เพื่อการกุศล :::(เปิดจอง)ล็อกเกตพระแก้วมรกต"ภูริทัตตเถรานุสรณ์-สมเด็จองค์ปฐมอมฤตศุภมงคลญาณสังวร":::

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย dekdelta2, 13 พฤศจิกายน 2009.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. shinne

    shinne เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2009
    โพสต์:
    100
    ค่าพลัง:
    +612
    `เมื่อวานนี้ โอนเงินล็อกเก็ตพระแก้วฉากดำที่จองไว้เพิ่ม 2 องค์แล้วนะครับ
    จำนวน 2400 บาท
    แจ้งลงอีกทีครับ
     
  2. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    ตอนที่ 67 หลวงพ่อผอง วัดพรหมยาม

    [​IMG]
    จำได้ว่าตอนเด็กๆ ผมเคยซื้อหนังสือพระเครื่องมาอ่าน ในหนังสือเล่มนั้นมีเรื่องของ หลวงพ่อทบ ธมมปญโญ” หรือ “พระครูวิชิตพัชราจารย์” วัดพระพุทธบาทเขาน้อยชนแดน ซึ่งเป็นตอนที่ “ปลัดวิโรจน์ พรหมประเสริฐ” ปลัดอำเภอชนแดน ได้นั่งรถโดยสารประจำทางและประสบกับเหตุการณ์คนร้ายจำนวน ๙ คนร่วมกันปล้นผู้โดยสารที่นั่งมากับรถเมล์คันดังกล่าว
    ในเหตุการณ์มีการดวลปืนระหว่างโจรทั้ง ๙ คนกับปลัดอำเภอคนเดียวที่มีกระสุนปืนติดกระบอกปืนเพียง ๖ นัดเท่านั้น
    บทสรุปของเหตุการณ์ครั้งนั้นจบลงตรงที่ คนร้ายถูกยิงเสียชีวิตไป ๒ ราย บาดเจ็บ ๑ ราย ที่เหลือสามารถหลบหนีไปได้ ส่วนปลัดอำเภอใจเพชรถูกยิงแต่ไม่เข้าเป็นเพียงแค่ยางบอน นับบาดแผลได้รวมทั้งสิ้นกว่า ๕๐ แผล ซึ่งสิ่งที่ช่วยให้ปลัดอำเภอท่านนี้รอดชีวิตมาได้เกิดจาก คุณของบิดามารดาและบารมีจากคาถาของหลวงพ่อทบ ที่ได้ภาวนาไว้ในใจตลอดเวลาที่ต่อสู้กับคนร้าย
    [​IMG]
    ต้องยอมรับครับว่าเรื่องราวดังกล่าวทำให้ผมต้องเปลี่ยนใจจากการซื้อหนังสือฟุตบอลหันมาซื้อหนังสือพระเครื่องแทน ซึ่งเมื่อได้ติดตามอ่านต่อไปเรื่อยๆ จึงทราบว่าดวงตาของหลวงพ่อทบได้มืดสนิทลงในช่วงท้ายๆ ของชีวิตท่าน..
    หลวงพ่อเขียน ธมภรขิตโต วัดสำนักถ้ำขุนเณร จังหวัดพิจิตร สหธรรมิกองค์สำคัญของหลวงพ่อทบ ได้เคยทำนายไว้ว่า (ประมาณนี้)
    ต่อไปดวงตาของหลวงพ่อทบจะมองไม่เห็น
    ซึ่งหลวงพ่อทบได้กล่าวตอบหลวงพ่อเขียนว่า
    ถึงตาของท่านจะมองไม่เห็น แต่ท่านก็อายุยืนยาวนานกว่าหลวงพ่อเขียน
    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากวันที่หลวงพ่อทั้งสององค์นี้สนทนากันก็เป็นความจริง กล่าวคือหลวงพ่อทบ ท่านเริ่มมองไม่เห็นในช่วงอายุ ๘๓ ปี(พ.ศ.๒๕๐๗) ขณะที่เวลานั้นหลวงพ่อเขียนท่านอายุได้ ๑๐๘ ปี
    ในปีเดียวกันนั้นหลวงพ่อเขียนท่านก็ได้มรณภาพลงตามที่หลวงพ่อทบได้ทำนายเอาไว้(หลวงพ่อเขียนมรณภาพ ปี ๒๕๐๗ อายุ ๑๐๘ ปี) ส่วนหลวงพ่อทบได้มรณภาพถัดจากหลวงพ่อเขียนในอีก ๑๒ ปีต่อมา(พ.ศ.๒๕๑๙)
    [​IMG]
    หลังจากที่หลวงพ่อทบได้มรณภาพ สังขารของท่านไม่เน่าเปื่อยและแข็งคล้ายๆ หิน ตรงกับคำสั่งเสียสุดท้ายของท่านที่ว่า
    เมื่อท่านมรณภาพให้เก็บสังขารของท่านเอาไว้อย่าเผาเป็นอันขาด มิฉะนั้นโบสถ์ของวัดช้างเผือกก็จะสร้างไม่เสร็จ
    ปัจจุบันสังขารของหลวงพ่อทบถูกบรรจุไว้ในหีบแก้ว ณ มณฑปของวัดช้างเผือก ซึ่งเป็นวัดสุดท้ายที่หลวงพ่อทบได้เข้ามาบูรณะก่อนมรณภาพ
    เป็นความจริงครับที่ว่าความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อทบยังคงอยู่ เพราะทุกวันนี้ยังมีผู้คนที่รอดชีวิตจากวัตถุมงคลของท่านอยู่เสมอ หรืออีกหลายคนที่ประสบความสำเร็จจากการบนบานกับสังขารของท่าน หากมองกันด้วยตาเห็น บรรดาธูปเทียนและดอกไม้ที่วางสักการะหน้าหีบศพของท่านคงจะเป็นเครื่องบ่งชี้ศรัทธาของผู้คนได้อย่างชัดเจน
    [​IMG]
    เมื่อไม่นานมานี้ครับ เพื่อนของผมได้ส่งหนังสือประวัติของหลวงพ่อผอง ธัมมธีโร” หรือ “พระครูธีรพัชโรภาส” เจ้าอาวาส”วัดพรหมยาม” ตำบลสามแยก อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ มาให้อ่าน หลังจากที่ได้ส่งภาพถ่ายของท่านมาเรียกน้ำย่อยล่วงหน้าก่อนแล้วพักใหญ่
    จากที่ได้อ่านทำให้ผมทราบว่าในช่วงที่หลวงพ่อทบ มีชื่อเสียงโด่งดังและเป็นที่นับถือของคนทั่วไป หลวงพ่ออ้วน” หรือ “พระครูวิชาญพัชรกิจ” เจ้าอาวาสวัดสว่างเนตร(ในสมัยนั้น) ท่านก็มีชื่อเสียงไม่เบาเหมือนกัน โดยเฉพาะในเขต ดงขุย ท่าข้าม สากเหล็ก ทับคล้อ ตะพานหิน ฯลฯ ไม่มีใครที่ไม่รู้จักหลวงพ่ออ้วน ว่ากันว่าหลวงพ่ออ้วนองค์นี้เยี่ยมยุทธไม่น้อยไปกว่าหลวงพ่อทบทีเดียว
    แต่ก็น่าเสียดายครับที่ประวัติของหลวงพ่ออ้วนไม่ค่อยมีคนบันทึกเก็บเอาไว้นัก ทำให้เกิดการขาดตอนของเรื่องราวต่างๆ ที่น่าสนใจ คงทราบเพียงแต่ว่าหลวงพ่ออ้วนท่านเป็นพระที่เก่งและวัตถุมงคลของท่านมีประสบการณ์มากพอสมควร
    [​IMG]
    หลวงพ่อผอง ท่านมีชื่อเดิมว่า ผอง” นามสกุล “อินทรผล” เกิดเมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๔๖๗ ตรงกับวันเสาร์ ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๕ ปีชวด ที่บ้านหันน้อย ตำบลหนองมะเขือ อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น บิดาชื่อ “นายหลอด อินทรผล” มารดาชื่อ “นางบุญโฮม ผลโพธิ์” หลวงพ่อผองท่านเป็นบุตรชายคนโตและมีพี่น้องร่วม ๗ คนครับ
    บันทึกประวัติชีวิตในวัยเยาว์ของหลวงพ่อทำให้ทราบว่า หลวงพ่อผองท่านมีจิตใจที่ใฝ่ทางธรรมมาตั้งแต่เด็กแล้วครับ เพราะหลวงพ่อเป็นเด็กที่มีนิสัยโอบอ้อมอารี ขยันเรียนหนังสือ
    ถ้าเพื่อนๆ ยังจำกันได้จะพบว่าในปี พ.ศ. ๒๔๘๕ รัฐบาลไทยภายใต้การนำของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้ประกาศสงครามกับอังกฤษและสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการในสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งก็เป็นเวลาที่พอดีกับหลวงพ่อผองท่านเรียนจบชั้น ม.ศ.๓
