ปิดรับบริจาค (เชิญฝากชื่อเขียนลงแผ่นทอง)หล่อองค์ปฐมประจำวันเกิดองค์ๆละ10,000บาท!!!

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย เก๋ณัฐา, 7 กุมภาพันธ์ 2014.

  1. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    ถวายข้าวพระพุทธ ทำอย่างไรจึงจะถูกต้อง?

    [​IMG]



    การทำบุญเลี้ยงพระ คือ การนิมนต์พระภิกษุสงฆ์มาฉันภัตตาหารในสถานที่ประกอบพิธีทำบุญ จัดเป็นทานมัยบุญ บุญที่เกิดจากการถวายทาน คือ การถวายอาหาร ปัจจัย ไทยธรรม แด่พระสงฆ์ ซึ่งเป็นบุญพิธีที่ชาวพุทธทั้งหลายนิยมทำกันเป็นประจำในโอกาสต่างๆ ทั้งโอกาสที่เป็นมงคล คือปรารภเรื่องดีที่เข้ามาในชีวิต และโอกาสที่เป็นอวมงคล คือปรารภเหตุแห่งความสูญเสีย อันเป็นคติธรรมดาของชีวิต

    โดยในงานมงคลมีวัตถุประสงค์เพื่อความสุขความเจริญแห่งจิตใจที่เกิดเหตุดี หรือเกี่ยวกับการริเริ่มดำเนินชีวิตใหม่ เพื่อให้เกิดความสำเร็จตามความปรารถนาด้วยดีตลอดไป

    ส่วนในงานอวมงคล ก็มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์เกื้อกูลและความสุข โดยปรารภเหตุร้ายที่เกิดขึ้นเนื่องจากมีการตาย หรือการสูญเสียในวงศาคณาญาติ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องในครอบครัว จึงมีการทำบุญขึ้น เพื่อให้สำเร็จประโยชน์ และความสุขแก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว และเพื่อเป็นมิ่งขวัญแก่ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่

    ด้วยเหตุนี้ พิธีทำบุญเลี้ยงพระ จึงมีความสำคัญ ทั้งในงานมงคลและงานอวมงคล


    • เหตุผลในการจัดข้าวบูชาพระพุทธ

    ในพิธีทำบุญเลี้ยงพระนี้ มีโบราณประเพณีที่เรียกว่า ประเพณีถวายข้าวพระพุทธ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า การจัดข้าวบูชาพระพุทธ หมายถึง การบูชาพระพุทธเจ้าด้วยข้าวและอาหารอื่นๆ

    โดยถือสืบกันมาว่า สมัยพุทธกาล พุทธศาสนิกชนทั้งหลายนิยมนิมนต์พระพุทธเจ้าทรงเป็นประธานพระภิกษุสงฆ์ เสด็จไปฉันภัตตาหาร ณ เคหสถานของตนตามหลักฐานที่ปรากฏในพระบาลีว่า

    “พุทฺธปฺปมุโข ภิกฺขุสงฺโฆ : พระภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน”

    เมื่อถึงเวลาถวายภัตตาหาร ก็นิยมจัดภัตตาหารถวายแด่พระพุทธเจ้าเป็นพิเศษส่วนหนึ่ง เช่นเดียวกับปัจจุบันที่นิยมกราบทูลสมเด็จพระสังฆราช เสด็จไปเป็นประธานสงฆ์ในพิธีทำบุญงานมงคลตามบ้านเรือนคฤหบดี เมื่อถึงเวลาถวายภัตตาหาร ก็นิยมจัดภัตตาหารถวายสมเด็จพระสังฆราชเป็นพิเศษส่วนหนึ่ง และจัดภัตตาหารถวายพระภิกษุสงฆ์นอกนั้นอีกส่วนหนึ่ง

    ฉะนั้น แม้ว่าพระพุทธเจ้าจะได้เสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้ว พุทธศาสนิกชนทั้งหลายก็ยังนิยมอัญเชิญพระพุทธรูปมาตั้งเป็นประธานสงฆ์แทนพระพุทธองค์ในพิธีบำเพ็ญบุญต่างๆ ทุกอย่าง เช่นเดียวกันกับสมัยพุทธกาล

    ดังนั้น เมื่อถึงเวลาถวายภัตตาหาร จึงนิยมจัดภัตตาหารถวายพระพุทธรูปเป็นพิเศษส่วนหนึ่ง และจัดภัตตาหารถวายพระภิกษุสงฆ์อีกส่วนหนึ่งเช่นเดียวกับสมัยพุทธกาล

    คตินี้ได้นิยมสืบทอดกันมา ซึ่งเรียกกันทั่วไปว่า ถวายข้าวพระพุทธ ถ้ามีการตักบาตรก็ต้องตั้งบาตรพระพุทธเจ้าไว้หัวแถวด้วย

    พึงตระหนักว่า การจัดภัตตาหารถวายพระพุทธรูปนี้ มิใช้จัดไปถวายพระพุทธรูปฉันเหมือนอย่างจัดถวายให้พระภิกษุสงฆ์ฉัน หรือไม่ใช่จัดไปเซ่นพระพุทธเจ้าเหมือนอย่างจัดอาหารไปเซ่นภูตผีปีศาจ

    การจัดภัตตาหารไปถวายพระพุทธรูปนั้น เป็นการจัดไปถวายเพื่อบูชาพระพุทธเจ้า เช่นเดียวกับการจัดเครื่องสักการบูชาพระรัตนตรัย มีดอกไม้ ธูป เทียน เป็นต้น

