เงินเฟ้อที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นแล้ว??? รู้ทันโลก (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย k.kwan, 11 พฤศจิกายน 2010.

  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    IMFปรับ'ทำนาย'ศก.โลกปีนี้สูงขึ้น วิตกหนี้ยูโรโซน-จี้ปฏิรูปภาคการเงิน
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>26 มกราคม 2554 02:02 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    เอเอฟพี/เอเจนซี - กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เผยแพร่รายงานฉบับปรับปรุงล่าสุดเมื่อวันอังคาร(25) ระบุว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกกำลังกระเตื้องจนเกิดมีแรงฉุดลากมากขึ้นแล้ว ทว่าก็ “ยังคงเผชิญกับความเสี่ยง” เนื่องจากความน่าวิตกของปัญหาหนี้สินของเขตยูโรโซน และการที่ยังไม่มีการปฏิรูปภาคการเงินอย่างจริงจัง

    ไอเอ็มเอฟซึ่งแถลงเปิดตัวรายงานฉบับปรับปรุงคราวนี้จากนครโจฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ โดยที่มีทั้งรายงานว่าด้วยทิศทางภาวะเศรษฐกิจโลก และรายงานว่าด้วยเสถียรภาพภาคการเงินของโลก ระบุว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ดำเนินอยู่ในลักษณะ 2 ระดับความเร็ว โดยที่พวกเศรษฐกิจก้าวหน้าของโลกกำลังเติบโตด้วยฝีก้าวที่ช้ากว่าพวกเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่อย่างมากๆ นั้น มาถึงช่วงนี้ก็กำลังเกิดการเปลี่ยนเกียร์อีกครั้งหนึ่ง ที่สำคัญแล้วมาจากมาตรการตัดลดภาษีในสหรัฐฯ กำลังช่วยกระตุ้นส่งเสริมการบริโภคในประเทศนั้น

    ในตอนนี้ไอเอ็มเอฟจึงคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกในปี 2011 นี้จะขยายตัวได้ในระดับ 4.4% สูงขึ้นเล็กน้อยจากที่ได้พยากรณ์ไว้ในเดือนตุลาคมว่าจะอยู่ที่ 4.2%

    “ในบรรดาเศรษฐกิจที่ก้าวหน้าทั้งหลาย กิจกรรมต่างๆ มีการหดลดลงน้อยกว่าที่ได้คาดหมายกันไว้ ทว่าการเติบโตขยายตัวก็ยังคงอ่อนแรง, อัตราการว่างงานยังคงสูง, และความเครียดครั้งใหม่ๆ ในบรรดาประเทศรอบนอกของเขตยูโร เหล่านี้กำลังมีส่วนในปัจจัยความเสี่ยงด้านขาลง” ไอเอ็มเอฟระบุ

    “สภาพเช่นนี้สะท้อนออกมาเป็นภาพที่ในครึ่งหลังของปี 2010 มีกิจกรรมต่างๆ แข็งแกร่งกว่าที่เคยคาดหมาย ตลอดจนยังมีความริเริ่มเชิงนโยบายใหม่ๆ ในสหรัฐฯ ที่จะส่งเสริมเพิ่มพูนกิจกรรมต่างๆ ในปีนี้” รายงานกล่าวต่อ

    อย่างไรก็ดี ฝีก้าวการเติบโตของเศรษฐกิจยังคงชะลอลงจากที่เคยทำได้ในระดับ 5.0% ในปีที่แล้ว ขณะที่ โฆเซ บีนัลส์ ผู้อำนายการด้านตลาดเงินและตลาดทุนของไอเอ็มเอฟ กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่โจฮันเนสเบิร์กว่า ภาคการเงินการธนาคารยังคงอยู่ในสภาพวูบวาบไร้เสถียรภาพ

    “กว่า 2 ปีมาแล้วหลังจากการเริ่มต้นของวิกฤตการเงินคราวนี้ แต่ก็ยังไม่อาจมั่นใจได้ในเรื่องเสถียรภาพของภาคการเงินของโลก มันยังคงตกอยู่ในความเสี่ยง” เขาบอก

    “ธนาคารต่างๆ เผชิญสภาพที่จำเป็นต้องได้เม็ดเงินทุนจำนวนมากทีเดียวทั้งในตอนนี้และในอีกสองปีข้างหน้า ในเศรษฐกิจก้าวหน้าจำนวนมาก เรายังจำเป็นจะต้องจัดการกับมรดกตกค้างของวิกฤตคราวนี้ ด้วยการแก้ไขความอ่อนแอทางการเงินต่างๆ ให้หมดสิ้นไปอย่างเด็ดขาด” เขากล่าวต่อ

    ในรายงานปรับใหม่ล่าสุด ไอเอ็มเอฟคาดหมายว่า แพกเกจใหม่ๆ ทางด้านการคลังของสหรัฐฯที่ประกาศใช้ในช่วงปลายปี 2010 น่าจะทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐฯโตขึ้นมาอีก 0.5% โดยที่รวมแล้วไอเอ็มเอฟปรับการพยากรณ์อัตราขยายตัวของอเมริกาในปีนี้เพิ่มขึ้นถึง 0.7% ทีเดียว เป็น 3.0%

    อย่างไรก็ดี โอลิวิเยร์ บลังชาร์ด ผู้อำนวยการด้านการวิจัย ของไอเอ็มเอฟ ชี้ว่า อเมริกายังคงต้องเผชิญปัญหาอัตราการว่างงานที่สูงลิ่ว และต้องใช้เวลานานกว่าที่จะบรรเทาเบาบางลง

    สำหรับเศรษฐกิจของ 17 ชาติที่ใช้เงินสกุลยูโร รายงานปรับปรุงล่าสุดของไอเอ็มเอฟยังคงทำนายว่าปีนี้จะเติบโต 1.5% เหมือนที่คาดการณ์ไว้ในเดือนตุลาคม ส่วนจีดีพีของญี่ปุ่น ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 1.6% จากเดิมให้ไว้ที่ 1.5%

    ทางด้านอัตราเติบโตในพวกเศรษฐกิตตลาดเกิดใหม่นั้น ไอเอ็มเอฟบอกว่ายังคง “เริงร่าสดใส” ทว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อก็จะสูงขึ้น รวมทั้งมีสัญญาณหลายอย่างของการขยายตัวอย่างร้อนแรงเกินไปด้วย ซึ่งส่วนหนึ่งเนื่องจากการที่พวกนักลงทุนเคลื่อนย้ายเม็ดเงินเข้าไปในเศรษฐกิจเหล่านี้อย่างมากมาย

    อัตราเติบโตปีนี้ของ 2 ยักษ์ใหญ่เอเชีย คือ จีนกับอินเดีย นั้น ไอเอ็มเอฟคาดการณ์เท่าเดิมคือ 9.6% และ 8.4% ตามลำดับ
    Around the World - Manager Online - IMF
     
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ชาวอียิปต์1.5หมื่นคนชุมนุมขับไล่ประธานาธิบดี
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>25 มกราคม 2554 23:45 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    เอเอฟพี - ผู้ประท้วงฝ่ายต่อต้านรัฐบาลราว 15,000 คน รวมตัวกันบนท้องถนนสายต่างๆในกรุงไคโรเมื่อวันอังคาร(25) ขับไล่ประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค จากข้อกล่าวหาคอร์รัปชันและเรียกร้องให้มีการปฏิรูปทางการเมือง

    เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงรายหนึ่งซึ่งไม่ประสงค์เปิดเผยชื่อบอกว่า "ถึงตอนนี้มีประชาชนราว 15,000 คนเข้าร่วมการชุมนุมทั่วกรุงไคโร"

    นอกจากนี้มีรายงานว่ายังมีการชุมนุมประท้วงตามพื้นที่อื่นๆของอียิปต์ ในจำนวนนั้นรวมไปถึงเมืองอเลกซานเดรีย มันซูราและทันตา เช่นเดียวกับในเมืองอัสวานและอัสสิอุต สองเมืองทางภาคใต้ของประเทศ

    การชุมนุมครั้งนี้ได้แรงบันดาลใจจากเหตุจลาจลในตูนีเซียที่โค่นล้มอดีตประธานาธิบดีซิเน เอล อาบิดีน เบน อาลี จนต้องหลบหนีออกนอกประเทศ หลังจากครองอำนาจยาวนานถึง 23 ปี
    Around the World - Manager Online -
     
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ปธน.รัสเซียรับมีช่องโหว่บึ้มสนามบิน'มอสโก' ชี้เชื่อมโยงกลุ่มมุสลิมแบ่งแยกดินแดน
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>25 มกราคม 2554 22:28 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    รัสเซียคุมเข้มตามสนามบินต่างๆตามหลังเหตุโจมตีท่าอากาศยานนองเลือดจนมีผู้เสียชีวิต 35 ราย

    เอเจนซี / เอเอฟพี - ประธานาธิบดีดมิตรี เมดเวเดฟ ของรัสเซียแถลงเมื่อวันอังคาร (25) ยอมรับว่า มาตรการรักษาความปลอดภัยอันมีช่องโหว่ได้นำไปสู่การก่อวินาศกรรมสังหารหมู่กลางกรุงมอสโกเมื่อวันจันทร์ (24) หลังเกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตายโจมตีท่าอากาศยานนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซียจนทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 35 รายและบาดเจ็บอีกกว่าร้อยคน ทั้งนี้สันนิษฐานในเบื้องต้นว่ามือบึ้มน่าจะเป็นผู้หญิงซึ่งถูกส่งมาจากกลุ่มติดอาวุธแบ่งแยกดินแดนในคอเคซัสเหนือ นับเป็นการท้าทายรัฐบาลเครมลินซึ่งพยายามอย่างหนักที่จะกวาดล้างกลุ่มก่อความไม่สงบและจัดการกับปัญหาความขัดแย้งทางเชื้อชาติที่มีแนวโน้มว่าจะรุนแรงยิ่งขึ้นทุกขณะ

    มือระเบิดฆ่าตัวตายรายนี้ซึ่งสงสัยว่าน่าจะเป็นสมาชิกของกลุ่มมุสลิมติดอาวุธได้จุดชนวนบึ้มโจมตีท่าอากาศยานนานาชาติโดโมเดโดโว ทางตอนใต้ของกรุงมอสโก ซึ่งเป็นท่าอากาศยานที่มีผู้คนใช้บริการคับคั่งมากที่สุดของรัสเซีย เมื่อเวลา 16.32 น. ของวันจันทร์ (24) ตามเวลาท้องถิ่น (หรือ 20.32 น.ตามเวลาประเทศไทย) ทั้งนี้จากคำแถลงของคณะกรรมการสอบสวนของรัสเซีย

    เหตุระเบิดคราวนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อย 35 ราย โดยสำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์รายงานว่า ในจำนวนเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายเหล่านี้เป็นชาวอังกฤษหนึ่งคนและชาวต่างชาติอื่นๆ อีกหลายคน ส่วนกระทรวงสาธารณสุขแดนหมีขาว ก็แถลงว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 130 ราย ซึ่งในจำนวนนี้บาดเจ็บสาหัส 20 ราย

