เงินเฟ้อที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นแล้ว??? รู้ทันโลก (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย k.kwan, 11 พฤศจิกายน 2010.

  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    Q&Aอียิปต์'จะเป็นอย่างไรต่อจากนี้ เมื่อ'มูบารัค'ถูกมหาชนรุมขับไล่
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>2 กุมภาพันธ์ 2554 22:30 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    ผู้ชุมนุมประท้วงที่บริเวณจัตุรัสตอห์รีร์ ในกรุงไคโร พากันแขวนคอหุ่นของประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค ภายหลังที่เขาแถลงทางโทรทัศน์เมื่อคืนวันอังคาร(1)ว่า ไม่ลงเลือกตั้งอีก ทว่าปฏิเสธไม่ยอมทำตามคำเรียกร้องของผู้ประท้วงเรือนล้าน ที่ให้เขาออกจากตำแหน่งในทันที

    เอเจนซี - มวลมหาประชาชนชาวอียิปต์เรือนล้าน พากันออกมา “ส่งสาร” ถึงประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค อย่างดังกึกก้องกัมปนาทและชัดเจนไร้คลุมเครือเมื่อวันอังคาร(1)ว่า เขาจะต้องออกไป และไปเดี๋ยวนี้ ทว่าคำตอบจากประธานาธิบดีผู้ได้รับสมญานามว่า “ฟาโรห์”ผู้นี้ แม้ไม่ถึงกับเป็นการบอกปฏิเสธ แต่ก็ยังห่างไกลจากข้อเรียกร้อง

    มูบารัคแถลงว่า เขาจะก้าวลงจากตำแหน่งก็ต่อเมื่อวาระของเขาสิ้นสุดลง โดยที่อียิปต์มีกำหนดการที่จะจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยต่อไปในเดือนกันยายนนี้อยู่แล้ว ซึ่งเขาจะไม่ลงสมัคร และในระหว่างหลายๆ เดือนก่อนจะถึงเวลานั้น เขาสัญญาที่จะดำเนินการปฏิรูปทางการเมือง ถึงแม้นั่นเป็นสิ่งที่เขาหลีกเลี่ยงตลอดมาในช่วง 30 ปีแห่งการครองอำนาจของเขา

    อนาคตของอียิปต์จะเป็นอย่างไรต่อไป บางคำถามคำตอบต่อไปนี้อาจจะพอให้ภาพและให้ความเข้าใจได้บ้าง

    **มูบารัคจะสามารถอยู่ต่อไปได้จนถึงเดือนกันยายนไหม?**

    คงจะยากมากๆ เสียงเรียกร้องสำคัญที่สุดที่ดึงดูดให้ผู้ประท้วงทั้งหลายเข้ามาสามัคคีร่วมมือกัน ก็คือ มูบารัคต้องออกไปเดี๋ยวนี้ และพวกเขาจะยังไม่กลับบ้านจนกว่าเป้าหมายของพวกเขาจะสัมฤทธิ์ผล “มูบารัคยังไม่ออก เรายังไม่ไปไหน” พวกเขาตะโกนก้องหลังจากที่มูบารัคแถลง ในวันอังคาร(1)นั้นชาวอียิปต์ที่ออกมาชุมนุมประท้วงรวมๆ แล้วน่าจะอยู่ในราวๆ 1 ล้านคนทีเดียว ก่อนหน้าที่คลื่นการประท้วงระลอกนี้จะเริ่มปะทุขึ้นในวันที่ 25 มกราคม การชุมนุมเดินขบวนของฝ่ายค้านน้อยครั้งนักที่จะมีจำนวนเกินสองสามร้อยคน ผู้ประท้วงไม่ได้แสดงสัญญาณใดๆ เลยว่าพร้อมที่จะยุติสงบศึกกันในตอนนี้ หลังจากใน 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา สามารถรีดเค้นกดดันให้มูบารัคต้องผ่อนผันอ่อนข้อต่างๆ ได้มากกว่าที่เขาเคยแสดงเจตจำนงออกมาในช่วงระยะ 30 ปี ผู้ประท้วงมีจำนวนมากเพียงพอที่จะทำให้รัฐกลายเป็นอัมพาต และทำให้มูบารัคไม่อาจที่จะรักษาฐานะของตนเอาไว้ต่อไป

    อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยใหม่ประการหนึ่งที่เพิ่มเข้ามาในสภาพการณ์ทางการเมืองเวลานี้ นั่นก็คือ เพียงไม่กี่ชั่วโมงภายหลังที่มูบารัคแถลงทางทีวีในวันอังคาร จู่ๆ ก็มีกลุ่มผู้ชุมนุมเดินขบวนกลุ่มเล็กๆ ที่สนับสนุนมูบารัคปรากฏตัวขึ้น โดยที่พวกสถานีโทรทัศน์ของรัฐต่างเร่งเฝ้าติดตามรายงานความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด เรื่องนี้บ่งชี้ให้เห็นว่าพวกจงรักภักดีเหนียวแน่นต่อระบอบเดิมยังไม่คิดที่จะยอมจำนนอย่างง่ายๆ และเป็นไปได้ว่าอาจจะต้องเกิดการต่อสู้กันก่อน

    มาถึงตอนนี้ปัจจัยชี้ขาดอาจจะอยู่ที่ว่าฝ่ายทหารมีท่าทีอย่างไร กองทัพนั้นได้ให้สัญญาแล้วว่าจะไม่ใช้กำลังปราบปรามผู้ประท้วง และบอกว่าเคารพใน “ความต้องการอันถูกต้องชอบธรรม” ของผู้ประท้วง อันที่จริงฝ่ายทหารก็ดูแทบไม่มีทางเลือกอะไรนัก เมื่อพิจารณาจากการที่ตำรวจซึ่งมุ่งใช้ยุทธวิธีปราบปรามรุนแรง ก็ได้หมดมุกไม่สามารถควบคุมฝูงชนอีกต่อไปแล้ว ถ้าหากกลุ่มผู้สนับสนุนและกลุ่มผู้ประท้วงเกิดการปะทะกัน กองทัพก็อาจต้องตัดสินใจเลือกข้างซึ่งไม่ใช่ของง่ายๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นการทอดทิ้งประธานาธิบดี ผู้ซึ่งโดยรากเหง้าและการผงาดขึ้นครองอำนาจก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งในฝ่ายทหารนั่นเอง หรือว่าการทิ้งขว้างความนิยมชมชื่นที่ประชาชนในท้องถนนกำลังมอบให้แก่ฝ่ายทหาร สำหรับในเวลานี้ยังดูเหมือนว่า กองทัพต้องการให้ผู้คนในท้องถนนอยู่ทางข้างตน

    **จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามูบารัคถูกบังคับให้ออกไป?**

    พูดกันกว้างๆ มีเส้นทางที่เป็นไปได้ 2 เส้นทาง หากมูบารัคถูกบังคับให้ลงจากตำแหน่ง เส้นทางหนึ่งคือฝ่ายทหารเข้ากุมอำนาจ ไม่ว่าจะโดยผ่าน โอมาร์ สุไลมาน ซึ่งมูบารัคเพิ่งแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดี หรือโดยผ่านผู้บังคับบัญชาทหารคนอื่นๆ ส่วนอีกเส้นทางหนึ่งอาจจะมีการจัดตั้งรัฐบาลชั่วคราว ซึ่งดูจะมีสูตรอยู่หลายสูตร แต่น่าที่จะต้องได้รับความร่วมมืออย่างใกล้ชิดจากฝ่ายทหารด้วย รัฐบาลระยะผ่านนี้จะอยู่ในอำนาจไปจนกระทั่งมีการเลือกตั้ง และหลังจากนั้นรัฐบาลพลเรือนเต็มขั้นก็จะเข้าปกครองประเทศต่อไป

    **ฝ่ายทหารสามารถที่จะกุมอำนาจเอาไว้ต่อไปหรือไม่?**

    แกนนำของผู้ชุมนุมประท้วงยืนกรานว่า ยอมรับไม่ได้ทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็น สุไลมาน ซึ่งมูบารัครีบเร่งแต่งตั้งให้เป็นรองประธานาธิบดีภายหลังการประท้วงปะทุลุกลาม หรือจะเป็นคนอื่นๆ ที่ก็มีความใกล้ชิดกับมูบารัค “ฮอสนี มูบารัค, โอมาร์ สุไลมาน ทั้งคู่ต่างก็เป็นสายลับของอเมริกัน” ผู้ประท้วงตะโกนเช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า

    แต่ว่าพวกผู้ประท้วงซึ่งเป็นการค่อยๆ รวมตัวกันของกลุ่มต่างๆ หลายหลาก มีทัศนะความคิดเห็นอย่างไรกันแน่ ดูจะยังไม่เป็นที่ชัดเจน ในเวลาที่พวกเขากำลังได้กลิ่นอายของชัยชนะชัดเจนขึ้นทุกทีแล้ว ถึงแม้พวกเขาไม่ชอบใจที่สุไลมานจะขึ้นเป็นประธานาธิบดี แต่บางกลุ่มก็เอาชื่อของสุไลมานรวมอยู่ในกลุ่มบุคคลที่อาจจัดตั้งขึ้นเป็น “สภาผู้ดูแลชั่วคราว” ในระยะแรกๆ ของช่วงการเปลี่ยนถ่ายอำนาจไปสู่การจัดการเลือกตั้งอย่างเสรี

    หากไม่ใช่สุไลมาน ฝ่ายทหารอาจจะพยายามเสนอบุคคลอื่นในกองทัพขึ้นเป็นประธานาธิบดี โดยที่ชื่อของ ซามี อีนาน เสนาธิการทหาร ถูกเอ่ยถึงอยู่บ่อยๆ ทว่าการผลักดันเช่นนี้มีข้อยากลำบากตรงที่ว่าสหรัฐฯอาจจะไม่ชอบใจ โดยที่ความรู้สึกของวอชิงตันเป็นสิ่งที่ฝ่ายทหารของอียิปต์ต้องคำนึงอยู่มาก หากปรารถนาที่จะได้รับความช่วยเหลือทางทหารคิดเป็นมุลค่าราว 1,300 ล้านดอลลาร์ต่อไป ภาพสมมุติสถานการณ์อย่างหนึ่งที่อาจเป็นไปได้ ก็คืออียิปต์อาจเดินตามตัวอย่างของซูดานเมื่อปี 1985 นั่นคือการปั่นป่วนวุ่นวายของมหาชน ได้นำไปสู่การรัฐประหารยึดอำนาจ จากนั้นผู้นำทหารที่ขึ้นเป็นผู้ปกครองประเทศชั่วคราว ก็นำซูดานไปสู่การเลือกตั้งในปีถัดไป

    **ถ้าหากไม่ใช่ฝ่ายทหาร ใครจะมาเป็นผู้ปกครองประเทศในระยะผ่าน?**

    พวกฝ่ายค้านที่จดทะเบียนอย่างถูกกฎหมายของอียิปต์ ล้วนแต่ถูกระบอบปกครองมูบารัคทำให้อ่อนแอ, แตกแยก, หรือมุ่งแต่ประนีประนอมเอาตัวรอดไปหมดแล้ว กลุ่มประท้วงต่างๆ ที่ปรากฏตัวออกมาในช่วงไม่กี่ปีหลังนี้กลับแสดงให้เห็นว่ามีความฉับไวมากกว่า และกำลังก่อการรณรงค์ต่อสู้ขึ้นในทันทีที่การปกครองของมูบารัคทำท่าจะอ่อนตัวลง ตัวบุคคลที่ทรงอิทธิพลบางคนก็ปรากฏโฉมออกมาเช่นกัน เป็นต้นว่า อดีตนักการทูตวัยเกษียณ โมฮาเหม็ด เอลบาราเด หรือ ปัญญาชนคนสำคัญอย่าง อาเหม็ด เซวาอิล ทั้งคู่ต่างเคยได้รับรางวัลโนเบล ทว่าแนวทางการเมืองของพวกเขาอาจจะมีอยู่ร่วมกันเฉพาะในเรื่องเป้าหมายที่จะขับไล่มูบารัคเท่านั้น พวกเขาจึงอาจจะเกิดการแยกตัวอย่างรวดเร็วพอๆ กับตอนที่มารวมตัวกัน เมื่อมาถึงช่วงเวลาที่ต้องตกลงกันเกี่ยวกับรายละเอียดของนโยบายด้านต่างๆ สำหรับรัฐบาลใหม่

    กลุ่มเพียงกลุ่มเดียวที่มีเครือข่ายประสานงานระดับชาติและเข้าถึงมวลชนระดับรากหญ้าของสังคมอียิปต์ ก็คือ กลุ่มภราดรภาพมุสลิม (Muslim Brotherhood) ถึงแม้พวกเขาจะถูกกลไกความมั่นคงของรัฐปราบปรามอย่างหนักมานานปี แต่กลุ่มนี้ก็ยังคงเป็นพลังที่น่าเกรงขามยิ่ง แต่จะน่าเกรงขามถึงขนาดไหนยังไม่เป็นที่กระจ่างชัด พวกนักวิเคราะห์มีความโน้มเอียงที่จะระบุว่ากลุ่มนี้ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนอียิปต์ระหว่าง 20 ถึง 40% แต่จริงๆ แล้วต้องบอกว่าไม่มีใครทราบอย่างแน่นอน เนื่องจากอียิปต์ไม่ได้มีการเลือกตั้งอย่างเสรี ไม่ได้มีการหยั่งเสียงทำโพลที่น่าเชื่อถือ เพื่อพิสูจน์เรื่องนี้

    กระนั้นก็ตาม กลุ่มมุสลิมบราเธอร์ฮูด ก็สามารถที่จะระดมมวลชนผู้สนับสนุนพวกเขาเข้ามาเติมเต็มสูญญากาศทางการเมือง ในขณะที่กลุ่มฝ่ายค้านอื่นๆ ยังกำลังอยู่ระหว่างดิ้นรนหาทางจัดตั้งองค์กรของพวกตนให้เป็นปึกแน่นเท่านั้น สภาพดังกล่าวนี้จะบังเกิดขึ้น ถ้าหากมุสลิมบราเดอร์ฮูดต้องการอำนาจตั้งแต่บัดนี้ อย่างไรก็ดี กลุ่มนี้ผ่านประสบการณ์ที่ทำให้พวกเขารู้จักอดทน วิสัยทัศน์ของพวกเขาดูเหมือนจะมุ่งไปที่การได้ชัยชนะเหนือประชากรส่วนใหญ่ที่เป็นชาวมุสลิมอยู่แล้ว ภายในรัฐที่เป็นพหุนิยม, เป็นประชาธิปไตย, และเป็นอิสลามมิสต์ กลุ่มนี้อาจจะยังไม่รู้สึกว่าพร้อมแล้วที่จะขึ้นเป็นรัฐบาล หรืออาจจะยังไม่ต้องการกระโจนเข้าไปในเวลานี้

