เพื่อการกุศล เชิญบูชาพระกริ่งขวานฟ้าฯลพ.วิชัยที่วัดถ้ำผาจม,ขอเชิญร่วมงานอธิษฐานล็อกเก็ตหลวงพ่อวันที่20/9/58

​

พิธีลำดับแรกมีการบวงสรวงสักการะอัญเชิญพระพุทธเจ้าที่มีมาตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันได้แก่ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐมฯ จนถึงสมเด็จฯองค์ปัจจุบัน และพระอริยสงฆ์ นับเนื่องแต่อดีตกาลจนถึงพระอริยสงฆ์สังฆราชของกรุงศรีอยุธยาทั้งหมด ต่อจากนั้นจึงได้อัญเชิญเทพเจ้าผู้เป็นใหญ่อันได้แก่ พระพิคเนศ พระศิวะ พระอุมาเทวี พระพิรุณ พระอินทร์และเทพเจ้าองค์อื่นๆอีกมากมาย ลำดับต่อมา คือ การอัญเชิญดวงพระวิญาณบูรพกษัตริยาธิราชเจ้าแห่งกรุงศรีอยุธยา มาอนุโมทนาในกุศลครั้งนี้ ลำดับสุดท้ายเป็นการอัญเชิญ พรหม เทวดาผู้มีฤทธานุภาพมาแผ่พลังบารมีให้พระกริ่งฯมีมหิทธานุภาพดุจดังแก้วสารพัดนึก​

​

เมื่อคณะผู้จัดสร้างอ่านคำประกาศบวงสรวงแล้ว จึงได้นิมนต์หลวงพ่อเป็นประธานจุดเทียนชัยในการอธิษฐานจิต หลวงพ่อสักการะพระประธานและฟังการอัญเชิญบูรพกษัตริยาธิราชเจ้าอย่างสงบนิ่ง ในช่วงที่มีการอ่านโองการ หลวงพ่อท่านได้เล่าภายหลังว่า มีเทวดาชั้นผู้ใหญ่ พระ และบูรพกษัตริย์ทรงเครื่องเต็มยศสีทองอร่ามมาร่วมในพิธีแน่น

​

หลวงพ่อเป็นประธานจุดเทียนบูชาพระพุทธนิมิตรวิชิตมารโมฬีศรีสรรเพชรบรมไตรโลกนาถ และเทียนชัยในพิธีพุทธาภิเษก ซึ่งมีพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ทั้งสิ้น 9 รูป โดยสวดบท พระธัมมจักรกัปปวัตนสูตร พาหุงฯ ​

​

มีผู้ร่วมพิธีในวันนั้นถ่ายภาพติดดวงไฟสีขาวในขณะที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อกำลังเริ่มพิธีอธิษฐานจิตพระกริ่งฯ ซึ่งมีผู้มีจิตดีท่านได้บอกว่าเป็นดวงเทพยดาและพรหมที่มาร่วมพิธีในวันนั้น หรือ อาจจะเป็นบารมีศักสิทธิ์ขององค์พระพุทธวิชิตมารโมฬีฯก็เป็นไปได้ ซึ่งทางคณะฯได้เรียนถามพระเดชพระคุณหลวงพ่อภายหลัง ท่านได้ให้ความกระจ่างแจ้งว่า "อาจจะเป็นเทพยดาที่มาร่วมงานในวันนั้นมาทำให้ปรากฎเป็นดวงดังที่เห็นนี้"​

​

ลำดับถัดมาเป็นช่วงพิธีการสำคัญที่สุดคือ เป็นช่วงที่พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์และสวดชัยมงคลคาถา พระเดชพระคุณหลวงพ่อได้เมตตานั่งอธิษฐานจิตแน่วแน่ไม่ไหวติงเป็นเวลากว่า 30 นาที เมื่อเสร็จพิธีแล้วมีผู้กราบเรียนถามท่านว่า"พิธีเป็นอย่างไรบ้าง" ท่านได้ตอบว่า"กลับไปค่อยคุยกัน" เนื่องจากว่าท่านพิจารณาแล้วว่าไม่สมควรพูดออกมา ​

​

เพราะพระสงฆ์และผู้มาร่วมงานอยู่กันมาก เกรงว่าจะไม่เชื่อท่านแล้วนำไปปรามาส ท่านจึงไม่พูดในที่สาธารณะ ภายหลังทางคณะฯได้กราบเรียนถามท่าน ท่านได้เมตตาเล่าว่า "พระสงฆ์ที่ไม่รู้จักหน้าตามากันมาก เทวดาที่เป็นพระมหากษัตริย์ก็มากันมากทรงเครื่องทรงและใส่ชฎาสูงๆสีทองสุกอร่ามไปหมดมา เริ่มต้นตั้งแต่ในช่วงการอ่านโองการ แล้วท่านก็หมุนเวียนมากันตลอดนะ

​

พอมานั่งอธิษฐานจิตแล้ว หลวงพ่อพระประธานมีความศักสิทธิ์มากขนาดถึงกับส่งพลังลงมาเป็นแสงพุ่งตรงลงมายังกองวัตถุมงคล และยิ่งกว่านั้น ตอนใกล้เสร็จสิ้นพิธี หลวงพ่อเห็น พระพุทธชินราช กับ สมเด็จองค์ปฐมฯ ในรูปของพระพุทธรูปของวัดท่าซุงลอยมา โดยหลวงพ่อพุทธชินราชมาก่อนและพรพุทธรูปที่เป้นรูปสมเด็จองค์ปฐมมาทีหลังสุดท้ายพิธีเลย ถือว่าเป็นนิมิตที่ดี พระชุดนี้มีความศักสิทธิ์มาก พิธีก็ดี พระพุทธรูปองค์ประธานก็มีความศักสิทธิ์ แต่หลายอองค์ท่านก็สลับกันมานะ ที่อยู่จนจบพิธีคือพญานาคราชแผ่พังพานเจ็ดเศียร" ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดนี้พอจะนำมาประมวลได้ว่า​

​

บูรพกษัตริย์เหล่านั้นคงเป็นเทพยดาชั้นสูงที่ดูแลรักษากรุงศรีอยุธยาเพราะเทวดากษัตริย์ที่มาร่วมงานทรงเครื่องทรงเครื่องทรงสีทองอร่าม และที่หลวงพ่อท่านได้กล่าวถึงชฏานั้น คงจะเป็นพระมหาพิชัยมงกุฎ ซึ่งนั่นคือสัญลักษณ์แห่งสมมติเทพนั่นเอง เทวดาที่เป็นบูรพกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาที่มาร่วมพิธีนั้น ต่างมาร่วมพิธีกันมาก พระเดชพระคุณท่านได้กรุณาอธิบายต่อเพิ่มเติมอีกว่า องค์ที่อยู่นานที่สุดเห็นจะเป็นองค์ที่แก่ๆหน้าใหญ่ๆอยู่เกือบจบพิธีนอกนั้นก็สลับหน้าตากันไป​

​

การปรากฎของเหตุการณ์นี้สอดคล้องกับที่ครั้งหนึ่งที่สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงไปประทับแรมที่กรุงศรีอยุธยาซึ่งในตอนนั้นทรงมีพระราชดำริให้บูรณะกรุงศรีอยุธยาขึ้นเป็นพระนครให้ดีดังเดิม ครั้นตกกลางคืนทรงพระสุบินไปว่า
บูรพกษัตริยาธิราชเจ้าแห่งกรุงศรีอยุธยาในอดีตมาขับไล่พระองค์มิให้มาอยู่ รุ่งเช้าจึงเล่าให้คนทั้งหลายฟัง ว่า "ในเมื่อเจ้าของเดิมเขาหวงแหน ก็ย้ายไปสร้างเมืองที่กรุงธนบุรีเถิด" แสดงให้เห็นว่าบุรพกษัตริย์เหล่านั้นคงเป็นเทพเทวาชั้นผู้ใหญ่ที่ยังคงปกปักษ์รักษากรุงศรีอยุธยาอยู่มิได้ไปไหน​

​

 

สาธุครับวันก่อนได้ร่วมถวายภัตตาหารกับหลวงพ่อครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่นที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงครับ เอาบุญมาฝากด้วยครับ

 

​

หลวงพ่อพระราชพรหมยานยังได้เคยกล่าวว่าเป็นนิมิตที่เกี่ยวกับด้านลาภมากว่า ถ้าเห็นพระหรือเทวดาใส่ชุดสีทองแสดงว่า จะมีลาภมาก และยิ่งสมเด็จองค์ปฐมฯและพระพุทธชินราชลอยมาในช่วงสุดท้ายนั้นน่าจะหมายถึง พระทั้งหมดสิ่งศักสิทธิ์ท่านได้มาประสิทธิ์ประสาทพลังบารมีจนอาจกล่าวได้ว่า "ของทั้งหมดเต็มหมดแล้ว" ซึ่งหลวงพ่อเองท่านก็ได้กล่าวตั้งแต่ในงานหล่อพระครั้งแรกแล้วว่า พระนี้ไม่อธิษฐานก็ใช้ได้แล้ว แทบไม่ต้องอธิษฐานซ้ำอีก ​

​

ส่วนพญานาคนั้นมีพี่ที่เป็นคนอยุธยาท่านเป็นคนมีจิตสัมผัสที่ไวมาก พี่ท่านนี้ได้ขยายความว่า น่าจะเป็นพญานาคที่อยู่แถวอำเภอบางบาลมาร่วมงานด้วยเพราะพี่ท่านนี้เคยสัมผัสถึงพญานาคตนนี้มาแล้ว​

​

เมื่อเสร็จสิ้นพิธีการทั้งหมด หลวงพ่อท่านได้โปรยข้าวตอกดอกไม้และประพรมน้ำพระพุทธมนต์บนกองวัตถุมงคลทั้งหมดและผู้ที่มาร่วมในพิธีอีกด้วย​

