เตรียมตัวให้พร้อม...มันกำลังมา! แจ้งข่าวสารการชำระโลก

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย jityim, 23 เมษายน 2018.

  1. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ไม่มีใครปรารถนาเป็น "ผู้ป่วยจิตเวช" แต่ในโรงพยาบาลกลับ "แน่นเอียด" ไปหมด มันก็เหมือนกันแหละ
    +++ "คิดอย่างใด ก็ได้อย่างนั้น" ณ เวลาคิด "มันเตลิด มันเพลิน มันติด มันหลง" ณ ขณะนั้น ๆ เรียกว่า "กำลังอยู่ใน มโน" (หลงความคิด)

    +++ ณ ขณะ "มโน (คิดอย่างใด)" มันก็ "เห็น ไปตามมโน" มโน ใน 3 ภพ มันก็เห็น 3 ภพ มโนในธรรม มันก็เห็นตามธรรม+มโน

    +++ พระพุทธเจ้า "ไม่ได้สอน ให้ ตั้งมโนมั่น เตลิดธรรมเฉพาะหน้า" แต่พระพุทธองค์ทรงสอนให้ "ตั้งสติมั่น รู้ ธรรมเฉพาะหน้า"
    +++ "สัจจะ แห่งโลกและธรรม คือ โลกียะธรรม และโลกุตระธรรม" คือ "ออกจากความคิด เข้าสู่ ความจริง"

    +++ การ "รู้+เห็น (ญาณ+ทัศนะ)" ตามความเป็นจริง (สัจจธรรม) จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ "ความคิด (มโน) ถูก ดับ ไปแล้วโดยสิ้นเชื้อ ณ ขณะนั้น ๆ"

    +++ ก่อนที่คุณ jityim จะแสดงอะไรออกมา นั้น คุณ jityim "ดับตน" ได้แล้วหรือไม่ (ไม่ต้องตอบหรอกนะ ยังดับไม่ได้หรอก)

    +++ อาการที่คุณ jityim แสดงออกมานั้น เป็นอาการของการ "ตั้งมโนมั่น เตลิดธรรมเฉพาะหน้า" ชัดเจนมาก

    =====================================
    +++ วิปัสสนาญาณทัศนะ คือ "อาการ รู้+เห็น แจ่มแจ้งชัดเจน โดย ไร้มโน (ความคิด) เข้ามา บดบัง"

    +++ ส่วนการ "พิจารณา" คือการ "เดินจิต เข้า/ออก ไปตาม สภาวะธรรม ที่เกิดขึ้น (รู้+ธรรมเฉพาะหน้า แล้ว เข้าสู่ สภาวะธรรมนั้น ๆ)"
    =====================================

    +++ การ "พิจารณาสภาวะธรรม ด้วย วิปัสสนาญาณทัศนะ" นั้น จะต้องมี "รากฐานอันมั่นคง มาจาก สติสัมโพชฌงค์" เท่านั้น

    +++ รากฐานตรงนี้ คุณ jityim ยังไม่มีซักแอะ ทุกอย่าง ก๊อปปี้มาจาก องค์พระบิดา "ไอ้เตี้ย" ที่ผ่านมาทาง ศาสดาพยากรณ์ "ป เป๋ไปหมด"

    +++ จากนั้นก็จะบันลุธรรม สำเร็จถึงชั้น God-Apophis แน่นอน (ถึงระดับ God เชียวนะ เท่ บันลัยไปเลยนะ จะบอกให้)
     
  2. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    สิ่งที่นำมาลง ที่นำมาลงนี้เป็นภาษาสัจจะ เป็นหลักธรรมโลกุตระ ถึงสัจจะ ลดละนิสัย คำสอนสำคัญของการถึงนิพพานมีอีกเรื่องหนึ่ง "การหาอารมณ์มิได้ นั่นแลคือที่สุดแห่งทุกข์ " แต่ไม่เป็นไรค่ะ ยินดีรับฟังเสมอ

    การเห็นพระนิพพานเหมือนการเห็นฝั่งแล้ว เพียงแต่รอการขึ้นฝั่งเท่านั้น เมื่อเราเห็นฝั่งแล้วว่ามีความมั่นคงเพียงใดแล้วย่อมทำให้เราเข้าใจว่าการถูกกระแสน้ำเชี่ยวกรากนั้นอันตรายแก่เราเพียงใดค่ะ การเห็นฝั่งครั้งหนึ่งเข้าใจลักษณะของฝั่งอย่างรู้แจ้งเห็นจริง ก็ทำให้เกิดสติปัญญาและมั่นใจว่าจะต้องไปให้ถีงอย่างไรจึงจะไม่หลงทาง การที่ขณะที่เราถูกกระแสน้ำพัดพาวนเวียนอยู่ก็มิได้ทำให้เราลืมหรือลบเลือนลักษณะและสภาวะของฝั่งไปจากใจได้เลยและสภาวะโลกุตระมิได้เกิดขึ้นได้ง่าย ๆ เหมือนนึกอยากจะให้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็เกิดขึ้นได้ทันที ไม่สามารถเป็นเช่นนั้นได้เลยค่ะ เพราะต้องประจวบเหมาะถึงพร้อมเท่านั้นจึงจะเจอ เหมือนกับเส้นทางอินฟินิตี้มากมายอันไม่รู้จบอันจะพบบรรจบเจอได้มีเพียงเส้นเดียวเท่านั้น ประมาณนี้ค่ะ


    มิติที่สามแห่งกาลเวลาจะเผยออกสำหรับมนุษย์และโลกยุคพลังงานใหม่

    ปกติแล้วในสภาวะไร้สมาธิหรือสมาธิไม่เที่ยง แม้มนุษย์จะมีความสนใจและใส่ใจอย่างจดจ่ออยู่กับเรื่องใดสิ่งใดอยู่ในขณะนั้นก็ตาม ธรรมชาติของจิตมนุษย์จะสามารถแบ่งแยกการรู้สึกนึกคิดจากเรื่องนั้น ๆ ไปรู้สึกคิดถึงเรื่องอื่น ๆ ที่ผ่านแวบเข้ามาในสมองพร้อม ๆ กับการจดจ่ออยู่กับความคิดความรู้สึกหลัก ๆ ในขณะนั้นได้เสมอ มันไม่เคยหยุดนิ่งได้อย่างแท้จริงเลย จิตมนุษย์สามารถจับกระแสการได้ยิน ภาวะการมองเห็น การรับสัมผัสทางกาย เพื่อสร้างคลื่นการคิดรู้เป็นอารมณ์และความรู้สึก พร้อม ๆ กันหลาย ๆ ทาง ในขณะเดียวกันได้เสมอ พลังอำนาจการคิดรู้ของมนุษย์จึงอยู่ในระดับต่ำ เพราะมีคลื่นการคิดรู้สับสน ไร้ระบบ ยิ่งไร้สมาธิมากเท่าใด มนุษย์จะได้ผลึกแห่งการคิดน้อยมากขึ้นเท่านั้น

    ผลึกการคิดรู้ในทุกสรรพสิ่งที่อยากรู้ ม้นมิได้ถูกเก็บข้อมูลไว้ในก้อนสมองส่วนหนึ่งส่วนใดของตนเองเลย ถ้าเป็นประสบการณ์จากอดีตชาติและประสบการณ์ที่ผ่านเข้ามาในช่วงชีวิตนั้น จิตใต้สำนึกจะทำหน้าที่เก็บรักษาคุณสมบัติของข้อมูลเหล่านั้นไว้ให้ เป็นทั้งข้อมูลทางอารมณ์ของจิตที่เกิดขึ้นและประสบการณ์ที่เป็นเรื่องราว มันจะนำออกมาให้เมื่อยามคับขันจิตใต้สำนึกมันจะทวนสัญญาณข้อมูลสู่จิตสำนึกให้แก่มนุษย์เองอยู่แล้ว

    การคิดรู้ในเรื่องใด ๆ ที่ไม่เคยเป็นประสบการณ์ในชาติปัจจุบันมาก่อน คิดในสิ่งที่ไม่เคยรู้ ไม่เคยเห็น แต่อยากรู้อยากเห็น ถ้าเป็นศาสตร์สองมิติแห่งกาลเวลาบนโลก คลื่นการคิดมันจะแผ่ออกมาภายนอกในลักษณะวงกลมที่สมบูรณ์อย่างต่อเนื่องจากจุดศูนย์กลางของการสั่นสะเทือนนั้น คลื่นการคิดจะมีอนุภาคอันเล็กละเอียด อันเกิดจากกระบวนการทางจิตใต้สำนึก ซึ่งเกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณของมนุษย์นั้นช่วยเหลือ จะแผ่ผ่านไปตามสนามพลังงานแม่เหล็กออกไปรอบ ๆ ตนเอง มีพลังสมาธิมากเท่าใด ก็แผ่ไปได้ไกลมากเท่านั้น คลื่นการคิดเหล่านี้จะมีคุณสมบัติของข้อมูลที่ต้องการติดไปกับอณูของคลื่นด้วย ทันทีที่มันค้นพบสารจิตอันเป็นคุณสมบัติของข้อมูลที่ต้องการ มันจะรับเอาคุณสมบัตินั้น ส่งคลื่นข้อมูลสะท้อนกลับเข้ามาสู่ศูนย์กลางการสั่นสะเทือน คือ จิต ของเราในทันที เพื่อนำมาใส่เป็นผลีกแห่งการคิดรู้ แปลภาษาพูดภาษาเขียนกันต่อไป

    สารจิตที่กล่าวนี้ รอบ ๆ กายมนุษย์ บนโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลก จะเต็มไปด้วยสารจิตของมนุษย์คนอื่น ๆ ที่เกิดจากกระบวนการคิดรู้ และคิดอยู่ได้มากมายเต็มไปหมด การซิงโครไน้ซ์ทางความคิดบนโลกมนุษย์จะเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา คือในขณะที่เราคิดได้ อาจมีมนุษย์คนอื่น ๆ คิดได้พร้อมกับตัวเรา เป็นการบ่งชี้ให้ชัดเจนขึ้น อาจกล่าวได้ว่ากระบวนการคิดรู้ใด ๆ ของมนุษย์ คือ การแลกเปลี่ยนคุณสมบัติของพลังงานจากคลื่นการคิดของแต่ละคน กับมนุษย์คนอื่น ๆ ในมิติที่สามแห่งกาลเวลานั่นเอง

    ถ้ามนุษย์สามารถยับยั้งกระบวนการทางอารมณ์ของตนเองได้ และมีสามาธิในการคิดโดยคลื่นความคิดจัดเรียงตนเองอย่างเป็นระบบ ทุกคลื่นความถี่ที่เกิดจากการสั่นสะเทือนของจิตสำนึกนั้น มันจะเรียงตัวกัน แล้วถูกผลักดันออกมาภายนอกผ่านช่องตาที่สามในลักษณะคล้ายลำแสง ไม่ใช่ลักษณะวงกลมที่สมบูรณ์เหมือนการคิดรู้ปกติ คลื่นการคิดรู้ในระบบนี้ มนุษย์อาจเรียกว่า สายธารแห่งการรู้แจ้ง เมื่อมันผลักดันออกมาภายนอก อาศัยแนวเส้นแรงโครงข่ายสนามแม่เหล็กเส้นใดเส้นหนึ่ง หรือทั้งระบบโครงข่าย คลื่นการคิดรู้นั้นจะพุ่งผ่านออกไปตามเส้นแรงนั้นได้อย่างรวดเร็วยิ่งกว่าความเร็วแสง โดยมีอัตราเคลื่อนที่ด้วยอัตราความเร็วแสง ที่เปลี่ยนค่าเป็นสองเท่าในวินาที หากมนุษย์ต้องการเรียนรู้ก็จะต้องผลักดันพลังงานการคิดรู้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของสรรพสิ่งเป้าหมายนั้นให้ได้ คลื่นการคิดจะรับเอาคุณสมบัติต่าง ๆของพลังงานจากสรรพสิ่งนั้น แล้วทวนสัญญาณกลับคืนสู่ศูนย์กลางการสะเทือนของจิตอีกทอดหนึ่ง

