เจอของจริงวิ่งหนีป่าราบ

ขอบคุณคุณเคคะ
lisy ก็พยายามอยู่นะคะ อย่างในกรณีที่คุณเคบอกเรื่องรู้ตัวนะคะ ถ้ามีอะไรมากระทบในทางเลว เรารู้ตัวแล้วละว่าเรากำลังโกรธ แล้วคุณเคจะทำอย่าง โต้ตอบไหม อย่างกรณีที่ lisy เล่าที่ตอบคุณคีตเสวี

 

ดีใจกับทุกท่านครับ ถึงโต้แย้ง ก็ว่าด้วยเรื่องของธรรม จะผิดถูกหรือเข้าใจยังไง เข้าใจแค่ไหน ก็ถือว่าทุกท่านมาถูกทาง ขออนุโมทนากับทุกความคิดเห็นครับ

ผมต้องรีบไปทำงานต่อ ลาครับผม

 

:z12

ปรุงระเบิด
แค่รับรู้ เห็นทุกอย่าง
เป็นเพราะคิด คิดเพราะเป็น
คิดเพราะคิด หมดคิด หมดเป็น
จบธรรมด้วยหมดคิด

แบบนี้ เขาเรียกว่า สิ้นคิด
การคิด การทำ การปฎิบัติ การปรุงแต่ง การสร้างสรรค์ เพื่อคุณค่าของชีวิต และ สังคม
จะต้องมีการแตกแยกความคิด โดยใช้ปัญญา ฟาดฟันกิเลสให้ราบคาบ
หาเหตุ หาปัจจัย หาเหตุผล
แล้วค่อยมาหาลู่ทาง กระทำความดี
เพื่อตนเอง ครอบครัว สังคม และ โลก

เรื่องแบบนี้ ทำกันตลอดชีวิต มีไม่จบไม่สิ้นหรอก
สมอง ความคิด ปัญญา มีไว้กระทำ
ไม่ใช่ว่า มีแต่ ธรรม
ธรรม ก็คือ คำศัพท์ คำหนึ่ง
ที่จะต้องแตกคำ แตกความหมาย แตกออกมาเป็น พระไตรปิฎก เป็นต้น
แล้วจึงนำมาเป็นการศึกษา การปฎิบัติ การสั่งสอน การทำคุณงามความดี
การกระทำความดี ที่เอื้อต่อสังคม
ให้คนในสังคมเป็นคนดี
เพราะฉะนั้น เรื่อง ธรรม นี่มีไม่รู้จบ

 

<TABLE class=tborder id=post1387020 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"><!-- status icon and date --> วันนี้, 02:19 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #194 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>มังกรบูรพา<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1387020", true); </SCRIPT>
สมาชิก



เข้ามาครั้งล่าสุด: วันนี้ 02:19 PM
วันที่สมัคร: Jul 2008
อายุ: 48
ข้อความ: 24
ได้ให้อนุโมทนา: 245
ได้รับอนุโมทนา 132 ครั้ง ใน 28 โพส
<IF condition="">
</IF>พลังการให้คะแนน: 0


</TD><TD class=alt1 id=td_post_1387020 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ดีใจกับทุกท่านครับ ถึงโต้แย้ง ก็ว่าด้วยเรื่องของธรรม จะผิดถูกหรือเข้าใจยังไง เข้าใจแค่ไหน ก็ถือว่าทุกท่านมาถูกทาง ขออนุโมทนากับทุกความคิดเห็นครับ

ผมต้องรีบไปทำงานต่อ ลาครับผม
<!-- / message --></TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> <SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("1387020")</SCRIPT> </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right><!-- controls --></TD></TR></TBODY></TABLE>


รูปสวยนะคะ ขอแจมด้วยคนสิ

 

นี่เลย อย่างนี้แหละ ทำอย่างนี้แหละ รู้อารมณ์ที่เกิดในใจ ด้วยการระลึกรู้
แบบนี้แหละครับ จะเห็นว่า ที่คุณระลึกรู้อารมณ์ได้ เพราะมันกลายเป็นของ
ถูกสังเกตไปเสียแล้ว โดยมีเราเป็นผู้สังเกตุ อารมณ์ต่างๆ เป็นของถูกรู้ ถูกดู

ตรงที่คุณตั้งตัวเป็นผู้ดู และระลึกการดูได้ ตอนนั้น คือ การมีสติ แต่สั้นๆ หลัง
จากนั้นก็เผลอไปคิดหาทางแก้ แต่พอหาทางแก้ ก็ระลึกรู้อีกว่า จมไปแล้ว ก็
เกิดสติขึ้นอีก รู้อารมณ์ ณ ปัจจุบัน นี่คือ การรู้ลงปัจจุบัน โดยมี ตัวสติ เป็น
ผู้ตัดทอนจังหวะความคิดเป็นช่วงๆ

