เรื่องราวที่คนทั่วๆไปไม่ค่อยรู้

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย Aunyasit, 26 สิงหาคม 2005.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. อุบาสิกาคนหนึ่ง

    อุบาสิกาคนหนึ่ง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +94
    รบกวน ถามคุณอัญญาสิทธิ์

    เราได้อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับพระศรีอาริย์ที่คุณได้พิมพ์แล้วพบว่าใกล้เคียงกับความรู้ที่เรามีมากนะคะ

    แต่ปีพศ บางทีก็ไม่ตรงกัน เช่น วัดที่จ.นครพนม ที่พระศรีฯท่านไปมรณะภาพนั้น ปัจจุบันยังเก็บศพท่านไว้ในโลงจริง เราเองก็เคยไปที่วัดนั้นมาครั้งหนึ่ง พบว่าท่านมรณะภาพเมื่อปี 2526 ค่ะ ..ไม่ใช่ 2544

    ได้ทราบว่า ทางคณะของคุณอัญญาสิทธิ์ ได้สร้างปราสาทพระพุทธเจ้าห้าพระองค์เสร็จแล้ว เราก็ขออนุโมทนาด้วยค่ะ

    ส่วนเรื่องที่ต้องการถามก็คือ คุณอัญญาสิทธิ์ รู้จักรายละเอียดเกี่ยวกับพระยาธรรมมิกราช บ้างไหมคะ ถ้าทราบพอจะบอกให้รู้ได้ ก็ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยค่ะ

    เพราะมีผู้ที่เราเคารพมากผู้หนึ่ง ท่านก็ได้รับคำสั่งจากพระศรีฯ ให้สร้างศาลามหาภัทรกัปป์รอรับ พระยาธรรมมิกราช (รู้สึกเรื่องราวจะคล้ายๆกันค่ะ)
    คือ เท่าที่ทราบมา เมื่อศาลานี้สร้างเสร้จพระยาธรรมมิกราชเจ้าจะปรากฏตัวขึ้นค่ะ
    ...ตอนนี้ยังอยู่ในระหว่างการสร้าง

    โดยท่านบอกให้สร้างบาตรพระศรีอาริย์ ตอนนี้บาตรก็ใกล้เสร็จแล้ว หลังจากบาตรนี้เสร็จ
    ท่านให้สร้างศาลามหาภัทรกัปป์ กว้าง 16 เมตรยาว 16เมตร มีสี่มุข ตรงกลางเป็นยอดพระปรางค์
    ศาลานี้กำหนดความสูงไว้ 3 ชั้น เพื่อเป็นศาลาแสดงธรรมของพระยาธรรมมิกราช
    ...ท่านให้เวลาในการทำงาน อย่างเร็ว 10ปี อย่างช้า 30ปี

    ...อันที่จริง งานนี้หลวงพ่อโต ก็ทราบด้วย (คุณอัญญาสิทธิ์ลองถามดูได้) และได้เดินทางมาดูแลอยู่เรื่อยๆ ทั้งทางภายใน และมาด้วยตัวเองก็หลายหน แต่ท่านไม่ได้มาจำวัด ท่านไปๆมาๆ จะไปเมื่อไหร่มาเมื่อไหร่ท่านไม่ค่อยยอมบอก เราคาดว่างานสร้างศาลานี้อยู่ในความรับผิดชอบของหลวงพ่อโตนั่นเอง เพียงแต่ว่าไม่ทราบด้วยเหตุไร พระศรีฯท่านให้อาจารย์ผู้ที่เราเคารพท่านนี้เป็นผู้ดำเนินการแทน

    ...เรื่องเกี่ยวกับพระยาธรรมมิกราชนั้น เรารู้ไม่มาก ไม่ทราบว่า จะเป็นคนเดียวกับพระจักรพรรดิ์หรือไม่ เพราะจากความรู้ของเรานั้น ร่างอวตารเพื่อเป็นพระจักรพรรดิ์นั้น ท่านส่งมาเกิดเรียบร้อยแล้ว

    ก็รบกวนช่วยนำความรู้มาแบ่งปันกันบ้าง เพราะเราจะได้ไม่ต้องดูเองมากนัก

    ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

    ปล. ที่เราต้องการทราบก็เพราะว่า เรามีหน้าที่ช่วยเหลือพระศรีอาริย์ท่านในบางส่วน
    แม้จะมีความรู้มาบ้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นผู้ที่ตัดสินได้ว่า เรื่องไหนบอกได้เรื่องไหนบอกไม่ได้ เราจึงขอไม่เล่าในส่วนของเรามากนักค่ะ
    ...คนที่กำหนดได้ว่า เรื่องไหนควรเปิดหรือเรื่องไหนควรปิด คือ หลวงพ่อโตค่ะ