    การมีศรัทธาต่อสรรพสิ่ง จึงเป็นการเปิดเผยตนเองด้วยความมีจิตในที่เปิดกว้างไม่หลงยึดติดกับสิ่งใด ๆ มนุษย์จะมีความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงตนเองสู่สิ่งที่ถูกต้องเหมาะสมกว่า เยี่ยง "นักรบแสงสว่าง" เพื่อไปให้ถีงอาณาบริเวณที่แสงสว่างตกกระทบนั้น สามารถจะเปลี่ยนความมืดให้เป็นความสว่างได้ก็จริงอยู่ แม้มันจะมีบางจุดเท่านั้น จะมีความเข้มข้นของแสงสว่างสูงสุด มนุษย์จะต้องแสวงหามันให้พบเพราะมันที่ที่ตั้งแห่งการรู้แจ้ง ซึ่งเรียกว่าความจริงที่จริงแท้
     
  3. เเสงเทียน

    เเสงเทียน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2017
    โพสต์:
    135
    ค่าพลัง:
    +154
    ทูตสวรรค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์กับดาบที่โผล่ขึ้นมาปรากฏต่อหน้าท่านและกล่าวว่า "อิสราเอลจะถูกทรยศโดยเพื่อนสนิทของเธอ ประเทศที่จะทรยศต่ออิสราเอลจะมีชะตากรรมเดียวกันที่จะเกิดขึ้นกับเธอ "
    แล้วประเทศใดเป็นเพื่อนสนิทของอิสราเอล? ทันใดนั้นแผนที่ของสหรัฐอเมริกาปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าทูตสวรรค์ จากนั้นทูตสวรรค์ก็ดึงดาบของเขาและปักมันไว้ที่ใจกลางสหรัฐฯและกล่าวว่า "ประเทศที่จะรับผิดชอบในการแบ่งดินแดนของอิสราเอลจะถูกแยกออกเป็นสองกลุ่มด้วย"

    นิมิตของท่าน Sundar เมื่อ 30 พฤศจิกายน 2554 - อื่นๆ
    ทำนายของท่านยังเกี่ยวกับโรคระบาด และ ภูเขาไฟระเบิด เพิ่มเติม
    * เมกกะรวยเพิ่งปล่อยคำเตือนเมื่อไม่นานเกี่ยวกับโรคระบาดที่อาจเป็นสาเหตุของการหายไปของประชากรโลก 30 ล้านคน รวมทั้งคาดการณ์เวปไซค์ทางทหารคำนวนการลดลงของประชากรสหรัฐ - อังกฤษ - ญี่ปุ่น - เกาหลีไต้ อย่างปริศนา?

    -

    เราพูดถึงเวลาที่ใกล้เที่ยงคืนกันมากขึ้น
    - นักวิทยาศาตร์ในสหรัฐอีก 2 นาทีเที่ยงคืนสำหรับนิวเคลียร์ที่คาด
    - หนัง ฉันเลี้ยงแกะ ท่านคนนั้นชี้ไปที่ 12 นาฬิกา?
    - นาฬิกา "บิ๊กเบน" หยุดลงเป็นระยะเวลา 4 ปี หรือการปิดปรับปรุงนาฬิกาบิ๊กเบนซึ่งให้เวลายาวสี่ปีเป็นเรื่องแปลก มันเทียบเท่าการจบลงของเหตุการณ์ร้ายแรงและได้รับการฟื้นใหม่ แล้วเริ่มต้นใหม่หลังจากนั้น?

    - พระองค์เตือน "เวลาหมดลงแล้ว" ผ่านผู้รับใช้หญิงชาวโคลอมเบียอายุ 83
    สำหรับคำเตือนในนิมิตเธอบอกว่าพระองค์กล่าวเตือนว่าเวลาหมดลงแล้ว และ " ไปบอกคริสตจักรของฉันว่าถึงเวลาแล้ว บอกคริสตจักรว่าหมดเวลาแล้ว!" นอกจากนี้พระองค์ยังเตือนด้วยว่าพวก "ผู้นำมีเสื้อคลุมที่สกปรกมากกว่าเสื้อผู้ตาม" เนื่องเพราะบาปที่มากกว่า
    นอกจากนี้พระองค์ยังชี้ให้เห็นว่าในวันสุดท้ายปีศาจ. (สิ่งชั่วร้ายที่รวมถึงออกจากจิตใจมนุษย์) จะแพร่กระจายบนแผ่นดินโลกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และตอนนี้พวกเขากำลังแพร่หลายอยู่บนพื้นโลก นั่นคือเหตุผลที่โลกกำลังตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้? อ่านเพิ่มเติม

    สันติธรรมไม่กลับมาโลกาวินาศ!
    สันติภาพ/สันติธรรม แท้จริงอันเดียวกันหรือไม่ถามใจเธอดู
    ทุกคนต้องการอิสระเสรีทั้งทางโลกและจิตวิญญาณ เมื่อครองร่างเป็นมนุษย์ยังแสวงหาโลกหน้านิพพาน นอกจากนี้ยังต้องการสันติภาพเพื่อสันติธรรม - เพื่อสงบสุข แต่หลายคนโชคไม่เข้าข้างถูกมนุษย์จิตใจเหี้ยมโหด โลภมาก กดขี่จนไร้อิสระภาพ เหล่านี้เป็นที่มาของเสื้อคลุมที่สกปรกของผู้นำ บาปที่มากกว่าผู้ตาม! ที่มาของคำทำนายเป็นคำเตือนใจข้อที่ว่า "บรรดาผู้นำก็นำไปผิดทาง และบรรดาผู้ตามก็ถูกนำให้หลงเตลิด : อิสยาห์ 9 จริงหรือไม่พิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้น?

    และสิ่งที่เกิดขึ้นจะนำทุกคนไปสู่จุดสิ้นสุด.
    เมื่อเขาพูดกันว่า "สงบสุขและปลอดภัยแล้ว" เมื่อนั้นแหละความพินาศก็จะมาถึงทันที 1 เธสะโลนิกา 5 โลกพูดถึงแผนสันติภาพๆๆๆ เกาหลีเหนือ สันติภาพตะวันออกกลาง และสันติภาพ เอ่อ ..ที่อื่นๆ

    ความพินาศจะมาถึงทุกที่ๆมีบาป สิ่งที่เกิดขึ้นที่หนึ่งส่งแรงกระเพื่อมไปอีกที่หนึ่ง
    เราอาศัยในโลกที่มีโครงสร้างโครงเครงของทุนนิยม การพึ่งพิงเศรษฐกิจ - สงคราม - การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโดยเทคโนโลยี

    -

    อิสราเอล - อเมริกาอาจนำหน้าจุดสิ้นสุด -70 ปีของอิสราเอลประเทศและทั้งหมดที่เกิดขึ้น ..
    ข่าวล่าสุดในสื่อของอิสราเอลว่าประธานาธิบดีทรัมพ์จะปล่อย "แผนสันติภาพ" ซึ่งจะรวมถึงการที่อิสราเอลต้องส่งมอบพื้นที่สี่แห่งในกรุงเยรูซาเล็มให้แก่ผู้มีอำนาจของปาเลสไตน์ 40% ของแคว้นยูเดียและซามาเรียไปยังรัฐปาเรสไตน์และกำหนดให้เมืองเก่าเยลูซาเล็มเป็นเมืองสากล (ข่าวยังไม่ยืนยันโดยสหรัฐ)
    ซึ่งหากเป็นเรื่องจริงนั่นหมายถึงการที่สหรัฐหักหลังอิสราเอลอย่างรุนแรง มันจะเป็นที่มาของทำนายเป็นจริงที่จะเกิดขึ้นของแผ่นดินแยกออกเป็นสองตามที่ท่าน Sundar ทำนาย
    -
    ตอนนี้ที่เกิดขึ้นจริง ฝูงแผ่นดินไหว-ภูเขาไฟใต้ดินปะทุฮาวาย - ฝูงดินไหวรอบๆเยลโลสโตนและในส่วนคาดการณ์ ชายฝั่งตะวันตกสหรัฐ ... และบังเอิญคาดการณ์และทำนายเหล่านี้ทั้งหมดตรงกับหนังสือใบลานและอื่นๆ

    ที่มา
    สัญญาณมหากลียุค Signs of the end in Current Events
     
  4. Unexpected

    Unexpected เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +1,513
    ปวีก้เห็นด้วยกับข้อความที่แกรเขียนนะ เพราะมันกำลังประจานตัวแกรเองอยุ่ เพียงแต่แกรไม่ยอมรับตัวเองว่าหลง แถมสภาวะอารมณ์แกรก้ปฎิบัติไม่ได้เรื่อง วันนึงๆ โพสแต่อารมณ์สั่นสะเทือน(สั่นมากๆ พากินสันจะกินเอานะแกร) แสดงว่าแยกอารมณ์จิตเป็นสองไม่ได้จิงๆ ถึงต้องตัดแปะบทความคอยข่มใจตัวเองอยุ่ตลอดเวลาเรื่องความอดทน

    ปวีเข้ามาว่าแกรเนี่ยะ บอกเลยว่าไม่ได้มีอารมณ์โกรธเกลียด เคียดแค้น อิจฉาอะไรกะแกรเลยแม้แต่น้อย หรือใครๆ ที่เข้ามาว่าแกร ปวีก้คิดว่าเขาหวังดีกะแกรทั้งนั้น เพียงแต่แกรมันมองเจตนาคนอื่นไปในทางลบ จับอารมณ์เขาผิดทิศผิดทางตลอด เวลาแกรได้สภาวะธรรมอะไรสักอย่าง ปวีเลยไม่แปลกใจที่แกจะหลอนไปได้ไกลขนาดนั้น ก้จิตแกรมันผิดปกติ

    ส่วนอารมณ์เน่าอ่ะ มันเน่าเหม็นออกมาจากตัวแกรนั่นแหล่ะ ดูได้จากเข้าห้องไหนถึงโดนเขารุมว่ารุมด่าอยุ่ตลอด ก้อแกรมันไปผิดทาง ใครเตือนแกก้อจะเหน็บเขา ว่าเขาว่าอารมณ์หยาบโน่นนี่อีก ถ้าแกรไม่ใช่แม่ชีนะ บอกเลยแกรจะเจอปวียิ่งกว่านี้ จะจัดให้สมกะความผยองบวกนิสัยอักลี่ที่ชอบซ่อนมีดไว้แทงคนข้างหลังของแกรเลยแหล่ะ
     
  5. Unexpected

    Unexpected เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +1,513
    ขอชมหน่อยนะ แกรมันเป็นนักปฎิบัติที่โครตโง่เลยอ่ะ ใครรับรองแกรว่าแกรได้ธรรมระดับโลกุตตระ แกรเคยเห็น ลป ลพ ได้พระนิพพานโดยไม่มีครู อ. มะ ยังหน้าด้านพูดได้ว่าโลกุตระเปิดแล้วไม่ใช่จะได้ง่ายๆ อีก ฝึกจนหืดขึ้นคอจากวันนั้นยันหลายๆ ปี ยังเข้าไม่ได้ หลอดไฟโลกุตระแกติดทีเดียวดับยาวๆ เลยเนอะ เปลี่ยนหลอดดีมั้ยแกร..แกรเข้าญานสมาบัตินั่ง 20-40 ชม หายใจทางผิวหนังได้ยัง สภาวะลำดับวิปัสสนาญานต่างๆที่เกิดตอนลืมตาแกรทำได้ยัง ...ถ้าแกรได้สภาวะแบบนั้น ของจิงมาหาแกรนานแล้ว นี่ยังเคว้งหาอ่านหาคุยธรรมะสัญจรบนเน็ตอยุ่เลย ออนบวกมโนมันทั้งวัน ทั้งปี เพ้อเจ้อชิกหัย
     
  6. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    อยู่กันไงเนี่ย!! นักวิทย์เผยคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศสูงสุดในรอบ 800,000 ปี!!