    รัฐบาลชุดต่อไป ภายหลังจากความไม่สงบในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ จะต้องเผชิญอุปสรรคอันใหญ่โตหลายๆ ประการ รวมทั้งจะถูกคาดหมายอย่างสูงลิ่วอีกด้วย ไม่เพียงรัฐบาลใหม่จะต้องกังวลเกี่ยวกับการหาความเชื่อมั่นยอมรับจากภาคธุรกิจ และต้องสร้างงานใหม่ๆ ขึ้นมาให้ได้มากๆ เท่านั้น ยังจำเป็นจะต้องจัดวางนโยบายว่าจะทำอะไรบ้างในกระบวนการสร้างสันติภาพตะวันออกกลาง ตลอดจนตัดสินใจว่าจะทำอะไรกับเรื่องดินแดนฉนวนกาซา ซึ่งสิ่งที่รัฐบาลมูบารัคกระทำในทางเป็นจริงแล้วก็เสมือนเป็นการเข้าร่วมกับอิสราเอลในการปิดล้อมคว่ำบาตรดินแดนของปาเลสไตน์แห่งนี้ จนทำให้ชาวอียิปต์จำนวนมากไม่พอใจและดูถูกดูหมิ่น นี่อาจจะเป็นงานที่มุสลิมบราเธอร์ฮูดยังไม่ต้องการเข้าไปรับภาระในเวลานี้ก็ได้

    Around the World - Manager Online - <b><font color=blue>Q&A</font></b>
     
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    “ซู” ฝากถึงชาวอียิปต์ “พวกเราทั้งหมดอยู่กับพวกคุณ”
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>2 กุมภาพันธ์ 2554 16:03 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=650 border=0><TBODY><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพวันที่ 1 ก.พ.2554 ชาวอียิปต์นับแสนๆ คนชุมนุมกันที่จัตุรัสใหญ่กลางกรุงไดโร อีกนับแสนๆ คนชุมนุมกันในพื้นที่รายรอบของเมืองหลวง กระแสความโกรธแค้นรุนแรง คลื่นมหาประชาชนเคลื่อนไหวขับไล่ประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค "เผด็จการที่มาจากการเลือกตั้ง" ซึ่งครองตำแหน่งติดต่อกันมานาน 30 ปี และ ยังไหม่มีทีท่าว่าจะยอมวางมือง่ายๆ.-- AFP PHOTO/Mohammed Abed.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ลอนดอน (เอเอฟพี) -- นางอองซาน ซูจี ผู้นำที่เป็นสัญลักษณ์ประชาธิปไตยในพม่า ได้บอกกับชาวอียิปต์ที่กำลังประท้วงขับไล่รัฐบาลในขณะนี้ ว่า “พวกเราทั้งหมดอยู่กับพวกคุณ” ขณะที่ประชาชนหลายแสนคนลงสู่ท้องถนนในกรุงไคโร

    เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ที่ต่อสู้กับเผด็จการทหารในพม่ามาหลายทศวรรษ กล่าวในการให้สัมภาษณ์สดทางสถานีวิทยุบีบีซีกรุงลอนดอน ว่า นาง “สนใจ” สถานการณ์ในอียิปต์มาก และเรียกร้องให้ผู้ประท้วงรวมตัวกันอย่างเข้มแข็งต่อไป

    “มีความจำเป็นยิ่งที่จะต้องมีความคิดอันรอบคอบมีสติ และมีหัวใจที่เข้มแข็ง ต้องไม่สิ้นหวังและยืนหยัดต่อไป” ผู้นำฝ่ายค้านพม่าตอบคำถาม ชาวอียิปต์ที่โทรศัพท์เข้ารายการจากกรุงไคโร ขอคำแนะนำ เนื่องจากกำลัง “เผชิญหน้ากับช่วงเวลาอันน่ากลัวที่สุดในการเปลี่ยนผ่าน” ในอียิปต์

    นางซูจี กล่าวเพิ่มเติมว่า “ดิฉันอยากจะให้พวกคุณทราบว่า พวกเราทั้งหมดอยู่กับพวกคุณ-- ประชาชนที่ต้องการอิสรภาพในทั่วโลก ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งต่างรู้สึกผูกพันและสัมพันธ์กับประชาชนในที่อื่นๆ ที่กำลังต่อสู้เพื่ออิสรภาพ”

    พรรคสันนิบาติแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ของนางซูจีชนะเลือกตั้งท่วมท้นในปี 2533 แต่คณะปกครองทหารไม่ยอมลงจากอำนาจ และ กักขังนางเป็นเวลารวมกันถึง 20 ปีต่อไป

    นางซูจี ได้รับอิสภาพในเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว ไม่กี่วันหลังจากการเลือกตั้งครั้งแรกในรอบ 20 ปีผ่านไปโดยพรรค NLD ไม่ได้เข้าร่วมด้วย และเป็นการเลือกตั้งที่ได้รับการประณาม ถูกกล่าวหาว่า มีการโกงคะแนนอย่างกว้างขวางในทุกวิถีทาง และทำให้พรรคที่คณะปกครองทหารอยู่เบื้องหลังชนะอย่างท่วมท้น

    “ดิฉันคิดว่าเป็นธรรมดาที่ประชาชนจะเหนื่อยหน่ายกับระบอบเผด็จการหลังเวลาผ่านไปหลายปี”

    “และดิฉันคิดว่าสถานการณ์ในอียิปต์ได้พิสูจน์ ว่า ในปัจจุบันประชาชนมีหนทางในการติดต่อกันคนอื่นๆ และจัดการเดินขบวนใหญ่ได้ เช่นที่พวกเขากำลังทำในอียิปต์” นางซูจี กล่าว

    เมื่อถามว่า การประท้วงใหญ่ที่มีผู้เข้าร่วมจำนวนมากมายเช่นในอียิปต์ เป็นหนทางที่ดีที่สุดในการทำให้เกิดประชาธิปไตยขึ้นในพม่าหรือไม่ นางซูจี กล่าวว่า คงไม่อาจพูดเช่นนั้นได้

    “มันเป็นเพียงหนทางหนึ่งที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง แต่ดิฉันไม่คิดว่าจะมีใครสามารถกล่าวได้ว่า จะเป็นหนทางที่ดีที่สุด เพราะว่าเรายังไม่ได้พยายามใช้ความเป็นไปได้อย่างอื่นๆ ให้ถึงที่สุด” ผู้นำฝ่ายค้านพม่า กล่าว
    [​IMG]

    ภาพวันที่ 2 ก.พ.2554 นางอองซานซูจี ปราศรัยที่สำนักงานใหญ่พรรค NLD เนื่องในวันเอกราช วันอังคารที่ผ่านมาผู้นำฝ่ายค้านพม่าให้สัมภาษณ์สดวิทยุบีบีซีลอนดอน ฝากถึงชาวอียิปต์นับล้านๆ คน ที่กำลังชุมนุมใหญ่ขับไล่รัฐบาลเผด็จการจากการเลือกตั้งว่า "พวกเราเอาใจช่วยพวกคุณ".--AFP PHOTO/Soe Than Win.

    <CENTER>IndoChina - Manager Online -
     
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2554 08:10
    <!-- End Content Header -->สศก.ชี้วิกฤติอาหารรุนแรงดันราคาเกษตรปีนี้พุ่ง10%

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    สศก.ระบุปี 54 ปัญหาความมั่นคงทางด้านอาหารจะรุนแรงมากขึ้น ชี้ภัยธรรมชาติฉุดผลผลิต คาดสินค้าเกษตรและอาหารของไทยพุ่งขึ้น10 %
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110120/show_ads_impl.js"></SCRIPT> นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจ (สศก.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่ทั่วโลกเกิดปัญหาการขาดแคลนอาหาร จนมีการประท้วงกันเกิดขึ้นในหลายประเทศ แสดงให้เห็นว่าในปีนี้สถานการณ์ความมั่นคงทางด้านอาหารเริ่มรุนแรงมากขึ้น เมื่อเทียบกับปี2551 ซึ่งเป็นผลมาจากภัยธรรมชาติ ที่ทำให้ฤดูกาลเพาะปลูกเปลี่ยนแปลง ผลผลิตที่ได้ลดลง ในขณะที่ประชากรในโลกสูงขึ้น ความต้องการอาหารจึงเพิ่มขึ้น
    ทั้งนี้การขาดแคลนทางด้านอาหารของโลก มีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้นอีก จากราคาน้ำมันในตลาดโลก ที่คาดว่าจะสูงแตะ100 ดอลลาร์สหรัฐ/บาเรล ในไตรมาสที่ 1 และ 2 นี้ และจะเป็นส่วนหนึ่งที่ดึงราคาสินค้าเกษตรและอาหารสูงขึ้นไปอีก จากการเข้าไปเก็งกำไรในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งมีสินค้าอาหารหลายรายการที่อยู่กลุ่มสินค้าที่มีการเก็งกำไร
    “ปี 51 ปัญหาความมั่นคงทางด้านอาหารที่ว่ารุนแรงแล้ว แต่นั่นมีสาเหตุมาจากปัญหาราคาน้ำมันแพงมากแต่ะ 140 ดอลลาร์สหรัฐ/บาเรล ทำให้เกิดการเก็งราคาในสินค้าเกษตรและอาหารและจนปรับตัวขึ้นทุกรายสินค้า แต่ในปีนี้ปัญหาความมั่นคงทางด้านอาหาร เริ่มเห็นภาพที่ชัดเจนกว่าจากการขาดแคลนเพราะผลผลิตมีน้อย ซึ่งมีสาเหตุใหญ่คือภัยธรรมชาติที่มนุษย์ชาติ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ทำให้แนวโน้มปัญหานี้เริ่มทวีความรุนแรงขึ้น “ นายอภิชาต กล่าว
    ทั้งนี้องค์การระหว่างประเทศ โดยเฉพาะองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือเอฟเอโอ ปัจจุบันได้ให้ความสำคัญและส่งเสริมให้เกิดการลงทุนทั้งด้านการผลิต การวิจัยเพื่อที่จะรักษาพื้นที่การเกษตรเอาไว้ รวมทั้งเพิ่มผลผลิตให้สูงขึ้นให้ทันกับความต้องการของผู้บริโภคในโลก ที่ขณะนี้มีอัตราการเติบโตเร็วกว่า รวมทั้งในโลกนี้ต้องมีการหารือกันถึงวิธีการเก็บสต๊อกสินค้าเกษตรและอาหารเอาไว้ใช้ในยามจำเป็น เช่น ในอาเซียนที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องการปลูกข้าว ประเทศในอาเซียนรวมญี่ปุ่น จีนและเกาหลี จึงเห็นชอบร่วมกันในการจัดตั้งองค์การสำรองข้าวอย่างถาวรขึ้น และเห็นว่ากลุ่มประเทศอื่นก็ควรสำรองสินค้าเกษตรและอาหารตามศักยภาพที่มีอยู่เช่นกัน
    สำหรับประเทศไทยจะไม่มีปัญหาเรื่องความมั่นคงทางด้านอาหาร เนื่องจากผลผลิตสินค้าเกษตรภาพรวมในปีนี้ ยังสูงกว่าการบริโภคภายในประเทศ และเหลือเพื่อส่งออก
    แนวโน้มความรุนแรงของความมั่นคงทางด้านอาหารที่เกิดขึ้นทั่วโลกนี้ จะทำให้ราคาสินค้าเกษตรไทยในภาพรวมสูงขึ้น10 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และหากเกิดปัญหาภัยพิบัติขึ้น เช่น ภัยแล้ง น้ำท่วม โรคระบาดซ้ำอีกครั้งในช่วงฤดูกาลเพาะปลูก ที่จะเริ่มขึ้นในเดือน พ.ค.นี้เป็นต้นไป จะส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรในภาพรวมสูงขึ้นไปอีก
    นายอภิชาต กล่าวว่า เพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และประกาศให้ไทยเป็นฐานการผลิตสินค้าเกษตรและอาหารที่สำคัญของโลก กระทรวงเกษตรฯจะต้องปรับแผนการผลิตในภาพรวม ให้สอดคล้องกับฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลง ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานระบบน้ำให้พอเพียง วิจัยเพื่อหาพันธุ์พืชที่ทนแล้ง ต้านทานโรคระบาด ศึกษาเทคโนโลยีด้านการตัดต่อพันธุกรรมหรือจีเอ็มโอ เพื่อเพิ่มผลผลิตให้มากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าเกษตรที่ไม่ใช่อาหาร และนำไบโอเทคโนโลยีมาใช้ในภาคการเกษตรมากขึ้น
    ทั้งหมดนี้กระทรวงเกษตรฯจะเสนอให้นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรีในฐานประธานคณะกรรมการความมั่นคงทางด้านอาหารและภาวะโลกร้อน พิจารณา รวมทั้งนัดหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป เพื่อจัดทำแผนแห่งชาติว่าด้วยความมั่นคงทางด้านอาหาร รวมถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าอาหาร