    กล่าวกันว่าในยุคสมัยนั้น ใครเรียนจบได้ขนาดนี้ถือว่าเป็นผู้ที่มีความรู้สูง สามารถเข้ารับราชการได้อย่างสบายๆ แต่หลวงพ่อกลับไม่สนใจและเข้ารับการฝึกเป็นกองทหารอาสา ในปี พ.ศ.๒๔๘๘ แต่ยังไม่ทันได้ออกไปรบสงครามก็ยุติลงเสียก่อน ดังนั้นในปีต่อมาคือ พ.ศ.๒๔๘๙ ท่านจึงได้เข้าอุปสมบท
    หลวงพ่อผอง อุปสมบทเมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๔๘๙ ตรงกับวันจันทร์แรม ๘ ค่ำ เดือน ๔ ณ วัดศรีชมชื่น ตำบลบ้านเรือ อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น มีพระครูปฏิพัทธ์ธรรมคุณ เป็นพระอุปัชฌาย์
    ว่ากันว่าคนเรายิ่งรู้มากก็จะยิ่งเข้าใจและเห็นคุณค่าของความรู้
    ชีวิตในพระพุทธศาสนาของหลวงพ่อจึงเริ่มพรรษาแรกที่วัดโพธิ์ชัย ๑ พรรษา ตามด้วยวัดสระแก้วอีก ๑ พรรษาก่อนที่ท่านจะกราบลาพระอุปัชฌาย์ของท่านออกเดินธุดงค์ไปยังสถานที่ต่างๆ เพื่อเป็นการฝึกจิตปฏิบัติธรรมพร้อมกับแสวงหาครูบาอาจารย์ที่เก่งๆ เพื่อศึกษาทางด้านวิชาอาคม เส้นทางการเดินธุดงค์ของหลวงพ่อเริ่มจากภาคอีสาน ลงมายังภาคกลาง เช่น สระบุรี อยุธยา ชัยนาท ฯลฯ
    [​IMG]
    ในทางพระพุทธศาสนาเชื่อว่าคนเราเกิดมาและพบกันในชาตินี้ย่อมแสดงว่าชาติที่แล้วเคยพบกันและผูกพันกันมาก่อน ซึ่งเรื่องแบบนี้ถือเป็นเรื่องปกติในเชิงพุทธครับ เพราะหลังจากที่หลวงพ่อผองท่านตัดสินใจที่จะเดินธุดงค์ขึ้นไปทางภาคเหนือ ด้วยเหตุผลว่าทางภาคเหนือนั้นยังคงไว้ซึ่งธรรมชาติป่าเขาที่สงบเหมาะแก่การปฏิบัติธรรม
    ในระหว่างที่ท่านเดินธุดงค์ผ่านมาแวะพักที่ อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร ท่านได้รับการชักชวนจาก หลวงพ่ออ้วน” หรือ “พระครูวิชาญพัชรกิจ” วัดสว่างเนตร (สมัยนั้น) ให้มาอยู่ด้วยกัน เพื่อสร้างถาวรวัตถุและสอนหนังสือแก่พระภิกษุสามเณร
    ตลอดระยะเวลา ๑๐ กว่าปีที่อยู่ที่นี่ท่านได้สอนหนังสือและขอศึกษาวิชาอาคมต่างๆ จากหลวงพ่ออ้วนไปพอสมควร หลังจากนั้นท่านได้เดินทางมากราบและฝากตัวเป็นศิษย์”หลวงพ่อทบ”ที่วัดเขาน้อย (วัดพระพุทธบาทเขาน้อย)
    [​IMG]
    หลวงพ่อเล่าว่าหลวงพ่อทบเป็นพระที่ศักดิ์สิทธิ์และมีความขลังในคาถาอาคมเป็นอย่างมาก เช่นครั้งหนึ่งหลวงพ่อผองได้เดินทางไปบวชพระกับหลวงพ่อทบและพระลูกวัดที่อำเภอวังโป่ง สมัยนั้นอำเภอวังโป่งยังคงเป็นตำบลวังโป่งอยู่ เส้นทางคมนาคมกันดารและลำบากมาก การเดินทางจะต้องใช้เดินเท้าเข้าไปหรือไม่ก็ต้องอาศัยรถของพวกชักลากไม้ ด้วยความที่วังโป่งยังคงมีสภาพเป็นป่าดงดิบรกร้างแล้ว ป่าวังโป่งในสมัยนั้นยังอุดมและชุกชุมไปด้วยสัตว์ร้ายต่างๆ เช่น ช้าง เสือ หมี ฯลฯ
    หลังจากที่การบวชพระใหม่เสร็จสิ้นลง หลวงพ่อทบ หลวงพ่อผองและพระลูกวัดอีก ๓ รูป ได้เดินเท้ากลับออกมาจากตำบลวังโป่ง (ระยะทาง วังโป่ง-ชนแดน ประมาณ ๒๕ กิโลเมตร) พอเดินมาได้สักพักก็มีรถบรรทุกไม้วิ่งออกมาและได้วิ่งเลยพวกท่านไปจนลับตา
    หลวงพ่อเล่าว่าพอรถลับสายตาไปแล้ว หลวงพ่อทบท่านได้ออกมายืนกลางถนนแล้วยกมือทั้งสองข้างขึ้น ทำท่ากวักขึ้นลงช้าๆ สองสามครั้ง พร้อมกับบริกรรมคาถาไปด้วย ชั่วเวลาไม่กี่อึดใจรถบรรทุกไม้คันเดิมที่ได้วิ่งเลยไปจนลับสายตาก็วิ่งกลับมารับหลวงพ่อทบ หลวงพ่อผองพร้อมด้วยพระลูกวัดทั้งหมดขึ้นรถพามาส่งที่ชนแดน
    [​IMG]
    จะว่าไปแล้วในยุคสมัยนั้นหลวงพ่อทบท่านเป็นพระขวัญใจชาวบ้านจริงๆ ครับ เล่ากันว่าลูกหลานบ้านไหนหากจะบวชเป็นต้องมานิมนต์หลวงพ่อทบไปนั่งเป็นพระอุปัชฌาย์ นอกเหนือจากความศรัทธาที่ชาวบ้านมีต่อหลวงพ่อทบแล้ว เหตุผลสำคัญอีกประการหนึ่งคือโดยอุปนิสัยส่วนตัวแล้ว หลวงพ่อทบท่านเป็นพระใจดีมีเมตตา และเป็นพระอุปัชฌาย์ที่มุ่งเน้นการบวชกุลบุตร เพื่อสืบทอดอายุของพระพุทธศาสนาจริงๆ
    การบวชพระในสมัยก่อนลำบากมากครับ ซึ่งในประเด็นนี้หลวงพ่อผองได้เล่าว่า... เมื่อก่อนชาวบ้านที่อยู่ห่างไกลจากวัดเขาน้อย ประมาณว่าอยู่กันต่างบ้านต่างอำเภอออกไป เช่น ดงขุย ท่าข้าม นาเฉลียง ฯลฯ ที่มีความศรัทธาต่อหลวงพ่อทบและอยากจะให้หลวงพ่อทบไปบวชลูกบวชหลานของตัวเอง จะต้องนัดแนะวันบวชกับท่านให้ดี เพราะหลวงพ่อทบและพระคู่สวด (หลวงพ่อผองและพระอาจารย์เพ็ง) เมื่อจะเดินทางไปบวชพระแต่ละครั้ง จะต้องพักค้างคืนที่วัดในหมู่บ้านนั้นๆ
    เวลาจะบวชก็ต้องบวชกันทีละ ๒๐-๓๐ คน เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเที่ยวเสียเวลาในการเดินทางไป เพราะการเดินทางในสมัยนั้นลำบากมากๆ รถประจำทางจะมีแต่บริเวณถนนใหญ่ที่รถผ่านได้เท่านั้น ถ้าเป็นหมู่บ้านที่อยู่ลึกไปจากถนนใหญ่ จะต้องเดินด้วยเท้าเข้าไปอย่างเดียว ประกอบกับชาวบ้านแถบเพชรบูรณ์ทั่วไปในยุคนั้น (๒๔๙๒-๒๕๐๖) จะหาคนที่มีรถยนต์ส่วนตัวยากมากๆ คนที่จะมีรถส่วนตัวจะต้องเป็นคนที่มีฐานะมั่นคั่งจริงๆ เพราะรถยนต์ในสมัยนั้นราคาแพงมากๆ
    ความสัมพันธ์ระหว่างหลวงพ่อทบกับหลวงพ่อผอง ในฐานะพระอุปัชฌาย์กับพระคู่สวด ถือเป็นบทบาทสำคัญในกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาที่ดำเนินมายาวนานมากกว่าสิบปี ซึ่งตลอดระยะเวลาดังกล่าวเมื่อมีโอกาสที่อำนวย หลวงพ่อทบท่านก็จะเมตตาสอนวิชาความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับคาถาอาคมให้กับหลวงพ่อผอง โดยสอนควบคู่ไปกับลูกศิษย์ท่านอื่น เช่นพระอาจารย์เพ็ง ฯลฯ จนจบสิ้น (พระอาจารย์เพ็งเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อทบอีกรูปหนึ่งที่มีส่วนช่วยหลวงพ่อทบจารตะกรุด)
    [​IMG]
    หลวงพ่อเล่าว่า เคล็ดลับการปลุกเสกเครื่องรางของขลังให้เกิดความขลังและมีพุทธคุณที่หลวงพ่อทบได้สอนไว้คือ
    การจะปลุกเสกพระเครื่องและเครื่องรางของขลังให้ศักดิ์สิทธิ์ได้นั้น ใจจะต้องนิ่งสงบจากกิเลส จิตจะต้องแข็งได้ฌาน จะปลุกเสกอะไรสิ่งนั้นก็จะดีไปหมด
    ถ้าจะถามต่อว่าเคล็ดลับดังกล่าวทำแล้วมันจะขลังจริงหรือไม่ คำถามนี้ผมมีคำตอบเตรียมไว้ให้แล้วครับ
    เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๔๙ เวลาประมาณ ๑๙.๐๐ น. นายเทียนชัย สุทธิประภา บ้านอยู่ที่สามแยกวิเชียรบุรี มีอาชีพรับจ้างทำไก่ย่าง ช่วงหัวค่ำของวันนั้น นายเทียนชัย ได้ออกไปนั่งกินเหล้ากับบรรดาเพื่อนๆ ประมาณ ๔-๕ คน ที่ร้านอาหารในตลาดบ้านสาม แยกวิเชียรบุรี
    ช่วงเวลาที่เกิดเหตุนั้นนายเทียนชัยได้ลุกมานอนที่เปลที่แขวนไว้หน้าร้านอาหารใกล้ๆ กับวงเหล้าที่ตัวเองกินอยู่ โดยที่เพื่อนของนายเทียนชัยยังคงนั่งกินเหล้ากันอย่างสนุกสนานอยู่ที่โต๊ะ ในขณะนั้นได้มีวัยรุ่นคู่อริที่อยู่หมู่บ้านข้างๆ กัน ๒ คน ขับรถมอเตอร์ไซด์เข้ามาจอดระยะห่างประมาณ ๘ เมตร
    ทันใดนั้น ๑ ในวัยรุ่นได้ชักปืนลูกซองสั้นแบบไทยประดิษฐ์ขึ้นมาแล้วง้างนกสับยิงนายเทียนชัยที่นอนอยู่โดยไม่ทันระวังตัว เสียงดัง แชะ นายเทียนชัยพร้อมกับพวกได้หันไปมองตามเสียงที่ดังมา ก็เห็นวัยรุ่นคนเดิมยังคงง้างนกสับยิงปืนอีก ๑ ครั้ง แต่ครั้งนี้ปืนก็ยังคงดัง แชะ อยู่เหมือนเดิม
    วัยรุ่นคู่อริเมื่อเห็นว่ากลุ่มของนายเทียนชัยหันมาเห็นแล้วว่า ตนเองนั้นได้เข้ามาลอบยิงนายเทียนชัยที่เคยมีเรื่องกันมาก่อน จึงได้ง้างนกสับไกยิงไปอีกถึง ๒ ครั้งติดต่อกัน เสียงดัง แชะ แชะ ว่ากันว่าการยิงทั้ง ๔ ครั้งที่ลูกปืนด้าน วัยรุ่นคู่อริหวังยิงไปที่นายเทียนชัยแต่เพียงคนเดียวเพราะเคยมีเรื่องชกต่อยกันมาก่อน
    พอนายเทียนชัยและเพื่อนเห็นว่าคู่อริเอาปืนมาจ่อยิงตนเอง จึงได้วิ่งหนีเข้าไปในร้านอาหารและออกไปทางด้านหลังร้าน จังหวะนั้นวัยรุ่นคู่อริของนายเทียนชัยจึงได้สับไกยิงไปอีกครั้งที่โต๊ะอาหาร ที่ยังมีเพื่อนของนายเทียนชัยนั่งอยู่
    ผลของการยิงในครั้งนี้ปรากฏว่าปืนได้ยิงออกและลูกปืนได้ถูกเพื่อนของนายเทียนชัย ที่ยังคงนั่งอยู่โดยคิดว่าตัวเองนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคู่อริจึงไม่ได้วิ่งหนีตามนายเทียนชัยไป
    เหตุการณ์ระทึกขวัญจึงจบลงตรงที่เพื่อนของนายเทียนชัยที่นั่งอยู่ได้รับบาดเจ็บ โดยโดนยิงเข้าที่ต้นขา ท่อนแขนขวาและบริเวณหลัง ซึ่งในวันที่เกิดเหตุนายเทียนชัย สุทธิประภา ได้ห้อยเหรียญรุ่น ๒ ปี ๒๕๓๖ ของหลวงพ่อผอง วัดพรหมยามอยู่เพียงเหรียญเดียว
    [​IMG]
    ซึ่งกรณีของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้บันทึกได้ตั้งขอสันนิษฐานที่น่าคิดไว้ว่า เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจเหมือนกันที่ปืนลูกซองสั้นใส่ลูกครั้งเดียว พอยิงแล้วจึงหักลำกล้องคัดปลอกลูกปืนออก การยิงแล้วแต่ลูกปืนด้านถ้าเป็นการด้านเพียงครั้งเดียวก็พอจะเป็นไปได้
    แต่นี่วัยรุ่นที่ก่อเหตุยิงนายเทียนชัย ได้ง้างนกสับยิงลูกปืนลูกเดียวถึง ๔ ครั้งแต่ลูกปืนก็ยังคงยิงไม่ออก แต่พอจังหวะที่นายเทียนชัย (แขวนเหรียญหลวงพ่อผอง รุ่นที่ ๒) ได้วิ่งหนีไปเหลือแต่เพื่อนที่นั่งอยู่ การยิงครั้งนี้จึงสามารถยิงออกและไปโดนเพื่อนของนายเทียนชัยที่นั่งอยู่จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด...
    ครับ เรื่องนี้คือหนึ่งในหลายๆ ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้ที่มีวัตถุมงคลของท่านติดตัว การเสกพระจนมีความชัดเจนในพุทธคุณ สามารถวัดกันเป็นรูปธรรมได้จากเรื่องเบาๆ ประเภทว่า โดนยิงแต่ไม่ออก หรือถ้าชอบแบบหนักๆ ประเภทฟ้าผ่าไม่เป็นอะไรก็ยังเคยมีคนประสบ
    กรณีประสบการณ์ในเรื่องดังกล่าวเคยมีคนไปถามหลวงพ่อผองว่า ทำไมพระของท่านจึงมีประสบการณ์ดี หลวงพ่อผองท่านจะหัวเราะชอบใจแล้วก็จะบอกทุกครั้งว่า
    [​IMG]
    คนเขายังไม่ถึงที่ตายก็เลยไม่ตาย
    จะว่าไปแล้วในทุกวันนี้เราต้องยอมรับครับว่า วัตถุมงคลก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการเสริมสร้างคุณภาพของจิตใจ หลวงพ่อผองจัดว่าเป็นพระเกจิอาจารย์รุ่นใหญ่ที่ได้รับความเชื่อถือจากคนเพชรบูรณ์และผู้นิยมความขลังทั่วไปว่า เสกวัตถุมงคลได้อย่างมีคุณภาพ” ถึงท่านจะเคยสร้างวัตถุมงคลออกมาหลายแบบ เช่นพระเนื้อว่าน เหรียญ รูปหล่อ ฯลฯ แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของบรรดาลูกศิษย์
    โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าลำพังการเสกพระให้ขลังอย่างเดียว คงจะไม่สามารถมัดจิตใจให้คนศรัทธาท่านได้มากขนาดนี้ เพราะจากที่ศึกษาประวัติของท่านจะเห็นได้ว่า หลวงพ่อผอง ท่านเป็นนักปฏิบัติตัวยง การออกเดินธุดงค์ การเจริญสมาธิและบำเพ็ญเพียรภาวนาตามแนวทางที่ได้ร่ำเรียนมาจากหลวงพ่อทบ มีส่วนสำคัญที่ทำให้หลายต่อหลายคนเกิดความเลื่อมใสขึ้นกับตัวท่าน
    [​IMG]
    ปฏิเสธไม่ได้ครับว่า ปฏิปทา” ของท่านจัดว่าเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ ที่แสดงถึงที่มาของ “อำนาจแห่งความศรัทธาและการยอมรับ” ซึ่งโดดเด่นมากกว่าเรื่องของความขลังทีเดียว เช่น
    ประการแรก หลวงพ่อเป็นพระที่สมถะและไม่มีสมบัติส่วนตัว
    หลวงพ่อผอง ท่านเป็นพระที่มีตำแหน่งหน้าที่หลายอย่างครับ เช่น เจ้าคณะตำบล พระอุปัชฌาย์ฯลฯ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ท่านจะมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ถึงลูกศิษย์จะถวายปัจจัยให้ท่านมากเพียงใดก็ตาม ท่านจะนำออกมาสร้างวัดและบำเพ็ญทานบารมีจนหมดสิ้น
    ทุกวันนี้ท่านใช้ชีวิตอยู่อย่างสมถะ อยู่ในกุฏิเล็กๆ เหมือนพระลูกวัดทั่วไป ลูกศิษย์บางคนเคยถวายของให้ท่านใช้ก็มีคนมาลักขโมยไป แต่ท่านก็ไม่เสียดายกลับบอกว่า
    ช่างมันเถอะ หายแล้วก็หายไป
    ประการที่สอง หลวงพ่อเป็นพระที่พูดน้อยและวาจาศักดิ์สิทธิ์