    และก็มีเรื่องที่น่าตกใจมากยิ่งขึ้น เพราะนักวิทยาศาสตร์ได้ออกมาเปิดเผยว่า ในขณะนี้ความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศโลกได้ไต่ระดับขึ้นสูงที่สุดในรอบ 800,000 ปี!! แล้ว

    1-133.jpg



    http://www.catdumb.com/highest-level-of-co2-511/

    ดาวเคราะห์โลก มีก๊าซออกซิเจนห่อหุ้มตนเองไว้อย่างเจือจางลง ในขณะที่ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ก็จะกลับมีความหนาแน่นหรือมีความเข้มข้นสูงขึ้นแทนที่

    ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ แม้จะเป็นก๊าซที่เบาเหมือนก๊าซออกซิเจนก็จริง แต่ก็มีน้ำหนักมวลมากกว่า จึงทำให้มันลอยตัวเหนือพื้นต่ำกว่าก๊าซออกซิเจนได้อย่างสบาย เมื่อมนุษย์พากันผลิตสร้างขึ้นมาทุกเมื่อเชื่อวัน ปริมาณที่สั่งสมก็ย่อมมากขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอนว่ามันจะพากันไล่ก๊าซออกซิเจนที่เบากว่า มีความหนาแน่นที่น้อยกว่า เพราะมนุษย์เหลวไหล ให้ลอยตัวสูงขึ้นไปอีก จนกลายว่าบริเวณเหนือพื้นโลกจะมีแต่ความหนาแน่นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่ความหนาแน่นของปริมาณก๊าซออกซิเจนในระดับพื้นผิวโลกปรับต่ำลง

    ปัญหาคือ สิ่งมีชีวิตทั้งหลายทั้งพืช สัตว์ และมนุษย์ จะมีปริมาณก๊าซออกซิเจนเพื่อการดำรงชีวิตที่น้อยลง จะส่งผลให้ระบบชีววิทยาของสิ่งมีชีวิตทั้งหลายเสื่อมสมรรถภาพลงเรื่อย ๆ เช่น อายุขัยสั้นลง กลไกลอวัยวะทำงานผิดเพี้ยนไป หรือ กลายพันธ์ ส่วนภัยร้ายอื่น ๆ มนุษย์คงจะต้องรอเรียนรู้ด้วยตัวมันเองเป็นแน่แท้

    และนี่คือสาเหตุหนึ่งของสภาวะโลกร้อนที่มนุษย์กำลังเผชิญมันอยู่

    มนุษย์จึงต้องเรียนรู้เอาไว้ด้วยว่า ก๊าซออกซิเจนที่ตนเองใช้หายใจ มันมิได้มีอยู่ทั่วไปในอวกาศ ตัวมนุษย์เองที่ต้องช่วยกันผลิตสร้างมันขึ้นมาโดยมีดาวเคราะห์โลกเป็นผู้ช่วยเหลือ ถ้ามนุษย์เอาแต่ใช้มันโดยไม่มีสำนึกที่จะผลิตสร้างขึ้นมาทดแทนเพิ่มเติม สักวันหนึ่งข้างหน้ามนุษย์ก็จะไม่มีก๊าซออกซิเจนเพียงพอที่จะใช้เพื่อการหายใจ

    ไม่ต่างจากข้าวสุกข้าวเหนียวที่ตนใช้บริโภคในชีวิตประจำวัน ถ้ามนุษย์ไม่รู้จักการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวแล้วนำมานึ่งมาหุงปรุงเป็นอาหารบริโภคไหนเลยมนุษย์จะมีข้าวบริโภคเพื่อยังชีพได้ เพราะข้าวสุกหรือข้าวเหนียวนึ่งแล้วพร้อมรับประทานที่มีอยู่ในธรรมชาตินั้นไม่มีนั่นเอง

    ถ้ามนุษย์ไม่มีศีลธรรม โลกาจะวินาศ

    คือถ้ามนุษย์มีจิตสำนึกตกต่ำลง จนไม่สามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนทางจิตสำนึกตนเองให้สูงสุดทางด้านบวกต่อผู้อื่นได้ การผลิตสร้างพลังงานใหม่ให้แก่โลกใช้เป็นเชื้อเพลิงก็ย่อมมีปริมาณน้อยลง ผลลัพธ์ คือ นอกจากปริมาณก๊าซออกซิเจนบริเวณพื้นผิวโลกจะเจือจางลง และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะมีปริมาณเข้มข้นขึ้นดังกล่าว อัตราการเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองของดาวเคราะห์โลกก็จะต่ำลง หรือ โลกก็จะหมุนรอบตัวเองช้าลงเรื่อย ๆ การเสียสมดุลของระบบในโลกในลำดับถัดมาก็คือ

    ดาวเคราะห์โลกจะเกิดอาการส่ายไปส่ายมาในขณะเหวี่ยงหมุนรอบตัวเอง

    ยิ่งถ้ามนุษย์พากันระเบิดภูเขา นำซากดินหินทรายย้ายไปจากตำแหน่งพิกัดเดิม ไปสร้างเป็นป่าคอนกรีตยังสถานที่แห่งใหม่ ซี่งแต่เดิมกำหนดไว้ให้เป็นแค่พื้นที่ราบ ๆ เท่านั้น มันก็จะยิ่งทำให้เกิดอาการส่ายหรือแกว่งของดาวเคราะห์โลกขณะหมุนรอบตัวเองเพิ่มขึ้น ขณะนี้มนุษย์ค้นพบแล้วว่า แกนหมุนรอบตัวเองของโลกมีอาการส่ายเกิดขึ้นแล้ว และนับวันยิ่งส่ายขึ้นมากด้วย มนุษย์ที่ดำรงชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อย่างไร้สำนึกนี่เอง คือ ผู้ก่อเหตุสำคัญ นับวันจิตสำนึกยิ่งตกต่ำลงไปเรื่อย ๆ อีกต่างหากด้วย แนวโน้มที่โลกจะเสียสมดุลมากยิ่งยึ้นกว่าวันนี้จึงมีความเป็นไปได้สูงมาก

    เพื่อป้องกันไม่ให้ระดับค่าพลังงานที่ใดที่หนึ่งในจักรวาลอันไพศาลนี้ ต้องปรับด้วยการยกระดับเพิ่มขึ้นให้วุ่นวานกลายเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเหตุที่ระบบดาวเคราะห์โลกเสียสมดุลไป จนตัวมนุษย์ด้วยกันเองไม่อาจช่วยเหลือเยียวยาได้เช่นนี้แล้ว

    ด้วยเหตุนี้ ถ้าการชำระโลกซึ่งกำลังค่อย ๆ ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ มีเสียงระฆังส่งสัญญาณขึ้นมาว่าระยะเวลาแห่งการชำระโลกได้สิ้นสุดลงแล้วเมื่อใด เมื่อนั้นดาวเคราะห์โลกดวงนี้จะมีบางสิ่งที่เปลี่ยนไป นั่นคือ

    ๑. โลกจะเหวี่ยงหมุนไปรอบตัวเอง ด้วยอัตราใหม่ คือ 22 ชั่วโมงต่อรอบ หรือ 1 วัน จะมี 22 ชั่วโมงเท่านั้น

    ๒.แนวแกนหมุนรอบตัวเองของโลก จะเอียงทำมุมกับแนวดิ่งเท่ากับ 32 องศา หรือ เบี่ยงเบนไปจากพิกัดตำแหน่งเดิมเท่ากับ 8.5 องศา

    ๓.ฤดูกาลบนโลก บริเวณภูมิภาคต่าง ๆ ก็จะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ยังผลให้สภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศในบริเวณต่าง ๆ ทั่วโลกพลอยเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย

    ๔.วงจรชีวิตของสัตว์และพืชหลายชนิดหลายเผ่าพันธ์ จนแม้กระทั่งเชื้อโรค จะมีการเปลี่ยนแปลงตนเองอย่างรวดเร็วและฉับพลัน จนพืชและสัตว์หลายชนิดที่ปรับตัวไม่ทันก็จะสูญพันธ์ไปในที่สุด

    ๕.น้ำในทะเลและมหาสมุทร จะเพิ่มปริมาณขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะน้ำแข็งขั้วโลกละลาย เนื่องด้วยเหตุคือ โลกหันขั้วโลกเข้ารับแสงอาทิตย์มากกว่าเดิมทำให้โลกมีอุณหภูมิสูงขึ้น เพราะโลกมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และหมอกควันพอลลูชั่น ที่ห่อหุ้มระบบโลกเอาไว้ปริมาณหนาแน่นมาก จนทำให้ความร้อนในระบบโลกไม่สามารถระบายออกไปนอกระบบได้ดีตามปกติ ในขณะที่ความร้อนบางส่วนก็ยังเกิดการสะท้อนกลับสู่พื้นโลกอีกต่างหากด้วย (ตอนนี้มนุษย์ทุกคนกำลังรับผลอยู่ค่ะ)

    ต่อไปนี้ แผ่นดินราบ ๆ ที่อยู่ใกล้ชิดชายฝั่งทะเล และแผ่นดินใดที่ตั้งอยู่ในระดับต่ำ ๆ ใกล้ระดับน้ำทะเลปานกลางมาก ๆ จะถูกน้ำท่วมอย่างถาวร

    ๖. ปริมาณฝนแต่ละห่าที่ตกในมหาสมุทรและทะเลกับปริมาณฝนที่ตกบนแผ่นดิน จะเพิ่มขี้นมากจากปกติที่ผ่านมาอย่างชัดเจน

    ถ้าแต่เดิมตกนานหนึ่งชั่วโมงไม่เคยท่วม
    ต่อนี้ไปตกไม่ถีงครึ่งชั่วโมงก็ท่วมแล้ว

    ๗.เนื่องจากอากาศร้อนขึ้น น้ำในทะเลและมหาสมุทรก็จะมีอุณหภูมิสูงขึ้น จะมีผลกระทบต่อมนุษย์และสัตว์ ทั้งที่ดำรงชีวิตอยู่บนแผ่นดินและในมหาสมุทรเป็นอย่างมากก็คือ การเปลี่ยนทิศทางไหลวนของกระแสธารน้ำอุ่นในมหาสมุทรนั่นเอง

    ๘.โลกร้อนขึ้นเรื่อย ๆ และบรรยากาศโลกมีความขื้นสูงจะเกื้อกูลต่อการเกิดพายุหมุนอย่างรุนแรงและง่ายดาย ทั้งในมหาสมุทรและภาคพื้นทวีป

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤษภาคม 2018
  7. Sataniel

    Sataniel "วิชชาและวิมุติ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    1,493
    ค่าพลัง:
    +2,364
    กล้าพูดถึงขนาดนี้ ข้าพเจ้าได้ลั่นวาจาว่าจะไม่ตอบแล้ว เอาวะยอมเป็นตุ้ดซักวัน ในเมื่อมโนมาขนาดนี้จะจัดเต็มให้นะครับ

    -ที่อ้างสัจจะในประโยคแรกคือรู้ธรรมตามจริง
    แต่คุณยังมโนอยู่ข้อนี้โม้

    -การหาอารมณ์ตามจริงน่ะถูกแต่คุณมโนดังนั้น มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเจอความจริง

    -ต่อมาการเห็นพระนิพพานคือการเห็นฝั่งแล้วเพียงครี้งนึงของคุณจนบอกรู้แจ้งน่ะไม่ได้อ่านเลยหรือไงครับว่าเห็นครั้งเดียวน่ะมันยังไม่เข้าใจ? ยกตัวอย่างเรื่องฌานไปแล้วนะ
    หรือหากจะอ้างอีกก็ได้ เจอแล้วใช่ไหม? งั้นบอกมาหน่อยสิ้ว่าที่เจอเป็นเช่นไร ไม่เอาภาษาเมต้าฟิสิกข์บ้าบอนะ ขอภาษามนุษย์ เช่น เกิดคลื่นสั้นสะเทือน แปลไทย เข้าฌานจับอารมณ์ฌาน เป็นต้น และขอบอกว่าโลกุตระของจริงที่คุณอ้างว่าเห็น ผมก็เห็นนะแต่ทำไมไม่เหมือนคุณละ? ไม่มีการสั่นสะเทือนบ้าบออะไรพรรค์นั้นแหละเลิกบ้าได้แล้วไม่งั้นจะเรียกรถพยาบาลพาไปศรีธัญญาแล้วนะครับ

    -ตอบมาสิ้ขอภาษาคนโลกุตระที่คุณสัมผัสได้มันเป็นยังไง? ถ้าลีลาหรือพูดภาษาเอเลี่ยนที่ต้องให้คนแปลไทยเป็นไทยอีกแสดงว่า เชื่อมตรรกะเก่ง เคยได้ยินว่าพวกเชื่อมตรรกะเก่งๆมันแสดงว่าใกล้จะบ้าแล้ว


    -ศาสตร์การคิดของคุณในเรื่องสองมิติ พูดมาก็เผยไต๋มาเลยว่า มโน(ความคิด) ไม่มีความสามารถแม้ซักนิด
    ริอ้าวคำว่ามิติ ถอดกายได้หรือยัง ? เคยสัมผัสมิติโลกทิพย์ ไหม?

