เพราะเหตุใดผมถึง 'ศรัทธา' หลวงพ่อเกษม

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย surer, 19 กันยายน 2012.

  1. Archeopteric

    Archeopteric Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +53
    - ไม่แปลกหรอก ขนาดพระเจ้าอชาติศัตรูและพระสงฆ์ส่วนหนึ่งยังหลงเชื่อเทวทัตมากกว่าพระพุทธเจ้า เพราะเคร่งเรื่องกินเจ เคร่งเรื่องอยู่ป่า รวมถึงแสดงอิทธิฤทธิ์ให้เห็น
    แล้วพระพวกนั้นดำรงอยู่กันได้นานไหม
    นับวันมีแต่จะเสื่อม นับวันมีแต่คนจะหมดศรัทธา

    - ท่านอวดอุตริบอกว่าตัวเองเป็นอรหันต์แค่นั้นก็ถึงขั้นปราชิกแล้ว การจะเคร่งวินัยอื่นก็ไม่ได้ช่วยให้พ้นผิดปราชิกไปได้
    นี่ได้เจโตแล้วบรรลุพระอรหันต์หรืออย่างไร ถึงได้กล้าพูดได้ถึงเพียงนี้
    หรือว่าวิเคราะห์จากความคิดของตัวเอง

    - ท่านตำหนิด่าว่า ต่อต้านหลวงตาบัวซึ่งเป็นพระอรหันต์
    พระอรหันต์ทำผิดได้ เคยอ่านเรื่องม้าอาชาไนย 3 จำพวกไหม
    - แค่พฤติกรรมก้าวร้าวต่างๆนั่นก็น่าจะบอกได้อยู่แล้วว่าเหมาะสมหรือไม่ แม้ไม่เห็นด้วยก็ไม่จำเป็นต้องทำพฤติกรรมแบบนั้นหรอก
    พระปิลินทวัจฉะรู้จักรึป่าว?
    นี่เขาดูที่กิริยาภายนอกอย่างเดียวดอกหรือ
    งั้นพระปิลินทวัจฉะคงจะตกนรกด้วยหละสิ

    - ครูบาอาจารย์ที่เขาบรรลุธรรมต่างก็ให้ความเคารพพระพุทธรูป (แต่ก็ไม่มีใครเคารพปลัดขิกหรอกนะ) แล้วจะมาทำตัวอวดรู้กว่าครูบาอาจารย์ทำไม
    รู้จริงหรือไม่จริงผมไม่รู้ อวดรู้หรือไม่รู้ผมไม่ทราบ
    ถ้าแบบนี้คุณเรียนหนังสือก็ห้ามเก่งกว่าอาจารย์ละกันนะ
    คนเรามีความรู้ไม่เท่ากัน ไม่ใช่พระพุทธเจ้าซะหน่อยจะได้เก่งไปทุกอย่าง
    ไม่งั้นจะมีเอกตทัคคะไปทำไม


    ปล. ไม่ต้องห่วง บาปกรรมมีจริง ผลเป็นอย่างไรก็คงได้เห็นกันอยู่
    จ้า รู้ไว้ก็ดีแล้ว
     
  2. Pra_THoNG

    Pra_THoNG เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +739
    พระอรหันต์ ทุก องค์ ใน ประเทศไทย ไหว้ และเคารพ พระพุทธ รูป หมด

    แต่ เกษม ทำแบบนี้นะ
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  3. ตาดำดำ

    ตาดำดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    420
    ค่าพลัง:
    +732
    http://palungjit.org/threads/เมื่อหลวงปู่หล้าโต้ตอบธรรมะกับหลวงปู่เกษม-อาณณสีโล.183365/
    โดยส่วนตัวคิดว่าประวัตินี้หลวงพ่อเกษมพูดเองเออเองครับ เพราะหลวงตาบัวไม่เคยรับรองท่าน

    จริงๆท่านอาจจะป่วยทางจิตก็ได้ ซึ่งถ้าป่วยจริงก็อาจไม่ถึงขั้นปาราชิก

    ว่าแต่ตอนนี้ท่านอยู่ไหนแล้ว
     
  4. จอมโลกธาตุ

    จอมโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2012
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +2,063
    ถึงป่วยทางจิตก็ต้องปาราชิกเหมือนเดิม เพราะวินัยสงฆ์ที่จะวินิจฉัยเวลาพระทำผิดขณะเป็นบ้า คือ อมูฬหวินัย ซึ่ง จะอ้างว่าเป็นบ้านั้นคือต้องกระทำในขณะที่วิปลาสและไม่มีสติไม่รู้สึกตัวจำอะไรไม่ได้ แต่หากยังพอรู้สึกตัวอยู่บ้างแม้เพียงนิดเดียวอันนี้ไม่ได้ แต่นายคนนี้มีสติรู้สึกตัวตลอดเวลานั่นคือทำทั้งที่รู้และก็ทำมาตลอดโดยไม่สำนึก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2012
  5. ตาดำดำ

    ตาดำดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    420
    ค่าพลัง:
    +732
    ขอบคุณครับที่ชี้แจง
    แต่โรคทางจิตเวชบางโรคมีอาการแบบพระเกษมได้ ซึ่งแม้ว่าสติสัมปชัญญะจะยังดีอยู่ แต่กระบวนการคิด การตัดสินใจ บกพร่องได้
    http://www.ramamental.com/psychiatrist/forensic/
    อย่างระดับความวิกลจริตและการรับผิดทางอาญา