     
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2554 01:00
    <DD class=columnist-name>กาแฟดำ <DD class=by-line>ฤๅนี่เป็นแค่จุดเริ่มต้น ของทฤษฎีโดมิโน?</DD>โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    การ “ปฏิวัติ” ที่เริ่มก่อหวอดที่ตูนิเซีย ลามมาถึงอียิปต์ และระบาดไปที่เยเมน จนล่าสุดจอร์แดนก็เจอกับการเดินขบวนครั้งใหญ่
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110120/show_ads_impl.js"></SCRIPT> เพื่อเรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงศูนย์อำนาจทางการเมือง จะกลายเป็น “โดมิโน” ที่พาเอาประเทศอาหรับอื่นๆ ในตะวันออกกลางพลอยล้มคว่ำตามไปด้วยหรือไม่
    แผนที่นี้พอจะบอกได้ว่าประเทศไหนในภูมิภาคนั้น กำลังเผชิญกับการท้าทายของประชาชนหนักหน่วงเพียงใด
    นักวิเคราะห์บางคนเปรียบความลุกฮือของผู้เรียกร้องความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เหมือนการล่มสลายของ “กำแพงเบอร์ลิน” เมื่อปี ค.ศ. 1989 และอีกบางคนเปรียบเทียบการเดินขบวนครั้งใหญ่ ที่อียิปต์ต่อต้านประธานาธิบดี ฮอสนี มูบารัก วันนี้เหมือนที่เคยเกิดกับ เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ของฟิลิปปินส์ และ พระเจ้าชาห์ แห่งอิหร่านเมื่อกว่า 30 ปีก่อน
    วันนี้ ประเทศอาหรับที่กำลังเจอกับการลุกฮือ ของประชาชนที่ต่อต้านการฉ้อราษฎร์บังหลวง และเศรษฐกิจที่ย่ำแย่กับการปกครองรวมศูนย์มีให้เห็นเด่นชัดที่ตูนิเซีย อียิปต์ และจอร์แดน
    อีกหลายประเทศที่ผู้ปกครองถูกกดดันอย่างชัดแจ้งให้ต้องปรับเปลี่ยนวิธีการบริหารประเทศ เพื่อให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีกว่าปัจจุบันมีโมร็อกโก ลิเบีย เยเมน และซีเรีย
    ความเหมือนและความต่างของประเทศเหล่านี้ มีให้เห็นเพื่อการวิเคราะห์เพื่อตอบคำถามว่า “หลังจากตูนิเซียและอียิปต์แล้ว ประเทศไหนจะเป็นเป้าต่อไป”
    จอร์แดนเป็นราชอาณาจักร ซีเรีย เป็นรัฐอยู่ใต้การควบคุมด้านความมั่นคงอย่างเคร่งครัด เยเมนเป็นสังคมเผ่าพันธุ์และซูดานมีปัญหาความแตกแยกของชนกลุ่มต่างๆ ที่มีความเชื่อและศรัทธาต่างกัน
    แม้ประเทศในโลกอาหรับเหล่านี้จะมีรายละเอียดหลายด้านที่แตกต่างกัน แต่ที่เหมือนกันอย่างปฏิเสธไม่ได้ คือ ความบันดาลใจจากเหตุการณ์ในตูนิเซีย ที่ประชาชนสามารถรวมพลังกันได้ เพื่อเรียกร้องให้มีการปรับเปลี่ยนตัวผู้นำทางการเมือง และกดดันให้ต้องเกิดการปฏิรูปอย่างจริงจัง โดยเอาผลประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นที่ตั้ง มิใช่การยึดครองอำนาจโดยคนเพียงกลุ่มเดียวเพื่อประโยชน์ของคนกลุ่มเล็กๆ ในประเทศ
    พลัน “กำแพงแห่งความกลัว” ที่เคยเป็นอุปสรรคแห่งการปฏิรูปสังคม ให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนก็ล่มสลายต่อหน้าต่อตา
    เพียงคำมั่นสัญญาจากผู้นำว่าจะมีการปฏิรูปเศรษฐกิจและการเมือง หรือการรับปากว่าจะปรับคณะรัฐมนตรี และแม้ผู้นำเองจะออกมาประกาศ ว่าจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งอีกสมัยหนึ่ง หลังจากค้ำบัลลังก์มาหลายสิบปี มิใช่จะคลายความโกรธแค้นของประชาชนได้อีกต่อไป ต้องไม่ลืมว่าประกายแรกของการลุกฮือครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อชาวบ้านขายผลไม้
    ตูนิเซียคนหนึ่งโกรธแค้นที่รัฐบาลไม่เหลียวแลเขา ตัดสินใจเผาตัวเองเพื่อต่อต้านนโยบายรัฐ
    ความตายของพ่อค้าผลไม้คนหนึ่ง ส่งผลให้เกิดการเดินขบวนของคนเป็นแสนเป็นล้าน ในโลกอาหรับได้อย่างน่าสนใจยิ่ง!

     
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2554 01:00
    <DD class=columnist-name>อรวรรณ หอยจันทร์ <DD class=by-line>นักข่าวโต๊ะตลาด - อสังหาริมทรัพย์ฯ คอลัมภ์จับกระส <DD class=by-line>สินค้าแพง... ขาดแคลนหรือเกมปั่นราคา</DD>โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    สถานการณ์ "น้ำมันปาล์ม" ในมุมของผู้บริโภควานนี้ (2 ก.พ.) ดูเหมือนจะเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น เมื่อมีน้ำมันปาล์มธงฟ้า
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110120/show_ads_impl.js"></SCRIPT> บรรจุในขวดเดิมของแต่ละแบรนด์ ผนึกด้วยฝาสีฟ้าขายราคา 47 บาท (ขวด 1 ลิตร) วางจำหน่ายในห้างดิสเคาท์สโตร์ใหญ่ทั้ง 5 ราย ที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ ว่า จะมีสินค้าวางจำหน่าย หลังการนำเข้าน้ำมันปาล์มล็อตแรกจากมาเลเซีย 3 หมื่นตัน ซึ่งเดิมประกาศว่าจะลงสู่ตลาดวันที่ 1 กุมภาพันธ์ แต่ติดขัดในขั้นตอนการขนส่งและบรรจุ เพิ่งวางจำหน่ายได้วานนี้เป็นวันแรก
    ภาพรวมเป็นการจำหน่าย โดยจำกัดการซื้อที่ครอบครัวละไม่เกิน 1-3 ขวด แล้วแต่ห้างแล้วแต่สาขา วันแรกของการเปิดขายเป็นไปด้วยดี ผู้บริโภคที่เข้าไปจับจ่ายใช้สอยในห้างทยอยซื้อกันตามปกติ มีบางครัวเรือนใช้ความคุ้นเคยสามารถซื้อได้มากกว่าจำนวนจำกัด ทำให้บรรยากาศคึกคักกันไประดับหนึ่ง
    แต่ปัญหาไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะสถานการณ์น้ำมันปาล์มขาดแคลนยังคงอยู่ และเป็นที่มาของการอนุมัติล่าสุด จากคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพิ่งอนุมัตินำเข้าน้ำมันปาล์มล็อตใหม่ 1.2 แสนตัน ภายในเดือนกุมภาพันธ์-สิ้นเดือนมีนาคม 2554 และเพิ่งประชุมจัดสรรโควตากันไปวานนี้ ให้น้ำหนักส่วนหนึ่งกับอุตสาหกรรมอาหาร ที่ใช้น้ำมันปาล์มเป็นส่วนประกอบ เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนม ฯลฯ
    โดยเฉลี่ยแล้ว ภาคอุตสาหกรรมอาหารจะได้รับจัดสรรโควตาน้ำมันปาล์มล็อตใหม่นี้เดือนละ 2 หมื่นตัน ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรายใหญ่อย่าง "มาม่า" ยืนยันว่าโควตานี้น่าจะเพียงพอสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร นำมากระจายกัน แต่ก็มีประเด็นว่า ราคาน้ำมันปาล์มสกัดแล้วที่จำหน่ายให้กับโรงงานเหล่านี้ ปรับราคาขึ้นไปสูงกว่าที่คาดไว้เดิมเป็น กก.ละ 47 บาท อาจกระทบต้นทุนการผลิต กลายเป็นปัญหาระลอกใหม่ ถึงขั้นต้องปรับราคาอาหารกึ่งสำเร็จรูปหรือไม่ ต้องกลับมาดูกันอีกที
    เห็นอย่างนี้แล้วพอสรุปได้ว่า รัฐบาลยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาน้ำมันปาล์มให้กับผู้บริโภคได้ เพราะปัญหาเรื่องน้ำมันปาล์มขาดตลาด ไม่มีวางจำหน่ายในห้างค้าปลีกและร้านค้าย่อย หรือหากมีก็ราคาสูงขึ้นเป็นเท่าตัวยังไม่หมดไปเสียทีเดียว ผู้บริโภคต้องรับภาระสองต่ออย่างเลี่ยงไม่ได้ นำมันปาล์มมีราคาแพงขึ้น และมีขายไม่สม่ำเสมอ ซ้ำต้องรับภาระราคาสินค้าอื่นๆ ที่กำลังจะปรับตัวขึ้นตามมา โดยที่รัฐยังไม่มีกลไกป้องกันที่ดีพอ
    วันนี้นอกจากเราจะต้องซื้อน้ำมันเพื่อการบริโภคในราคาที่สูงขึ้นเป็นเท่าตัว เมื่อเทียบย้อนกลับไปในช่วงต้นปี 2553 แล้ว เรายังต้องเตรียมรับสถานการณ์ราคาอาหารรายการอื่นๆ ที่กำลังจ่อคิวปรับราคาตาม แม้รัฐจะมีกรมการค้าภายใน เป็นหน่วยงานที่คอยกำกับดูแลเรื่องราคาสินค้า แต่ดูเหมือนในรอบปีที่ผ่านมา จะไม่สามารถดำเนินบทบาทหน้าที่หลักในการกำกับดูแลเรื่องราคาสินค้าได้เท่าที่ควร
    แม้จะมีการยืนยันว่ายังคงกำกับดูแลราคาสินค้า แต่ผู้บริโภคทุกคนต่างรับรู้ตรงกัน ว่า สินค้าแพงขึ้นมากแทบทุกตัว ไม่เฉพาะน้ำมันปาล์ม แต่สินค้าหมวดอาหารรายการอื่นๆ ก็พาเหรดกันปรับราคาขึ้นเป็นว่าเล่น เพราะปัญหาราคาสินค้า ไม่ได้ขึ้นกับภาวะขาดแคลนเพียงอย่างเดียว มันยังต่อเนื่องมาจากเกมปั่นราคาในแวดวงการค้า ที่รัฐต้องให้ความสำคัญและกำกับดูแลด้วย

     
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันพุธที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

    ขอนำกลับมาฉายซ้ำ กันลืมครับ !!!


    บางส่วนบางตอนจากคำนำของหนังสือ "ปฏิบัติการมารครองโลก" หรือ Pawns in the Game ที่เขียนโดยนายวิลเลี่ยม กายคาร์ เมื่อปี 1959 หรือเมื่อ " 52 ปี " มาแล้ว

    " สงครามโลกครั้งที่ 3 จะเกิดขึ้นโดยการใช้ตัวแทนของพวกอีลูมินาติ สร้างความขัดแย้งขึ้นระหว่างพวกไซออนนิสต์กับผู้นำโลกมุสลิม สงครามจะถูกกำกับให้ดำเนินไปในลักษณะที่อิสลาม (โลกอาหรับรวมทั้งมุสลิม) และพวกไซออนนิสต์ (รวมทั้งรัฐอิสราเอล) จะทำลายกันเอง ขณะเดียวกันกับที่ชาติต่างๆ ที่เหลืออยู่จะถูกบังคับให้ต่อสู้กัน จนอ่อนแอลงในทุกๆ ด้าน จะกล้าปฏิเสธไหมว่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดอยู่ในตะวันออกใกล้ ตะวันออกกลาง และตะวันออกไกลในขณะนี้มิได้เป็นไปตามแผนดังกล่าวที่วางเอาไว้

    วันที่ 15 สิงหาคม 1871 ไพค์บอกมาสซีนีว่า หลังสงครามโลกครั้งที่ 3 สิ้นสุดลง พวกที่ต้องการจะครอบครองโลก จะสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายหายนะครั้งใหญ่ที่สุดที่โลกเคยมีมา คำพูดของพวกเขาหาอ่านได้จากจดหมายของพวกเขา ในห้องสมุดพิพิธภัณฑ์แห่งชาติอังกฤษ "



    กลับไปพิสูจน์เรื่องนี้ทั้ง WW I และ WW II คลิก ที่นี่



    ลิ๊งค์สำหรับเฟสบุ๊ค :
    The Gold War Phase II.<WBR></WBR>.<WBR></WBR>.<WBR></WBR>by Jimmy Siri บน Facebook
    http://www.facebook.com/<WBR></WBR>home.php?sk=group_17040824<WBR></WBR>6326805&ap=1


    โพสต์โดย What's going on in America
     
  7. Nat_usp

    Nat_usp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    676
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,394
    ถือว่ามีตัวเร่งที่เร็วและคาดไม่ถึง

    ยังห่วงแต่จิ้งหรีดที่สีแต่ไวโอลิน ไม่เตรียมสะเบียง

    แต่ก็ต้องวางอุเบกขา
     
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    World War 3


    2010/06/07 ต้องขอโทษด้วยที่หายไปนาน หวังว่าคงยังมีคนติดตามบล๊อกผมอยู่นะครับ

    หลายคนเคยสงสัยเหมือนผมมั๊ยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในไทย และหลายประเทศในโลก มันแปลก และเหมือนถูก จัดวางไว้แล้ว
    ทั้งความขัดแย้งภายในประเทศ โรคระบาด ภัยภิบัติทางธรรมชาติ เศษฐกิจ

    คำตอบ ก้อ คงมีในใจกัน อยู่แล้วนะครับ >>>> NWO(NEW WORLD ODER)

    มันต้องเป็นไปตามแผน และเหตุการณ์หลายอย่างจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ซัดกระหน่ำอย่างเต็มที่ คงลดประชากรไปได้เยอะเลยทีเดียว

    สงครามโลกครั้ง ที่ 3 อยู่ไม่ไกล แล้วหล่ะครับ ตามที่คาดการณ์กัน ก้อ อีก 2 ปี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเราเวลานี้ มันไม่ธรรมดาครับ
    มันไม่เกี่ยวกับ ทักษิน หรือ ใคร ทักษินอาจเป็นข้ออ้าง แต่เบื้องลืกนั้น เป็นเรื่องสงครามโลกครั้ง ที่ -3 ที่ไทย จะต้องตัดสินใจในการเป็นพันธมิตร ฝ่ายไหน เพราะไทยก็เป็นหนึ่งในจุดยุทรศาสตร์ ที่สำคัญ
    แต่ถึง ไทย จะเลือกฝ่ายหรือไม่เลือกก็ไม่สำคัญ เพราะแผน NWO คงยังดำเนินต่อไป

    ก็คงบีบโดยทางอ้อมอยู่ดี สงครามโลกไม่ว่าจะกี่ครั้ง ก็ไม่มีผลกระทบต่อ(elite ) พวก ยิว ไม่ว่าจะเป็น เอเชี่ยน ยิว และ ยุโรปยิว western ยิว

    <EMBED src=http://www.youtube.com/v/ao3cZ3SvcNk&hl=en_US&fs=1&rel=0&color1=0x006699&color2=0x54abd6 width=425 height=344 type=application/x-shockwave-flash allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></EMBED>

    <EMBED src=http://www.youtube.com/v/KxjOeS8vhUs&hl=en_US&fs=1&rel=0&color1=0x006699&color2=0x54abd6 width=425 height=344 type=application/x-shockwave-flash allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></EMBED>


    เขียนโดย Dots conector ที่ 6/07/2010
     
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>3 กุมภาพันธ์ 2554 10:40 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    การจุดพลุฉลองวันปีใหม่ในแดนมังกร

    เอเอฟพี - ประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐฯ ส่งคำอวยพรเนื่องในวันปีใหม่ตามจันทรคติ ซึ่งตรงกับวันนี้ (3) ขณะที่ผู้คนทั่วสหรัฐฯ และทั่วโลกกำลังเฉลิมฉลองเตรียมพร้อมเข้าสู่ปีกระต่าย

    "ขณะที่ผู้คนของทุกวัฒนธรรม และทุกความเชื่อกำลังยินดีในปีใหม่นี้ ขอให้พวกเราทุกคนเฉลิมฉลองกับครอบครัว และบรรพบุรุษ และมีความสุขกับผู้คนที่พวกเรารักใคร่" โอบามากล่าวในถ้อยแถลง โดยระบุถึงชาวอเมริกันจำนวนมากที่กำลังฉลองปีใหม่ตามปฏิทินจีน

    "ชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียจำนวนมากจะสานต่อประเพณีอันดีงามที่ได้รับการตกทอดมา เป็นการย้ำเตือนพวกเราอีกครั้งว่า ความแข็งแกร่งของอเมริกามาจากความสมบูรณ์ในวัฒนธรรมของพวกเรา และความหลากหลายของผู้คน" ผู้นำสหรัฐฯ กล่าว