​

นอกจากนี้หลังจากที่ท่านกลับมาพักยังที่พักสงฆ์หลวงพ่อท่านยังเมตตาอธิษฐานจิตต่ออีกหนึ่งคืน ท่านเล่าว่า "หลวงพ่อนั่งอธิษฐานจิตต่อตั้งแต่ห้าทุ่มถึงราวๆตีสอง สวดคาถาพระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร พอนั่งอธิษฐาน หลวงพ่อนิมิตเห็นว่า มีพระรูปหนึ่งลอยมาลักษณะแก่ผอมๆผิวไม่ดำไม่ขาว จึงได้ถามว่า นั่นใครมาทำอะไร พระรูปนั้นได้ตอบมาว่า เราพระอุปคุตผู้มีฤทธิ์ หลวงพ่อว่าพระรุ่นนี้สงสัยจะออกด้านฤทธิ์นะ"​

​

หลวงพ่อท่านยังได้อธิษฐานจิตเพิ่มเติมเป็นคำรบที่สาม ในคืนวันที่ 17 กันยายน 2556 โดยท่านได้สวดคาถาหัวใจปาฏิโมกข์ และอื่นๆ ในช่วงเช้า ได้มีศิษย์เข้าไปกราบท่าน เมื่อท่านเห็นหน้าท่านได้พูดขึ้นมาว่า"พระชุดนี้ครูบาอาจารย์ท่านเมตตามาช่วยดีนะ เมื่อคืน หลวงพ่อปาน หลวงพ่อฤาษี หลวงพ่อทวด และองค์อื่นๆมาช่วยนะ" จริงๆแล้วศิษย์ท่านนั้นอยากจะกราบเรียนถามท่านให้ละเอียดแต่ติดด้วยว่า มีโยมนั่งกันอยู่มาก ท่านเลยพูดเบาๆฟังไม่ถนัดนัก ที่จับใจความได้ประมาณนี้​

ภาพเปรียบเทียบที่ดูคล้ายกันกับวันงานพิธีอธิษฐานจิตพระกริ่ง ซึ่งภาพนี้เป็นภาพหลวงปู่บุญฤทธิ์อธิษฐานจิตวัตถุมงคลที่วัดป่าเชิงเลน มีศิษย์ถ่ายเก็บภาพดวงไฟไว้ได้ ซึ่งดวงไฟดังกล่าวคล้ายคลึงกับดวงไฟที่ถ่าบได้จากพิธีพุทธาภิเษกพระกริ่งขวานฟ้าฯนั่นเอง​

 

อธิษฐานจิตพระกริ่งขวานฟ้าฯ 21 กันยายน 2556​

​

หลวงพ่อเกาะ อาภากโร วัดท่าสมอ จังหวัดชัยนาท อธิษฐานจิตพระกริ่งขวานฟ้าฯ หลวงพ่อเกาะนี้ ครูอาจารย์ของหลวงพ่อคือ หลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ หลวงพ่อกวย วัดโฆษิตตาราม หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โก่งธนู หลวงพ่อโกะ วัดลาดสาลี่ จึงถือว่าหลวงพ่อเป็นพระเกจิที่มากด้วยวิชา ประสบการณ์ที่ในหมู่ศิษย์พอกล่าวถึงคือ พระของท่านเป็นสุดยอดมหาอุตม์แห่งยุค ยิงไม่ออกว่างั้นนะครับ พวกน้องๆมาเล่าให้ฟังว่า รุ่นพี่เอาไปลองยิงดูปรากฎว่า ยิงไม่ออก แชะๆ เลย อย่างนี้จะเรียกว่ามหาอุตมีเพียงพอหรือยังสำหรับคำๆนี้ ท่านได้ทำเสือออกมารุ่นหนึ่งพอเสกเสร็จถึงกับกระโดดออกมาเองเลย คงไม่กล่าวเกินเลยว่าพลังจิตท่านมากเพียงใด​

​

กล่าวถึงพระกริ่งขวานฟ้าฯนั้น คณะเราขอเมตตาท่านให้ท่านอธิษฐานให้ ท่านก้ตั้งใจอธิษฐานสวดภาวนาคาถาอยู่นานพอสมควรราวๆสิบกว่านาทีได้ หลังจากท่านเมตตาอธิษฐานจิตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่านถามว่าจะกลับกรุงเทพฯเลยไหม เพื่อนในกลุ่มก็รายงานท่านว่า "เสร็จแล้วจะเอาไปเข้าพิธีที่วัดท่าซุงต่อครับหลวงพ่อ" ท่านเงยหน้าขึ้นมามองหน้าพวกเราแล้วพูดขึ้นมาว่า "พวกแกไม่ต้องไปเข้าพิธีที่วัดไหนอีกแล้ว พระนี่ดีแล้วน่ะ" ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวถึงเช่นนี้คงไม่ธรรมดาเสียแล้ว เพราะขนาดหลวงพ่อเกาะท่านเป็นพระไม่ค่อยพูดท่านบอกมาเสียขนาดนี้ เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่า พระนี้เต็มที่แล้ว ท่านได้ถามก่อนกลับว่า "อาจารย์แกเป็นพระวิปัสสนาหรือเปล่า ท่านรู้จริงนะ ข้าไม่ได้เก่งอะไร แต่ข้าสร้างวัดมาได้ขนาดนี้นะ ข้าไม่ได้เก่งนะ" แล้วท่านก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี​

​

หลวงพ่อพร้า อัตตสันโต หรือ พระครูวิจิตรชยานุรักษ์ วัดโคกดอกไม้ จังหวัดชัยนาท เมตตาอธิษฐานจิตพระกริ่งขวานฟ้าฯ​

​

หลวงพ่อพร้า อดีตเจ้าคณะตำบลดงคอน อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท เป็นพระสงฆ์ที่เคร่งครัดและเปี่ยมด้วยคุณธรรมมีจิตที่เปี่ยมด้วยความเมตตาเป็นที่พึ่งของชาวบ้านดงคอน และสาธุชนโดยทั่วไปชื่อเสียงของท่าน เป็นที่รับรู้กันทั่วท้องทุ่งเมืองสรรคบุรีถึงความขลังความศักดิ์สิทธิ์ของน้ำมนต์ ที่สามารถพลิกผันสถานการณ์อันเลวร้าย ให้กลับกลายเป็นดีได้อย่างน่าอัศจรรย์ จนได้รับสมญานาม หลวงพ่อพร้า เจ้าตำรับน้ำมนต์บาทเดียวปัจจุบัน หลวงพ่อพร้า อัตตสันโต หรือ พระครูวิจิตรชยานุรักษ์ สิริอายุ 84 ปี พรรษา 64 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโคกดอกไม้ ต.ดงคอน อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท และที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบลดงคอน​

​

'หลวงพ่ออั้น อภิปาโล' หรือ 'พระครูอุทัยธรรมสาร' เป็นพระเกจิอาจารย์ผู้มีความเคร่งครัด เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวเมืองอุทัยธานีปัจจุบัน สิริอายุ 80 พรรษา 58 เป็นเจ้าอาวาสวัดธรรมโฆษก (วัดโรงโค) ต.อุทัยใหม่ อ.เมือง จ.อุทัยธานี และเจ้าคณะตำบลน้ำซึม-ท่าซุง ได้ศึกษาวิปัสสนากัมมัฏฐานกับหลวงพ่อเขียน สำนักขุนเณร จ.พิจิตร และพระราชอุทัยกวี (พุฒ สุทัตโต) อดีต เจ้าอาวาสวัดมณีสถิตกปิฏฐาราม (ทุ่งแก้ว) เจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี พระเถราจารย์ผู้เข้มขลังวิทยาคม ศิษย์เอกสายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ได้เมตตาถ่ายทอดสรรพวิชา พร้อมกับนำตำราหลวงพ่อเคน วัดดงเศรษฐี, ตำราหลวงพ่อพลอย วัดห้วยขานาง และตำราหลวงพ่อพูน วัดหนองตางู มาถ่ายทอดเพิ่มเติมอีกด้วยหลวงพ่ออั้น เป็นศิษย์อาจารย์เดียวกับหลวงปู่ตี๋ ญาณโสภโณ วัดหลวงราชาวาส เกจิดังในอดีต ได้รับกิจนิมนต์ให้เข้าร่วมพิธีพุทธา ภิเษกวัตถุมงคลในวัดต่างๆ มาโดยตลอด​

​

หลวงปู่อั้น อภิปาโล เมตตาอธิษฐานจิตวัตถุมงคล ให้อย่างเต็มที่กว่า ห้านาทีได้ครับ​

 

อธิษฐานจิตพระกริ่งขวานฟ้า 22 กันยายน 2556​

​

หลวงพ่อใจ ท่านเป็นศิษย์ของหลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ โยมพ่อคำใบ ซึ่งเป็นศิษย์น้องหลวงพ่อเนื่องซึ่งเป็นฆราวาส นอกจากนี้ท่านได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์กับหลวงพ่อหนู วัดภุมรินทร์ หลวงพ่อปึก วัดสวนหลวงอีกด้วย​

​

ท่านเก่งด้านตระกรุดแคล้วคลาดและด้านเมตตาอีกด้วย ท่านไม่เคยคิดเป็นมูลค่าเลย ใครให้ท่านลงตระกรุดท่านไม่มีคำว่า "ไม่ได้เลย" ต้องทำให้ทุกรายไป นับเป็นความเมตตาของท่านอย่างมาก​