    และการจัดเครื่องสักการบูชาพระรัตนตรัยนั้น ไม่ใช่จัดถวายให้พระรัตนตรัยสูดดมกลิ่นธูป ควันเทียน และกลิ่นหอมของดอกไม้ แต่จัดไปเพื่อบูชาพระคุณของพระรัตนตรัย ฉันใด การจัดภัตตาหารถวายพระพุทธรูปก็เพื่อบูชาพระคุณของพระพุทธเจ้า ฉันนั้น


    • วิธีการจัดและถวายข้าวบูชาพระพุทธ

    โดยเหตุที่พระพุทธรูปนั้นเป็นเสมือนองค์แทนพระพุทธเจ้า และพระพุทธเจ้านั้นทรงดำรงอยู่ในฐานะเป็นสังฆบิดร คือทรงเป็นพ่อของพระภิกษุสงฆ์

    ดังนั้น การจัดสำรับคาวหวานบูชาพระพุทธ จึงนิยมจัดให้ดีกว่าประณีตกว่าจัดถวายพระภิกษุสงฆ์ เพราะเป็นการบูชาพ่อ ควรจะดีกว่าประณีตกว่าจัดถวายลูก หรืออย่างน้อยก็นิยมจัดแบบเดียวกันกับจัดถวายพระภิกษุสงฆ์

    และไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะจัดภัตตาหารคาวหวานสิ่งละเล็กละน้อยใส่ภาชนะเล็กๆ เช่นเดียวกับจัดอาหารไปเซ่นภูตผีปีศาจ

    เพราะจะเป็นเหตุให้บุคคลที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์และเยาวชนทั้งหลาย อาจเกิดความเข้าใจผิดคิดไปว่า เป็นการจัดอาหารไปเซ่นพระพุทธเจ้า

    ถ้าจัดสำรับใหญ่อย่างดี เมื่อลากลับคืนมา ภัตตาหารนั้นย่อมเป็นสิริมงคลน่ารับประทานนักแล

    เมื่อพระภิกษุสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์จวนจะจบหรือจบแล้ว พิธีกรนิยมยกสำรับคาวหวานไปตั้งที่หน้าบูชาพระ โดยตั้งบนโต๊ะที่มีผ้าขาวปูรอง หรือตั้งที่พื้นมีผ้าขาวปูรอง แล้วเชิญเจ้าภาพหรือประธานพิธีมาทำพิธีบูชา โดยพิธีกรไม่ควรจัดทำการบูชาเสียเอง

    เจ้าภาพหรือประธานพิธีพึงนั่งคุกเข่าจุดธูป ๓ ดอก ปักที่กระถางธูป แล้วประนมมือตั้งนโม ๓ จบ แล้วกล่าวคำบูชาข้าวพระพุทธ ว่า

    อิมํ สูปพฺยญฺชนสมฺปนฺนํ สาลีนํ โภชนํ (โอทนํ), สอุทกํ วรํ พุทฺธสฺส ปูเชมิ.
    แปลว่า ข้าวสุกแห่งข้าวสาลี อันสมบูรณ์ด้วยแกงและกับข้าว พร้อมกับน้ำอันประเสริฐนี้ ข้าพเจ้าขอบูชาพระพุทธเจ้า

    การกล่าวคำบูชานี้ จะว่าโดยออกเสียงดัง หรือว่าในใจโดยไม่ต้องออกเสียงก็ได้ จบแล้วกราบ ๓ ครั้ง ต่อนั้นจึงจัดถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์

    เมื่อพระสงฆ์อนุโมทนาเสร็จจนกลับหมดแล้ว ถ้ามีการเลี้ยงแขกผู้มาในงานต่อ เจ้าภาพ พิธีกร หรืออุบาสกอุบาสิกา ผู้รู้ธรรมเนียม จะลาข้าวพระพุทธนั้นมารับประทาน

    การลาข้าวพระพุทธมีหลักปฏิบัติ โดยผู้ลาพึงเข้าไปนั่งคุกเข่าหน้าสำรับที่หน้าโต๊ะหมู่บูชานั้นแล้วกราบ ๓ ครั้งก่อน หลังจากนั้นประนมมือกล่าวคำลาข้าวพระพุทธ ว่า

    เสสํ มงฺคลํ ยาจามิ.
    แปลว่า ข้าพเจ้าทูลขอสิ่งที่เหลืออันเป็นมงคล
    แล้วกราบ ๓ ครั้ง จากนั้นจึงยกสำรับไปรับประทานร่วมกันได้ตามอัธยาศัย

    (จากหนังสือ คู่มือพุทธศาสนิกชน)

    (จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 158 กุมภาพันธ์ 2557 โดย แก้ว ชิดตะขบ นักวิชาการศาสนา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ)

    อ้างอิง http://palungjit.org/threads/%E0%B8%96%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98-%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87.524514/
     
  2. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773

    [​IMG]


    พระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมฯปางเปิดโลก ปางนี้ทรงมหาพุทธานุภาพที่ยิ่งใหญ่มาก หลังเสด็จโปรดพุทธมารดาทรงเปิดโลกทั้ง3 ให้แก่เทวโลก มนุษย์โลก ยมโลก พร้อมทั้งทรงเปล่งพระฉัพพรรณรังสีทำให้สัตว์โลกทั้ง3มองเห็นกันและกัน อนึ่งพุทธบริษัท ที่เห็นพุทธานุภาพแล้วล้วนแต่ปรารถนาพุทธภูมิ ทำให้เกิดมี "ผู้ปรารถนาพุทธภูมิ" มากมาย​
     
  3. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    ตรัสเหตุแห่งแผ่นดินไหว 8 ประการ


    [​IMG]