    -ถ้ามนุษย์สามารถยับยั้ง? บลาๆ
    ยับยั้งทำไมถ้ายับยั้งแสดงว่าเกิดแล้วตัวดูไปปนกับสภาวะนั้นๆแล้ว แสดงว่าไม่ได้รู้ธรรมตามจริงเพราะตัวดูมันจะดูและรู้สึกเฉพาะที่ๆมันเข้าไปอยู่เท่านั้น

    -หรือหากไม่เข้าใจแปลไทยเป็นไทยให้ก็ได้ อัตตาหรือคลื่นพลังงานต้วหลักที่คุมความรู้สึกของตัวเรา(ตัวดูหรือตัวกูของกู)มัน เกิดอาการทางคลื่นพลังงานสั่นสะเทือนจนเกิดการผ่ามิติทะลุไปครอบงำหรือดูดกลืนสภาวะธรรม ในที่อื่นแสดงว่ามันเกิดแล้ว ปล.คิดคำอธิบายนานนะเนี่ยสำหรับภาษาให้คุณเข้าใจเนี่ย. และมันเลยแสดงว่าที่ทำมาทั้งหมดคือไม่พ้นการมีตัวตนซักนิดเดียวเลยไงครับ โลกุตระอย่าพึ่งหวังเลย. หากไม่ทำสติปัฏฐานก็อย่าหวังจะเจอ

    -บนโครงข่ายสนามแม่เหล็ก(ของโลก) แล้วมันโลกุตระ(เหนือโลก)ตรงไหน ตอบ! อย่าดริฟท์มากนะท่านไม่ใช่เดอะฟาสท์นี่ใกล้ตกเขาแล้วนะ

    แปลไทยนะที่อ่านของท่านมาน่ะแสดงว่าหากคิดบวกคลื่นสั้นสะเทือนบวกอะไรของคุณเนี่ย มันจะดีเพราะแผ่ให้กับโลกกับผู้คนว่างั้น? แล้วมันโลกุตระ ตรงไหน(วะ)? สนามแม่เหล็กของโลกนี่มันพ้นโลกมากเลยเนอะ เลิกไร้วิจารณญาณซักที ท่าจะโพสท์ภัยพิบัติก็โพสท์ไปนะ แต่อย่ามาอ้างว่าโลกุตระอะไรของคุณอีกจิตจักรวาลก็ทีนึงละ

    -มโนมากก็หลงมากใช้มโนให้เป็นประโยชน์สิครับ คลำทางโดยใช้มันแล้วสังเกตุผลจากการปฏิบัติหากไม่ใช่ก็เปลี่ยนวิธีไม่ใช่มโนเพื่อเชื่อและดักตัวเอง. อย่าเขลาและเบาปัญญาเลยครับท่านก็แก่แล้วนะ สายตาก็ไม่ค่อยดี จะใช้ชีวิตให้กับความหลงไปเพื่ออะไรเป็นวัยรุ่นเหรอท่าน?

    นี่แจกแจงเป็นข้อๆจากบทความของคุณที่ไม่รู้ว่าก๊อบหรือคิดเองไม่ว่าอย่างไหนก็เละครับ. แล้วไม่ต้องมโนว่าผมโกรธและโมโหนะหากมีความสามารถก็ลองดูจิตเอา
     
  8. Unexpected

    Unexpected เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +1,513
    นางอายุเท่าไรรึเจ้าคะ คิดมาตลอดว่าน่าจะมีอายุ คนแก่ๆ มักพูดให้เปลี่ยนความคิดยากมั่กๆ
     
  9. Sataniel

    Sataniel "วิชชาและวิมุติ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    1,493
    ค่าพลัง:
    +2,364
    แล้วก็ไม่ต้องมาอ้างอีกนะครับว่าตนเห็นจริงๆไอ้โลกุตระน่ะ


    -ถ้าเห็นนานขนาดนี้คงสัมผัสและเป็นมันได้แล้วมั้งครับ แล้วย้งไงทำไมถึงยังไม่พ้นละก็บอกแล้วว่าผิดทาง

    ยังไม่หมดนะครับวันนี้มีเรื่องจะเทศน์เยอะ ที่อ้างๆมาว่าภัยพิบัติรับสื่อมาแล้วตรงอย่างงั้นอย่างงี้. เอาผมตอบเลยนะผมไปอ่านคัมภีร์พุทธกับคริสต์มา แล้วมาโพสท์บอกรับคำทำนายมาจาก... อย่างงี้ก็ได้เหรอ? สร้างลัทธิชัดๆถ้าผมทำแบบนี้นะ แล้วอีกอย่างถ้าใครถอดกายได้สื่อไปหาคุณจะส่งวจีจิตตสังขารไปให้คุณได้ยินเรื่องอะไรก็ทำได้ถึงได้บอกให้มีสติรู้กายรู้เท่าทัน แล้วมีข้อคิดอีกข้อ

    ทุกคนที่เชื่อ. ย้ำว่าทุกคนมันแสดงแล้วว่าทำไม่ได้เพราะไม่ได้พบเห็นด้วยตนเห็นตามจริงดังนั้นควรเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งและไปปฏิบัติเอาให้ถึงด้วยตนจะดีกว่านะ เห็นมีหลายกระทู้ละที่พาคนหลงไปลัทธิอื่นๆบูชาท่านนั้นท่านนี้ บูชาได้แต่ต้องรู้ธรรมตามจริงแล้วจะรู้เองว่าล้ทธินั้นลัทธินี้ขี้ฟันหรือของจริง ดังนั้นเลิกหูหนวกและตาบอดได้แล้วนะนี่บอร์ดพุทธ ไม่ใช่ที่สร้างลัทธิใหม่ๆเข้าใจ้?
    จะน้บถือศาสนาอื่นก็ไม่ว่าแต่ต้องเป็นศาสนาที่เป็นจริง เท่านั้น ไม่ใช่ขี้ฟัน
     
  10. Sataniel

    Sataniel "วิชชาและวิมุติ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    1,493
    ค่าพลัง:
    +2,364
    ไม่ทราบตัวเลขแน่นอนครับรู้ว่าเลย 40 ครับ
     
  11. Unexpected

    Unexpected เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +1,513
    ก้ว่าทำไมป้าแกรเพี้ยนออกอ่าวขนาดนั้น อายุก้เป็นส่วนประกอบสำคัญ เซ้นต์ต่างๆ ก้น้อยมาก โปรแกรมก้ไม่รุ้ ปฎิบัติก้ไม่ได้เรื่อง ถนัดแต่จะแทะตำรา แทะมากๆ วิปัสสนึกกิน สภาวะธรรมอะไรผ่านมานึกเองตามใจชอบเลย ไม่น่าจิตถึงดึงดูดของปลอมเข้าหา มันก้สมเหตุสมผลในตัวเองแล้วนินา

    อยากจะไปเรียน harvard แต่สติยังกะหลอดไฟฟิวจะขาดติดๆ ดับๆ โลกุตตระก้เมดอินไชน่าอีก เขาจะให้ป้าลงทะเบียนมั้ยน้อ
     
  12. ชั่งเถอะ

    ชั่งเถอะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2017
    โพสต์:
    255
    ค่าพลัง:
    +342
    การเตือนภัยของคุณจิตยิ้ม ไม่มีใครว่าครับ แต่สิ่งที่คุณจิตยิ้มนำมาเสนอคือ ความสับสนของใครบางคนที่ไม่ใช่คุณจิตยิ้มเลย

    คุณจิตยิ้มได้นำเสนอ ศาสนาใหม่คือ จิตจักรวาล และนำ ศาสนาใหม่นี้มาปนกับ ศาสนาพุทธ จนเละไปหมด

    และที่เข้ามาพูดด้วยคือ เพราะหลายท่าน เห็นจิตของเธอ ที่เคยเห็น โลกุตระ มาแล้ว และรู้สึกเสียดายเป็นอย่างยิ่ง ที่เธอ ได้ก้าว ออกจากทาง จึงอยากช่วยดึงกลับทาง

    เพียงแค่เธอดื้อ มาก จนบางท่านอดเสียมารยาทไม่ได้แค่ดูจิต แต่ถึงกับไปดู ตัวเธอ เองเลย เพื่อบอกให้เธอรู้ ว่าที่ช่วยกันนี้ ไม่ใช่พูดเล่น จริงๆ ไม่ใช่แค่อายุแต่เห็นหมด หน้าตา ทรงผม เป็นแม่ชีที่ บวชเพื่อ หาทางบรรลุธรรมจริงๆ แต่ดันเดินออกจากทาง

    และเธอมีสิทธิ์ ที่อาจบรรลุได้ หลายท่านช่วยสนับสนุนเธอ แต่เธอดันไม่เอา และไปทางแห่งจิตจักรวาลแทน ซึ่งผลลัพธ์ มันจบเอาไม่สวยจริงๆ เรื่องหนอน อวกาศนี้ เป็นประสพการที่แย่ อย่างมาก เป็นเทพจริง แต่ เป็น สัตว์เทพ ไม่มี สติใดๆ

    แม้แต่เทวดา ก็ยังกลัวมัน อันนี้เห็นมาแล้ว ถึงกล้าพูดแบบนี้

    แต่ตอนนี้ตามใจคุณจิตยิ้มกันหมดแล้วครับ หากเธอจะไปทางนี้จริงๆ ก็ต้อง อนุโมทนาด้วย ผมปล่อยแล้ว หลายท่านปล่อยแล้วเช่นกัน
     
  13. Unexpected

    Unexpected เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +1,513
    สวัสดีค่ะท่านผุ้เจริญ และเต็มเปี่ยมด้วยมารยาทชั้นสูง นึกว่า กท ซีซั่นสองจะขาดเอฟซีชูป้ายไฟให้ป้าจิกยิ้มซะละ ซีซั่นแรกมีดาราแฟร์(ไอดีเดิมป้าฮั้วโต๋) ออกตัวแรงนำมาคนแรก

    แสดงว่าท่านผุ้เจริญมารยาทสูงไม่ได้ติดตาม กท ซีซั่นแรกนะเจ้าคะ?