​

ทางคณะฯนำพระกริ่งขวานฟ้าฯไปกราบขอเมตตาจากหลวงพ่อใจ ท่านยินดีมากเพราะท่านว่า "ท่านได้เคยจารแผ่นเพื่อนำไปหล่อพระแล้วมาครั้งนี้ท่านจะอธิษฐานให้" ท่านได้ทำการอธิษฐานจิตเป็นเวลา 1 ชั่วโมงเต็ม หมดเทียนน้ำมนต์ไปสองเล่มเต็มๆ ท่านอธิษฐานจิตตั้งแต่หนึ่งทุ่มตรงเสร็จเป็นเวลาสองทุ่มเศษ นับว่าเป็นความเมตตาของหลวงพ่อท่านมาก เมื่อเสร็จพิธีท่านได้ประพรมน้ำพระพุทธมนต์และโปรยดอกไม้ในกองวัตถุมงคลอีกด้วย ซึ่งในตอนแรกไม่นึกว่าท่านจะอธิษฐานให้นาน นึกว่าอย่างมากแค่สิบนาทีคงเสร็จ ปรากฎว่าท่านได้ให้ลูกศิษย์จัดพิธีให้เรียบร้อยแล้ว ท่านก็ห่มจีวรและพาดสังฆาติเต็มที่ เพื่อจะมาอธิษฐานให้พระกริ่งชุดนี้จริงๆ นับเป็นความเมตตาของหลวงพ่ออย่างมากครับ ทางคณะศิษย์หลวงพ่อวิชัย ขอกราบขอบพระคุณหลวงพ่อไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ​

​

ในภาพจะเห็นว่าหมดเทียนน้ำมนต์ไปแท่งหนึ่งแล้ว ให้สังเกตบนขอบบาตรน้ำมนต์ครับ แล้วอันนี้เป้นอีกแท่งต่อกัน รวมกันสองแท่งพอดีไม่ขาดไม่เกินครับ
​

 

ความคืบหน้าการอธิษฐานจิตพระกริ่งฯ โดยพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบครับ​

​

หลวงพ่อเพี้ยน อัคคธัมโม วัดเกริ่นกฐิน ลพบุรี อธิษฐานพระกริ่งขวานฟ้าฯพร้อมพรมน้ำมนต์ให้ด้วยครับ​

​

หลวงปู่ลี ถาวโร วัดป่าหนองทับเรือ จังหวัดพิษณุโลก เมตตาอธิษฐานจิตให้ครับ ท่านไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพครับ (เครดิตภาพ เว็บวัดป่าดอตคอม)​

 

อธิษฐานจิตเพิ่มเติมวันที่ 6 ตุลาคม 2556​

​

"หลวงปู่ฮก รตินธโร" ​

พระเกจิชื่อดังที่เคร่งครัดและเปี่ยมด้วยคุณธรรม ปัจจุบันสิริอายุ 86 ปี พรรษา 40 วัดราษฎร์เรืองสุข (มาบลำบิด) ต.คลองกิ่ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี พื้นเพเป็นชาวเมืองฉะเชิงเทรา มีนามเดิมชื่อ ฮก แซ่เตียว เกิดวันที่ 2 ส.ค.2470 ตรงกับปีขาล เป็นลูกคนจีน โยมบิดา-มารดาชื่อ นายและนางไน้ แซ่เตียว มีพี่น้องร่วมท้อง 10 คน ในช่วงวัยเยาว์เรียนหนังสือที่โรงเรียนประจำหมู่บ้าน จนจบชั้นประถมปีที่ 4 เมื่อเข้าสู่วัยหนุ่ม อายุได้ 14 ปี ประมาณพ.ศ.2484 เป็นช่วงเริ่มต้นสงครามโลกครั้งที่ 2 ครอบครัวท่านย้ายมาอยู่ที่จ.ชลบุรี ประกอบอาชีพทำงานหาเลี้ยงครอบครัว จนอายุ 21 ปี ต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหารที่จ.ฉะเชิงเทรา เป็นเวลา 2 ปี เมื่อปลดประจำการแล้วได้กลับไปช่วยครอบครัวทำนาเลี้ยงชีพตามปกติ ด้วยการกลับไปทำงานที่โรงไม้ ที่ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี อายุย่าง 48 ปี เกิดความเบื่อหน่ายในชีวิตฆราวาส จึงได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ วัดบุญญ ฤทธยาราม (วัดบึงบน) ต.บ้านบึง อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี มีพระครูพิบูลสังฆกิจ วัดกุณฑีธาร (วัดหัวกุญแจ) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูโสรัจธรรมคุณ วัดบุญญฤทธยาราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระใบฎีกาฮง วัดบึงบวรสถิตย์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายาว่า รตินธโร ภายหลังอุปสมบทอยู่จำพรรษาที่วัด บุญญฤทธยาราม ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยอันเป็นพื้นฐาน รวมทั้งใช้เวลาฝึกฝนด้านวิปัสสนากัมมัฏฐาน รวมทั้งดูแลอุปัฏฐากพระครูโสรัจธรรมคุณ พระกรรมวาจาจารย์ พระภิกษุฮกได้ศึกษาอ่านตำราแนว ทางการปฏิบัติต่างๆ เมื่อล่วงเข้าพรรษาที่ 3 ท่านก็เดินทางไปมาจำพรรษาระหว่างวัด บุญญฤทธยาราม (วัดบึงบน) กับวัดเขาน้อย คีรีวัน ณ ที่วัดเขาน้อยคีรีวัน ท่านได้มีโอกาสพบหลวงปู่โทน กันตสีโล วัดเขาน้อยคีรีวัน อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งเมืองชล ผู้บุกเบิกสร้างวัดเขาน้อยคีรีวันกล่าวได้ว่าหลวงปู่ฮกกับหลวงปู่โทนเป็นสหายสนิทกันตั้งแต่ครั้งยังเป็นฆราวาส ด้วยท่านรู้จักกันตั้งแต่สมัยทำงานที่โรงไม้แถวชลบุรีมาก่อน เมื่อตอนอายุ 17-18 ปีกระทั่งหลวงปู่ฮกเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ได้กลายเป็นสหธรรมิกกับหลวงปู่โทนอีกครั้งในเพศบรรพชิต
อย่างไรก็ตาม หลวงปู่ฮกไม่เคยร่ำเรียนหรือแลกเปลี่ยนวิทยาคมจากหลวงปู่โทนเลย ด้วยท่านมุ่งมั่นเพียงความสงบเท่านั้น มีเพียงแต่ออกเดินธุดงค์กับหลวงปู่โทนอยู่เป็นประจำ ท่านกับหลวงปู่โทนสนิทสนมกันมาก จนหลวงปู่ฮกเคยปรารภว่า "สนิทกันมาก อยู่ที่ไหนก็ไม่เหมือนอยู่กับหลวงปู่โทน" ท่านจะเรียกหลวงปู่โทนว่า "หลวงพี่โทน"ครั้งหนึ่ง หลวงปู่ฮกได้รับมอบหมาย จากพระครูโสรัจธรรมคุณ เจ้าอาวาสวัด บุญญฤทธยาราม เจ้าคณะตำบลคลองกิ่วในตอนนั้นให้มาจำพรรษาที่วัดราษฎร์เรืองสุข (มาบลำบิด) เนื่องจากขาดพระเถระชั้นผู้ใหญ่ปกครองวัด ท่านจึงได้มาจำพรรษาที่วัดราษฎร์เรืองสุขตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แต่ท่านมิได้ยอมรับตำแหน่งเจ้าอาวาส เพียงเข้ามาดูแลวัดในฐานะผู้ช่วยเท่านั้นดังนั้น ในเวลาต่อมาเจ้าคณะอำเภอบ้านบึงจึงได้แต่งตั้งพระครูวิสุทธิพรหมจรรย์เป็นเจ้าอาวาสวัดราษฎร์เรืองสุข แม้หลวงปู่ฮกจะไม่มีตำแหน่งเป็นพระสังฆาธิการชั้นผู้ใหญ่ แต่การปฏิบัติศาสนกิจที่สำคัญในวัด พระครูวิสุทธิพรหมจรรย์ เจ้าอาวาสจะเข้าไปขอคำปรึกษาจากหลวงปู่ฮก ในฐานะพระผู้ใหญ่เป็นประจำ สำหรับวัตรปฏิบัติเป็นไปอย่างเรียบง่ายสมถะ หลวงปู่ฮกท่านจะวางตัวเป็นพระผู้ใหญ่ที่มีเมตตาต่อพระภิกษุ-สามเณรลูกวัดทั่วไป ทุกวันหลังจากตื่นตอนเช้าจะออกบิณฑบาต ก่อนกลับมาทำความสะอาดกวาดใบไม้หน้าโบสถ์หลังเก่า เมื่อกวาดเสร็จก็จะไปให้อาหารแมว ซึ่งท่านเมตตาเลี้ยงไว้ที่ บนกุฏิ ทุกวันนี้ หลวงปู่ฮกยังคงเดินหน้าพัฒนาวัดและจิตใจของชาวบ้านอย่างต่อเนื่อง จนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธา และเป็นศูนย์รวมใจของชาวชุมชนคลองกิ่วโดยมิเสื่อมถอย

​

การอธิษฐานจิตพระกริ่งชุดนี้ท่านได้อธิษฐานเป็นเวลา 10 นาทีโดยประมาณครับ​

​

หลวงปู่บุญ โสภโณ หรือ นามตามสมณศักดิ์ พระครูโสภณพัฒนาภิรม เจ้าอาวาสวัดทุ่งเหียง อายุ 81 ปี 60 ​