    - รู้ผิดชอบและสามารถบังคับตนได้อย่างคนปกติ

    - หย่อนในความรู้ผิดชอบ แต่ไม่ถึงขั้นวิกลจริต

    - พอรู้ผิดชอบหรือบังคับตนได้บ้าง

    - ไม่สามารถบังคับตนเองได้

    - ไม่สามารถรู้ผิดชอบ

    - ไม่รู้สภาพและสาระสำคัญของการกระทำ

    ก็ไม่รู้ว่าถ้าเป็นทางพระวินัยจะเป็นอย่างไร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2012
  6. จอมโลกธาตุ

    จอมโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2012
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +2,063
    กฏหมายทางบ้านเมือง กับกฏวินัยสงฆ์ไม่เหมือนกัน เป็นอีกประเด็นหนึ่ง ถ้าว่าด้วยเรื่องวินัยสงฆ์ผิดเหมือนเดิมต้องปาราชิก
    แต่กฏหมายอาญาบ้านเมืองก็เป็นอีกเรื่องสึกแล้วค่อยไปว่ากันอีกเรื่อง

    เช่น พระดื่มเหล้า นี่ตามกฏหมายไม่ผิด แต่วินัยสงฆ์ผิด
    พระฆ่าคนตาย นี่ผิดทั้งกฏหมายและวินัยสงฆ์ ทั้งปาราชิกและติดคุก
    เสพเมถุน อันนี้ไม่ผิดกฏหมายแต่ผิดวินัยต้องปาราชิก

    (ปล.ปาราชิกคือ การขาดจากความเป็นภิกษุ หาสังวาสมิได้อีกต่อไป และไม่สามารถกลับมาบวชได้อีกตลอดชีวิต การสึกเพราะเหตุอื่น ๆ ยังสามารถกลับมาบวชอีกได้ แต่หากสึกด้วยเหตุต้องปาราชิกนั้นจะไม่สามารถบวชได้อีกทั้งชีวิต)

    เป็นต้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กันยายน 2012
  7. ตาดำดำ

    ตาดำดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    420
    ค่าพลัง:
    +732
    - ไม่แปลกหรอก ขนาดพระเจ้าอชาติศัตรูและพระสงฆ์ส่วนหนึ่งยังหลงเชื่อเทวทัตมากกว่าพระพุทธเจ้า เพราะเคร่งเรื่องกินเจ เคร่งเรื่องอยู่ป่า รวมถึงแสดงอิทธิฤทธิ์ให้เห็น
    แล้วพระพวกนั้นดำรงอยู่กันได้นานไหม
    นับวันมีแต่จะเสื่อม นับวันมีแต่คนจะหมดศรัทธา

    ตรงนี้ผมเตือนจขกท.ว่าพระที่เคร่งวินัย(จนเกินที่พระพุทธเจ้าบัญญัติ)ก็ใช่ว่าจะเป็นพระที่ดี

    - ท่านอวดอุตริบอกว่าตัวเองเป็นอรหันต์แค่นั้นก็ถึงขั้นปราชิกแล้ว การจะเคร่งวินัยอื่นก็ไม่ได้ช่วยให้พ้นผิดปราชิกไปได้
    นี่ได้เจโตแล้วบรรลุพระอรหันต์หรืออย่างไร ถึงได้กล้าพูดได้ถึงเพียงนี้
    หรือว่าวิเคราะห์จากความคิดของตัวเอง

    คำอธิบายอยู่ในความเห็นบนแล้ว ผมไม่ได้มีเจโตครับ

    - ท่านตำหนิด่าว่า ต่อต้านหลวงตาบัวซึ่งเป็นพระอรหันต์
    พระอรหันต์ทำผิดได้ เคยอ่านเรื่องม้าอาชาไนย 3 จำพวกไหม
    แล้วมีที่ตำหนิครูบาอาจารย์ตนเองหรือไม่ล่ะครับ

    - แค่พฤติกรรมก้าวร้าวต่างๆนั่นก็น่าจะบอกได้อยู่แล้วว่าเหมาะสมหรือไม่ แม้ไม่เห็นด้วยก็ไม่จำเป็นต้องทำพฤติกรรมแบบนั้นหรอก
    พระปิลินทวัจฉะรู้จักรึป่าว?
    นี่เขาดูที่กิริยาภายนอกอย่างเดียวดอกหรือ
    งั้นพระปิลินทวัจฉะคงจะตกนรกด้วยหละสิ

    ไม่มีความรู้เรื่องนี้(เท่าที่ search ดูคือเรียกคนอื่นว่าคนถ่อย มีที่ทำไม่เหมาะสมแบบพระเกษมด้วยเหรอครับ) อย่างหลวงปู่เจี๊ยะ หลวงตาบัว ต่อให้ท่านเกรี้ยวกราดยังไงก็ไม่มีพฤติกรรมก้าวร้าวแบบนี้

