เชิญพูดคุยลูกศิษย์พระอาจารย์ไพบูลย์ วัดหงษ์รัตนาราม

ตะกรุดโทนหลวงพ่อสุดยอดครับผมได้คุยกับหลวงพ่อว่าตะกรุดโทนของหลวงพ่อว่าลงยันต์อะไรไว้ในตะกรุดโทนครับหลวงพ่อก็เลยบอกว่าเยอะนะดูเอาเอง เช่น ยันต์ฝนแสนห่า ยันต์ค้าขาย ยันต์กันปอบ ยันต์นักเลง ยันต์อายุยืน และอีกประมาณ 2-3 ยันต์ ใช้ได้ครอบจักรวาลก็ว่าได้ หลวงพ่อว่าบอกทำไม่ทันลูกศิษย์หรอกมีเวลาก้อทำไปเรื่อยๆ
เบี้ยแก้ อุดด้วยตะกั่วถ้ำชา หลวงพ่อตั้งใจทำมาก เสก 1 ไตรมาส
ใครที่อยากได้เบี้ยแก้ขอแจ้งข่าวในที่ว่าได้หมดไปจากวัดแล้วครับ สร้างแค่ 100 ตัวเองครับ
กราบ หลวงพ่อไพบูลย์ ครับ

 

ต้องขออนุโมทนาทุกท่านที่ช่วยกันเผยแพร่กิติคุณของครูบาอาจารย์ครับ

เมื่อวาน (วันที่ 11 เมษายน 55) ได้เข้าไปกราบท่าน ทราบว่าท่านกำลังเดินทางไปศรีสะเกษ จะกลับมาวันที่ 15 เมษายนนี้ครับ

 

อย่าไปถามสรรพคุณ ของเครื่องราง ของขลัง จากหลวงพ่อให้เมื่อยเลยนะครับ เพราะคำตอบที่เราจะได้รับ คือ "ไม่รู้ซิ เราไม่รู้ ใครเอาไปใช้ ได้ผลยังไง เขามาเล่าให้ฟัง เราก็ฟัง แต่จะให้เราบอกให้เอาไปลองได้ เราไม่บอก มันเป็นการปรามาส ครูบาอาจารย์ เราไม่ใช่คนแบบนั้น" หลวงพ่อ เมตตาเล่าให้ฟังว่า "สมัยหนึ่งที่เราจำพรรษาอยู่กับหลวงปู่ ใหญ่ลา เราเคย ถามท่านว่า ตะกรุดฝนแสนห่า นี้ ลองได้ไหมขอรับ ท่านตอบว่า ลองได้ ถือไว้ แล้วให้เขายิงเลย แต่ต้องเดินหนี มา สามวันแล้วนะ ถึงยิงได้" ครูบาอาจารย์นั้น ท่านมิอวดตน อาจเพราะอยู่ในสมณเพศ ที่มีศีลครอบอยู่ ซึ่งเป็นการอวด อุตริวิชา พระพุทธเจ้าทรงห้าม แต่ก็มีผู้แย้งว่า ก็ยังเห็นครูบาอาจารย์บางสำนัก ทำกันอยู่เลย ประกาศ ให้ลองได้บาง เหนียวสุดๆ บาง เมตตาค้าขายดี สุดแต่จะโฆษณา แต่สิ่งเหล่านี้ท่านจะไม่พบจากปากของหลวงพ่อ

 

พระสมเด็จ ยุคแรกๆของหลวงพ่อครับ ท่านสร้างจำนวนไม่มาก เพราะกดพิมพ์ด้วยมือ ทีละองค์ประมาณปี พ.ศ. 2528-9 นำภาพมาลงให้ชมกัน ท่านสร้างมาจากเนื้อผงผสมว่านและเกษรดอกไม้ เฉพาะว่านและเกษรดอกไม้นั้นท่านใช้ระยะเวลารวบร่วมนานถึง สามปี(เฉพาะปลูกว่านก็สองปีแล้วครับ) เกือบ 300 ชนิด ปัจจุบันหายากมากครับ

 

พอมีเหลือบางไหมครับ

 