หลวงปู่บุญ โสภโณ หรือ นามตามสมณศักดิ์ พระครูโสภณพัฒนาภิรม เจ้าอาวาสวัดทุ่งเหียง อายุ 81 ปี 60 พรรษา เป็นพระเกจิแห่งยุดอีกองค์หนึ่งที่มีวัตรปฏิบัติงดงาม มีจิตใจที่เปี่ยมไปด้วยเมตตาอย่างหาที่สุดมิได้ มีสามธิจิตใจอันแน่วแน่เด็ดเดี่ยวมั้นคง วัตถุมงคลของท่านที่สร้างแต่ละครั้งครา ล้วนได้รับความนิยมด้วยแรงศรัทธา และประสบการณ์ ทั้งด้านเมตตาค้าขาย คงกระพัน ชาตรี ทวีโชคโภคทรัพย์ หลวงปู่บุญ โสภโณ เป็นพระเถระที่เจริญด้วยพรหมวิหารธรรม สั่งสมสร้างบุญญาบารมีอันกว้างไกลไม่มีประมาณตั้งแต่พื้นราบฝั่งตะวันออกจรดภูผาป่าดอยขุนเขาทางภาคเหนือ ที่ท่านรับอุปการะเด้กน้อยผู้ด้อยโอกาสชาวไทยภูเขาให้มีโอกาสได้รับการศึกษาจนสำเร็จการศึกษาไปแล้วว่ากว่าสองพันราย สร้างบุคคลกรให้แก่พระพุทธสาสนา ทั้งด้านปริยัติและปฏิบัติ ทั้งพระภิกษุและสามเณรหลายร้อยรูป

​

คณะฯได้กราบขอความเมตตาจากท่านขอเมตตาหลวงปู่ท่านอธิษฐานจิตพระกริ่งฯ หลวงปู่บุญ ท่านชักลูกประคำอยู่นานมากเกือบครึ่งชั่วโมง ไม่ไหวติง นับเป็นความเมตตาของท่านอย่างมาก ท่านบอกหลวงพ่อวิชัย ลูกศิษย์ลูกหาเยอะ เคยไปพักที่วัดถ้ำผาจม และ หลวงพ่อวิชัยก็เคยมาที่วัดนี้หนหนึ่งด้วย​

 

อธิษฐานจิตกริ่งขวานฟ้าฯ 13 ตุลาคม 2556​

​

พระครูสังวรวีรธรรม หรือ หลวงปู่สุพีร์ สุสัญญโม วัดถ้ำซับมืด ทายาทธรรม ต่อจากหลวงปู่มี ญาณมุนี พระอรหันต์แห่งสูงเนิน และหลวงปู่ทา จารุธัมโม ประธานสงฆ์แห่งวัดถ้ำซับมืด หลวงปู่เป็นพระเมตตามาก ท่านเป็นพระพูดน้อย แต่เจริญกรรมฐานมาก ในวันหนึ่งๆท่านเดินจงกรมไม่ต่ำกว่า สองถึงสามชั่วโมงแม้ว่าสังขารท่านร่วงโรย หรือ ไม่เอื้ออำนวยต่อการปฏิบัติเพียงใด แต่ท่านไม่เคยทิ้งการเดินจงกรมแม้แต่วันเดียว ยกเว้น อาพาธหนักขนาดที่เดินและพูดไม่ได้นั่นแหละ สิ่งเหล่านี้เป็นอาการอาพาธที่เกิดจากอาการทางสมองของท่าน​

​

การอธิษฐานจิตของท่านนั้นใช้วิธี"ลืมตา" ซึ่งในหมู่ศิษย์จะเป็นที่รู้กันว่า ท่านจะถนัดวิธีนี้มากกว่าการนั่งหลับตา ท่านสามารถลืมตาเพ่งได้เป็นระยะเวลากว่าสิบถึงสิบห้านาทีโดยไม่ต้องกวาดสายตาไปๆมาๆเลย ในการอธิษฐานจิตพระกริ่งขวานฟ้าฯครั้งนี้เช่นกัน ท่านได้ให้โยงสายสิญจน์ไปที่พระประธานแล้วท่านก็อธิษฐานจิตเป็นเวลาเกือบสิบนาที โดยไม่กระพริบตา เคยมีครูบาอาจารย์ผู้ใหญ่รูปหนึ่งสัมผัสล๊อกเกตของท่านที่ท่านได้อธิษฐานจิตแบบลืมตาไม่ต่ำกว่าสิบห้าถึงยี่สิบนาที ว่า "พลังเมตตาสูงมาก สว่างเย็นไปทั้งตัว " จึงไม่น่าสงสัยว่าพระกริ่งรุ่นนี้นอกจากจะมีพลังด้านคุ้มครองป้องกันแล้ว ยังมีพลังเมตตาครอบคลุมผสมผสานไปด้วยอย่างแน่นอน​

​

"พระครูสิริภัทรกิจ" หรือหลวงปู่ศรี ปริสุทโธ เป็นพระนักปฏิบัติ ที่มีความเคร่งครัดในพระธรรมวินัย มีบารมีธรรมแห่งความเมตตาสูง เป็นที่นับถือศรัทธาจากพุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดสระบุรี
หลวงปู่ศรี ถือเป็นศิษย์สายตรงหลวงปู่เภา วัดถ้ำตะโก อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี ซึ่งท่านจะย้ำเตือนให้หลวงพ่อศรีรับฟังอย่าเสมอๆ ว่า...

"การฝึกจิตตภาวนา โดยหมั่นทำ หมั่นปฏิบัติ จะทำให้จิตบังเกิดความสงบ สามารถเป็นปราการต่อต้านกองกิเลสได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะภาวะที่เข้าสู่จิตนิ่งสงบ จะทำการสิ่งใดก็จะเกิดปัญญา เกิดความสำเร็จ หากนำไปผสมผสานกับบทพระคาถา วิชาอาคมก็จะบังเกิดความขลังศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างดี..."

หลวงปู่ศรีท่านได้เมตตาอธิษฐานจิตพระกริ่งขวานฟ้าฯนี้เป็นเวลากว่า ห้า นาที ท่านได้บอกกับคณะว่า "หลวงพ่อได้อธิษฐานจิตให้พระนี้ทำการค้าคล่องตัวทุกอย่าง มีเสน่ห์เมตตาทั้งหญิงและชาย และที่สำคัญคือ อธิษฐานจิตให้ป้องกันพญายม" ในความหมายของท่านน่าจะหมายถึงการป้องกันอันตรายต่างๆ นั่นเอง และท่านได้อธิษฐานให้พระกริ่งนี้เป็นเมตตา ดีต่อการค้าขายอีกด้วย​

​

พ่อท่านผอม ถาวโร วัดไทรขาม จ.นครศรีธรรมราช ตอน พระผู้ก้าวข้ามกาลเวลา สมัยที่ท่านจำพรรษาอยู่ ณ วัดหญ้าปล้อง ท่านได้เสกพระเมื่อท่านมีอายุเพียง ๕๒ ปี ๓๒ พรรษา ซึ่งว่ากันด้วยพระเกจิอาจารย์สายใต้ในขณะนั้น ท่านคือพระที่มีอายุน้อยที่สุดครับ

แต่ด้วยฝีมือและคุณวิเศษในตัว ทำให้ท่านได้รับนิมนต์ปลุกเสกพระร่วมกับพระเกจิอาจารย์อาวุโสชั้นนำของจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่มีอายุมากกว่า ๘๐ ปีหลายองค์ เช่น

พ่อท่านจันทร์ วัดทุ่งเฟื้อ พ่อท่านแก่น วัดทุ่งหล่อ พ่อท่านมุ่ย วัดป่าระกำเหนือ พ่อท่านหีต วัดเผียน พ่อท่านคลิ้ง วัดถลุงทอง

ท่านได้อธิษฐานจิตพระกริ่งขวานฟ้าฯเนื้อชนวนล้วนเป็นเวลา 5 นาทีครับ​

 

เข้าร่วมพิธีหล่อแหวนของคุณหมออานุภาพ 19 ตุลาคม 2556​

คุณหมออานุภาพได้ทำการหล่อแหวนนพสิทธิ์ฯขึ้นมาเพื่อถวายแด่หลวงน้าลำใย วัดสะแก​

​

การหล่อแหวนนพสิทธิ์ฯในครั้งนี้คุณหมออานุภาพในเชิญท่านอาจารย์ธรรมนูญ บุญธรรม มาทำพิธีบวงสรวงให้ คุณหมออานุภาพให้ความกรุณาเอื้อเฟื่อให้พระกริ่งขวานฟ้าฯเข้าร่วมพิธีบวงสรวงด้วยทุกเนื้อ​

ซึ่งคุณหมอจัดเต็มคือ นำพระพุทธรูปสมัยหลวงปู่ดู่วัดสะแกมาเป็นประธาน และท่านท้าวมหาราชทั้งสี่ รัตนจักรหลวงปู่ชื้น พระพิคเนศวร และอื่นๆอีกมากมาย
​

​

เมื่อทำพิธีบวงสรวงฝนทำท่าจะตกก็ไม่ตก มีละอองลงมาแล้วก็หยุด ขณะทำพิธีมีลมพัดให้เย็นสบายไม่ร้อนตลอดงาน อาจารย์ท่านเมตตาเล่าภายหลังว่า "วันนี้เป็นวันดี เดือนดับ ทำอะไรก็ศักดิ์สิทธิ์ปลอดโปร่ง ​

​

พิธีนี้ศักดิ์สิทธิ์มาก มีเทวดามาร่วมงานกันมาก มีท้าวมหาราชทั้งสี่ท่านก็มาด้วย มีเทวดาประจำถิ่นใกล้นี่เขาก้มาร่วมงานด้วยนะ" นับเป็นโอกาสดีที่พระกริ่งฯได้เข้ามาในพิธีบวงสรวงในครั้งนี้ เพราะได้กระทำในวันดี มงคลและที่สำคัญมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาร่วมงานและประสิทธิ์ประสาทพลังให้สมบูรณ์เต็มที่ยิ่งๆขึ้นไปอีก​