    - ครูบาอาจารย์ที่เขาบรรลุธรรมต่างก็ให้ความเคารพพระพุทธรูป (แต่ก็ไม่มีใครเคารพปลัดขิกหรอกนะ) แล้วจะมาทำตัวอวดรู้กว่าครูบาอาจารย์ทำไม
    รู้จริงหรือไม่จริงผมไม่รู้ อวดรู้หรือไม่รู้ผมไม่ทราบ
    ถ้าแบบนี้คุณเรียนหนังสือก็ห้ามเก่งกว่าอาจารย์ละกันนะ
    คนเรามีความรู้ไม่เท่ากัน ไม่ใช่พระพุทธเจ้าซะหน่อยจะได้เก่งไปทุกอย่าง
    ไม่งั้นจะมีเอกตทัคคะไปทำไม

    อ่านคิริมานนทสูตรละกัน
    "...บุคคลที่ทำลายพระพุทธรูป เป็นต้นนั้น เป็นบาปมากก็จริงอยู่ แต่ยังไม่นับว่าเป็นการทำลายพระพุทธศาสนาผู้ที่กล่าวหมิ่นประมาทนั้น ได้ชื่อว่าทำลายพระพุทธศาสนาของพระตถาคต..."
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กันยายน 2012
  8. ตาดำดำ

    ตาดำดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    420
    ค่าพลัง:
    +732
    เท่าที่เข้าใจคิดว่าปาราชิกคือให้สึก สามารถบวชใหม่ได้ แต่ตัดทางไปนิพพาน (ถ้าปาราชิกแล้วไม่สึก ยังร่วมสังฆกรรม แปลว่าทำลายศาสนา ห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพานทั้งภพนี้และภพหน้า -- หนังสือหลวงปู่จันทา)

    ส่วนเรื่องพระเกษม ผมว่าอาจต้องมีการประเมินทางจิต ถ้าผิดปกติควรได้รับการรักษา หากหายก็สามารถบวชใหม่ได้แต่ต้องระวังการบำเพ็ญอย่างอุกฤษฏ์บางอย่างซึ่งอาจทำให้โรคกำเริบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กันยายน 2012
  9. testewer

    testewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +758
    เกษม สอนไม่ให้คนยึดติดตัวรูป มันเลยเจาะจงทำลายพระพุทธรูปหมด รูปพระสงฆ์ หารู้ไม่ว่าสิ่งที่มันทำเป็นการยึดติดตัวรูป เพราะมันยังไม่สามารถวางเฉยต่อรูปได้เลย

    เมื่อมันยังวางเฉยต่อรูปไม่ได้ ตัวมันก็เลยแนะนำ ให้สัตว์นรกโง่ ทำลายพระพุทธรูป และรูปพระสงฆ์ ต่อไป

    ถ้าคิดว่าไม่รับเงินน่านับถือมาก ไปกราบ วัวควายได้เลย เงินทองไม่รับ กินแต่หญ้า ดีกว่าเกษม ทุกตัว

    อะไรอะไร เกษม ก็อ้างแต่ตำรา หารู้ไม่ว่า ตัวมันยึดติดในรูปราคะ(ตำรา) และก็อรูปราคะ (ความคิด ความจำ) พระอรหันต์ที่ไหนเอาตำราเป็นที่พึ่ง พระอรหันต์มีธรรมเป็นที่พึ่ง ก็มีแต่สัตว์นรกหลงตัวแบบนี้ล่ะเอาตำราเป็นที่พึ่ง พวกเรียนมหาเปรียญ คงเป็นพระอรหันต์กันหมดแล้วแบบนี้

    เกษม มันตัวหลงเลยจะสอนให้คนหลงผิดไปใหญ่แล้ว ลองดูคนที่อยู่กับมันซิ ได้อะไรบ้าง นอกจากทำลายพระพุทธรูป สมาธิก็ยังไม่มี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 กันยายน 2012
  10. พรหมาวตาร

    พรหมาวตาร Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    99
    ค่าพลัง:
    +66
    พระพุทธเจ้าสอนให้พ้นทุกข์ ให้เผยแพร่ทางพ้นทุกข์ และเรื่องที่เป็นหนทางพ้นทุกข์ นอกเหนือไปจากนี้ถือว่าอวดเก่ง นอกครู

    แต่ดูท่า "เษม" แกจะหาทุกข์ใส่ตัว เป็นทุกข์แทนคนอื่น เพิ่มทุกข์ให้ตนเองและคนอื่นไปเสียนั่น

    ไม่เห็นด้วยกับวิธีการที่ "เษม" ทำอยู่ทุกประการ
     
  11. YUT_KOP

    YUT_KOP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,033
    อันที่จริงต่างคนต่างอยู่จะดีกว่า กลุ่มท่านคิดเห็นต่างไปจากคนทั้งหลาย

    ผมไม่กล้าวิจารย์ ไม่อยากเอาตัวเองไปยุ่งเกี่ยวกับกรรมหนักของคนอื่น

    เอาเป็นว่า ผม ศรัทธา เทิดทูน เคารพ และ จะยึดมั่นถือมั่นจะขอเป็น ลูกศิษย์

    ขอเป็นข้าบริวาร ของเป็นคนรับใช้ ของ บุคคลที่เห็นต่างจาก กลุ่มท่าน

    เพราะ ผมก็มี ครู อาจารย์ ที่เคารพ ที่ศรัทธา ที่สอนต่างจากท่านพระเกษม

    ผมจะขออยู่กับ พ่อ แม่ ครู อาจารย์ ผมละกัน แต่ขออย่างเดียว

    ไม่ชอบ ไม่รักกัน คนละแนว ก็ไม่จำเป็นต้อง ทำลาย กัน

    ผมขอรวบรวม พ่อแม่ ครูอาจารย์ ที่ผมนับถือให้

    ท่านกลุ่ม พระเกษม ได้ฟังไว้ก่อนนะ

    จะได้ไม่ไปไหว้ กลุ่ม พ่อแม่ ครูอาจารย์ ของพวกผม เริ่มจาก

    (ขออนุญาติเอยนาม ด้วยความเคารพ)