    ส่วนบางคนอาจจะสงสัยว่า เราเอาพุทธศาสนาไปโยงกันกับศาสนาพรหมณ์
    เพราะได้มีการกล่าวถึงการอวตารในหลายๆครั้ง ก็ต้องขอบอกว่า ไม่ได้มีความคิดจะเอาไปโยงกัน
    เพียงแต่ว่าในความเป็นจริงแล้ว พระศรีอาริย์นั้น สมัยต้นภัทรกัปป์นี้ ท่านเสวยชาติเป็นพระนารายณ์ค่ะ และเรื่องการอวตารนั้น ไม่ได้เป็นเรื่องของศาสนาพรหมณ์ แต่เป็นคุณสมบัติเฉพาะของพระศรีอาริย์ท่าน ท่านบำเพ็ญบารมีมานานกว่าพระพุทธเจ้าโคดม อภิญญาบางอย่างของท่านก็หาคนเสมอเหมือนได้ยาก แต่เราก็ยืนยันได้ว่าจิตท่านก็เป็นดวงเดิม คือดวงเดียวกัน ไม่ว่าจะอวตารกี่ร่างก็ตาม
    ในที่เราทราบมา มีเพียงพระศรีอาริย์ และสาวกเอกฝ่ายฤทธิ์ของท่านเท่านั้นที่อวตารได้ (หนึ่งในนั้นก็คือหลวงพ่อโตวัดระฆัง) อีกส่วนหนึ่งก็มีพระโพธิสัตว์สายวิริยธิกะบางท่านที่บำเพ็ญด้านฤทธิ์ผ่านมาแล้ว ก็สามารถอวตารได้บ้างเหมือนกัน


    ถ้าคนอื่นต้องการจะเข้าใจพระศรีอาริย์มากขึ้น เราก็ขออธิบายย่อๆว่า
    ท่านต้องการเป็นแบบอย่างที่ยิ่งที่สุดในพระพุทธเจ้าทั้งภัทรกัปป์นี้ และจะเป็นแบบอย่างให้แก่พระโพธิสัตว์องค์ต่อๆไปด้วยเหมือนกัน พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ตรัสรู้แล้วสอนธรรมะให้พุทธสาวก บางพระองค์ท่านวางพระวินัย เพื่อให้พระศาสนาดำรงอยู่ได้นาน บางพระองค์ไม่ได้บัญญัติไว้ ทำให้พระศาสนาสูญไปอย่างรวดเร็ว แต่สำหรับพระศรีฯท่านทำบารมีจนถึงทุกวันนี้ นอกจากเพื่อให้ตรัสรู้แล้วท่านก็จะปรินิพพานเป็นองค์สุดท้าย คือพระสาวกของท่านจะนิพพานก่อน ท่านจะอยู่รอจนผู้เกี่ยวข้องคนสุดท้ายไปสู่นิพพาน หลังการปรินิพพานของท่าน ก็คือหมดพระศาสนา พร้อมกันกับจบภัทรกัปป์นี้
    ชื่อของท่านจึงเรียกว่า "พระ ศรี+อริยะ+เมตไตรย์(เมตตา)" = พระพุทธเจ้าผู้เป็นศรีแห่งอริยะวงศ์และเปี่ยมด้วยเมตตาธรรมนั่นเอง

    ....ถ้าจนป่านนี้(ปัจจุบันนี้)ไม่เร่งประกอบความเพียร ก็ควรจะรีบเริ่มต้นได้แล้วค่ะ
    ...บารมีมากหน่อย ก็บำเพ็ญเป็นพระสาวกในสมัยพระพุทธเจ้าโคดมได้เลยค่ะ
    ...บารมีน้อยหน่อย ก็บำเพ็ญไปเรื่อยๆค่ะ จะไปบรรจบกับยุคพระศรีอาริย์ได้
    ... ใครยังไปไม่ถึงฝั่ง ..ก็ต้องรอกัปป์หน้าเลยนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2006
  2. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    คุณ อุบาสิกาคนหนึ่ง

    เรื่องของพระศรีฯนั้น สลับซับซ้อนมากครับ โดยเฉพาะเรื่องของญาณศีลธรรมของท่านที่กระจายไปสงเคราะห์นักปฏิบัติต่างๆ ดุจดังทางโลกคือสาขาของธนาคาร ที่มีธนาคารสำนักงานใหญ่อยู่เพียงที่เดียว ส่วนที่เหลือนั้นเป็นสาขา ซึ่งผมขอเรียกว่าทูตพระศรีฯ ตัวอย่างเช่น หลวงปู่ยี วัดดงตาก้อนทอง ท่านเป็นทูตพระศรีฯ รูปหนึ่งครับ ท่านได้สิทธิ์ในการแสดงฤทธิ์ได้อย่างอัศจรรย์ นอกจากนั้นก็ยังมีผู้ที่ทำหน้าที่เป็นทูตพระศรีฯ อีกจำนวนมาก ทั้งที่รู้ตัวเองและไม่รู้ตัวเอง ส่วนใหญ่จะเป็นพระสงฆ์ ที่เป็นฆราวาสนั้นมีน้อย

    สำหรับผู้ที่มีส่วนไปสัมผัสกับระบบของพระศรีฯ นั้นหากโชคดีก็จะพบเจอกับ พระศรีฯ จริงๆ เปรียบเหมือนธนาคาร สำนักงานใหญ่ ซึ่งเหตุที่ท่านวางระบบไว้แบบนี้นั้นก็เพื่อปิดบังพญามารของท่าน

    สำหรับปราสาทพระพุทธเจ้า 5 พระองค์นั้น ตอนนี้ยังไม่ได้สร้างครับ เนื่องจากต้องสร้างหอพระจักรพรรดิ์ให้เสร็จก่อน แล้วจึงจะสร้างปราสาทพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ซึ่งจะเริ่มสร้างปลายปีนี้ ขนาดพื้นที่ประมาณ 200 ตารางวา ข้างบนมีปราสาท 5 หลัง ที่สามารถบรรจุพระแก้วมรกตจำลอง ขนาดหน้าตัก 3.5 - 3.8 เมตร เป็นหน้าที่ของเรา ที่ต้องสร้างปราสาทนี้ให้เสร็จโดยเร็ว กะว่าจะให้เสร็จภายใน 2-3 ปี ครับ