    ขณะที่โฆษกสนามบิน เยเลนา กาลาโนวา แถลงว่า จุดที่คนร้ายลงมือก่อเหตุก็คือบริเวณส่วนพื้นที่ที่ผู้โดยสารพบปะกับญาติมิตรหลังผ่านด่านศุลกากร ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะที่ผู้คนสามารถเดินผ่านเข้าออกได้อย่างอิสระโดยไม่ถูกตรวจค้น

    ภาพข่าวทางโทรทัศน์เผยให้เห็นคลิปซึ่งถ่ายสภาพความโกลาหลภายในอาคารผู้โดยสารของท่าอากาศยานโดโมเดโดโวหลังถูกโจมตีไม่นาน โดยที่เห็นควันหนาทึบลอยโขมง และพบศพนอนเกลื่อนกลาด ขณะที่ผู้คนทั้งที่ได้รับบาดเจ็บและที่ไม่ได้รับบาดเจ็บต่างกรีดร้องและวิ่งหาทางออกกันอย่างชุลมุนวุ่นวาย

    หลังเกิดเหตุไม่นาน สำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์ รายงานว่า ทีมเจ้าหน้าที่สอบสวนของรัสเซียได้พบศีรษะของศพเพศชายร่างหนึ่งซึ่งหน้าตาละม้ายคล้ายชาวอาหรับในที่เกิดเหตุ โดยแรกเริ่มเจ้าหน้าที่สันนิษฐานกันว่าน่าจะเป็นของมือระเบิดรายนี้ อย่างไรก็ตาม เมื่ออังคาร (25) อินเตอร์แฟกซ์ ระบุเพิ่มเติมว่า คนร้ายที่ก่อเหตุอาจจะเป็นผู้หญิงซึ่งถูกส่งมาจากกลุ่มติดอาวุธชาวมุสลิมในคอเคซัสเหนือ

    เช่นเดียวกับสำนักข่าวอาร์ไอเอ โนวอสตี ของทางการรัสเซีย และหนังสือพิมพ์คอมเมอร์แซนต์ เดลี ซึ่งรายงานในฉบับอังคาร (25) โดยอ้างแหล่งข่าวที่ได้รับมาระบุว่า หน่วยสืบราชการลับของรัสเซีย ปักใจเชื่อว่า เหตุระเบิดพลีชีพคราวนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มมุสลิมติดอาวุธในแคว้นคอเคซัสเหนือ ซึ่งเคยก่อเหตุโจมตีในลักษณะเดียวกันนี้จนทำให้อาคารของสโมสรกีฬาแห่งหนึ่งในกรุงมอสโกพังพินาศเมื่อวันที่ 31 ธันวาคมปีที่ผ่านมา ซึ่งคราวนั้นผู้หญิงคนหนึ่งจากคอเคซัสเหนือได้ระเบิดตนเองอย่างไม่ตั้งใจจากความไม่ระมัดระวัง

    “พวกผู้นำกลุ่มติดอาวุธได้ส่งผู้หญิงหลายคนไปทำการโจมตีสถานที่ต่างๆ ในช่วงค่ำคืนก่อนขึ้นปีใหม่” รายงานระบุ “ทว่า หนึ่งในกลุ่มพวกเธอจุดชนวนระเบิดก่อนถึงเวลา”

    ทั้งนี้รายงานระบุอีกว่า ผู้หญิงซึ่งก่อเหตุระทึกขวัญเมื่อวันที่ 31 ธันวาคมเป็นภรรยาของชายผู้หนึ่งซึ่งเวลานี้ยังถูกจองจำอยู่ในคุกด้วยข้อหาเป็นสมาชิกของกลุ่มติดอาวุธดังกล่าว

    ส่วนสำนักข่าวอาร์ไอเอ โนวอสตี รายงานเพิ่มเติมโดยอ้างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยซึ่งไม่เปิดเผยชื่อ ระบุว่า “เหตุระเบิดครั้งนี้ เกิดขึ้นในชั่วขณะที่หญิงสาวต้องสงสัยคนหนึ่งเปิดกระเป๋าของเธอ”

    “คนร้ายหญิงผู้นี้มากับชายคนหนึ่ง ซึ่งยืนอยู่ข้างๆ เธอขณะลงมือ จนกระทั่งแรงระเบิดได้ทำให้ศีรษะของชายผู้นี้ขาดกระเด็นหลุดออกจากบ่า”

    ด้านประธานาธิบดีดมิตรี เมดเวเดฟ ออกมาแถลงประณามการโจมตีคราวนี้อย่างรุนแรง พร้อมกับกล่าวตำหนิมาตรการรักษาความปลอดภัยภายในท่าอากาศยานดังกล่าว และบอกด้วยว่า คณะผู้บริหารของท่าอากาศยานโดโมเดโดโวควรออกมารับผิดชอบต่อความผิดพลาดของตนจนเป็นเหตุให้คนร้ายลงมือได้อย่างสะดวก นอกจากนี้เขายังระบุอีกว่า รัสเซียจำเป็นที่จะต้องเพิ่มความเข้มงวดในระบบรักษาความปลอดภัยของทุกสนามบินและศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งทั่วประเทศ

    “จากจุดที่เกิดการระเบิดและหลักฐานแวดล้อมอื่นๆ ทำให้เราเห็นว่านี่เป็นการก่อวินาศกรรมที่วางแผนกันมาอย่างดีเพื่อหมายจะเข่นฆ่าผู้คนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้” เมดเวเดฟ กล่าว

    “สิ่งที่เกิดขึ้นชี้ให้เห็นว่าระบบการรักษาความปลอดภัยมีช่องโหว่อย่างชัดเจน”

    “ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มคนซึ่งตัดสินใจก่อเหตุ ณ ที่นั้น รวมทั้งระบบการบริหารจัดการของตัวสนามบินเอง ได้ให้คำตอบกับทุกๆ คำถาม นี่เป็นการก่อการร้าย นี่เป็นความเศร้าโศก และนี่เป็นโศกนาฏกรรม” เมดเวเดฟ บอก ทั้งนี้หลังเกิดเหตุ เมดเวเดฟได้ประกาศเลื่อนการไปร่วมประชุมเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่กำลังจะเปิดฉากขึ้นในกลางสัปดาห์นี้

    อย่างไรก็ตาม โฆษกสนามบิน ให้สัมภาษณ์อินเตอร์แฟกซ์ ระบุว่า ทางท่าอากาศยานได้ทำทุกอย่างตามขั้นตอนของระบบรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดและถูกต้อง ด้วยเหตุนี้โดโมเดโดโวจึงไม่ควรถูกตำหนิหรือต้องแสดงความรับผิดชอบใดๆ

    อนึ่ง ประเด็นเรื่องความปลอดภัยในรัสเซียกำลังเป็นสิ่งที่น่าวิตกและเป็นเป้าสนใจของนานาชาติตลอดช่วงหลังมานี้ โดยเฉพาะเมื่อรัสเซียกำลังจะเป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในปี 2014 ที่เมืองโซชิ เมืองชายขอบของแคว้นคอเคซัส ซึ่งถูกกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนหลายกลุ่มกล่าวอ้างว่าเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของตน นอกจากนี้รัสเซียยังมีงานใหญ่ในการเป็นเจ้าภาพจัดฟุตบอลโลกปี 2018 รออยู่อีกด้วย

    Around the World - Manager Online -
     
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วิจัยการแพทย์เผย “เอเชียตะวันออกเฉียงใต้” เสี่ยงโรคระบาด-วิกฤตสุขภาพ
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>25 มกราคม 2554 14:55 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    งานวิจัยการแพทย์ชี้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เสี่ยงวิกฤตด้านสุขภาพ

    เอเอฟพี - สภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ประชากรราว 600 ล้านคนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กำลังประสบวิกฤตด้านสุขภาพ ผลวิจัยทางการแพทย์เผยวันนี้(25)

    “วิกฤตด้านสุขภาพเกิดขึ้นแล้วอย่างเห็นได้ชัด” ผลวิจัยซึ่งตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์แลนเซ็ตระบุ พร้อมเตือนว่า โรคเรื้อรัง เช่น มะเร็ง ถือเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตร้อยละ 60 ในภูมิภาคนี้

    เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคระบาดที่ยากจะควบคุม เช่น ไข้หวัดนก ซึ่งได้สร้างความหวั่นวิตกว่า ในอนาคตอาจจะเกิดเชื้อโรคใหม่ๆแพร่ระบาดจากดินแดนแถบนี้อีก

    “การเปลี่ยนแปลงของประชากรในภูมิภาคเป็นไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งมีสาเหตุจากความชรา, อัตราการเกิดที่ลดลง และการอพยพจากชนบทเข้าสู่เมืองใหญ่” ผลวิจัยระบุ

    “ความเจ็บป่วยของประชากรแถบนี้เริ่มเปลี่ยนจากการติดเชื้อไปสู่การป่วยด้วยโรคเรื้อรังเช่นเดียวกับภูมิภาคอื่นๆ แต่การเพิ่มของประชากรในเมืองใหญ่ก็ทำให้น่าเป็นห่วงว่าจะเกิดเชื้อชนิดใหม่ๆ ขึ้น”

    ผลวิจัยดังกล่าวเปิดเผยว่า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นหนึ่งในจุดที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคระบาดมากที่สุดในโลก และ 1 ใน 4 ของการเสียชีวิตเกิดจากสภาพแวดล้อมที่ต้องเผชิญทั้งลมมรสุมและพายุไต้ฝุ่นบ่อยครั้ง

    ปรากฏการณ์ เอลนีโญ “ยังทำให้อากาศที่ร้อนชื้นมีความรุนแรงยิ่งขึ้น ก่อให้เกิดภัยแล้ง, น้ำท่วม และโรคระบาด เช่น มาลาเรีย และ อหิวาตกโรค” หนึ่งในรายงานระบุ

    “สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอาจเร่งให้เกิดการระบาดของโรค โดยเฉพาะโรคที่มีสัตว์หรือแมลงเป็นพาหะ เช่น ไข้เลือดออก ซึ่งมีสาเหตุจากอุณหภูมิและปริมาณฝนที่มากขึ้น”

    การตัดไม้ทำลายป่าและการรุกล้ำถิ่นอาศัยของสัตว์ป่ายังเป็นสาเหตุให้เชื้อพัฒนาข้ามสายพันธุ์ เนื่องจากมีการติดต่อระหว่างมนุษย์, สัตว์ป่า และ สัตว์เลี้ยงมากขึ้น

    อย่างไรก็ตาม การควบคุมเชื้อโรคเหล่านี้ยังทำได้ยาก เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจและระบบสาธารณสุขที่แตกต่างกันในประเทศที่ทำการวิจัย ซึ่งได้แก่ ลาว, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, บรูไน, มาเลเซีย, พม่า, สิงคโปร์, กัมพูชา, ไทย และ เวียดนาม

    ผลการศึกษาระบุด้วยว่า ความขัดแย้งระหว่างประเทศเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ “ทำให้การควบคุมโรคเป็นไปอย่างล่าช้า” พร้อมแนะนำให้มีการพัฒนาระบบเตือนภัยทางสุขภาพให้เชื่อมโยงทั่วทั้งภูมิภาค

