เพราะเหตุใด เพื่อนๆจึงมาสนใจ " ธรรม " กันเหรอครับ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย บัวใต้น้ำ, 1 ธันวาคม 2004.

  1. กระเจียว

    กระเจียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,353
    ค่าพลัง:
    +2,011
    กระเจียวมาสนใจธรรมะเพราะฟังเทปตายแล้วฟื้น ของ พันเอก เสนาะ จินตรัตน์ ค่ะ

    ตั้งแต่นั้นมา หนังสือหนังหาจากพวกแฟชั่น ดารา เปลี่ยนมาเป็นหนังสือแนวนี้หมด แก่นบ้าง ไม่ใช่แก่นบ้าง แต่ก็ยังดีกว่าไปดูอะไรเละเทะ
     
  2. กระเจียว

    กระเจียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,353
    ค่าพลัง:
    +2,011
    อ้อ ตอนที่เริ่มสนใจธรรมะ ประมาณ ม.3ค่ะ

    มาสนใจฝึกก็ช่วงม.5

    ตอนนี้อายุ20 (เกิด5ตุลา27)
     
  3. บัวใต้น้ำ

    บัวใต้น้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    888
    ค่าพลัง:
    +1,937
    Reply คุณอำนาจ
    แค่นี้ ก็เก่งมากแล้วครับ ผมแนะนำให้คุณทำๆแบบเดิมไปน่ะครับ เพราะเท่าๆที่ฟังมา ก็ถือว่า ปฏิบัติไปไกลแล้ว
    ลองหาวัดสักแห่ง ที่คนไม่เยอะมาก มีครูบาอาจารย์ดูแลทั่วถึง
    แล้วลองไปฝึกดู ถ้าฝึกแล้วสักระยะ
    ถ้ากิเลสตัณหา ในใจเรา ลดลงไปเรื่อยๆ ถือว่าใช้ได้ครับ
     
  4. บัวใต้น้ำ

    บัวใต้น้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    888
    ค่าพลัง:
    +1,937
    ส่วนตัวผมเอง

    ตอนแรก ผมมาจากครอบครัวที่ฐานะปานกลาง ไปทางค่อนข้างยากจน
    ตอนเด็กๆอยากได้อะไร ก็ไม่คอยจะได้อย่างเด้กคนอื่นเค้า แตอาศัยเป็นคนชอบเรียนหนังสือ
    ก็เรียนมาเรื่อยๆ จนถึง ระดับ ปริญญา โท ยังได้เงินไปเรียน วันละ 100 บาท

    ส่วนใหญ่เพื่อนรอบตัวผม ฐานะก็ถือว่ามั่นคงกันเยอะ (ผิดกับครอบครัวผม ไม่รุ้หลงเข้ามากับคนพวกนี้ได้ยังไง)
    ผมยิ่งโตขึ้น ยิ่งเกิดการเปรียบเทียบว่า คนอื่นมันดูนิสัยไม่ดีกว่าเราเท่าไร? ทำไม มีสาวสวยๆควง
    มีรถหรูๆขับ มีบ้านหลังใหญ่ มีเงินให้ใช้มากมาย

    แล้วเราละทำไมเป็นแบบนี้ ดูๆไปตัวเองก็ไม่ใช่คนโง่ อะไรที่คนอื่นไม่รู้ เราก็สามารถรู้ และทำได้ตั้งหลายอย่าง
    ความสงสัยเรื่องพวกนี้ ก็สะสมมาเรื่อยๆ

    พอตอนหลังได้มีโอกาสทำงาน พอได้เงินมา เราก็อยากซื้ออะไรที่เราเคยอยากได้ อยากกินอะไรที่เราอยากกินแล้วไม่เคยได้กิน ก็เลยกินๆซื้อๆไปเรื่อยเปื่อย จนตอนหลังรู้สึกว่า ควรออกมาหาธุรกิจอะไร ออกมาทำเป็นของตนเอง เพราะเกิดมาชาตินึงแล้ว ถ้าจะรวยได้เราก็ขอรวยละกัน (ไม่เคยรวยนี่หว่า) ความคิดความอ่าน ลู่ทางธุรกิจ เราก็มีสะสมอยู่หัว เรียนมาก็ตั้งเยอะ ถ้าไม่ทำตอนนี้ โอกาสคงผ่านไป อย่างมาก ถ้ากรณีเลวร้าย ถ้าทำแล้วขาดทุนป่นปี้ ผมก็แค่กลับไปทำงานเป็นลูกจ้างเค้า ก็เท่านั้น ลองเสี่ยงดีกว่า