    พระสังฆราช ทุก พระองค์

    หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น หลวงปู่อุบาลี หลวงปู่แหวน หลวงปู่ขาว หลวงพ่อลี

    หลวงพ่อชา หลวงพ่อวิริยังค์ หลวงพ่อพุธ หลวงปู่เทศน์ หลวงตามหาบัว

    หลวงปู่ชอบ หลวงปู่กงมา หลวงปู่ดุลย์ หลวงปู่หลุย หลวงปู่ฝั้น และอื่นๆมาก

    มายรวมพระป่าสาย หลวงปู่มั่นทั้งหมด เป็นต้น

    หลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ หลวงพ่อกลั่น หลวงพ่อเงิน หลวงพ่อสด หลวงปู่ศูข

    หลวงพ่อเดิม หลวงพ่อปาน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงพ่อแพร

    หลวงพ่อเกษม เขมโก หลวงพ่อคูณ หลวงพ่อหลวงพ่อดิ่ง หลวงพ่อฟู

    หลวงพ่อจรัญ หลวงปู่คำบุ หลวงปู่ทิม หลวงพ่อแก้ว

    สาย ฆราวาส

    พระเจ้าตากสิน พระนเรศวร รัชการที่ 1-9

    เสด็จเตี่ย (กรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์)

    นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ พ่อแม่ ครูอาจารย์ที่ผมนับถือ

    ซึ่งปฏิบติ ตรงข้าม กับ กลุ่มท่าน พระเกษม ขอได้โปรด อย่ามาทำลาย

    หรือ อย่าเกี่ยวข้องกันด้วยยิ่งดีครับ ขอบคุณ
     
  12. ชมพูบดี

    ชมพูบดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2008
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +779
    เห็นภาพที่ทุบและเจาะศรีษะพระพุทธรูป รูปหล่อหลวงพ่อแล้ว คงไม่ต้องพูดถึงกรรมที่จะต้องได้รับ ไม่รู้จะหนักปานใด พอๆกับโจรตัดเศียรพระเลย
     
  13. ชมพูบดี

    ชมพูบดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2008
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +779
    ใครศรัทธาท่านเกษม แล้วจะเอาพระเครื่อง พระบูชาไปทำลาย ขอความกรุณาอย่าทำครับ เอาไปไว้วัดดีกว่า หรือ pm มาหาผมยินดีจัดการให้ครับ อย่าไปสร้างกรรมอีกเลย
     
  14. สุมิตราจ๋า

    สุมิตราจ๋า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2012
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +1,529

    บ๊ะ พ่อหนุ่มคนนี้ใช้ได้เลย อันพระปิลินทวัจฉะ นั้นก่อนท่านเทศน์ท่านจักพูดว่า ไอ้ถ่อยทั้งหลายฟังกูนะกูจะพูดให้มึงฟัง นี่จริตท่านเป็นแบบนี้ท่านพูดแบบนุ่มนวลไม่เป็นพูดคำด่าคำ และมันก็มีผลด้วยกับคนบางพวก มันทำให้คนบางพวกดวงตาเห็นธรรมได้ แต่ก็ใช้ไม่ได้กับคนบางพวกเพราะจริตไม่เหมือนกัน พวกหนอนตำรานักวิชาการท่านก็จะฟังท่านอานนท์เทศน์รู้เรื่อง ท่านที่มีจริตแบบคิดวิเคราะห์ทางตรรกะท่านก็ฟังท่านสารีบุตรรู้เรื่องได้ประโยชน์กว่า เพราะจริตมันไปทางนั้น คนเรามันไม่ได้เหมือนกันไปซะทั้งหมดดอก แต่ที่แน่ๆๆมันมีที่เหมือนกันคือมันหลุดพ้นได้ทุกคน พระพุทธเจ้าเมื่อตรัสรู้ท่านไม่ได้พูดว่า เฮ้ยตอนนี้เราเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว แต่ท่านพูดว่า ทุกสรรพชีวิตที่แท้แล้วก็เป็นพุทธะอยู่ก่อนแล้ว เมื่อท่านหยั่งเห็นตรงนี้ท่านเปลี่ยนสรรพนามเลยว่า ตถาคต

    ที่พูดนี่ไม่ใช่เพื่อจักสนับสนุนใครเพียงเพื่ออยากให้พิจารณาดู ในฐานลุงแก่ๆๆ คนหนึ่งเล่าเรื่องให้เด็กๆๆฟัง มาที่เรื่องพระพุทธรูปก็คงรู้กันแล้วว่า เริ่มแรกเดิมทีนี่มันไม่มี เพราะเขาถือว่าพระแท้มันไปพ้นรูปลักษณ์ ไปพ้นมายาภาพเรื่องรูป พระพุทธเจ้าเองที่ตรัสว่าที่ใดมีรูปลักษณ์ที่นั้นมีมายา ไม่พึงยึดถือเราด้วยรูป ทีนี้พอพวกกรีกมันเข้ามาในอินเดียเพราะัพระเจ้าอเล็กซานเดอร์พยายามจะตีอินเดีย มันก็แลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมขึ้น เพราะักรีก-โรมันนั้นเน้นสร้างรูปเคารพเทพของเขา เช่นซูส เฮร่า เขาก็เลยสร้างกันนั้นแล