    นักวิจัยยังเรียกร้องให้ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เร่งควบคุมการแพร่ระบาดของ “โรคไม่ติดต่อ” เช่น โรคหัวใจ ซึ่งเกิดจากปัจจัยแวดล้อมที่สนับสนุนให้คนหันมาสูบบุหรี่, การรับประทานอาหารที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ ตลอดจนการออกกำลังกายที่ไม่เพียงพอ

    “หากทุกประเทศยังไม่ตระหนักถึงปัญหาเหล่านี้และไม่หาหนทางแก้ไข การเสียชีวิตก่อนวัยอันควรและความพิการจะเกิดขึ้นต่อไป ซึ่งจะบั่นทอนการพัฒนาประเทศในจุดที่จำเป็นมากที่สุด”

    Around the World - Manager Online -
     
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เมื่อ มังกร โฉบ อินทรี หรือว่านี่แค่ยกแรก

    โดย : ดร.บุญธรรม รจิตภิญโญเลิศ boontham.r@ku.ac.th

    วันที่ 26 มกราคม 2554 01:00

    [​IMG]

    แล้วการเยือนสหรัฐของประธานาธิบดี หู จิ่น เทา ของจีน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก็มีฉากเริ่มต้นและจบลงราวกับหนังม้วนเดิม
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110120/show_ads_impl.js"></SCRIPT>เช่นเดียวกับทุกครั้งที่ผ่านมาของการพบกันระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศ นั่นคือ เริ่มต้นด้วยฉากแรก ที่นอมินีของสหรัฐ นายทิมโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐ ประกาศอย่างขึงขังว่า ถึงเวลาเสียทีที่นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนของจีน จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย (ซึ่งนั่นก็คือ สหรัฐ) และท้ายสุด ก็จบลงด้วยฉากที่ ประธานาธิบดี หู จิ่น เทา กล่าวว่านโยบายอัตราแลกเปลี่ยนของจีนมิได้มีจุดประสงค์ที่จะให้ประโยชน์ทางการค้าต่อจีน แท้จริงแล้ว ชาวสหรัฐสามารถซื้อสินค้าได้ถูกลงรวมถึงมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พร้อมหยอดคำหวานว่าการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างต้องค่อยๆ เป็นไปตามขั้นตอน

    อย่างไรก็ดี การเยือนสหรัฐของนายหู จิ่น เทา ในครั้งนี้ ก็นำมาซึ่งข้อตกลงด้านการส่งออกระหว่างสหรัฐกับจีนด้วยมูลค่าถึง 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ แม้ว่าจะรวมถึงการเซ็นสัญญาขั้นสุดท้ายในการขายเครื่องบินของโบอิงมูลค่ากว่า 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์ที่ได้ตกลงกันเรียบร้อยก่อนหน้านี้ก็ตาม แม้สหรัฐจะใช้ประเด็นสิทธิมนุษยชนของจีนมาเจรจาพร้อมๆ กันกับการต่อรองทางการค้า ทว่า จีนก็ได้เรียกร้องให้สหรัฐสานสัมพันธ์ร่วมกัน ด้วยการเดินตามรอยสโลแกนที่ว่า "แตกต่าง แต่ไม่แตกแยก"

    ทั้งนี้ หากมองข้ามประเด็นความมั่นคงทางทหารในระดับนานาประเทศ สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ มังกรจีนมักจะบินโฉบอินทรีสหรัฐในช่วงนี้ มาจาก "ความอ่อนแอจากความสามารถในการแข่งขันของสหรัฐ" นั่นเอง

    แม้ว่าระดับของการเพิ่มผลผลิตของสหรัฐในปัจจุบัน จะมีตัวเลขที่สูงมาก เนื่องจากเทคโนโลยีที่ได้ล้มลุกคลุกคลานมาตั้งแต่ยุค 1980 และ 1990 ได้มาออกดอกออกผลในตอนนี้ ทว่าในยามที่เศรษฐกิจเพิ่งออกจากภาวะถดถอย จึงมีความเป็นไปได้สูงว่าอัตราการว่างงานของสหรัฐจะยังอยู่ในระดับที่สูงต่อไปอีกนาน ดังที่ นายแจ็ค เวลซ์ ซีอีโอของ GE ได้กล่าวเมื่อปลายปีว่า “เทคโนโลยี ได้เปลี่ยนกฎเกณฑ์ของการสร้างงานให้กับสหรัฐ” โดยนายเวลซ์ ได้ยกตัวอย่างบริษัทที่เขาได้เข้าไปร่วมลงทุนว่าสามารถใช้แรงงานน้อยลงเกือบครึ่งในปี 2013 เมื่อเทียบกับเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ในการสร้างระดับรายได้ที่ใกล้เคียงกัน

    จะเห็นได้ว่าในยุคโลกาภิวัตน์ ธุรกิจและการลงทุนจะเดินทางไปสู่แหล่งที่มีความคุ้มค่า เนื่องจากเทคโนโลยีและสินค้าทุนมีความพลวัตในตัวของมันเอง ทั้งคู่จึงสามารถติดตามกระแสโลกาภิวัตน์ดังกล่าวไปได้ ในขณะที่แรงงานค่อนข้างจะหยุดนิ่งอยู่กับที่ นอกจากนั้น ประชาชนสหรัฐยังเป็นแรงงานที่มีค่าจ้างสูงที่สุดในโลกประเทศหนึ่งเสียอีก ทำให้ผู้ใช้แรงงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งชนชั้นกลางของสหรัฐ ไม่สามารถได้รับผลประโยชน์จากเทคโนโลยีและสินค้าทุนดังกล่าวเหมือนเช่นบริษัทยักษ์ใหญ่สามารถทำได้

    มาถึงจุดนี้ อาจจะมีความเห็นแย้งว่า ตามทฤษฎีการค้าระหว่างประเทศนั้น การค้าเสรี จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อคนทุกๆ กลุ่มไม่ว่าจะยากดีมีจน การที่สหรัฐไม่สามารถแข่งขันได้ในสินค้าและบริการหนึ่งๆ ก็สามารถมองหาสินค้าและบริการใหม่ๆ ที่สหรัฐมีความสามารถสูงในการแข่งขันเพื่อทดแทนได้

    อย่างไรก็ดี ด้วยการพัฒนาอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีและสินค้าทุนในปัจจุบัน ทำให้สินค้าและบริการที่เกิดขึ้นใหม่ทั่วโลกสามารถใช้แรงงานจากจีนและอินเดีย ในการผลิตให้ได้คุณภาพทัดเทียมกับสหรัฐด้วยระดับค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่ามาก นอกจากนี้ ประเทศกำลังพัฒนา ปัจจุบันก็มีระบบการปกครองที่มีเสถียรภาพและมีระบบการบริหารจัดการที่ดีขึ้น จนบริษัทข้ามชาติต่างๆ สามารถทำธุรกิจกับประเทศเหล่านี้ได้ง่ายกว่าในอดีตมาก สอดคล้องกับที่ ดร.อลัน ไบล์เดอร์ อดีตผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ คาดว่าจะมีงานในลักษณะดังกล่าว ระหว่าง 28 ถึง 42 ล้านตำแหน่งที่กำลังถูกโอนไป แน่นอนว่า หากจีนเดินเครื่องในการพัฒนาดังกล่าวเต็มสูบ สหรัฐคงต้องประสบปัญหาการว่างงานมากกว่าที่เป็นอยู่

    แต่อย่าเพิ่งประมาทแชมเปียนทางเศรษฐกิจอย่างสหรัฐนะครับ เนื่องจากผมคาดว่า ทีเด็ดของสหรัฐยังซ่อนไว้อยู่ เนื่องจาก น่าสังเกตว่าระหว่างปี 2005-2007 สภาคองเกรสของสหรัฐ ได้มีการเสนอร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับมาตรการปกป้องทางการค้าต่อจีนถึง 45 ร่าง นอกจากนี้ มีร่างกฎหมายอยู่ 2 ฉบับ ได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมาธิการทางการเงินและการธนาคารในปี 2007 ด้วยคะแนนเสียงอย่างเป็นเอกฉันท์

    ดังนั้น จึงมองได้ไม่ยากว่า หากสหรัฐต้องการส่วนแบ่งการส่งออกในตลาดโลกมากกว่าในอดีตที่ผ่านมา ก็น่าจะงัดร่างกฎหมายว่าด้วยเงินตราต่างประเทศ (Currency Bill) ซึ่งถือเป็นกฎหมายที่เปิดทางให้กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐสามารถใช้กำแพงภาษี เพื่อตอบโต้ทางการค้าต่อสินค้าและบริการที่นำเข้าจากประเทศต่างๆ มาใช้กับจีนในช่วงเวลาเข้าด้ายเข้าเข็ม

    โดยร่างกฎหมายว่าด้วยเงินตราต่างประเทศฉบับนี้ หมัดเด็ดอยู่ตรง หลักเกณฑ์ข้อสำคัญ ที่ว่า หากประเทศใดถือครองปริมาณสินทรัพย์ที่เป็นสำรองเงินตราต่างประเทศโดยรัฐบาลในช่วงระยะเวลา 18 เดือน ซึ่งมีขนาดเกินกว่าปริมาณที่จำเป็นในการจ่ายคืนภาระหนี้ภายใน 12 เดือนข้างหน้า อีกทั้งยังเกินร้อยละ 20 ของอุปทานเงินของประเทศ และเกินมูลค่าการนำเข้าของประเทศในระยะเวลา 4 เดือนที่ผ่านมา ถือว่าเข้าข่ายประเทศที่ตั้งใจใช้ระดับอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอ่อนตัวกว่าปัจจัยพื้นฐานของประเทศในการสร้างความได้เปรียบในการค้าขายกับต่างประเทศ

    จากตาราง เมื่อพิจารณาแล้ว ไม่ว่าจะมองจากเหลี่ยมไหน ก็มิต้องสงสัยเลยว่า จีนมีขนาดสำรองเงินตราต่างประเทศเกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้

    ทั้งนี้ ร่างกฎหมาย ของสหรัฐฉบับนี้ ตั้งอยู่ภายใต้หลักการสำคัญที่ว่า กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐ มิอาจปฏิเสธได้ว่า จะไม่ตอบโต้ทางการค้าด้วยการตั้งกำแพงภาษี โดยใช้เพียงข้อเท็จจริงหรือหลักฐานที่ว่าผู้ส่งออกของประเทศคู่ค้ามิได้เป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์เพียงฝ่ายเดียวจากการช่วยเหลือทางการค้าดังกล่าว ซึ่งหากพญาอินทรีสหรัฐมาไม้นี้ มังกรจีนก็อาจโดนเข้าไปเต็มๆ ครับ

    มาถึงตรงนี้ คงต้องบอกว่า ศึกมังกรปะทะอินทรีในวันนี้ เห็นทีจะเป็นแค่มวยยกแรกครับ

    หมายเหตุ สนใจอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ‘ความไม่สมดุลของโลก’ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้ที่ “Blog ดร.ธรรม” ที่ www.econbizview.com ครับ