    ปรากฏว่า พอหลังจากออกมาทำธุรกิจโดยการหุ้นกับเพื่อนแล้ว ธุรกิจเจริญก้าวหน้า ดั่งที่หวังไว้ และ ตอนหลังเจริญก้าวหน้าไกลมากกว่าที่คาดหวัง( ไม่เที่ยงจริงๆครับ ) พอมีเงินมีทอง ก็ซื้อบ้าน ซื้อรถ กินเที่ยว เต็มที่ เหมือนเป็นช่วงระบายความเก็บกดที่เคยเก็บไว้ตั้งแต่เด็กๆ

    กินๆๆๆเที่ยวๆๆๆๆ มา 2-3 ปี จนมาวันนึงในเดือนมกราคม ปี 2547 คิดได้ว่า เดือนหน้า ก็วันเกิดเรา จะครบอายุ 28 แล้ว เราก็จะแก่ขึ้นอีก 1 ปีแล้ว ทุกข์ สุข ก็ผ่านมาไม่ใช่น้อยแล้ว อะไรที่หวังไว้ เช่น มีแฟนสวยๆ น่ารัก มีบ้าน มีรถ ได้กินอะไรที่แพงๆ อร่อยๆ ได้เที่ยวแบบที่ต้องการ ก็ผ่านมาหมดแล้ว

    ทำไม ณ เวลานี้ นาทีนี้ ตัวเอง ไม่รุ้สึกว่ามีความสุขเลยว่ะ !! คนอืนมันแกล้งมีความสุขกันหรือเปล่าว่ะ !! พอคิดได้แบบนี้ เริ่มรู้สึกว่า ชีวิตนี้ของเราต้องการอะไรกันแน่ !! เกิดการตีกันในความคิดของตนเอง เถียงกันไป เถียงกันมาอยู่ในนั้น

    ความคิดเหล่านี้ วนเวียน อยุ่ในจิตใจหลายวัน จนวันนึง ขับรถไปบ้านพ่อ ได้เจอน้องชาย(ซึ่งมาทางธรรม 6-7 ปีแล้ว ) เค้าก็ชวนว่า วันเกิดเราให้ไปลองถือศีล ปฏิบัติธรรม ค้างคืนที่วัดดูไหม ทำบุญหน่อยสิ เราก็เซ็งๆอยู่แล้ว เลยตกลงรับปาก ไปก็ไป!!


    พอวันที่ 31 มกราคม 2547 ได้ขับรถไปที่ระยอง ไปปฏิบัติธรรมที่วัด ก็เจออะไรแปลกๆ ในจิตใจเรา ทำให้รู้ว่าเฮ้ย! เรื่องพวกนี้มันมีจริงๆนี่หว่า หลังจากนั้น ก็เหมือนเราโดนจุดประกาย ทำให้สนใจในการหาหนทางพ้นทุกข์ และอยากมีฤทธ์เดช เพราะเห็นคนรอบตัวของเรา(เฉพาะคนที่มาทางธรรม ) มีกันทุกคน เราก็อยากได้บ้างจะได้ไม่น้อยหน้า


    ก็เพียรปฏิบัติเพื่อเอาฤทธ์เดชมาเรื่อย จนตอนหลังก็ได้มาจริงๆ แต่ก็เป็นแค่ระดับเด็กๆ แต่ยิ่งได้มาก็รู้สึกชีวิตมันทำไม วุ่นวาย มากขึ้นกว่าเดิมว่ะ!! จากอยู่คนเดียวสบายๆ กลับกลายเป็นว่า พอเรามีปัญหาอะไร ก็จะพึ่งพาแต่ฤทธ์เดช ไม่ทำห่าเหวอะไรแล้ว นอกจากเรา ก็ยังมีคนนู่น คนนี้ หาเรื่อง หาราว ต่างๆมาให้ช่วย มาให้แก้ไข จากเราคนเดียว กลายเป็นหลายคน ตอนหลังๆ กลายเป็นหลายสิบคน