    ขณะนั้น พระอานนท์เถระ ได้เห็นความอัศจรรย์ในเพราะแผ่นดินไหวเช่นนั้น ก็มีความพิศวง จึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ทูลถามถึงเหตุที่ทำให้แผ่นดินไหวใหญ่ พระบรมศาสดาตรัสบอกเหตุแห่งแผ่นดินไหวใหญ่ แก่พระอานนท์เถระว่า
    "อานนท์ แผ่นดินไหวด้วยเหตุ ๘ ประการ คือ
    ๑. ลมกำเริบ
    ๒. ท่านผู้มีฤทธิ์บันดาล
    ๓. พระโพธิสัตว์จุติจากดุสิตลงสู่พระครรภ์
    ๔. พระโพธิสัตว์ประสูติ
    ๕. พระตถาคตเจ้าตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
    ๖. พระตถาคตเจ้าแสดงธรรมจักรกัปปวัตนสูตร
    ๗.พระตถาคตเจ้าปลงอายุสังขาร
    ๘. พระตถาคตเจ้าปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ
    อานนท์ เหตุ ๘ ประการนี้แล แต่ละอย่าง ย่อมทำให้แผ่นดินไหวได้"

    ต่อนั้น พระบรมศาสดาได้ทรงตรัสเล่าถึงเรื่องพญามาร ได้อาราธนาให้พระองค์ปรินิพพาน เริ่มแต่แรกตรัสรู้ จนถึงอาราธนาให้ปรินิพพานในวันนี้อีก ในที่สุดก็ตรัสว่า
    "บัดนี้ ตถาคตได้รับอารธนาพญามาร กำหนดปลงอายุสังขาร อีก ๓ เดือนก็จักปรินิพพานแล้ว เพราะเหตุนั้นแผ่นดินจึงไหว"

    พระอานนท์เถระจึงกราบทูลว่า "ขอพระผู้มีพระภาคเจ้า จงได้ทรงพระกรุณาดำรงพระชนมายุกัปป์หนึ่งเถิด เพื่อประโยชน์สุขเป็นอันมากแก่เทพดาและมนุษย์ทั้งหลาย"
    "อย่าเลย อานนท์ เธออย่าวิงวอนตถาคตเลย บัดนี้ มิใช่เวลาอันควรที่เธอจะวิงวอนตถาคตเสียแล้ว"

    แม้พระบรมศาสดาจะตรัสห้ามเช่นนั้นแล้ว พระอานนท์ก็ยังได้ทูลวิงวอนอยู่อีกถึง ๒ ครั้ง ๓ ครั้ง พระองค์จึงตรัสว่า "อานนท์ เธอยังเชื่อปัญญา ความตรัสรู้ของตถาคตอยู่หรือ ?"
    "เชื่อพระเจ้าข้า ข้าพระองค์เชื่อมั่นในความตรัสรู้ของพระองค์"
    "ก็เมื่อเธอเชื่อมั่นเช่นนั้น ไฉนเธอจึงมาแค่น จึงได้วิงวอนตถาคต ซึ่งห้ามเธออยู่ถึง ๓ ครั้งเล่า ?"
    "ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยข้าพระองค์ได้สดับรับรู้มาจากพระองค์ว่า "ผู้ใดได้เจริญอิทธิบาทภาวนา ๔ ประการนี้ ทำให้มาก ให้ชำนาญดีแล้ว ผิวะผู้นั้นประสงค์จะดำรงชนมายุอยู่นาน เขาก็จะพึงตั้งอยู่ได้ถึงกัปป์หนึ่ง หรือเกินกว่า ก็อิทธิบาทภาวนานั้น พระองค์ทรงเจริญได้ดียิ่งแล้ว หากพระองค์ทรงประสงค์จะดำรงพระชนมายุอยู่ ก็จะดำรงอยู่ได้ถึงกัปป์หนึ่ง หรือยิ่งกว่า "เพราะเหตุนั้น ข้าพระองค์จึงได้กราบทูลวิงวอนอาราธนาถึง ๓ ครั้ง ดังนี้"

    "อานนท์ เธอเชื่อหรือไม่ว่า อิทธิบาทภาวนามีอานุภาพถึงเช่นนั้น "
    "เชื่อ พระเจ้าข้า"
    "แล้วเพราะอะไรเล่า อานนท์ เมื่อตถาคตทำนิมิตโอภาสอันชัด ซึ่งพอจะรู้ได้อานนท์ก็กลับไม่รู้ ไม่อาราธนา ไม่วิงวอนตถาคต ในกาลอันควรจะอารธนา เป็นความผิดของอานนท์ผู้เดียว"
    "อานนท์ ถ้าในคราวนั้น หากเธอจะรู้ทัน และอาราธนาตถาคตแล้ว ตถาคตก็จะพึงห้ามสัก ๒ ครั้ง แล้วในครั้งที่ ๓ ตถาคตก็จะรับคำวิงวอนอารธนานั้น ก็เมื่ออานนท์ไม่วิงวอนอารธนาในเวลานั้น จึงเป็นความผิดพลาดของอานนท์ผู้เดียว"