    "ผมขอให้ทุกคนซึ่งฉลองปีใหม่อยู่ ปะสบแต่ความสงบสุข ความรุ่งเรือง และมีสุขภาพดี" เขาเสริม

    ตามจักรราศรีของจีน กระต่ายเป็นลำดับที่ 4 จาก 12 นักษัตร ซึ่งแทนปีใหม่ในแต่ละปีของจีน โดยปีเถาะนี้จะเริ่มตั้งแต่ 3 กุมภาพันธ์ 2011 ไปจนถึง 22 มกราคม ปี 2012

    ด้านฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ กระตุ้นให้ผู้คนที่กำลังเฉลิมฉลองกันอยู่ ให้ความร่วมมือในการทำงานต่อไปในปีใหม่นี้ด้วย เพื่อกระชับสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้น และเผชิญความท้าทายต่างๆ ให้ก้าวหน้าไปด้วยกัน

    ส่วนแนนซี เปโลชี ผู้นำพรรคเดโมแครตในสภาผู้แทนราษฎร ก็กล่าวแสดงความยินดีในวันปีใหม่จีน ว่าถึงเวลาฉลองวัฒนธรรมอันดีงาม ประเพณีสืบทอดอันลึกซึ้ง ซึ่งเป็นเวลาที่สะท้อนภาพปีที่ผ่านมา เปิดรับโอกาสต่างๆ ในอนาคต และมองไปข้างหน้าด้วยความหวัง และความเจริญ การมองโลกในแง่ดี และโอกาส

    [​IMG]

    ชาวอินโดนีเซียก็มีพิธีเฉลิมฉลองปีใหม่จีนเช่นกัน

    [​IMG]

    คนไทยเชื้อสายจีนไหว้พระทำบุญเนื่องในวันตรุษจีน

    [​IMG]

    ย่านไชน่าทาวน์ในกรุงมะนิลา ของฟิลิปปินส์ค้าของไหว้ตรุษจีน

    [​IMG]

    โคมไฟกระดาษรูปกระต่ายในกรุงไทเป ไต้หวัน

    [​IMG]

    สัญลักษณ์แห่งปีกระต่ายในย่านไชน่าทาวน์ของสิงคโปร์

    Around the World - Manager Online -
     
  10. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ลือหึ่ง UFO! แสงประหลาดลอยเหนือ “โดมทองแห่งเยรูซาเล็ม”
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>3 กุมภาพันธ์ 2554 11:57 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    ภาพดวงไฟประหลาดกำลังลอยอยู่เหนือโดมทองแห่งเยรูซาเล็ม (Dome of the Rock) เมื่อกลางดึกของวันเสาร์(29)

    เอเจนซี - ภาพดวงไฟประหลาดที่ลอยอยู่เหนือโดมทองแห่งเยรูซาเล็ม (Dome of the Rock) กลายเป็นสิ่งที่ผู้คลั่งไคล้ยูเอฟโอใช้ยืนยันการมีอยู่จริงของสิ่งมีชีวิตจากนอกโลก

    คลิปวีดีโอดังกล่าวบันทึกภาพขณะที่ดวงไฟซึ่งมีแสงวูบวาบกำลังลอยอยู่เหนือโดมทอง ซึ่งเป็นศาสนสถานเก่าแก่ของชาวมุสลิม ไฟประหลาดได้ลอยสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า และกลับลงมาอีกครั้ง ก่อนจะหายไปจากสายตา

    ปรากฎการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในเวลาประมาณ 1.00 น. ของวันเสาร์(29) โดยมีผู้บันทึกภาพไว้ได้หลายมุมมอง คลิปวีดีโอนี้เรียกความสนใจจากผู้ชมหลายแสนคนในโลกออนไลน์ และก่อให้เกิดการถกเถียงอย่างเผ็ดร้อนระหว่างผู้คลั่งไคล้ยูเอฟโอและผู้ที่ไม่เชื่อ

    นิก โป๊ป อดีตผู้เชี่ยวชาญด้านยูเอฟโอของกระทรวงกลาโหมอังกฤษ ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ เดอะซัน ว่า “หากนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง คลิปวีดีโอนี้ก็เป็นการบันทึกภาพยูเอฟโอที่ชัดเจนที่สุดครั้งหนึ่ง แต่หากไม่ใช่ มันก็เป็นการวางแผนต้มตุ๋นที่แยบยล เพื่อให้คนเชื่อว่ายูเอฟโอมีจริงแน่นอน”

    โป๊ป ระบุว่า ลักษณะการพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็วของดวงไฟแสดงให้เห็นว่า มันไม่มีมนุษย์ควบคุมอยู่ภายใน

    “เราทราบว่ากองทัพอิสราเอลมีเครื่องบินชนิดไร้คนขับที่ทันสมัย หากนี่คือหนึ่งในนั้น ก็คงเป็นเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าที่สุดอย่างหนึ่งของมนุษย์เลยทีเดียว”

    [​IMG]
    การพบเห็นครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนๆ เพราะมีการเก็บภาพไว้ได้หลายแง่มุม

    [​IMG]

    ผู้เชี่ยวชาญด้านยูเอฟโอระบุว่า วัตถุดังกล่าวพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว จนเชื่อได้ว่าไม่มีมนุษย์ควบคุมอยู่ภายใน

    Around the World - Manager Online -
     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    สว.รีพับลิกันพ่ายมติหนุนแผนปฏิรูปประกันสุขภาพของโอบามา
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>3 กุมภาพันธ์ 2554 09:32 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]
    แผนปฏิรูประบบประกันสุขภาพครั้งประวัติศาสตร์ของโอบามามีทั้งผู้ให้การสนับสนุนและคัดค้าน

    เอเอฟพี - พันธมิตรพรรคเดโมแครตของประธานาธิบดีบารัค โอบามาในวุฒิสภาสามารถทำให้แรงผลักดัน ที่ต้องการเพิกถอนแผนปฏิรูประบบประกันสุขภาพครั้งประวัติศาสตร์โดยสมาชิกจากพรรครีพับลิกันนั้นล้มไปได้

    วุฒิสมาชิกลงมติยอมรับการเพิกถอนกฎหมายปฏิรูประบบประกันสุขภาพด้วยคะแนนเพียง 47-51 เสียง ซึ่งต่ำกว่าคะแนนเสียงที่จำเป็น 60 เสียง ขณะที่รัฐบาลของโอบามาเดินหน้าต่อสู้กับคำพิพากษาของศาล ที่ประกาศว่าแผนยกเครื่องดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญ

    บรรดาผู้สังเกตการณ์ชี้ว่า ความท้าทายของแผนปฏิรูป ซึ่งเป็น 1 ในชัยชนะเชิงสัญลักษณ์ของโอบามาในช่วงการทำงาน 2 ปีแรก น่าจะลงเอยด้วยดีก่อนถูกนำเรื่องขึ้นศาลสูง ซึ่งเป็นผู้ตัดสินชี้ขาดรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ

    นอกจากนี้ วุฒิสมาชิกยังลงมติด้วยคะแนน 81-17 เสียงในการฉีกเอกสารที่จำเป็นทางภาษี อันเป็นขั้นตอนที่เดโมแครตระบุว่าเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของความตั้งใจจริงในการแก้ไข ไม่ใช่ล้มเลิกกฎหมายปฏิรูประบบประกันสุขภาพ

    แฮร์รี รีด ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา กล่าวว่า เดโมแครตมีความตั้งใจที่จะประนีประนอมในการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว แต่จะไม่ประนีประนอม หากนั่นคือการทำลายความคืบหน้าที่พวกเขาได้ดำเนินการตลอดมาเพื่อแก้ไขระบบที่ไม่สมบูรณ์

    สำหรับ วุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกัน 47 คนที่ออกเสียงยกเลิกมาตรการดังกล่าว รู้ดีว่าพวกเขาไม่สามารถเอาชนะในการลงมติได้ แต่มีเป้าหมายที่จะบีบให้พรรคเดโมแครตดูอ่อนแอในการเลือกตั้งปี 2012

    ขณะที่มิตช์ แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุมิสภาชี้ว่า การต่อสู้ยังไม่สิ้นสุด และพรรครีพับลิกันตั้งใจที่เดินหน้าต่อสู้เพื่อล้ม และเปลี่ยนแผนโอบามาแคร์นี้ให้จงได้
    Around the World - Manager Online -
     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ฮิวแมนไรต์จี้สหรัฐฯตัดความช่วยเหลือทางทหารอียิปต์ท่ามกลางเหตุรุนแรง
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>3 กุมภาพันธ์ 2554 12:59 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    การประท้วงแบบม็อบชนม็อบ ระหว่างกลุ่มต่อต้าน และกลุ่มสนับสนุนรัฐบาลอียิปต์ ซึ่งเพิ่มความรุนแรงของเหตุการณ์ยิ่งขึ้นไปอีก

    เอเอฟพี - ฮิวแมนไรต์วอตช์ องค์กรเรียกร้องสิทธิมนุษยชนระบุ สหรัฐฯ ควรตัดความช่วยเหลือทางการทหารจำนวนมากที่ให้แก่อียิปต์ หากยังคงมีการใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลในกรุงไคโรต่อไปอีก

    รัฐบาลวอชิงตัน ซึ่งเรียกร้องให้ใช้ความอดทนอดกลั้นกับการประท้วงต่อต้านรัฐบาลอียิปต์ที่ล่วงเลยมานานกว่า 1 สัปดาห์ ไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงปราบผู้ชุมนุมอย่างสงบ

    ขณะที่บันคีมุน เลขาธิการยูเอ็นระบุว่า การโจมตีกลุ่มผู้ประท้วงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ โดยมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 ราย และบาดเจ็บอีกหลายร้อยคน ตามรายงานของแหล่งข่าวในอียิปต์

    ฮิวแมนไรต์วอตช์แถลว่า "กองกำลังรักษาความมั่นคงของอียิปต์ไม่สามารถคุ้มครองผู้ที่มาชุมนุมกันอย่างสงบในจตุรัสตอห์รีร์ กรุงไคโร จากกลุ่มก่อกวนฝ่ายสนับสนุนรัฐบาล ที่ติดอาวุธ ทั้งระเบิด ไม้ และแส้ เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ปี 2011 ได้"

    "สหรัฐฯ และสหภาพยุโรปควร... บอกประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค และผู้บัญชาการทหารของอียิปต์ว่า การกระทำของกองทัพในวันที่ 2 กุมภาพันธ์นั้นเพิ่มความคลางแคลงใจอย่างจริงจังเกี่ยวกับความตั้งใจในการปกป้องผู้ประท้วงฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตยจากการโจมตีด้วยความรุนแรง และความล้มเหลวของพวกเขาในการส่งเสริมสิทธิมนุษย์ขั้นพื้นฐาน... จึงควรจะต้องระงับความช่วยเหลือทางการทหารทั้งหมดในทันที"

    ทั้งนี้ ความรุนแรงในเมืองหลวงของอียิปต์เพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่เช้าวันนี้ (3) ขณะที่เหตุจลาจลยืดเยื้อเข้าสู่วันที่ 10 โดยมีผู้เห็นเหตุการณ์พบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 รายจากการยิงปะทะกัน โดยพุ่งเป้าไปที่ผู้ชุมนุมกลุ่มต่อต้านรัฐบาลในจตุรัสตอห์รีร์ และยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก

    นอกจากนี้ ฮิวแมนไรต์ยังวิจารณ์ทางการปาเลสไตน์ที่ใช้ความรุนแรงปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมในเมืองรามัลเลาห์ ที่ออกมาประท้วงแสดงความเห็นใจชาวอียิปต์ด้วย

    Around the World - Manager Online -
     
  13. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    คาหนังคาเขา! ส.ส.อิตาลีแอบดูภาพ “คุณโส” ขณะฟังอภิปรายไม่ไว้วางใจ
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>3 กุมภาพันธ์ 2554 13:19 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    ซิเมโอเน ดิ กัจโน อับเบรสชา (แฟ้มภาพ)

    เอเจนซี - ขณะสภาผู้แทนอิตาลีกำลังร่ายยาวการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีวัฒนธรรม ส.ส.ผู้รู้สึกเบื่อหน่ายรายหนึ่งก็คว้าไอแพดขึ้น และหาสิ่งจรรโลงใจจากภาพหญิงสาวที่เสนอขายบริการทางเพศ

    ซิเมโอเน ดิ กัจโน อับเบรสชา สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรอิตาลีวัย 66 ปี ถูกช่างภาพในรัฐสภาจับภาพได้ ขณะเขากำลังชมเชยภาพหญิงสาวในเครื่องแต่งกายน้อยชิ้น ซึ่งเสนอขายบริการทางเพศแลกกับเงินจำนวน 1,000 ปอนด์ (ราว 50,000บาท) ต่อคืน

    สภาชิกรัฐสภาผู้ผ่านการแต่งงานมาถึง 3 รอบผู้นี้ เป็นหนึ่งในสมาชิกพรรคพีเพิล ออฟ ฟรีดอม ของท่านนายกรัฐมนตรีซิลวิโอ แบร์ลุสโกนี ผู้อื้อฉาวคาวโลกีย์ ทั้งนี้ ส.ส.อับเบรสชากำลังเข้าฟังอภิปรายมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีวัฒนธรรมอิตาลี ซานโดร บอนติ ขณะถูกบันทึกภาพดังกล่าวกลางสภาอันทรงเกียรติ

    อย่างไรก็ตาม แทนที่จะสนใจฟังการอภิปรายจากเพื่อนสมาชิกสภา ส.ส.อับเบรสชา กลับต้องมนต์เสน่ห์และไม่อาจละสายตาจากภาพของ 2 สาว นามว่า “ดอลลี” และ “เดซี” ซึ่งคิดค่าบริการ 3 ชั่วโมงเป็นเงิน 385 ปอนด์ (19,000) หรือ 1,000 ปอนด์ หากต้องการค้างคืน

    ซิเมโอเน ดิ กัจโน อับเบรสชา แก้ต่างว่า “ผมกำลังเช็กอีเมล ตอนที่หน้าเว็บไซต์ดังกล่าวเปิดขึ้นมา ผมเลี่ยงที่จะไม่มองดูภาพสาวสวยเหล่านั้นไม่ได้ ... บางครั้งข้อความพวกนี้ก็เปิดขึ้นมาเอง เวลาคุณเช็กอีเมล ส่วนตัวแล้ว ผมเองไม่เคยใช้บริการโสเภณีแม้แต่ครั้งเดียว”

    อับเบรสชา เป็นอดีตนายกเทศมนตรีเมืองบารี ทางตอนใต้ของอิตาลี และยังเป็นนักกฎหมายผู้มากประสบการณ์ ซึ่งให้การสนับสนุนนายกรัฐมนตรีซิลวิโอ แบร์ลุสโกนี เขาดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาแล้วทั้งสิ้น 5 ปี

    [​IMG]

    ซิเมโอเน ดิ กัจโน อับเบรสชา แก้ตัวเป็นพัลวันว่า เขากำลังเช็กอีเมล และก็พบภาพของหญิงสาวที่เสนอขายบริการ ซึ่งเขาทำใจไม่มองรูปของพวกเธอไม่ได้

