เทวรูปกินคน

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย moonlight950, 18 มิถุนายน 2013.

  1. moonlight950

    moonlight950 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +30
    ก่อนอื่นเลยก็ขอ สวัสดี ท่านๆทั้งหลาย หลังจากที่ข้าพเจ้าแวะไปเวียนมา และได้อ่านบทความธรรมะ และได้นำเอาพระพุทธคาถาบางบทไปสวด ในทางพระพุทธคุณเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อจิตและสมาธิของข้าพเจ้า และเรื่องลี้ลับ ซึ่งข้าพเจ้าเองได้แวะเวียนเข้าไปอ่านบทความอยู่บ่อยครั้ง ในส่วนนี้ข้าพเจ้าก็ขออนุโมทนาในสิ่งที่เป็นประโยชน์เหล่านั้นด้วยคนเถิด จนทำให้ข้าพเจ้าคิดว่าไหนๆก็แวะเวียนมาอยู่บ่อยครั้ง จึงขอสมัครเป็นสมาชิกของพลังจิตซะเลยน่าจะดีกว่า จะได้แบ่งปันเรื่องราว เล่าขาน ในทางศิล ทางธรรม การดำเนินจิตสมาธิ ตามรอยพระพุทธองค์เจ้า รวมไปถึงเรื่องลี้ลับ กฏแห่งกรรม พระพุทธคาถา

    เอาหละทุกท่านในส่วนนี้ข้าพเจ้าขอเกริ่นไว้เพียงเท่านี้ก่อน เรื่องราวต่อจากนี้ซึ่งเป็นเรื่องราวของท่าน สุชาติ ซึ่งได้เล่าขานไว้ก่อนหน้านี้ข้าพเจ้าก็ขออนุโมทนาด้วย

    เรื่องราวมีอยู่ว่า...วันเดียวกับดวงอาทิตย์ยอแสงผ่านประตูครบ ๑๕ บานที่ประสาทเขาพนมรุ้ง พอตกดึกด้านนครวัดก็มีปรากฏการณ์‘ศิวะราตรี’ แต่น้อยคนที่รู้จัก...

    คืนนี้ชายพื้นบ้านอายุร่วม ๑๐๐ ปี ปรากฏตัวในปราสาทหินนครวัดที่เป็นสิ่งก่อสร้างยิ่งใหญ่ระดับโลก แกเดินลัดเลาะผ่านประตูหิน กระทั่งถึงห้องโถงแห่งหนึ่ง ที่ซ่อนตัวลึกเร้นจนนักท่องเที่ยวน้อยคนเข้ามาถึง และมีคนพื้นถิ่นแถวชายแดนกัมพูชาไม่กี่คนที่รู้จัก ผู้เฒ่าขแมร์มอง ดูเทวรูปองค์หนึ่งที่ยืนทะมึนอยู่เบื้องหน้า...

    แม้สายตาพร่าเลือนตามประสาคนอายุมาก แต่แกสัมผัสได้ถึงเทวลักษณะที่น่าสะพรึงกลัวของเทวรูปเบื้องหน้า แกพร่ำบ่นภาษาขแมร์ชั่วครู่ ก่อนล่วงด้ายวงกลมสีแดงขนาดนิ้วโป้งจากย่าม แล้วเดินไปคล้องคอเทวรูปเบื้องหน้า จากนั้นแกล่าถอยออกมาเร็วไว...

    บัดนี้ ดวงจันทร์ลอยถึงครึ่งฟ้าบ่งบอกเวลาเที่ยงคืน แล้วสิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น เมื่อแสงจันทร์แยงทะลุปล่องปราสาทเข้ามากระทบบริเวณศีรษะเทวรูป ฉับพลัน! หนังตารูปสลักที่เคยหลุบต่ำ กลับเบิกโพลงเหลือกถลนเกือบหลุดออกมานอกเบ้า!!!