    วุ่นวาย เกิดจะทนไหว ตอนหลังเลยเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาพระอาจารย์ พระอาจารย์บอกว่า ปัญญาสำคัญกว่าฤทธ์เดช เพราะการหลุดพ้น ไมได้หลุดได้ด้วยฤทธ์เดช เค้าหลุดพ้นกันด้วยปัญญา พอเราคิดได้ตาม ก็วางฤทธ์เดชเลย จะลด จะหายก็ช่างมันแล้ว ไม่สนแล้ว ยิ่งมียิ่งทุกข์

    ตอนหลัง ผลที่ได้รับรู้สึกกับตัวเองกว่า เรายิ่งทิ้ง มันกลับยิ่งได้คืนมา มากกว่าเดิมหลายเท่า เมื่อก่อนพยายามแทบตายไม่เคยได้เท่านี้ แบบนี้ จึงทำให้รุ้ว่า อาการของคนที่ทำมากอ่นในอดีตชาติ หรือมีของเก่าติดตามมา เขาเป็นกันแบบนี้น่ะเอง ( คือลองทำอะไรที่คนอื่นต้องฝึกกันตั้งนาน แต่พอเราคิดจะทำ ลองทำเองแล้วมันทำได้เลย แบบตัวเองก็ยัง งงๆ อยู่ว่ามันทำได้ไงว่ะ!! ) นอกจากความคิด ความอ่านจะดีขึ้นแล้ว เนื่องจาก เราละ วาง มากขึ้น มองเห็นอะไรตามความเป็นจริงมากขึ้น ( เพราะอยู่ใกล้ครูบาอาจารย์ ช่วยเรื่องตรงส่วนนี้ได้เยอะ ) พอมีความคิดความอ่าน เราเอาสิ่งพวกนี้ ไปคลุมพวกฤทธ์เดช ทำให้เราไม่วุ่นวาย ไม่มีทุกข์ หรือถ้ามีก็ทุกข์น้อยๆ มันก็จบเรื่องเท่านี้ ไม่น่าเลย ....กูหลงโง่มาตั้งนาน

    ปัจจุบัน ตอนนี้ ก็ทำกรรมฐานไปเรื่อยครับ ฤทธ์เดช จะมีหรือไม่มีอะไร ก็เป็นเรื่องของมันครับ ผมไม่สนแล้วครับ
    ที่สนตอนนี้ก็สนแต่เรื่องทำยังไง ให้กิเลสตัณหา ในจิตใจ มันลดลง เรื่อยๆ ให้ความทุกข์มันลดลงเรื่อยๆ
    หวังว่า มันจะดับลงในท้ายที่สุด



    ขอบคุณทีเสียเวลาอ่านจนจบน่ะครับ
    ธรรมสวัสดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2004
  5. บัวใต้น้ำ

    บัวใต้น้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    888
    ค่าพลัง:
    +1,937
    ขออนุญาต ตอบคำถามตามภูมิความรุ้ และ จากประสบการณ์งูๆปลาๆของผมน่ะครับ

    เป็นธรรมดาครับ ที่คุณอำนาจเป็นแบบนี้ เพราะ ว่าไม่ผิดหรอกครับ ที่อยากจะเอาดี อยากจะเก่งในการปฏิบัติ

    สาเหตุตรงนี้เกิดจาก "การยึดมั่นถือมั่น" ครับ

    เพราะว่า " เราหลงไปยึดผลการปฏิบัติ จากอดีต หรือจาก ตำรา มาเป็นตัวตั้งครับ "


    พอคราวนี้ปฏิบัติ ก็ยังติดยึดผลลัพธ์การนั่งของในอดีตอยุ่

    พอมันเกิดแบบนี้ขึ้น มันเลย ไม่เข้าถึงที่สุดแห่งอารมณ์ของการนั่งในครั้งปัจจุบัน


    ทำได้ไหมครับ อารมณ์แบบสนใจแต่กับปัจจุบัน ถ้าทำได้ก็ผ่านได้ครับ

    ไม่ใช่เรื่องแปลกน่ะ ที่คุณยังติดตรงนี้ เป็นกันเยอะครับ ผมก็เป็นเหยื่อคนนึงเหมือนกันครับ

    ก็อาศัย อุบาย อยูกับปัจจุบัน หรือ บริกรรมอะไร ก็ใจอยุ่กับคำบริกรรมจริงๆ

    เพราะอดีต คิดไปแล้ว ก็เป็นแต่เครื่องขวางกั้นการปฏิบัติน่ะครับ

    ถ้าทำได้แบบที่เขียนไป คุณก็จะไม่เผลอส่งจิตไปหลงคิดผลลัพธ์หรือเรื่องอื่นๆครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2004
  6. กระเจียว

    กระเจียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,353
    ค่าพลัง:
    +2,011
    เรื่องของพี่บัวเป็นอย่างนี้นี่เอง ประทับใจจ๊อดดด
     
  7. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,802
    ค่าพลัง:
    +18,984
    พี่บัวใต้น้ำครับ.. ยืมตังค์หน่อยครับ ผมจน อิอิ


    *** ... พี่บัวใต้น้ำ มีศรัทธาในการปฏิบัติมากเลยครับ เท่าที่อ่าน ดู .. ต้องพยายามเลียนแบบ (b-smile)
     
  8. บัวใต้น้ำ

    บัวใต้น้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    888
    ค่าพลัง:
    +1,937
    ยืนเงินพี่ไปได้ ก็ใช่ว่าจะหายยากจนน่ะครับ...

    ใช้เงินให้น้อยกว่าที่เรามี และ อย่าให้เงินใช้เรา

    รับรองไม่จนแน่นอนครับ
     
  9. กระเจียว

    กระเจียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,353
    ค่าพลัง:
    +2,011

    ^-^ โอ... เคล็ดลับของอาเสี่ยร้านเกม
     
  10. Bluemind

    Bluemind Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +75
    ที่ข้าพเจ้าสนใจเรื่องธรรมมะ ก็ด้วยครอบครัวเป็นพื้นฐานที่หนึ่ง มีคุณแม่สอนและชี้นำให้เอนมาทางธรรมมะมาตั้งแต่เด็ก หรืออาจจะเป็นด้วยจิตใจของข้าพเจ้าเองด้วย ข้าพเจ้าเติบโตเดินเอนเอียงทางธรรมเรื่อยมา ตั้งแต่เด็กมาแล้วที่อ่านแต่หนังสือเกี่ยวกับธรรมะต่างๆ ไม่ได้สนใจเรื่องดาราอย่างวัยรุ่นทั่วไป ละครก็ไม่ค่อยดู ชอบดูแต่พวกสารคดีและรายการพระสอนธรรมมะ ซึ่งถือว่าลูกบ้านนี้ผิดปกติจากวัยรุ่นทั่วไปล่ะนะ นี่คือพื้นฐานที่หนึ่ง

    ที่สำคัญขณะข้าพเจ้านี้มีความทุกข์ทางใจอย่างหนัก เสียใจที่คนคนหนึ่งเป็นไปได้ถึงขนาดหนัก ไม่เคยคิดเลย และยังไม่สามารถปล่อยวางได้ ร้องไห้ทุกวันมาเกือบปีแล้ว และคงเป็นอย่างนี้อีกนาน จากที่ตั้งใจว่าจะขอสร้างบุญบารมีทำทาน ปฏิบัติธรรมเพื่อให้ถึงนิพพานพร้อมกันกับคนคนหนึ่ง ที่ข้าพเจ้าอยากให้เค้ามีความสุขที่แท้จริงมากที่สุดพร้อมกัน (นิพพาน) แต่เหตุการณ์มันคงเป็นไปตามกรรมของช่วงชีวิต ตอนนี้อยากหาทางออกที่จะให้จิตปล่อยวางให้ได้ ถึงแม้ว่าจะยังอยากที่จะเดินทางพร้อมกับคนคนนั้นให้ถึงนิพพานด้วยกันก็ตาม ท่านเบื้องบนบอกว่า อีกนานกว่าเค้าจะเห็นคุณค่าของข้าพเจ้า ตอนนี้เค้าหลงอยู่กับความสนุก เดี๋ยวก็เบื่อเพราะสังคมไม่ยอมรับ ตอนนี้เค้ามองเห็นสิ่งที่ข้าพเจ้าทำเป็นสิ่งไม่ดีทั้งหมด แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่ดีก็ตาม ท่านบอกว่าไม่ใช่ความผิดของข้าพเจ้า เป็นกรรม เป็นวาระ ไม่ได้เป็นไสยศาสย์ แต่เค้าทำด้วยตัวเค้าเอง ท่านบอกว่า"คนจะดี ทำยังไงก็ไม่เลว คนจะเลว ทำยังไงก็ไม่ดี" คำว่าอีกนานของท่านไม่ทราบว่าจะนานกี่ปี หรืออีกกี่ชาติ ซึ่งข้าพเจ้าก็ยังทุกข์เหลือเกิน แต่ไม่อยากที่จะนั่งเสียใจเพียงอย่างเดียวไปอีกโดยเสียเวลาปฏิบัติธรรม ข้าพเจ้าจะขอเริ่มจริงจังกับธรรมมะของพระพุทธองค์ รอเวลาที่คนคนนั้นจะกลับมา...อยากพาคนคนนั้นไปด้วยกันจนถึงที่สุดแห่งจุดหมาย... ความพ้นทุกข์....นิพพาน....