ตัวสติ เป็นธรรมะ มันจึงตกใต้ไตรลักษณ์เหมือนกัน แต่เราพึงภาวนาเจริญ
ตัวนี้ให้มันเก่งขึ้น ทำโดย การระลึกรู้ไปอย่างนั้นแหละ ถ้าแจ่มๆ มันจะไม่
เลือกอามรณ์ที่ถูกรู้ถุกดู แต่ถ้าดูไม่ได้ ก็เพราะมันละเอียด อารมณ์โกรธ
เป็นอารมณ์ที่หยาบ จึงเห็นง่ายๆ แต่ภาวนาไป ก็จะเห็นตัวละเอียด ซึ่งเห็น
ยาก

คนที่ทำสมาธิ ก็เพื่อลัดการดูของหยาบ กดของหยาบไว้ แล้วไปดูตัว
ละเอียด แต่ส่วนใหญ่จะลืมดู(ลืมยกวิปัสสนาญาณ) ก็เลยทำสมาธิไม่
เลิก

การที่คุณรู้อารมณ์ จะเห็นว่า นั้นคือ ทางกุศล ทันที่คุณรู้ว่าตัวคุณมีอารมณ์
อันไม่ก่อกุศล จะเห็นว่า มันจะถูกละวางเมื่อรู้ทัน หลังจากนนั้น ถ้าคุณรู้ทัน
อารมณ์ปัจจุบันได้ต่อเนื่อง มรรค 8 จะประชุมขณะนั้นทันที คุณจะเรียบ
พูดจาดี ทำงานดี เพียรดี คิดดี อีกหลายๆดี เรียกว่า มรรคประชุมครบองค์
ซึงจะเกิดได้ก็ต่อเมื่อ สติตั้งมั่นได้ยาว ( รู้ลงปัจจุบันได้ยาว ) เรียกอีกอย่าง
ว่า มีสัมมาสติ ซึ่งทำให้มี สัมมาสมาธิ และสัมมาสมาธิทำให้เกิดมรรค8
ในส่วนของสัมมาปัญญา

 

พายุทะเล คือ แก้วน้ำ ใช่ไหม

เพราะสิ่งที่คุณแสดง ไม่มีอันไหน พ้นสมมติ สักข้อ

 

ผมไม่เห็น เป็นสมมุติ ทุกเหตุปัจจัย แม้กระทั่งการเกิดมาดำรงในโลก เป็นสมมุตินะครับ

ถ้าท่านใดอธิบายได้ก็ช่วยหน่อยแล้วกัน

 

;aa21

คุณวี นี่นะ เป็นผู้รู้ ผู้เห็น
เห็นอากัปกิริยา เห็นการเลื่อนเข้า ออก
ไหลเข้ามา แล้วก็ไหลออกไป

คุณวี วี่ รู้ด้วยความลื่นไหล คล่องแคล่ว
ด้วยอารมณ์ บางเบา

คุณวี ก็เลย เป็นคุณวี ที่สบาย สบาย
เป็นสุข สนุกสนาน
โดยไม่ต้องมุ่งหวัง นิพพาน

จิงเป่า

 

คุณ stefa ดูให้เรามั่งจิ

 

สิ่งที่คุณ lisy เห็นได้ด้วยตัวเอง รู้ได้ด้วยตัวเอง ตอนนี้ คือ สิ่งที่เรียกว่า กิเลส

จะเห็นมันเกิดขึ้น แต่ตอนนี้มันเกิดขึ้นในฐานะของถูกรู้ ถูกดู ไม่ใช่คุณ มันจึง
เริ่มกำกับชีวิตคุณไม่ได้ กิเลส ที่เห็นตอนแรกๆ จะเป็นของหยาบ เนื่องมากจาก
โทสะ กับ โลภะ แต่พอดูไปเรื่อยๆ จนเห็นได้แจ่ม ก็จะเริ่มเห็นกิเลสที่มา
จากโมหะ

แต่กิเลสที่มาจากโมหะนั้น มีหลายสภาพ ทั้ง ไม่ดี ดี และกลางๆ มันจึงทำ
ให้เราเห็นยาก จะต้องหมั่นพิจารณาเลือกดูเป็นตัวๆ เรียกว่า ธรรมวิจัยยะ
เลือกเอาที่เห็น สิ่งที่ไม่เห็นไม่ต้องไปดู แล้วมันจะแจ่มขึ้น สิ่งที่แจ่มขึ้น
ก็คือ ตัวสติ ที่มันตั้งมั่นขึ้นเรื่อยๆ

