ที่ จ.อุดรธานีว่า ที่บ้านเขาฝนแล้งมาก ทำยังไงถึงจะให้ฝนตก หลวงพ่อทองแดงท่านบอกว่าให้จุดธูปอธิษฐานบอกหลวงพ่อทบ วัดชนแดน แล้วฝนจะตก เพื่อนเขาก็ทำตาม เขาก็อธิษฐานให้ฝนตก 3 วัน ปรากฏว่าในระหว่าง 3 วันนั้นฝนตกไม่หยุด เขากลัวน้ำท่วมจึงต้องการให้ฝนหยุดตก ก็ถามหลวงพ่อทองแดงอีก ว่าต้องทำยังไง หลวงพ่อทองแดงบอกว่า อันนี้ช่วยไม่ได้แล้ว ก็โยมอธิษฐานแบบนั้นนี่ ท่านบอกว่า อย่าล้อเล่นกับเทวดา

    สำหรับ หลวงพ่อแก้ว วัดช้างเผือก อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ นั้นผมก็เคยได้ยินชื่อ แต่ก็ยังไม่เคยสัมผัสศีลธรรมของท่าน ไม่ทราบว่าทางวัดเขาเก็บสังขารท่านไว้หรือเปล่า ถ้ายังเก็บสังขารไว้ หากผ่านไปแล้วผมจะแวะไปสักการะครับ

    ที่ จ.เพชรบูรณ์ หลวงพ่อลมัย ก็ดีนะ เคยสัมผัสทางในของท่าน พลังจิตท่านสูงดีครับ ผมก็ยังไม่มีโอกาสไปคารวะท่านเลย เคยมีศิษย์หลวงปู่ทองทิพย์ ซึ่งเป็นรุ่นพี่ เขาไปกราบท่านเมื่อปีที่แล้ว หลวงปู่ท่านเห็นแล้วก็เข้าห้องพักไม่ออกมาอีกเลย ก็เข้าใจว่าท่านคงเห็นภายในของพี่คนนี้ เขาเป็นอดีตพระจักรพรรดิ์คนหนึ่ง สงสัยว่าพี่เขาจะอธิษฐานน้อมเอาญาณศีลธรรมของครูบาอาจารย์ที่อยู่กับพี่เขาไปกราบท่าน พระที่ท่านปฏิบัติสูงๆนี่ หากท่านรู้ว่าผู้ที่มากราบนั้นมีญาณศีลธรรมของครูบาอาจารย์ระดับสูงอยู่ด้วยท่านจะระมัดระวัง โดยเฉพาะการกราบแทบเท้านี่ท่านจะระวังกันมาก ก็พี่คนนี้แหละที่ไปช่วยคณะสายหลวงพ่อฤษีลิงดำ ยกรูปหล่อพระสมเด็จองค์จักรพรรดิ์ ขึ้นแท่นที่จังหวัดลพบุรี ได้ข่าวว่าทีแรกก็ยกกันไม่ขึ้น พี่เขาไปอธิษฐานช่วยก็ยกขึ้นได้ เรื่องการรู้เห็นเขาก็ได้หมดแหละ แบบลืมตาเห็น ใครถามอะไรภาพก็ปรากฏขึ้นมาเอง ศีลธรรมภายในก็คล้ายๆเทวดาทรงเครื่องเป็นแก้วใสแหละ เขาก็รอกาลเวลาของเขาเช่นกัน เข้าใจว่าช่วงกึ่งกลางศาสนายุคพระศรีฯ เขาก็จะมาทำหน้าที่
     
  20. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    เรียนถามคุณ Aunyasit หลวงพ่อฤาษีลิงเล็ก กับหลวงพ่อฤาษีลิงขาว ท่านละสังขารหรือยังครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...