เมื่อวานผมพาทีมงานไปขอความรู้เรื่องเหล็กไหลจากหลวงพ่อได้รับความเมตตาจากท่านมาก จะนำไปเผยแพร่ทางเคเบิ้ลทีวี สถานีทีนิวส์ ทีวี วันอาทิตย์ เวลา 8-9 โมงเช้าครับ

หลังจากพูดคุยถึงเหล็กไหลแล้ว ลองสอบถามท่านถึงการปฏิบัติกรรมฐานจากท่านจึงทราบมาว่า ท่านใช้การปฏิบัติแบบภาวนา พุทโธ เมื่อจิตสงบดีแล้วตัวรู้ในใจจะมีศักยภาพ ถึงขนาดที่เวลาใครจะมาหาจะสามารถรู้ล่วงหน้าก่อนประมาณครึ่งชั่วโมง ตัวรู้ภายใน จะบอกเลยว่าจะมาทางทิศไหน เข้ามาทางประตูไหนของวัด เตรียมจัดเสื่ออาสนะปูรอได้เลย ไม่มีผิดสักครั้ง แต่มันเป็นอำนาจทางโลกียะสมาธิมีและเสมื่อได้ อาศัยความสงบเป็นบาทฐานเท่านั้น ต้องเพียรต่อไปจนบรรลุโลกุตตระธรรมจึงเป็นของยั่งยืนไม่มีเสื่อม

 

เรื่องเหล็กไหลนั้นปัจจุบันหลวงพ่อมีแร่ที่เนื่องอยู่ในตระกูลเหล็กไหลประมาณ ๕ ชนิด ได้แก่
๑ พญาเหล็กไหลย้อย ได้มาจาก อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ มีสรรพคุณทางยารักษาโรคได้หลายชนิด เช่นดีซ่าน ทำน้ำมนต์รักษาคุณไสยผีเจ้าเข้าสิงได้ ปลุกเสกให้ดีมีอำนาจทางคงกระพันหนังเหนียว
๒ เหล็กไหลตาน้ำ ใช้ทางดับพิษไฟกรด คงกระพัน กันอสรพิษ
๓ ผงไหลปรอทน้ำ ใช้ทางกันไข้ป่า โรคระบาด กันคุณไสยมนต์ดำ เป็นแคล้วคลาดอย่างประเสริฐ
๔ โคตรเหล็กไหลเกาะล้าน ดีทางคงกระพันหนังเหนียว เจริญรุ่งเรือง ทำมาค้าขายดี
๕ แร่บางไผ่ ใช้ทางคงกระพันกันคุณไสยโรคระบาดต่างๆได้

แร่ตระกูลเหล็กไหลทั้ง ๕ ชนิดหลวงพ่อท่านนำมาผสมทำเป็นพระเครื่องรุ่นต่างๆ ที่หลายคนขอไปบูชาแล้วมีประสบการณ์อันน่าอัศจรรย์

แร่แต่ละชนิดมีดีในตัวเองตามธรรมชาติ ไม่ต้องเสกก็ขลังแล้ว ยิ่งนำมาผสมรวมกันยิ่งมีอานุภาพเข้มขลัง ดีทางแคล้วคลาด และเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน

 

อยากได้จังเลยครับที่หลวงพ่อยังมีอยู่ไหมครับ

 

พระสมเด็จ ตามภาพ ที่หลวงพ่อ ไม่น่าจะเหลือแล้วนะครับ เพราะผมก็ได้มานานแล้ว ก่อนที่ท่านจะนำไปบรรจุลงกรุ แต่ถ้าหากได้ไปกราบนมัสการท่านอีก จะลองถามให้ครับ

 