    Around the World - Manager Online -
     
  14. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    สหรัฐฯ ไม่หยุดบีบพม่า ใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อไป
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>3 กุมภาพันธ์ 2554 11:47 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    แชมป์ประชาธิปไตย-- ภาพแฟ้ม 2 ต.ค.2544 นางอองซานซูจี ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวต่างประเทศที่บ้านพักในช่วงปีสั้นๆ ที่ได้รับอิสรภาพ กว่า 20 ปีมานี้นางซูจีถูกกักบริเวณไปเสียส่วนใหญ่ การเลือกตั้งปี 2533 หรือ 10 ปีก่อนหน้านั้นไม่มีความหมายใดๆ แม้จะได้คะแนนเสียงท่วมท้น แต่ระบอบทหารไม่ยอมลงจากอำนาจ สหรัฐฯ ยังยืนยันจะคว่ำบาตรพม่าต่อไป จนกว่าคณะปกครองทหารในยุคใหม่หลังการเลือกตั้งเดือน พ.ย.2553 จะะมีขั้นตอนเป็นรูปธรรมมากขึ้นในการไปสู่ประชาธิปไตย.-- AFP PHOTO

    วอชิงตัน (เอเอฟพี)-- สหรัฐฯ กล่าวในวันพุธว่ายังเร็วเกินไปที่จะผ่อนคลายการคว่ำบาตรต่อพม่า ทั้งยังเรียกร้องให้ระบอบปกครองทหารดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น ขณะที่จะเข้านำประเทศอีกครั้งหนึ่งหลังการเลือกตั้งที่ฉาวโฉ่

    นายเคิร์ต แคมป์เบล ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศฝ่ายเอเชียตะวันออกกล่าวภายหลังการเดินทางปรึกษาหารือกับบรรดาประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ว่า สหรัฐฯ ยังคงผิดหวังมากกับพม่า แต่ก็กล่าวว่าการสนทนาจะยังดำเนินต่อไป

    "หลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ออกมาพูดว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องยกเลิกการคว่ำบาตร เราได้พูดอย่างชัดเจนว่าเรื่องนี้ยังเร็วเกินไป" นายแคมป์เบล กล่าวกับผู้สื่อข่าว

    "เรายังอยากเห็นขั้นตอนที่เป็นรูปธรรมกว่านี้จากรัฐบาลใหม่ขณะพวกเขากำลังจัดตั้งนโยบายรัฐบาลในประเด็นสำคัญต่างๆ" นายแคมป์เบลกล่าว

    ชาติตะวันตกพากันประณามการเลือกตั้งเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี ที่ได้กีดกันฝ่ายประชาธิปไตยกับบรรดาชนกลุ่มน้อยออกไป และ นายแคมป์เบลกล่าวว่าสหรัฐฯ สนับสนุนนางอองซานซูจี ที่เรียกร้องให้ทางการพม่าแสดงความตั้งใจอันชัดเจนของตน

    พรรคสันนิบาติแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยของนางซูจีชนะท่วมท้นในการเลือกตั้งปี 2533 แต่คณะปกครองทหารไม่ยอมลงจากอำนาจและมอบการบริหารให้แก่ฝ่ายพลเรือน.
    IndoChina - Manager Online -
     
  15. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2554 10:34
    <!-- End Content Header --><DL class="columnist-first clearfix"><DT>[​IMG] <DD class=columnist-name>ดร.กุลเดช สินธวณรงค์ <DD class=by-line>กรรมการผู้จัดการกลุ่มบริษัท จาร์เค็น <DD class=by-line>อยากให้เมืองไทยเป็นอย่างไร: Branding a Nation</DD></DL>ผมพยายามจะหลีกเลี่ยงไม่ค่อยนำเสนอหรือเขียนอะไรที่เกี่ยวข้องกับการเมืองสักเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่อดไม่ได้จริงๆ
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110120/show_ads_impl.js"></SCRIPT>ช่วงหลายวันมานี้เห็นข่าวหลายชิ้นที่ได้ฟังได้ดูแล้วหดหู่ใจ ไม่ว่าข่าวเรากับเพื่อนบ้านเรือนเคียงทะเลาะกันด้วยเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องของความสับสนในชาติพันธุ์และ ประวัติศาสตร์ แต่เอามันกลับมาทำให้มันเป็นเรื่อง ข่าวสีหลายๆสีออกมารวมตัวกันบนถนน(อีกแล้ว) ถล่มกันไปถล่มกันมาไม่เลือกฝ่าย ข่าวตัวเลขทางเศรษฐกิจที่แต่ละสถาบันขยันออกมาประกาศกันปาวๆว่าเศรษฐกิจดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ไม่รู้จะเชื่อใคร หรือข่าวนักการเมืองทั้งสอง สามฝ่าย ที่ล๊อบบี้กันหน้าดำคร่ำเครียดเรื่องอยากแก้กฏหมายสูงสุดของประเทศกันเหลือเกิน แต่แก้แล้วยังไม่เห็นจะมีใครจะตอบได้ว่าประชาชนหรือ ชาติได้อะไร? ที่ผมมองเห็นเหมือนกันคือทุกคน ทุกกลุ่มที่ออกมาร้องประกาศปาวๆ ล้วนอ้างประเทศชาติเป็นของๆตนเฉพาะตนเท่านั้น

    คนในชาติ วิถีชิวิต และวัฒนธรรม เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของแบรนด์ของชาตินั้นๆ (Nation Branding) จริงอยู่ว่าประวัติศาสตร์ ที่มาที่ไปของคนในชาติเป็นตัวชี้ที่สำคัญซึ่งกำหนดพื้นฐานสถาปัตยกรรมของแบรนด์ (Brand Architecture) แต่เมื่อประวัติศาสตร์เปลี่ยนไม่ได้ สถาปัตยกรรมของแบรนด์ของชาติเราจึงไม่ใช่เรื่องของความจริงทั้งหมด (non-factual) เป็นเพียงแค่การตีความของข้อเท็จจริงที่ปรากฏ เพื่อสร้างพื้นฐานของแบรนด์ (เช่นการตีความของข้อเท็จจริงที่ว่า คนในแบรนด์แบบไทยๆคือ จริงใจ ใจดี ยิ้มเก่ง ประนีประนอม อ่อนน้อมถ่อมตน)

    วิถีชิวิตและ วัฒนธรรมเป็นตัวกำหนดทิศทางของแบรนด์ (Brand Direction) และเมื่อวิถีชิวิตและวัฒนธรรมมีสถานะเป็นพลวัติ เป็นเรื่องของการเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย ทิศทางของแบรนด์จะไปทางไหนจึงขึ้นอยู่กับผู้ที่มีอิทธิพลในการเปลี่ยนแปลงวิถีชิวิตและ วัฒนธรรม (ผู้คนหรือประชาชนในกลุ่มอายุหรือ generation ต่างๆกัน) ไม่ใช่กลุ่มคนผู้อยากมีส่วนในการชี้นำทางการเมือง (หรือคนในกลุ่มต่างๆอย่างที่เกริ่นนำมาข้างต้น)

    ผมไม่ได้โปรดปรานสิงคโปร์ หรือคิดว่าเขาเป็นประเทศที่ดีเด่นอะไร แต่สิ่งที่ผมสนใจคือ วิธีคิดของเขาในการเลือกที่จะ “มอง” ว่าเขาเป็นใคร และ “เลือก” ว่าอะไรจะเป็นแบรนด์ของสิงคโปร์

    สิงคโปร์ปรับแบรนด์ดิ้งของประเทศล่าสุดใช้สื่อออกมาเป็น Catch phrase ที่ทรงพลังว่า “Your Singapore”
    ส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดของสถาปัตยกรรมของแบรนด์ใหม่ของสิงคโปร์คือ คนในชาติของสิงคโปร์เองในยุคปัจจุบัน (แบบไม่บ้าให้น้ำหนักประวัติศาสตร์) ทิศทางของแบรนด์คือ ความคิดและมุมมองของชาติจากเด็กๆและผู้คนรุ่นใหม่ที่กำลังจะมาเปลี่ยนแปลงสิงคโปร์ เราลองมาดูว่า ก่อนจะมาเป็น “Your Singapore” พวกเขาคิดอะไร?

    Kenny Tan นักศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์ปีสุดท้ายจาก Singapore Management University บอกว่าประวัติศาสตร์ไม่ได้บอกว่าบรรพบุรุษเขาคือใคร เป็นอย่างไรและ ควรเดินไปทางไหน แต่ประวัติศาสตร์แค่บอกให้เขาทราบว่าเขามาจากไหน ซึ่งเป็นที่ที่ไม่ใช่สิงคโปร์ แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับการที่ประวัติศาสตร์สอนให้เขารู้ว่า ที่ใหม่แห่งนี้ได้ให้โอกาสกับเขาและ เขาก็ไม่ควรจะทิ้งโอกาสนั้นไป เขาอยากจะบอกสังคมโลก ให้ทราบว่า ตราบใดที่เรามีความตั้งใจและ มีพลังผลักดันในตัวที่จะทำอะไรคืนสู่สังคม สิงคโปร์ให้โอกาสเราเสมอ สิงคโปร์คือที่ที่ให้ความสำคัญกับ “ความสามารถและศักยภาพ” ของคุณมากกว่าข้อเท็จจริงหรือ ประวัติศาสตร์ที่มีแค่คนบอกอย่างหลวมๆว่า “คุณเป็นใคร” หรือ “มาจากไหน”


    Nicholas Lim นักศึกษาทางด้านการจัดการจาก Nanyang Technological University ให้คำจำกัดความของทิศทางของประเทศตัวเองอย่างภูมิใจว่า “Singapore - Above, Beyond, As One” เพราะเขารู้สึกว่าคนสิงคโปร์ควรทำตัวให้ “ล้ำหน้า” คนอื่นอยู่เสมอทั้งทางสังคม วัฒนธรรมและเทคโนโลยี เขามองว่าคนสิงคโปร์ ควรสรรค์สร้างอะไรก็ตามที่เหนือความคาดหมาย ทั้งทางการเมือง ความสงบ ความสุขและ อิสรภาพของประชาชน และเขาคิดว่าสิงคโปร์ควรเป็นหนึ่งเดียว ควรรักษาความแตกต่างทางเชื้อชาติที่มีความแตกต่างทางวัฒนธรรมซึ่งสร้างขึ้นใหม่ที่เรียกว่า “สังคมสิงคโปร์” สังคมที่พร้อมที่เดินไปด้วยกันแม้ในเวลาที่ยากลำบากแต่ก็สามารถรวมตัวกันได้อย่างสามัคคีเพื่อให้อุปสรรคทุกอย่างผ่านไปด้วยดี

    หรือ Nicholas Lam นักเรียนประถม 6 จาก Rosyth School อยากให้สิงคโปร์ของเขาเต็มไปด้วยรากเหง้าแห่งวัฒนธรรมของโลก เขาอยากเรียกสิงคโปร์ของเขาว่า “Singapore: The World In An Island” เด็กอายุแค่นี้ยังคิดได้ว่าอยากให้สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางของโลกในทุกๆสิ่ง เพราะมองว่าสิงคโปร์ประกอบขึ้นด้วยคนจากหลายวัฒนธรรมและ หลายเชื้อชาติและ ยังต้อนรับผู้คนจากที่ต่างๆอยู่เสมอ สิงคโปร์มีอาหารอร่อยๆทั้งจากทั่วเอเชียและจากชาติตะวันตก มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ทันสมัย มีเทคโนโลยีที่ไม่แพ้ใครในโลก มีทุกอย่างรวมอยู่บนเกาะเล็กๆเกาะเดียวที่ทุกคนรู้จักในแบรนด์ที่เรียกว่า “สิงคโปร์”

    “Uniquely Singapore” อัตลักษณ์ของแบรนด์ของประเทศสิงคโปร์ที่ใช้มาหลายปีเพิ่งถูกปรับเปลี่ยนใหม่เนื่องจากยุคนี้สมัยนี้ใครๆก็แตกต่างได้ ใครๆหรือประเทศไหนๆก็ unique ได้ ไม่เหมือนกับ “Your Singapore” ซึ่งสร้างมายาคติให้เห็นอย่างชัดเจนว่า “สิงคโปร์ของคุณ” อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร แต่อะไรก็เป็นไปได้ สำหรับทุกคนหรือใครก็ได้ ในสิงคโปร์

    ดูแค่ความคิดของ “เยาวชน” ของเขาแล้ว ว่าแต่เราหล่ะครับ อยากให้เมืองไทยเป็นอะไร เดินไปทางไหน และอยากให้ผู้คนรุ่นหลังจดจำเราว่าเป็นอย่างไร

    หรือเราจะรอให้คนอื่นมาบอก.. มาจูง
     
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    <TABLE class=border_h cellSpacing=2 cellPadding=2 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>“ถุงซิป” กันน้ำท่วมรถยนต์ ไอเดียดีๆของเด็กไทย</TD></TR><TR><TD width="86%">โพสโดย: หมู เมื่อ: 24-12-10
    [​IMG]

    น้ำป่าน้ำท่วมสูงจนมิดหลังคารถยนต์ที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ทำให้เครื่องยนต์และห้องโดยสารรถยนต์ พังเสียหาย เจ้าของรถต้องจ่ายเงินค่าซ่อมไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท
    กลุ่มนักศึกษาวิทยาลัยการอาชีพวังสะพุง จังหวัดเลย จึงคิดถุงพลาสติกนี้ ขึ้นมาให้ชื่อว่า "ถุงไอเดีย คอปเวอร์ คาร์" (IDEA cover car) ชื่นชมผลงานถุงไอเดีย ที่วิทยาลัยการอาชีพวังสะพุง จ.เลย คิดค้นไว้ใช้คลุมรถที่จมอยู่ใต้น้ำได้ปลอดภัย ๑๐๐% ด้านนายสันติประชา ดอนชุม อาจารย์ประจำแผนกวิชาอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตร่วมกับนักศึกษา กล่าวว่า ถุงไอเดีย ทำจากวัสดุโพลิเมอร์เอสทีลิน ซึ่งเป็นพลาสติกหนาสามารถกันน้ำได้ มีการออกแบบและตัดเย็บได้ตามขนาดของรถแต่ละชนิด มีซิบกันน้ำสำหรับเปิดเป็นช่องเพื่อขับรถเข้าไปเก็บในถุง รถยนต์จะวิ่งเข้าไปจอดอยู่ด้านในถุงพลาสติกขนาดใหญ่ที่มีความหนาและทนทาน ก่อนที่จะรูดซิปยาวครอบทั้งคันรถ เหมือนกับการสวมถุงพลาสติกสิ่งของ