    พระยาธรรมิกราชนั้น ก็คือพระจักรพรรดิ์แหละครับ เท่าที่ทราบ เวลาท่านมา ท่านจะมาร่างที่เป็นทิพย์กำหนดเป็นรูปขึ้นมาใหม่

    สำหรับสมเด็จโตนั้น ท่านคืออัครสาวกองค์หนึ่งของพระศรีฯ ท่านคือ พระครูโลกอุดร นั่นเอง เมื่อปี 2532 ท่านแวะคารวะ หลวงปู่ทองทิพย์ ท่านมาหน้าตาเหมือนสมเด็จโต ตอนแก่ๆนั่นแหละ เรื่องนี้มีคนเห็นกันหลายคนครับ
     
  3. mc

    mc เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    599
    ค่าพลัง:
    +5,633
    เรื่องราวน่าสนใจมากครับ ไม่เคยได้ยินมาก่อน จะติดตามต่อไปครับ สาธุ
     
  4. อุบาสิกาคนหนึ่ง

    อุบาสิกาคนหนึ่ง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +94
    ขอถามคุณอัญญาสิทธิ์เพิ่มอีกเล็กน้อยค่ะ

    ..ปราสาทพระพุทธเจ้าห้าพระองค์นี้ ท่านจะใช้ในงานอะไรคะ

    ขอให้ทำเสร็จใน 3ปีนี้นะคะ


    ป.ล.เรื่องสมเด็จโต เราไม่สงสัยหรอกค่ะ เพราะเราได้พบท่านมาแล้ว ทั้งภายใน และทั้งร่างในชาติปัจจุบัน ปัจจุบันนี้ท่านก็รูปร่างคล้ายๆเดิม
    ..ท่านยังคงทำหน้าที่แต่ปิดตัวค่ะ (ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่ทราบ)
     
  5. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    คุณ อุบาสิกาคนหนึ่ง

    เรื่องปราสาทพระพุทธเจ้า 5 พระองค์นั้น ที่ต้องทำนั้นเพราะเป็นเรื่องของเทวบัญชา เป็นหน้าที่ ที่ผมต้องเกิดมาทำสิ่งนี้ ซึ่งเป็นเรื่องของการปรารถนาการทำบารมีต่อเนื่องมาจากชาติอดีต จนถึงปัจจุบันและ จะส่งผลถึงอนาคตด้วย ที่จริงมีสิ่งที่ทำแล้วและต้องทำอีกมากมาย แต่อยู่ในรูปแบบของการทำเป็นการลับๆ ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ รู้กันเฉพาะคนไม่กี่คน เนื่องจากเป็นบารมีเฉพาะและป้องกันพวกมารเข้าแทรกแซงระบบด้วย

    โดยเฉพาะในเขตบารมีหรือสถานที่ ที่ทำอยู่นี้ ใครจะมาทำมาสร้างอะไรนั้น ภูมิเทวดา ภพภูมิและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ที่ท่านควบคุมระบบอยู่อย่างลี้ลับ จะเป็นผู้คัดสรรและกำหนดเองว่าใครจะมาทำอะไรได้ หรือทำอะไรไม่ได้ หากภพภูมิและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เขาไม่ยอมรับในบารมีก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะเป็นสถานที่เฉพาะ สำหรับผู้ปรารถนามาทำบารมีเท่านั้น

    สรุปว่า การสร้างปราสาทพระพุทธเจ้า 5 พระองค์นั้น จะใช้งานหรือประโยชน์ในการสักการะบูชาพระศาสนาและบูชาพระคุณของพระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์ในภัทรกัปป์นี้ ที่มีพระเมตตาโปรดเหล่าเวไนยสัตว์และเป็นสัญญลักษณ์ว่า ณ สถานที่แห่งนี้ได้เคยเป็นวัดหรือสถานที่ ที่พระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์ ได้เคยมาทำบารมี และมีการสืบทอดศาสน์ศิลป์ ของพระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์ต่อๆกันมาจวบจนถึงปัจจุบันนี้ครับ รวมทั้งเมื่อสร้างปราสาทพระพุทธเจ้าห้าพระองค์นี้สำเร็จแล้ว ก็จะเป็นเครื่องครูเครื่องคาย สำหรับผู้สร้างและหมู่คณะ ในการรับเอาผลานิสงส์เพื่อปรารถนาไปทำบารมีต่อๆไปในอนาคต ครับ
     
  6. มะลิ

    มะลิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +596
    ( -/|\-) อนุโมทนาสาธุ ค่ะ
     
  7. อุบาสิกาคนหนึ่ง

    อุบาสิกาคนหนึ่ง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +94
    ขอบคุณสำหรับคำตอบค่ะ

    ..ขอให้บำเพ็ญบารมีได้เต็มเร็วๆนะคะ

    ..พระศรีอาริย์ท่านเป็นที่รักของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
    ถึงกระนั้นท่านก็มีความรักต่อเพื่อนมนุษย์อย่างล้นเหลือ

    ..ในเวลาอันใกล้นี้ เราอาจจะได้เห็นสงครามศาสนากันคะ
    ท่านบอกให้ชาวพุทธทำกุศลกรรมกันให้มากๆ ยักษ์มารนอกศาสนาเขาจะตีกัน
    พวกเราไม่ควรจะเอาเขาเป็นตัวอย่าง ขอให้พวกเราชาวพุทธทำใจให้เหมือนศิลา คือ แน่วแน่ ไม่หวั่นไหว ในพระรัตนตรัย แล้วจะผ่านเหตุการณ์ไปได้ด้วยดีค่ะ