    ปวีขอกราบเรียนถามท่านผุ้เจริญมารยาทสูงเป็นข้อๆ นะเจ้าคะ
    - กท ที่ตั้งขึ้นบนบอร์ดแห่งนี้คือสาธารณะ ซีซั่นนี้ป้าจิกยิ้มเป็นคนเปิด เมื่อข้อมูล ความเชื่อบางอย่างของป้ามันเป๋(ต่อเนื่องมาจากซีซั่นที่แล้ว) ก้เปนธรรมดาที่จะต้องมีคนไม่เหนด้วยเข้ามาแย้ง มีกฎข้อห้ามไหนหรือมารยาทผุ้ดีข้อใดของบอร์ดระบุไว้เจ้าคะ วานก๊อปมาแปะให้เปนบุญตาสักหน่อย ว่าอ่านอย่างเดียว ห้ามสงสัย ห้ามค้าน กราบทีนได้อย่างเดียว

    ไม่ต่างจากยืนเถียงกับคนบ้า ตกลงคนชี้หน้าว่าคนบ้านี้ แล้วก็จะเอาชนะคนบ้านี้ มันสติดีไหม

    - เมื่อ กท นี้คือแหล่งคนบ้า ไม่ทราบว่าท่านผุ้เจริญมารยาทสูงโดดลงมาทำไมให้กริยาผุ้ดีที่ถูกอบรมมาเปื้อนเจ้าคะ ทำไมไม่นั่งอ่านเงียบๆ ไม่เขียนไม่มีใครว่าเปนใบ้นะเจ้าคะ ตกลงทนไม่ไหว อยากจะร่วมบ้าด้วยนะเจ้าคะ มันสติดีไหม (อันนี้เปรียบเทียบ)

    คือ.. ความเชื่อคนนะน่ะ จะดีจะชั่ว เค้าก็ใช้ทั่งชีวิตเพื่อพิสูจน์ และสุดท้ายมันจะถึงทางตัน เค้าก็สร้างกำลังใจจากประสบการณ์ ของเค้าแล้ว

    - ป้าจิกยิ้มธีมนักบวชคือพุทธะ แต่อยากจะเผยแพร่ธรรมะยัดไส้จิตจักรวาลบนบอร์ดพุทธทุกรูปแบบ เมื่อป้ายืนยันจะทำ ป้าก้ต้องเจอโลกธรรม 8 แรงต้านทุกทิศทางแบบนี้แหล่ะ ก้เปนกำลังใจจาก ปสก ดีๆ ให้ป้าจากหลายๆ คนที่นี่นะ มันขัดใจท่านผุ้เจริญรึเจ้าคะ

    หลายๆ คนที่แย้งป้าเขาหวังดีทั้งนั้นนะท่านผุ้เจริญ คิดว่าป้าใสซื่อไม่ด่ากลับรึ ลบโพสทิ้งไปหลายแระ คนบางชนิดพูดดีๆแล้วของไม่เข้าตัวไง ต้องโดนแรงๆ แบบงี้แหล่ะ
     
  14. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    ถ้ากล่าวถึงสัจจะที่มีสองอย่าง คือ สัจจะในระดับโลกียะธรรม และสัจจะในระดับโลกุตระธรรมค่ะ เปรียบเสมือน ๑ และ ๐ การเคลื่อนหมุนเพื่อนำไปสู่สภาวะการสมดุล ถ้าจุดเริ่มต้น ที่ ๐ ก็ต้องเริ่มขยับที่ ๑ คือ การสั่นสะเทือนเพื่อเกิดทุกสรรพสิ่ง และไปสิ้นสุดที่โลกกุตระธรรม ๙ และจุดสุดท้ายก็กลับไปที่ ๐ คงเดิม สัจจะก็ต้องมีมรรค (๑) เพื่อให้ได้ผล (๐) เป็นรหัสนัยยะประมาณนี้ค่ะ


    เพราะหน้าที่ของมนุษย์ทุกคนในการเป็นเพื่อนร่วมงานกับดาวเคราะห์โลกก็คือ

    จะต้องสั่นสะเทือนจิตสำนึกทางด้านบวกให้จงได้เท่านั้น จะสั่นสะเทือนไปทางลบไม่ได้เด็ดขาด

    การเป็นมนุษย์ไม่เป็น หรือการล้มเหลวต่อหน้าที่ทางจิตวิญญาณเมื่อได้รับโอกาสให้เกิดมาเป็นมนุษย์ ด้วยการสอบตกบททดสอบจิตสำนึกดังกล่าวนี้นี่เอง คือ จุดเริ่มต้นของ กรรมจักร คือ การแก้ไข การชดใช้ กับการแก้แค้น และเป็นบ่อเกิดของ สังสารวัฎ คือ การเวียนว่านตายเกิดไม่รู้สิ้นสุดสุดสำหรับมนุษย์โลกแต่ละโดยแท้

    ดังนั้น การสอบตกบททดสอบจิตสำนึกด้านบวกของมนุษย์ จึงหมายถึง การที่ไม่สามารถใช้เงื่อนไขด้านลบอันเกิดจากการแสดงออกหรือการกระทำที่ไม่ถูกต้องของผู้อื่น เป็นสิ่งเร้าจิตสำนึกของตนให้เกิดการสั่นสะเทือนเป็นอารมณ์รู้สึกนึกคิดด้านบวกได้นั่นเอง

    การสั่นสะเทือนจิตสำนึกด้านบวก เป็นการแสดงบทบาทของ "เพื่อนร่วมงานกับดาวเคราะห์โลก" เพื่อช่วยเหลือค้ำจุนความสมดุลของระบบโลกได้อย่างไร?

    มนุษย์ต้องรู้ว่า....ทุกสรรพสิ่งนั้นจะดำรงตนเองอยู่ตรงไหนซอกหลืบใดของสนามพลังงานภายในเอกภพอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ ไม่ว่าสรรพสิ่งนั้นจะมีชีวิตหรือไม่มีชีวิต ไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรือไกลซึ่งแม้เป็นระบบชีววิทยาของมนุษย์เอง จะมีหน้าที่กระทำต่อตนเองเหมือน ๆ กันอยู่ 2 ประการ

    ๑.สั่นสะเทือนแก่นแท้ตนเอง เพื่อสร้างพลังอำนาจในตนเอง

    ๒.เหวี่ยงหมุนรอบตัวเอง เพื่อค้ำจุนรักษาความสมดุลของตนเองไว้


    เช่น พลังอำนาจของในตนเองดวงอาทิตย์ก็คือ ความร้อนและแสงสว่าง พลังอำนาจในตนเองของมนุษย์ก็คือ การแสดงออกและการกระทำพฤติกรรมต่าง ๆ

    พลังอำนาจของดาวเคราะห์โลก

    ๑.อำนาจแม่เหล็กโลก

    ๒.ระดับความสูงของระบบโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลก ที่ยกตัวสูงขึ้นเหนือพื้นโลก

    ๓.แรงดึงดูดเหนี่ยวรั้งที่กระทำต่อสรรพสิ่งอื่น ๆ

    ๔.ก๊าซออกซิเจน สำหรับสิ่งมีชีวิตทุกรูปธรรมที่อยู่ในระบบโลกเพื่อการยังชีพ

    ๕.การเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน เพื่อรักษาความสมดุลของระบบ

    ๖.พลังเหนี่ยวรั้งดาวเพื่อนทั้ง 8 รวมทั้งดวงจันทร์บริวารของดาวเพื่อน ให้โคจรไปรอบ ๆ ดวงอาทิตย์ร่วมกันอย่างเป็นระบบได้อย่าวต่อเนื่องและยั่งยืน


    พลังอำนาจทั้ง 6 ของดาวเคราะห์โลกนี้ เป็นพลังอำนาจบริสุทธิ์อย่างแท้จริง เพราะเป็นพลังอำนาจที่สร้างขึ้นเพื่อ "ให้" มิใช่เพื่อ "เอา" และเป็นพลังอำนาจที่ดาวเคราะห์โลกมิได้มีไว้เพื่อแสดงความมีอำนาจเหนือนำสรรพสิ่งอื่นหรือเพื่อใข้ทำลายสรรพสิ่งอื่น ซึ่งต่างจากอำนาจในสังคมมนุษย์ที่ทุกคนมักใฝ่หากันอย่างสิ้นเชิง !!!

    มนุษย์ต้องรู้ว่า ตามปกติแล้วแก่นแท้ในใจกลางโลกจะไม่สามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนทางจิตสำนึกด้านบวกของมนุษย์ เพื่อสร้างพลังอำนาจทั้ง 6 อย่างขึ้นมาได้ด้วยตนเองแต่เพียงลำพังเลย

    แรงสั่นสะเทือนของดาวเคราะห์โลก จะเกิดขึ้นได้ก็ต้องอาศัยแรงสั่นสะเทือนทางจิตสำนึกด้านบวกของมนุษย์ พืช และสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่ดำรงอยู่ในระบบโลกเท่านั้น

    ถ้ามนุษย์และสรรพสิ่งมีชีวิตทั้งหลายที่ดำรงอยู่ในระบบโลก สามารถเข้าถึงการสั่นสะเทือนทางจิตสำนึกด้านบวกร่วมกันได้จริง ผลรวมทางพลังงานของการสั่นสะเทือนทางจิตสำนึกด้านบวกในแต่ละวินาที ของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ๆ ในมิติพลังงานแต่ตามนุษย์มองไม่เห็นนั้น มันจะเป็น เงื่อนไขหรือสิ่งเร้า ที่จะกระตุ้นให้แก่นแท้ของดาวเคราะห์โลกเกิดการสั่นสะเทือนด้านบวกอย่างต่อเนื่องตามไปด้วย

    กล่าวสรุปคือ พลังอำนาจของดาวเคราะห์โลกกับจิตสำนึกของมนุษย์ มีความเกี่ยวพันกันอย่างมั่นคง จะเกิดขึ้นเองไม่ได้ถ้าไม่มีมนุษย์ช่วยเหลือ เมื่อใดจิตสำนึกของมนุษย์ตกต่ำ พลังอำนาจของโลกจะพลอยตกต่ำไปด้วย ถ้าจิตสำนึกของมนุษย์และโลกพากันตกต่ำ ดาวเคราะห์โลกทั้งระบบนี้จะพากันเสียสมดุล จนทำให้พลังอำนาจทั้ง 6 ประการดังกล่าวข้างต้นนั้นลดทอนลงทันที การเสียสมดุลทางพลังงาน ทำให้พลังอำนาจทั้ง 6 ของโลกเสื่อมถอย โดยมันจะแปรความตกต่ำเสื่อมถอยของจิตสำนึกมนุษย์โดยรวมเสมอ ( สำคัญมาก ๆ ค่ะ )

    หมายถึง ภัยร้ายที่เกิดจากการเสียสมดุลของดาวเคราะห์โลก เพราะจิตสำนึกตกต่ำจนทำให้โลกต้องตกต่ำลงตามไปด้วยมีดังนี้

    อำนาจแม่เหล็กโลก จะถูกลดทอนลง หรือมีค่าไม่คงที่ อายุขัยของมนุษย์จะสั้นลงกว่าปกติ ภูมิอากาศจะแปรปรวน จะเกิดภัยธรรมชาติที่รุนแรง เชื้อโรคจะกลายพันธ์

    ระบบโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลก ที่ห่อหุ้มระบบดาวเคราะห์โลกไว้จะตกต่ำลงจนถึงขีดอันตราย เพราะไม่สามารถเป็นรั้วในอวกาศที่แข็งแกร่งของดาวเคราะห์โลกได้อีกต่อไป มนุษย์จะด้อยสติปัญญาลงกว่าเดิม

    ก๊าซออกซิเจนในระบบโลก จะเจือจางหรือมีความหนาแน่นน้อยลงไปเรื่อย ๆ ระบบชีววิทยาของสิ่งมีชีวิตจะเสื่อมถอยลงเพราะขาดออกซิเจน

    โลกจะเหวี่ยงหมุนรอบตัวเอง ช้าลง คือ หมุนรอบตัวเองหนึ่งรอบจะต้องใช้เวลายาวนานยิ่งขึ้น มีผลให้กลางวันกลางคืนเปลี่ยนไป และฤดูกาลเปลี่ยนไป

    ถ้าจิตสำนึกโดยรวมของมนุษย์โลกต่ำทรามลงมาก พลังอำนาจของดาวเคราะห์โลกก็จะถูกลดทอนลงมาก หรือเสียสมดุลไปจากปกติมากนั่นเอง

    คงมองนึกภาพออกใช่ไหมค่ะ แค่สภาพลักษณะของโลกในยุคศาสนาของพระศรีอาริยเมตไตรย กับ ยุคสิ้นพุทธกัปล์สภาพของโลกอีกประมาณ 2,500 ปีข้างหน้า ถ้าเราศึกษาจากคำสอนของพระพุทธเจ้า อาจทำให้เรามองเห็นความต่างระหว่างความเป็นอยู่และลักษณะจิตใจของมนุษย์ มีผลต่อโลกทำให้โลกมีลักษณะต่างกันได้ดังนี้แล นะค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤษภาคม 2018
  15. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    ขณะนี้นอกจากโลกจะร้อนระอุไปด้วยสภาพภูมิอากาศแล้ว การสั่นสะเทือนใต้พื้นพิภพเขย่าโลกด้วยลาวาร้อนใต้พิภพธรณี แผ่นดินแยก แผ่นดินทรุด ภูเขาไฟระเบิด ล้วนมีสาเหตุมาจากสิ่งนี้ค่ะ