    "อานนท์ ความจริง นิมิตโอกาสนี้ มิใช่ตถาคตจะแสดงแก่เธอในครั้งเดียว ในที่นี้ ก็หาไม่ ตถาคตได้แสดงแก่อานนท์ถึง ๑๖ ครั้ง ๑๖ ตำบล อานนท์คงจะยังระลึกได้อยู่ คือ ที่เมืองราชคฤห์ ๑๐ ตำบล คือ ๑. ที่ภูเขาคิชฌกูฏ ๒. ที่โคตมนิโครธ ๓. ที่เหวสำหรับทิ้งโจร ๔. ที่ถ้ำสัตตบรรณคูหา ข้างภูเขาเวภารบรรพต ๕. ที่กาฬศิลา ข้างภูเขาอิสิคิลิบรรพต ๖. ที่สัปปิโสภณฑิกา ณ สีตวัน ๗. ที่ตโปทาราม ๘. ที่เวฬุวนาราม ๙. ที่ชีวกัมพวนาราม ๑๐. ที่มัททกุจฉิวัน กับที่เมืองไพศาลี ๖ ตำบล คือ ๑. ที่อุทเทนเจดีย์ ๒. ที่โคตมเจดีย์ ๓. ที่สัตตัมพเจดีย์ ๔. ที่พหุปุตตเจดีย์ ๕. ที่สารันทเจดีย์ ๖. ที่ปาวาลเจดีย์ นี้เป็นครั้งสุดท้าย รวมเป็น ๑๖ ตำบลด้วยกัน

    อานนท์ ในวาระทั้ง ๑๖ ครั้งนั้น เป็นกาลที่ควรจะอารธนา วิงวอนตถาคต อานนท์ก็ไม่รู้ ไม่อารธนา ไม่วิงวอน หากใน ๑๖ ครั้งนั้น อานนท์จะพึงอาราธนาวิงวอนตถาคต ณ สถานที่แห่งใดแห่งหนึ่ง ตถาคตก็พึงห้ามเสีย ๒ ครั้ง แล้วในครั้งที่ ๓ ตถาคตก็จะรับอารธนาของอานนท์ เพราะอานนท์ไม่รู้ ไม่อาราธนา ไม่วิงวอนปล่อยให้ล่วงเลยเวลาอันควรมา นั่นเป็นความผิดพลาดของอานนท์ผู้เดียว

    "ตถาคตได้บอกเธอมาแต่เดิมแล้วมิใช่หรือ อานนท์ ว่า " บรรดาสัตว์สังขารที่รักใคร่เจริญใจทั้งปวง ล้วนไม่คงทนถาวรอยู่ได้ ตามใจประสงค์ ย่อมจะพลัดพรากจากไปเป็นอย่างอื่นสิ้น จะหาสิ่งซึ่งเที่ยง ยั่งยืน ถาวร ในสังขารนี้ได้ที่ไหน ทุกสิ่งที่มีปัจจัยปรุงแต่งขึ้น ย่อมมีความสลายตัวไปเป็นธรรมดา การที่จะร่ำร้องว่า ขอสิ่งนั้นอย่าได้ฉิบหายเลย ย่อมไม่เป็นฐานะที่พึงได้ เป็นได้ ดังประสงค์โดยแท้"

    มีต่อด้านล่าง ​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.jpg
      image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      187.9 KB
      เปิดดู:
      2,289
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กุมภาพันธ์ 2014
  4. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    ตรัสเหตุแห่งแผ่นดินไหว 8 ประการ (ต่อ)

    "ดูกรอานนท์ สิ่งใดที่ตถาคตได้สละแล้ว คายแล้ว ปล่อยเสียแล้ว ละเสียแล้ว วางเสียแล้ว การที่ตถาคตจักคืนกลับมารับสิ่งนั้นเข้าไว้อีก เพราะเหตุแห่งชีวิต ไม่เป็นฐานะที่จะมีขึ้นได้เลย
    อานนท์ ทั้งคนหนุ่ม ทั้งคนแก่ ทั้งคนโง่ คนฉลาด คนจน คนมี ล้วนแต่มีความตายเป็นที่ไปในเบื้องหน้าด้วยกันสิ้น เหมือนภาชนะดิน ถึงจะเล็ก ใหญ่ ดิบ สุก ประการใด ก็ย่อมมีความแตกทำลายเป็นที่สุดเหมือนกันหมด ฉะนั้น ​

    สังขารทั้งหลาย มีความไม่เที่ยงเป็นธรรม มีความเกิดในเบื้องต้น แปรปรวนในท่ามกลาง และดับทำลายลงในที่สุด พระนิพพาน เป็นคุณชาติดับเสียซึ่งชาติ ชรา มรณะ เป็นเอกันตสุข ประเสริฐ หาสิ่งเสมอมิได้
    อานนท์ วัยของตถาคตล่วงลุถึงความชราแล้ว ชีวิตของตถาคตเหลืออยู่น้อยแล้ว ไม่ช้าก็จะละท่านทั้งปวงไป ท่านทั้งหลายจงมีสติ อย่าได้ประมาท พยายามกระทำที่พึ่งแก่ตน พึงรักษาจตุปาริสุทธิศีลมากอยู่ ด้วยการเจริญสมณะธรรมเป็นอันดี ผู้ใดมั่นอยู่ในอัปปามาทธรรม ประพฤติธรรมวินัยนี้ให้บริสุทธิ์ด้วยดี ผู้นั้นจะละเสียได้ซึ่งชาติสงสาร ถึงซึ่งฝั่งแห่งนิพพานอันเป็นที่สุดแห่งวัฏฏทุกข์"