    ต้นทุนในการผลิตถุงไอเดียขนาดใส่รถ ยนต์กระบะ ๑ คัน ประมาณ ๑,๕๐๐ บาท จากการทดลองได้นำรถยนต์เข้าไปไว้ในถุงแล้วปิดให้สนิท จากนั้นนำลงไปแช่ในน้ำทั้งคันเป็นเวลานาน ๑-๒ วัน ปรากฏว่าไม่มีน้ำซึมเข้าไปภายในถุงได้ ทำให้รถปลอดภัยจากน้ำท่วม ทั้งนี้ตนและทาง สอศ.ได้มีการจดสิทธิบัตร "ถุงไอเดีย" ไว้แล้ว พร้อมทั้งเตรียมที่จะพัฒนารูปลักษณ์ และการหาวัสดุคุณภาพดีมาใช้ผลิตถุงไอเดียให้มีคุณภาพดียิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วย จึงมั่นใจว่าผลงานชิ้นนี้จะสามารถช่วยเหลือผู้ที่มีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ในช่วงเวลาคับขันที่เกิดปัญหาน้ำท่วมได้มาก
    [​IMG]
    ถุง พลาสติกจะป้องกันน้ำเข้ารถ ไม่ให้รถยนต์เสียหายได้ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะผลิตมาจากพลาสติกอย่างหนาและยังสามารถพับเก็บไว้ใช้งานได้ในคราวต่อไป

    “<!-- google_ad_section_end -->

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  17. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    โลกผวาอียิปต์เอฟเฟกต์ในตะวันออกกลาง
    วันพุธที่ 02 กุมภาพันธ์ 2011 เวลา 09:43 น.
    [​IMG]








    เหตุการณ์ชุมนุมประท้วงขับไล่ประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค แห่งอียิปต์ที่ดำเนินมาครบ 1 สัปดาห์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (1 ก.พ.) ยังคงสร้างความหวั่นวิตกและเป็นปัจจัยลบทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกได้รับแรงกดดัน หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวในทวีปยุโรปดำดิ่งลงทั่วหน้าเนื่องจากนักลงทุนคาดว่าเหตุการณ์ประท้วงอาจสร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว หุ้นทียูไอ ทราเวล ปิดร่วง 2.6% และหุ้นโธมัส คุก กรุ๊ป ร่วง 3.1 % ราคาน้ำมันดิบเบรนต์ที่ตลาดลอนดอน ปิดการซื้อขายเมื่อคืนวันจันทร์ทะลุ 100 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2551 ขณะที่ราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ในนิวยอร์กก็ขยับสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 90.80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แม้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะยังไม่กระทบเส้นทางขนส่งน้ำมันที่ใช้เส้นทางผ่านคลองสุเอซ (ซึ่งเชื่อมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและทะเลแดง) แต่ความหวาดหวั่นว่าเหตุการณ์จลาจลจะลุกลามไปยังประเทศอื่นๆในภูมิภาคตะวันออกกลางก็ทำให้ราคาน้ำมันซื้อขายล่วงหน้าพุ่งขึ้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
    หวั่นจลาจนยืดเยื้อทุบธุรกิจเสียหาย
    "ถ้าเหตุการณ์ยืดเยื้อและเริ่มส่งผลต่อเส้นทางลำเลียงน้ำมัน ปริมาณน้ำมันที่จะไปยังทวีปยุโรปและราคาในตลาดโลกก็จะได้รับผลกระทบอย่างมหาศาล" ศ.ดาลตั้น แกริส ผู้เชี่ยวชาญว่าด้วยพฤติกรรมตลาดปิโตรเลียมจากสถาบันวิจัยปิโตรเลียมในกรุงอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ให้ความเห็น ทั้งนี้สถิติจากกระทรวงพลังงานสหรัฐอเมริกาชี้ว่า ช่องแคบสุเอซของอียิปต์เป็นเส้นทางที่มีการลำเลียงน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมแปรรูปในปริมาณวันละประมาณ 1 ล้านบาร์เรล นอกจากนั้น ยังมีท่อลำเลียงน้ำมันที่เชื่อมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและทะเลแดง ลำเลียงน้ำมันประมาณวันละ 1.1 ล้านบาร์เรล รวมแล้วเส้นทางดังกล่าวเป็นทางผ่านของปริมาณน้ำมันดิบราว 2% ของปริมาณผลิตน้ำมันดิบทั่วโลก ส่วนปริมาณสินค้าทั่วโลกที่ใช้เส้นทางดังกล่าวมีประมาณ 10% ยังไม่ได้รับผลกระทบเช่นกัน
    อย่างไรก็ตาม บริษัทเดินเรือที่ทำการจากท่าเรือสุเอซได้เริ่มเตือนลูกค้าแล้วว่า อาจมีความล่าช้าในการขนส่งและการติดต่อสื่อสารกับบริษัทชิปปิ้งอาจเป็นไปอย่างยากลำบากเนื่องจากมีการระงับบริการอินเตอร์เน็ตและบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในบางพื้นที่ของอียิปต์ในเวลานี้รวมทั้งผลกระทบจากมาตรการเคอร์ฟิว ความสุ่มเสี่ยงของสถานการณ์ทำให้มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาลอียิปต์ลงสู่ระดับ Ba2 จากระดับ Ba1 พร้อมเปลี่ยนแนวโน้มอันดับเครดิตจากเดิมที่ "มีเสถียรภาพ" เป็น "เชิงลบ" บริษัทต่างชาติจำนวนมากที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในอียิปต์ได้ยุติการผลิตหรือปิดสำนักงานเป็นการชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย เช่นบริษัทผู้ผลิตเบียร์ไฮเนเก้นจากเนเธอร์แลนด์ ที่มีพนักงาน 2,040 คนอยู่ในอียิปต์ ขณะนี้ได้ปิดโรงงานชั่วคราวและอพยพพนักงานต่างชาติราว 25 คนขึ้นเครื่องบินเช่าเหมาไปยังที่ปลอดภัยและให้พนักงานท้องถิ่นพักงานอยู่ที่บ้านจนกว่าเหตุการณ์จะสงบ เช่นเดียวกับบริษัท ยูนิลีเวอร์ฯ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ฯ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์สฯ บริษัท ลาฟาร์จฯ และบริษัท อัคโซ โนเบลฯ ที่ตัดสินใจดำเนินการเฉพาะหน้าในลักษณะเดียวกัน

    [​IMG]














    นายโรบิน แอมล็อต บรรณาธิการอำนวยการวารสารด้านการเงินในตะวันออกกลาง "แบงเกอร์ มิดเดิล อีสต์" กล่าวว่า ความหวาดหวั่นว่าเหตุการณ์จลาจลลักษณะเดียวกับที่เกิดขึ้นในอียิปต์และตูนิเซีย อาจจะลุกลามเกิดขึ้นในประเทศอื่นๆในภูมิภาคตะวันออกกลางด้วยเช่นกัน จะสร้างความปั่นป่วนต่อกิจกรรมทางธุรกิจ การค้า การลงทุนในภูมิภาค "คุณต้องจับตามองตลาดหุ้นในตะวันออกกลางและอ่าวเปอร์เซีย เพื่อดูว่าผลกระทบอะไรได้เกิดขึ้นแล้วจากการจลาจลในอียิปต์ ตอนนี้ภาคธุรกิจได้รับความเสียหายไปทั่วภูมิภาค" แม้ปัจจุบัน อียิปต์จะมีเงินทุนสำรองต่างประเทศที่ระดับ 36,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่น่าส่งผลต่อระบบการเงินของประเทศในระยะใกล้ แต่ภาพความวุ่นวายที่เกิดขึ้นที่สนามบินไคโรและชาวต่างชาติรวมทั้งชาวอียิปต์เองที่พยายามเดินทางออกนอกประเทศในเวลานี้ ก็สะท้อนให้เห็นว่า ในระยะกลางจะมีปริมาณเงินไหลออกเป็นจำนวนมาก โดยในวันจันทร์ที่ผ่านมา (31 ม.ค.) ผู้ค้าเงินตรารายหนึ่งในกรุงไคโรให้ตัวเลขคร่าวๆว่า ในช่วง 6 วันที่มีการชุมนุมประท้วง นักลงทุนได้โอนเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์ออกจากอียิปต์
    โดมิโน่ไล่ผู้นำเผด็จการในหลายประเทศ
    สิ่งที่สร้างความกังวลมากที่สุดก็คือ ความวิตกที่ว่าเหตุการณ์ชุมนุมขับไล่ผู้นำที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลางในขณะนี้จะเป็นปฏิกิริยาโดมิโนเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีตประเทศคอมมิวนิสต์แถบยุโรปตะวันออกหลังการล่มสลายของกำแพงเบอร์ลินในปี 1989 หรือไม่
    การชุมนุมขับไล่ผู้นำของอียิปต์เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมาโดยกลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องการลาออกของประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค ที่ครองตำแหน่งมาเกือบ 3 ทศวรรษท่ามกลางปัญหาทางเศรษฐกิจที่รุนแรงมากขึ้น ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน ประชาชนชาวตูนิเซียก็เพิ่งแสดงพลังร่วมกันขับประธานาธิบดีไซน์ เอล อาบิดีน เบ็น อาลี และครอบครัวตลอดจนผู้ใกล้ชิดจนต้องระเห็จออกไปลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศในเวลานี้ นักวิเคราะห์มองว่ามีความเป็นไปได้ที่เหตุการณ์ในตูนิเซียและอียิปต์ อาจกระตุ้นให้เกิดกระแสการรวมตัวชุมนุมขับไล่ผู้นำในหลายประเทศของภูมิภาคนี้ตามมา ซึ่งประเทศที่มีความเป็นไปได้สูงโดยการรายงานของเดอะ การ์เดี้ยน สื่อรายวันจากอังกฤษนั้นได้แก่ จอร์แดน ที่กำลังเผชิญภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ปัญหาการคอร์รัปชัน เงินเฟ้อและอัตราว่างงานพุ่งสูง มีการประท้วงขับไล่นายซามีร์ อัล ไรฟาอี นายกรัฐมนตรี มาเป็นเวลานานนับสัปดาห์ตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้ว จนนายไรฟาอีต้องออกมาอัดงบเพิ่มอีก 550 ล้านดอลลาร์ เพื่อตรึงราคาเชื้อเพลิงและสินค้าจำเป็นบวกมาตรการเพิ่มเงินเดือนข้าราชการและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพื่อสยบความไม่พอใจของประชาชน นอกจากนี้กษัตริย์อับดุลเลาะห์แห่งจอร์แดนยังทรงรับสั่งว่าจะต้องมีการปฏิรูปการเมือง โดยเฉพาะกฎหมายการเลือกตั้งซึ่งเป็นที่ครหา
    หว่านประชานิยมยื้ออำนาจ
    อีกประเทศที่สถานการณ์หมิ่นเหม่ต่อการเกิดจลาจลเป็นอย่างยิ่ง คือ เยเมน หลังจากที่พรรคร่วมฝ่ายค้านภายใต้ชื่อ เจเอ็มพี (Joint Meeting Parties: JMP) เจรจากับประธานาธิบดี อาลี อับดุลเลาะห์ ซาเลห์ ไม่เป็นผล (ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกำหนดการเลือกตั้งหรือการจำกัดเวลาในการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดี) ก็ได้ออกมาเรียกร้องให้ประชาชนรวมตัวชุมนุมประท้วงรัฐบาลในช่วงปลายสัปดาห์นี้ โดยโฆษกของเจเอ็มพีระบุว่า การประท้วงที่กำลังจะเกิดขึ้นจะ "ใหญ่กว่าครั้งที่ผ่านมา และจะเป็นการขับไล่ประธานาธิบดีออกจากตำแหน่ง" และก็เช่นเดียวกับที่ผู้นำหลายประเทศในตะวันออกกลางกำลังทำอยู่ในเวลานี้เพื่อซื้อเวลาและคลายความโกรธแค้นของประชาชน ประธานาธิบดีซาเลห์ได้ประกาศมาตรการขึ้นเงินเดือนข้าราชการและทหาร ทั้งยังสยบข่าวที่ว่าเขากำลังจะแต่งตั้งลูกชายขึ้นมาสืบทอดตำแหน่ง รวมทั้งสัญญาว่าจะเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้ประชาชนผ่านระบบสวัสดิการสังคม
    ประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค แห่งอียิปต์ ก็กำลังใช้มาตรการยื้อเวลาการบริหารประเทศต่อไปเช่นกัน แต่การปรับเปลี่ยนบุคคลในคณะรัฐบาลและการให้คำมั่นสัญญาว่าจะปฏิรูปการเมืองและเศรษฐกิจก็ไม่ช่วยให้ผู้ชุมนุมสลายตัวแต่อย่างใด กลับยิ่งระดมคนเพิ่มเรือนล้านดังเป็นข่าวไปทั่วโลกเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา "เราไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงใดๆ นอกจากการลาออกของมูบารัค" ผู้ร่วมชุมนุมคนหนึ่งกล่าว การเจรจาเพื่อหาทางออกให้กับเหตุการณ์ครั้งนี้ระหว่างรัฐบาลอียิปต์และตัวแทนผู้ชุมนุมยังคงดำเนินต่อไปโดยฝ่ายผู้ชุมนุมมีนายโมฮาเหม็ด เอลบาราเด นักปฏิรูปประชาธิปไตยคนสำคัญ เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพลังงานปรมาณูสากล (ไอเออีเอ) เป็นบุคคลที่พรรคฝ่ายค้านของอียิปต์ให้การสนับสนุนและได้รับความคาดหวังอย่างมาก ว่าจะเข้ามามีบทบาทจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลหลังยุคเผด็จการของประธานาธิบดีมูบารัค แต่นั่นก็ยังคงเป็นความคาดหวัง โลกยังคงต้องจับตาสถานการณ์ในอียิปต์ช่วงสัปดาห์นี้ต่อไปอย่างใกล้ชิด ว่าปฏิกิริยาโดมิโนที่เกิดขึ้นจะหยุดอยู่ที่อียิปต์หรือจะลุกลามไปยังประเทศอื่นๆในตะวันออกกลางอย่างที่หวาดหวั่นกัน
    จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,606 3 - 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

     
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันพุธที่ 2 กุมภาพันธ์ 2554
    กองทัพนี้เป็นหนึ่งเดียวกับประชาชน
    [​IMG]


    คมชัดลึก : "ประชาชนกำลังเป็นใหญ่ในแผ่นดิน" เห็นได้ชัดในหลายประเทศแถบตะวันออกกลาง โดยเฉพาะชาวเมืองสฟิงซ์อียิปต์กำลังลุกฮือขับไล่ประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัก ด้วยความเหม็นเบื่อหน้าที่บริหารประเทศมานานถึง 30 ปีแล้ว แต่มีแต่ทำให้ประชาชนยากจนลง ตกงานมากขึ้นและหิวโหยมากกว่าเดิม
    <SCRIPT type=text/javascript>google_ad_channel = '9989085094'; //slot numbergoogle_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads//google_image_size = '300X250';//google_skip = '3';var ads_ID = 'adsense_inside'; // set ID for main Element divvar displayBorderTop = false; // default = false;//var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type imagevar position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail</SCRIPT><SCRIPT src="http://www.komchadluek.net/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT>