    ๓ วันต่อมา หลังจากคืน‘ศิวะราตรี’ นักท่องเที่ยวหลายเชื้อชาติยังคงมาเยี่ยมชมนครวัดอย่างไม่ขาดสาย ตามช่องประตูภายในเทวาลัยมีคนจับกลุ่มฟังคำบรรยายจากไกด์อยู่หลายคณะ ด้านหนึ่งของนครวัด ‘วิชัย’ ชายหนุ่มวัย ๒๕ ปี จบด้านการถ่ายภาพหมาดๆจากมหาวิทยาลัยศิลปากร เขาเลือกงานอิสระ ตระเวนไปตามสถานที่ต่างๆ...

    เพื่อเขียนสารคดีป้อนนิตยสารหลายเล่ม เมื่อ ๓ วันก่อนเขาอยู่ที่ปราสาทเขาพนมรุ้ง เพื่อบันทึกภาพช่วงเวลาดวงอาทิตย์ยอดวงผ่านประตูหิน ๑๕ บาน จากนั้นนักเขียนหนุ่มก็ตั้งหน้ามาที่นี่ งานด้านศิลปะขอมโบราณนครวัด เป็นสิ่งก่อสร้างที่ชวนพิศวงอย่างยิ่งสำหรับวิชัย เขามักแวะเวียนมาศึกษาทัศนียภาพที่น่าตื่นเต้นนี้เสมอ เวลา นี้วิชัยคล้องกล้องไว้ที่คอ เดินหามุมมองใหม่ๆในสถานที่ลึกลับอันอดีตเหลือทิ้งไว้ให้ เขากดภาพเก็บไว้เรื่อยๆ เนื่องเพราะสถานที่เดียวกัน แต่เวลาต่างกันก็จะได้ภาพที่แปลกตาอยู่เสมอ และนักเขียนสารคดีฝึกหัดอย่างวิชัย ไม่ควรพลาดห้วงเวลานั้น ทุกครั้งวิชัยย่างกลายเข้ามาในเทวาลัยแห่งนี้...

    เขากลับรู้สึกเหมือนมีพลังลี้ลับบางอย่างซ่อนอยู่ภายในหินแต่ละก้อน และความซับซ้อนแต่ละประตู ทำให้หนุ่มนักเขียนขนลุกซู่เหมือนผ่านเข้าไปในภพแห่งอดีตกาล วิชัยนึกถึงตำนาน เกี่ยวกับนครวัดที่ว่า พระเจ้าสุริยวรมันที่ ๒ กษัตริย์แห่งเมืองพระนคร ทรงสร้างเทวาลัยแห่งนี้บูชาวิษณุเทพ ตามความเชื่อของลัทธิไวษณพนิกาย พระองค์ ทรงเริ่มสร้างตอนต้นราชกาล แต่ก็ไม่สำเร็จ...

    จนกระทั่งพระองค์สวรรคตในเวลาต่อมา และปัจจุบันมีหลักฐานจากนักโบราณคดีว่า ท่านทรงสร้างรูปสลักวิษณุเทพเป็นประธานภายในประสาทหินนครวัด แต่ไม่มีใครเคยพบเทวรูปที่ว่านี้!!!

    วิชัยเดินวนขวาตามความเชื่อ เพื่อซึมซับความพิศวงไปเรื่อยๆ พร้อมกับหามุมมองที่ต้องการนำเสนอ เขานึกถึงข้อสรุปของเหล่านักโบราณคดีที่ว่า เทวาลัยแห่งนี้เป็นทั้งศาสนสถาน และพระราชสุสาน ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นประสาทแห่งเดียวในเมืองพระนครที่สร้างบูชาวิษณุเทพ วิชัยรู้มาว่ามีคนบางกลุ่มพยายามศึกษามิติของนครวัด เพื่อเป็นกุญแจไขรหัสเข้าถึงรูปสลักวิษณุเทพ แต่ไม่มีใครเคยทำสำเร็จ ส่วน นักอ่านจารึกได้พบข้อความหนึ่งเป็นอักขระที่ใช้ในสมัย พระเจ้าสุริยวรมันที่ ๒ มีวรรคหนึ่งอ่านได้ความว่า ‘…แค่ยืนอยู่ทิศแห่งความตายด้านประตูตะวันตก ก็จะเห็นดวงอาทิตย์ลอยอยู่เหนือองค์วิษณุเทพแห่งนครวัด’