     
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    อินเดียขึ้นดอกเบี้ยรอบที่ 7

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    วันที่ 25 มกราคม 2554 17:58

    [​IMG]

    แบงก์ชาติอินเดียตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 7 ในรอบ 1 ปี เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110120/show_ads_impl.js"></SCRIPT>ธนาคารกลางอินเดียประกาศปรับอัตราดอกเบี้ยสำหรับการปล่อยกู้แก่ธนาคารพาณิชย์ เพิ่มขึ้น 0.25% เป็น 6.50% และปรับอัตราดอกเบี้ยสำหรับการยืมเงินจากธนาคารพาณิชย์ เพิ่มขึ้นเป็น 5.50% พร้อมคงสัดส่วนทุนสำรองเงินสดอยู่ที่ 6%
    การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 7 ภายในเวลาไม่ถึง 1 ปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ที่พุ่งขึ้นเป็น 8.4% เมื่อเดือนธ.ค. ผลจากราคาผัก ผลไม้ เชื้อเพลิง และสินค้าอุปโภคบริโภคทะยานสูงขึ้น
     
  7. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    พม่าช่างรวยอัศจรรย์ พบน้ำมันในแหล่งบนบกอีกอื้อ

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>26 มกราคม 2554 14:16 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    แผนที่ทำขึ้นใหม่จาก Google Earth Map แสดงที่ตั้งของแหล่งน้ำมันบนบก 2 แหล่งใหญ่ในภารคกลางกับภาคเหนือของพม่า บริษัทร่วมทุน Sinopec-MOGE สำรวจพบน้ำมันปริมาณมากที่จะนำขึ้นมาใช้ได้ พม่ารุ่มรวยด้วยก๊าซและน้ำมันดิบทั้งแหล่งบนบกและแหล่งในทะเล.

    ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- บริษัทร่วมทุนจีน-พม่า พบน้ำมันในบ่อเจาะทดสอบ 2 บ่อ ในแปลง D ในเขตมาเกว (Magwe) กับ สะกาย (Sagaing) เมื่อปีที่แล้ว พบทั้งน้ำมันดิบและก๊าซในปริมาณที่ผลิตในเชิงพาณิชย์ได้ และบริษัทยังจะต้องเจาะทดสอบอีกหลายบ่อ เนื่องจากมีข้อบ่งชี้ว่ามีโอกาสที่จะพบพลังงานล้ำค่าอีก

    บริษัทลูกของกลุ่มซิโนเปก (Sinopec) กลุ่มผู้ผลิตและค้าน้ำมันรายใหญ่จากจีน ได้เซ็นสัญญาแบ่งปันผลประโยชน์กับรัฐวิสาหกิจน้ำมันและก๊าซพม่า หรือ MOGE (Myanmar Oil and Gas Enterprise) เมื่อปี 2550

    ในปี 2553 ที่ผ่านมาได้เจาะทดสอบบ่อที่ 1 กับ บ่อที่ 2 ในหลุมปาโตโลง (Pahtolong) ต่อเนื่อง และพบมีก๊าซรวมกันประมาณ 909,000 ล้านลูกบาศก์ฟุต น้ำมันดิบอีกราว 7.16 ล้านบาร์เรล ทั้งนี้ เป็นรายงานของหนังสือพิมพ์นิวไลท์ออฟเมียนมาร์

    บริษัท Sinopec International Petroleum (Myanmar) จะเจาะทดสอบอีกหลายบ่อในหลุมเดียวกัน ซึ่งมีศักยภาพสูงมากที่จะพบทั้งก๊าซและน้ำมันดิบเพิ่มเติม

    มีบ่อน้ำมันที่อยู่ในแผนการเจาะทดสอบจำนวน 42 บ่อ ใน 6-7 หลุม ในแล่งมาเกว-สะกาย ซึ่งต้องเจาะลงไปลึกกว่า 20,000 ฟุต

    ตามรายงานการเจาะทดสอบในปี 2551 คาดว่า ในบ่อที่ 1 ของหลุมปาโตโลง จะผลิตน้ำมันดิบได้วันละ 61 บาร์เรล และก๊าซอีกวันละกว่า 5 ล้าน ลบ.ฟ.และบ่อที่ 2 น้ำมันดิบวันละ 30 บาร์เรล ก๊าซอีก 3.5 ล้าน ลบ.ฟ.

    บริษัทร่วมทุนต้องเตรียมการอีกหลายด้านก่อนจะนำพลังงานขึ้นมาใช้ได้ รวมทั้งการสำรวจศึกษาผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม การปกป้องแหล่งน้ำลำธารในอาณาบริเวณ การกำจัดของเสียอย่างปลอดภัย รวมทั้งป้องกันการรั่วไหลด้วย หนังสือพิมพ์ของทางการ กล่าว

    พม่ารุ่มรวยด้วยน้ำมันดิบและก๊าซ มีทั้งแหล่งในอ่าวเมาะตะมะทางตอนใต้ และในทะเลเบงกอลนอกชายฝั่งรัฐระไค (Rakhine) หรือ “ยะไข่” นอกจากนั้น ยังมีแหล่งบนบกอีกนับสิบแหล่งที่กำลังอยู่ระหว่างการสำรวจ โดยบริษัท จีน อินเดีย เกาหลี และ รัสเซีย
    [​IMG]

    แท่นเจาะบนบกของบริษัทปิโตรเลียมแห่งชาติจีน หรือ CNPC กำลังเจาะสำรวจแหล่งบนบกในพม่า บริษัทนี้ยังเป็นเจ้าของก๊าซที่ผลิตจากแปลง A1 กับ A3 จากแหล่งในทะเลเบงกอลอีกด้วย การก่อสร้างท่อส่งก๊าซและน้ำมันดิบผ่านแดนพม่าเริ่มขึ้นปลายปีที่แล้ว.

    [​IMG]
    โรงกลั่นน้ำมันมหึมาของ Sinopec ที่เมืองเจ้อเจียง (Zhejiang) ใหญ่ที่สุดในประเทศ และเป็นแห่งแรกของจีนที่ได้มาตรฐานยุโรป ปัจจุบันกลุ่ม China Petrochemical Corp ลงทุนสำรวจและผลิตน้ำมันอยู่ทั่วโลกรวมทั้งในพม่าด้วย.-- ภาพ: Lou Linwei/Rex Features.

    IndoChina - Manager Online -
     
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ราคาอาหารสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ทั่วโลก


    [​IMG]

    ราคาอาหารแพงทั่วโลก นักวิเคราะห์เร่งเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการขนส่ง ลดการเก็งกำไรในตลาดโภคภัณฑ์

    รายงานขององค์การอาหารและการเกษตรของสหประชาชาติ ว่าในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ราคาอาหารโลกแพงที่สุดเป็นประวัติการณ์ และมีแนวโน้มว่าจะแพงขึ้นเรื่อยๆ หากไม่เตรียมการรับมือที่เหมาะสม ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ราคาอาหารแพงขึ้นอย่างมากนั้น นายแจน แรนดอล์ฟ ผู้อำนวยการวิจัยความเสี่ยงแห่งสถาบัน ไอเอชเอส อินไซต์ ได้แจกแจงว่ามาจากหลายสาเหตุ ที่สำคัญคือมีการบริโภคอาหารกันมากขึ้นในประเทศกำลังพัฒนาที่มีความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะจีน

    นอกจากนั้น ยังมีปัญหาเกี่ยวกับความแปรปรวนของภูมิอากาศและภัยธรรมชาติ ทำให้พื้นที่เพาะปลูกเสียหายไปเป็นจำนวนมาก อย่างที่ปากีสถาน อุทกภัยทำให้พื้นที่เพาะปลูกเสียหายหลายล้านเอเคอร์ ส่วนที่รัสเซีย พืชผลการเกษตรที่เก็บเกี่ยวได้มีน้อยกว่าปกติเนื่องจากเกิดความแห้งแล้งในหลายพื้นที่

    ส่วนวิธีแก้ไขที่พอจะคลี่คลายปัญหาลงได้บ้าง นักวิเคราะห์คนเดียวกันกล่าวว่า ต้องเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และพัฒนาระบบการขนส่งเพื่อลดของเน่าเสียในระหว่างการขนส่ง เพราะเท่าที่ผ่านมา มีของเน่าเสียต้องเททิ้งในระหว่างการขนส่งถึง 1 ใน 3 นอกจากนั้น ต้องหาทางควบคุมการซื้อขายล่วงหน้าในตลาดโภคภัณฑ์ เพราะมีผลกระทบต่อดีมานด์-ซัพพลายของอาหารโลก และสาเหตุหลักที่ทำให้ราคาอาหารโลกผันผวน

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันพุธ ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2554
    http://palungjit.org/threads/ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่.3906/page-1163
     
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    นายกฯ'ญี่ปุ่น'ลั่นฟื้นฟูวินัยทางการคลัง-หลังS&Pหยามลดเครดิตเรตติ้ง
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>28 มกราคม 2554 11:34 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    นายกรัฐมนตรี นาโอโตะ คัง ของญี่ปุ่น (แฟ้มภาพ)
    เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรีนาโอโตะ คัง ของญี่ปุ่น ประกาศวันนี้ (28) ว่า แดนซามูไรจำเป็นที่จะต้องฟื้นฟูวินัยทางการคลังเพื่อดึงความเชื่อมั่นในตลาดโลกกลับคืนมาอีกครั้ง ท่าทีดังกล่าวมีขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากที่ญี่ปุ่นถูก “สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P)” สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือยักษ์ใหญ่ของโลกหั่นเครดิตตราสารหนี้ภาครัฐระยะยาวลงหนึ่งขั้น ซึ่งถือเป็นการถูกลดเครดิตเรตติ้งครั้งแรกของญี่ปุ่นในรอบเกือบ 7 ปี

    นายกฯคัง กล่าวต่อรัฐสภาในวันนี้ (28) ระบุว่า “สิ่งสำคัญก็คือเราจะต้องรักษาวินัยทางการคลังเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นในตลาดของประเทศกลับคืนมาอีกครั้ง”

    ทั้งนี้เอส แอนด์ พี ได้ตัดลดเครดิตเรตติ้งตราสารหนี้ภาครัฐระยะยาวของรัฐบาลญี่ปุ่นลงจากระดับ “AA” เหลือ “AA-” ซึ่งถือเป็นการปรับลดความน่าเชื่อถือครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2002 เป็นต้นมา ด้วยเหตุผลที่รัฐบาลแดนซามูไรไร้แผนยุทธศาสตร์อันสอดคล้องในการรับมือแก้ไขภาระหนี้สาธารณะขนาดมหึมาของตน ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนสูงถึง 2 เท่าตัวหรือราว 200 เปอร์เซ็นต์ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ จีดีพี มูลค่า 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สัดส่วนดังกล่าวยังถือว่ามากที่สุดเมื่อเทียบกับบรรดาประเทศเศรษฐกิจพัฒนาแล้วด้วยกัน