    ..แม้ในปัจจุบันนี้เหตุการณ์การก่อการร้าย และภัยพิบัติจะรุนแรงขึ้นทั่วโลก
    แต่ก็ขอให้ทุกๆคนมั่นใจไว้เถอะค่ะ ว่าประเทศไทยจะได้รับความเสียหายน้อยที่สุดแล้ว เหตุเพราะ
    1. พระศรีฯยังอยู่ในประเทศไทย
    2. พระโพธิสัตว์ที่ได้รับพุทธทำนายแล้วยังบำเพ็ญเพียรอยู่ในประเทศเราอีกหลายรูปค่ะ
    3. ประเทศของเรา ไม่เคยว่างจาก อริยสาวกของพระศาสดา (พระพุทธเจ้าโคดม)
     
  8. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    ขอบคุณ คุณkhomeraya และ คุณอุบาสิกาคนหนึ่ง ที่ให้กำลังใจในการทำบารมีนะครับ

    ช่วงนี้ก็กังวลเรื่องของความขัดแย้งในบ้านเมือง ที่จะบานปลายขยายวงและจะกลายเป็นสงครามกลางเมืองในที่สุด กว่าจะจบก็คงตายกันเป็นเบือ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องของกิเลสทั้งนั้น คนกิเลสทำประชาธิปไตยผลก็ออกมาเป็นอย่างนี้แหละ สิ่งที่จะเกิดขึ้นนั้นไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้ มวลกรรมของคนมันมีมาก ก็ส่งผลเป็นแบบนี้

    เมื่อพระจักรพรรดิ์ปรากฏตัวเมื่อไหร่ ความวุ่นวายทุกอย่างก็จบ จะเปลี่ยนเป็นยุคศิวิไล ที่หลายๆคนปรารถนาจะเห็นกัน แต่กว่าจะถึงตอนนั้นโลกและประเทศก็คงยับเยินพอดู
     
  9. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    หลังจากงานบุญ เดือนสี่ที่ผ่านมาแล้ว ก็ได้แวะไปทำศาสน์ศิลป์ที่จังหวัดร้อยเอ็ด ไปถึงตั้งแต่ประมาณ 2 ทุ่ม ไปเริ่มต้นที่ปราสาทปรางค์กู่ อ. ธวัชบุรี ที่ปรางค์กู่ ศีลธรรมถอดออกไปแทบหมดแล้ว เพราะใกล้ๆกัน ชาวบ้านเขาทำเป็นป่าช้าที่เผาศพ


    จากนั้นก็ไปที่เมืองเก่าร้อยเอ็ดคือเขตอำเภอสุวรรณภูมิ ไปที่ปราสาทภูสิงค์ น้องคนที่ขับรถเขาก็ไปจอดที่สถานที่นึงใกล้ๆปราสาทภูสิงค์ เราก็รู้สึกว่าเป็นกระแสแปลกๆ พอออกจากรถก็เห็นเป็นเชิงตะกอนเก่า ปรักหักพัง ก็เลยจุดธุปแผ่บุญกุศลให้เขาไป มีพวกภูตผีมารับบุญกุศลกันมาก จากนั้นก็ไปที่ปราสาทภูสิงค์ ซึ่งปรักหักพังไปเยอะ กระแสศีลธรรมก็มีเหลือไม่มาก ก็ปีนขึ้นไปนั่งภาวนาแผ่บุญกุศลไปเช่นกัน


