เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ขอบคุณทุกตัวอักษรเลยครับ

ผสานกลมกลืน รวมกันเป็นจังหวะดนตรีที่ผสานอย่างลงตัวเลยครับ

อ่านตามแล้วให้ภาพตามเลยครับคุณ zip

ชีวิตเราเหมือนดินสอที่มีหลายกิ่ง และหมุน 360 องศา เลยนะครับ

บางขณะดูแล้วเหมือนไม่เห็นอนาคตอะไร แต่เชื่อเถอะว่า ไม่ว่าหนทางใดที่เลือกเดิน จะมีกิ่งไม้รองรับไว้อยู่แล้วตั้งแต่ต้น แม้จะเป็นทางที่เราบอกว่า เราไม่ได้เลือกก็ตาม

cwg ที่คุณหมวยเล็กนำมาแชร์ เพียงเรามีปิติสุข และรู้สึกถึงความสมบูรณ์พร้อม ก็เท่ากับว่า เราได้สัมผัสอย่างลุ่มลึกกับตัวตนที่แท้จริงเราแล้วหละครับ

ยินดีต้อนรับคุณกร สู่ห้องวิทย์ครับ

จากตี๋เล็กเอง..
มีคนใจดี ให้ยืมร่างอวตารมาใช้ ชะแว่ป..ต้องรีบเอาไปคืนเจ้าของก่อน เผื่อใครต้องการใช้ อิอิ..

 

หาที่ลงได้แล้ว...แหม..ลืมกระทู้นี้ไปได้ยังไงนะเนี่ย..

คือว่าผมกำลังจะหาที่โพสต์เรื่องความฝันอยู่หนะครับ
มีบางอย่างอยากเล่าให้ฟัง..

สอง-สามวันก่อนมีตอนหนึ่งที่ผมฝันอย่างมีสติครบถ้วนบริบูรณ์
และรู้ตัวอยู่ว่ากำลังฝัน โดยที่ฝันไปว่า

ผมกำลังลอยแบบท่านอนหงายถอยหลังไปในอากาศอยู่
ก็เกิดสงสัยและเบื่อเล็กน้อยว่าแหม..ทำไมเราฝันว่าได้เหาะทีไร
มันจะเหาะได้ไม่ค่อยสูงเลย แบบว่าเหาะเลียดๆอยู่แค่ระดับเอว
หรือแค่ระดับหัวคนเท่านั้นเอง จะหนีใครก็ไม่พ้นเพราะมันต่ำไป

พอดีในฝันตอนนั้น ก็นึกขึ้นได้ว่า "ความรักแบบไม่มีเงื่อนไข" อาจช่วยได้
เลยลองส่งแผ่ความรักออกไป แค่อยากลองดูหนะนะครับ

ก็ปรากฏว่า เอ๊ะ..มันลอยขึ้นสูงขึ้นอีกวูบหนึ่งนะเนี่ย เลยได้การเลยทีนี้
ผมก็เลยท่องบทอาราธนาพระเข้าตัว เพื่อแผ่ออกไปสู่สรรพสัตว์ทั้งหลายต่อหนะนะครับ
โดยใช้บท

"สรรเพพุทธา สรรเพธัมมา สรรเพสังฆา พะลับปัตตา ปัตเจกานังจะยังพลัง
อรหันตานัง จะ เตเชนะ รักขังพันธา มิสัพพะโส สรรพพุทธานุภาเวนะ
สรรพธัมมา นุภาเวนะ สรรพสังฆานุภาเวนะ สัตทาโสดถี พะวันตุเต"

แค่นั้นหละครับ ในขณะที่ท่องไปก็รู้สึกว่ามีพลังงานพุ่งเข้ามาสู่ตัวผมจนรู้สึกวูบวาบไปหมด
และทำให้ตัวผมลอยชู้ดโ่ด่งสูงขึ้นจนน่าแปลกใจ



ผมก็เลยลองแบบอื่นอีกบ้าง โดยท่องบทคาถาจักรพรรดิ์ของหลวงปู่ดู่ คือบท

"นะโมพุทธายะ พระพุทธะไตรรัตนะญาณ มณีนพรัตน์สีสหัสสะสุธัมมา
พุทโธ ธัมโม สังโฆ ยะธาพุทธโมนะ พุทธะบูชา ธัมมะบูชา สังฆะบูชา
อัคคีธานัง วะรังคันธัง สีวลีจะมหาเถรัง อะหังวันทามิทูระโต
อะหังวันทามิธาตุโย อะหังวันทามิสัพพะโส พุทธะ ธัมมะ สังฆะ บูเชมิ"