    เอส แอนด์ พี ระบุว่า การที่ประชากรของญี่ปุ่นโดยเฉลี่ยแล้วกำลังกลายเป็นผู้สูงวัยอย่างรวดเร็วซึ่งจะทำให้รัฐบาลต้องแบกรับภาระงบประมาณด้านสวัสดิการสังคมเพิ่มขึ้น บวกกับปัญหาเงินฝืดภายในประเทศที่เรื้อรังมานานกว่า 2 ทศวรรษ เหล่านี้ล้วนทำให้ปัญหาท้าทายด้านการคลังของรัฐบาลยิ่งทวีความซับซ้อนยุ่งยากมากขึ้น

    ขณะที่นักวิเคราะห์มองกันว่า การหั่นเครดิตลงคราวนี้เป็นผลพวงที่สะท้อนให้เห็นถึงการขาดความเชื่อมั่นในรัฐบาลญี่ปุ่นซึ่งประสบความยากลำบากในการผ่านกฎหมายสำคัญต่างๆ ออกมา สืบเนื่องจากพรรคเดโมแครติก ปาร์ตี้ ออฟ เจแปน (ดีพีเจ) ของนายกฯ คัง ไม่ได้ครองเสียงข้างมากในวุฒิสภานั่นเอง

    นอกจากนี้การตัดลดเรตติ้งของญี่ปุ่นครั้งนี้ ยังเป็นการส่งคำเตือนอันทรงพลังถึงชาติร่ำรวยอื่นๆ บางราย ซึ่งกำลังประสบปัญหาฐานะทางการคลังย่ำแย่เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะภายหลังจากเกิดวิกฤตทางการเงินทั่วโลกในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา

    Around the World - Manager Online -
     
  10. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เตือนประท้วงใหญ่โค่นปธน.อียิปต์วันนี้-หลังระบบ'เน็ต-SMS'ล่มทั่วประเทศ
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>28 มกราคม 2554 10:02 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    เหตุการณ์จลาจลในกรุงไคโรและเมืองสำคัญอื่นๆ ของอียิปต์ เพื่อประท้วงขับไล่ประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค กำลังเข้าสู่วันที่ 4

    เอเอฟพี - รัฐมนตรีมหาดไทยของอียิปต์ประกาศเตือนว่า บรรดาผู้ประท้วงขับไล่ประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัคให้พ้นจากตำแหน่ง มีแผนจะเดินขบวนต่อไปอีกในวันนี้ (28) คำเตือนดังกล่าวมีขึ้นหลังจากระบบอินเตอร์เน็ตภายในประเทศถูกบล็อก รวมถึงระบบบริการรับส่งข้อความทางโทรศัพท์มือถือด้วย หลังจากแกนนำการประท้วงได้นำช่องทางการสื่อสารทั้งสองเป็นเครื่องมือในการปลุกระดมล้มล้างระบอบเผด็จการของรัฐบาลซึ่งนำไปสู่การปะทะนองเลือดระหว่างตำรวจกับประชาชนจนมีผู้เสียชีวิตแล้ว 7 ราย บาดเจ็บกว่าร้อยคนและมีผู้ถูกจำกุมอย่างน้อย 1,000 คน ตลอดช่วง 3 วันที่ผ่านมา

    ขบวนการมุสลิม บราเธอร์ฮูด กลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ประกาศในช่วงค่ำวานนี้ (27) ว่า พวกตนจะเข้าร่วมเดินขบวนประท้วงที่จะจัดขึ้นในวันศุกร์ (28) นี้ ขณะที่แกนนำผู้คัดค้านระบอบเผด็จการ โมฮัมเหม็ด เอลบาราดี เจ้าของรางวัลโนเบล ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ว่าเขาจะบินจากกรุงเวียนนาเพื่อมาร่วมการชุมนุมในอียิปต์ด้วย โดยเขาได้เดินมาถึงมาตุภูมิในช่วงค่ำวานนี้ (27)

    “มันเป็นช่วงเวลาวิกฤตสำหรับอียิปต์ ผมได้มาร่วมด้วยกับชาวอียิปต์ทั้งมวล” เอลบาราดี กล่าวขณะเดินทางออกจากท่าอากาศยานกรุงไคโร

    โดยก่อนหน้านั้นในเวียนนา เอลบาราดี ให้สัมภาษณ์บรรดาผู้สื่อข่าวระบุว่า เขาพร้อมที่จะเป็นผู้นำในการเปลี่ยนผ่านระบอบในอียิปต์หากถูกร้องขอ

    “ผมยังอยู่ที่นี่ด้วยหวังว่าจะเดินหน้าจัดการให้กระบวนการเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างมีระบบระเบียบ และในแนวทางสันติ และผมก็หวังด้วยว่ารัฐบาลจะทำเหมือนกัน” เขาระบุ

    ขณะที่เหตุการณ์ความไม่สงบมีแนวโน้มจะบานปลายและรุนแรงยิ่งขึ้น ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ ออกมากล่าวเตือนว่า การใช้ความรุนแรงไม่ใช่คำตอบ โดยเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายยับยั้งชั่งใจ พร้อมกับรบเร้าให้ประธานาธิบดีมูบารัค ซึ่งครองอำนาจเบ็ดเสร็จมานานกว่า 30 ปี เร่งปฏิรูประบบการเมือง

    Around the World - Manager Online -
     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ประท้วงที่อียิปต์บานปลายตายเพิ่ม'เยเมน'เลียนแบบเดินขบวนไล่ปธน.
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>27 มกราคม 2554 23:20 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    เหตุการณ์จลาจลในกรุงไคโรและเมืองสำคัญอื่นๆ ของอียิปต์ เพื่อประท้วงขับไล่ประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค ล่วงเลยเข้าสู่วันที่ 3

    เอเอฟพี - เหตุการณ์จลาจลในกรุงไคโรและเมืองสำคัญอื่นๆ ของอียิปต์ เพื่อประท้วงขับไล่ประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค ผู้ยึดอำนาจเบ็ดเสร็จมานานกว่า3ทศวรรษให้พ้นจากบังเหียน ยิ่งลุกลามบานปลาย หลังการประท้วงล่วงเลยเข้าสู่วันที่ 3 ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตจากการปะทะกันระหว่างประชาชนกับตำรวจเพิ่มขึ้นเป็น 6 รายเมื่อวันพฤหัสบดี (27) และมีผู้ถูกจับกุมแล้วอย่างน้อย 1,000 คน นอกจากนั้นกระแสชุมนุมเรียกร้องในลักษณะเช่นนี้ยังเกิดขึ้นที่เมืองหลวงของเยเมน อีกหนึ่งรัฐอาหรับที่กำลังเผชิญกับภาวะโดมิโนจากกรณีโค่นล้มผู้นำเผด็จการในตูนีเซีย

    ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ประท้วงหมายล้มล้างระบอบเผด็จการของประธานาธิบดีมูบารัค มีเพิ่มขึ้นเป็น 6 รายโดยหนึ่งในนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ นอกจากนี้ยังมีผู้ถูกจับกุมอีกอย่างน้อย 1,000 คน นับตั้งแต่ที่เหตุจลาจลจากแรงบันดาลใจของ “การปฏิวัติดอกมะลิ (Jasmine Revolution)” ในตูนีเซีย ปะทุขึ้นเมื่อวันอังคาร (25) ที่ผ่านมา

    ถึงแม้ว่าทางการอียิปต์จะออกมาประกาศห้ามการชุมนุมทุกรูปแบบและระบุว่าจะดำเนินคดีตามกฎหมายแก่ผู้ที่ประท้วงก่อความไม่สงบ ทว่าชาวอียิปต์ซึ่งไม่พอใจรัฐบาลจากปัญหาถูกกดขี่ รวมทั้งปัญหาคอรัปชั่น และปัญหาความยากจน ยังคงรวมตัวกันออกมาเดินขบวนประท้วงตามท้องถนนในกรุงไคโรและเมืองสำคัญๆ อื่นๆ เมื่อวันพุธ (26) ต่อเนื่องจนถึงวันพฤหัสบดี (27) โดยมีรายงานว่า กลุ่มผู้ประท้วงเริ่มต้นจุดไฟเผายางล้อรถยนต์และขว้างปาก้อนหินใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ณ ย่านใจกลางธุรกิจในเมืองหลวง ซึ่งผู้เห็นเหตุการณ์หลายคนเล่าว่า ตำรวจได้ยิงแก๊สน้ำตาใส่กลุ่มผู้ชุมนุมและวิ่งไล่จับกุมพวกเขาตามถนน จากนั้นกลุ่มผู้ประท้วงก็เปิดฉากตอบโต้ด้วยการขว้างปาก้อนหินใส่เจ้าหน้าที่ และทุบพังกระจกร้านรวงในบริเวณดังกล่าวซึ่งตั้งอยู่ในละแวกใกล้กับอาคารที่ทำการของกระทรวงแถลงข่าว นอกจากนี้ยังมีผู้ประท้วงอีกจำนวนหนึ่งถูกจับกุมหลังพยายามฝ่าเข้าไปในอาณาบริเวณของกระทรวงฯ

    ที่เมืองสุเอซ เมืองท่าสำคัญทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ผู้ประท้วงได้ขว้างระเบิดขวดทำเอง “โมโลตอฟค็อกเทล” ใส่อาคารที่ทำการของรัฐบาล ก่อนจะจุดไฟเผาพื้นที่บางส่วน ขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งเขวี้ยงระเบิด และยึดตึกที่ทำการของพรรคเนชั่นแนล เดโมแครติก ปาร์ตี้ของประธานาธิบดีมูบารัคได้หลายแห่ง

    นอกจากนี้ในเมืองอเล็กซานเดรีย เมืองใหญ่อันดับสองของอียิปต์ ก็มีรายงานจากปากคำของผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ตำรวจได้เข้าไปขัดขวางและรวบตัวผู้ประท้วงจำนวนหลายสิบคน หลังพวกเขาเหล่านี้พยายามที่จะเข้าไปชุมนุมกันที่บริเวณจัตุรัสแห่งหนึ่งซึ่งติดกับชายหาด

    “มีผู้คนอย่างน้อย 1,000 คนถูกจับกุม นับตั้งแต่ที่การประท้วงขับไล่ผู้นำประเทศเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อวันอังคาร (25)” เจ้าหน้าที่รัฐคนหนึ่งให้ตัวเลขกับเอเอฟพี

    ขณะที่สมาชิกกลุ่มยุวชนเรียกร้องประชาธิปไตยของ “ขบวนการ 6 เมษา” ประกาศว่า พวกเขาจะฝ่าฝืนกฎเหล็กห้ามการชุมนุมของรัฐบาล โดยจะปักหลักยึดถนนสายต่างๆ อีกครั้งในวันพฤหัสบดี (27) และเชิญชวนให้ชาวอียิปต์ทั้งมวลมาร่วมชุมนุมประท้วงด้วย

    “วันพฤหัสบดีจะยังไม่ใช่วันหยุด... ปฏิบัติการบนถนนจะดำเนินต่อไป” กลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยดังกล่าว ประกาศผ่านเฟสบุ๊ก