    เสร็จแล้วก็ไปที่กู่พระโกนา ไม่ทราบประวัติความเป็นมาที่แท้จริง เข้าใจว่าอาจจะเกี่ยวข้องมาตั้งแต่ยุคของพระพุทธเจ้าโกนาคมโน ที่นั่นมีกำแพงล้อมรอบ กลางคืนปิดกุญแจ ข้างนอกมีหอพระพระพุทธรูปซึ่งศักดิ์สิทธิ์ มีกระแสศีลธรรมค่อนข้างแรง ก็ได้จุดธูปอธิษฐานบูชาอยู่นอกกำแพง มีกระแสศีลธรรมจากกู่พระโกนามากระทบแรงมาก อธิษฐานเสร็จก็กลับจังหวัดหนองคาย ระหว่างทางกลับก็มีสิ่งมาขอรับบุญกุศลอีกหลายแห่ง กลับมาถึงจังหวัดหนองคายประมาณตีสี่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มีนาคม 2006
  10. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    วันที่ 25 มี.ค. ก็ได้ไปแผ่บุญกุศลที่จังหวัดราชบุรี ไปตรวจสอบดูหลายวัด พบว่ามีแต่ภายนอก ไม่มีภายใน คือ ศีลธรรมภายในหรือภพภูมิไม่ค่อยมี ก็เลยไปที่ถ้ำฤษีเขางู ซึ่งมีกระแสศีลธรรมแรงดี โดยเฉพาะกระแสศีลธรรมจากองค์พระคันธราช ซึ่งยังมีความศักดิ์สิทธิ์ อยู่ค่อนข้างมาก แต่น่าเสียดายที่สภาพแวดล้อมภายนอกค่อนข้างทรุดโทรม เนื่องจากมีลิงเยอะ คนจึงไม่ค่อยนิยมแวะไป
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • X6.JPG
      X6.JPG
      ขนาดไฟล์:
      28.9 KB
      เปิดดู:
      94
    • X5.JPG
      X5.JPG
      ขนาดไฟล์:
      45.5 KB
      เปิดดู:
      81
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มีนาคม 2006
  11. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    ใกล้ๆกับพระคันธราช มีถ้ำเล็กๆ ซึ่งมีรูปปั้นของปู่ฤษีหลายองค์ มีกระแสศีลธรรมสงบมาก ก็ได้สวดภาวนาขอรับกระแสศีลธรรมและนิมนต์ปู่ฤษีทั้งหมดไปบำเพ็ญที่ภูเขาควาย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • X1.JPG
      X1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      30.4 KB
      เปิดดู:
      83
    • X2.JPG
      X2.JPG
      ขนาดไฟล์:
      35.3 KB
      เปิดดู:
      76
    • X3.JPG
      X3.JPG
      ขนาดไฟล์:
      33.8 KB
      เปิดดู:
      80
    • X4.JPG
      X4.JPG
      ขนาดไฟล์:
      27.5 KB
      เปิดดู:
      74
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มีนาคม 2006
  12. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    วันที่ 31 มี.ค.-1 เม.ย. ก็จะไปร่วมงานบุญฉลองบวชสามเณรภาคฤดูร้อนที่วัดหลวงปู่ทองฤทธิ์(หลวงปู่เณรคำกลาง) ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่า วันที่ 1 เม.ย.จะมีคนเขานำเอาแก้วพญามังกร กับเกร็ดพญามังกรมาถวาย ท่านบอกว่าเป็นของวิเศษอย่างหนึ่ง ให้ผมไปรับและนำไปบรรจุไว้ที่หอพระจักรพรรดิ์ เจ้าของเขาหวงแหนมาก เจ้าของเดิมเขาเคยบวชเป็นพระสงฆ์ ได้ไปประเทศศรีลังกา แล้วมีคนที่ประเทศศรีลังกาเขาถวายให้ เมื่อกลับมาเมืองไทย มีเหตุให้พระสงฆ์รูปนั้นสึกจากพระ เมื่อสึกแล้วก็ได้นำแก้วและเกร็ดพญามังกรติดตัวไปด้วย อยู่มาได้ไม่นานก็ตาย ภรรยาก็ประสบเหตุเภทภัยเดือดร้อน ญาติของเขาได้นำเอาแก้วพญามังกรไปเก็บไว้ที่บ้าน ก็ประสบกับความเดือดร้อนอีก เขาได้มาขอพึ่งบารมีหลวงปู่ทองฤทธิ์ หลวงปู่ทองฤทธิ์ท่านบอกว่าให้เอาของอาถรรพณ์นั้นเข้าวัดไป แล้วให้ผมไปรอรับของนั้นเพื่อไปบรรจุต่อไป

    วันที่ 6-8 เม.ย. ก็กะว่าจะไปทำศาสน์ศิลป์ให้กับระบบของพระนางจามเทวี ที่จังหวัดลำพูน ที่วัดนางจามเทวี วัดมหาวันและ ก็ที่พระธาตุหริภุญไชย จากนั้นจะไปทำศาสน์ศิลป์ต่อที่จังหวัดลำปาง ที่วัดพระแก้วดอนเต้า วัดพระธาตุลำปางหลวง และวัดเจดีย์ซาว เสร็จแล้วจะไปทำศาสน์ศิลป์ให้กับหลวงปู่แหวนที่วัดดอยแม่ปั๋ง และจะไปทำศาสน์ศิลป์ที่ถ้ำเชียงดาวด้วย

    โดยเฉพาะที่ถ้ำเชียงดาวนั้นมีศีลธรรมและสิ่งสำคัญอยู่มาก ครูบาอาจารย์ท่านเคยบอกให้ไปแต่ก็ไม่มีโอกาสได้ไปสักที ที่ถ้ำเชียงดาวนั้นครูบาอาจารย์ท่านบอกว่า หากเดินเข้าไปในถ้ำลึกประมาณ 2 กม.จะไปทะลุ 6 หมู่บ้านตามบันทึกไว้ในไตรภูมิพระร่วง ซึ่งคนทั้ง 6 หมู่บ้านไว้หน้าไว้ตาสวยงามเสมอกัน ซึ่งพระศรีฯได้จำลองยุคศาสนาของท่านส่วนหนึ่งไว้ที่นี่ หากดูในไตรภูมิพระร่วงแล้วจะเห็นว่า 6 หมู่บ้านนี้จะอยู่ในเขตของป่าหิมพานต์ ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่าหากจะดูว่ายุคของพระศรีฯนั้นเป็นอย่างไร ให้ไปดูที่ 6 หมู่บ้านนี้
    อย่างไรก็ตามหากไม่มีบุญบารมีมาละก็จะไปไม่ถึง 6 หมู่บ้าน คงจะโดนบริวารพญานาคใหญ่ที่รักษาถ้ำจัดการซะก่อน ก็กะว่าจะไปบำเพ็ญภาวนาที่ถ้ำเชียงดาวเพื่อรับกระแสศีลธรรมสักคืนนึง อาจจะได้เรียนรู้ศีลธรรมดีๆจากพญานาคที่รักษาถ้ำ
     