นี่ก็ได้ผลอีกครับ คือยิ่งท่องไป นึกจับภาพหลวงปู่ทวด-หลวงปู่ดู่ไป
ก็ยิ่งลอยละลิ่วสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนไม่รู้ไปถึงไหนต่อไหนบ้าง
ทิวทรรศน์ที่เห็นรอบๆตัวก็เปลี่ยนไปเป็นสวยสดงดงามไปหมด

ในฝันยังนึกอยู่ว่า ปกติตัวเองเป็นคนกลัวความสูง แต่นี่ถ้าไม่ใช่ว่าเหาะแบบท่านอนหงายอยู่
มองหน้าแหงนขึ้นไปดูแต่ท้องฟ้า ก็คงจะกลัวมิใช่น้อยเลยทีเดียว

ชะรอยพระพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณนี่ คงเป็นพลังงานที่เราเข้าถึงได้
โดยไม่ยากเลยนะเนี่ย และก็คงเป้นพลังงานที่ไม่ใช่เล่นๆเลยทีเดียว

เล่าให้ฟังไว้หนะครับ เผื่อใครจะเอาไปใช้แก้ปัญหาในฝันบ้าง

.......................................................

 

ชอบภาพดาวเนปจูนแปลงร่างจังขอบอก.....

เรื่องที่คุณ zipper อธิบาย หมวยเล็กเข้าใจค่ะ แต่่ถ่ายทอดไม่เป็น หาคำพูดไม่ออก ได้แต่อ่านแล้วก็ อืมๆๆๆ เข้าใจๆๆ ค่ะ แหะๆ ขืนใช้คำที่ผิดพลาดไป จะเสี่ยงต่อการเข้าใจผิดได้
เช่นคำว่า หน้าที่ ก็นึกไม่ออกว่าอะไรจะเหมาะว่า แจ้เดรดบอกว่าเป็นพันธะ เออ ใช่ พันธกิจ
หมวยเล็กก็แบบนี้แหล่ะ เอ๋อๆ *0*

ฝันคุณชยุต อลังการงานสร้างอีกแระ 0.0 ลองสร้างพลังงานรูปแบบเดียวกับที่คุณใช้บทสวดเรียกมาซิคะ จำภาวะพลังงานนั้นได้มั๊ย ลองสร้างขึ้นเองด้วยใจตัวเองเลย โดยไม่ต้องสวดเรียกพลังงานศักดิ์สิทธิ์จากที่อื่นๆ หรือไม่ก็ขณะสวด ก็อธิษฐานจิตให้พลังงานศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นช่วยกระตุ้นพลังงานในตัวเองหน่อย เอ...หมวยคิดประหลาดไปหรือเปล่าอ่ะ 0.0

 

ขอบคุณจ้า คุณ zipp ใจดีจริงๆ คนแถวเนี้ย ใจดีทั้งนั้นเลย ขออะไรก็ให้ อิอิ
เข้าใจแระ อย่างน้อยก็เข้าใจขึ้น ถึงจะไม่รู้ว่าเข้าใจถูกป่าว...แป่วววว!!!!

ฝันคุณชยุต เต็มไปด้วยพลังงาน อ่านแล้วขนลุกเลย ของจริงนะเนี่ย!!!
เออ...เดรดไม่เคยฝันว่า เหาะได้เลย จริงๆขอบอก เวลาจะหนี หรืออยากไปเร็วๆ
มันหายตัวไปเลยอะ แบบ แว่บ ไปโผล่อีกที่ เปลี่ยนฉาก และตัวแสดงไปเลย

แต่เคย มีหลายครั้ง ที่เปลี่ยนไม่ได้ สงสัยสติสัมปชัญญะ error
มันจะกลัว อาทิเช่น...เจอ ผี...อือ ก็นึกได้อย่างเดียวแหล่ะค่ะ
บทสวด....สวดทุกบทเท่าที่จะนึกออกตอนนั้น
เดี๋ยวต้องจำ ที่คุณชยุตแนะนำมา ไปลองบ้าง ได้ผลอย่างไรจะมาแจ้งค่ะ

ร่างเนปจูนอวตาร เป็นตัวแทนของจินตนาการ
อยากให้เป็นอะไร ก็ได้ดั่งใจปรารถนา คริ คริ
ที่ว่าเป็นพันธะ เพราะ เราไม่สามารถให้ใครมาทำแทนได้
หน้าที่บางอย่าง ฝากฝังกันได้ ช่วยเหลือกันได้
โอนได้ ถ่ายเทได้ จ้างได้ บางที...ก็บังคับ ให้ทำแทนก็ด้าย...