    ช่วงนี้แดนดินถิ่นมหาพีระมิดจึงอยู่ในสภาพอนาธิปไตย ไร้ขื่อไร้แป เมื่ออำ
    นาจรัฐไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในความสงบได้ ปล่อยให้ฝูงโจรร้ายเผาบ้านเผาเมืองและปล้นอาคารร้านค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ธนาคาร สถานที่ราชการ รวมทั้งพิพิธภัณฑ์ใหญ่อันกอปรด้วยของโบราณล้ำค่าอายุหลายพันปี ขณะที่ตำรวจหลีกเร้นหนีหายไปกบดานเงียบ หลังกลายเป็นจำเลยของสังคมจากภาพการใช้กำลังสลายการชุมนุมประท้วง เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว
    สถานที่ราชการหลายแห่งถูกเผา โดยไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดพยายามเข้าไปดับไฟนั้น ทั้งเมืองสะพัดไปด้วยข่าวลือต่างๆ ขณะที่สถานีโทรทัศน์ทางการรายงานว่ามีคดีข่มขืนอย่างน้อย 60 รายช่วงที่เกิดจลาจล แต่เชื่อว่าตัวเลขจริงอาจมากกว่านั้น
    ประชาชนหลายคนซึ่งหวาดวิตกว่าภัยจะลามมาถึงตัวต่างเก็บตัวเงียบอยู่แต่ในบ้าน คฤหาสน์ใหญ่เกือบทุกแห่งต่างปิดประตูรั้วล็อกกุญแจแน่นหนาโดยไม่ยอมให้ใครเข้าไปเด็ดขาด บรรดาร้านค้าต่างๆ ได้ใช้กระดาษขาวปิดตู้โชว์กระจกหน้าร้านเพื่อไม่ให้ล่อใจล่อตาเหล่าร้าย
    ขณะเดียวกัน ชุมชนต่างๆ ก็ต้องพึ่งพาตัวเองให้ปลอดภัยไว้ก่อน ตลอดทั้งคืน ผู้ชายทั้งหนุ่ม แก่และวัยรุ่นจะช่วยกันลาดตระเวนไปรอบๆ ชุมชน โดยมีแค่ไม้กระบอง โซ่ มีดและปืนเป็นอาวุธ เพื่อป้องกันคนร้ายที่อาจเข้ามาปล้นและวางเพลิงในยามค่ำคืนที่ปราศจากตำรวจคอยทำหน้าที่รักษาความปลอดภัย
    นอกจากนี้ ชาวบ้านส่วนหนึ่งยังได้อาสาไปช่วยดูแลความปลอดภัยบริเวณหน้าธนาคาร สี่แยกและอาคารสำคัญๆ แทนตำรวจด้วย
    พร้อมกันนี้ ชาวอียิปต์ได้เรียกร้องให้กองทัพเข้ามาช่วยรักษาความสงบสุขแทนตำรวจ ภาพตรึงใจที่เผยแพร่ไปทั่วก็คือภาพของทหารที่ยืนอยู่ข้างรถถังที่มีการพ่นข้อความต่อต้านประธานาธิบดีมูบารัก อาทิ "มูบารักออกไป", "ไอ้คนทรยศออกไป" และ "ฟาโรห์ออกไป"
    เมื่อมีคนข้องใจจนต้องออกปากถามว่าทำไมทหารจึงปล่อยให้ประชาชนเขียนข้อความต่อต้านรัฐบาลที่ข้างรถถังเช่นนั้น ทหารหลายคนตอบว่า "ประชาชนเป็นคนเขียนข้อความเหล่านี้ และนี่ก็เป็นความเห็นของประชาชน" นายทหารคนหนึ่งย้ำหนักแน่นว่า "กองทัพจะไม่ยิงใครทั้งนั้น" แม้ว่าฝูงชนจะชุมนุมกันในช่วงเคอร์ฟิวก็ตาม พร้อมกับชูป้ายว่า "ทหารและประชาชนจะอยู่ด้วยกัน"
    นี่คือพลังของประชาชนยามสถานการณ์ถึงจุดสุกงอมแล้ว
    บุญรัตน์ อภิชาติไตรสรณ์

    http://kaodee.com/read/kaodee.wc/?id=2961134c2f75eaea6971c19cd56c8419&ch=21&c=15
     
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    <TABLE id=Tcontent width="98%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>วิกฤตฟาโรห์ส่อลุกลาม ศก.โลกสะเทือนหนัก

    </TD></TR><TR><TD class=contBX>เหตุจลาจลขับไล่ผู้นำประเทศที่กำลังลุกลามจากกลุ่มประเทศอาหรับในแถบแอฟริกาเหนือสู่ตะวันออกกลาง
    เหตุจลาจลขับไล่ผู้นำประเทศที่กำลังลุกลามจากกลุ่มประเทศอาหรับในแถบแอฟริกาเหนือสู่ตะวันออกกลาง โดยล่าสุดคือ เหตุวุ่นวายยืดเยื้อในอียิปต์ กำลังกลายเป็นภัยเสี่ยงฉับพลันต่อเศรษฐกิจโลก แม้อียิปต์จะมีความสำคัญเพียงเล็กน้อยต่อเศรษฐกิจโลก แต่ก็มีปัจจัยในหลายๆ ด้านที่อาจส่งผลกระทบรุนแรงอย่างที่หลายคนคาดไม่ถึง
    ไม่ว่าจะด้วยเพราะอียิปต์เป็นที่ตั้งของคลองสุเอซ อันเป็นเส้นทางคมนาคมที่สำคัญยิ่งสำหรับการขนส่งทางทะเลทั่วโลก ด้วยปริมาณเรือเดินสมุทรที่ผ่านเข้าออกไปยังยุโรปและเอเชียสูงถึงกว่า 1.7 หมื่นลำต่อปี หรือคิดเป็นสัดส่วน 8% ของปริมาณการขนส่งทางทะเลทั่วโลก

    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE id=Tcontent width="98%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=contBX>อีกทั้งอียิปต์ยังเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันที่สำคัญภายนอกกลุ่ม OPEC ด้วยปริมาณน้ำมันสำรองมากเป็นอันดับ 6 ในทวีปแอฟริกา และมีปริมาณก๊าซธรรมชาติสำรองมากที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ในภูมิภาค
    ด้วยเหตุนี้วิกฤตการณ์ในอียิปต์ จึงยังผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกถีบตัวขึ้นมา เนื่องจากตลาดกังวลว่าเหตุวุ่นวายอาจขัดขวางการส่งน้ำมันผ่านเข้าออกคลองสุเอซ
    ไม่เพียงเท่านั้น เงินยูโรที่ทำท่าจะเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น กลับทรุดลงอีก เนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อเงินเหรียญสหรัฐในฐานะสินทรัพย์การลงทุนที่มีความปลอดภัยและน่าเชื่อถือ ในช่วงเวลาที่เกิดภัยพิบัติยังผลให้เงินเหรียญสหรัฐแข็งค่าขึ้น บนความสั่นคลอนของเงินยูโร ซึ่งกลับไปอ่อนค่าลงอีกครั้ง
    อย่างไรก็ตาม วิกฤตการณ์ในอียิปต์ส่อเค้าที่จะสร้างแรงสั่นสะเทือนได้รุนแรงกว่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากวิกฤตได้ลุกลามต่อเนื่องไปยังนานาประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งมี “เชื้อ” ของการลุกฮือโดยประชาชนอยู่แล้วในหลายประเทศ เนื่องจากระบอบการปกครองในภูมิภาคนี้ค่อนข้างเอนเอียงไปในทาง “อำนาจนิยม”
    ประเทศที่อยู่ในข่ายนี้ คือ ซีเรีย ซาอุดีอาระ…เบีย และเยเมน ทั้ง 3 ประเทศล้วนแต่มีความสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์อย่างยิ่งยวดต่อการเมืองและเศรษฐกิจโลก ไม่แพ้อียิปต์ที่มีความสำคัญในด้านการเป็นสถานที่ตั้งของคลองสุเอซ
    สถานการณ์ในเยเมนขณะนี้เริ่มส่อเค้าไม่น่าไว้วางใจ หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประชาชนราว 1.6 หมื่นคนรวมตัวกันเดินขบวนประท้วงไปตามท้องถนนของกรุงซานาอา เรียกร้องให้เผด็จการอำนาจนิยมสละตำแหน่ง โดยได้รับแรงบันดาลใจจากจลาจลในอียิปต์อย่างชัดเจน เพราะผู้ประท้วงพยายามมุ่งหน้าไปยังสถานทูตอียิปต์เพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับประชาชนของประเทศนั้น
    ที่ซีเรียมีรัฐบาลตระกูลอัลอัสซาด ที่สืบทอดอำนาจมานานกว่า 4 ทศวรรษ โดยประธานาธิบดีคนปัจจุบันคือ บาชาร์ อัลอัสซาด ซึ่งสืบทอดอำนาจต่อจากบิดา อีกทั้งยังสืบทอดระบอบการเมืองอำนาจนิยมมาทั้งดุ้น ยังผลให้ซีเรียเป็นประเทศที่ไม่ผ่อนปรนให้กับขบวนการประชาธิปไตยมากนัก แม้กระทั่งการชุมนุมประท้วงเล็กๆ น้อยๆ ยังไม่อาจปล่อยให้ล้ำเส้นจนกระทบกระเทือนต่ออำนาจรัฐได้
    ประการสำคัญก็คือ ซีเรียยังคงอยู่ภายใต้ภาวะฉุกเฉิน โดยอ้างสงครามยืดเยื้อกับอิสราเอล ซึ่งยังผลให้รัฐบาลมีอำนาจเบ็ดเสร็จในการควบคุมประเทศ ทว่า ขณะเดียวกันก็เป็นช่องทางให้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง
    นอกจากนี้ ปัญหาคอร์รัปชันและนโยบายเศรษฐกิจที่ด้อยประสิทธิภาพ ยังผลให้ระดับการลงทุนและอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับต่ำ
    ปัจจัยเหล่านี้มีความคล้ายคลึงกับที่จุดชนวนวิกฤตในอียิปต์ และอาจปลุกกระแสความไม่พอใจของประชาชนชาวซีเรียในอนาคต
    ซาอุดีอาระเบียปกครองในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่กุมอำนาจเบ็ดเสร็จโดยสถาบันกษัตริย์ จากการจัดอันดับดัชนีประชาธิปไตยทั่วโลกประจำปี 2010 โดยนิตยสาร The Economist ปรากฏว่า ซาอุดีอาระเบียเป็นประเทศเผด็จการที่สุดเป็นอันดับ 7 ของโลก จากการสำรวจทั้งหมด 167 ประเทศ ขณะที่ซีเรียอยู่ในอันดับที่ 15 ของสุดยอดประเทศเผด็จการ ส่วยเยเมนอยู่ในลำดับที่ 21
    เงื่อนไขที่เกิดขึ้นจากการกดขี่ประชาชนมายาวนานเป็นสิ่งที่ไม่อาจละเลยได้ พิจารณาจากสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น และพิจารณาจากการที่อียิปต์อยู่ในระดับที่ 30 ของประเทศเผด็จการ ซึ่งถือว่าน้อยกว่าซีเรียมากมายยังกลับเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้
    แนวโน้มอันตรายในภูมิภาคตะวันออกกลางยังผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกมีปฏิกิริยาในด้านลบ ตั้งแต่ตลาดหุ้นในสหรัฐจนถึงเอเชีย และแทบไม่ต้องเอ่ยถึงสถานการณ์ในตลาดหุ้นในตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าจะต้องเข้าสู่แดนลบอย่างรวดเร็ว
    สาเหตุสำคัญก็คือ หากเกิดความวุ่นวายลุกลามไปทั่วตะวันออกกลาง อุตสาหกรรมการผลิตและส่งออกน้ำมันจะชะงักลงไม่มากก็น้อย และย่อมหมายถึงวิกฤตการณ์น้ำมันโลกอย่างไม่ต้องสงสัย
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเกิดความวุ่นวายขึ้นในซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันอันดับ 1 ของโลก กระนั้นก็ตาม ซาอุดีอาระเบียมีโอกาสน้อยที่จะเกิดความเปลี่ยนแปลงจากการลุกฮือโดยพลังประชาชน เนื่องจากประชาชนได้รับการทดแทนเสรีภาพที่จำกัด ด้วยความมั่งคั่งจากการขายน้ำมัน
    กรณีของเยเมนจะเป็นเพียงโดมิโนตัวหนึ่งของปรากฏการณ์ลุกฮือทั่วโลกอาหรับ โดยที่จะไม่ก่อปฏิกิริยาลูกโซ่ หรือส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก เพราะประเทศนี้นับเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก
    ในกรณีของซีเรียแม้จะไม่มีความสำคัญในเชิงเศรษฐกิจและพลังงานเทียบเท่าซาอุดีอาระ…เบีย แต่หากเกิดปรากฏการณ์ “พลิกฟ้า คว่ำดิน” ในประเทศนี้ จะก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมใหญ่หลวงต่อทั้งภูมิภาค ดังที่นักการทูตต่างมองเห็นซีเรียเปรียบเหมือนมาตรวัดที่สำคัญต่ออนาคตของตะวันออกกลาง
    เพราะซีเรียเป็นรัฐการเมืองทางโลก (Secular State) หรือรัฐที่ไม่ผูกติดกับศาสนา รัฐสุดท้ายในภูมิภาคตะวันออกกลางที่ยังคงกุมอำนาจเผด็จการอย่างเหนียวแน่น การลุกฮือของประชาชนชาวซีเรียจะไม่เพียงตอกย้ำ “ความสำเร็จ” ของการลุกฮือในรัฐประเภทเดียวกันตั้งแต่ตูนิเซีย จนถึงอียิปต์เท่านั้น แต่อาจยังเป็นการจุดชนวนความวุ่นวายต่อไปยังรัฐเผด็จการที่เหลือในตะวันออกกลางที่ยังผูกติดกับศาสนาอย่างเคร่งครัด เช่น ซาอุดีอาระเบีย หรือกระทั่งอิหร่าน ซึ่งมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับซีเรีย
    หากประเทศที่เคร่งครัดในศาสนาเกิดจลาจล จะกลายเป็นความเปลี่ยนแปลงถอนรากถอนโคนอย่างที่วิกฤตในตูนิเซีย อียิปต์ (และซีเรีย) เทียบไม่ติด
    และจะยิ่งสั่นสะเทือนเศรษฐกิจโลกอย่างรุนแรงไม่แพ้กัน หากกระแสนี้ลามเข้าไปถึงรัฐเคร่งศาสนาในตะวันออกกลาง เพราะรัฐหรือประเทศเหล่านี้ ล้วนแต่เป็นขุมน้ำมันหลักของโลก โดยเฉพาะซาอุดีอาระ…เบีย และอิหร่าน ซึ่งมีปริมาณน้ำมันดิบสำรองมากเป็นอันดับ 2 ของโลก
    ไม่เฉพาะแต่ตลาดหุ้นทั่วทุกสารทิศจะมีปฏิกิริยาฉับไวต่อกระแสอันตรายจากวิกฤตมัมมี่เท่านั้น แม้แต่ประเทศที่เตรียมขึ้นแท่น “รายต่อไป” อย่างซีเรียยังอดมีปฏิกิริยาไม่ได้
    ล่าสุด ประธานาธิบดีบาชาร์ อัลอัสซาด ซึ่งไม่เปิดโอกาสให้สัมภาษณ์กับสื่อมากนัก กลับเปิดเผยกับหนังสือพิมพ์ Wall Street Journal ว่า “การประท้วงต่อต้านรัฐบาลในตูนิเซีย อียิปต์ และเยเมน นับเป็นการเปิดยุคใหม่ให้กับตะวันออกกลางและโลกอาหรับ และบรรดาผู้นำจะต้องตอบสนองต่อความคาดหวังของประชาชนที่สูงขึ้นในด้านการเมืองและเศรษฐกิจ”
    อัลอัสซาดยังเปิดเผยว่า ในปีนี้จะเริ่มเดินหน้าปฏิรูปการเมืองด้วยการจัดการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นเพื่อกระจายอำนาจ นับเป็นการปรับตัวที่ตอบรับกับสถานการณ์อย่างฉับไวยิ่ง เพราะก่อนหน้านี้ อัลอัสซาดพยายามกดกระแสความไม่พอใจของประชาชนด้วยการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ
    จะเป็นการตัดสินใจที่สายเกินไปหรือไม่นั้น เราคงต้องจับตาสถานการณ์ในซีเรียอย่างใกล้ชิด ในฐานะมาตรวัดทิศทางของวิกฤตการณ์ “มัมมี่ เอฟเฟกต์”
    เช่นเดียวกับอียิปต์ที่ยังคงมีความสำคัญอย่างล้นเหลือ แม้บัดนี้จะเริ่มกลายสภาพเป็นรัฐอนาธิปไตยอยู่กลายๆ แต่ทุกฝ่ายพยายามทุกวิถีทางเพื่อยับยั้งมิให้วิกฤตในดินแดนมัมมี่ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
    ไม่ว่าจะเป็น OPEC ที่ประกาศว่า พร้อมที่จะใช้มาตรการเร่งด่วนในการกระจายน้ำมันสู่ตลาดโลกอย่างเพียงพอ ในกรณีที่การขนส่งผ่านคลองสุเอซต้องตกอยู่ในภาวะโกลาหล ขณะที่สื่อของรัฐบาลอียิปต์ยืนยันว่า การคมนาคมขนส่งผ่านคลองยังราบรื่น
    แต่อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ และอาจเกิดขึ้นในชั่วเวลารวดเร็วเหนือความคาดหมาย เหมือนดังสายลมแห่งความเปลี่ยนแปลงที่พัดเข้าสู่อียิปต์จนโหมเปลวเพลิงแห่งความไม่พอใจ จนลุกลามฉับพลัน อีกทั้งยังพลอยส่งผลกระทบไปทั่วโลก
    เปลวไฟแห่งความเปลี่ยนแปลงอาจจุดติดประเทศอื่นๆ ได้อย่างง่ายดายเหลือเชื่อเช่นกัน
    </TD></TR><TR><TD class=contBX align=right>