    หลวงพ่อท่านเป็นพระที่พูดน้อยและจะพูดแต่คำสัตย์จริง ใครมาสนทนาด้วย ถามหนึ่งคำท่านก็จะตอบหนึ่งคำไม่ว่าจะสนิทแค่ไหน ซึ่งโดยส่วนมากแล้วท่านมักจะเป็นเพียงแต่ผู้รับฟัง การปฏิบัติในเรื่องนี้ของท่านเป็นไปอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกันไม่ว่าลูกศิษย์คนนั้นจะเป็นคนยากจนหรือร่ำรวยเงินทอง
    ประเด็นเด็ดคือถ้าท่านห้ามคนไหนไม่ให้ทำอะไรแต่คนๆ นั้นไม่เชื่อท่าน เป็นอันเสร็จทุกราย เรื่องนี้บรรดาลูกศิษย์ทุกคนทราบกันดีเพราะมีประสบการณ์ให้เห็นหลายรายแล้วครับ
    ประการที่สาม ท่านชอบบำเพ็ญทานบารมี
    หลวงพ่อได้ชื่อว่าเป็นพระที่ชอบบริจาคทานครับ ไม่ว่าลูกศิษย์หรือชาวบ้านไปขออะไรกับท่าน เมื่อท่านพิจารณาแล้วเห็นว่าของสิ่งนั้นไม่ใช่ของสงฆ์ ท่านก็จะสละให้หมดไม่เคยหวง
    เงินทองส่วนตัวของท่านก็ไม่มี ใครมาถวายปัจจัยท่านก็จะนำไปสร้างวัดจนหมด เด็กๆ ที่อยู่โรงเรียนบ้านพรหมยาม มักจะชอบวิ่งไปขอพระเครื่องบ้าง ขนมบ้าง ฯลฯ ท่านก็ให้หมดไม่เคยหวงหรือเสียดาย เลยครับ
    ประการที่สี่ ท่านมีความเพียรและอดทนสูง
    สมัยที่ท่านมาอยู่สร้างวัดพรหมยามใหม่ๆ ในช่วงกลางคืนท่านจะเดินจงกลมและไม่ยอมนอนจนกว่าการปฏิบัติธรรมจะก้าวหน้าเป็นที่พอใจ ท่านจึงจะยอมจำวัด มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านไปปลุกเสกวัตถุมงคลที่วัดอื่น ก่อนถึงวันงานท่านเป็นหวัดคันคอและไอตลอดเวลา ลูกศิษย์(ผู้บันทึก) ได้กราบเรียนถามท่านว่าจะไปไหวหรือเปล่า ท่านตอบว่า
    ไม่เป็นอะไร เขานิมนต์แล้วก็ต้องไปสงเคราะห์ศรัทธาของเขา
    พอถึงวันงานท่านก็ไปตามนิมนต์ทั้งๆ ที่ยังคงมีอาการไออยู่มาก เล่ากันว่าพอไปถึงวัดท่านก็เริ่มไอหนักขึ้นและหนักขึ้นทุกที แต่พอท่านถูกนิมนต์ขึ้นสู่ธรรมาสน์ปลุกเสกวัตถุมงคล ท่านกับนั่งบริกรรมนิ่งและไม่ไอเลยแม้แต่นิดเดียวเป็นเวลาเกือบสองชั่วโมง
    ประการที่ห้า ท่านจะไม่สร้างพระเครื่องโดยไม่มีวัตถุประสงค์ชัดเจน
    สำหรับปฏิปทาข้อนี้ ผู้บันทึกเขียนไว้ว่า เขาเองก็ไม่ทราบว่าหลวงพ่อผองท่านจะหยั่งรู้ด้วยวิธีการใด แต่ถ้าใครมาขอสร้างพระเครื่องของท่านโดยเจตนาไม่บริสุทธิ์ ท่านก็จะไม่อนุญาต หรือถ้าใครสร้างพระเครื่องมาโดยพลการไม่บอกท่านก่อน ท่านก็จะไม่เสกให้ ว่ากันว่าเคยมีคนลองหลายรายแล้วแต่ท่านก็ทราบได้หมด ซึ่งท่านได้ให้เหตุผลกับพวกเขาว่า
    ไม่ดีอย่าทำเลย พระเครื่องจะขลังมีพุทธคุณคุ้มครองผู้ใช้ได้เจตนาการสร้างต้องดี
    [​IMG]
    เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๓ ที่ผ่านมา
    ในทางไสยศาสตร์ถือว่าเป็นวันเสาร์ห้า
    เสาร์ห้าหมายถึงวันเสาร์ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕
    ว่ากันว่าเสาร์ห้าปีนี้ ดวงดาวบนท้องฟ้าโคจรในตำแหน่งที่สวยงาม โดยเฉพาะดาวจันทร์และดาวศุกร์ พระจันทร์เป็นดาวแห่งความมีเสน่ห์ เมตตามหานิยม พระศุกร์เป็นดาวแห่งความมั่งมีศรีสุข เชื่อกันว่าในลักษณะของการที่ดาวเรียงตัวกันแบบนี้ ๑๐๐ ปีจะมีเกิดขึ้นสักครั้งหนึ่ง
    ครูบาอาจารย์แต่อดีตนิยมใช้วันเสาร์ห้าในการปลุกเสกของและลงของกันเพราะถือว่าเป็นวันแข็งและแรงที่สุดในทางวิทยาคุณ มีผลให้ของที่เสกหรือของที่ลงในวันนี้มีพุทธคุณและอานุภาพอย่างเอกอุ
    เรื่องเหล่านี้เป็นเคล็ดอันมหัศจรรย์ เป็นศาสตร์อันศักดิ์สิทธิ์ของคนโบราณครับ ผู้ที่ศึกษาอย่างจริงจัง อย่างมีวิจารณญานแล้ว จึงสามารถใช้ประโยชน์จากปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้อย่างคุ้มค่า
    สำหรับวันเสาร์ห้าปีนี้คณะศิษย์ได้ขออนุญาตต่อท่าน เพื่อจัดสร้างวัตถุมงคลชุด ไตรบารมี” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำรายได้ไปหล่อรูปเหมือนขนาดเท่าองค์จริงของหลวงพ่อทบและหลวงพ่ออ้วน ผู้เป็นบูรพาจารย์ของหลวงพ่อผอง ประดิษฐาน ณ.วัดพรหมยาม เพื่อให้ประชาชนและบรรดาศิษยานุศิษย์ของหลวงพ่อทั้งสองได้กราบไหว้และรำลึกถึงคุณงามความดีของหลวงพ่อทบและหลวงพ่ออ้วนครับ
    ไตรบารมี” คือบารมีของหลวงพ่อทบ บารมีของหลวงพ่ออ้วนและบารมีของหลวงพ่อผอง
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    ว่ากันว่าถึงโลกเราจะหมุนอยู่ทุกวันแต่มันก็ยังหมุนรอบตัวเองครับ
    ถึงแม้ว่าหลวงพ่อทบ วัดพระพุทธบาทเขาน้อยชนแดนและหลวงพ่ออ้วน วัดดงขุย ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ของหลวงพ่อผองจะได้มรณภาพไปนานแล้ว แต่ความเชื่อ ความศรัทธาในหลวงพ่อทั้งสององค์นี้ยังคงมีมาอย่างต่อเนื่องจนมาถึงหลวงพ่อผอง ซึ่งท่านเองก็ได้เจริญรอยตามเส้นทางธรรมของครูบาอาจารย์มาตลอด
    การบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์และดำเนินแนวทางอย่างมั่นคงในกรอบพระวินัยตามหลักของพระพุทธศาสนานั้น ดูเหมือนจะง่ายๆ แต่ทำยาก ดูเหมือนจะยากแต่ถ้าหากตั้งใจปฏิบัติแล้วก็ง่าย
    ความเป็นผู้ที่รู้จักให้ ก่อให้เกิดความเสียสละ
    ความรู้จักเสียสละช่วยลดสภาวะของความโลภ
    ถ้า ความศรัทธา” จะวัดกันที่ “ความเป็นของจริง” แล้วละก็
    หลวงพ่อผอง ธมมธีโร นี่แหละครับคือ ของจริง” ที่สามารถพิสูจน์ถึงสัจธรรมตามนัยนั้นได้
    สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจวัตถุมงคลชุดนี้ก็คงต้องตามล่ากันเอาเองครับ ไม่ต้องห่วงผม เพราะปฏิปทาของผู้เสกบวกด้วยความขลังในรอบ ๑๐๐ ปี ได้จุดประกายให้ผมต้องล่วงหน้าไปก่อน ตั้งแต่อ่านหนังสือประวัติของหลวงพ่อผองจบลงแล้วครับ
    สวัสดีครับ
    [​IMG]
    ขอขอบคุณ เอกสารอ้างอิง หนังสือ เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำป่าสัก พระครูธีรพัชโรภาส (ผอง ธมมธีโร) วัดพรหมยาม ต.สามแยก อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์
    คุณนภดล ดวงฤดีสวัสดิ์ ที่ได้กรุณาสำหรับข้อมูลและหนังสือ รูปภาพจากเวปไซด์ คุณพรชนก สุขพงษ์ไทยสำหรับภาพถ่าย เพื่อนต่อกับคำแนะนำและคุณสมบูรณ์ ร้านนายฮ้อ สระบุรี สำหรับกำลังใจที่มีให้เสมอครับ