แต่พันธะ เป็น คำมั่น และ สัจจะ (ขอยืมหน่อยน้า...)
ที่เราต้องเป็นผู้สำเร็จกิจด้วยตนเอง
เหมือนกับสิ่งซึ่งเรายินยอมรับมา เลือกมา ที่จะ มาเป็น อยู่ และคือ
มันเป็น "พันธะสัญญาแห่งจิตวิญญาณ"

 

เดี๋ยวขออนุญาตคุณ zipper copy เอาคำอธิบายเกี่ยวกับกาลเวลานี้
ไปโพสตืในกระทู้นั้นหน่อยนะครับ เพราะอธิบายได้เข้าใจง่ายเหลือเกิน

.......................................................................

 

อืม.. มันจะเป็นคำอธิบายเกี่ยวกับเวลามากกว่านะ แต่มันจะเกี่ยวกับช่องว่างและระยะทางหรือเปล่าหนอ

ตอนนี้เรายังอยู่ที่โลก 2D นะ และสมมติว่าเราจะเอาดินสอด้ามนึงที่มียางลบตรงปลายแทงทะลุผ่านโลก 2D นี้ อันนี้ต้องจินตนาการตามนะ

เราจะเอาหัวดินสอที่ใช้เขียนจิ้มลงไปก่อน จินตนาการว่าเราอยู่ในโลก 2D เราก็จะเห็นอะไรที่เป็นวงเล็กๆ สีดำๆ เป็นคาร์บอนแล้ววงนั้นก็ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จากที่เป็นคาร์บอนสีดำก็เป็นไม้แล้วขนาดของวงก็คงที่ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งจากไม้ก็กลายเป็นยาง แล้วก็หายไป

ดินสอ 1 แท่งคือช่วงชีวิตคนเรา หัวดินสอสมมติเป็นช่วงเด็ก ปลายดินสอสมมติเป็นช่วงชรา เราที่อยู่ในโลก 2D ก็จะนึกว่าช่วงอนาคตยังไม่มี เพราะจะเห็นดินสอแค่ช่วงที่อยู่ในโลก 2D แต่จริงๆ แล้วมันก็มีอยู่ของมันครบอยู่ก่อนแล้ว

ส่วนถ้าจะอธิบายอนาคตที่มีหลากหลายเส้นทาง ก็อาจจะเปรียบได้เหมือนกับว่า เอากิ่งไม้ที่มีหลายแขนงจิ้มลงไป พอถึงจุดแยกก็เลือกได้ว่าจะเอาแขนงไหนจิ้มลงไปในโลก 2D นั้น

แต่ละแขนงเปรียบเหมือนอนาคตในแต่ละเส้นทาง แต่ละแขนงมีอยู่ของมันอยู่ก่อนแล้วทั้งสิ้น

บางทีอาจจะนึกภาพเอากิ่งไม้ที่มีหลายๆ แขนงจิ้มลงไปในโลก 2D ลำบากหรือนึกภาพแล้วสับสนว่าจะเอากิ่งไม้นั้นพลิกไปพลิกมาจิ้มลงไปยังไง (มันต้องนึกเหมือนประมาณว่าเจ้า 2D นั้นอยู่ข้างในวงที่จิ้มทะลุผ่านโลก 2D ยิ่งอธิบายยิ่งงงมั๊ยเนี่ย จริงๆ มันต้องวาดรูปถึงจะเข้าใจง่ายขึ้น)