​

มีผู้ร่วมงานของคุณหมอนำไปลองจับพลังพระดู เพื่อนคนนี้ได้บอกว่า "แรงจริงๆ" อยากได้มีเหลือให้เช่าไหม ทางคณะได้บอกว่า หมดจองไปแล้วจริงๆแต่มีบูชาได้ที่วัด​

 

มาอัตเดตกันนิดครับ​

​

ความบังเอิญหรือปาฏิหาริย์​

วันออกพรรษาที่ผ่านมาหลังจากคณะร่วมพิธีหล่อแหวนของคุณหมออานุภาพแล้ว เราก็เดินทางมาที่พระนครศรีอยุธยาเนื่องจากใกล้กับโรงหล่อ ในตอนแรกมีความตั้งใจจะไปถ่ายรูปโบราณสถาน เพื่อนำมาทำวิจัยบางอย่าง ซึ่งผู้เขียนนั้นได้ถามถึงสถานที่ๆนั้นจากท่านผู้รู้ ท่านได้แนะนำว่า พิจารณาจากรูปน่าจะเป็นวัดนครหลวง นะ ตั้งอยู่อำเภอนครหลวง พวกเราจึงมุ่งหน้าไปอำเภอนครหลวง เพื่อนคนหนึ่งในคณะบอกว่า ถ้าเสร็จแล้ว น่าจะไปขอเมตตาจากหลวงพ่อรวย วัดตะโก ให้ท่านอธิษฐานให้ เพราะคิดว่าการถ่ายรูปโบราณสถานคงใช้เวลาไม่เกินสิบนาที " เพียงแค่ถ่ายรูปเท่านั้นเอง" เมื่อมุ่งหน้าสู่อำเภอนครหลวง เพื่อนที่ทำหน้าที่ขับรถ เลยวัดนครหลวงไปเสียหลายป้าย จึงจะคิดกลับรถ ที่หน้าวัดๆหนึ่งซึ่งชื่อว่า "วัดใหม่ประชุมพล" ผู้เขียนจึงบอกว่าลองเข้าไปดูซิ วัดนี้เขาก้ว่าเป็นวัดโบราณนะ ด้วยความไม่รู้เรื่องอะไรเลย จึงพากันเดินดุ่มๆลงไปกราบพระประธานในพระอุโบสถ เมื่อก้าวเท้าเข้าไป ผู้เขียนด้วยความที่พอจะมีความรู้ด้านประวัติศาสตร์แบบงูๆปลาๆอยู่บ้าง ได้อุทานขึ้นมาในใจว่า "นี่โบสถ์สมัยอยุธยาปลายนี่นา" ทั้งภาพเขียน ทั้งรูปทรง แต่ที่สำคัญที่สุดคือ พระพุทธรูปทรงเครื่อง ซึ่งเป็นพระประธานในพระอุโบสถหลังนี้​

​

เมื่อเข้าไปกราบพระประธานนั้น คณะก็ตะลึงในความงามของพระประธาน แม้ว่าจะไม่ได้งามสง่าดังหลวงพ่อพระพุทธนฤมิตรวิชิตมารฯพระประธานในอุโบสถวัดพระเมรุราชิการาม แต่ก็สัมผัสได้ว่า ทรงไว้ด้วยความศักดิ์สิทธิ์น่าเกรงขามไม่แพ้กัน ทางคณะได้รับการตอนรับอย่างดีจากโยมที่มาร่วมสวดมนต์ และจากหลวงพ่อท่านเจ้าอาวาสท่านให้ความเมตตากับพวกเราอย่างมาก ท่านได้โอภาปราศัย ซักถามว่ามาจากไหน มาทำอะไร จึงได้เรียนท่านว่า "พอดีจะนำพระกริ่งมาอธิษฐานจิตครับหลวงพ่อ" ท่านและโยมที่นั่งอยู่ที่นั่นได้กล่าวต่อว่า "งั้นก็เอามาร่วมสวดมนต์ฉลองเสียเลยซิ จะสวดบทธรรมจักรฯกันด้วยนะวันนี้ออกพรรษา" โยมที่นั่งอยู่ยังพูดแปลกๆว่า "โชคดีมีบุญนะเนี่ยได้มารู้จักวัดนี้สงสัยหลวงพ่อทรงธรรมท่านจะนำทางให้มา"
"​

​

คณะเราจึงได้ขนพระลงมา และนำไปวางไว้หน้าพระประธาน โยงสายสิญจน์จากพระประธานที่มีชื่อเรียกกันว่า "หลวงพ่อทรงธรรม" เมื่อหลวงพ่อเจ้าอาวาสนำคณะพระและโยมทำวัตรเสร็จแล้วท่านก็สวดคาถาพุทธาภิเษกให้ เริ่มตั้งแต่ การชุมนุมเทพยดา พระคาถาชินบัญชร ธัมจักรกัปปวัตนสูตร มงคลสูตร มงคลจักราล กำแพงแก้ว7 ชั้น และอื่นๆอีกมากมายรวมเวลาทั้งสิ้นหนึ่งชั่วโมงครึ่ง​

​

เมื่อขณะเริ่มสวดพระคาถาพุทธาภิเษก หลวงพ่อเจ้าอาวาสท่านสั่งให้ โยมนั้นปิดโบสถ์ ปิดหน้าต่าง เพื่อให้เกิดความศักด์สิทธิ์มากยิ่งขึ้น จึงนับเป็นความกรุณาอย่างยิ่ง ทางคณะศิษย์หลวงพ่อวิชัย กราบขอบพระคุณในความเมตตาของหลวงพ่อเจ้าอาวาสไว้เป็นอย่างสูง จะขอย้อนกลับไปเรื่องการตามหาโบราณสถาน อีกนิดว่า เมื่อเพื่อนขอข้าพเจ้าขับรถเข้ามา เมื่อเห็นภาพซุ้มประตูนั้น เป็นอันเดียวกับที่ตามหาอยู่ จึงไม่ต้องย้อนกลับไปวัดนครหลวงอีกแล้ว เพราะที่ตามหาอยู่คือวัดนี้นั่นเอง​

​

หลวงพ่อพระประธานในโบสถ์ที่ชาวบ้านเรียกว่า "พระเจ้าทรงธรรม" นั้น เพราะเช่ื่อกันว่าสร้างในสมัยพระเจ้าทรงธรรม พระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา แต่จากรูปลักษณ์ศิลปะแล้วพบว่า น่าจะสร้างสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง แห่งราชวงศ์ปราสาททอง เนื่องจากพระองค์ทรงต้องเสด็จขึ้นไปกราบพระพุทธบาทที่สระบุรีเป็นประจำ พระองค์จึงสร้างปราสาทนครหลวงไว้ใกล้กัน เพื่อสะดวกต่อการพักแรม และเป็นที่ประชุมพลกันที่วัดนี้นั่นเอง องค์พระพุทธรูปนั้นนักโบราณคดีบางท่านเชื่อว่า "นี่คือองค์แทนของพระเจ้าปราสาททอง" เพราะลักษณะมงกุฎนั้นต่างจากพระพุทธรูปทรงเครื่องในยุคเดียวกัน เพราะเป็น การจำลองพระมหาพิชัยมงกุฎ มงกุฎขององค์สมมติเทพ นั่นเอง พระพักต์ดูละม้ายมนุษย์มากกว่าเทวดาหรือพระพุทธรูป จึงเป็นที่มาขององค์แทนพระเจ้าปราสาททองนั่นเอง ความศักดิ์สิทธิ์คงไม่ต้องกล่าวถึง แม้แต่ชาวบ้านยังบอกกันว่า หลวงพ่อนี่ท่านศักดิ์สิทธิ์มาก ถึงขนาดไปเข้าฝันคนให้เอาละครมาแก้บนเลย ความศักดิืสิทธิ์ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะชาวบ้านเท่านั้นยังแผ่ไปถึง นักวิชาการผุ้ใหญ่ นั่นคือ หม่อมหลวงอคิน รพีพัฒน์ ท่านได้สัมผัสพลังบางอย่างจากองค์หลวงพ่อทั้งๆที่ ท่าน"ไม่เคยเชื่อในสิ่งลี้ลับมาก่อน" การที่คณะได้มาพบพระพุทธรูปดังกล่าวกับการตามหาโบราณสถาน ที่ๆตามหากลับมาอยู่ในที่เดียวกัน นับว่าเป็นความบังเอิญหรือเป็นปาฏิหาริย์ขององค์หลวงพ่อทรงธรรมก็หารู้ได้ไม่
​

 

ขออนุญาตสำรอง พระกริ่งเนื้อชนวนล้วน 3 องค์ครับ

 

ขอแจ้งให้ทราบว่าพระกริ่งเนื้อชนวนล้วนที่ให้สั่งจองผ่านทางเวบนั้นได้ปิดยอดไปแล้วและไม่รับจองเพิ่ม
ถ้าท่านต้องการไว้บูชา สามารถไปบูชาได้โดยตรงที่วัดถ้ำผาจมตั้งแต่ช่วงกลางเดือนธันวาคมเป็นต้นไปครับ

ขอขอบคุณและขอโมทนาบุญด้วยนะครับ

 