    และท่านเบื้องบนเตือนมาว่า เวลาของโลกเหลือน้อยแล้ว ไม่นานจะเกิดภัยภิบัติ แต่ท่านบอกว่าข้าพเจ้าไม่ยอมปล่อยวาง จิตไม่นิ่ง ท่านบอกว่าข้าพเจ้าคงทำไม่ได้ แต่ข้าพเจ้าต้องรอคนคนนั้น ข้าพเจ้าจึงอยากปฏิบัติธรรมให้ได้ เพื่วันนึงข้างหน้า ข้าพเจ้าจะได้แนะนำ ชี้แนะให้กับเค้าคนนั้น Menk ของข้าพเจ้าได้

    ขอคำชี้แนะจากทุกท่านที่เมตตาด้วย เนื่องจากข้าพเจ้าเพิ่งจะเริ่มปฏิบัติ คงต้องขอคำแนะนำจากทุกท่านอีกมาก

    ขอบพระคุณทุกท่านล่วงหน้าค่ะ
     
  11. pop

    pop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +313
    ส่วนเราที่มาสนใจทางธรรมได้นั้น เป็นเพราะผลพวง มาจากเรื่องซึนามิปลายปีที่แล้วเองค่ะ แล้วพี่สาวมาจุดประกายความคิดอีกว่า ' คนเราตอนเป็นคนคิดแต่จะหาทำวิธีไหนให้ได้รวย แต่ไม่คิดถึงตอนตายมั่งว่าตายแล้วจะไปอยู่ไหน" คำพูดแค่นั้นแหละ เราจึงหาหนังสือธรรมะ มาอ่าน ทำอย่างไรจะได้บุญ ทำบุญ แบบนี้ต้องไปที่ไหนบ้าง ทำตัวแบบนี้ถูกไหม หลังจากที่ศึกษาจากหนังสือธรรม่ะหลายๆๆเล่ม และเวปธรรมม่ะหลายๆๆที่และหลวงพ่อที่ฝึกกรรมฐานที่ เราเลยเลิกกังวลใจเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมว่าจะต้องทำตัวเช่นไรบ้าง

    ตอนนี้เราตั้งตาปฏิบัติกัมฐาน สายเดียวดีกว่าค่ะ เพราะเป็นหนทางที่พ้นทุกข์จิงๆ แต่เราช่วงนี้ไม่ค่อยปฏิบัติสักเท่าไหร่เลย ก้อพยายามคุมจิตใจตัวเองไม่ให้ต่ำลงมากกว่านี้ ถ้าวันไหนรู้สึกอยากทำเราก็ทำ ถ้าไม่อยากทำเราก้อไม่ฝืนน่ะ แต่ยังไงเราก็ยังอยากทำให้มันจบเร็วๆๆเช่นกันค่ะ
     
  12. stupidcupid

    stupidcupid สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +23
    เพราะผลบุญเก่าค่ะ ส่งผลมายังชาติปัจจุบัน ให้สร้างต่อ
     