    ด้านสหรัฐฯ ก็ได้ออกมาแสดงความห่วงใยในสถานการณ์บ้านเมืองของอียิปต์ พร้อมกับกล่าวสนับสนุนให้รัฐบาลทำการปฏิรูประบบการเมือง, เศรษฐกิจและสังคมตามเจตนารมณ์ของประชาชน

    “รัฐบาลอียิปต์ ได้รับโอกาสที่สำคัญในการตอบสนองแรงมุ่งมาดปรารถนาของชาวอียิปต์ทั้งปวงด้วยการเดินหน้าปฏิรูประบบการเมือง, เศรษฐกิจและสังคม ซึ่งนั่นจะสามารถยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขา ตลอดจนช่วยให้ประเทศชาติเจริญรุ่งเรืองอีกด้วย” คำแถลงจากทำเนียบขาวระบุ

    นอกจากที่อียิปต์แล้ว เหตุการณ์โค่นล้มผู้นำเผด็จการในตูนีเซีย ยังได้จุดกระแสการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยขึ้นในเยเมนด้วย โดยมีรายงานว่าเมื่อวันพฤหัสบดี (27) ชาวเยเมนจำนวนหลายพันคนได้ออกมาเดินขบวนเรียกร้องในเมืองหลวง เพื่อขับไล่ประธานาธิบดีอาลี อับดุลเลาะห์ ซาเละห์ ให้พ้นจากตำแหน่งหลังปกครองประเทศมายาวนานตั้งแต่ปี 1978

    “มันมากพอแล้วที่จะอยู่ในอำนาจนานกว่า 30 ปี” กลุ่มผู้ประท้วงร้องตะโกน โดยที่พวกเขายังได้ยกกรณีของตูนีเซียมากล่าวอ้างด้วย ระบุว่า “ประธานาธิบดีซีเน เอล อาบีดีน เบน อาลี ของตูนีเซีย ยังพ้นจากเก้าอี้หลังอยู่ในอำนาจเพียงแค่ 20 ปีกว่าๆ เอง”
    Around the World - Manager Online -
     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    พบอีกราย!นักโทษสหรัฐฯติดคุกฟรี24ปีหลังDNAยันบริสุทธิ์
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>28 มกราคม 2554 03:00 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    แลร์รี ซิมส์ วัย 60 ปี ซึ่งต้องตกเป็นแพะรับบาปติดคุกนานกว่า 25 ปี ถูกตัดสินให้พ้นผิดแล้วเมื่อวันพฤหัสบดี(27)

    เอเอฟพี - ชายชาวเทกซัสรายหนึ่งซึ่งต้องตกเป็นแพะรับบาปติดคุกนานกว่า 25 ปี ถูกตัดสินให้พ้นผิดแล้วเมื่อวันพฤหัสบดี(27) จากผลตรวจดีเอ็นเอที่ยืนยันความบริสุทธิ์ ทั้งนี้เขานับเป็นนักโทษรายนี้ 2 ในรอบไม่ถึงเดือน ในมลรัฐแห่งนี้ ที่ได้รับอิสรภาพหลังถูกจองจำโดยไม่มีทำความผิดยาวนานหลายสิบปี

    แลร์รี ซิมส์ วัย 60 ปี ถูกพิพากษาว่ามีความผิดในข้อหาข่มขืนในเดือนตุลาคม 1986 อย่างไรก็ตามจากหลักฐานทางดีเอ็นเอเมื่อไม่นานที่ผ่านมา ซึ่งไม่เคยมีการตรวจมาก่อนเลยก่อนหน้านี้ พบว่ามันกัดเซาะคำให้การของฝ่ายโจทก์ลงอย่างสิ้นเชิง

    หนังสือพิมพ์ดัลลัส มอร์นิง รายงานว่า ซิมส์ เคยเขียนคำร้องถึงศาลขอให้มีการตรวจดีเอ็นเอ ระหว่างที่เขาถูกปล่อยตัวแบบมีทัณฑ์บนช่วงสั้นๆในปี 2009 แต่จากนั้นไม่นานเขาก็ถูกส่งตัวกลับไปยังเรือนจำอีกครั้งหลังละเมิดคำสั่งเคอร์ฟิวและก่อปัญหากับระบบติดตามตัว

    มิเชล มัวร์ ทนายความจำเลยบอกกับดัลลัส มอร์นิงนิวส์ จะยื่นข้อชำระคดีอย่างเป็นทางการเร็วๆนี้ ซึ่งจะนำไปสู่การเรียกร้องขอเงินชดเชยจากทางการต่อไป

    ทั้งนี้หนังสือพิมพ์ดัลลัส มอร์นิง ระบุว่านับตั้งแต่ปี 1989 เป็นต้นมา ในสหรัฐฯ มีนักโทษที่ถูกตัดสินให้พ้นผิดแล้วถึง 265 หลังจากนำผลตรวจดีเอ็นเอมาเป็นหลักฐานสำคัญ

    เมื่อวันที่ 4 มกราคม นายคอร์เนลิอุส ดูปรี ถูกตัดสินให้พ้นจากความผิด เมื่อผลตรวจดีเอ็นเอใหม่พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเขา หลังจากต้องตกเป็นแพะรับบาปติดคุกนานกว่า 30 ปีในข้อหาลักพาตัว ปล้นและข่มขืน
    Around the World - Manager Online -
     
  13. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    แหล่งผลิตสำคัญของโลก

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    วันที่ 28 มกราคม 2554 01:00
    เปิดประชุมเวิลด์ อีโคโนมิค ฟอรัม (ดับเบิลยูอีเอฟ) ที่ดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันพุธ (26 ม.ค.) ท่ามกลางความสนใจใคร่รู้
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110120/show_ads_impl.js"></SCRIPT> และคาดหวังว่า จะมีอะไรที่เป็นรูปธรรม จับต้องได้ออกมาจากที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือระดมสมองของผู้นำจากทั่วโลกแห่งนี้ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจในซีกโลกตะวันตกที่ยังไม่แข็งแกร่งอย่างที่ควรจะเป็น ส่วนเศรษฐกิจในเอเชียแม้จะมีภาษีดีกว่า แต่ก็ต้องระวังเรื่องเงินเฟ้อ และกระแสเงินทุนไหลเข้า
    แต่ก่อนที่บรรดาผู้นำโลกจะเริ่มแสดงวิสัยทัศน์บนเวทีเศรษฐกิจแห่งนี้ บริษัทด้านโลจิสติกส์ชื่อ "อะกิลิตี้ แอนด์ ทรานสปอร์ต อินเทลลิเจนซ์" ได้จัดทำผลสำรวจและพบว่า ภาคตะวันตกของจีน อินเดียและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีแนวโน้มที่จะเป็นฐานการผลิตต้นทุนต่ำที่สำคัญของโลกในช่วง 15-20 ปีข้างหน้า แม้จะต้องมีการปรับปรุงด้านสาธารณูปโภคก็ตาม
    ผลสำรวจชิ้นนี้ สอดคล้องกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น เพราะกลุ่มผู้ผลิต เริ่มที่จะย้ายฐานการผลิต จากพื้นที่ชายฝั่งตะวันออก ที่มีค่าใช้จ่ายสูงไปยังพื้นที่ชนบททางตะวันตกของจีน แม้ระบบสาธารณูปโภคในภาคตะวันตกจะย่ำแย่ โดยเฉพาะถนน ทำให้เป็นอุปสรรค สกัดกั้นศักยภาพของพื้นที่ดังกล่าว แต่ปัจจุบัน รัฐบาลจีนก็พยายามพัฒนาถนนและสนามบินใหม่ๆ เพื่อเชื่อมโยงภูมิภาคเหล่านี้เข้ากับพื้นที่ทางตะวันออกของประเทศ ซึ่งคงต้องรอลุ้นกันต่อไป ว่า ความพยายามนี้จะสัมฤทธิผลมากน้อยแค่ไหน
    โรงงานผลิตสินค้าป้อนตลาดโลก ใช่จะมีแต่จีนประเทศเดียวเท่านั้น บรรดาผู้ประกอบการทั่วโลก กำลังแห่แหนเข้าไปลงทุนในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นไทย เวียดนาม หรือว่าอินเดีย เพื่อใช้เป็นฐานการผลิตสินค้าหลากหลายประเภท ตั้งแต่เสื้อยืดไปจนถึงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์
    ที่ผ่านมานั้นเวียดนามและอินเดียต่างแข่งกับจีน ก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์การผลิตรายใหญ่ของโลก ในฐานะเป็นแหล่งผลิตที่มีต้นทุนแรงงานต่ำ รวมทั้งแข่งกันเป็นฐานลูกค้าที่สำคัญในอนาคต แม้ว่ากระแสการลงทุนในภาคการผลิต เริ่มไหลเข้าสู่แอฟริกาแถบใต้ทะเลทรายซาฮาราด้วยเช่นกัน แต่แอฟริกาก็ยังคงล้าหลังภูมิภาคเอเชีย และละตินอเมริกา
    ขณะที่ดัชนีโลจิสติกส์ตลาดเกิดใหม่ ที่ได้จากการสอบถามความเห็นจากที่ประชุมกรุงดาวอสครั้งนี้ บ่งชี้ว่าจีนยังคงเป็นประเทศที่น่าดึงดูดใจที่สุดสำหรับการลงทุนด้านการขนส่ง โดยมีอินเดีย บราซิล อินโดนีเซียและรัสเซีย รั้งอันดับรองลงมา เช่นเดียวกับซาอุดีอาระเบีย ที่ปรับตัวขึ้น 4 อันดับจากการสำรวจปีที่แล้ว ด้านเม็กซิโก ตุรกี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และชิลี ติดอันดับสูงสุด 10 อันดับในดัชนีนี้
    ผลสำรวจชิ้นนี้ ตอกย้ำความสำคัญของซีกโลกตะวันออกที่มีต่อกระบวนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกได้เป็นอย่างดี และทุกประเทศที่ติด 10 อันดับแรกจากการสำรวจครั้งนี้ ล้วนมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น แต่ที่น่ากลัวมาก คือ อินเดีย ที่มักจะถูกใช้เป็นฐานการผลิตสินค้าสำหรับตลาดยุโรปและตะวันออกกลาง ในฐานะที่อยู่ใกล้กว่าจีน ทำให้ต้นทุนการขนส่งสินค้าถูกกว่า แม้ว่าระบบสาธารณูปโภคในอินเดียหลายเมืองยังอยู่ระหว่างปรับปรุงก็ตาม
    แต่เชื่อว่า ถ้าอินเดียพัฒนาระบบสาธารณูปโภคให้ดีทั่วถึงกันหมดทั้งประเทศแล้ว อินเดียจะเป็นฐานการผลิตคู่แข่งที่น่ากลัวทีเดียว
     