    ครั้นผู้มีพระภาคตรัสพระธรรมเทศนา แก่พระอานนท์เถระเจ้า ด้วยประการฉะนี้แล้ว จึงรับสั่งแก่พระอานนท์ว่า "อานนท์ เราพร้อมกันจะไปบ้านภัณฑุคาม ณ บัดนี้" เมื่อพระภิกษุสงฆ์พร้อมกันแล้ว ก็เสด็จพระพุทธดำเนินไปยังบ้านภัณฑุคาม ประทับสำราญพระอิริยาบถโดยควรแก่พระอัธยาศัย แสดงธรรมโปรดพุทธบริษัท ณ บ้านภัณฑุคามนั้น ให้ตั้งอยู่ในอริยะธรรม คือ ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุติ อันเป็นธรรมนำให้หลุดพ้นจากอาสวะทั้งมวล
    ต่อนั้น พระบรมศาสดาพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ ได้เสด็จไปสู่บ้านหัตถีคาม และอัมพคาม และชมพุคาม และเมืองโภคนคร โดยลำดับ ประทับอยู่ที่โภคนคร แสดงธรรมโปรดพุทธบริษัทชาวเมืองนั้น ต่อนั้น จึงได้เสด็จไปยังเมืองปาวานคร เสด็จเข้ายับยั้งอาศัยอัมพวัน สวนมะม่วงของนายจุนท์กัมมารบุตร คือบุตรของนายช่างทอง ซึ่งอยู่ใกล้เมืองนั้น.​

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กุมภาพันธ์ 2014
  5. jotaro4s

    jotaro4s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2012
    โพสต์:
    2,121
    ค่าพลัง:
    +5,431
    วันนี้เวลา 12.10 ผมได้โอนเงินร่วมบุญ 1,080 บาทแล้วนะครับ ผมขอแบ่งเงินเป็นดังนี้นะครับ โอนร่วมบุญหล่อสมเด็จองค์ปฐมปางเปิดโลก 100 องค์ๆละ 10 บาท รวมเป็น 1,000 บาทครับ อีก 80 บาท เป็นร่วมบุญหล่อพระประจำวันเกิดทั้ง 8 องค์ๆละ 10 บาท รวมเป็น 80 บาทครับ อนุโมทนาบุญครับ สาธุ
     
  6. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    เชิญร่วมหล่อพระพุทธรูป
    สมเด็จองค์ปฐมบรมมหาจักรพรรดิปางเปิดโลก
    ความสูงรวมฐาน 2.5 เมตร100 องค์
    หรือตามจำนวนเจ้าภาพ


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กุมภาพันธ์ 2014
  7. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    อนุโมทนาสาธุการค่ะคุณ jotaro4s ขอให้เจริญในฉับพลันอันใดติดขัดขอให้คลี่อันใดปรารถราขอให้สำเร็จในฉับพลันเทอญสาธุๆๆ
     
  8. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    เชิญร่วมบุญหล่อองค์ปฐมปางเปิดโลกขนาด 2.5 เมตรหรือพระพุทธรูปประจำวันเกิดค่ะ โดยสามารถร่วมบุญตามกำลัง หรือ เป็นเจ้าภาพหล่อทั้งองค์ก็ได้ค่ะตามกำลังและศรัทธา อนุโมทนาสาธุการค่ะ
     
  9. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    เชิญร่วมหล่อพระพุทธรูป
    สมเด็จองค์ปฐมบรมมหาจักพรรดิ์ปางเปิดโลก
    ความสูงรวมฐาน 2.5 เมตร 100 องค์
    หรือตามจำนวนเจ้่าภาพที่แจ้งความประสงค์รับเป็นเจ้าภาพหล่อ

    เจ้าภาพหล่อ องค์พระ+ฐานพระองค์ละ 10,000 บาท
    เจ้าภาพหล่อ องค์พระ+ฐานพระ+ทาสีองค์พระ+ทาสีฐานพระ องค์ละ 15,000 บาท
     
  10. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    พระนิพพานจากคำครูบาอาจารย์

    [​IMG]


    แดนพระนิพพานเป็นสิ่งที่สูงสุดสำหรับผู้ที่นับถือศาสนาพุทธ เช่นพวกเราทุกคนในเว็บพลังจิต ปฏิบัติกันก็เพื่อให้บารมีเต็มเหมือนที่หลวงพ่อพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำของพวกเรา)ได้กล่าวไว้เสมอ แต่นักบวชบางคนกล่าวว่านิพพานเป็นที่ที่ดับ เปรียบเหมือนควันไฟที่ลอยขึ้นไปในอากาศแล้วก็หายไปเลย ไม่มีสำนึกที่จะรับรู้ใดๆ แต่หลวงพ่อของพวกเรายืนยันอยู่เสมอว่านิพพานนั้นเป็นแดนที่มีอยู่จริง

    ผมมีข้อความบางตอนของหลวงปู่มั่น พระสงฆ์ที่พวกเราต่างก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าท่านเป็นพระอริยสงฆ์ ท่านได้ืกล่าวถึงพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ที่เสด็จมาอนุโมทนา หลังจากวันที่ท่านได้สำเร็จธรรมะแล้ว โดยหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ท่านได้เล่าว่า


    "หลังจากท่านเดินทางถึงแดนแห่งวิมุตติแล้ว คืนต่อ ๆ มามีพระพุทธเจ้าพร้อมพระสาวกจำนวนมากเสด็จมาอนุโมทนาวิมุตติธรรมกับท่านเสมอ มิได้ขาด คืนนั้นพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นกับพระสาวกบริวารเป็นจำนวนหมื่นเสด็จมาเยี่ยม คืนนั้นพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นมีสาวกเท่านั้นเสด็จมาเยี่ยมอนุโมทนา จำนวนพระสาวกที่ตามเสด็จพระพุทธเจ้ามาแต่ละพระองค์นั้นมีจำนวนไม่เท่ากัน ทั้งนี้ท่านว่าขึ้นอยู่กับวาสนาของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ไม่เหมือนกัน ที่พระสาวกตามเสด็จมาด้วยแต่ละพระองค์นั้น มิได้ตามเสด็จมาทั้งหมดในบรรดาพระสาวกของแต่ละพระองค์ที่มีอยู่ แต่ที่ตามเสด็จมามากน้อยนั้นต่างกันนั้นพอแสดงให้เห็นภูมิพระวาสนาบารมีของ แต่ละพระองค์นั้นต่างกันเท่านั้นบรรดาพระสาวกจำวนมากของแต่ละพระองค์ที่ตาม เสด็จมานั้น มีสามเณรติดตามมาด้วยครั้งละไม่น้อยเลย? ท่านสงสัยจึงพิจารณาก็ทราบว่า คำว่าพระอรหันต์ในนามธรรมนั้นมิได้หมายเฉพาะพระ แต่สามเณรที่มีจิตบริสุทธิ์หมดจดก็นับเข้าในจำนวนสาวกอรหันต์ด้วย ฉะนั้น ที่สามเณรติดตามมาด้วยจึงไม่ขัดกัน ในพระโอวาทของพระพุทธเจ้าทั้งหลายที่ประทานอนุโมทนาแก่ท่านพระอาจารย์มั่น นั้น ส่วนใหญ่มีว่า