ผลแห่งการปฏิบัติ
หลวงพ่อเคยเมตตาเล่าให้ฟัง ถึงเรื่องการปฏิบัติ สมาธิภาวนา ของท่านให้ลูกศิษย์ ฟังว่า “สงบมาก นะ เรื่องอาการของจิตเวลาที่มันเข้าสู่สมาธินี้ มันสงบ มันพิสดาร(สวยงาม)มาก จนถึงขนาด คิดว่า ตัวเอง จะเป็นพระอรหันต์ น้อยๆขึ้นมาเลยที่เดียว นั้น ดูซิ ว่ามันขนาดไหน พอออกจากสมาธิ จิตมันก็ยังสงบอยู่อย่างนั้น คือ ไม่โกรธ ไม่ยุ่ง ไม่วุ่นวาย ใคร จะทำอะไรๆ เราก็ไม่ค่อยใส่ใจ วางเฉย ว่ายังนั้น เลยนะ พอดีว่าช่วงนั้น มีงานเข้ามาเยอะ เลยไม่ได้ทำสมาธิต่อเนื่อง พอไม่ได้นั่งติดต่อกัน หลายวันเข้าๆ ไอ้ความโกรธที่เคยคิดว่ามันหายไปก็กลับมาละซิที่นี้ นั้น!!! หงุดหงิด หมู่เพื่อนไปหมด.....” พอเล่ามาถึงตอนนี้ หลวงพ่อหัวเราะ ขบขันตัวท่านเองมาก "การทำสมาธิขั้นนี้ มันก็เหมือน แค่ เอาก้อนหินทับหญ้าไว้ พอ ยกหินออกหญ้ามันก็งอกขึ้นมา พอเราไม่ทำสมาธิต่อเนื่อง ความโลภ โกรธ หลงที่ถูกสมาธิกดทับไว้ มันก็โพล่ขึ้นมา นี้ มันเสื่อมได้นะ ขั้นโลกียะ นี้ยังเสื่อมอยู่ เพราะยังไม่ใช่ ขั้น โลกุตตระ"<O</O

 

ขุนแผน รุ่น 1 พระครูไพบูลย์ รัตนาภร ขุนแผนในตำนาน
เป็นขุนแผนในตำนานจริงๆ ครับ มิได้ใช้คำกล่าวที่เกินเลยไปกว่านี้เลย เหตุที่ต้องเรียกว่าขุนแผนในตำนานนั้น เรื่องมีอยู่ว่า
หลวงพ่อได้สร้างขุนแผนขึ้นมารุ่นหนึ่ง เป็นเนื้อดินเผา ผสม แร่ และ หว่าน ดินที่นำมาทำขุนแผนเป็นดินที่ขุดขึ้นมาจาก วัดหงษ์ ลึกลงไปหลายเมตร ท่านบอกว่า เป็นดินโบราณ ตั้งแต่สมัยพระเจ้ากรุงธนฯ (พระเจ้าตาก) หลวงพ่อกดพิมพ์ด้วยมือที่ละองค์ และจารอักขร ยันต์ด้านหลังองค์พระที่ละองค์ด้วยตัวท่านเองเช่นกัน ก่อน นำไป อธิษฐานจิต เป็นระยะเวลานานถึง 4 วัน (ปกติหลวงพ่อเสก วัตถุมงคล ใช้เวลาไม่นานเลย บางครั้ง ไม่ถึง 1 นาที ด้วยซ้ำ)ก่อนนำมาแจก ให้กับลูกศิษย์ที่เคารพในตัวท่านนำไปบูชา
เมื่อขึ้นชื่อว่าพระเครื่อง พิมพ์ขุนแผนแล้ว พุทธคุณที่โดดเด่นเห็นจะหนี้ไม่พ้นเรื่อง เมตตา มหานิยม ขุนแผนรุ่นนี้จึงเป็นที่เล่าลือ ถึงเรื่อง.......เป็นอย่างมาก จนกระทั่ง
ลูกศิษย์คนหนึ่งของหลวงพ่อ นำขุนแผนรุ่นนี้มาคืนท่าน เหตุผลเพราะ ชีวิตคู่หาความสงบสุขมิได้เลย เรื่องราวมีอยู่ว่า ลูกศิษย์ท่านนี้ เมื่อนำขุนแผนไปบูชาแล้ว ก็ได้พบคู่ครองดั่งใจปรารถนาของตน (รายละเอียด ปลีกย่อยบางเรื่อง ไม่สามารถนำมาลงได้ จึงขอละไว้ในฐานที่เข้าใจ)แต่ ในระยะนั้น ก็ยังมีผู้หญิงเข้ามาติดพัน มิได้ขาด จึงเกิดความไม่สบายใจ กลัวจะมีปัญหาในครอบครัว จึงนำขุนแผนมาคืนหลวงพ่อและเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ท่านฟัง เมื่อหลวงพ่อทราบเรื่อง ก็ได้นำขุนแผนรุ่นนี้ บรรจุลงกรุ ทั้งหมด เลิกแจกให้กับลูกศิษย์ (ผมเข้าใจเอาเองว่า อาจเป็นเพราะ แรงเกินไป!! สังเกตุได้จาก พระเครื่องรุ่นหลังๆ ท่านไม่เสก นานแบบนั้นอีกเลย) แต่ท่านก็ได้สร้างขุนแผนขึ้นมาอีกรุ่นหนึ่งเพื่อไว้แจกลูกศิษย์ เป็นขุนแผนรุ่น 2 เนื้อดินเผาเหมือนรุ่นแรก แต่ หลวงพ่อก็ไม่ได้ ปลุกเสกนานเหมือนเดิมอีก ส่วนภาพอีกสององค์นั้น เป็น สมเด็จบุโรพุทโธ กับ สมเด็จ เนื้อผง เกษรดอกไม้ ผมเอาภาพมาลงให้ชมกันครับ เพราะพระเครื่องรุ่นแรกๆของหลวงพ่อ ปัจจุบัน หาชมได้ยากมากแล้ว