อธิษฐานจิต วันที่ 26 ตุลาคม 2556​

​

อธิษฐานจิตวัตถุมงคล วัดถ้ำตะโกพุทธโสภา ที่ลพบุรี
พระอาจารย์อนุชาติ อภิชาโต เจ้าอาวาส ได้ทำรูปเหมือนของหลวงปู่เภา พุทธสโรขึ้นมา พร้อมจัดพุทธาภิเษกขึ้นที่วัดถ้ำตะโกด้วย หลายๆท่านคงสงสัยว่า หลวงพ่อเภา จริงๆแล้วท่านเป็นใครกันแน่ และสำคัญอย่างไร หลวงพ่อเภานั้น ท่านเป็นคนนครสวรรค์ ท่านศึกษาคาถาอาคมมาจากครูบาอาจารย์สายนครสวรรค์ แต่จุดพลิกผันชีวิตคือ ท่านได้มาพบกับ พระธุดงค์ไม่ทราบนาม และพระธุดงค์รูปนั้นได้ สั่งสอนอานาปานสติให้ท่านจนเกิดปัญญารู้แจ้งในชาติภพ และท่านได้ประพฤติตนให้พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด​

​

ประจักษ์พยานของการบรรลุธรรมเมื่อเผาสรีระท่านแล้ว ทางวัดได้เก็บไว้โดยไม่มีคนใส่ใจดูแล จนเมื่อเวลาผ่านไปร้อยปีเศษ ศิษยานุศิษย์ได้นำโกศอัฐิท่านมาเปิดดูกัน พบว่าเป็นเม็ดพระธาตุดังที่ท่านได้เห็นอยู่นี้ จึงเป็นประจักษ์พยานว่า ท่านคงจะปฏิบัติตนข้ามพ้นโอฆสังสารวัฎได้แล้ว สมัยที่มีชีวิตท่านเป็นพระที่เคร่งครัดในพรระธรรมวินัยมากจนเลื่องลือไปถึงเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินในรั้วในวัง ถึงกับนิมนต์ท่านเข้าวัง ในสมัยสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือ พระปิยมหาราชจองชาวไทยนั่นเอง ชื่อเสียงท่านกระฉ่อนไปไกลถึงภาคเหนือของไทย โดยเจ้าแก้วนวรัตน์ เจ้านายผู้ปกครองนครเชียงใหม่มีศรัทธาปสาธิการถึงกับถวายพระพุทธรูปโบราณสมัยล้านนามาประดิษฐานไว้ยังวัดแห่งนี้ โดยให้ชื่อว่า พระพุทธโสภา ชาวบ้านร้านตลาดท่านก็เมตตาไปโปรด ไม่เลือกรวยเลือกจน มีชาวบ้านเล่าให้ฟังว่า ท่านเทศน์หมู่บ้านชาวประมงเรื่องการฆ่าสัตว์เป็นบาป ชาวบ้านถึงกับถวายอุปกรณ์ทำประมงให้ท่านทั้งหมด เพื่อตนเองจะเลิกอาชีพนี้หันไปทำอาชีพอื่นกันหมด ฆราวาส ยังมีความสนใจขนาดนี้แล้ว บรรพชิตคงไม่ต้องกล่าวถึง เพราะมีพระไปจำพรรษากับท่านปีละหลายร้อยองค์ ศิษย์ที่มีชื่อเสียง ของท่านได้แก่ หลวงพ่อสาลี วัดเขาวัง หลวงพ่อหุ่น อิสสโร วัดเขาวัง ราชบุรีเช่นกัน หลวงพ่อถมยา โพธิญาณ หลวงพ่ออุ่ม หลวงพ่อฉาย หลวงพ่อพระครูวิจิตรชัยการ วัดบ่อแร่ ชัยนาทเป็นต้น แม้กระทั่งหลวงพ่อชา สุภัทโธ แม้ว่าไม่ทันหลวงพ่อเภา แต่ด้วยท่านได้ยินชื่อเสียงหลวงพ่อเภา จึงได้มาศึกษาที่วัดเขาวงกฎซึ่งเป็นสาขาหลวงพ่อเพา นั่นเอง​

​

รูปปั้นหลวงพ่อเพา พุทธสโร​

​

ในวันที่พวกเราเอาไปเข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกนั้น พระอาจารย์เจ้าอาวาสท่านก็ให้ความเมตตาให้ร่วมเข้าพิธีเป็นอย่างดี และที่สำคัญคือ เราไปสายแล้ว จวนจะดับเทียนแล้ว ขณะที่เราขนพระขึ้นไปพระที่สวดพิธีพุทธาภิเษกทั้งสี่รูปท่านก็ได้บอกพวกเราว่า โยมมาช้าไปหน่อยนะจ๊ะ แต่เดี๋ยวจะสวดให้เพิ่มอีก​

​

ในงานนั้นมีพระมาร่วมงานทั้งสิ้นห้ารูปล้วนเป็นศิษย์สายหลวงพ่อเภาทั้งสิ้น ห้ารูป โดยมี พระครูศรัทธาโสภิต (หลวงปู่หนุ่น) เป้นศิษย์ขององค์หลวงปู่ชั้ว ฉันทธัมโม หลวงปู่ชั้วเป็นศิษย์ในองค์หลวงปู่สุด วัดปฐมพานิช พระอริยเจ้าผุ้มีร่างที่ไม่เน่าเปื่อย ซึ่งก็คือหลวงปู่รูปที่นั่งใกล้สุดนี้ขวามือสุด

หลวงปู่ชั้ว เป็นพระพูดน้อยเคร่งครัดต่อพระธรรมวินัยอย่างมาก เจริญสมาธิอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวันทั้งคืน เดินจงกรม นั่งกรรมฐานไม่สุงสิงกับผู้คน ใครจะมารบกวนการเจริญกรรมฐานของท่าน ท่านจะไล่ด้วยการถีบประตูแรงๆให้คนตกใจกลัว เมื่อท่านมรณภาพไปปรากฎว่า อัฐิธาตุท่านกลายเป็นพระธาตุอย่างน่าอัศจรรย์ใจ พระของท่านทำออกมา ด้วยตัวท่านเอง ท่านดำริทำอย่างเงียบๆ แจกแก่ผู้ศรัทธาต่อท่านจริงๆ มีผุ้นำพระท่านไปให้ครูบาอาจารย์ที่เคารพท่านพิจารณา ท่านบอกว่า "พระสมเด็จนี้แปลกเห็นเป็นพระพรหม" อีกนัยหนึ่งคือท่านสำเร็จวิชาพรหมนั่นเอง หลวงปู่ชั้วเป็นพระไม่แสวงหาลาภยศ ใช้ชีวิตอย่างเงียบๆและจากไปอย่างเงียบๆเช่นกันเมื่อปี 2549 นี้ ทำให้เห็นว่ายังมีพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติตรงใช้ชีวิตเงียบๆอยู่ในชนบทอันห่างไกล และในรูปที่นั่งถัดไปทางซ้ายมือคือหลวงพ่อพระครูสุทธิธรรมาภิรักษ์(พระอาจารย์ต่อ) วัดสิงห์ทอง ลพบุรี ศิษย์ของหลวงปู่บุญมี วัดถ้ำตะโก ซึ่งท่านเป็นศิษย์สายหลวงพ่อเพา พุทธสโร​

​

พิธีนี้คงจะไม่ธรรมดา เพราะวันที่อธิษฐานจิต ท้องฟ้าปลอดโปร่งมีลมพัดผ่านให้เย็นสบายตลอดจนพิธีเสร็จสิ้น และพระที่มาร่วมงานล้วนแต่เป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มีพระบางรูปที่มาร่วมพิธีในวันนั้น ท่านเจ้าอาวาสวัดถ้ำตะโก แอบกระซิบให้ผู้เขียนฟังว่า "เกศาหลวงพ่อ...นี้เป็นพระธาตุแล้วนะ" ผู้เขียนอุทานออกมาเบาๆ ว่า "ฮ้า....เป็นไปได้หรือนี่" จึงเป็นนิมิตหมายอันดียิ่ง และตอนเข้าร่วมไปสายพระที่ท่านสวดเจริญชัยมงคลยังสวดต่อให้อีกสามรอบ อีก ของในพิธีนี้จึงศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน​

​

ในรูปด้านซ้าย คือ หลวงพ่อพระครูผาสุกธรรมโสภิต วัดบางสำราญ จังหวัดลพบุรี เป็นอาจารย์ของท่านเจ้าอาวาส วัดถ้ำตะโกรูปปัจจุบัน และรูปถัดไปคือ พระครูสุวรรณวรวงศ์ วัดวังจิก จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งท่านเป็นศิษย์ของหลวงพ่อหล่ำ วาจาสิทธิ์ เกจิชื่อดังแห่งจังหวัดสุพรรณบุรี​

​

ด้านซ้ายมือ สุดคือ หลวงพ่อพระครูพิศาลสุนทรกิจ วัดจักรวรรดิ์ราชาวาส ศิษย์ในองค์หลวงพ่ออุ่ม วัดถ้ำตะโก หลวงพ่ออุ่มนี้ โยมพ่อของพระที่วัดถ้ำตะโกเป็นคนพื้นที่เล่าให้ฟังว่า ตอนอธิษฐานจิตพระนี้ หลวงพ่ออุ่มท่านอธิษฐานอยู่รูปเดียว ไม่ไหวติง เมื่ออธิษฐานจิตไปได้สักพัก เหรียญกระเด็นออกจากในพาน ซึ่งตอนนั้นโยมพ่อของพระที่วัดถ้ำตะโกท่านนั่งอยู่จึงได้แอบเก็บเหรียญนั้นไว้ และไม่กล้าเรียกขอต่องค์หลวงพ่ออุ่ม เพราะท่านกำลังเข้าสมาบัติอย่างไม่ไหวติง เมื่อเสร็จพิธีแล้วโยมพ่อของพระรูปดังกล่าวได้ขอเหรียญต่อท่านท่านหลังจากที่เสร็จพิธีแล้ว​

 