    "เราตถาคตทราบว่าเธอพ้นโทษจากอนันตรทุกข์ในที่คุมขังแห่งเรือนจำของวัฏฏทุกข์ จึงได้มาเยี่ยมอนุโมทนา ที่คุมขังแหล่งนี้ใหญ่โตมโหฬารและแน่นหนามั่นคงมาก และมีเครื่องยั่วยวนชวนให้เผลอตัวและติดอยู่รอบตัวไม่มีช่องว่าง จึงยากที่จะมีผู้แหวกว่ายออกมาได้ เพราะสัตว์โลกจำนวนมากไม่ค่อยมีผู้สนใจกับทุกข์ที่เป็นอยู่กับตัวตลอดมา ว่าเป็นสิ่งที่ทรมานและเสียดแทงร่างกายจิตใจเพียงใด พอจะคิดเสาะแสวงหาด้วยวิธีต่าง ๆ เหมือนคนเป็นโรคแต่มิได้สนใจกับยา ยาแม้มีมากจึงไม่มีประโยชน์สำหรับคนประเภทนั้น ธรรมของเราตถาคตก็เช่นเดียวกับยา สัตว์โลกอาภัพเพราะโรคกิเลสตัณหาภายในใจเบียดเบียนเสียดแทง ทำให้เป็นทุกข์แบบไม่มีจุดหมายว่าจะหายได้เมื่อไร สิ่งตายตัวก็คือ โรคพรรค์นี้ถ้าไม่รับยาคือ ธรรมจะไม่มีวันหายได้ ต้องฉุดลากสัตว์โลกให้ตายเกิดคละเคล้าไปกับความทุกข์กายทุกข์ใจ และเกี่ยวโยงกันเหมือนลูกโซ่ ตลอดอนันตกาล ธรรมแม้จะมีเต็มไปทั้งโลกธาตุก็ไม่สามารถอำนวยประโยชน์ให้แก่ผู้ไม่สนใจ นำไปปฏิบัติรักษาตัวเท่าที่ควรจะได้รับจากธรรม ธรรมก็อยู่แบบธรรม สัตว์โลกก็หมุนตัวเป็นกงจักรไปกับทุกข์ในภพน้อยภพใหญ่แบบสัตว์โลก โดยไม่มีจุดหมายปลายทางว่าจะสิ้นสุดทุกข์กันลงได้เมื่อใด ไม่มีทางช่วยได้ ถ้าไม่สนใจช่วยตัวเองโดยยึดธรรมมาเป็นหลักใจและพยายามปฏิบัติตาม


    อ้างอิง http://palungjit.org/threads/พระนิพพานจากคำครูอาจารย์.506076/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.jpg
      image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      87.8 KB
      เปิดดู:
      523
  11. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    "ความสำคัญของสติ" โดย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน


    [​IMG]


    "ความสำคัญของสติ"

    ".. สติเป็นพื้นฐานแห่งการแก้กิเลสทุกประเภท ให้พากันจำเอาไว้นะ
    สติเป็นสำคัญมากทีเดียว ถ้าลงขาดสติแล้วอะไรเหลวไหลทั้งนั้น

    งานนอกงานในเหลวไหลไปหมด ขาดสติ เสียอย่างเดียว ถ้าสติดี
    งานใดยิ่งละเอียดลออเข้าไปโดยลำดับ

    สติ เป็นพื้นฐานทุกด้านทุกทาง ไม่มีคำว่าครึล้าสมัย ในธรรมทุกขั้น
    ขั้นหยาบ ขั้นกลาง ขั้นละเอียด ถึงขั้นสูงสุด ปราศจากสติไม่ได้เลย

    สติเป็นสำคัญ เป็นพื้นฐานแห่งการชำระล้างกิเลสทั้งหลาย
    เพราะฉะนั้นขอให้พระนำไปปฏิบัติ ใครมีสติดีคนนั้นแหละ
    จะประคองความเพียรได้ดี สติตั้งให้มั่นคง .. "

    หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

    ที่มา แสดงกระทู้ - "ความสำคัญของสติ" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) • ลานธรรมจักร
    ดูจิต...ด้วยความรู้สึกตัว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.jpg
      image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      110.1 KB
      เปิดดู:
      619
  12. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    เชิญร่วมหล่อพระพุทธรูป
    สมเด็จองค์ปฐมบรมมหาจักพรรดิ์ปางเปิดโลก
    ความสูงรวมฐาน 2.5 เมตร 100 องค์
    หรือตามจำนวนเจ้่าภาพที่แจ้งความประสงค์รับเป็นเจ้าภาพหล่อ