    ทีนี้ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ว่าควรสร้างหรือไม่ เพราะ เขาสร้างกันไปแล้ว แต่ต้องตีให้แตกว่าสร้างทำไม? มันมีอะไรมากกว่าเอาไว้ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า เอ็งต้องเข้าใจ เช่นทำไมพระพุทธรูปรูปลักษณ์ถึงคล้ายๆๆกันหมดทุกวัฒนธรรม ทำไมหูถึงยาน ทำไมหัวถึงแหลม ทำไมตาท่านถึงมองลงต่ำ ทำไมถึงมักสร้างให้หันไปทางตะวันออก เหล่านี้คือปริศนาธรรมทั้งนั้น ไม่ทราบว่าคนรุ่นเอ็งนี่ทราบความหมายพวกนี้ไหม? เด็กๆๆๆ ว่าคนรุ่นปู่ย่าตายาย นี่เขาทำทำไมแบบนี้

    หรือรู้แต่เรื่องขลังไม่ขลัง เรื่องขอพร สร้างแก้่กรรมล่ะ ไอ้หนุ่มและนางหนู เอ็งเคยเห็นพระพุทธรูปอยุธยาแท้ๆๆไหม มันไม่สวยเลยใช่ไหม? เมื่อเทียบกับพระสุโขทัย แต่เอ็งว่าความงามมันอยู่ที่ไหน?ล่ะ พระอยุธยานี่ มันอยู่ที่พลังศรัทธาใช่ไหม? ไม่ใช่อยู่ที่ฝีมือช่าง โบราณเขาจะไม่มีการตำหนิติเตียนเรื่องนี้เลย คือใครใคร่สร้างสร้าง จะห่วยอย่างไร? เขาไม่สน เขาสนที่พลังศรัทธาของคนคนนั้น หรือ ของมวลชนที่มาร่วมมือกันสร้าง แล้วเขาก็กราบได้ด้วยใจที่มีความสุขพอๆๆกับพระที่งามทางเทคนิคของช่าง อีกกรณีคือคนโบราณท่านไม่ได้สร้างเพราะมันจักทำให้ไปสวรรค์ เหมือนสมัยนี้ดังนั้น เขาจะไม่จารึกชื่อเหมือนคนสมัยนี้เขาจะไม่มีใบอนุโมทนา เขาทำดุจตัวเขาไม่ได้ทำและไม่มีใครรู้ด้วยว่าเขาสร้าง บางท่านท่านก็ยกประโยชน์ให้เทวดาสร้างไปเลย คนโบราณ เขาสร้างเพราะเขารักเขาเคารพเขาสำนึกในพระคุณของพระพุทธเจ้า พุทธคุณมันก็เกิด โดยไม่จำเป็นต้องปลุกพระ คือเอ็งเป็นใครเอ็งจะไปปลุกพระพุทธเจ้า ท่านตื่นแล้วเอ็งสิที่ยังไม่ตื่น แล้วเขาก็ไม่ได้ทำไว้ขายเหมือนสมัยนี้ด้วยเขาทำไว้เพื่อบูชา จริงๆๆ นี้แลคือความงามที่แท้ อันที่จริงช่างอยุธยาหาได้มีฝีมือด้อยกว่าช่างสุโขทัยไม่ดอก เพียงแต่ท่านไม่อยากจะสร้างเลียนแบบกันไปมา ท่านเบื่อท่านก็แสวงหารูปลักษณ์ความงามที่ต่างออกไป แต่พระพุทธรูปสุโขทัยนั้นงามเป็นเลิศอยู่แล้ว ไอ้จะสร้างให้ดีกว่าเดิมจึ่งเป็นเรื่องยากนั้นแล พระพุทธรูปอยุธยาจึ่งดูสู้พระพุทธรูปสุโขทัยไม่ได้ แต่ในแง่ความงามที่แท้ที่พ้นรูปลักษณ์ไป นั้นมันก็งามปานๆๆกัน