  14. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    จากเปรูถึงเขมร

    โดย : ดร.ไสว บุญมา
    เปรูเป็นประเทศในเขตร้อนเช่นเดียวกับไทย แต่เนื่องจากมีพืดเขาแอนดิสซึ่งสูงมากแล่นจากเหนือถึงใต้ เปรูจึงมีทั้งป่าดงดิบบนพื้นที่ราบต่ำ
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110120/show_ads_impl.js"></SCRIPT>และธารน้ำแข็งบนเทือกเขา ฝั่งตะวันตกของประเทศขาดแคลนน้ำมากเนื่องจากมีฝนตกน้อยเหมือนแถบกึ่งทะเลทราย ชาวเปรูส่วนใหญ่ในเขตนั้นจึงต้องพึ่งน้ำจากแม่น้ำลำธารและทะเลสาบที่ได้น้ำจากธารน้ำแข็งบนเทือกเขาแอนดิส

    ภาวะโลกร้อนกำลังสร้างความกังวลอย่างหนักให้แก่ชาวเปรูเนื่องจากธารน้ำแข็งเริ่มละลายหมดไปในอัตราเร่ง นักวิทยาศาสตร์คาดว่าอีกราวสิบกว่าปี ธารน้ำแข็งจะไม่มีเหลืออยู่ นั่นหมายความว่าชาวเปรูนับล้านจะขาดน้ำสำหรับทำการเกษตรและสำหรับอุปโภคบริโภค ความกังวลนี้ไม่จำกัดอยู่ที่ชาวเปรูเท่านั้น รัฐบาลอเมริกันก็เริ่มกังวลด้วย ทั้งนี้เพราะการขาดน้ำจะนำไปสู่ปัญหาหนักหนาสาหัสทั้งในด้านสังคมและเศรษฐกิจ ชาวเปรูจะทะเลาะเบาะแว้งเพราะแย่งน้ำกันมากขึ้นกว่าในปัจจุบัน การขาดน้ำจนทำการเกษตรไม่ได้จะทำให้เกิดความยากจนซึ่งจะผลักดันให้ชาวชนบทอพยพเข้าเมืองเพื่อหางานทำมากขึ้น ความแออัด การขาดงานทำและความยากจนจะมีผลร้ายต่อเสถียรภาพของเปรู

    สหรัฐอเมริกาในฐานะผู้นำหลักของภูมิภาคนั้นไม่ต้องการเห็นความวุ่นวายภายในเปรูซึ่งจะลามไปถึงประเทศเพื่อนบ้านและถึงตนเองด้วย ทั้งนี้เพราะความวุ่นวายในภูมิภาคอื่นก็สร้างปัญหาหนักหนาสาหัสให้แก่สหรัฐอยู่แล้ว นอกจากนั้น ชาวเปรูจำนวนมากที่ยากจนจะพยายามหาทางเล็ดลอดเข้าไปในประเทศเพื่อนบ้านและสหรัฐมากขึ้น ส่งผลให้ปัญหาความยากจนและปัญหาสังคมที่เกิดจากผู้ลักลอบเข้าเมืองร้ายแรงขึ้นไปอีก รัฐบาลเปรูเสนอให้สหรัฐช่วยแก้ปัญหาด้วยข้ออ้างสองอย่างคือ เพื่อป้องกันความวุ่นวายภายในที่จะทำให้สหรัฐเดือดร้อนด้วย และสหรัฐปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงเป็นอันดับสองของโลก ก๊าซเรือนกระจกเป็นต้นเหตุของภาวะโลกร้อน สหรัฐมีส่วนสำคัญในการสร้างปัญหา จึงต้องออกมาช่วยแก้ไข

    ตามรายงานของสื่อ รัฐบาลอเมริกันตระหนักถึงปัญหาเป็นอย่างดีเนื่องจากมีการคาดการณ์ของหน่วยงานต่างๆ ที่มีความเห็นตรงกัน แต่ตอนนี้สหรัฐไม่ค่อยมีเงินช่วยใครได้มากนักเนื่องจากมีภาระที่จะต้องทำสงครามกับผู้ก่อการร้ายและในอัฟกานิสถานจนงบประมาณขาดดุลและหนี้สินพอกพูนขึ้นทุกวัน

    อีกประการหนึ่ง ข้ออ้างที่ว่าประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากควรมีความรับผิดชอบต่อการแก้ไขปัญหาที่ตามมามากด้วยนั้นไม่มีน้ำหนักสำหรับประเทศผู้ปล่อยก๊าซ การประชุมระหว่างประเทศเพื่อพิจารณาปัญหาโลกร้อนจึงมักไม่ได้ข้อตกลงที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหาตามที่นักวิทยาศาสตร์คิดว่าน่าจะทำ เท่าที่ผ่านมาประเทศที่พัฒนาแล้วซึ่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อหัวคนมากกว่าประเทศกำลังพัฒนาก็อ้างว่าประเทศที่ปล่อยมากๆ เช่นจีนและอินเดียต้องรับผิดชอบด้วย ส่วนจีนและอินเดียก็อ้างว่าประชาชนของตนแต่ละคนปล่อยก๊าซน้อยกว่าประชาชนของประเทศก้าวหน้า ส่งผลให้ถกเถียงกันไปมาจนหาข้อตกลงไม่ในขณะที่ผลกระทบจากภาวะโลกร้อนนับวันจะยิ่งหนักหนาสาหัสขึ้นรวมทั้งในเมืองจีนเองด้วย

    ภัยแล้งซึ่งกำลังคุกคามจีนอย่างหนักอยู่ในขณะนี้มีต้นเหตุส่วนหนึ่งจากภาวะโลกร้อน จีนขาดแคลนน้ำอย่างหนักเนื่องจากแม่น้ำสำคัญสามสายที่ไหลผ่านจีนมีต้นน้ำอยู่ในย่านธารน้ำแข็งของทิเบต เมื่อธารน้ำแข็งเหล่านั้นละลายหายไปเช่นเดียวกับในเปรู ปริมาณน้ำในแม่น้ำแยงซี แม่น้ำเหลืองและแม่น้ำโขงย่อมลดลงด้วย นั่นหมายความว่า ประเทศในลุ่มแม่น้ำโขงจะได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน ทั้งจากภาวะที่ทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำโขงเปลี่ยนไปโดยธรรมชาติและจากการกักเก็บน้ำของจีนโดยใช้เขื่อนที่กำลังสร้างเพิ่มขึ้นบนต้นน้ำโขง จีนชี้แจงว่าการสร้างเขื่อนจำนวนมากจะไม่มีผลกระทบต่อพม่า ลาว ไทย เขมรและเวียดนาม นั่นเป็นการโฆษณาชวนเชื่อ

    อย่างไรก็ดี ไทยยังโชคดีกว่าเขมรซึ่งจะได้รับผลกระทบสูงมาก เขมรจะได้รับผลกระทบสูงมากเนื่องจากชีวิตของชาวเขมรส่วนใหญ่ได้อานิสงส์จากแม่น้ำโขงเป็นพิเศษ กล่าวคือ ในตอนต้นฤดูฝนน้ำในลำน้ำโขงจะดันให้น้ำในแม่น้ำทะเลสาบไหลกลับจนล้นฝั่งเข้าไปท่วมไร่ท่วมนาและป่าไม้ที่อยู่ในระดับต่ำจนเขมรทั้งประเทศกลายเป็นบ่อเลี้ยงปลาขนาดมหึมา เมื่อระดับน้ำในลำน้ำโขงลดลงหลังสิ้นฤดูฝน แม่น้ำทะเลสาบก็จะไหลไปสู่แม่น้ำโขงตามเดิม ปลาจำนวนมหาศาลที่เติบโตขึ้นในช่วงฤดูฝนก็จะพากันอพยพลงสู่หนองน้ำละทะเลสาบ ปลาเหล่านั้นเป็นทั้งอาหารสำคัญยิ่งของชาวเขมรและสินค้าออก เมื่อน้ำโขงถูกกักกัน กระบวนการนั้นจะเปลี่ยนไป ส่งผลให้ชาวเขมรยากจนพร้อมกับขาดอาหารสำคัญมากยิ่งขึ้น พวกเขาจะหาทางลักลอบเข้ามาหากินในเมืองไทยมากกว่าในปัจจุบันรวมทั้งการเป็นขอทานด้วย

    คงมีผู้มองว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น นอกจากนั้น เขมรกำลังจะได้น้ำมันจำนวนมากจากอ่าวไทย รายได้จากการขายน้ำมันจะป้องกันมิให้เกิดความอดอยากยากจน ผู้อ้างเช่นนั้นคงไม่ได้อ่านการวิเคราะห์เรื่องการขาดแคลนน้ำของโลกและไม่รู้เรื่องคำสาปของน้ำมันซึ่งสร้างปัญหาหนักหนาสาหัสให้กับสมาชิกส่วนใหญ่ของกลุ่มผู้ส่งน้ำมันออก (OPEC) กล่าวคือ ในบรรดาสมาชิก 12 ประเทศ อย่างน้อย 8 ประเทศประสบปัญหาติดต่อกันมานานรวมทั้งอิหร่าน อิรัก แอลจีเรีย ลิเบีย ไนจีเรีย แองโกลา เวเนซุเอลา และ เอกวาดอร์

    รัฐบาลและหน่ายราชการของไทยคงไม่เคยได้คิดถึงประเด็นนี้ โดยเฉพาะนักการเมืองซึ่งวันๆ ดูจะเอาแต่จ้องหาผลประโยชน์ส่วนตัว อย่าว่าแต่เรื่องที่เกิดในเมืองเขมรจะกระทบเมืองไทยในระยะยาวเลย แม้แต่เรื่องภาวะโลกร้อนที่จะกระทบเมืองไทยโดยตรง คนพวกนี้ยังไม่มีความใส่ใจให้เห็นจนเป็นที่ประจักษ์ หากพวกเขาใส่ใจ ป่านนี้การสร้างเมืองใหม่น่าจะเกิดขึ้นแล้ว เมืองใหม่ที่จะช่วยถ่ายโอนความเสี่ยงต่อความเสียหายร้ายแรงเมื่อภาวะโลกร้อนทำให้น้ำท่วมกรุงเทพฯ มากขึ้น
     
  15. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เศรษฐกิจจีน : ร้อนแรงเกินไปหรือไม่

    โดย : ดร.อาภรณ์ ชีวะเกรียงไกร
    ช่วงที่ประธานาธิบดีหู จิ่น เทาของจีนได้เดินทางไปเยือนประเทศสหรัฐอเมริกา ทางด้านสหรัฐ นั้นมีตัวเลขเศรษฐกิจออกมาซึ่งแสดงถึงการฟื้นตัวที่ดีขึ้น
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110120/show_ads_impl.js"></SCRIPT>ได้แก่ ตัวเลขสำรวจความเชื่อมั่น ยอดค้าส่งค้าปลีก และยอดการผลิตสินค้า แต่สำหรับทางด้านประเทศจีนก็ได้มีประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจของประเทศจีนออกมาหลายตัว ที่แม้ว่าอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนยังสามารถเติบโตได้สูงอย่างต่อเนื่องในอัตราร้อยละ 9.8 และทำให้เศรษฐกิจจีนในปี 2553 โตได้สูงถึง 10.3% แต่เศรษฐกิจที่เติบโตสูงมากนี้ กลับทำให้นักวิเคราะห์และมีความกังวลว่า เศรษฐกิจจีนจะยังเติบโตร้อนแรงมากเกินไป ดังจะเห็นว่าความกังวลของนักลงทุนจึงทำให้ตลาดหุ้นจีนยังไม่ฟื้นตัวเลยจากปีก่อน ความร้อนแรงของเศรษฐกิจนี้จะเห็นจากเครื่องชี้ทางเศรษฐกิจ 3 ประการคือ