    มหันตภัยใต้ธรณีภิภพกำลังเริ่มก่อตัวสั่นสะเทือนเพื่อย้ายแนวแกนแม่เหล็กโลก ผลทำให้โลกเกิดแผ่นดินแยก แผ่นดินทรุดทั่วโลกล้วนมีผลเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนตัวของธรณีเพื่อเคลื่อนย้ายแนวแกนแม่เหล็กโลกที่อยู่ใจกลางโลก หรือขยับแนวแกนแม่เหล็ก

    ขณะนี้ที่โลกกำลังถูกดำเนินการทางเทคนิคด้านอำนาจแม่เหล็กโลก จึงเป็นกลไกของจักรวาลสร้างใหม่ เพื่อความสมดุลของระบบดาวเคราะห์โลก ไม่ว่าจะเป็นความสมดุลด้านน้ำหนักมวลตามสูตรสมการทางวิญญาณ ความสมดุลของรูปธรรมและความสมดุลของพลังงาน ล้วนจะถูกยกระดับเดียวกันด้วยกระบวนการนี้ พอลลูชั่นใด ๆ จะถูกชะล้างให้หมดไป สิ่งใดที่ด้อยกว่าจะถูกพัฒนายกระดับให้สูงขึ้นสู่ความสมดุลกับสรรพสิ่งที่เหนือกว่า และแน่นอนว่าจิตสำนึกมนุษย์ที่นับวันจะดิ่งสู่ความเป็นเดรัจฉานเข้าไปทุกที ก็จะต้องถูกยกระดับขึ้นจากกระบวนการเทคนิคในครั้งนี้ด้วย

    การเปลี่ยนแปลงโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลกเป็นการกระทำเทคนิคของจักรวาล ด้วยสูตรสมการทางพลังงานเพื่อสร้างความสมดุลในระดับที่สูงกว่าให้แก่ระบบโลกและทั้งจักรวาล กับการที่ดาวเคราะห์โลกเคลื่อนตัวสู่พิกัดใหม่ ตำแหน่งใหม่ ในจักรวาล มนุษย์จะพิสูจน์รู้ความจริงที่กล่าวนี้ด้วยการเฝ้ามองท้องฟ้าดูบ้าง หากสังเกตุให้ดีจะพบว่า มนุษย์โลกทุกคนมีฟ้าใหม่ไม่เหมือนยุคพลังงานเก่า มนุษย์จะแลเห็นกลุ่มดาวดวงใหม่ และกาแล๊กซี่ใหม่ ๆ ที่ไม่เคยเห็นและไม่เคยรู้จักกันมาก่อนอีกมากมายโดยใช้สองตาคู่เดิม และกล้องโทรทัศน์ดาวตัวเดิมอยู่นั่นเอง

    การปรับเปลี่ยนโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลก เพื่อเคลื่อนย้ายแม่เหล็กโลกให้เบี่ยงเบนไปจากเดิม จะต้องใช้พลังงานคลื่นไฟฟ้าแม่เหล็กที่เข้มข้นสูงมาก ยิ่งพลังงานถูกส่งเข้ามามากเท่าใด การสั่นสะเทือนที่รุนแรงมากยิ่งขึ้นเท่านั้น

    มนุษย์ต้องรู้ว่า ความลับเบื้องหลังมิติโลกนี้ คือความจริง มิใช่คำพยากรณ์ และมิใช่การประเมินสถานการณ์ล่วงหน้าด้วยหลักวิทยาศาสตร์ ซึ่งนอกจากจะนำมาเผยให้รู้ความจริงล่วงหน้า วัตถุประสงค์ จักรวาลต้องการรู้ว่า มนุษย์จะตัดสินใจกับชีวิตตนเองอย่างไร เมื่อได้รับรู้ข่าวสารนี้

    พลังงานทั้งหมดที่ส่งมายังโลก เป็นคลื่นไฟฟ้าแม่เหล็กชนิดเดียวกันกับที่เกิดจากการสั่นสะเทือนของจิตสำนึกมนุษย์ อันเป็นคุณสมบัติด้านบวก หากมนุษย์ต้องการช่วยเหลือโลก และช่วยเหลือจักรวาลทางเทคนิคในการกระทำต่อโลก มนุษย์ทุกคนสามารถทำได้ทันทีและจงกระทำกันเสียตั้งแต่บัดนี้เลย หลักการง่าย ๆ หันมาใช้จิตให้สั่นสะเทือนด้วยพลังงานด้านบวก และปล่อยมันออกมาให้โลก ด้วยการมอบความรักบริสุทธิ์แก่เพื่อนมนุษย์คนอื่น ๆ มอบความรักและความอาทรต่อกัน หยิบยื่นความเมตตาให้กัน มีความปราถนาดีต่อกัน เลิกกดขี่ข่มเหงเบียดเบียนกัน เลิกการแบ่งชนชั้น แบ่งชนชาติ แบ่งลัทธิหรือแบ่งสีผิวกัน ไม่เอาคุณสมบัติของกันและกันหรือความแตกต่างกันทางความคิดและความเชื่อเป็นเครื่องบ่งชี้ความแตกต่างทางจิตสำนึก แล้วแยกความเป็นมนุษย์ออกจากกัน มนุษย์ทุกคนจะต้องสร้างจิตสำนึกแบบรวมหมู่ อันเป็นจิตสำนึกแห่งเผ่าพันธ์ของรูปธรรมดาวเคราะห์โลก ที่สั่นสะเทือนด้านบวกต่อกันให้จงได้ แม้ระดับความถี่ของการสั่นสะเทือนจะปลดปล่อยพลังงานด้านบวกออกมาต่างกันก็ตาม มนุษย์พึงรู้ไว้ด้วยว่า มันเป็นประโยชน์ต่อตัวมนุษย์เองกับโลกใบนี้มหาศาล มันจะช่วยเหลือมนุษย์กับโลกให้เกิดการสั่นสะเทือนทางกายภาพ ในลักษณะมหันตภัยทางธรรมชาติที่กล่าวไว้จะลดความรุนแรงที่ยาวนานลงได้อย่างมากมาย ถ้ามนุษย์สามารถสร้างพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวกให้แก่โลกได้ รูปธรรมชั้นสูงไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานนอกโลกเข้ามากระทำเทคนิคอย่างเต็มกำลัง ตามที่ได้คำนวณและวัดค่าไว้อีกแล้ว

    จะเห็นได้ว่า พลังงานรวมในมิติที่สามที่เกิดขึ้นจากจิตสำนึกมนุษย์รวมกัน แม้จะมีจำนวนคนไม่มากนัก แต่พลังงานร่วมแห่งหมู่คณะที่จะเกิดขึ้นนั้นมหาศาล ถ้ามนุษย์โลกทั้งสิ้น 6 พันล้านคน พร้อมใจกันกระทำ พลังงานที่เกิดขึ้นจะมีค่าไม่น้อยเลย น่าเสียดายอย่างยิ่งที่มนุษย์ถูกปกปิดไว้ไม่ให้รู้เรื่องนี้ในยุคพลังงานเก่า แต่สำหรับมนุษย์ยุคพลังงานใหม่ มันจะไม่เป็นความลับระหว่างมิติอีกต่อไป เพราะมันจะอยู่ในบทเรียนที่มนุษย์ต้องกระทำมันสถานเดียว ไม่มีทางเลือกอย่างอื่น

    ขณะนี้ที่จะถึงเวลา คือเวลาบนโลกมนุษย์ที่กำลังนับถอยหลังเพื่อนำมนุษย์โลกทุกคนเข้าสู่สถานการณ์ เพื่อการชำระระบบโลกของจักรวาล ซึ่งได้สื่อสารมาให้แต่ต้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤษภาคม 2018
  16. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    หากติดตามสถานะการณ์โลก นอกจากโลกจะร้อนระอุไปด้วยสภาพภูมิอากาศที่ผิดปกติ และสถานการณ์ที่ร้อนระอุจากสถานการณ์สู้รบระหว่างประเทศ และการแบ่งแยกเผ่าพันธ์ในชนชาติเดียวกัน

    หลายคนที่เคยขลาดกลัวและสั่นไหวไปกับ คำพยากรณ์ต่าง ๆ ในเรื่องสงครามโลกครั้งที่สามและวันโลกาพินาศจากการกระทำด้วยน้ำมือมนุษย์ กลุ่มที่มีจิตสำนึกผิดพลาดหรือบางรายที่หวั่นไหวไปกับเรื่องภัยธรรมชาติ ถึงขนาดทำให้โลกใบนี้ขาดความะหมาะสมต่อการดำเนินชีวิตต่อไปได้ โดยคาดเดากันว่าน่าจะเกิดขึ้นในปีต่าง ๆ ที่ผ่านมานั้น มนุษย์สามารถได้รับคำตอบด้วยตนเองแล้วว่า ภัยจากสงครามโลกครั้งที่สามอย่างที่ขลาดกลัวนั้นมันไม่ได้เกิดขึ้นตามคำทำนายใด ๆ และแน่นอนว่าวิกฤตรุนแรงจากภัยธรรมชาติ ที่เป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งยังมาไม่ถึงนั้น มันจะไม่มีวันทำให้โลกแตกดับได้เช่นเดียวกัน

    มนุษย์ต้องรู้ว่าโลกยังมีความเหมาะสม และอายุขัยของดาวเคราะห์โลกแท้จริง ก็ยังไม่สิ้นสุด จักรวาลโดยรูปธรรมชั้นสูงผู้ดูแลห้องเรียนนี้อย่างดี ไม่มีวันปล่อยให้ดาวเคราะห์โลกขาดความเหมาะสมหรือดับสลายไปง่าย ๆ แน่นอน ไม่ว่าจะเกิดจากฝือมือมนุษย์ที่มีจิตใจชั่วร้าย หรือเกิดจากการกระทำใด ๆ ของจักรวาลเองก็ตาม การกระทำทางเทคนิคเพื่อตัดไฟแต่ต้นลมจึงเกิดขึ้น ดังที่สื่อมาให้รู้อย่างต่อเนื่อง

    จักรวาลยืนยันว่า สงครามอันเลวร้ายที่จะล้างเผ่าพันธ์มนุษย์และทำลายโลก มันจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นได้อีกต่อไปแล้ว

    ภัยธรรมชาติที่จะทำให้โลกแตกดับ มันไม่มีโอกาสเกิดขึ้นดั่งคำทำนายของใครอีกเช่นกัน


    เมื่อแทบทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมด้วยกลไกทางเทคนิคระดับสูงแล้ว ภารกิจเพื่อการชำระระบบโลก จึงเกิดขึ้นซึ่งทุกอย่างมันเริ่มแสดงตัวออกมาผ่านปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ทั้งที่เป็นเคราะห์ภัยและไม่ใช่ และผ่านการกระทำทางจิตสำนึกมนุษย์ที่บกพร่องทั่วโลก มนุษย์สามารถสัมผัสรับรู้ได้ด้วยตนเอง ผ่านข่าวสารทางสื่อต่าง ๆ ด้วยประสบการณ์ตรงมาแล้วทั้งสิ้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญและไม่ใช่เรื่องธรรมชาติที่มักเกิดขึ้นในระบบโลกอย่างเป็นปกติอย่างการคิดแบบจิตมนุษย์เลย

    เวลาเพื่อนับการถอยหลัง ในการชำระโลกอย่างขึงขังและจริงจัง ความถี่และความรุนแรงในสถานที่เป้าหมายในแต่ละทวีป มันจะสร้างปรากฎการณ์ที่เป็นเงื่อนไขแห่งความกลัวสำหรับมนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้แน่นอน การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพด้านภูมิประเทศและภูมิอากาศที่มนุษย์จะรับรู้ได้ด้วยตนเอง

    รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงทางพลังงานที่สูงขึ้นของดาวเคราะห์โลก ที่มนุษย์ไม่อาจรับรู้ได้ คือ ปรากฎการณ์หรือมายาซึ่งผลลัพธ์จากการกระทำทางเทคนิคของจักรวาลทั้งสิ้น และแน่นอนว่าจิตวิญญาณที่เร้นอยู่ในรูปธรรมมนุษย์จำนวนหนึ่งซึ่งขาดความเหมาะสมในการดำรงอยู่จากผลกรรมที่รุนแรงที่พวกเขาก่อไว้ ย่อมต้องถูกชำระไปพร้อมกับจิตวิญญาณอีกกลุ่มหนึ่งที่บังเอิญเข้าไปอยู่อาศัยในผืนแผ่นดินตรงจุดศูนย์กลางการสั่นสะเทือนพอดี โดยที่จิตสำนึกในความเป็นมนุษย์ของพวกเขาไม่อาจล่วงรู้ได้

    พวกเขาคือผู้นำในการทำลายกฎเกณฑ์ทางกายภาพของสากลจักรวาลอันเป็นกรรมอันร้ายแรงยิ่ง พวกเขาพากันพยายามเอาชนะธรรมชาติทำลายระบบนิเวศน์ของโลก ทำลายความสมดุลและความเป็นหนึ่งเดียวกันในสังคมมนุษย์โลก แสวงหาความมีอำนาจเหนือมากกว่าแสวงหาพลังในอำนาจในการรู้แจ้ง ขาดจิตสำนึกที่ตั้งมั่นอยู่บนพื้นฐานของความรัก ที่จะยึดเหนี่ยวเป็นสิ่งเดียวกันไว้ อันเป็นคุณสมบัติหลักของทุกสรรพสิ่งในจักรวาล ภายในจิตใจมีเพียงวัตถุกับอำนาจเหนือเพื่อคอยบงการจิตวิญญาณของมนุษย์ส่วนใหญ่ให้หลงไหลไปกับมัน จนพากันละทิ้งแก่นสัจธรรมของพระศาสดา
    พาเผ่าพันธ์มนุษย์เข้าสู่กลียุค เข้าไปเรื่อย ๆ จนมองหาข้อยุติไม่ได้ ด้วยการพยายามที่จะสร้างตนเองสู่ความยิ่งใหญ่ ด้วยสิ่งใหม่ที่ตนสร้างขึ้นมาแลกกับการทำลายสรรพสิ่งอื่น ๆ ที่มีอยู่ในระบบโลกให้เสียสมดุลไป ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรธรรมชาติหรือทรัพยากรมนุษย์ก็ตาม ซึ่งเป็นการทำลายความสมดุลของจักรวาลไปพร้อมกันด้วย

    จิตวิญญาณของผู้สร้างจึงต้องได้รับโทษสถานหนัก ขณะที่จิตวิญญาณของผู้ตามที่มัวเมาก็ย่อมได้รับผลกรรมตามสัดส่วนพลังกรรมที่กระทำขึ้น ซึ่งไม่มีรายใดที่จะรอดพ้นไปจากกฎแห่งกรรมเพื่อการชำระระบบโลกครั้งสำคัญนี้ไปได้


    ข่าวสารนี้เป็นการแจ้งให้รู้ว่าอะไรกำลังเกิดขึ้น! กับมนุษย์และโลก มนุษย์ต้องเผชิญกับอะไร? และมนุษย์ต้องทำอย่างไร? เห็นว่าเป็นเรื่องที่ต้องสนใจและตรงกับสถานการณ์โลกขณะนี้ค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤษภาคม 2018
  17. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    ข่าวสารที่แจ้งให้รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับโลกและมนุษย์ และต้องเผชิญกับอะไร ข้อมูลข่าวสารทั้งภาคแรก และภาคต่อนี้พอที่จะทำให้มองภาพออกได้เมื่อเราเข้าใจในสถานการณ์ปัจจุบันที่กำลังเกิดขึ้น

    การสั่นสะเทือนจิตสำนึกด้านบวก ค่าการสั่นสะเทือนที่แต่ละคนปลดปล่อยออกมาสู่สนามแม่เหล็กโลกภายนอกร่างกาย มันจะมีพลังอำนาจมหาศาลที่มนุษย์คาดไม่ถึงเลยทีเดียว อาจเกิดขึ้นดั่งกรณีใด ๆ ดังต่อไปนี้

    ๑.ปฏิบัติสมาธิด้วยสมองซีกขวา เพื่อสร้างปัญญาในการคิดรู้(พิจารณา) โดยสามารถหยุดยั้งกระบวนการทางอารมณ์ใด ๆ ในกระบวนการสมองซีกซ้ายเอาไว้ได้อย่างยาวนาน การปฏิบัติที่สำคัญคือ

    หยุดยั้งกระบวนการทางอารมณ์และการนึกคิดขาดสติละวางจากตัวตนจากการรับรู้ใด ๆ ที่เกิดขึ้น ปล่อยวางมายาต่าง ๆ เหล่านั้น โดยไม่นำมันมาเป็นอุบายเพียงเพื่อทำให้จิตนิ่งอย่างที่มนุษย์มากรายหลงผิด หรือนำมันมาเป็นตัวตนสำหรับจิตใช้ยึดเหนี่ยว ซึ่งในที่สุดของตนมันจะปรุงแต่งมายานั้นให้มนุษย์หลงใหลเลยเถิดไปกับมัน จนทำให้สมองซีกซ้ายเข้ามามีอำนาจเหนือในสภาวะสมาธิแตกโดยไม่รู้ตัว อารมณ์รายวันใด ๆ ที่มนุษย์คุ้นเคยล้วนเกิดจากกระทำสมองซีกซ้ายทั้งสิ้น ส่วนใหญ่มนุษย์เรียกว่า กรรมด้านลบ ที่ไม่เกื้อกูลต่อการสนับสนุนพลังงานแก่โลกเลย

    ๒.การแผ่เมตตา การปลดปล่อยพลังงานความรัก ความอดทน อดกลั้น ต่อผู้อื่นที่กระทำไม่ถูกต้องต่อตนเอง ต่อผู้อื่นที่กำลังได้รับทุกข์เข็ญลำเค็ญ ต่อผู้ด้อยกว่าในทันทีที่เผชิญ เป็นความรู้สึกจากจิตสำนึกจริง ๆ ไม่ใช่แสแสร้ง

    ๓.การบรรลุถึงความจริงด้วยการสำเหนียกรู้ถึงการกระทำไม่ถูกต้องของตนเองต่อสรรพสิ่งใด ๆ จนแม้แต่ตัวเองพร้อมต่อการขออภัยและยอมรับมันด้วยจิตสำนึก ในทันทีที่สำเหนียกรู้ให้ได้ โดยไม่ดื้อรั้น ถือทิฐิ และโดยไม่ต้องมีใครชี้นำ แต่เป็นการเกิดสติด้วยตนเอง ด้วยอำนาจการหยั่งรู้ระดับต้น แล้วพร้อมที่จะแก้ไขปรับเปลียนทัศนคติและความรู้สึกนึกคิดของตนทันทีนั้น

    ๔.การค้นพบความปิติสุขภายในจิตใจตน แล้วรักษามันไว้ให้ยาวนานโดยไม่ยอมให้สิ่งเร้าใด ๆ มายื้อแย่งมันไปได้ ไมว่าจะเกิดการมองโลกในแง่บวกเชิงสร้างสรรค์ หรือวิธีเลียนแบบเด็ก ๆ ด้วยการนำความเอาเป็นเด็กในตนเองออกมาก็ตาม

    ๕.รู้สึกเพลิดเพลินกับผลการกระทำที่ดีงามของตนเองต่อมนุษย์คนอื่น ๆ และทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไปโดยไม่หวังอะไรตอบแทนจากพวกเขา มีเพียงความพอใจที่ได้กระทำมันเท่านั้น พลังอำนาจสูงสุดของกระบวนการนี้ ตามนัยก็คือ การแสดงความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ ทั้งพ่อแม่ และบุคคลอื่น ๆ

    ๖.การรักษาศีลเพื่อเพาะบ่มจิตใจให้สงบงัน ด้วยการละเว้นการกระทำที่ไม่ถูกต้องต่อผู้อื่นและสรรพสิ่ง ในอันที่จะก่อให้เกิดการสั่นสะเทือนทางกายและจิตใจด้านลบ ก่ออารมณ์ด้านลบให้เกิดขึ้นมา แล้วปฏิบัติธรรมอันดีงามต่อผู้อื่นที่ทำให้ร่างกายและจิตใจสั่นสะเทือนด้านบวกขึ้นมาให้ได้

    ๗.การปฏิบัติสมาธิเพื่อการคิดรู้ จนเกิดการหยั่งรู้ในระดับใดระดับหนึ่ง จนเกิดการหยั่งรู้สูงสุดที่เรียกว่า การหลุดพ้นทางกายและจิตใจ ทำตนเองให้เป็นมนุษย์ที่สมดุลอย่างแท้จริงให้ได้

    ๘.เข้าถึงความดีงามทั้งหลายทั้งปวงที่มีอยู่ภายในจิตใจตนเอง ด้วยการนำเอาออกมาแสดงให้ปรากฎต่อเพื่อนมนุษย์และทุกสรรพสิ่ง

    ถ้ามนุษย์สามารถเข้าถึง 8 ประการนั้นได้ พลังอำนาจจากแรงสั่นสะเทือนทางจิตสำนึก จะเป็นประโยชน์ทางด้านพลังงานต่อดาวเคราะห์โลกอย่างยิ่ง ซึ่งสนามแม่เหล็กโลกได้เชื่อมโยงโครงข่ายไว้คอยรองรับเอาจากจิตสำนึกมนุษย์ตลอด 24 ชั่วโมงอยู่แล้ว

    สิ่งที่เราได้จากแปดประการนี้ทำให้เราพอมองภาพออกมา อย่างน้อยที่เราได้คือ การมอบความสุขให้กับตัวเราเอง เมื่อใดความสุขเกิดขึ้นจากเรา เราก็พร้อมจะมอบความสุขให้คนอื่นได้เสมอ เพราะจิตที่ประกอบด้วยสติสัมปชัญญะรู้ตัวทุกท่วงท่าทุกอริยาบถเคลื่อนไหว ด้วยใจนิ่งสงบเราจะรู้ได้ว่าความสุขเกิดขึ้นแล้วแก่เรา เราสุขโดยไม่ต้องมีอามิสใดเป็นเครื่อล่อ และเราพร้อมจะมอบให้คนอื่นได้เสมอ พลังงานที่ดี ๆ ในตัวเราก็อาจทำให้ผู้อื่นรู้สึกดีไปกับเราด้วยโดยทีเราไม่ต้องทำอะไรเพียงแค่อยู่เฉย ๆ เราก็สามารถมอบความสุขให้คนอื่นได้ ด้วยความสุขสงบนิ่งของเราพลอยอยากให้คนอื่นรู้สึกสุขสงบตาม ทั้ง ๆ ที่เขากำลังฟุ้งซ่านอยู่แท้ ๆ เลยอยากทำให้คนอื่นรู้สึกอยู่ใกล้แล้วสบายตา สบายใจ และเป็นการลดการเกี่ยวคล้องกรรมกับผู้อื่นได้ในปัจจุบันที่มีผลในอนาคตค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤษภาคม 2018
  18. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    ตรงใจกลางดาวเคราะห์โลก จะมีธาตุออกซิเจนเหลวเข้มข้นคล้ายตังเมที่มีความเขียวใสบริสุทธิ์ 100 % ติดตั้งเอาไว้ภายใน โดยที่อะตอมของธาตุออกซิเจนดังกล่าวนี้จะมีอนุภาคประจุไฟฟ้าลบเป็นคุณสมบัติ ซึ่งจะมีความว่องไวในการปฏิสัมพันธ์กับอนุภาคประจุไฟฟ้าบวกเป็นอย่างยิ่ง

    ดังนั้น เมื่อคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าด้านแม่เหล็กด้านบวก อันเป็นผลผลิตทางพลังงานรวมของจิตสำนึกมนุษย์ แทรกซึมส่งผ่านลึกลงไปยังใจกลางโลกได้แล้วอนุภาคประจุไฟฟ้าบวกจากคลื่นพลังงานของจิตมนุษย์ก็จะทำปฏิกิริยาทางไฟฟ้านิวเคลียร์กับอะตอมออกซิเจนที่มีคุณสมบัติด้านลบทันที