 

ทุกสรรพสิ่ง มีอนิจจัง เป็นทางเดิน
เมื่อ อยู่ในโลก ชีวิต ก็ต้องดำเนินไป ตามกฏธรรมดาของโลก ทุกข์บ้าง สุขบ้าง ปะปนกันไป

แต่เมื่อคราวทุกข์มาเยือนแล้ว ตามวิสัยปกติของเราๆท่านๆทั้งหลาย ล้วนแต่วิ่งหาที่พึ่งที่ยึดเหนี่ยวด้วยกันทั้งนั้น อันตัวผมเองก็หนีไม่พ้น กฏธรรมดานี้ เช่นเดี่ยวกัน
เรื่องมีอยู่ว่า

แฟนผม มี คดีความ ต้องฟ้องร้องกัน ถึงขั้น ขึ้นโรงขึ้นศาล เพื่อความสบายใจ ผมจึงพาแฟนไปถวายสังฆทานที่ วัดหงษ์รัตนาราม หลังจากถวายสังฆทานเสร็จ หลวงพ่อท่านถามผมว่า "จะรดน้ำมนต์ ไหม" ผมรีบตอบว่า "รดครับ" แล้วท่านก็เมตตาถามต่ออีกว่า "จะรดแบบธรรมดา หรือแบบไม่ธรรมดา" การที่ท่าน ยิงคำถามแบบนี้ต้องมีอะไร ผิดปกติแล้วครับ (การไปกราบนมัสการท่านในครั้งนี้ ผมไม่ได้พูดเรื่อง คดีความให้ท่านฟังก่อนหน้านี้เลยครับ แต่ท่านคงสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติบนใบหน้าของผม ว่ามีความกังวลใจ หรือ อาจเป็น ฌาณ ยังรู้หรือ อะไรๆ ก็จนปัญญาของผมที่จะรู้ตามได้) เมื่อท่านพูดมาอย่างนี้แล้ว ผมจึงเล่าให้หลวงพ่อฟังว่า "พรุ่งนี้ ต้องไปขึ้นศาลครับ" ท่านถามว่าเรื่องอะไร ผมตอบว่า เป็นคดีแพ่ง ฟ้องร้องค่า เสียหายครับ ท่านถามว่า "แล้วเอ็งไป ทำอะไร ท่าไหนเข้าละนี้ หือ!!!" แล้วหลวงพ่อก็นิ่งเงียบไปซักพัก ก่อนเอื้อมมือไปหยิบกล่องเหล็กที่วางอยู่ข้างๆ หยิบเอาใส้เทียนไขที่ขดไว้เป็นก้อนๆ ออกมาส่งให้ผม แล้วท่านสั่งให้เอามาวัด ตามร่างกายของแฟนผม ตามส่วนต่างๆ แล้วตัดออกมา เป็นส่วนๆ มี 1 วา,1 แขน ,1 ศอก ,1 คืบ , 1 กลางกระหม่อมถึงเอว,1 รอบศีรษะ ก่อนนำมาพันรวมกัน แล้วจุดทำน้ำมนต์(หลังจากนั้นท่าน สวด คาถา ต่างๆ ให้ อีก เกือบ 19 นาที) ก่อนเริ่มพิธีกรรม หลวงพ่อ ท่านยังหันมาถามผมว่า "เอ็งจะทำด้วยไหม" หมายถึง วัดไส้เทียน ผมตอบว่า "ไม่ครับ" เพราะเท่านี้ ผมก็ซึ้งใจจนแทบจะร้องไห้แล้ว ไม่อยากรบกวนอะไรท่านอีก
หลังจากท่านรดน้ำมนต์ให้เสร็จแล้ว ท่านก็บอกให้เอาน้ำมนต์ที่เหลือในขันธ์ นำกลับไปล้างหน้าที่บ้านด้วย หลังจากนั้นหลวงพ่อยังลุกขึ้น ไปหยิบ พระเครื่ององค์เล็ก ๆ ส่งให้แฟนผมอีกองค์หนึ่ง กำชับว่า ให้พกติดตัวใว้นะ
นี้แหล่ะครับ ครูบาอาจารย์ ที่ผมอยากแนะนำท่านทั้งหลายให้ได้รู้จักเรื่องราวของท่านในอีกแง่มุมหนึ่งว่า นอกจาก เครื่องราง ของคลังที่เราๆ ทั้งหลาย แสวงหาจากท่านแล้ว สิ่งหนึ่งสำหรับผมที่มีค่ามากกว่านั้นที่ได้รับจากท่านคือ ความเมตตา ที่ท่าน จะสัมผัสได้ เมื่ออยู่ใกล้ๆหลวงพ่อ