    เจ้าภาพหล่อ องค์พระ+ฐานพระองค์ละ 10,000 บาท
    เจ้าภาพหล่อ องค์พระ+ฐานพระ+ทาสีองค์พระ+ทาสีฐานพระ องค์ละ 15,000 บาท
     
  13. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    เชิญร่วมหล่อพระพุทธรูป
    สมเด็จองค์ปฐมบรมมหาจักพรรดิ์ปางเปิดโลก
    ความสูงรวมฐาน 2.5 เมตร 100 องค์
    หรือตามจำนวนเจ้่าภาพที่แจ้งความประสงค์รับเป็นเจ้าภาพหล่อ

    เจ้าภาพหล่อ องค์พระ+ฐานพระองค์ละ 10,000 บาท
    เจ้าภาพหล่อ องค์พระ+ฐานพระ+ทาสีองค์พระ+ทาสีฐานพระ องค์ละ 15,000 บาท
     
  14. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    เหตุที่พระพุทธเจ้าต้องลงมาตรัสรู้เฉพาะในโลกมนุษย์เท่านั้น

    [​IMG]



    พระอาจารย์ เล่าว่า "เมื่อเช้ามีโยมท่านหนึ่งถามว่า ทำไมพระพุทธเจ้าท่านจึงต้องลงมาตรัสรู้เฉพาะในโลกมนุษย์เท่านั้น เหตุที่ท่านต้องมาเกิดในโลกมนุษย์เกิดจากหลายอย่างด้วยกัน

    อย่างแรก กาละ คือ เวลาช่วงอายุขัยของมนุษย์เราไม่ยาวเกินไป สามารถที่จะเห็นได้ว่าความไม่เที่ยงเป็นอย่างไร และมนุษย์เราก็ทุกข์สุขปะปนกัน ถ้าพูดถึงทุกข์ก็เข้าใจได้ ไม่ใช่ว่าเกิดที่ดาวพุธ มนุษย์ที่นั่นมีอายุ ๓๐,๐๐๐ ปี พอบอกว่าร่างกายมีความไม่เที่ยงเป็นปกติ อีกกี่ชาติเขาถึงจะเห็น

    อย่างที่สอง ทวีป ก็คือ พื้นที่ที่เหมาะสม ชมพูทวีปสมัยนั้นมีคนรวยสุด จนสุด สบายที่สุด ลำบากที่สุดอยู่ด้วยกัน สามารถเห็นความทุกข์ เห็นความไม่เที่ยงได้ง่าย

    อย่างที่สาม ตระกูล ต้องลงมาเกิดในตระกูลที่เขาถือว่าสูง ซึ่งไม่ว่าจะยุคไหนสมัยไหน ตระกูลที่เขาถือว่าสูงจะเป็นนักบวชหรือพระมหากษัตริย์ ยุคของพระพุทธเจ้าเราท่านเกิดในตระกูลกษัตริย์ แต่พระพุทธเจ้าองค์ก่อน ก็คือสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่ากัสปะ ท่านเกิดในตระกูลพราหมณ์

    อย่างที่สี่ พุทธมารดา ต้องหาผู้หญิงที่เหมาะสมมาเป็นแม่ให้ได้ หายากกว่าพระพุทธเจ้าอีก คนที่จะเป็นแม่พระพุทธเจ้าได้จะต้องเป็น เบญจกัลยาณี และประกอบไปด้วย อิตถีลักษณะ ที่เหมาะสมอีก ๖๔ ประการ อ้วนเกินไปไม่ได้ ผอมเกินไปไม่ได้ สูงเกินไปไม่ได้ ต่ำเกินไปไม่ได้ ขาวเกินไปไม่ได้ ดำเกินไปไม่ได้ ไม่รู้ว่าอีกกี่กัปกว่าจะเกิดมาสักท่านหนึ่ง

    เขาบอกว่า ถ้าสูงเกินไปลูกจะต้องยืดคอกินนม ทำให้เสียบุคลิก เตี้ยเกินไปก็ต้องก้ม หลังค่อมอีก แต่ว่าในส่วนหลักๆ ก็คือ ชมพูทวีปของเราสามารถเห็นในส่วนของความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์อย่างชัดเจน

    ดังนั้น..พระพุทธเจ้าท่านถึงได้ต้องมาเกิดทีนี่ จึงเรียกว่า มงคลจักรวาล จะไม่ไปเกิดที่จักรวาลอื่น มีดวงดาวเป็นหมื่นเป็นแสนที่มีมนุษย์อยู่ก็ไม่ไป เพราะว่าบางดวงดาวอายุเป็นแสนปี พอไปบอกว่าไม่เที่ยงแล้วอีกกี่ชาติเขาถึงจะได้เห็น"


    สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๔


    ที่มา : http://www.watthakhanun.com/webboard...?t=3088&page=7




    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.jpg
      image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      107.7 KB
      เปิดดู:
      4,340
  15. ธรรมสถิต

    ธรรมสถิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,261
    ค่าพลัง:
    +15,736
    เชิญร่วมหล่อพระพุทธรูป
    สมเด็จองค์ปฐมบรมมหาจักพรรดิ์ปางเปิดโลก
    ความสูงรวมฐาน 2 เมตรครึ่ง
    เจ้าภาพหล่อ องค์พระ+ฐานพระองค์ละ 10,000 บาท
    เจ้าภาพหล่อ องค์พระ+ฐานพระ+ทาสีองค์พระ+ทาสีฐานพระ องค์ละ 15,000 บาท


    ขออนุโมทนาบุญกับคุณเก๋ณัฐาและทุกท่านครับ
     
  16. unzizu

    unzizu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +227
    ร่วมส่งแผ่นทอง ได้ที่ไหนบ้างครับ
     