    ทุกวันนี้การสร้างพระมันเป็นไปเพื่อบุญเพื่อบาป เพื่อการค้า ไอ้คนเราส่วนใหญ่นี่มันหลงลืมความหมายที่แท้จริง มันก็เน้นใหญ่โตเพราะมันคิดว่าบุญเยอะ แก้กรรมได้ ไม่ตกนรก แต่คุณความดีเขาวัดที่เจตนาเอ็งมีเจตนาบริสุทธิ์หรือไม่เล่า ถ้ามี เอ็งสร้างองค์ท่านหัวแม่โป้งมันก็มีอานิสงส์มากกว่าสร้างองค์เท่าภูเขาหิมาลัยเป็นหมื่นเป็นล้านองค์ พระคุณความดีท่านวัดที่เจตนา นี่เพราะมันไม่เข้าใจตรงนี้ มันถึงได้มีพวกศรัทธาวิปริตเยอะ บางคนมันไปดูเลยนะว่าพระไตรปิฏกพระพุทธเจ้าตรัสว่า(ไม่รู้ว่าได้เอากาลามสูตรมาจับไหม?) ทำบุญอย่างไร ได้บุญเยอะที่สุดบ้าง แล้วมันก็เลือกทำแต่อันที่ได้บุญเยอะๆๆๆที่มันไปอ่านมา แล้วภูมิใจด้วยว่าบุญเยอะเราฉลาดเราเลือกอันบุญเยอะ มันบ้าขนาดนี้มันเลยไม่ได้บุญอย่างที่มันคิด เพราะ เจตนาของตัวมันเองนี่แหละ อีกพวกคือรวยแต่ความรวยตั้งอยู่บนฐานการเอารัดเอาเปรียบคนอื่นการโกงกินคนอื่น มันรู้สึกผิดมันก็คิดว่าถ้ามันสร้างพระทำบุญมันก็จะไม่ตกนรก เน้นของโตๆๆบุญเยอะๆๆ ไอ้นี่มันก็บ้า เพราะตราบใดที่มันยังเอาเปรียบคนอื่นไม่เลิก ยังโกง มันสร้างพระอีกล้านองค์มันก็ช่วยไม่ได้ เพราะเจตนามันไม่บริสุทธิื์์มันทำการค้า แม้กับพระกับเจ้านี่หนึ่ง สองคือมันยังไม่เลิกทำบาปแล้วมันจะไถ่บาปจะแก้ผลกรรมชั่วได้อย่างไร มันก็ยิ่งเพิ่มทุกวันกรรมเก่ายังใช้ไม่หมดมันเอาของใหม่มาอีก กรรมต้องแก้ที่เจตนานี่สำคัญที่สุด ไม่ไม่สำคัญหรอกว่าเอ็งเคยทำอะไรมาแล้วในชาตินี้ หรือ ชาติก่อน มันสำคัญที่เอ็งจะจัดการกับปัจจุบันนี้อย่างไร? นี่แหละคือการแก้กรรมที่แท้ ที่พระพุทธเจ้าสอน ท่านไม่ปฏิเสธเรื่องกรรมเก่ามีผลต่อชีวิตแต่ท่านปฏิเสธว่ากรรมเก่ามีผลต่อชีวิตทุกๆๆอย่าง ท่านบอกว่า มันมีผลน้อยมาก สิ่งที่มีผลที่สุดที่ทำให้คุณเป็นอย่างที่คุณเป็นในปัจจุบันนี้คือความคิดของตัวคุณเอง ถ้าแก้ตรงนี้คุณก็ทำลายโซ่ตรวนของกรรมได้ หลุดพ้นได้ นี่ต่างหากพุทธธรรม


    อีกเรื่องก็ไอ้การเน้นเอาพระมาเยอะๆๆมาปลุกพระพระจะได้ขลัง ไอ้พระที่สร้างด้วยวิธีนี้มันสมควรจักเผาทิ้งยิ่งนัก เพราะมันไม่ใช่พระพุทธรูปแท้ มันไม่มีพุทธคุณอะไรทั้งนั้น มันสูญเสียความหมายที่แท้ไป น่าเศร้านัก ถึงเอ็งจะสร้างได้งามกว่าพระสุโขทัย อยุธยา ต้นรัตนโกสินทร์ก็ตามที มันก็แค่เทคนิคทางช่างทางเทคโนโลยีมันดีกว่าสมัยโบราณเท่านั้น แต่มันจะมีความหมายอะไรล่ะถ้าหัวใจ ศรัทธา คุณความดีทั้งหมดไม่ได้ใส่ลงไปด้วย มันจักศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไรพระแบบนี้มันก็แค่ตุ๊กตาเท่านั้น ทุกครั้งที่ลุงเห็นพระพุทธรูปทำนองนี้ลุงจะรู้สึกไม่ดียิ่งนัก เพราะมันสัมผัสไม่ได้ถึงความรักความเคารพ ถึงหัวใจ ถึงความงาม ความดีความจริงเลย สิ่งนี้ต่างหากที่ปลุกพระได้ คือปลุกพระที่อยู่ในหัวใจเอ็ง(ความดี ความกรุณา สัจจะ ปัญญา อื่นๆ )นั้นแหละให้ตื่น ถ้าไม่เข้าใจตรงนี้มันก็น่าเศร้านะเด็กๆๆ ถ้าไม่เข้าใจตรงนี้เอ็งกราบพระล้านครั้งก็ไม่อาจจะเรียกได้ว่ากำลังกราบท่านในความหมายที่แท้จริง เมื่อเรากราบทั้งหมดทั้งปวงต้องอยู่ที่ตรงนั้น ความสำนึกในบาป ความละอาย ความยึดติดในตัวเองต้องวางลงไปพร้อมๆๆกันด้วย พร้อมทั้งความมีสติ ความดีงามความอะไรก็ตามมันต้องถูกปลุกขึ้นมาด้วยในการกราบแต่ล่ะครั้งนี้แลการกราบ