ก็ลองนึกใหม่เป็นว่า เป็นมดที่เดินบนเส้นลวดเล็กๆ แล้วเส้นลวดนั้นก็มีจุดที่เส้นลวดเส้นอื่นมาพันอยู่ด้วยเหมือนแขนงกิ่งไม้ สมมติว่ามดตัวนั้นมองเห็นไม่ไกลมากสายตาไม่ดี เท้ามันเดินไปแตะแขนงตรงไหนก็เดินไปตามเส้นนั้นโดยไม่เห็นว่ามีแขนงอื่นเส้นทางอื่นด้วย เจ้ามดตัวนั้นก็จะรู้สึกเหมือนว่าเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆเป็นเส้นตรง แต่แท้จริงแล้วเมื่อเรามองเจ้ามดตัวนั้นเดินมันก็เดินข้ามไปมาจากแขนงโน้นไปแขนงนี้ เจ้ามดนั้นอาจจะลุ้นระทึกอยู่ตลอดเวลาว่าทางข้างหน้าจะมีหรือเปล่า(เปรียบเหมือนที่เราก็ไม่รู้ว่าอนาคตเป็นยังไง) แต่เราจะเห็นว่าทางเดินมันก็มีอยู่แล้วแหล่ะ แต่แค่ว่าจะเดินไปเส้นไหนเท่านั้นเอง(อนาคตที่มีอยู่แล้ว และแต่ละแขนงแต่ละกิ่งก็เป็นอนาคตของแต่ละเส้นทาง)[/QUOTE]

โห........ คุณ Zipper เยี่ยมเลย

 

น้ำผึ้งหวาน... ต่อยอดความคิด....????

สังเกตุลักษณะของรวงผึ้ง...??
สมมุติตำแหน่งที่เรายืนอยู่เป็นเส้นใดเส้นหนึ่งในรังผึ้ง (ปัจจุบัน)
มิติแรก รังผึ้งเป็นลักษณะเป็นแผ่น สองมิติ.....

แต่ถ้ารังผึ้งเป็นทรงกลม ก็จะเพิ่มมิติเข้าไปอีก

แต่ถ้ามีมิติิทับซ้อนทรงกลมรูปรวงผึ้ง ก็จะเพิ่มมิติเพิ่มขึ้นไปอีก
โอ.... ผมว่าพอแค่นี้ก่อนดีกว่า(หารูปที่แทนภาพนี้ไม่ได้)
ู

ผมจุดประกายความคิดเพื่อนๆแล้วนะครับมันเกี่ยวกับเรื่องที่เพื่อนๆพูดคุยกันอยู่ครับ...???

 

0.0

*0* โอ้ยยย โย้ยยยย โย๋..........

แหมๆๆ บรรเจิดเพริศแพร้วกันใหญ่เลยน้าาาา......คิคิ

อย่าลืมรูปหกเหลี่ยมทรงพลังซึ่งประกอบจากสามเหลี่ยมอมตะด้วยน้าาาาา *0*

 

ธรรมชาติสอนเราได้ทุกเรื่องเลย เป็นตัวแทนของความรู้ได้มากมายจริงๆครับ
ไม่ว่าจะความคิดของคุณซิปฯ หรือรวงผื้งหวานๆของคุณ su_ra หกเหลื่ยมทรงพลังของคุณแสงโซ่
รวมทั้งใยแมงมุมทะลุมิติของพี่นักเขียน ฯลฯ

ในมิติที่ 0 มิติที่ 1 มิติที่ 2 อาจเป็นเพียงจุดหรือเส้นที่มีความยาวอย่างเดียวไม่มีความหนา
ส่วนมิติที่ 3 นี่พวกเราสัมผัสได้เข้าใจกันอยู่
มิติที่ 4 ก็มีทิศทางของแกนเวลามาเกี่ยวข้อง...
มิติที่สูงขึ้นไปก็ยิ่งละเอียด ลุ่มลึก อบอุ่น ยิ่งขึ้นๆๆนะครับ.....

ทำให้นึกไปถึงลูกบอลอีกแล้วครับ ลองสมมุติว่าเราขว้างลูกบอลออกไปแรงๆ 1 ลูก
มันจะกระทบพื้นและเด้งต่อๆไป จนเกิดระยะทาง- ช่องว่าง-กาลเวลาขึ้นอย่างง่ายๆ
และถ้าเราถ่ายรูปไว้จะบันทึกได้ตามที่ตาเห็น หรือทีละเฟรมเท่านั้น...(ผ่านเครื่องพรางบนโลกสามมิติ)

แต่หากเราเคลื่อนที่กล้องไปด้วยความเร็วเท่ากับลูกบอลหรือเร็วกว่านั้นได้ รวมทั้งเพิ่มความเร็วชัตเตอร์แบบ High speed สัก 2000 เฟรม /1 วินาที อะไรจะเกิดขึ้น? เราอาจค้นพบหรือมองเห็นรายละเอียดในสิ่งที่เราที่เรามองไม่เห็นในมิติที่ 3 อีกมากมายเลยนะครับ...(เหมือนกล้องใน the Matrix )