 

เคยได้ยินหลวงพ่อท่านพูดไว้ฟังถึงเรื่องพระขุนแผนรุ่น 1 เนื้อดินเผาของท่านว่าทำพิธีปลุกเสกถึง 84,000 จบ ปัจจุบันหาไม่ได้แล้วคนที่มีไว้ครอบครองบูชาก็ต่างหวงแหนเพราะประสบการณ์ทางมหานิยมสูงมาก

 

ช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาส ร่วมทำบุญผ้าป่ากับหลวงพ่อ โดยได้นำเรื่องการทำบุญผ้าป่าในครั้งนี้ ไปบอกกับเพื่อนๆ ในที่ทำงาน
ก็มีหลายคนที่ร่วมสมทบทุน ทำบุญ
หลวงพ่อท่านจึงมอบพระเครื่อง มาจำนวนหนึ่ง ที่ท่านสร้างไว้ ให้นำไปมอบให้กับผู้ร่วมทำบุญในครั้งนี้ด้วย
เมื่อผมได้รับพระเครื่อง จากหลวงพ่อ พลันเมื่อสายตามองไปเห็นองค์พระที่ใส่อยู่ในกล่อง สีน้ำตาลเค้ม ในใจก็คิด อัคติขึ้นมาทันทีว่า พระยังใหม่อยู่เลย แบบนี้หลวงพ่อท่านปลุกเสกหรือยังก็ไม่รู้ ถ้าท่านยังไม่เสก แล้วเราเอาไปมอบให้คนอื่น เราจะบาปไหมหน๋อ ยิงคิด ก็ยิ่งหาเรื่องให้นรกกินกบาลไปเปล่า ๆ
ผมจึงหันกลับไปหาหลวงพ่ออีกครั้ง ขอให้ท่าน ปลุกเสกพระเครื่องกล่องนี้ให้อีกที หลวงพ่อตอบว่า "พระเครื่อง ใครจะไปเสกได้ องค์ท่าน ก็สำเร็จเป็นพระตั้งแต่เราทำเสร็จแล้ว เอ็งยังจะมาให้เราเสก อะไรอีก"เมื่อได้รับคำตอบจากหลวงพ่อ ผมจึงไม่กล้าสบตากับท่าน แต่มือทั้งสองข้างก็ยังคงถือกล่องยื่นไปหาท่าน
ท่านคงจะเห็นว่า ใอ้ศิษย์คนนี้มันคงบ้าหนักจนกู่ไม่กลับเสียแล้ว ท่านก็เลยต้องปล่อยให้เลยตามเลย