    ข้าพูดถึงตรงนี้ก็ไม่ได้มาเรื่องพระเกษมดอก ไอ้การพูดว่า พุทธกาลเขาไม่สร้าง ดังนั้นมันคือทองเหลือเผาทิ้งไปเลย นี่เรียกว่าไม่เข้าใจอุปายะของคนโบราณ ถ้าเขาเข้าใจเขาจะ ต้องพูดให้คนเข้าใจความหมายที่แท้ของการสร้างแล้วไปใช่ปัญญาตรองเอาเองว่าตัวเองจะสร้างจะกราบหรือไม่มันมีคุณและโทษอย่างไหน?มากกว่ากัน และ ต้องรู้จักสอนให้มองให้เห็นพระพุทธเจ้าที่ไปพ้นจากรูปลักษณ์ด้วย นี่จึ่งจะเป็นหน้าที่พระที่แท้ และสิ่งนี้แลที่ทำลายความงมงายได้อย่างแท้จริง พระพุทธรูปที่แท้มีจุดมุ่งหมายเดียว อันที่จริงมันก็มีหลายจุดมุ่งหมายนั้นแลเด็กๆๆ แต่ที่สำคัญที่สุดคือเรื่องนี้ คือมันถูกสร้างขึ้นเพื่อให้คนที่เห็นได้เกิดความสงบในใจ เกิดสมาธิ นี่คือเรื่องสำคัญเวลาเอ็งเข้าใกล้พระพุทธรูปของจริงเอ็งจะสัมผัสได้ถึงศรัทธาความรักของคนที่สร้าง และ ความสงบสุข สันติ และ อิสรภาพที่อยู่รอบๆๆๆองค์พระนั้นแหละคือจุดสำคัญ พระพุทธรูปที่งามที่สุดในโลกเกิดขึ้นเพราะเหตุนี้ไม่ใช่เพราะเป็น พระใหญ่ที่สุด เพราะแพง เพราะช่างเก่ง เพราะมีมหาปุริสลักษณะครบ เพราะมีเกจิเป็นล้านมีเทวดามาปลุก แต่เพราะท่านทำให้จิตที่เหมือนลิงนี่มันสงบลง มันว่างไม่ใช่วุ่น แลความเมตตากรุณา ความดีงาม ความอะไรก็ตามมันก็จะเกิดขึ้นมาในขณะนั้นเอง มันมาของมันเองอย่างเป็นธรรมชาติ นี้แลคือจุดมุ่งหมายล่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 กันยายน 2012
  15. ธรรมารมณ์

    ธรรมารมณ์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2012
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +6
    เวลาข้าพเจ้ากราบพระพุทธรูป หรือรูปภาพ ก็ไม่ได้คิดกว่ากราบดิน หินทราย นะ เหมือนรูปปั้นพระพุทธรูปเป็นตัวแทนระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย คิดถึงความเสียสละของพระองค์ ก็จะมีปิติ
    เพราะถ้าไม่เห็นพระพุทธรูปแล้วน้อมจิตไปนึกเอา ก็นึกไม่ออก ในกรณีของพระเกษม ก็นานาจิตตัง ท่านอาจรู้ระลึกถึงพระพุทธองค์ได้ ปฏิบัติได้ แต่จะหักดิบเอาแบบนั้น ก็อย่าลืมว่า บัวสี่เหล่าที่พระพุทธเจ้าสอน บุคคลมีบารมีมาไม่เท่ากัน
     
  16. xfiless

    xfiless สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +6
    ผมบอกได้เลย ชาตินี้มีท่านรูปเดียวที่กราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ

    ชอบมากเรื่อง พระรับเงิน มันจึงมีพวกมาหาเงินโดยเฉพาะ มันเลยเชื่อมโยงกันอย่างที่เห็นในตอนนี้ ปลุกเสกเข้าไป รุ่นรวย ใครรวย??? 55 :cool:
     
  17. Asvel

    Asvel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    224
    ค่าพลัง:
    +822
    มันสุดโต่งเกินไปนะ ท่านวิปัสสนาแล้วอารมณ์ท่านติดอยู่กับทิฏฐิวิบัติหรือเปล่า ?

    กลายเป็นเอาโลกุตตระธรรมน้อมเข้าหาใจตน ไม่ได้เอาใจน้อมเขาหาโลกุตตระธรรม แทนที่จะเห็นเป็นอนัตตาจริงๆแล้วอยู่กับสมมุติ กลายเป็นเอาใจไปถือมั่นกับตัวอนัตตา ว่าไม่ถูกแต่ประมาณว่าเอาอัตตาของตัวเองไปยึดมั่นในธรรมที่เป็นอนัตตาอีกทีเลยเกิดโทษ
    (ผมคงว่าได้ไม่ถูก เพราะผมไม่รู้ธรรมจริง อย่าว่าผมอวดรู้ว่ามั่วเลยนะครับ แค่พยายามเปรียบเทียบเฉยๆ)
    ผมอาจจะไม่ควรเอาธรรมชั้นสูงมาแสดงความคิดเห็นโดยที่ไม่รู้จริง แต่ว่า............