ก็ทำไปอย่างนี้ หนทางพ้นทุกข์มีทางเดียว คือ การ ระลึก รู้ รูป-นาม ไปอย่างนี้

การดู รูป-นาม ก็คือ การเรียนรู้ขันธ์ 5 นั่นเอง

เมื่อเรารู้ขันธ์ 5 จิตเขาก็จะรู้จักขันธ์ 5 แล้วเขาก็จะรู้ว่า เขาเพลินใช้ขันธ์ 5

แล้วเขาก็รู้ภาวะที่หยุดใช้ขันธ์ 5 (ตอนที่กุศลจิตเกิด ตอนที่มรรค 8 ประชุมชั่วขณะ)

เขาก็จะค่อยๆโดนสอนไปเรื่อยๆ จนกว่าจะจำยอมว่า ที่แท้ขันธ์ 5 ที่จิตเพลิน
ใช้เพื่อรักษาอัตตา เพื่อรักษาสักกายทิฆฐิ หรือ วงกลมล้อมรอบตน ก็จะถูก
ทำลาย เมื่อนั้น สักกายทิฏฐิ หรือ วงกลมจะไม่เกิด ตอนนี้คือ โสดาบัน

หลังจากนั้น เนื่องจากไม่มีกรอบ หรือ อัตตา หรือ สักกายทิฏฐิแล้ว ก็จะ
เป็นเรี่องของจิต เพราะจะรู้ว่า จิตยังไม่ได้วางขันธ์ 5 จริง ยังติดในรูปฌาณ
และอรูปฌาณ ก็ต้องระลึกดูกันต่อไป จนกว่าเขาจะอิ่มอีกครั้ง ก็จะละวาง
ขันธ์ 5 อีกครั้ง ไปเรื่อยๆ ตอนที่วางขันธ์ 5 ครั้งสุดท้าย จิตจะไม่มีอะไร
เลย เมื่อนั้นจิตไปจับคู่กับสภาวธรรมหนึ่ง แล้วทิ้งตัวจิตเองลงก่อนที่จะเหลือ
เพียงธรรมหนึ่งที่แท้เพียงสภาวะเดียว

 

ขอถามต่อนะคะ....
1. ตัวละเอียดคืออะไร
2. ถ้าเป็นคุณบุคคลทั่วไปฯ เมื่อรู้ว่าถูกนายดุอย่างไม่มีเหตุผล รู้ทันอารมณ์ตัวเอง คุณบุคคลทั่วไปฯจัดการกับตัวเองอย่างไร

 

การเวียนว่ายตายเกิด ที่วนกันอยู่สงสารวัฏนี้ วนเวียนกันเป็นร้อย เป็นล้านชาติ คุณพายุหยั่งลงไปถึงเหตุ มันหรือยังครับ

 

สำหรับคุณวี วี่ นะ
คุณวี นี่ถ้าไปเห็นความทุกข์ของคนๆหนึ่ง จนมาก ลำบากมาก บ้านช่องแบบรังหนู ไม่มีอาหารกรอกหม้อ ขอทาน ยากจนนะ
แต่ว่า อันนี้ขอบอกก่อนนะ ว่า เป็นกรรม ของเขานะ

คุณวี รู้สึกอย่างไร ก็คือ สงสาร เข้าใจ ว่าที่มาที่ไปที่เขาเป็นมาก็เพราะ กรรม ของเขา
แต่ว่าคุณวี จะรู้สึกถึงความทุกข์ไม๊ กาย รวมกับ ใจ แล้ว ไม่รู้สึกถึงความร่ำไห้ เศร้าโศก ทุกข์ในอกไม่มี ทุรนทุรายไม่มี
ร้อนรุ่ม เผากาย เผาใจไม๊ ก็ไม่มี คิดอาฆาต แค้น ก็ไม่มี
สาปแช่งคนอื่น และตัวเองไม๊ ก็ไม่มี
อย่างนี้ เขาเรียกกันว่า พ้นทุกข์ พ้นโศก พ้นภัย
พ้นกรรม พ้นเจ้ากรรมนายเวร

จะหาความรู้สึกทุกข์ในจิต ในกาย หาไม่เจอ

วี วี่ ลอย

;aa20

 

กิเลสตัวละเอียด คือ กิเลสที่เรามองไม่ทัน เช่น อยู่ดีมือก็ไปเกาที่ขา แล้วเราก็ไม่รู้เรื่อง