  17. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    ส่งไปได้ที่วัดเลยค่ะ ตามที่อยู่วัดที่แจ้งไว้ในกระทู้หน้า 1 อย่าชืมจ่าหน้าซองไว้ด้วยนะค่ะว่า "แผ่นทองบรรจุพระ" วัดจะได้แยกไว้ค่ะเวลาหล่อพระหลวงพ่อท่านจะได้นำบรรจุให้ค่ะ อนุโมทนาสาธุการค่ะ
     
  18. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    อนุโมทนาเช่นกันคร่าคุณธรรมสถิต
     
  19. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    เชิญร่วมหล่อพระพุทธรูป
    สมเด็จองค์ปฐมบรมมหาจักพรรดิ์ปางเปิดโลก
    ความสูงรวมฐาน 2.5 เมตร 100 องค์
    หรือตามจำนวนเจ้่าภาพที่แจ้งความประสงค์รับเป็นเจ้าภาพหล่อ
    เจ้าภาพหล่อ องค์พระ+ฐานพระองค์ละ 10,000 บาท
    เจ้าภาพหล่อ องค์พระ+ฐานพระ+ทาสีองค์พระ+ทาสีฐานพระ องค์ละ 15,000 บาท
     
  20. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก

    [​IMG]


    ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกต้องเป็นพระนางสิริมหามายา เพราะว่านอกจากประกอบด้วยเบญจกัลยาณีแล้ว ยังมีอิตถีลักษณะอันงามอีก ๖๔ ประการ ประเภทไม่สูงเกินไม่ต่ำเกิน ไม่อ้วนเกินไม่ผอมเกิน เพราะว่าส่วนทั้งหมดจะเป็นส่วนประกอบที่ทำให้บุคลิกลักษณะหรือมหาปุริสลักษณะของพระพุทธเจ้าสมบูรณ์ อย่างว่าถ้าสูงเกินเวลาอุ้มเด็กให้กินนมเด็กต้องยืดคอ จะทำให้คอยาว เดี๋ยวจะเสียมหาปุริสลักษณะ แม่ก็เลยต้องสมบูรณ์พร้อม เพราะฉะนั้นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกต้องเป็นแม่ของพระพุทธเจ้า

    ไม่รู้ว่าอาตมาโชคดีหรือโชคร้ายไปเห็นนางฟ้าเข้า มันมีภาษิตจีนอยู่บทหนึ่งว่า ผ่านทะเลเห็นน้ำไร้ความหมาย เข้าใจความหมายไหม คนที่เคยเห็นทะเลแล้วแม่น้ำอื่นๆ มันเล็กหมด ดันทะลึ่งไปเห็นนางฟ้าเข้าล่ะหมดเลย เพราะนางฟ้าเขาบอกว่า งามด้วยบุญ สมบูรณ์บริบูรณ์จริงๆ ประเภทท้ายแถวของเขานี่ หัวแถวเราก็สู้ไม่ได้หรอก

    ถ้าเป็นโลกมนุษย์เรามันต้องลักษณะว่า มีราศี เราสังเกตเห็นคนบางคนว่า ถ้าจะนับดูบุคลิกลักษณะรูปร่างหน้าตาแล้วไม่นับว่าสวยไม่นับว่าหล่อ แต่เขามีอะไรบางอย่างที่แสดงออกซึ่งความดีความงาม ชนิดคนอื่นสู้ไม่ได้เลย มันคือราศีหรือรัศมีที่เปล่งออกมาข้างนอก

    อาตมาก็ถือว่าโชคดีเจออยู่หลายคน สมัยวัยรุ่นเจออยู่คนหนึ่งคนนั้นแปลกมาก พอเราเห็นหน้าเขานี่ ความคิดไม่ดีๆ ทั้งหมดมันหายไปจากหัวเลย มันเหลืออยู่อย่างเดียวคือชื่นชมเขา ในเมื่อชื่นชมก็ตามไปเรื่อยๆ (วิธีบ้าๆ อย่างนี้อย่าเลียนแบบนะ เดี๋ยวเขาเรียกตำรวจจับ) ตามไปอยากรู้ว่าบ้านเขาอยู่ไหน อยากให้พวกเราสังเกตดูเผื่อว่าจะได้เจอบ้าง คนประเภทนี้นอกจากตัวเองจะรักษาตัวเองได้แล้ว ยังสามารถช่วยคนอื่นได้ด้วย เพราะมั่นใจเลยว่ากำลังบุญเขาสูง ไปตกอยู่ในดงโจร ก็อาจเอาโจรมาบวช เราลองสังเกตดูเผื่อว่าจะเจอกันบ้าง

    บางทีเราไม่ได้สังเกตหรอก ลักษณะคนมีราศีนี่ของคนจีนเขาจะมองในลักษณะที่ว่า มันหน้าตาสะสวยสะอาดสะอ้าน แต่ความจริงมันเป็นราศีหรือรัศมีที่ปรากฏออกมาต่างหาก ฉะนั้นคนเราถ้าหากว่าสั่งสมความดีมากๆ ท้ายสุดแล้วมันจะมีอะไรบางอย่าง ที่สามารถดึงดูดคนประเภทเดียวกันเข้าใกล้ได้ มันเหมือนกับแม่เหล็กกับเศษเหล็ก แม่เหล็กแรงมากเท่าไหร่ก็ดูดเศษเหล็กเข้าใกล้ได้มากเท่านั้น



    พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เทศน์ ณ บ้านอนุสาวรีย์
    เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๒


    ที่มา : http://www.watthakhanun.com/webboard...read.php?t=120
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.jpg
      image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      175.9 KB
      เปิดดู:
      629
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2014

แชร์หน้านี้

Loading...