หลวงพ่อรับกล่องพระไปวางลงตรงหน้าท่าน ก่อนนั่งหลับตานิ่งไปซักพัก ปากก็ทำขมุบขมิบๆ ประมาณ สองนาที แล้วก็หยิบที่พรมน้ำมนต์ขึ้นมาพรมลงบนกล่อง จังหวะนั้นผมรีบเอาศีรษะของตัวเองยื่นเข้าไปใกล้ๆ เผื่อน้ำมนต์ของหลวงพ่อจะรดมาโดนบ้าง ที่ไหนได้ ไม่ได้มีแค่น้ำมนต์ที่มาโดนศีรษะครับ เพราะท่านเอาที่พรมน้ำมนต์ตีลงมาด้วยเลย หลวงพ่อท่านคงจะตีไล่เอาความโง่ ที่มันสุมอยู่ในหัวผมออกไปด้วยกระมัง
เมื่อเสร็จแล้ว ผมก็กราบนมัสการลาท่านกลับ แต่ในใจก็คิดว่า หลวงพ่อ เสกเพิ่มแค่แป๊ปเดียวเอง จะขลังรึ!!! ว่าไปนั้น

ผมโบกรถแท็กซี่ที่หน้าวัด เพื่อมาต่อ รถไฟฟ้า บีทีเอส สถานี วงเวียนใหญ่ กลับ พระโขนง ตอนนั้น เป็นเวลาประมาณ สองทุ่มเศษ พอขึ้นรถไฟฟ้า ผมก็เอากล่องที่หิ้วมาวางไว้บนตัก อากาศภายในรถไฟฟ้า ท่านทั้งหลายก็น่าจะทราบกันดีนะครับว่าอากาศเย็นสบายขนาดไหน แต่แขนข้างที่ผมอุ้มกล่องพระเครื่องของหลวงพ่ออยู่นั้น กลับร้อนเอามากๆ ผมนึกว่า แขนผมคงจะทำปฏิกิริยากับกล่องกระดาษซะแล้ว เพราะถือข้างนี้ไว้นาน ผมจึงเปลี่ยนมาถือด้วยมืออีกข้าง
ปรากฏว่า มือข้างใหม่ก็ร้อนอีก นั้นเพราะ ความร้อนออกมาจากกล่องครับไม่ใช่ที่มือ
ผมจึงเอามือจับดูรอบๆกล่อง เพื่อหาต้นตอของพลังงานความร้อน ก่อนเอามือลวงเข้าไปจับองค์พระที่อยู่ข้างในกล่อง เท่านั้นแหล่ะ ถึงบางอ้อเลย
พระเครื่องที่หลวงพ่อ ท่านสร้างนั้น ผ่านการอธิฐานจิต จากท่านมาแล้วทุกองค์ แต่คนที่ปัญญาน้อยอย่างผม ดันคิดเอง เออเอง ไปต่างๆ นานา ครูบาอาจารย์ท่านเลย แสดงให้เห็นไปเลยว่า ร้อนขนาดนี้ คราวหน้าเอ็งยังจะขอให้เสกซ้ำอีกไหม !!!!!

 

ขออนุโมทนากับทุกข้อความ ที่ช่วยกันเผยแพร่ครูบาอาจารย์ครับ

 

วันอาทิตย์ที่ผ่านมาไปกราบหลวงพ่อและไปเอาตะกรุดหนุนดวงที่ให้หลวงพ่อทำไว้ให้นั่งคุยได้สักพักเลยให้หลวงพ่อจารยันต์ลงในผ้าขาวม้าเอาไว้ใช้เวลาสวดมนต์หลวงพ่อบอกว่าเอาเดี๋ยวทำให้เอาแบบให้กันทุกอย่างเลยจารเสร็จท่านก็เปล่าลงผ้าข้าวม้าว่าศักดิ์สิทธิๆ