    Post Today
    Last update : 2/1/2011 2:06:20 PM

    <!------i>channel path : xmls/money/Today/</i----></TD></TR></TBODY></TABLE><!----other article---->MSN
     
  20. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    โลกอันตรายส่อจลาจลวิกฤตฟาโรห์ตัวเร้าปัญหาเงินเฟ้อ-ข้าวยากหมากแพง

    แรงสั่นไหวในอียิปต์ที่ทั้งทางฝั่งผู้นำและผู้ประท้วงต่างก็ยังคงมุ่งมั่นในเจตนารมณ์และอุดมการณ์ของฝ่ายตนเอง ไม่มีทีท่าว่าจะลดราวาศอกระหว่างกัน

    [​IMG]<TABLE id=Tcontent width="98%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=contBX>สิ่งที่หลายคนกำลังจับตามองด้วยความหวาดหวั่นก็คือ เหตุการณ์ในอียิปต์ ซึ่งได้รับแรงปลุกเร้าจากความสำเร็จของการล้มล้างผู้นำที่ครองอำนาจเผด็จการในประเทศตูนิเชีย กำลังเป็นแรงส่งให้กับประเทศอื่นๆ กลายเป็นปรากฏการณ์โดมิโนเอฟเฟกต์
    ทว่าฉากแห่งความเปลี่ยนแปลงและพลังมวลชน ไม่ได้เป็นเรื่องที่ใช้เวลาเพียงช่วงสั้นๆ ให้กลายเป็นภาพในอุดมคติจนก่อการเปลี่ยนแปลง ซ้ำรอยต่อยอดจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้โดยง่าย
    ความเปลี่ยนแปลงที่ต้องใช้แรงศรัทธาของผู้คนนับล้านเป็นตัวขับเคลื่อน ต้องมีปัจจัยหนุนที่มากกว่าเพียงการมองเห็นภาพตัวอย่าง
    ดังนั้น คำถามที่ตามมาคือ ภาวะใดๆ ที่พร้อมจะรุมเร้า กลายเป็น “เชื้อ” ก่อความระอุในแต่ละประเทศ
    คำเตือนของโดมินิก สเตราส์คาห์นผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ตอบคำถามในเรื่องดังกล่าวไว้แล้ว
    สเตราส์คาห์น เชื่อว่า ความไร้สมดุลของโลก ภาวะเงินเฟ้อ วิกฤตอาหาร และความเหลื่อมล้ำในสังคม ปัจจัยเหล่านี้จะเป็นอันตรายที่จะก่อให้เกิดจลาจลทางสังคม ลุกลามบานปลายไปยังประเทศอื่นๆ ทั่วโลก
    ในสถานการณ์ทั่วไป คำเตือนนี้แทบไม่ได้เป็นที่ยี่หระ แต่สำหรับเวลานี้คำเตือนดังกล่าวเป็นเรื่องต้องก้องดังในสมองแห่งภาวะผู้นำที่ต้องแก้ไขและตื่นตัวให้ทันการณ์
    นั่นเพราะฉากการเคลื่อนไหวในกรุงไคโร คือตัวเร่งปลุกเร้าความฮึกเหิมหนึ่ง ประกอบกับสถานการณ์เศรษฐกิจในแต่ละประเทศที่สอดคล้องกับทฤษฎีแรงขับเคลื่อนการจลาจลทางสังคมของสเตราส์คาห์น เป็นอีกหนึ่ง
    คล้ายเป็นภาพที่ชัดเจนขึ้นจากจิ๊กซอว์ที่ต่อเสริมเติมเต็มอย่างพอเหมาะพอดี
    สถานการณ์ความวุ่นวายในหลายประเทศทั่วโลกจึงตกอยู่ในภาวะ “เปราะบาง” และ “เสี่ยง” ที่จะกลายเป็นโดมิโนเอฟเฟกต์ตามอย่างวิกฤตในอียิปต์อยู่มาก
    เมื่อย้อนกลับมาเสาะหาร่องรอยของวิกฤตฟาโรห์ก็จะพบปัจจัยที่ไอเอ็มเอฟกล่าวเตือนไว้อย่างชัดเจน
    อียิปต์ขึ้นชื่อในฐานะอู่อารยธรรมของโลก และรัฐบาลก็เรียนรู้ที่จะใช้เรื่องดังกล่าวในการสร้างรายได้ดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่รายได้ต่อหัวของประชาชนราว 80 ล้านคน ในประเทศไม่เคลื่อนไหวสอดคล้องกับรายได้ของประเทศ
    ชาวอียิปต์ราว 40% ดำรงชีพด้วยเงินเพียง 2 เหรียญสหรัฐต่อวัน ขณะที่สัดส่วนประชากรราว 2 ใน 3 ของประเทศมีอายุต่ำกว่า 30 ปี นั่นหมายถึง ราวกว่า 50 ล้านคน อยู่ในวัยทำงาน แต่คนกลุ่มนี้กลับต้องผจญกับภาวะว่างงานถึง 8590% เทียบกับประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงอย่างจอร์แดน มีอัตราการว่างงานอยู่ที่เพียง 40% เท่านั้น
    ดังนั้น จากปัจจัยเร้าที่ปรากฏก็แทบไม่น่าแปลกใจที่ประชาชนจะลุกฮือในเวลานี้
    สถานการณ์โลกในเวลานี้ก็ไม่ได้ยิ่งหย่อน
    ข้อมูลจากองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (เอฟเอโอ) ราคาสินค้าโลกเมื่อเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา ทะยานสูงทะลุสถิติในปี 2008 แล้ว ทั้งราคาน้ำมัน น้ำตาล และซีเรียล
    อียิปต์ ซึ่งอยู่ในฐานะผู้นำเข้าข้าวสาลีรายใหญ่ที่สุดของโลก ได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
    ราคาอาหารที่สูงขึ้นจะเป็นกลไกที่ก่อให้เกิดความไม่สงบในสังคมได้จริง และมีตัวอย่างเกิดขึ้นแล้วเมื่อปี 2008 ปีที่ประธานธนาคารโลกตีตราว่าผลลัพธ์ในความพยายามต่อสู้กับภาวะยากจนในช่วง 7 ปี ที่ผ่านมา มีค่าเพียงศูนย์
    ราคาอาหารโลกที่พุ่งแรงเป็นประวัติการณ์ โดยมีอัตราเฉลี่ยเพิ่มขึ้นราว 75% ในที่สุดกลายเป็นจลาจลจากประเทศเฮติไปยังบังกลาเทศ สู่ประเทศอียิปต์ ในตอนนั้น ราคาข้าวขนาด 2 กิโลกรัม 1 ถุง ในบังกลาเทศ มีราคาเท่ากับครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมดในครอบครัวคนยากจน
    กลไกดังกล่าวสอดรับกับผลการวิจัยของนักเศรษฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยแอดิเลด ว่าด้วยเรื่องผลกระทบของราคาอาหารต่อความขัดแย้งทางสังคมใน 120 ประเทศ ในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา เป็นตัวอย่างหนึ่งที่หนุนแนวความคิดและคำเตือนของไอเอ็มเอฟ
    ในผลการวิจัยดังกล่าว พบว่าราคาอาหารโลกที่เพิ่มสูงขึ้นในประเทศที่มีรายได้ต่ำจะนำไปสู่ความเสียหายของสถาบันประชาธิปไตย และยังผลให้เกิดเหตุการณ์เรียกร้องต่อต้านรัฐบาล การจลาจล และความขัดแย้งสังคมเพิ่มขึ้น
    นอกจากนี้ เอเชียกำลังต้องรับมือกับตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นในทุกๆ เดือน
    ตัวเลขเงินเฟ้อต่อปีในอินโดนีเซียขยับขึ้นมาถึง 7.02% สูงสุดในรอบ 21 เดือน และหลังจากจีนปิดฉากปีเสือด้วยตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งถึง 4.5% ข้อความอวยพรวันตรุษจีนของหูจิ่นเทา ผู้นำจีน จึงสอดแทรกไว้ด้วยเรื่องการต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อในประเทศ ไม่ว่าหูมีเจตนาที่จะปลอบประโลมหรือดับชนวนความเดือดร้อนของประชาชนชาวจีนหรือไม่ แต่ต้องยอมรับว่าจีนกำลังเล็งเห็นว่าเงินเฟ้อเป็นปัญหาสำคัญโดยแท้
    ซ้ำร้ายตัวเลขสัมประสิทธิ์การกระจายรายได้ (Gini Coefficient) ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดความไม่เท่าเทียมกันที่ใช้กันอย่างแพร่หลายที่สุดในโลก ระบุว่า ช่องว่างความเหลื่อมล้ำของประชาชนในจีนเกิดขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมเมื่อราว 5 ปีที่แล้ว อยู่ที่ 0.3 แต่ทุกวันนี้ 0.5 ซึ่งบ่งบอกถึงความเหลื่อมล้ำที่เพิ่มมากขึ้น
    รายได้ของคนจีนในชนบทต่ำกว่า 1 ใน 3 ของรายได้ประชากรในเมือง
    ยังมีข้อมูลในด้านภาวะว่างงาน ที่ย้ำภาพเปราะบางของโลกในช่วงนี้ โดยนับตั้งแต่ช่วงวิกฤตการเงินครั้งล่าสุด ประชากรโลกราวกว่า 30 ล้านคน ต้องออกจากงาน แต่นั่นเป็นเพียงตัวเลขกระจุกเล็กๆ เมื่อเทียบกับกลุ่มคนวัยหนุ่มสาวอีกราว 400 ล้านคน ที่โลกต้องหยิบยื่นตำแหน่งงานให้
    ในรายงานว่าด้วยเรื่องความไม่เท่าเทียมกัน อำนาจ และวิกฤต (Inequality, Leverage and Crisis) ของไอเอ็มเอฟ เตือนว่า ผลลัพธ์อันเป็นหายนะของเศรษฐกิจโลก ถ้าหากลูกจ้างหรือแรงงานไม่ได้อำนาจในการต่อรองกับกลุ่มนายจ้าง และแนะให้มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของระบบภาษีและการบรรเทาหนี้กับคนกลุ่มดังกล่าว
    ท่ามกลางปัจจัยทุกข้อที่กำลังเดือดพล่าน ภาวะที่ราคาอาหารโลกกลายเป็นประเด็นใหญ่ในเวทีโลก ตัวเลขเงินเฟ้อกำลังเป็นปัญหาหนักอกของหลายประเทศ ช่องว่างทางสังคมในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ก็กำลังถ่างห่างทิ้งระยะเพิ่มขึ้น วิกฤตฟาโรห์จึงมีทีท่าว่าจะลุกลามไปยังประเทศอื่นๆ โดยไม่ยากเย็น ยังไม่นับรวมถึงอิทธิพลแห่งโลกไซเบอร์ที่ปัจจัยและแรงขับเคลื่อนทุกสิ่งติดจรวดมากขึ้นอีก
    ถ้าเปรียบปัจจัยเงินเฟ้อ วิกฤตอาหาร การว่างงาน และความเหลื่อมล้ำในสังคม เป็นชิ้นจิ๊กซอว์ที่รอการประกบต่อเพื่อสร้างความโกลาหลทางสังคมแล้ว ยามนี้หลายประเทศในโลกก็กำลังรอเพียงเวลาเท่านั้น...
    วิกฤตฟาโรห์ก็จะคงล้มครืนก่อคลื่นจลาจลไปทั่วโลก แม้กระทั่งในเอเชียที่กำลังหลงตัวว่าเศรษฐกิจข้ารุ่ง...!

    </TD></TR><TR><TD class=contBX align=right>

    Post Today
    Last update : 2/3/2011 11:29:14 AM

    <!------i>channel path : xmls/money/Today/</i----></TD></TR></TBODY></TABLE><!----other article---->
    MSN
     

แชร์หน้านี้

Loading...