    ในสมัยอดีต ท้าวปรนิมมิตสวัสตีท่านละมิจฉาทิฏฐิได้แล้ว พระอุปคุตและพระอรหันต์ทั้งหลายขอให้ท่านเนรมิตกายเป็นพระพุทธเจ้าและเหล่าพระอัคครสาวกของท่านในสมัยที่ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ พอพระอุปคุตและพระอรหันต์ได้เห็นรูปเนรมิตนั้น ก็ได้เผลอยกมือกราบไหว้กันตามความเคยชิน จนท้าวประนิมมิตสวัตตีท่านสะดุ้ง จึงกลับคืนร่างเดิมแล้วท้วงว่า
    "ท่านทั้งหลายสัญญาแล้วว่าจะไม่ไหว้ผม แต่ทำไมมากราบไหว้เสียอย่างนี้"
    แต่พระอุปคุตและเหล่าพระอรหันต์ขีนาสพต่างก็ตอบว่า
    "เราไม่ได้ไหว้ท่าน แต่เรากราบไหว้องค์พระศาสดาคือสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างเช่นที่พระอระหันต์ขีนาสพในสมัยนั้นกระทำกัน"
    ท้าวปรนิมมิตสวัสตีท่านก็เข้าใจและได้กล่าวขอขมาแก่พระอรหันต์ขีนาสพทั้งหลาย เพราะเกรงว่าที่พระอรหันต์มากราบไหว้รูปเนรมิตตนจะเป็นบาปกรรม ซึ่งเหล่าพระอรหันต์ก็กล่าวสาธุว่าไม่ถือเป็นโทษ ไม่เป็นบาปเป็นกรรมต่อท่าน

    - เคยอ่านเรื่องหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง เล่าเรื่องที่ท่านไปพบอดีตพญามาราธิราช

    ฝากพิจารณา ว่าพระพุทธรูปนั้นเขากราบไหว้บูชาอย่างมีสัมมาทิฏฐิด้วยเหตุอะไรบ้าง
    แต่ก็อย่าไปตำหนิด่าท่านมากนะครับ พูดตามความเป็นจริงที่เราเห็นว่าไม่ถูกต้องแต่ไม่ใส่อารมณ์ลงไปดีกว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กันยายน 2012
  18. ปาวา

    ปาวา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2012
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +5,946
    ..เดี๋ยวนี้น่ะพระเณรเดินขบวนก็มี ทำไปเหลวไหล ฉันอาหารในเวลาวิกาลก็มี จับเงินจับทองก็มี ต่อของซื้อขายก็มี พูดเกี้ยวสีกาก็มี เที่ยวเล่นตามถนนหนทางก็มี พวกนี้น่ะสิ มาย่ำยีพระศาสนา ทำศาสนาให้เสื่อม ไม่มีความสำรวมระวังศีลของตน ไม่ประพฤติปฏิบัติศีลของตน อุบาสกอุบาสิกาก็ไม่มีความเคารพในทานศีลภาวนาของตน นี่สิมันเสื่อม

    หากภิกษุสามเณรบวชเข้ามาแล้วก็เล่าเรียนศึกษา สำรวมสิกขาวินัยของตนเรียบร้อย รู้จักแล้วศีลของเราก็ ๒๒๗ เณรก็ศีล ๑๐ ข้อ งดเว้น เราสำรวจอย่างนี้ศาสนามันก็เจริญรุ่งเรืองนะ เดี๋ยวนี้มันไม่เป็นอย่างนั้นซี่ ศาสนามันเลยเสื่อมเสีย คนทั้งหลายจึงดูหมิ่นศาสนาดูถูกศาสนา เพราะเราไม่มีศีล ไม่มีสมาธิ ไม่มีปัญญา มีแต่ศีรษะโล้นกับผ้าเหลืองว่าเป็นพระเท่านั้น

    ข้อวัตรข้อปฏิบัติเป็นยังไง ดูซิ ท่านห้ามอะไรเราทั้งหลายก็ได้บวชแล้วได้ศึกษามาแล้ว พระพุทธเจ้าท่านได้สอนไว้ทุกสิ่งทุกอย่าง ศีล ๒๒๗ ให้งดเว้นท่านสอนไว้ นุ่งห่มท่านก็สอน นั่งนอน ท่านก็สอน เดินยืนท่านก็สอน ถ่ายอุจจาระปัสสาวะ บ้วนเขฬะท่านก็สอน พระพุทธเจ้า จนคำข้าวท่านก็สอน เอาข้าวเข้าปากท่านก็สอน นี่ ความละเอียดของท่าน ต้องการความสวยความงาม ความสำรวมระวัง นี่เป็นอย่างนี้”

    พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร
    วัดป่าอุดมสมพร สกลนคร
    แสดงธรรม ณ พระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ
     
  19. chinasungkia

    chinasungkia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +852
    ได้ดูคลิปที่มีเพื่อนในเว็บนี้เอามาโพสต์ให้ดูเกี่ยวกับเรื่องอวัยวะเพศ ก็เป็นอีกมุมนะครับที่หลายคนที่ศึกษาธรรมก็อาจจะเคยสงสัย ตัวผมเองก็สงสัย แต่เราจะกล้าไปถามพระเหรอครับเกี่ยวกับเรื่องเพศ ท่านได้หยิบยกขึ้นมากล่าวให้นักปฏิบัติได้ฟัง ได้ทราบกัน ก็ดีครับ ไขข้อข้องใจให้หลาย ๆ คน รวมทั้งผมด้วย และก็มีการอ้างอิงไว้ในตอนท้ายให้ด้วยครับ
     
  20. surer

    surer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,508
    ค่าพลัง:
    +1,317
    ช่ายครับ เพียงแค่การพูดของท่านอาจจะฮาตคอไปนิด
     

แชร์หน้านี้

Loading...