วันหนึ่งหากเราสามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเท่าแสงได้ ด้วยวิธีไหนก็ตาม (Time warp)
อะไรจะเกิดขิ้นนะ จะพิศวงเกินจินตนาการขนาดไหน ?
ใครมีประสบการณ์มาแชร์กันหน่อยดีมั๊ยครับ
ลองชมจากกล้องถ่ายภาพที่เร็วที่สุดในโลกไปพลางๆก่อน อิอิ

<EMBED src=http://www.youtube.com/v/BCM88eVzp9I&hl=en_US&fs=1& width=425 height=344 type=application/x-shockwave-flash allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></EMBED>

 

จ้า จ้า....จัดให้



This is the Star of David, which is a perfect six-pointed star
, or two interlocking equilateral triangles. See the first article entitled
The DaVinci Code in order to understand how this six-pointed star was constructed.



You can extend each triangle into a three-dimensional tetrahedron.
A tetrahedron is a four-sided solid, each side being an equilateral triangle.
Two interlocking tetrahedrons here are called a star tetrahedron.
With the apexes aligned at the North and South poles of
a sphere that contains the star tetrahedron,
the remaining points of the star will intersect the sphere at 19.47° North and South.<O
<O
เรื่องเดียวกันป่าว.....???</O
<Oที่มา...http://www.heartoftheinitiate.com/library/articles/davinci-code-2-mystery-of-the-pyramids</O>

 

อีกหน่อยน้า กะลังมันส์

---------------------------------------------------------------------




Diagram 01: This is the Star of David,
which is a perfect six-pointed star,
or two interlocking equilateral triangles.
See the first article entitled
The DaVinci Code in order to understand
how this six-pointed star was constructed.




Diagram 02: Here you simply construct lines
from each triangle apex to the apex just adjacent.

​

Diagram 03: Rotate the drawing 35.46° clockwise.


</O
<O
<ODiagram 04: The Star of David becomes …
a three dimensional dipyramid.
A dipyramid being two pyramids joined at the base.
Remember a pyramid has a base that is a perfect square
</O
<O</O
<ODiagram 05: The dipyramid is then rotated back </O
<O(counter-clockwise) first from 35.46° to 24°
</O
<O</O
<ODiagram 06: … then to 12°.</O
<O</O

<O</O
<ODiagram 07: … finally to 0°. </O
<OThis is back to a two-dimensional representation as well</O
<O

<O</O
<O
<ODiagram 08: Take away the bottom pyramid
from the dipyramid, and you have a perfect pyramid</O
<O
<O</O
<ODiagram 09: The precise measurements of the Great Pyramid of Giza </O
<Oare given here for your information. </O
<OYou can see that while very close, it is not a perfect pyramid</O

 

...ที่แท้ก็ตี๋เล็กเรานี่เอง...ตี๋ใหญ่มาเลี้ยววว อิอิ

 

.



It is not quite the same journey from the cradle to the grave each time.
Sometimes the differences are small. Sometimes they are very important.

We must set out each time on the same road
but along that road we have a choice of adventures.

~ J. B Priestley, I Have Been Here Before ~



เห็นกะลังมันส์...
พอจะอธิบายหรือไขปริศนาจุด Zero Point ของหมู่ปิรามิดที่เมืองกิซ่าให้หน่อยได้มั๊ยครับคุณ Kindred ...?

 

Meadwalker = ตี๋ใหญ่...
mead = ก็...ตี๋ หญ่าย กว่า...อะดิ
อือ...ชื่อคล้ายกันมากเลยค่ะ เกี่ยวดองเป็นญาติกันป่าวคะ???

ตอนนี้...มีหมวยเล็กแล้ว ข้าพเจ้าจอง...หมวยเล็กกว่า ได้ปะ
ไม่เอา หมวยใหญ่ ....แบ่บ ว่า วัดกันที่ size อะ....คริ คริ คริ

.....ตี๋ใหญ่ มาจุดประกาย เดี๋ยวไปอัพ กระทู้หน่อยดีกว่า คริ คริ

 

ไม่ได้เข้ามานาน แต่ข้อความข้างบนคุณซิปนี่มันย้ำเตือนบางอย่างจริง ๆ

ปัจจุบันคือจุดตัด ระหว่างของอดีตและอนาคต ถ้าปัจจุบันเปลี่ยน อนาคตก็เปลี่ยนจริง ๆ

 