แต่ถ้าเราหัดภาวนา จะเกิดอาการตามดูอยู่ห่างๆ ก็จะไปรู้ว่า เพราะมันคัน

แต่ถ้ามันละเอียดอีก ก็จะหลงไปมองว่าคันเพราะอะไร ยุงใช่ไหม ถ้าไม่ทันมากๆ มือ
จะไป ตบ ก่อนที่จะเกา อันนี้หลงสุดๆ เพราะสัญญาสังขารมันหลอกเอาเต็มๆ

ที่นี้ถ้าภาวนาจนสติตั้งมั่น คุณจะไม่ตบ และไม่เกา เพราะรู้แล้วว่า มด หรือ ยุงมันกัด
จนเจ็บ เพราะมันกัดเราแล้ว เกาไปก็เท่านั้น เพราะ คัน เดี๋ยวมันก็หาย เป็นต้น

* * * *

เจ้านายดุทำไง

1. ถ้าตามอารมณ์ทัน จะรู้ว่าเราโกรธ แม้ว่า เขาจะผิดด้านเหตุผล แต่เหตผลที่
เหนือกว่า คือ วินัย ดังนั้น คุณจะทำผิดวินัยไม่ได้ ถ้า วินัย เอาไม่อยู่ ตอนนี้
คุณจะต้องระลึกศีล 5 เพราะถ้าหลุดถึงศีล 5 จะผิดวินัยร้ายแรง เพื่อนๆคุณก็จะ
ไม่ชอบใจด้วย

 

ถ้าเช่นนั้นก็ อนุโมทนา ด้วยนะครับ อย่างไรก็พิจารณาอย่าให้ตกหล่นแล้วกัน ^-^

 

ใช่ๆ ผมก็ทำอย่างที่คุณว่านั้นแหละ แต่ผมไม่ได้ใช้การคิดทบทวนนะ

ผมใช้จิต ระลึกรู้ไป เขาจะมีภาษาของเขา เป็นภาษาที่เราไม่รู้เรื่อง แต่
เขารู้ของเขา

ถ้าทำได้แจ่มๆนะ เขาก็จะไปได้ยินภาษาจิตที่ จิตอีกดวงข้างๆเราเขา
กำลังทำงาน

ถ้าแจ่มกว่านั้น ก็จะพ้นจากภาษาของจิต ตอนนี้แหละเป็นปัญญาวิมุตติ
จะเห็นว่าทำด้วย เจโตวิมุตติ ไม่มีตัวคิดเจือปนอยู่เลย

 

คุณพายุ ผมไม่ได้ปัดกวาดอะไรออกไปเลยนะ ผมแค่เพียรทำความรู้จักมันเท่านั้น

มันจะมีอยู่ หรือ ไม่มีอยู่ ไม่ได้สนใจ

มันจะหายไปแล้ว หรือ ไม่หายไป ไม่ได้สนใจ

ผมจะได้อะไร ละเอียดแค่ไหน อธิบายได้ไหม ก็ไม่ได้สนใจ

แต่ถามว่า แล้วอธิบายออกมาได้อย่างไร ก็ไม่รู้ รู้ว่าอย่าง
น้อยมันออกมาจากความว่าง(จากกิเลส)เท่าที่มันจะมี

 

คุณมีตาธรรมมองเห็น อรหันต์ในหลวงตามหาบัวด้วยตาธรรมของคุณจริงๆหรือ

หรือว่า ใช้คิดเอา

ถ้าคุณไม่ได้ใช้ตาธรรมเห็นเอา แต่เป็นการคิดเอา ก็รู้ไปนะว่า เกิดปฏิรูปที่การเห็นของคุณแน่นอน

 

ปัญหาคือlisy ยังไม่รู้คะ lisy ถึงต้องเข้ามาศึกษาจากพี่ๆทุกท่าน
lisy ชอบอ่านที่คุณพายุฯเขียน มันมีคำถามให้คิดต่อตลอด แต่ใช่ว่า lisy จะเข้าใจทั้งหมดนะคะ ก็ตามอ่านและทำความเข้าใจอยู่คะ ทั้งข้อความของคุณ และคุณบุคคลทั่วไปฯ อย่างเรื่องวงกลมเนี่ย ก็ยังงงๆอยู่ เดี๋ยวเย็นนี้จะกลับไปอ่านต่อ ตอนนี้ขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ

 

อย่าไปถามพระ

วิญญูชน ย่อมรู้ได้ด้วยตัวเอง

หากคุณยังต้องพึ่งพิงการอ้างอิงจากพระ ครูบาอาจารย์ ก็ขอให้รู้ว่า คุณประมาทอยู่