    คัดลอกมาจากบล็อคของคุณศิษย์กวง
     
  3. ttmmtt

    ttmmtt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    298
    ค่าพลัง:
    +836
    ผมจะโอนให้แล้ววันนี้(21:55 น.)แต่ทำการโอนผ่านตู้เอทีเอ็ม(ธ.กรุงไทย)ไม่ได้ ถ้ายังไงพรุ่งนี้ผมจะจัดการให้เรียบร้อยนะครับ ต้องขออภัยด้วยครับ
     
  4. teerins

    teerins เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +1,796
    83,5 teerins 1

    โอนเงินเข้าบัญชีแล้วนะครับ 1200.99 บาท
    ขอใบโมทนา, รายละเอียดแจ้งทาง pm นะครับ
     
  5. witham

    witham เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2008
    โพสต์:
    111
    ค่าพลัง:
    +922
    โอนไปแล้วนะครับวันนี้
    4800 บาทครับ
    สำหรับเดิมจองเพิ่มไว้สีเขียว 2 องค์
    และสำหรับสีขาว และ สีดำ เพิ่มอีก อย่างละหนึ่งองค์ครับ

    จะโพสสลิปทีหลังนะครับ
     
  6. maleena

    maleena เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +226
    ยังไม่ได้รับล็อกเกต

    ได้โอนเงินครบ 1200 บาท คุณสิสต์ชื่อmaleena ในใบรับแล้ว จนบัดนี้ยังไม่ได้รับล็อกเกตจากคุณเลย โปรดส่งด่วน
     
  7. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    ตกลงคุณ maleena จะให้ผมส่งก่อนคนอื่นใช่มั๊ยครับ? เพราะยังไม่มีใครได้รับเหมือนกัน ถ้ายืนยันให้ส่งก่อนก็จะส่งไปให้ แต่จะขาดพิธีสำคัญอีกหลายพิธี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ธันวาคม 2010
  8. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    ตอนที่ 68 ว่าด้วยเรื่องยันต์เกราะเพชร

    [​IMG]

    ยันต์เกราะเพชร เป็นชื่อของการนำคาถาสรรเสริญคุณพระพุทธเจ้ามาเขียนในลักษณะการลากยันต์แบบพิชัยสงคราม สำนักที่โด่งดังมี 2 สาย คือ

    หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค สายวิชาที่สืบทอดมายัง หลวงพ่อเชิญ วัดโคกทอง หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง หลวงพ่อฤาษีลิงขาว เป็นต้น

    หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า สายวิชาสืบทอดมายัง หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา หลวงพ่อบุญยัง วัดหนองน้อย หลวงพ่อมหาโพธิ์ วัดคลองมอญ เป็นต้น สายนี้จะเรียกว่า ยันต์ตาข่ายเพ็ชร

    ยันต์เกราะเพชรสายหลวงพ่อปานศึกษาจากตำราพระร่วง โดยตัดมาจากส่วนหนึ่งของธงมหาพิชัยสงคราม เป็นการนำเอาพุทธคุณบทต้นมาเขียนเป็น ตัวขอม อ่านตามขวางว่า

    อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา
    ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง
    ปิ สัม ระ โล ปุ สัต พุท
    โส มา ณะ กะ ริ ถา โธ
    ภะ สัม สัม วิ สะ เท ภะ
    คะ พุท ปัน ทู ทัม วะ คะ
    วา โธ โน อะ มะ มะ วา
    อะ วิ สุ นุต สา นุส ติ

    บางคนเรียกว่า คาถาอิติปิโสแปดทิศ เขียนแล้ว ชักสูตร จะออกมาเป็นยันต์เกราะเพชร

    วันเป่ายันต์ เป่าได้เฉพาะ วันเสาร์ห้า คือ ต้องตรงกับ วันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำ เดือนใดก็ได้ ผู้รับยันต์ต้องมี ธูปเทียน ๑ ชุด เป็นเครื่องบูชาพระ ถ้าเป็นหญิงมีครรภ์ ต้องจัดธูปเทียน เผื่อลูกในท้องอีก ๑ ชุด ธูปเทียนนี้ไม่ต้องจุด เมื่อเสร็จพิธีแล้ว นำกลับบ้านได้ ใช้สำหรับไล่ผีชะงัดนัก เอาธูปเทียนจี้เข้า

    การเป่ายันต์ไม่ได้เป่าทีละคน หากแต่เป่าทีละเต็มศาลา กี่หมื่นกี่แสนคนก็เป่าพร้อมกันทีเดียว "พระ" ท่านบอกว่า เป่าทีเดียวทั่วจักรวาล จะอยู่มุมไหนของโลกก็ตาม ถ้าตั้งใจรับด้วยความเคารพก็มีผลเช่นเดียวกับคนที่มาเข้าพิธีด้วยตัวเอง...

    การเป่า ยันต์เกราะเพชร เป็นการปลุกเสกวัตถุมงคลไปในตัวด้วย ใครมีวัตถุมงคล ไม่ว่าจะเป็นพระเครื่อง ผ้ายันต์ ตะกรุด หรือ เครื่องรางใด ๆ ก็ตาม เวลาเข้าพิธีให้วางไว้บนตักตัวเอง เสร็จพิธีเป่ายันต์ ก็นำไปใช้ได้เลย...

    การรักษายันต์เกราะเพชรให้อยู่กับตัว ผู้รับยันต์ไปต้องมีศีล ๕ บริสุทธิ์ หรืออย่างน้อย ต้องมีศีล ๒ ข้อ คือห้ามกินเหล้า และห้ามลักขโมย ตอนเช้าต้องสวดมนต์ไว้พระ นึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อาราธนาบารมีของท่าน ลงมาเป็นเกราะเพชรคลุมกายเรา ภาวนา "พุทโธ" ให้ใจสบาย แล้วกลืนน้ำลาย ๓ ครั้ง ถ้าทำแบบนี้ได้ทุกวัน อานุภาพของยันต์เกราะเพชร จะคุ้มครองรักษา ให้ท่านมีความปลอดภัยทุกประการ...