ผังของหมู่มหาปิรามิด มีการจัดวาง แบบ อัตราส่วนโกลเดน(Golden Spiral)
ตามรูปข้างต้น ที่คุณ meadwalker เอามาให้ดูแหล่ะค่ะ

อัตราส่วนโกลเดน รู้จักกันดีในนาม อัตราส่วนของพระผู้เป็นเจ้า (divine proportion)
หรือ ส่วนแบ่งที่ศักดิ์สิทธ์(sectio divina..ภาษาละติน)
เป็นตัวเลข ที่มีทศนิยมไม่สิ้นสุด โดยประมาณ 1.618 033 988 749 894 848,
ระบบตัวเลขที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง ที่เราเรียกว่า "อนุกรมผลบวก"
หรือ "อนุกรมฟีโบนักชี (Fibonucci Series) "

ตัวเลข ที่มีค่าน้อยสุดตัวแรกจะให้ผลค่าตัวเลขต่อไปได้ด้วยการบวกสองตัวเลขเข้าด้วยกัน
คือ 1 , 2 , 3 , 5 , 8 ,13 , 21 , 34 ,55 , 89 ,144... เป็นต้น
ทำให้เกิดสัดส่วนของไฟ(Phi ) ว่าเท่ากับ1.618033989...

อนุกรมนี้ต่อเนื่องไปได้ไม่มีที่สิ้นสุด

จากการวัดสัดส่วนของมหาปิรามิด ปิรามิด,มักจะเกี่ยวกับเลขห้าเสมอ
เช่น มีห้าด้าน , ห้ามุม และอุฒหภูมิในห้องโถงพระราชาเท่ากับ 68 องศาฟาเรนไฮต์

ที่เป็นระดับของการทำให้ปรอทในหลอดแก้วเยือกแข็งและการทำให้น้ำเดือดที่ระดับน้ำทะเลพอดี
และเป็น ระดับอุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุดในการเจริญเติบโต ทำให้สิ่งมีชึวิตแข็งแรงและมีอายุยืน

ในห้องเก็บพระศพ ในปิรามิดใหญ่สุด(พระเจ้าฟาโรห์คีออพส์ ) ไม่มีช่องอะไรเลย
แต่อากาศในนั้น กลับโล่ง เย็นอย่างประหลาด ไม่อึดอัดแม้แต่น้อย อากาศดีมากๆ
เค้าว่ากันว่า ถ้านำผลไม้ติดตัวเข้าไป แล้วเอากลับออกมา
ผลไม้นั้น จะสุกช้ากว่า ปรกติ ก็ต้องลองอะนะคะ เผอิญเดรดเข้าไปแต่ตัว กะ หัวจาย

ตั้งกะบัดนั้น มาบัดนี้ ก็รู้สึก กระชุ่ม กระชวยดีนะค่ะ
แล้วไม่เคยเจ็บไข้ได้ป่วยอะไรเลย ไม่เคยเลยจริงๆ อันนี้ก็ไม่ทราบว่า
จะใช่ ที่เค้าว่ากันว่า ในปิรามิด มีพลังงานเป็นอนันต์นั้น
จะเรียกว่าพลังงาน Zero Point หรือไม่ อะค่ะ

 

องค์ประกอบภาพ จากการใช้สัดส่วนของ Phi ที่สวยงาม​

​

​

​

<CENTER></CENTER><CENTER>If you doodle this pattern</CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER>you are connecting</CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER>

 

ยอดเลยครับคุณเดรด ข้อมลูแน่นปั๋ง อิอิ
ศาสตร์และศิลปะหลายๆแขนงที่เป็นอมตะ ส่วนมากจะมีเบื้องหลังที่ได้มาจากอัตราส่วนของพระผู้เป็นเจ้า (divine proportion) นะครับ ถ้าเราสังเกตดีๆเค้าจะมีความสัมพันธ์และผสมกลมกลืนกับผลงานนั้นๆอย่างลงตัวมาก เชื่อว่าผู้ที่เรียนมาทางด้านศิลปะ-ออกแบบ รวมทั้งวิศวกรตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันก็ยังคงใช้สัดส่วนนี้อยู่ตลอด เป็นความงดงามตามแบบแผนของธรรมชาติซึ่งสัมผัสได้จากความรู้สึก ที่บางครั้งก็บอกไม่ได้ว่าผลงานงานนั้นงดงามลงตัวเพราะอะไรกันแน่ ขอบคุณแทนตี๋ใหญ่จอมซนด้วยครับคุณเดรด vbvb