    มนุษย์ควรเรียกปฏิกิริยาทางไฟฟ้านิวเคลียร์นี้ว่า

    นิวเคลียร์ฟิชชั่น (Nuclear Fission)

    ปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิชชั่น คือ ปฏิกริยาที่ก่อให้เกิดการระเบิดใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ของอะตอมธาตุออกซิเจนภายในใจกลางโลก จากการกระทำของอนุภาคประจุบวกจากพลังงานของจิตมวลมนุษย์ จนก่อให้เกิดสิ่งต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ คือ

    ๑.เกิดการบิดตัวของก้อนออกซิเจนเหลวที่เข้มข้นที่เหนียวหนืดคล้ายตังเมในใจกลางโลก อันเป็นที่มาของ การเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองอย่างต่อเนื่องของดาวเคราะห์โลก จนถึงทุกวันนี้

    ๒.เกิดก๊าซออกซิเจน อันเกิดจากการแตกตัวของอะตอมออกซิเจนหลังเกิดปฏิกริยานิวเคลียร์ฟิชชั่น แล้วแทรกซึมขึ้นมาสู่ผิวโลก ให้มนุษย์และสิ่งมีชีวิตทั้งหลายได้ใช้เป็นปัจจัยหลักในการดำรงชีวิต

    ๓.เกิดคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็ก ที่เหวี่ยงหมุนออกมาจากใจกลางโลกอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นผลผลิตจากการระเบิดใหญ่เช่นเดียวกัน จนก่อให้เกิด ระบบโครงข่ายสนามแม่เหล็ก ห่อหุ้มดาวเคราะห์โลกทั้งระบบเอาไว้ และจากการเหวี่ยงหมุนของคลื่นแม่เหล็กโลกดังกล่าวนั้นยังก่อให้เกิด แนวแกนแม่เหล็กโลก ขึ้นอีกต่างหากด้วย

    ๔.เกิดความร้อนขึ้นภายในใจกลางโลก ซึ่งช่วยให้ทุกสรรพสิ่งบนพื้นโลกในยามราตรีที่ไร้ความร้อนและแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ มีความอบอุ่นขึ้น ทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหลายสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมีความสุข


    ให้นึกถึงพระแก้วมรกตค่ะ สีเขียวมรกตที่เป็นสัญญลักษณ์ของพระพุทธเจ้าพระสมณโคดมองค์ที่ 4 แห่งภัทรกัปล์นี้ค่เปรียบเหมือนเป็นสัญญลักษณ์อันบริสุทธิ์และสีเดียวกันเลย น่าจะมีนัยยะบ่งบอกอะไรได้ด้วยค่ะ

    และ เคยได้อ่านเกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติกระทู้หนึ่งในห้องนี้แหละค่ะ ที่เคยกล่าวถึงตำนานเกี่ยวกับภัยพิบัติมีความเกี่ยวข้องพระอรหันต์ในสมัยพุทธกาล กับตำนานแก้วกลางเตาเผาด้วย ก็เลยเชื่อมโยงไปเกี่ยวกับธาตุออกซิเจนใจกลางโลกได้พอดีเลยค่ะ


    ใครเคยเห็นภาพนี้ไหมค่ะ ทายซิว่าคืออะไร?


    ocu7mno4ezfn74USAvi-o.jpg

    นี่แหละค่ะ สถานที่หนึ่งในเอธิโอเปีย ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น "นรกบนดิน" และสถานที่นี้คือ เป็นมรดกโลก UNESCO หนึ่งในสถานที่นั้น คือ ภูเขาไฟ Erta Ale

    ติดตามอ่านได้ที่ link ด้านล่างค่ะ น่าสนใจมากกก

    https://pantip.com/topic/35555611
     
  19. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    วันนี้อยากมีสิ่งดีดีมาฝากกันค่ะเกี่ยวกับเรื่องการสนทนา ขณะที่ทำการสนทนาอยู่ ถ้าเรากำหนดรู้เราจะเห็นอะไรบางอย่างในการสนทนา จะเรียกว่า "กำหนดรู้" ก็ไม่เชิงถูกต้องนักค่ะ เพราะ...

    ๑.ขณะที่เราสนทนาเราสักแต่อยากพูดออกไป โดยที่เราไม่ได้กลับมารู้ตัวเลย การพูดของเราจะไหลลื่นค่ะ แต่ถ้าย้อนระลึกกลับมาดูเป็นการไหลลื่นแบบไร้สาระเสียมากกว่า เพราะเราจะพูดด้วยความอยาก หากอยากดีก็พอดูได้หน่อยค่ะ แต่ถ้าอยากแบบไม่ดี คำแต่ละคำที่ออกมาช่างเป็นคำพูดที่ไร้สาระและไร้พลังมาก ๆ เลย

    ๒.ขณะที่เราพูดอยู่กลับมาเพ่งตนเอง เราและคู่สนทนาจะรู้สึกอึดอัดค่ะ คือ มารู้สึกตัวแต่เป็นแบบเพ่ง มันจะเกิดอาการแข็งค่ะ และมีลักษณะการสนทนาแบบปิด จะมีอาการฝืน สนทนาจะสะดุดและไม่ราบรื่น

    ๓.ขณะที่เราสนทนาแล้วไร้สติ พลังคำพูดของเราจะอ่อนแรง เหมือนสายลมที่พัดกระจัดกระจาย ไร้พลังคำพูดที่ออกมาไม่สามารถเข้าถึงใจคู่สนทนาได้ ทำให้คำพูดไม่จับจิตจับใจ คู่สนทนาไม่อยากฟังหรือไม่อยากสนทนาด้วย

    ๔.ขณะที่เราพูดสนทนาหากมีพลังแห่งความสุขร่วมด้วย ในขณะที่กำลังสนทนา หรือ เรารับได้ว่าคู่สนทนามีสุขจนการพูดหรือรับฟังในสิ่งที่เราพูด พลังความสุขที่เราส่งออกไปและรับได้จากคู่สนทนา ทำให้เราอยากอยู่ตรงนั้นนาน ๆ อยากพูดสนทนาด้วย หรือแม้ไม่สนทนาก็อยากอยู่ เพราะเรารับรู้ได้ถึงพลังงานนั้น ใคร ๆ ก็ปราถนา

    ๕.ขณะที่เราสนทนาด้วยสติสัมปชัญญะ คำพูดในการสนทนาจะไหลลื่นมาอย่างไม่ขาดสาย และเป็นคำพูดที่เป็นคำพูดที่คู่สนทนาทั้งคู่ฟังแล้วเกิดปัญญาร่วมกัน พร้อมเป็นคำพูดพร้อมด้วยสติรู้ในความหมายของแต่ละคำ

    ภาษาจิตของมนุษย์ คือ ภาษาพูดค่ะ การสื่อสารที่ทรงพลังจะมีประสิทธิภาพทำให้เราประสบความสำเร็จในทุก ๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว เรื่องครอบครัว เรื่องการงาน แม้แต่ในสังคมก็สามารถทำให้เป็นหนึ่งเดียวกันเกิดความรักและความสามัคคีกันก็ล้วนด้วยภาษาแห่งจิตนี้ ถ้าเคยทำผิดศีลสัจจะ ศีลข้อ 4 ไว้มากจะเป็นตัวทำลายในเรื่องนี้เป็นอย่างดี หากใครปราถนาจะประสบความสำเร็จในเรื่องแบบนี้ การพูดให้เกิดความสามัคคีปรองดอง และการทำให้ผู้อื่นเกิดเห็นตามความเป็นจริงช่วยทำให้เราประสบความสำเร็จในสิ่งนี้ได้อย่างสวยงาม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤษภาคม 2018
  20. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    ถ้าคุยกับท่านไร้กรอบคงต้องเป็นเรื่องมนุษย์ต่างดาวน่าจะดีเหมือนกันนะค่ะ

    สิ่งศักดิสิทธิ์กล่าวว่า ถ้าอยากรู้ว่าดาวดวงใดก็ตามในจักรวาลอันไพศาลนี้ ถ้ารูปธรรมของสิ่งมีชีวิตดำรงอยู่ ดาวดวงนั้นจะต้องมีระบบโครงข่ายสนามแม่เหล็กห่อหุ้มดวงดาวนั้นเสมอ

    ดาวแต่ละดวงที่มีสิ่งมีชีวิตดำรงอยู่ จึงถูกกำหนดให้มีค่าความเข้มข้นสนามแม่เหล็ก (หน่วยเป็นเก้าส์) ไม่เท่ากัน เพื่อแบ่งแยกความต่างเผ่าต่างดาวแต่ละดวงเอาไว้ และจะได้ป้องกันการรุกรานระหว่างเผ่าดาวได้อีกด้วย ถ้าหากจิตสำนึกของเผ่าใดเผ่าหนึ่งบกพร่อง

    ถ้าดาวดวงใดมีสนามแม่เหล็กห่อหุ้มเอาไว้เป็นระบบโครงข่ายที่แข็งแกร่ง สมบูรณ์ และสมดุล โดยมีระดับค่าความสูงของระบบโครงข่ายคงที่แล้ว ตอบได้เลยว่า ดาวดวงนั้นจะต้องมีสิ่งชีวิตชั้นสูงดำรงอยู่จำนวนมาก หรือถ้าไม่มาก สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นต้องมีจิตสำนึกที่สูงส่งอย่างแน่นอน แต่ถ้าดาวดวงใด มีค่าความเข้มสนามแม่เหล็กของดาวต่ำ ๆ แสดงว่า ดาวดวงนั้นเป็นดาวที่กำลังมีสิ่งชีวิตอุบัติขึ้น หรือ กำลังจะถูกยกเลิกการมีสิ่งมีชีวิตอย่างใดอย่างหนึ่งแน่นอน

    เพราะรูปธรรมที่มีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นแบบใด ถ้าดำรงชีวิตอยู่ได้ก็ต้องอาศัยอำนาจแม่เหล็กดาวดวงนั้นเป็นหนึ่งในปัจจัยหลัก เนื่องจากเซลล์อวัยวะทุก ๆ รูปธรรมสิ่งมีชีวิตทั้งหลายทั้งจักรวาลล้วนถูกกำหนดไปตามพลังงานอำนาจแม่เหล็กของดาวดวงนั้น ให้มันทำหน้าที่ของมันได้ด้วยอาศัยพลังอำนาจแม่เหล็กของดาวที่ตนดำรงอยู่ในระบบเท่านั้น

    ด้วยเหตุนี้มนุษย์ต่างดาวอื่นจึงไม่สามารถมาอาศัยอยู่ได้อย่างถาวร จะมาเฉพาะแค่ชั่วคราวเท่านั้นก็ต้องไป ตอนเด็ก ๆ สงสัยเหมือนกันค่ะว่าทำไม? ในหนังเพื่อนมนุษย์ต่างดาวทำไมต้องจากไปอยู่ร่วมกับมนุษย์ไม่ได้ก็เพราะเหตุนี้ นี่เองค่ะ

    ถ้ามนุษย์ต่างดาวจะเข้ามายังดาวเคราะห์โลกของเราได้ จะต้องหาเส้นสมมุติเส้นแรงสนามแม่เหล็กโลกเส้นใดเส้นหนึ่งให้เจอ

    อย่างกรณีปลายุคพลังงานเก่า คลื่นสนามแม่เหล็กโลก เต้นตัวยกตัวสูงขึ้นจากโลกต่ำมาก นอกจากจิตวิญญาณชั้นสูงจะเข้ามาปฏิสนธิทางวิญญาณเป็นมนุษย์ๆไม่ได้แล้ว รูปธรรมมีชีวิตจากต่างมิติ ทั้งผู้ที่มีพลังงานด้านบวกและลบจะเข้ามาสู่โลกง่ายดายมากขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น

    สิ่งนี้ค่ะ ที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์กล่าวไว้ในข้อหนึ่งว่า ก่อนจะเข้ายุคพลังงานใหม่ มนุษย์จะพบเห็นมนุษย์ต่างดาวกันมากขึ้นกว่าเดิมเนื่องจากว่าสนามแม่เหล็กโลกตกต่ำนั่นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤษภาคม 2018

แชร์หน้านี้

Loading...