    ส่วนในสายหลวงปู่ศุข จะใช้ พระพุทธคาถา 56 บท สวดกำกับด้วยคาถาอิติปิโสรัตนมาลา แต่อย่างไรก็ตามพุทธคุณของยันต์เกราะเพชรทั้งสองสายใกล้เคียงกัน


    มีอานุภาพดังนี้คือ

    ๑. จะไม่ตายโหงอย่างเด็ดขาด
    ๒. จะไม่ตายด้วยพิษสัตว์ทุกชนิด
    ๓. ปลอดภัยจากไสยศาสตร์ทุกชนิด
    ๔. ไสยศาสตร์ทุกประเภท จะสะท้อนกลับไปเอง

    ยันต์เกราะเพชรอาจดัดแปลงมาเขียนผงรัตนมาลา หรือผงยันต์เกราะเพชร ทำตะกรุด ลงผ้ายันต์ หรือใช้เป่าก็ได้

    ผมรู้สึกปลื้มปิติที่สามารถรวบรวมผงยันต์เกราะเพชรของสำนักต่างๆ มาบรรจุในล็อกเกตรุ่นนี้ดังนี้

    1. ผงยันต์ตาข่ายเพ็ชร หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ได้รับจากหลวงพ่อสมชาย วัดหนองน้อย ตกทอดมาจากพระอธิการบุญยัง วัดหนองน้อย

    2. ผงยันต์เกราะเพชร หลวงพ่อปาน โสนันโท วัดบางนมโค ผสมกับกระเบื้องหลังคาโบสถ์ใช้ทำพระรุ่นหนึ่ง

    3. ผงยันต์เกราะเพชร พ่อท่านจัน วัดโคกสมานคุณ ศิษย์พ่อท่านปาน วัดโคกสมานคุณ ท่านเล่าว่า กว่าจะเขียนผงได้ 1 ก้อนเล็ก ใช้เวลาหลายชั่วโมงทีเดียว บางวันไม่ได้เลยถ้าไม่มีฤกษ์อำนวย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    ตอนที่ 69 แร่โรยหลังหลวงปู่ทวดสำคัญไฉน

    [​IMG]



    ส่วนผสมของเนื้อพระหลวงพ่อทวด ปี 2497

    ส่วนผสมของเนื้อพระหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ รุ่นแรก มีดังนี้
    ว่าน 108 ชนิด ปูนขาว กล้วยป่า ผงขี้ธูป คราบไคลที่สถูปเก่าบรรจุอัฐิหลวงพ่อทวดเหยียบ
    น้ำทะเลจืด (ซึ่งมีทั้งกรวด-ทรายเม็ดเล็กๆ และแผ่นเศษทองคำเปลวปะปนมาด้วย) แร่
    ดินกากยายักษ์ ดอกไม้แห้ง น้ำพุทธมนต์ อื่นๆ มวลสารในเนื้อพระหลวงปู่ทวดที่เราสามารถ
    มองเห็นด้วยแว่นขยาย พอสังเกตได้ดังนี้
    1. เม็ดแร่แวววาว หรือผงวิเศษ จะปรากฏอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะด้านหลังองค์พระจะพบมาก สีขาวคล้ายสีเงิน แต่มีประกายเมื่อกระทบแสง ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นแร่อะไร บางคนเข้าใจว่าเป็นขี้แร่เหล็กไหล บางคนบอกว่าเป็นขี้แร่ดีบุก
    2. เม็ดสีขาวขุ่น คือ เม็ดปูนขาว ที่ลอดรูตะแกรงลงไป
    3. เม็ดสีดำ คือ ดินกากยายักษ์ ที่ตำไม่ละเอียดมีทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก
    4. เม็ดสีขาวอมเหลือง คล้ายกรวดโรยหินขัด สีไม่ใสวาว สันนิษฐานว่าเป็นเนื้อในของเมล็ดกล้วยป่าที่ต้นตายพรายอยู่ตามป่าเขา ท่านอาจารย์ทิมต้องให้คนไปเที่ยวเดินหา เมื่อพบแล้วจึงจะไปขอพลีจากเจ้าของ เจ้าที่เจ้าทางก่อน กล้วยไม้ต้นตายพรายนี้แปลกอยู่อย่างหนึ่ง เมื่อผลสุกงอมแล้วไม่น่าที่จะรอดพ้นจากบรรดาสัตว์ป่า เช่น นกหรือลิง ฯลฯ ที่มีนิสัยชอบกินกล้วย แต่กล้วยต้นนี้ ก็รอดพ้นจากสัตว์ป่ารบกวน จึงถือว่าเป็นของอาถรรพณ์กายสิทธิ์
    5. เม็ดว่านสีน้ำตาล เมื่อใช้แว่นขยายส่องดูจะพบ ท่านผู้รู้ผู้สันทัดกรณีเกี่ยวกับเรื่องว่านเขาบอกว่าเป็น ว่านกริ่งดง คนทางภาคใต้เรียกว่า ว่านแซงแซว หัวว่านและลำต้นเมื่อโขลกตำเป็นชิ้นเล็กละเอียดจะมีเสี้ยนสีน้ำตาลเข้มมีสรรพคุณมีฤทธิ์ ในตัวเองตามธรรมชาติคล้ายแร่เหล็กไหล หรือไพรดำ เมื่อเข้าไปพบเข้า ก่อนจะขุดต้นหรือหัวมาใช้งาน ต้องทำพิธีว่าคาถาอาคมและขอพลีจากเจ้าที่เจ้าทางก่อน ,มิฉะนั้นจะไม่ประสบความสำเร็จ นำเอามาไม่ได้ จะเกิดเหตุวิบัติต่างๆนานา ซึ่งเป็นความเชื่อของคนเล่นว่านทางภาคใต้
    6. เม็ดทรายสีขาว พบน้อยมากแต่พอมีปรากฏให้เห็น สันนิษฐานว่า คงจะติดมากับฝุ่นผงขี้ธูป และคราบไคลจากสถูปเจดีย์ที่บรรจุอัฐิของหลวงพ่อทวด มวลสารในเนื้อพระหลวงพ่อทวดที่แลเห็นด้วยแว่นขยาย ความจริงยังมีอีกหลายอย่าง ทั้งนี้เป็นเพราะมีส่วนประกอบหลากหลายนั่นเอง ทั้งนี้ที่ยกตัวอย่างมา 6 ตัวอย่างนั้นจะเป็นส่วนที่มักจะปรากฏให้เห็นมากกว่า
    มวลสารอื่นๆ
    ลักษณะเนื้อและสีขององค์พระเนื้อพระหลวงพ่อทวดนั้นมีว่าน108 ชนิด เป็นส่วนผสมหลัก จึงได้เรียกขานกันว่า พระเนื้อว่าน ส่วนผสมอื่นๆเป็นลำดับรอง จะใส่แต่เพียงเล็กน้อย เพราะฉะนั้นพระที่มีส่วนผสมของว่านมาก เวลาแห้งแข็งตัว จะเหี่ยวย่นหดตัวมาก และมีน้ำหนักเบาพอตัวเป็นลักษณะทั่วไปของพระเนื้อว่าน ถ้าใส่ผงดินกากยายักษ์มากน้ำหนักจะหนักขึ้นการเหี่ยวย่นของ
    ผิวพระจะมีน้อยกว่าและสีของเนื้อพระจะแลเป็นสีดำมากกว่าเนื้อว่านที่มีปริมาณมากกว่า แต่ถ้าส่วนผสมใส่ปูนขาวมาก เนื้อพระจะออกไปในโทนสีเทาอ่อน ผิวพระจะเรียบทึบตัน เรียกว่าเนื้อปูนแก่ เนื้อพระของหลวงพ่อทวด จึงมีหลายลักษณะหลายสีหลายสูตร
    แต่ทุกสีทุกสูตร จะต้องมีสิ่งเหล่านี้เป็นหลักฐานให้เห็นอยู่ด้วยคือ
    1. ต้องมีมวลสารในเนื้อพระปรากฏอย่างน้อย 6 อย่างตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น
    2. เนื้อพระจะมีลักษณะแห้งตามกาลเวลาตามอายุของพระแลดูไม่สด เหมือนพระที่เพิ่งจะสร้างใหม่
    3. เนื้อพระจะแลดูมีความซึ้งแลเห็นส่วนผสมได้มาก
    4. ผิวพระจะต้องมีรอยย่นและดูแห้งๆตามธรรมชาติ และมียางว่านที่ผสมทำปฏิกิริยากับปูนเป็นไขสีขาวขุ่นหรือสีน้ำตาลอ่อนปูดขึ้นมาจากภายในเนื้อพระออกมาภายนอกคล้ายกับยางลูกมังคุด
    5. จะต้องมีฝ้าสีขาวหรือสีเทาหรือสีน้ำตาลอยู่ตามส่วนลึกขององค์พระลักษณะแห้งไม่เป็นประกายสะท้อนแสง