ส่วนเรื่องตัวเลขอนุกรมฟีโบนักชี นี่น่าสนุกดีนะครับสำหรับผู้ที่สนใจ นับได้ไม่รู้จบจริงๆ เป็นศาสตร์ที่นำไปคำนวณได้จนหัวโป่งเลย อิอิ เคยได้ยินแม่หมอเดรดบอกว่ารอบของ อายุ 12 ย่าง 13 หรือ 24 ย่าง 25 หรือ 36 ย่าง 37 จะมีความเปลื่ยนแปลงเกิดขึ้นใหม่ทุกๆรอบ 12 ปี ก็เป็นเรื่องน่าคิดทีเดียวครับ...เลข 11 คงเป็นตัวเร่งปฎิกริยา..เลข 12 เข้าสู่สภาวะนั้นเต็มที่...เลข 13 เป็นการเริ่มต้นใหม่.....พอดีตกวิชาเลขด้วยดิ...เอิ๊ก...เรื่องนี้ยกให้แม่หมอมะเดรดศรีมาขยายความให้เพื่อนๆฟังดีกว่ามั๊ยครับ.. ^-^

 

ช่วงนี้ถ้าเราแหงนหน้ามองท้องฟ้าดูดาว จะเห็นความสวยงามเป็นพิเศษครับ
ท้องฟ้าโปร่งใสมองเห็นดาวชัดเจนมาก ทั้งกลุ่มดาว Orion ดาวซิริอุส
สามเหลื่ยมฤดูหนาว ดาวอังคารทางขอบฟ้าก็ชัดแจ๋ว...เห็นดาวไถสามดวง
ก็นึกถึงกลุ่มปิรามิดที่ตั้งเรียงกันตามสัดส่วนพระผู้เป็นเจ้าด้วยครับ
นึกไปถึงคนโบราณที่มองขึ้นไปและพบข้อมูลบางอย่างจากท้องฟ้า-จากธรรมชาติรอบๆตัว
จากสัญชาติญาณลึกๆที่คอยกระซิบบอก บนนั้นก็เต็มไปด้วยความอบอุ่นเป็นมิตร
เอิบอิ่มและสงบนิ่งจนบอกไม่ถูก (อยากถอยกล้องดูดาวใหม่ๆสักตัว 555)
ถ้าท้องฟ้าที่บ้านปลอดโปร่งไม่มีตึกสูงบังก็แหงนหน้าชมท้องฟ้ากันบ้างนะครับ

 

ใช่แล้วค่ะ คุณ mead เผอิญช่วงนี้ มาสนใจเรื่องรหัสต่างๆ
ยิ่งศึกษาก็ยิ่งเจอ ข้อมูลที่มันสัมพันธ์ ไปหมด มันแยกไม่ออกจริงๆนะ
สิ่งต่างๆ เชื่อมโยงกันเป็นเครือข่ายจริงๆ

ถามว่าจะรู้ไปทำไม ทำไมต้องค้นคว้า ขวนขวาย
สำหรับท่านอื่นเดรดไม่รู้นะ แต่สำหรับข้าพเจ้า มันเป็นการผจญภัย
เดรดชอบที่จะไม่รู้ เพราะมันสนุก เพื่อที่จะหาให้รู้ เปิดออกไป
ไม่ได้ ชื่นชม ยินดี หลงระเริงว่าตัวรู้มาก เมื่อไรที่คิดว่ารู้แล้ว...จบแล้วค่ะ

ชีวิตหมดความเบิกบาน ชีวิตกลายเป็นสิ่งเก่าไปแระ จบ จบกัน

เอ่อ...บ่นยาว ไปนิดส์ มาเข้าเรื่องดีกว่า
อนุกรมฟิโบนักซี่ ที่ว่าเป็นสัดส่วนที่ศักดิ์สิทธิ์
เพราะมันมักจะเป็นค่าของอะไรต่ออะไร หลายอย่างแบบไม่น่าเชื่อ

อย่าง ตัวเลขบนหน้าปัทม์นาฬิกาถูกแบ่งเป็น 12 ส่วน
ปีหนึ่ง มี 12 เดือน จักรราศี มี 12 กลุ่ม หรือ ปี 12 นักษัตร
เคยสงสัยไหมว่า เค้าเอาเกณฑ์ อะไรมาแบ่งกันหนอ...????