  13. ppinter

    ppinter เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2004
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +289
    สวัสดีครับ ผมขอเล่าให้ฟังบ้างครับ ของผมแปลกตรงที่เปลี่ยนมาสนใจเพียงชั่วข้ามคืน เพราะก่อนหน้านั้นก็เป็นพุทธตามทะเบียนบ้าน ชีวิตก็ไม่ทุกข์ แต่พูดให้ถูกต้องพูดว่า ยังไม่เห็นทุกข์ ใช้ชีวิตแบบปกติเที่ยว กิน ดื่ม แต่คืนนั้นเกิดจากความฝัน เป็นฝันที่อธิบายยากมาก คือ ผมฝันว่า กำลังนั่งพนมมือฟังพระเทศน์......เป็นพระสงฆ์3องค์ ท่านนั่งสมาธิ 2องค์นิ่งๆ ยืนตรงกลางองค์หนึ่ง ทั้งสามองค์ลอยอยู่บนอากาศ...องค์ยีนตรงกลางเป็นองค์ที่เทศน์ให้ฟัง
    จำได้ว่า องค์ริมสุดซ้ายมือนั่งสมาธิลอยอยู่คือ..หลวงพ่อเกษม เขมโก..สุสานไตรลักษณ์....ตอนนั่นยังไม่มรณะภาพ
    องค์ริมขวาสุดนั่งสมาธิลอยอยู่ระดับเดียวกัน เป็นหลวงปู่แหวน...วัดดอยแม่ปั๋ง.....ส่วนองค์กลางท่านยืน เป็นองค์ที่เทศน์ให้ผมฟัง .จำได้ว่าเทศน์ให้ฟังทั้งคืน......และในขณะผมนั่งพนมมือฟังตอนนั้น..รู้สึกกายเบา...สว่าง..รู้เข้าใจ...ไม่เคยมีความรู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูกว่าความรู้สึกแบบนั้นเรียกว่าอะไร....และเมื่อเทศน์จบประโยคสุดท้าย จำได้ติดหู...เลยว่า....ให้ทำความดี แล้วผมก็ตื่นขึ้น ในขณะตื่นนั้นภาวะในขณะฝันเบา..แปลกๆ..ยังคงติดอยู่อีกพักใหญ่ หลวงพ่อองค์กลางที่เทศน์ให้ฟังจนเดี๋ยวนี้ก็ยังไม่ทราบว่าเป็นองค์ไหน....แต่หลังจากวันนั้นก็หันมาสนใจพุทธศาสนาอย่างเป็นไปตามขั้นตามตอน........ตั้งแต่สนใจ..พระที่เป็นเหรียญเป็นดิน.....เมื่อนานเข้าก็เห็นว่าไม่ใช่...ก็เปลี่ยนเป็นมาสนใจประวัติการปฎิบัติธรรมของพระสงฆ์ที่ดังๆ ........เมื่อเต็มที่กับหนังสือธรรมะต่างๆ....ก็หันมาเริ่มปฏิบัติ......ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนนี้อยู่ครับ......เนียครับ..จุดเริ่มต้น..และกำลังทำต่อไปเรื่อยจนกว่าจะถึงที่สุดแห่งธรรม..
     
  14. paramitra

    paramitra เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +180
    ของผม รู้สึกจะโตมากับแวดวงสังคมคนศึกษาธรรมะอะครับ ทั้งอนุตรธรรม และก็พระพุทธศาสนา ก็สนใจมั่ง ไม่สนใจมั่ง แต่ห่างพอถึงระดับนึง มันก็กลับมาเจอกันอีกครั้งเอง ตัวอย่างเช่น ผมอ่านเวปพันทิพเรื่องมนุษย์ต่างดาว แล้วลิ้งค์มาLaceta ที่เวปนี้ และก็วนเวียนอยู่แถวนี้มาเรื่อยๆอะครับ
     
  15. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,223
    ค่าพลัง:
    +15,633
    มีหลายสาเหตุ แต่เท่าที่เคยอ่านหนังสือพบ เขาบอกว่า
    1.เกิดจากอดีต เคยวบชหรือปฏิบัติธรรมวิปัสสนากรรมฐาน มาก่อน แต่ไม่สำเร็จ จึงมาปฏิบัติต่อในภพชาตินี้
    2.การที่คิดได้ เห็นความเป็นไปในวัฏฏสังสาร ว่าเป็นจริง จึงคิดปฏิบัติเพื่อการหลุดพ้น คือ เริ่มมีปัญญา เริ่มรู้เข้าใจในความทุกข์ของการเวียนว่ายตายเกิด
     
  16. penkonthai

    penkonthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +129
    หากถามว่า "จุดมุ่งหมายในชีวิตคืออะไร"
    การเกิด เรียน เที่ยว มีแฟน ทำงาน ซื้อรถ ซื้อบ้าน เก็บเงิน ตาย สิ่งต่างๆเหล่านั้นบางคนต้องการทั้งๆที่ไม่รู้ตัวเลยว่าทำสิ่งเหล่านั้นมากี่แสน กี่ล้านครั้งแล้ว กลับยังรู้สึกว่าเป็นจุดมุ่งหมายในชีวิตของตนเอง
    หากจะหยุดวงจรเหล่านั้นได้ ก็มีทางเดียวคือ แสวงหาทางพ้นทุกข์ ทำพระนิพพานให้แจ้ง นั่นหละคือจุดมุ่งหมายของชีวิตที่แท้จริง
    การจะทำนิพพานให้แจ้งได้ ก็ต้องศึกษาธรรม เป็นหนทางเดียวที่จะพาเราไปสู่แดนนิพพานได้
    นี่หละคือที่มาของผม ที่ผมรู้สึกจริงๆและทำให้ผมสนใจธรรมะ
     