    ทั้งนี้เนื้อพระหลายลักษณะหลายสีดังกล่าวมา ทุกๆ เนื้อ จะมีสิ่งต่างๆ รวม 5ข้อข้างต้น ประกอบด้วย จึงจะถือได้ว่า เนื้อถูกต้อง และดูง่าย แต่ถ้าไม่มีอย่างที่ว่ามาข้างต้น แสดงว่าค่อนข้าง ดูยาก ส่วนจะลงความเห็นว่าเป็น ของแท้ของปลอม นั้นต้องดูที่พิมพ์และตำหนิก่อนว่าถูกต้องหรือไม่ ถ้าพิมพ์ถูกต้อง ตำหนิถูกต้อง เนื้อ-สีถูกต้องแสดงว่าเป็นของแท้
    อนึ่งขอให้ใช้หลักวิธีสังเกต 5ข้อข้างต้นในการช่วยวิเคราะห์บวกกับเนื้อและพิมพ์ควบคู่กัน มิฉะนั้นท่านอาจจะเจอแหกตาได้นะครับ
    คัดลอกจากหนังสือ อภิญญาฤทธิ์ จิตตานุภาพ หลวงปู่ทวด


    ผมได้แร่ที่ใช้ผสมสร้างหลวงพ่อทวด จากเจ้าอาวาสวัดหนึ่งทางใต้ ท่านไปช่วยพระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ กดพิมพ์หลวงปู่ทวดตั้งแต่ปี 2505 และได้ขอผงแร่นี้มาบางส่วน แร่ผ่านพิธีกรรมมากมายตั้งแต่การปลุกเสกปี 2497 2502-2505 มีญาณบารมีหลวงปู่ททวดเต็มๆ

    อันนี้ขอโรยหลังเฉพาะฉากทองกรรมการนะครับ ได้มาน้อยไม่พอ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    ลงมวลสารอีกนิดหน่อยนะครับ ลงเป็นแร่กายสิทธิ์สำหรับคนที่ชอบ ยังไม่หมดเลย

    1. เพชรหน้าทั่ง แร่กายสิทธิ์ที่ตามตำราว่ากันว่าอานุภาพรองจากเหล็กไหล

    2. ขนมโคคนธรรพ์ ถ้ำเจ้าพ่อขาว วังหอน จ.นครศรีธรรมราช ส่วนผสมหนึ่งที่สำคัญในการจัดสร้างพระหลวงปู่ทวดของภาคใต้

    3. เหล็กไหลน้ำ

    4. แร่เขาอึมครึม แบบวาวเป็น 7 สีเลย บางคนเรียกเหล็กไหลลาวก็มี

    วันหลังจะลงของกายสิทธิ์ตัวพ่อ อย่าง งาช้างดำ เป็นต้น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    มีเครื่องรางโบราณให้ดู อันนี้เป็นเครื่องรางดินเผาที่ไว้ร้อยลูกปัดห้อยคอ เชื่อว่าเอาไว้กันภัยจากสัตว์ร้ายเวลาล่าสัตว์ เป็นอารยธรรมบ้างเชียง

    บดผสมเป็นมวลสาร
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC01777.JPG
      DSC01777.JPG
      ขนาดไฟล์:
      93.5 KB
      เปิดดู:
      100
    • DSC01778.JPG
      DSC01778.JPG
      ขนาดไฟล์:
      71.1 KB
      เปิดดู:
      142
  12. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    บางคนถามว่าทำไมเสร็จนานจัง ลองท่านไปหามวลสาร ทำงานหาเงินเป็นงบประมาณจัดสร้าง และลองไปปลุกเสกเดี่ยวพระเกจิแค่ 10 องค์ดู ว่ามันต้องทุ่มเทอะไรขนาดไหน ถ้าสร้างแบบธรรมดาก็อย่าทำดีกว่า
     
  13. w.สุรพล

    w.สุรพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,216
    ค่าพลัง:
    +4,544
    จากความทุ่มเทอุตสาหะเพียรพยายามจัดทำสิ่งที่ดีที่สุดสิ่งหนึ่งของวัตถุอันเป็นมงคลให้กับพี่ๆน้องๆในสังคมพระเครื่องนี้
    ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อำนวยอวยพรให้คุณ dekdelta2 และครอบครัวมีความสุด สดชื่น สมหวังตลอดไปครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ธันวาคม 2010
  14. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    ขอบคุณครับ เกือบถอดใจไปหลายรอบแล้ว ก่อนมีนาคม นี้ได้องค์เด็ดๆมาอีกเพียบ รับรองไม่แพ้รุ่นเก่าๆ ส่วนใหญ่พุทธคุณเป็นแบบผู้ใหญ่ครับ คือให้เมื่อขอ ให้เมื่อศรัทธา ไม่ให้พร่ำเพรื่อ และมีพุทธคุณด้านก็ผลัดผ่อนกรรมด้วย ซึ่งพระเครื่องที่อธิษฐานจิตโดยพระอริยเจ้าที่ไม่เคยร่ำเรียนวิชาไสยศาสตร์มา จะโดดด่นทางด้านนี้มาก ต่างจากสายพรายที่แทบไม่มีอำนาจในการผ่อนกรรมหนักให้เป็นเบาเลย โดยเฉพาะอุปีฬกกรรม กับอุปฆาตกรรม

    อยาจะย้ำว่า การแขวนพระหลักๆคือ พุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ ไม่ใช่ว่า ร่ำรวย แก้อุปสรรคแทนเรา แบบนี้เป็นเรื่อง placebo effect และไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน

    วาระดิถีปีใหม่นี้ ขอบารมีคุณพระศรีรัตนตรัยเป็นที่สุด ตลอดจนอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ขอให้ทุกท่านและครอบครัวมีความสุข ความเจริญในหน้าที่การงาน ฐานะมั่นคงทางการเงิน มีปัญญามองเห็นลู่ทางสร้างฐานะให้มั่นคงต่อไป ขอให้พบกับสังคมที่ดี มีความยุติธรรม ไม่เจ็บป่วย ใครอยากเลิกบุหรี่ ดื่มสุราเป็นประจำ ก็ถือโอกาสปีใหม่นี้ก็ดีนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ธันวาคม 2010
  15. krit_eng99

    krit_eng99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    791
    ค่าพลัง:
    +2,228
    เนื่องจากมีผู้ที่ต้องการล็อกเกตสีเขียวหลายท่าน และแต่ละท่านก็โพสไว้ในที่ต่างๆ หลายที่ และยังมีทาง PM อีกด้วย
    ทางคณะผู้จัดทำจึงขอจัดลำดับผู้ที่ต้องการจอง โดยใช้สิทธิ์ผู้ที่จองแล้วไม่โอนเงินภายในวันที่ 31 ธ.ค. นี้
    โดยเริ่มต้นจากกระทู้สุดท้ายที่ผมโพส (#778 หน้า 39) เรียงลำดับตามเวลาในข้อความและPM


    1.SIR2010 1 องค์ ได้สิทธิ์ของคุณ romeo2003_61 1องค์ โอนแล้ว 809,41 30-12-2010, 01:38 PM
    2.คชบุตร 1 องค์ ได้สิทธิ์ของคุณ winwinwin 1องค์
    3.Shinray01 2 องค์

    อนุโมทนากับทุกท่านครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    อัพเดทอีกที
    อันนี้เป็นมวลสารโรยด้านหลังเฉพาะฉากสีขาวนะครับ

    คือ ผงตะไบชนวนพระพุทธชินราชอินโดจีนปี 2485 รวมกับผงตะไบชนวนพระกริ่งวัดสุทัศน์ที่ควบคุมหล่อโดยพระอาจารย์ไสว สุมโน เพิ่งได้มาวันนี้ ไปขอมาจากกุฏิเก่าของพระอาจารย์ที่วัดเลา ใครๆก็รู้ว่าพระอ.ชาญญรงค์ เป็นศิษย์เอก คุยเกือบ 1 ชม ยังได้มานิดเดียวเอง (จะเห็นว่าลำบากในการทำขนาดไหนเวลาไปขอมวลสารจากคนอื่น เพราะฉะนั้นขอมวลสารผม ผมก็ให้ได้ไม่มากอย่าโกรธกันนะครับ ไม่มากก็ให้เป็นช้อนโต๊ะหัวเชื้อกันทั้งนั้น) ilustrated at figure 1