  13. Bajang

    Bajang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +1,268
    คุณAunyasit ครับ ผมติดตามอ่านบทความของคุณ Aunyasit มานานแล้ว ก็เกิดสงสัยหลายอย่าง แต่ไม่กล้าถามสักที ตอนนี้คิดว่าควรถามแล้ว ผมอยากให้ คุณAunyasit ช่วยกรุณาอธิบายความหมายคำและข้อสงสัยเหล่านี้ด้วยครับ 1.ศีลธรรม 2.ศาสน์ศิลป์ และ 3.การแผ่บุญกุศลให้วิญญานไปเกิดทำอย่างไร(วิธีการ) และคนธรรมดาอย่างผมทำได้หรือไม่ครับ ผมถามนำเท่านี้ไปก่อนนะครับ ยังมีอีกหลายอย่างผมยังสงสัยอยากรบกวนถาม ถ้าหากไม่สะดวกตอบก็ไม่เป็นไรครับ
     
  14. laouforest

    laouforest เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +2,721
    อืม..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มกราคม 2008
  15. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    คุณ Bajang

    1. เรื่องศีลธรรม ที่กล่าวถึง เป็นสภาวธรรมภายในต่างๆที่เกิดขึ้นกับนักปฏิบัติ ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ รวมทั้งสภาวธรรมที่เป็นคุณสมบัติของภพภูมิต่างๆ ที่มากระทบหรือสื่อสารกับนักปฏิบัติ รวมทั้งครูบาอาจารย์ เทพพรหม เทวดา นาค ครุฑและรวมทั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆด้วย สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัตตังครับ

    2. ศาสน์ศิลป์ เป็นศิลปการกระทำสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องหรือสัมพันธ์กับภพภูมิภายใน บางครั้งก็ต้องถอดจิตไปเรียนรู้สิ่งเหล่านั้น หรือครูบาอาจารย์ท่านมาประสิทธิประศาสตร์ให้ หรือองค์ความรู้ที่ผุดขึ้นมาจากระบบจิตให้กระทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ ในขณะกำลังจะกระทำการบางอย่าง เช่น การสวดมนต์ด้วยภาษาและมนต์ คาถาที่ไม่เคยเรียนรู้มาก่อน หรือ การที่เกิดจิตรู้ว่าในการบูชาสักการะนั้น ควรแต่งขันธ์ กี่ขันธ์ มีขันธ์เพื่อรับระบบอะไรบ้าง ทั้งนี้รวมทั้งการทำบุญกุศลต่างๆ ที่จิตไปเรียนรู้มาจากโลกภายใน แล้วนำมาปฏิบัติสู่ภายนอก เป็นต้น

    3.การแผ่บุญกุศลเพื่อเปลี่ยนภพภูมิของสรรพจิตวิญญาณ จากทุกคติภูมิ ไปสู่สุคติภูมิ หรือไปสู่ภพภูมิที่สุขกว่าเดิมนั้น สามารถทำได้ทุกคน แต่จะได้ผลหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับบุญวาสนาที่แต่ละบุคคลสั่งสมมา หากสั่งสมบารมีมาไม่พอก็ทำไม่เป็นผลครับ เอาเป็นว่า ภพภูมิภายในเขาจะรู้ว่าคนเราแต่ละคนมีบุญวาสนาเป็นมาอย่างไร ใครทำอะไรให้เขาได้หรือไม่ได้เขาจะรู้เองครับ ที่สำคัญก็คือบารมีสัมพันธ์ที่บุคคลนั้นๆสั่งสมมาหรือสร้างมาเป็นตัวกำหนดว่า ใครจะทำอะไร ที่ไหน ทำได้และไม่ได้
     