  17. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,223
    ค่าพลัง:
    +15,633
    ผมเคยเป็นทหารไปประจำการชายแดนภาคใต้ เห็นเพื่อนทหารและตำรวจที่ตายในการปราบปราม ผู้ก่อการร้าย และเห็นครอบครัวเขามานั่งร้องไห้ เต็มศาลาสวดศพ เกิดมีความคิดว่า ถ้าไม่มีศึกสงคราม รบกัน พวกเขาคงจะไม่พลัดพรากจากกันและคิดว่าชีวิตคนเรามันไม่เที่ยงแท้ เห็นกันสัปดาห์ที่แล้ว เพียง 2 - 3 วันเขาตายแล้ว และไปอ่านหลักปฏิบัติ ของหลวงปู่มั่น หลวงปู่แหวน หลวงฝั้นและหลวงพ่อปาน หลวงฤษี ลิงดำ จึงสนใจที่จะศึกษาธรรมะ เพื่อแสวงหาความจริงของชีวิต เพื่อการหลุดพ้นจาก ความโลภ โกรธ หลง ที่จะให้มนุษย์เราไม่ต้องทำศึกสงครามกัน
     
  18. bridge

    bridge เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,249
    ค่าพลัง:
    +1,814
    เพราะเราเป็นคนบ้านนอก

    เราเป็นคนบ้านสวน พ่อบวชมาแล้ว หลายวัด ที่บ้านมีหนักสือ ธรรมะให้อ่านแทนการ์ตูน แทนนิตยสารรายสัปดาห์ คุณแม่เป็นคนเอาชนะญาติฝ่ายพ่อ(ที่ชอบดูถูก และรังแกด้วยวาจาต่อคนจน เผอิญแม่เราจน) ด้วยความดี ครอบครัวเราเป็นชาวพุทธ

    เราคบเพื่อนทุกแบบ แต่ไม่เคยเป็นไปตามเพื่อน เรารดผักตอนเช้าทีละ 1ไร่แล้วก็เดินไปโรงเรียน ระยะทาง 3กว่า กิโลไปกลับทุกวัน

    และตอนเด็กเราชอบแอบปล่อยปลาชาวบ้าน ชอบขโมยมะพร้าวที่นาที่ไม่มีคนเฝ้ามาเล่นเผาผี

    เราชอบเที่ยวไปตามวัดวาอาราม กับ ป่า นะ เพราะมันเงียบดี ไม่มีเสียงคนกวน
    ที่สำคัญ

    ทุกอย่างนี้เป็นชีวิตที่สะมะถะ พอรู้จักพอแล้ว ก็เห็นความโลภของคนอื่น เมื่อนเห็นความโลภ ก็เกิดสงสัย และก็มีหลายๆ คำถามตามมา อันนี้คนที่เบื่อโลกจะรู้ว่ามีคำถามอะไรบ้าง นะ
     
  19. bridge

    bridge เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,249
    ค่าพลัง:
    +1,814
    สรุปแล้วมันตื้นตันที่มาถามว่าทำไมถึงเป็นคนฝักใฝ่ธรรมมะ เป็นคำถามที่ยินดีตอบอย่างมาก และอยากตอบหลายพันครั้ง เราเป็นคนเห็นธรรมตั้งแต่เด็กไง เห็นต้องแต่ป.6 แล้ว
     
  20. bridge

    bridge เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,249
    ค่าพลัง:
    +1,814
    เห็นว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นธรรมที่ง่าย ถ้าฟังแค่รู้แค่ว่าเป็นคำสอนเด็กทั่วไปจะไม่เข้าใจลึกซึ้งและไม่ปฏิบัติตามหลอก

    ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เนี้ย ความดีที่จะได้มันก็ไม่ใช่รางวัลย์นะท่านผู้อ่าน ส่วนความชั่วที่จะได้นี้ก็ไม่ใช่คุกเสมอไป
     

แชร์หน้านี้

Loading...