    อีกอันเป็นชนวนพระแก้วมรกตองค์ใหญ่ที่วัดป่าหนองหล่ม หลวงปู่หมุนท่านสร้างพระแก้วรุ่นนี้เชิญบารมีมาสูงมากๆอย่างที่รู้กัน คิดดูว่าองค์เล็กที่ท่านมีพลังสูงแล้ว องค์ใหญ่จะมีพลังแฝงสูงขนาดไหน ขนาดพระปิดตาที่ฝังชนวนนี้ยังราคาเป็นพันเลย พระอาจารย์จ่อย เมตตามอบให้
    ilustrated at figure 2
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ธันวาคม 2010
  17. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    และวันนี้วันส่งท้ายปีเก่า โอกาสดีเอื้ออำนวย คุณอำพล เจน นักเขียนและนักสร้างพระชื่อดัง ที่มีความสามารถโดดเด่นในการแกะบล็อคได้เป็นเอกลักษณ์ ได้เมตตามอบมวลสารให้กับผม เพื่อจัดสร้างล็อกเกตพระแก้วมรกตให้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้นไป

    มวลสารที่มอบให้เป็นชุดเดียวกับที่นำไปจัดสร้างอุดพระกริ่ง 19 จังหวัด ดังนี้

    [​IMG]

    [​IMG]

    ผงของคุณอาอำพลผ่านการอธิษฐานจิตร่วมกับพระกริ่ง 19 จังหวัดโดยมีพระคณาจารย์ผู้มีบารมีธรรมได้เมตตาอธิฐานจิตปลุกเสกเดี่ยวอาทิเช่น
    1.หลวงปู่คำแดง ฐานะทัตโต จ.อุบลราชธานี
    2.ญาท่านเกษม อตถทาโป จ.อุบลราชธานี
    3.หลวงปู่อ่อง ฐิตธัมโม (พระครูสถิตธรรมมงคล) จ.อุบลราชธานี
    4.หลวงปู่โทน จ.อุบลราชธานี
    5.หลวงปู่บุญหลาย จ.อำนาจเจริญ
    6.หลวงปู่แสง ญาณวโร จ.อำนาจเจริญ
    7.หลวงพ่อสุวรรณ (พระครูธรรมโชติรัตน์) จ.อำนาจเจริญ
    8.หลวงปู่อ้ม (ลป.นิพนธ์ สุเมโธ) จ.มหาสารคาม
    9.หลวงปู่สิงห์ คมภีโร (พระครูศิริสุวัฒน์ คมภีโร) จ.มหาสารคาม
    10.พระอาจารย์ธานินท์ อรตทโร (หลานหลวงปู่สิงห์) จ.มหาสารคาม
    11.หลวงปู่โส กัสโป จ.ขอนแก่น
    12.หลวงปู่บู๊ จ.ขอนแก่น
    13.หลวงปู่ทองหนัก จ.ชัยภูมิ
    14.หลวงปู่บุญมา จ.ชัยภูมิ
    15.หลวงปู่จื่อ (พระครูสุวิมลภาวนาคุณ) จ.ชัยภูมิ
    16.หลวงปู่หนูอินทร์ (พระราชศิลโสภิต) จ.กาฬสินธุ์
    17.หลวงปู่สมสิทธิ์ รกขิตสีโล (พระครูสีลสาราภรณ์) จ.ร้อยเอ็ด
    18.หลวงปู่จาม มหาปุญโญ จ.มุกดาหาร
    19.พระอาจารย์บุญอุ้ม อาภัสสโร (พระครูไพศาลธรรมมงคล) จ.นครพนม
    20.หลวงปู่เร็ว จ.อุบลราชธานี
    21.หลวงปู่บุญชู ฐิตคุโณ จ.อุบลราชธานี
    22.หลวงปู่คำบุ คตตจิตโต จ.อุบลราชธานี
    23.หลวงพ่อมหาประดิษฐ์ อุตตโม จ.อุบลราชธานี
    24.หลวงปู่เกลี้ยง เตชธมโม (พระครูโกวิทพัฒโนดม) จ.ศรีสะเกษ
    25.หลวงปู่หงส์ พรหมปัญโญ จ.สุรินทร์
    26.หลวงปู่เหลือง ฉันทาคะโม (พระราชปัญญาวิสารัท) จ.บุรีรัมย์
    27.หลวงปู่ผาด (พระครูวิบูลย์ ปัญญาวัฒน์) จ.บุรีรัมย์
    28.หลวงพ่อนิยม กมโร จ.นครราชสีมา
    29.หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ จ.นครราชสีมา
    30.หลวงพ่อเจริญ ฐานยุตโต (พระครูพิพัฒนวิทยาคม) จ.อุดรธานี
    31.หลวงปู่บุญเพ็ง เขมาภิรโต จ.หนองบัวลำภู
    32.หลวงปู่ต๋องอุตตธัมโม จ.หนองบัวลำภู
    33.หลวงปู่คำพอง ขันติโก จ.เลย
    34.หลวงปู่ขันตี ญาณวโร จ.เลย
    35.หลวงปู่ทองสา ฐิตเปโม จ.หนองคาย
    36.หลวงพ่อทองพูน สิริกาโม จ.หนองคาย
    37.พระอาจารย์สัมพันธ์ ปภัสสโร จ.สกลนคร
    38.หลวงปู่บุญหนา ธมมทินโน จ.สกลนคร
    39.หลวงปู่ห้วย (เจ้าคุณจรัส เขมจารี) จ.ศรีสะเกษ
    40.หลวงปู่บุญรอด (พระปู่บุญรอด) จ.อุบลราชธานี

    นี่ยังไม่นับต้นตอของผงที่อธิษฐานหลายตอ่หลายครั้ง ทั้ง หลวงปู่คำพันธ์ วัดธาตุมหาชัย หลวงปู่พรหมา เขมจาโร หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังวิเวการาม หลวงปู่กิ วัดป่าสนามชัย หลวงปู่บุญมี หลวงปู่ฤทธิ์ วัดชลประทานรังสฤษฎ์ และ สาธุใหญ่คำจันทร์ รวมถึงสังฆราชของประเทศลาวด้วย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ธันวาคม 2010
  18. หม่อง

    หม่อง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2007
    โพสต์:
    363
    ค่าพลัง:
    +943
    คงต้องขอสละสิทธิ์ล็อกเก็ตฉากสีเขียวที่จองไว้ครับเพราะการจัดสรรการเงินไม่ลงตัวจริงๆจนถึงวันนี้ครับ แต่ถ้าผู้สร้างจะกรุณาเลื่อนการโอนไปสักปลายเดือนมกราคมผมคงมีวาสนาไว้บูชาครับขอบพระคุณครับ
     
  19. witham

    witham เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2008
    โพสต์:
    111
    ค่าพลัง:
    +922
    Slip เงินเข้าบัญชีนะครับ

    สรุปยอดรวมทั้งหมดของผม

    กรรมการ 1 องค์
    สีเขียว 11 องค์
    สีขาว 1 องค์
    สีดำ 2 องค์

    ซึ่งได้โอนครบหมดแล้วนะครับ
    จะส่งรายละเอียดสำหรับอนุโมทนาบัตรไปภายหลังนะครับ ไม่ต้องรีบครับ

    อนุโมทนาบุญกับทุกท่านครับ

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • photo11.JPG
      photo11.JPG
      ขนาดไฟล์:
      36.9 KB
      เปิดดู:
      132
  20. ttmmtt

    ttmmtt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    298
    ค่าพลัง:
    +836
    ที่ผมว่าจะโอนวันนี้ ก็มีปัญหาเหมือนเดิมคือโอนไม่ได้(บัญชี ธ.กสิกรไทย) และผมได้โทรบอกปัญหาเรื่องนี้กับคุณสุรเชษฐ์แล้วครับ ว่าจะโอนเข้าอีกธนาคารหนึ่ง(ธ.ไทยพาณิชย์) ยังไงวันที่ 1 นี้ผมจะพยายามจัดการให้เสร็จเรื่องครับ หวังว่าคงไม่มีปัญหาอีกนะครับเพราะว่าผลัดมาหลายวันแล้วเกรงใจมากๆเลยครับ อย่าพึ่งตัดรายชื่อผมออกนะครับผม ขอบคุณครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...