    วิชัยเดินเข้ามาถึงระเบียงชั้นที่ ๒ เขาหยุดอยู่กับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่กำลังยืนฟังคำบรรยายของ ไกด์ที่มีหน้าตาเหมือนคนไทย เบื้องหน้าเป็นภาพสลักนูนต่ำบอกเล่าถึงขบวนศพ “สิ่ง ที่เราเห็นอยู่นี้มิใช่เป็นทิศทางของอาคารซึ่งส่อไปในทางพิธีศพ” เสียงไกด์บรรยายเป็นภาษาอังกฤษ “แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการจัดและวางผังทางสถาปัตยกรรมที่เป็นที่ทราบกันดี ว่า ไม่สามารถหมายถึงสิ่งใดได้ นอกจากเทวสถาน ถ้าหากเรานึกถึงคำว่าเทวสถานเช่นเดียวกับที่ข้าพเจ้าคิดคือ ไม่ใช่เป็นสถานที่สำหรับนมัสการ แต่เป็นที่ประทับสำหรับพระเจ้า การปฏิเสธการเรียกนครวัดเช่นนี้ ก็คือการปฏิเสธหลักฐานนั่นเอง...

    ข้าพเจ้ายอมรับว่า การที่โบราณสถานแห่งนี้เป็นที่บรรจุอัฐิและอังคารของกษัตริย์ ย่อมเป็นข้ออธิบายว่าเหตุใดโบราณนี้จึงหันหน้าไปทางทิศตะวันตก แต่ข้าพเจ้าปฏิเสธที่จะเชื่อว่า นครวัดเป็นเพียงสุสานแห่งหนึ่ง เหมือนฮวงซุ้ยของชาวจีน นครวัดจะเป็นสุสานก็เฉพาะในแง่ที่เป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์หลังเสด็จ สวรรคตแล้ว แต่เนื่องจากกษัตริย์เขมรจะเสด็จสู่สวรรค์ เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้จึงเป็นที่อยู่ของกษัตริย์เขมรในรูปของพระราชวังบนสวรรค์ ซึ่งตรงศูนย์กลางของพระราชวังจะประดิษฐานเทวรูปซึ่งเป็นรูปของกษัตริย์เอง...

    ซึ่งถูกถือว่าคือเทวรูปองค์นั้น” วิชัยยืนฟังครู่หนึ่ง ก็พอรู้ว่าไกด์ดังกล่าวพูดเหมือนศาสตราจารย์ยอร์ช เซเดส์ ว่าไว้ในหนังสืออย่างไม่มีไม่เพี้ยน เขาเดาได้ไม่ยากต่อไปไกด์คนเดิมต้องอ้างถึงบันทึกของ จู ต้า กวน นักเดินทางชาวจีน ที่บอกว่า “…ผู้ปกครองจะถูกบรรจุอยู่ในปราสาทแห่งนี้ แต่ไม่แน่ใจว่าเขาฝังพระบรมศพ หรือฝังเฉพาะพระบรมอัฐิกันแน่” วิชัยนึกตำหนิไกด์ที่ไม่มีจิตวิญญาณของการเรียนรู้ แค่ท่องจำเหมือนนกแก้วนกขุนทองก็เป็นมัคคุเทศก์ได้อย่างง่ายดาย นักเขียนหนุ่มทิ้งกลุ่มคนไว้เบื้องหลัง...

    ก่อนเดินผ่านประตูเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง ต่อมาวิชัยเดินผ่านประตูอีกหลายบาน กระทั่งเข้ามาปรากฏตัวในระเบียงชั้นลึกสุดของนครวัด ฉับพลัน! อยู่ๆเมฆก้อนหนึ่งก็เคลื่อนตัวบดบังดวงอาทิตย์เหมือนเกิดอาเพศ ทำให้ไม่มีแสงเล็ดลอดเข้ามาตามช่องหิน บริเวณรอบตัววิชัยเลยมัวซัวหมดทุกด้าน “มันเกิดอะไรขึ้นละนี่” วิชัยพูด และตัวเองเท่านั้นที่ได้ยิน!!!

    เพราะมีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่หลุดเข้ามาถึงห้องนี้ วิชัยพยายามหยี่ตาเพื่อปรับการมองให้ชินกับความมืด พร้อมก้าวขาสะเปะสะปะ เขารับรู้ว่าตัวเองผ่านช่องประตูหลายบาน แต่บอกทิศทางไม่ได้เพราะรอบตัวมืดสนิทเหมือนตาบอด ในที่สุดแสงสว่างก็กลับมาเหมือนเดิม วิชัยเหมือนหลับแล้วตื่น เขาพบตัวเองยืนอยู่ในสถานที่ไม่คุ้นตา แม้เคยสำรวจทุกซอกมุมของนครวัดนับครั้งไม่ถ้วน...

    แต่เวลานี้วิชัยเหมือนไม่ได้ยืนอยู่ภายในปราสาทหินนครวัด “เอ เราอยู่ที่ไหนนะนี่” วิชัยส่ายตารอบตัว เห็นผนังหินสลักภาพนูนต่ำผิดเพี้ยนจากที่เคยเห็น แต่กลับงดงามอลังการและมหัศจรรย์ จนนักเขียนสารคดีตะลึง และบางภาพสลักเหมือนลอยออกมาจากฝาหิน ทำให้นางอัปสรบางองค์เหมือนมีชีวิต กำลังร่ายรำอยู่รอบตัวเขาอะไรอย่างนั้น ทันทีสายตาวิชัยสะดุดเทวรูป ตั้งตระหง่านอยู่ผนังหินด้านหนึ่ง ขนทั่วร่างก็ลุกซู่เหมือนน้ำเย็นรดต้นคอ รูปสลักที่ว่านั้นเป็นเหมือนศิลปะขอมทั่วไป รูปร่างและความสูงประมาณคนพื้นเมืองแถวชายแดน แต่ศีรษะเป็นแพะ!!!

    แม้ หนุ่มนักเขียนเคยเห็นศิลปะขอมสลักเป็นรูปสัตว์มาแล้วหลายร้อยชิ้น แต่เทวรูปเบื้องหน้าสร้างความตื่นตาให้เขายิ่งนัก เวลานี้วิชัยนึกไปถึงเทวรูปที่พระสูรยวรมันที่ ๒ ทรงสร้างเป็นประธานประจำนครวัด วิชัยไม่สนใจสิ่งแวดล้อม ที่ขณะนี้กำลังคลอด้วยแว่วเสียงขับร้องเป็นภาษาที่ไม่คุ้นหู นักเขียนหนุ่มรีบเล็งกล้องกดภาพเทวรูปเบื้องหน้า พร้อมขยับตัวเพื่อสร้างมิติให้ได้มุมมองดังใจคิด...

    ในสมองของวิชัยอัดแน่นด้วยความตื่นเต้น ที่เขาค้นพบศิลปะขอมอันยิ่งใหญ่ หาก ภาพเหล่านี้เผยแพร่ออกไปสู่สาธารณชน ต้องส่งให้เขามีชื่อเสียงระดับโลกทีเดียว นึกถึงเงินก้อนโตที่ต้องได้เมื่อขายลิขสิทธิ์ วิชัยถึงกับขนลุกซู่ด้วยความสำราญใจ วิชัยกดภาพไม่ยั้งมืออยู่พัก หนึ่ง กระทั่งกล้องส่งสัญญาณฟ้องว่าหน่วยความจำถูกใช้หมดแล้ว เขากำลังจะเปลี่ยนแผ่นใหม่เข้าไปแทนที่ แต่นักเขียนหนุ่มสัมผัสได้ถึงความผิดปกติที่กำลังเกิดขึ้น ฉับพลันทันใดนั้น!!!