  16. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    เมื่อวันที่ 1 เม.ย ได้ไปร่วมงานฉลองบวชสามเณร กับหลวงปู่ทองฤทธิ์(หลวงปู่เณรคำกลาง) ได้อยู่สนทนากับท่านตั้งแต่บ่ายถึงเที่ยงคืน ก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องสิ่งลี้ลับต่างๆมากมาย โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ไทย-ลาวสมัยเมื่อประมาณ 6-7,000 ปีก่อน ซึ่งมีเรื่องอัศจรรย์อยู่ไม่น้อย เนื่องจากหลวงปู่เณรคำกลางท่านชอบสำรวจป่าเขาและถ้ำต่างๆ ท่านจึงไปรู้เห็นสิ่งลี้ลับมากมาย ท่านบอกว่าถ้าช่วงไหนว่างให้ไปที่ถ้าค้อ จ. พัทลุง ไปรับเอาศีลธรรม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นั่น เพราะในอดีตชาติเป็นสถานที่ที่เราเคยไปเรียนวิชากับหลวงปู่เทพโลกอุดร ที่นั่น
    ท่านบอกให้เราหาเวลาว่าง ท่านจะพาไปดูสถานที่ลี้ลับต่างๆ หลายที่โดยเฉพาะถ้ำศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ซึ่งมีมากมาย ตั้งแต่ภาคอีสาน ถึง เมืองกาญจนบุรี ท่านให้เราไปเอาธาตุต่างๆมาบรรจุที่หอพระจักรพรรดิ์ที่วัดป่าสีดาฯ ท่านบอกว่าโดยทั่วไปเกี่ยวกับวัตุอาถรรพณ์ต่างๆ คนทั่วๆไปจะไปเอาไม่ได้ แต่ถ้าเราไปเอาจะเอาได้ เนื่องจากเอาไปทำกิจของพระศาสนา ผู้รักษาธาตุวิเศษเหล่านั้นเขาจะอนุญาต ท่านบอกว่าเราทำอย่างนี้มาตั้งแต่ยุคพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แล้ว
    เป็นที่น่าอัศจรรย์ว่า มีอะไรอยู่ที่ไหนหลวงปู่ทองฤทธิ์ท่านรู้เห็นหมด ท่านเล่าว่าท่านเคยไปที่ถ้ำแห่งหนึ่งในภาคอีสาน อยู่แถวริมแม่น้ำโขง มีโลงศพของเจ้าเหล่าคำ โอรสของเจ้าอนุราช ประเทศลาว ท่านเข้าไปแล้วหลงทางหาทางออกไม่เจอ ต้องอธิษฐานฉันน้ำแทนข้าวอยู่ 29 วัน จึงหาทางออกเจอ ท่านเล่าว่าบางคนหลงแล้วไปโผล่ที่ภูเขาควาย ฝั่งลาวก็มี เพราะถ้านี้ทะลุถึงฝั่งลาวได้ ท่านเล่าถึงเรื่องครูบาอาจารย์ที่ศักดิ์สิทธิ์รูปต่างๆที่ไปได้ของวิเศษจากภูเขาควาย ท่านบอกว่าต้องนั่งสมาธิถอดจิตเข้าไปจึงจะเข้าไปได้ ท่านว่าอีกหน่อยเราก็สามารถไปเอาได้ เช่นกัน เราถามท่านว่าของวิเศษ 4 อย่างที่เขาโบกปูนทับไว้ที่วัดหลวงพ่อฤษีลิงดำ ยังอยู่หรือเปล่า ท่านบอกว่า ไม่อยู่แล้ว ทางภูเขาควายเขาเรียกกลับคืนไปแล้ว สำหรับของวิเศษที่ภูเขาควายนั้นมีอยู่ 108 อย่าง ตามที่สามารถเห็นในพระพุทธบาทจำลองนั่นแหละ ใครจะได้อะไรนั้นขึ้นอยู่กับวาสนาบารมีของแต่ละคน เมื่อหมดวาระทางภูเขาควายก็จะเรียกคืน
    บางสถานที่ท่านไปภาวนาอยู่กับงูจงอางขนาดเท่าๆขา 5 ตัว ท่านว่ามีโลงศพวางเรียงรายกันอยู่ 5 ใบ พวกงูก็มุดอยู่ข้างใต้โลงศพ ท่านก็นั่งอยู่ข้างบน ท่านบอกว่าบางทีมันก็โผล่มาดูท่าน มันแผ่พังพานสูงประมาณ 2 เมตร ท่านก็เอามือวางบนหัวพวกมัน มันก็ค่อยๆลดหัวลงแล้วก็มุดลงไปใต้โลงศพ ท่านอยู่กับมันนานจนคุยกันรู้เรื่อง ท่านว่าบางทีแอบได้ยินตัวหนึ่งมันพูดกันว่าอยากเข้าไปคารวะท่าน อีกตัวก็บอกว่าอย่าเข้าไปท่านภาวนาอยู่ เมื่อท่านจะธุดงค์ออกจากที่นั่น พวกงูจงอางก็ออกมาลาท่าน ท่านก็บอกให้พวกมันไปอยู่ในป่า มันก็เลื้อยเข้าป่าไป
    คืนวันที่ 1 เม.ย ก็ได้มีโอกาสไปภาวนาอยู่ในศาลาที่วัดท่าน ตอนใกล้รุ่งก็มีปู่ฤษีพรหมมณีมาหา ท่านเฝ้าดูแลรอยพระบาทอยู่ที่นั่น ก็เลยรีบลุกไปภาวนาต่อบนเนินเขาที่มีพระบาทเพื่อรับศีลธรรมบางอย่าง ในเขตที่วัดท่านอยู่ จะมีปู่ฤษีอยู่ 3 ตน คือ ปู่ฤษีพรหมมณี ปู่หลุบ และ ปู่พรหมจรรย์ และมีสิ่งเร้นลับมากมาย โดยเฉพาะพวกนุ่งขาวห่มขาวมีมาก สถานที่นี้สมัยก่อนหลวงปู่ขาว อนาลโย ท่านจะมาพัฒนาเป็นวัด แต่ก็อยู่ไม่ได้เพราะว่าสมัยนั้นพวกคอมมิวนิสต์ไม่ยอม มายุคหลังเมื่อพวกคอมฯวางอาวุธ ก็ยังเกเร ไม่ฟังใคร ท่านบอกว่ามาอยู่แรกๆเขาก็มาไล่ท่าน ท่านก็บอกว่าไม่ต้องมาไล่ ให้กลับไปหาเงินเตรียมทำศพคนในหมู่บ้าน จากนั้นไม่กี่วัน คนในหมู่บ้านก็ตายไปประมาณ 7 ศพ เขาก็มาขอขมาท่านแล้วก็ไม่มายุ่งกับท่านอีกเลย
    เรื่องที่ท่านเล่านั้นมีมาก ก็จะนำมาเล่าสู่กันฟังเท่าที่จำเป็น การรู้เห็นของท่านนี่นับว่าอัศจรรย์มากครับ ท่านจำชื่อคน สถานที่ และทุกอย่างที่ท่านไปสัมผัสรู้เห็นมาได้อย่างละเอียด ทุกยุคทุกสมัย

    รูปรอยพระบาทที่วัดหลวงปู่เณรคำกลาง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • X1.JPG
      X1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      21.3 KB
      เปิดดู:
      158
  17. kasin84000

    kasin84000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +997
    พี่ Aunyasit ครับ
    เรื่องลี้ลับ อย่าเปิดมากเลยครับ
    เดี๋ยวทะเลาะกันอีก
     