​

[COLOR="DarkGreen"[COLOR="Red"]]พระอาจารย์ธรรมนูญ ฐิตวัฑฒโน[/COLOR] หรือ พระอาจารย์ติ๋ว พระผู้เรืองอาคมแห่งวัดมณีชลขันธ์ ซึ่งวัดมณีฯนี้เป็นสถานที่สำคัญในการเจริญกรรมฐานของพระกรรมฐานหลายๆรูปเช่น ท่านพ่อลี วัดอโศการาม ท่านก็เคยมาพักที่นี่ด้วย สมเด็จพระมหานุนีวงศ์วัดนรนาถฯ หลวงปู่อ่ำ เป็นต้น พระอาจารย์ติ๋วนี้ ท่านได้เรียนคาถาอาคมจากอาจารย์ที่เป็นพระและฆราวาสมากมาย เช่น อาจารย์ยอด เหมือนพันธุ์ ปู่ก้าน บำรุงกิจเป็นน้องชายของ หลวงปู่สี วัดสะแก อาจารย์เทพ สาริกบุตรและอาจารย์ที่เป็นพระได้แก่ หลวงปู่สี วัดสะแก หลวงปู่มัง มังคโล เป็นต้น ในการอธิษฐานจิตพระกริ่งนี้ฯ ทางคณะได้นำขึ้นไปกราบขอเมตตาท่านๆได้พิจารนาชั่วครู่หนึ่งแล้ว ท่านจึงอธิษฐานจิตให้เป็นเวลาสิบห้านาทีไม่ไหวติงตลอด นับเป็นความเมตตาของท่านอย่างมากครับ กราบขอบพระคุณพระอาจารย์ไว้ด้วยครับ ณ ที่นี้[/COLOR]​

 

มวลสารที่จะนำมาอุดใต้ก้นพระกริ่งขวานฟ้าฯ ชุดที่ 1​

​

เศษพระสามเก่า สมัยเวียงท่ากาน เชียงใหม่อายุกว่า 600 ปี​

​

เศษฐานพระบุเงินสมัยอยุธยาครั่งโบราณ ที่ได้รับการอธิษฐานจิตมาอย่างดีสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ราวรัชกาลที่ 1-3​

​

เพื่อนชาวต่างชาติมีใจศรัทธาในองค์พระเดชพระคุณหลวงพ่อวิชัยมาก ถึงกับสละ พระคง พระลีลา พระรอดสมัยต่างๆ และพระโบราณอีกหลายๆองค์มาบดเพื่อบรรจุเป็นมวลสารถวายเป็นพุทธบูชาและสังฆบูชาแด่หลวงพ่อวิชัย​

​

งาช้างแมมมอธจากอลาสก้า มีอายุเป็นล้านปี งาช้างนี้ถูกฝังพร้อมช้างในน้ำแข็งขั้วโลก และ งายังคงสภาพจนถึงทุกวันนี้ หลวงพ่ออุตตมะเคยอธิษฐานจิตพระรุ่นหนึ่งซึ่งนำงาช้างแมมมอธมาบดเป็นผง แสดงว่ามีกายสิทธิ์ในตัว​

​

ผ้ายันต์เก่าสมัยหลวงปู่ต่วน วัดกล้วย พระผู้ทรงอภิญญาและเป็นพระอรหันต์ รูปหนึ่งของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลวงพ่อเจ้าอาวาสเก็บมาเป็นเวลาหลายสิบปี ท่านได้เมตตามอบให้มาเมื่อทราบว่าจะทำพระกริ่งชุดนี้​

​

กระเบื้องมุงหลังคาโบสถ์วัดกล้วย ซึ่งทันสมัยหลวงปู่ต่วน​

​

เศษงาช้างดำ พบแถวป่าลึกเขตติดต่อระหว่างพม่าและไทย เป็นสิ่งของอาถรรพ์ สามารถคัดของที่ไม่ดี และไสยดำออกจากผู้ที่พกพาติดตัวตลอด มีวัดหนึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้ทำพระรุ่นหนึ่งที่ทำจากงาช้างดำ เป้นที่นิยมและมีชื่อเสียงมาก​

 

​

เศษทองพระเศษปูนที่ร่วงหล่นมาจากองค์พระธาตุจอมกิตติ จังหวัดเชียงราย พระธาตุจอมกิตตินี้เป็นสถานที่สำคัญ ในสายหลวงพ่อพระราชพรหมยานจะทราบกันดีว่า สถานที่นั่นมีความสำคัญต่อประเทศชาติเป็นอย่างมาก หลวงพ่อฤาษีเคยมาทำพิธีบวงสรวงเพื่อช่วยเหลือประเทศชาติในขณะนั้นที่พระธาตุนี้ ดังนั้นของมงคลที่มาจากพระธาตุจึงเป็นสิ่งที่มีความศักสิทธิ์มากเช่นกัน​

​

เส้นเกศาของพระเดชพระคุณหลวงพ่อวิชัย เขมิโย วัดถ้ำผาจม จังหวัดเชียงราย​

​

เล็บของหลวงพ่อวิชัย เขมิโย วัดถ้ำผาจม จังหวัดเชียงราย​

​

แผ่นจารของอาจารย์ธรรมนูญ บุญธรรม ด้วยตัว "นะ" พิเศษนี้จะถูกพับและบรรจุลงไปที่ก้นพระกริ่งเนื้อชนวนล้วนทุกองค์​

​

เส้นสายสิญจน์หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร จะถูกนำมาตัดและอุดลงพร้อมมวลสารใต้พระกริ่งเนื้อชนวนล้วนทุกองค์​

​

พระกริ่งขวานฟ้าฯนี้ ทางคณะฯได้นำไปถวายครูบาอาจารย์รูปหนึ่งพิจารณา โดยสุ่มพระกริ่งเนื้อชนวนล้วนและเนื้อสัตตโลหะ ท่านได้พิจารณาพระกริ่งเนื้อชนวนล้วนนี้ว่า "เห็นเป็นองค์หลวงปู่มั่น โดยองค์หลวงปู่เป็นเงินสว่าง มีรัศมีด้านบนศีรษะหลวงปู่เป็นรัศมีสีแดง และที่ตัวองค์เป็นแสงสีชมพู วัตถุมงคลนี้เต็มที่อย่างสมบูรณ์แล้ว"​

 

อัตเดตการอธิษฐานพระกริ่งฯครับ ณ.วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี​

<a href="http://image.ohozaa.com/view2/xcaOlpyUyFBfYl2c" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/c41/Bbu4Uw.jpg" /></a>​

พระกริ่งขวานฟ้าฯ ได้เข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษก ในพระอุโบสถ วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี โดยมีพระธรรมสิงหบุราจารย์ หรือ หลวงพ่อจรัล ฐิตธัมโม เป็นประธานในพิธี บรรยากาศในพิธี เริ่มจากพระสวดบทธัมมจักรกัปปวัตนสูตร และหลวงพ่ออธิษฐานจิตเดี่ยวนานราว หนึ่งชั่วโมงเต็ม​

<a href="http://image.ohozaa.com/view2/xcaOqngswBn4g4Dw" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/2be/G1N7Qd.jpg" /></a>​

บรรยากาศหลังเสร็จพิธีพุทธาภิเษก คงจะเป็นการยากอย่างยิ่งที่จะได้นำวัตถุมงคลนี้เข้าพิธีอันศักสิทธิ์เช่นนี้ วัดอัมพวันก็ไม่ได้มีพิธีพุทธาภิเษกยิ่งใหญ่เช่นนนี้บ่อยครั้งนัก
​

<a href="http://image.ohozaa.com/view2/xcaOs99RWwFEgZBm" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/f42/fMebaG.jpg" /></a>​

นับเป็นโอกาสอันดีของพระกริ่งขวานฟ้าฯที่ได้เข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกในครั้งนี้ด้วยครับ​

 

อธิษฐานจิตพระกริ่งขวานฟ้า เชียงใหม่ 9-11 พฤศจิกายน 2556​

​

หลวงพ่อประสิทธิ์ ฉันทคาโม วัดอรัญญวิเวก พระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบที่อยุ่วัดหลวงพ่อเปลี่ยนครับ อธิษฐานจิตให้ราว 5 นาทีครับ​

​

หลวงพ่อเปลี่ยน ปัญญปทีโป วัดอรัญญวิเวก แม่แตง พระผู้มีญาณหยั่งรู้ และมีบุญสัมพันธ์กับเทพและนาคในเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล อธิษฐานจิตให้ราว 10 นาทีครับ พระกริ่งเนื้อชนวนล้วนในกล่องสีเขียวตั้งหน้าหลวงพ่อเลยครับ พอท่านทราบว่าเป็นพระกริ่งของพระเดชพระคุณหลวงพ่อเรา ท่านเลยเมตตาอธิษฐานจิตให้เป็นพิเศาด้วยครับ เพราะท่านกับหลวงพ่อของพวกเราคุ้นเคยกันมายาวนาน​

​

หลวงปู่ครูบาดวงดี ยติโก พระปฏิบัติแห่งวัดบ้านฟ่อน จังหวัดเชียงใหม่ อธิษฐานจิตให้เป็นพิเศษครับ เพราะกรรมการวัดไม่อนุญาตให้เอาวัตถุมงคลไปรบกวนท่านอธิษฐานจิตให้แล้ว แต่ต้องขอบพระคุณในความเมตตาของงอค์หลวงปุ่และกรรมการวัดบ้านฟ่อนมากครับ ที่กรุณาให้หลวงปู่อธิษฐานจิตให้​