    วิชัยถึงกับเบิกตาอ้าปากหวอ ตะลึงจนแผ่นความจำของกล้องหล่นมืออย่างไม่รู้สำนึก เมื่อสายตาของเขาจ๊ะเอ๋เทวรูปหัวแพะ ที่เวลานี้มันกำลังเคลื่อนไหวเข้าหาเขาด้วยท่วงท่าประสงค์ร้าย โชคดีสติของวิชัยยังไม่กลับเข้าร่าง ขณะเทวรูปหัวแพะกลืนเขาเข้าไปในท้อง ไม่เช่นนั้นนักเขียนหนุ่มคงเจ็บปวดสุดประมาณ และหากตอนวิชัยผลัดหลงเข้ามาใหม่ๆ สังเกตพื้นบริเวณฝาด้านหนึ่ง...

    ก็จะเห็นกล้องทิ้งเกลื่อนกลาดอยู่หลายตัว และในตอนนี้ก็มีกล้องของเขารวมอยู่ด้วยอีกหนึ่งตัว....

    เรื่องราวที่ข้าพเจ้าได้เล่า ก็ขอจบเพียงเท่านี้
    ข้าพเจ้าก็เป็นคนหนึ่งที่เชื่อในเรื่องลี้ลับ...และข้าพเจ้าพึงจำไว้เสมอว่าสิ่งที่ไม่เห็นตัวตนมักจะเป็นประโยชน์หรืออันตราย กว่าสิ่งที่มีตัวตนอยู่มหาศาล...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    .. ถือว่าเป็นเรื่องที่อ่านสนุกดีคะ ... แต่ถ้าเทวรูปคนหัวแพะในตำนานเทพฮินดูนะคะ คือ พระมหาปชาบดี ผู้กำเนิดมาจากนิ้วเท้าของพระพรหมตอนกำเนิดจักวาล เป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกสมัยนั้น แลยังเป็นพระบิดาของพระนางสตี หรือ ชาติแรกของการเป็นมนุษย์ของพระแม่อุมา .. แลยังเป็นผู้ที่ " รังเกียจพระศิวเทพ " ยิ่งกว่าผู้ใดในสามโลก แถมเป็นคนที่ทำร้ายลูกจิตใจลูกสาวที่ตนเองรักจนพระนางต้องทำ " พิธีสตี " หรือ บูชาไฟด้วยชีวิตของตนเอง จนตัวเองถูกตัดหัวด้วยสามง่ามของพระศิวะจนต่อไม่ติดต้องเอา " หัวแพะ " มาต่อแทน .. อันนี้ก็เล่าตามตำนานนะคะ
     
  3. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,612
    ค่าพลัง:
    +2,882
    อาจจะเป็นทวารบาลก็ได้ เฝ้าสถานที่
     
  4. Anti-God

    Anti-God เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +377
    เพิ่งเคยได้ยินเรื่องนี้
    เมื่อก่อนได้ยินแต่เรื่องเล่าที่ชื่อว่า พระพุทธรูปกินคน หรือพระกินเณร
     
  5. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,933
    ค่าพลัง:
    +43,536
    สรุปว่า วิชัย ถูกเทวรูปกินใช่ไหม...

    แล้วคนเล่าเรื่อง ไปรู้เรื่องนี้มาได้ยังไง ถ้าไม่เข้าไปร่วมรู้เห็นด้วย...???

    แล้วมีลิงค์ อ้างอิงหรือเปล่า...????
     
  6. moonlight950

    moonlight950 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +30
    มีคนถามถึงลิงค์อ้างอิง ข้าพเจ้านำมาจากที่นี่นะครับ

    เทวรูปกินคน
     
  7. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,933
    ค่าพลัง:
    +43,536
    เวลาตั้งกระทู้ แล้วนำบทความมาจากที่อื่น ควรอ้างอิงลิงค์ทุกครั้งนะ...
     
  8. Chakkrapong

    Chakkrapong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +213
    ผมก็เคยได้ยินมาเหมือนกันครับ เรื่องพระกินเณร คิดแล้วยังขนลุก
     
  9. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,933
    ค่าพลัง:
    +43,536
    อ้าว กดไม่เห็นด้วยอีกแล้ว...

    สิ่งที่บอกไป เป็นมารยาทการตั้งกระทู้นะ

    และเมื่อก่อนถ้าใครไม่ใส่ลิงค์ที่มาที่ไป ผู้ดูแลระบบสามารถให้ใบเหลืองได้นะ

    ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...