  18. kasin84000

    kasin84000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +997
    มีเรื่องมาเล่าด้วยครับ
    เมื่อคืนผมเปิดอ่านเวปกระโถนข้างธรรมาสน์ เลือกสุ่มๆ
    ดันไปชนกับชื่อ หลวงปู่ทองทิพย์ที่วัดป่าสีดารามลักษณ์รัตนโคตร เข้าอย่างจัง
    เคยอ่านแบบผ่านๆมาหลายรอบ ไม่เคยสะดุดชื่อหลวงปู่
    คราวนี้ ทำไมถึงเปิดมาเจอหน้าที่มีชื่อหลวงปู่ท่านเป๊ะๆ
    แล้วก็มาหยุดชะงักที่ชื่อท่านด้วย งงจริงๆ
    ใจนี่เสียววูบ หนาวสะท้านขึ้นมาเลย
    บรรยากาศมาคุแบบนี้ ท่าจะไม่ดีเสียแล้ว
    เกิดความรู้สึกปิ้งขึ้นมาทันทีว่า
    เราได้เคยเผลอไปประมาทล่วงเกินหลวงปู่ท่านเข้าหรือเปล่า
    กาย กับ วาจา นี่ไม่มีแน่ แต่ใจอาจจะเคย
    ผมขอขมาพระรัตนตรัยและหลวงปู่ท่านหลายตลบเลยครับ
    [b-wai]
     
  19. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    kasin84000

    สำหรับหลวงปู่ทองทิพย์นั้นครูบาอาจารย์หลายท่านต่างก็รับรองเป็นเสียงเดียวกันว่า ท่านเป็นพระสงฆ์ที่มีความสำคัญที่สุดรูปหนึ่ง แม้แต่พระครูโลกอุดรผู้เป็นครูธรรมที่ลี้ลับ ก็แวะเวียนมาคารวะหลวงปู่ทองทิพย์อยู่เสมอ

    และบรรดาพระสงฆ์ที่เราแวะเวียนไปมาหาสู่ อยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นหลวงพ่อราม หลวงพ่อทองแดง หลวงปู่ทองฤทธิ์(หลวงปู่เณรคำกลาง) ล้วนแล้วแต่เป็นศิษย์พระครูโลกอุดรและเป็นศิษย์หลวงปู่ทองทิพย์ทั้งนั้น

    ก็ให้รอดูวันที่หลวงปู่ทองทิพย์ท่านกลับมาใหม่ก็แล้วกัน แล้วจะเข้าใจว่าพระสงฆ์ผู้ที่มีคุณสมบัติสวมแหวนทั้งสิบนิ้วนั้น แท้จริงแล้วท่านเป็นใคร มีความเกี่ยวพันธ์กับพระจักรพรรดิ์ อย่างไร บันทึกที่พุทธคยาเกี่ยวกับการปรากฏตัวของพระศรีฯ หลังปี 2,500 นั้นใกล้เข้ามาแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นสำนักดังทุกที่ในเมืองไทยจะดับลงทันทีครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 เมษายน 2006
  20. kasin84000

    kasin84000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +997
    ผมเคยสงสัยว่า หลวงปู่ท่านจะดีจริง เก่งจริงหรือเปล่าหนอ
    เพราะ ไม่มีปรากฏหลักฐานว่า ในหลวงท่านเสด็จไปที่วัดป่าสีดา หนองคายเลย
    ตรงนี้เหมือนเป็นการปรามาสในความดีของท่าน
    แต่ครูบาอาจารย์ที่ผมเคารพรักเทิดทูนบูชามากที่สุดในปัจจุบันนี้ คือ
    พระเดชพระคุณหลวงพี่เล็ก สุธัมมปัญโญ แห่งวัดท่าขนุน จ.กาญจนบุรี
    ท่านได้พูดถึง หลวงปู่ทองทิพย์ ไว้ในหนังสือกระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ 10 ปี 2544 ว่า

    " หลวงปู่ทองทิพย์ท่านเล่าเรื่องของรามเกียรติ์ เหมือนยังกับท่านเป็นตัวละครในรามเกียรติ์เอง คนก็เลยคาดว่าท่านต้องเป็นหนึ่งในตัวละครรามเกียรติ์นั่นน่ะ แล้วท่านสร้างวัดท่านก็ยังใช้วัดป่าสีดารามลักษณ์รัตนโคตร เพิ่งมรณภาพไปได้เดือนกว่านี่เอง ใครถวายแหวนท่านใส่หมดล่ะ สิบนิ้วนี้ล้นมือเลย นิ้วละหลาย ๆ วง ใส่ประเภทที่เรียกว่าลักษณะสงเคราะห์โยมเขา ให้มันได้บุญ เสียดายว่าท่านรีบมรณภาพเสียก่อน ไม่งั้นจะต้องมีตัวอยากดังมันไปหาเรื่องจนได้ แล้วก็คอยกรุณาสงสารมันจะลงอเวจีหรือเปล่า
    ถาม : ท่านมรณภาพไปนานหรือยังครับ ?
    ตอบ : ประมาณเดือนนึง ตอนท่านอยู่ไม่กล้าพูดหรอก ถ้าหากว่าพระที่อยู่แล้ว ประเภทที่เรียกว่าปฏิบัติดีปฏิบัติชอบไปกวนท่าน เดี๋ยวอาตมาแย่ไปด้วย "

    พระเดชพระคุณหลวงพี่ท่านรับรองชัดเจนเช่นนี้
    ผมสิ้นสงสัยแล้วครับ
    [b-wai] [b-wai] [b-wai]
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...