​

หลวงปู่ครูบาตั๋น ปัญโญ เมตตาอธิษฐานจิตพระกริ่งชุดนี้ครับเป็นเวลา 2-3นาทีครับ​

​

หลวงปู่ครูบาบุญทา ยติโกวัดเจดีย์สามยอด ลำพูน เมตตาอธิษฐานจิตพระกริ่งขวานฟ้าให้ครับ ซึ่งท่านได้เคยจารแผ่นให้ตอนก่อนหล่อพระจนกระทั่งพระแล้วเสร็จมานี้ ท่านอธิษฐานจิตให้นานกว่า สิบนาทีครับ
​

​

พระครูสหสุวรรณวงศ์(หลวงปู่ครูบาสิงห์ทอง อินทวํโส). วัดป่าบุก ต.แม่แรง อ.ป่าซาง จ.ลำพูน อธิษฐานจิตให้ครับราวยี่สิบนาทีครับ​

​

พระครูโสภณสารคุณ (หลวงปู่ครูบาบุญมา ตโมนุโท) วัดศิริชัยนิมิตร(กิ่วแลป่าเป้า) อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ อธิษฐานจิตให้ครับ ท่านเคยลงแผ่นตอนก่อนหล่อพระกริ่งดังกระทู้ต้นๆ แล้วท่านก็อธิษฐานจิตให้หลังจากที่พระกริ่งชุดนี้เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว ในภาพหลวงปู่อาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ครับ​

​

หลวงปู่พระครูพิพิธปุญญาพิรัตน์ หรือหลวงปู่ครูบาอินตา กตปุญโญ วัดบ้านศาลา จังหวัดเชียงใหม่เมตตาอธิษฐานจิตนานเป็นเวลาสิบนาทีครับ​

​

หลวงปู่สังข์ สังกิจโจ วัดป่าพระอาจารย์ตื้อ แม่แตง เชียงใหม่ อธิษฐานจิตให้ครับ หลวงปู่ท่านมีความสนใจในพระกริ่งนี้มากครับ ท่านพิจารณาอยู่นาน ท่านก็ชมว่า "พระนี่ทำสวยดีจริงๆ เนื้อก็เก่านะเนี่ยใช้โลหะอย่างดี พระก็เป็นศิลปะเก่าด้วยสวยจริงๆ" ท่านอธิษฐานจิตให้นานกว่าสิบนาทีครับ​

​

หลวงปู่ชม ฐานคุตโต วัดป่าท่าสุด อธิษฐานจิตให้ยาวนานกว่าครึ่งชั่วโมงครับ แม้ว่าท่านได้นอนป่วยอยู่แต่เมตตาท่านไม่มีประมาณจริงๆครับ คณะผู้จัดสร้างขอกราบขอบพระคุณในความเมตตาของหลวงปู่ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ​

​

หลวงปู่กวง โกสโล วัดป่านาบุญ เชียงใหม่ครับ พอท่านทราบว่าเป็นของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ท่านก็บอกว่า "อาจารย์วิชัย กับเรารู้จักกันดี" หลวงพ่อเคยเล่าเรื่องขององค์หลวงปุ่กวงให้พวกเราฟังเสมอ ว่า"หลวงปู่กวงเป็นพระผู้ใหญ่มีปฏิปทางดงาม ท่านเคยไปแวะวัดเราอยู่ ท่านขึ้นไปทดสอบหลวงพ่อดูว่าหลวงพ่อจะโกรธท่านไหม พอท่านพูดมาสะกิดใจหลวงพ่อ หลวงพ่อไม่โกรธตอบพอท่านเห็นว่าหลวงพ่อไม่โกรธตอบหลวงปู่ท่านก็คุยกับหลวงพ่อดีไม่มีอะไร" หลวงปู่กวงท่านให้ความสนใจพระกริ่งชุดนี้มากครับ ถึงกับให้เปิดพลาสติกที่ปิดสนิทออกเพื่อท่านจะได้เป่า....ผ่านถึงองค์พระกริ่งครับ
​

​

หลวงปู่กวง อธิษฐานจิตให้นานราวห้านาทีครับ หลวงปู่กวงนี้ท่านเป็นศิษย์ในองค์หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโรครับ ทุกครั้งที่ผู้คนไปกราบท่านๆจะถามทุกครั้งว่า" ไปกราบหลวงพ่อใหญ่มาแล้วหรือยัง" ท่านให้ความเคารพในองค์หลวงพ่อประสิทธิ์เป็นอย่างมาก​

 

มาต่อช่วงที่ไปเชียงใหม่..ครับ​

​

หลวงพ่อบุญหนัก ถาวโร สำนักสงฆ์ดอยอ่างขาง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ อธิษฐานจิตให้ราว 5 นาทีครับ​

​

หลวงปู่อุดม ญาณรโต เมตตา อธิษฐานจิตพระกริ่งขวานฟ้าฯให้ครับนานราวสิบห้านาทีครับ​

​

หลวงพ่อบุญกู้ อนุวัฒฑโน วัดพระศรีรัตนมหาธาตุบางเขน อธิษฐานจิตให้ในพระอุโบสถวัดสันติธรรมครับ​

​

หลวงพ่อพระครูวิมลธรรมรัต หรือหลวงพ่อศรีนวล วิมโล เจ้าอาวาสวัดสันติธรรม เมตตาอธิษฐานจิตพระกริ่งให้ครับเป็นเวลา 1 คืนครับ​

ครูบาอาจารย์เหล่านี้ ท่านอธิษฐานจิตให้แต่เป็นกฎของทางวัดคือ "ห้ามถ่ายภาพ" ทางคณะฯจึงจำเป็นต้องปฏิบัติตามจึงไม่มีรูปภาพมาให้สมาชิกได้ชมกันครับ​

​

1.หลวงพ่อทองแดง วรปัญโญ วัดพระเจ้าตนหลวง เชียงใหม่ อธิษฐานจิตให้ราว 5 นาทีครับ ท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อเปลี่ยน ปัญญปทีโป มีเรื่องเล่าว่าท่านอธิษฐานจิตจนเหรียญเรืองแสงได้ครับ

2.พระครูไพศาลวรคุปต์ วัดศรีปันเงิน อธิษฐานจิตให้กว่า 5 นาทีครับ

3.หลวงปู่เจริญ ญาณวุฑโฒ วัดถ้ำปากเปียง เชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ อธิษฐานจิตให้นานกว่า 5 นาทีครับ ท่านว่า "อาจารย์วิชัย กับเราคุ้นเคยกัน เรานิมนต์ท่านมางานวันเกิดเราที่ผ่านมานี่เอง. หลวงพ่อเคยเล่าว่า"ได้ไปกราบหลวงปู่กับคณะโยม หลวงปู่แจกพระ ท่านเลยจะไปขอรับกับเขาบ้างด้วยความเคารพในองค์หลวงปู่มาก่อนเพราะได้ยินชื่อเสียงด้านการปฏิบัติมา พอจะเข้าไปขอหลวงปู่ท่านดุเอาว่าเป็นพระจะมาขอพระทำไมกัน ท่านดุเสียงดังเลย หลวงพ่อก้เฉยๆเพราะถือว่าครูบาอาจารย์ให้ธรรมกับเรา พอหลวงปุ่เห็นหลวงพ่อไม่โกรธท่านก็ถามว่ามาจากไหน พอรู้ว่าเป็นหลวงพ่อท่านก็โอภาปราศรัยดี ท่านก็เมตตาหลวงพ่อมาตั้งแต่ตอนนั้น"

4.หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร วัดป่าหมู่ใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ท่านเป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมีความคุ้นเคยกันกับหลวงพ่อของเรามานานตั้งแต่สมัยธุดงค์แถวถ้ำผาจรุย จังหวัดเชียงราย และท่านก็ยังเจอกันตามงานกิจนิมนต์สำคัญๆอีกหลายครั้งด้วยกัน พระเดชพระคุณหลวงพ่อเคยปรารภให้กับทางคณะว่า "หลวงพ่อประสิทธิ์เป็นพระที่สำคัญมากรูปหนึ่งนะพวกเรา ควรหาโอกาสไปกราบเป็นบุญเป็นกุศล" ทางคณะผู้จัดสร้างเดินทางไปถึง เมื่อหลวงพ่อทราบว่าเป็นพระกริ่งของหลวงพ่อวิชัย ท่านก็เมตตาอธิษฐานจิตให้อึดใจใหญ่แล้วได้พูดขึ้นว่า "เอ้าเสร็จแล้ว" นับเป็นความกรุณาของพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านมาก ขอกราบขอบพระคุณในความเมตตาของหลวงพ่อมาณโอกาสนี้ ภาพนี้เป็นภาพที่องค์หลวงพ่อประสิทธิ์อธิษฐานจิตพระจักรพรรดิ์ถวายพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งในครั้งนั้นผู้ร่วมเหตุการณืเล่าว่า ไปกราบหลวงพ่อกลางดึก ท่านเมตตาเดินออกมาพอดี หลวงพ่อก็บอกว่า"ดีแล้วที่มาวันนี้เพราะพรุ่งนี้หลวงพ่อจะไปอินเดีย" ท่านอธิษฐานจิตให้กว่า สิบห้าถึงยี่สิบนาที ไปตอนนั้นราวสักสองทุ่มฝนตกใหม่ๆ พอเปิดไฟแมลงเม่าในป่าบินมาตอมเต็มไปหมด แต่พอหลวงพ่อท่านเริ่มอธิษฐานจิตเท่านั้น แมลงเม่าไม่ตอมองค์หลวงพ่อเลยกลับมาตอมพวกเราแทน คณะที่ไปครั้งนั้นมีทั้งพระทั้งโยมเห็นเป็นอัศจรรย์มาก ให้ท่านสังเกตจากภาพไม่มีภาพแมลงเม่าสักตัววิ่งผ่านกล้องเลยทั้งที่ตอมเราเต็มไปหมดมองกันข้างๆแทบไม่เห็นมีแต่แมลงเม่าเท่านั้น