ผมก็ถามหลวงพ่อเรื่องพระหลวงพ่อกวยท่านก็ลุกเดินเข้าไปในห้องกลับมาพร้อมกับสมเด็จน้ำมันหลวงพ่อกวย 2องค์ ท่านบอกว่าเลือกเอาอยากได้องค์ไหน หลวงพ่อให้ผมจริงหรือครับ ท่านก็ว่าจริงเอาไปใช้เก็บไว้ให้ดีนะ ผมซึ้งในความเป็นครูบาอาจารย์มากเลย
กราบหลวงพ่อไพบูลย์ มา ณ ที่นี้ด้วยครับ

 

พิธีเบิกเนตร พระพุทธมงคลธรรมวงศานุวัตร พระประธานที่เจ้าอาวาสวัดแคสุพรรรณบุรี ได้มอบถวายมา นำมาเบิกเนตร ณ วัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร กทม.โดยท่านพระครูไพบูลย์รัตนาภรณ์ (สมบูรณ์ รตนญาโณ ปธ.๓ ) เจ้าคณะ ๔ ผจล.วัดหงส์รัตนาราม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กทม เป็นประธานถวายการเบิกเนตร เพื่อความเป็นสรรพสิริมงคลแก่บ้านเมืองประเทศราช สืบไป

 

พระเดชพระคุณหลวงพ่อ พระครูไพบูลย์รัตนาภรณ์ ผจล.วัดหงส์รัตนาราม ได้เดินทางไปที่ บ้านนาโนน อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อจัดผ้าป่าสร้างอาคารเรียนและอาคารกองทุนเพื่อการศึกษา และมอบทุนการศึกษา แก่เด็กนักเรียน เรียนดีแต่ขาดโอกาส โดยพระเดชพระคุณหลวงพ่อนั้นได้เคยศึกษาเล่าเรียนในสมัยก่อนก็คือโรงเรียนบ้านนาโนนแห่งนี้ด้วย โดยความที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านได้เป็นผู้มองเห็นความสำคัญของการศึกษาเป็นอย่างมาก โดยพระเดชพระคุณกล่าวในวันงานว่า,,,,,***การศึกษานั้น สร้างคน สร้างงาน สร้างชีวิต เพราะการศึกษานั้นต้องปูพื้นฐาน เช่นเดียวกันกับการสร้างตึกสูง ที่ต้องตอกเสาเข็มให้มั่นคง ถึงจะถาวรอยู่ทนและนาน การศึกษาก็เช่นเดียวกัน ต้องปูพื้นฐานให้มั่นคง บั้นปลายทางชีวิตก็จะสดใส อดทนเรียนและต่อสู้ อดเปรี้ยว ไว้กินหวาน .....หลักของตึกคืออิฐ หลักของชีวิต คือการศึกษา.... ดังนั้นแล้วพระเดชพระคุณหลวงพ่อจึงมีปฏิปทาที่แน่วแน่เกี่ยวกับการพัฒนาในด้านการศึกษา และในวันที่ ๑๑ เมย.๒๕๕๕ ที่ผ่านมา พระเดชพระคุณพระครูไพบูลย์รัตนาภรณ์ ก็ได้มอบทุนการศึกจำนวนทุนละ ๑,๐๐๐ บาท จำนวน ๘๐ ทุน มอบทุนการเล่าเรียนดีแต่ยากจน ทั้งตำบลหนองไฮ และมอบวัตถุมงคล เป็นพระเครื่องกรุเก่าวัดหงส์รัตนาราม และในโอกาสเดียวกันแม้ท่านจะเจริญงอมงามแล้วก็ตามท่านยังมิได้ลืมคุณของอาจารย์ ท่านยังได้ถวายสักการะขอพรอาจารย์ท่านที่วัดพงพรต อีกด้วยและยังทำบุญอุทิศหาบุพพการีชน ในคราวกันเดียวนี้ พระเดชพระคุณจะพูดบอกลูกศิษย์อยู่เสมอว่า...สูเจ้าเอ่ย ผู้ใดไม่ลืมคุณคน คุณบุพพการีชนผู้มีอุปการะ ผู้นั้นจะเจริญ.....สาธุ

 

เห็นหลวงพ่อบอกว่ามีคลิปอยู่ในyoutube ชื่อว่าอะไรครับ มีใครพอจะรู้บ้าง
ขอบคุณครับ

 

รายการศาตร์ปาฏิหาร์ ช่องทีนิวทีวี