สมมติ ตั้งต้นที่ 12 รอบอายุ ที่เห็นชัดๆ
รอบที่ 1 ของ 12...12 เมือเข้า 13 ปี เริ่มโตแล้ว จากเด็กมาสู่ผู้ใหญ่
รอบที่ 2 ของ 12...24 เมื่อเข้า 25 บอกว่า เบญจเพศ มักจะจบแล้ว เริ่มทำงาน
รอบที่ 3 ของ 12...36 เมื่อเข้า 37 วัยนี้ มักจะเริ่มเป็นปึกแผ่น ตั้งตัว

โดยทั่วไป 3 วงรอบนี้เป็นช่วงอายุที่สำคัญ มันจะมี แอคทิวิตี้มากหน่อย
................

12...24...36 ก็เป็นอนุกรม ฟิโบนักซี่ นะ ว่ามะ

ในช่วงที่กล่าวมา เกิดการสิ้นสุด และเริ่มต้นใหม่ ของวงรอบชีวิตเรื่อยๆ เห็นไหมคะ
ในโหราศาสตร์ มี 360 องศา แบ่งเรือนชะตาเป็น 12 เรือน เรือนละ30 องศา

ความหมายเป็นเรื่องราวของชีวิต ตั้งแต่เริ่ม จนสิ้นสุด ครอบคลุม ใน 12 เรือน
แล้งยังแบ่ง แต่ละเรือนเป็นช่วงอายุ อีก แต่ไม่กล่าวละกันค่ะ เยอะเกินไป ไม่จำเป็นต้องรู้

เรือนที่ 11 เป็นเรือนที่หมายถึง เพื่อนสนิทที่สุด มิตรภาพ
ตรงข้ามกับเรือนที่5 ที่หมายถึง ความรัก เยาววัย
เรือนนี้ให้ความหมายของการแตกตัว เพื่อรวบรวมเข้ามาใหม่ แล้วสิ้นสุด ในเรือน 12
เรือน 11 สัญลักษณ์ คือ ราศีกุมภ์ Aquarius ....โฟตอนโซน ไงคะ...

เรือน12 ไม่ได้หมายถึงเรื่องร้ายกาจอะไรเลย โหราศาสตร์ทั่วไปใช้คำว่าวินาศน์
คล้ายๆ วินาศสันตะโร แต่จริงๆ มันเป็นเรือนของความลี้ลับ โลกส่วนตัวอย่างแรง
และมันก็เป็น การกลับเข้าสู่ภายใน เพื่อเตรียมตัว เกิดใหม่...เข้าสู่รอบต่อไปของชีวิต

อ้อ....เลข 11 เป็นรหัส กระตุ้น DNA ด้วย อย่าลืม

การศึกษาโหราศาสตร์ ช่วยให้เข้าใจวงจรชีวิตที่มัน หมุนวน ซ้ำๆไปเรื่อยๆในโลกสามมิติ
มันก็เลยไปเข้ากับเรื่อง จิตสำนึกที่กำลังสนใจอยู่
ไม่มีเหตุการณ์ใดไม่ซ้ำ เพราะมันเกิดจากความคิดที่เราชอบคิดวนไปวนมา จนเป็นพิมพ์เขียว
โหราศาสตร์ ใช้หลักการนี้ ทำนาย อนาคต แต่ความแม่นยำ ไม่มีอะไร 100 เปอร์เซนต์

เพราะอะไร ทราบไหมค่ะ ...เพราะทุกสิ่ง ทุกอย่าง เปลี่ยนแปลงที่ปัจจุบัน
ผังฟ้า มีอยู่ ผังชีวิตมีอยู่ แผนที่ชีวิต จริง นั่นคือสิ่งที่เราเลือกบทมาไง
เลือกตัวแสดง ฉาก เลือกทำเล ที่ตั้ง Prop ....ฯลฯ
โรงลคร โรงนี้จึงเกิดขึ้น แต่ไม่ได้มีเรื่องเดียว เราสามารถเลือกแสดงใหม่ได้เรื่อยๆ
เพราะแผนที่ ไม่ได้มีเส้นตรงเส้นเดียว แต่มีทางแยก เพียบ

จำได้ไหมละว่า เลือกอะไร กันมาบ้าง
เรามาเพื่อผจญภัย หาประสบการณ์นะคะ อย่าลืม อย่าไปหลงติดกับ เข้าหล่ะท่าน

แล้วไม่ต้องไปเชื่อ กับการทำนายอนาคตนักค่ะ...
เดี๋ยวก็...ถอดใจหมด กันพอดี