    หนึ่ง การขยายตัวของสินเชื่อที่ยังเติบโตสูงมากกว่าร้อยละ 20 ต่อปี อันสืบเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของกำลังซื้อของประชาชน ที่แม้ว่าในปี 2553 ระยะเวลาที่ผ่านมาธนาคารจีนได้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสำรองทางการของธนาคารพาณิชย์จีน (RRR) ขึ้นไปแล้วจำนวน 6 ครั้งในปี 2553 และคิดเป็นอัตราการขึ้นทั้งปีรวม 3% และในกลางเดือนมกราคมอีก 1 ครั้ง อีก 0.50% ทำให้อัตราดอกเบี้ยสำรองฯ ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่อยู่ที่ระดับ 19% และตลาดคาดว่าทางการจีนยังคงมีความจำเป็นที่จะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสำรองทางการนี้ขึ้นไปอีก นอกจากนี้แล้วยังมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง (อัตราที่ธนาคารกลางปล่อยให้กู้กับธนาคารพาณิชย์) 2 ครั้งเป็นการปรับขึ้นรวม 0.5% และตลาดยังคาดกันว่าทางการจีนน่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ในการชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจลงก่อนที่จะเกิดภาวะฟองสบู่แตก

    สอง อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงกว่ากรอบกำหนดของทางการ แม้ว่าดัชนีราคาผู้บริโภคของเดือนธันวาคมจะอ่อนตัวลงอยู่ในระดับ 4.6% ต่อปีเมื่อเทียบกับระดับ 5.1% ในเดือนพฤศจิกายน และทำให้อัตราเงินเฟ้อทั้งปี 2553 อยู่ที่ 3.3% แต่ก็ยังสูงกว่ากรอบเป้าหมาย 3.0% ทางการกำหนดไว้ ที่สำคัญคือการเพิ่มขึ้นของราคาหมวดอาหารปรับตัวขึ้นสูงมากกว่าร้อยละ 10 ซึ่งการควบคุมอัตราเงินเฟ้อนี้เป็นสิ่งสำคัญต่อทางการจีน เพราะถ้าหากประชาชนเดือดร้อนแล้วจะทำให้เกิดปัญหาความไม่สงบทางสังคม ดังจะเห็นได้จากการที่แรงงานในเขตเมืองใหญ่ๆ มีการเรียกร้องการปรับขึ้นค่าแรงขึ้นในระดับร้อยละ 20 ซึ่งหากค่าแรงปรับขึ้นในระดับดังกล่าวต่อเนื่อง ก็จะทำให้ราคาสินค้าจีนจะต้องปรับราคาสูงขึ้นด้วย

    สาม ภาวะฟองสบู่ของภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งแม้ว่าการขยายตัวของสินเชื่อยังเติบโตสูง แต่ยอดการปล่อยสินเชื่อภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนต่อยอดสินเชื่อรวมยังคิดเป็นสัดส่วนเพียงประมาณร้อยละ 20 เท่านั้น (เทียบกับประมาณร้อยละ 100 ของสหรัฐอเมริกา) ดังนั้นภาวะฟองสบู่แตกในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จีนจึงยังไม่น่าจะเกิดในอนาคตอันใกล้นี้

    ทางการจีนก็ได้มีความพยายามที่จะดึงให้เศรษฐกิจที่เติบโตเร็วเกินไปให้กลับเข้าสู่ระดับปกติ ซึ่งได้แก่มาตรการในการลดปริมาณเงินในระบบ การควบคุมเพดานสินเชื่อทั้งระบบ และรายอุตสาหกรรม ซึ่งจีนก็มีวิธีการของตนเองที่อาจจะไม่ได้รวดเร็ว และไม่ได้ดังใจของประเทศค่ายตะวันตก แต่จีนก็จะยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญของเศรษฐกิจโลกต่อไปอีกระยะหนึ่ง

    ภาวะเงินเฟ้อเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียที่มีอัตราการเจริญเติบโตสูง ทั้งจีน อินเดีย และเวียดนาม ซึ่งการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อจะมาจากการเพิ่มขึ้นของราคาปัจจัยการผลิต หรือในที่นี้คือราคาในหมวดอาหาร ดังจะเห็นได้ว่าราคาสินค้าเกษตรประเภท ข้าว ข้าวโพด ถั่วเหลือง น้ำตาล เนื้อสัตว์ ฯลฯ ต่างมีราคาสูงขึ้นเพราะ ความต้องการบริโภคที่เพิ่มขึ้นตามอัตราการเพิ่มขึ้นของประชาชนชั้นกลางที่มีการบริโภคอาหารที่ดีขึ้น ความต้องการใช้สินค้าเกษตรเพื่อไปผลิตพลังงานชีวะภาพ และนอกจากนี้ยังเกิดจากสภาพภูมิอากาศที่ผิดปกติทำให้ผลผลิตอาหารในหลายๆ ประเทศประสบความเสียหาย

    ราคาอาหารที่ปรับตัวสูงขึ้นนี้จะมีกลไกการส่งผ่านไปสู่อัตราเงินเฟ้อและเป็นความกังวลของรัฐบาลทุกประเทศ เพราะอาหารคิดเป็นสัดส่วนสูงร้อยละ 35-40 ของค่าใช้จ่ายของการบริโภคในประเทศกำลังพัฒนา ที่เมื่อราคาอาหารสูงขึ้นก็จะมีการเรียกร้องค่าจ้างแรงงานเพิ่มขึ้น และนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของต้นทุนการผลิตสินค้าและบริการ

    ความกังวลว่าประเทศจีนจะเกิดภาวะฟองสบู่แตกดังที่หลายประเทศเคยประสบมาแล้วหรือไม่ (รวมถึงประเทศไทยด้วย) คำถามนี้ก็จะเป็นสิ่งท้าทายของทางการจีนที่จะบริหารนโยบายเศรษฐกิจอย่างไรในอนาคต ถ้าหากมีการบริหารจัดการที่ดีก็จะเป็นลงแบบนิ่มนวล และถ้าหากบริหารจัดการไม่ดีแล้วโอกาสการเกิดฟองสบู่แตกของเศรษฐกิจจีนเองก็เกิดขึ้นได้เช่น ดังประสบการณ์ที่เราเห็นจากประสบการณ์ของประเทศสหรัฐอเมริกาในปี 2552
     
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    I Dream of Peace

    โดย : บุญชัย ปัณฑุรอัมพร
    เมื่อวานผมอยากดูฟุตบอล น้องอยากดูละคร พี่อยากอ่านหนังสือ น้องอีกคนอยากปิดไฟนอน
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110120/show_ads_impl.js"></SCRIPT>และ “วันก่อนผมนั่งทานข้าวอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง แอบได้ยินเสียงทะเลาะกันของโต๊ะข้างๆ ที่ผู้ชายอยากให้แฟนอยู่ด้วยตลอดเวลา ฝ่ายแฟนหญิงขอมีเวลาเป็นส่วนตัวบ้าง”
    ซึ่งเกิดความสงบขึ้นก็จริง แต่การพัฒนากลับไปได้ไม่ไกล ขณะที่บางองค์กรชอบความเห็นที่แตกต่าง หลากหลาย จึงคัดคนที่มีความไม่เหมือนกันมาทำงาน ซึ่งก็ไม่ดีอีก เพราะองค์กรขาดความสามัคคี ดังนั้น รูปแบบหลังนี่ จึงสำคัญที่ผู้นำ เพราะผู้นำจะต้องมีความสามารถในการทำให้คนที่แตกต่างกันทำงานร่วมกันให้ได้

    นั่นคือ การแสดงความคิดเห็นของเด็กนักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งใน 20 โรงเรียนที่ได้เข้าร่วมโครงการ UNESCO Youth Peace Ambassador Workshop ที่จัดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2554 ที่โรงเรียน Concordian International School เด็กๆ ที่อยู่ในวัยมัธยมได้ผลัดกันเป็นตัวแทนของโรงเรียนต่างๆ ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องของสันติภาพ ภายใต้ theme ที่ชื่อว่า “I Dream of Peace” ฉันฝันถึงสันติภาพ ซึ่งเกิดได้ทุกๆหน่วยที่มีมนุษย์อาศัยอยู่ เริ่มตั้งแต่คนสองคน ครอบครัว เพื่อน ชุมชน บริษัท องค์กร สังคม จังหวัด ประเทศ ทวีป และสุดท้ายคือ โลกของเรา

    การแสดงความคิดเห็นของเด็กๆ ได้ถูกถ่ายทอดออกมาในหลากหลายรูปแบบ บ้างก็เป็นเรียงความเรื่องสันติภาพ บ้างก็เป็นบทเพลง ดนตรี กลอน คลิป VDO การแสดงทางศิลปที่ถ่ายทอดทางประวัติศาสตร์ หรือแม้แต่เจาะลึกเล่าเรื่องการทำสงครามแย่งแหล่งน้ำในบางเขตของโลกที่เราไม่เคยรับรู้มาก่อน การฝึกและติดอาวุธสงครามให้เด็กที่ยังสูงไม่เท่าปืน ตลอดจนการนำคำคมของผู้นำแห่งสันติภาพอย่างท่านมหาตมะคานธี แม่ชีเทเรซา ดร.มาร์ติน ลูเธอร์ คิงส์ ฯลฯ มาถ่ายทอดระหว่างกัน

    ถัดไปจะเป็นการยกตัวอย่างการแสดงของเด็กๆ ที่หลากหลาย และสนุกน่าติดตามมากกว่าเมื่อท่านผู้อ่านเข้าอ่านผ่านเว็บของ http://www.bangkokbiznews.com/home/ ใน CEO Blogs ซึ่งท่านสามารถติดตามดูคลิปดีๆ ที่เด็กๆ คัดเลือกมานำเสนอตามนี้ครับ[ame="http://www.youtube.com/watch?v=1tbDzWt6k4c&feature=related"]http://www.youtube.com/watch?v=1tbDzWt6k4c&feature=related[/ame] Charice Pempengco –Note to God music video เนื้อหาโดยรวมเป็นการอ้อนวอนต่อพระเจ้าให้ลดความเกลียดชัง แต่ขอความรักมาแทนที่ ขอให้ไม่มีสงคราม ความทุกข์ระทมต่างๆ มลายหายไป ขอพลัง ขอความหวัง มาสู่มวลมนุษย์
    ขณะที่นักเรียนจากอีกโรงเรียนได้นำเสนอคลิป “ขอโทษประเทศไทย” ที่กล่าวถึงปัญหาการเมืองในบ้านเราเมื่อต้นปีก่อน [ame="http://www.youtube.com/watch?v=H-NySQl7VJ0"]http://www.youtube.com/watch?v=H-NySQl7VJ0[/ame] สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความรับผิดชอบโดยรวมของคนไทยทุกคน (น่าคิดนะครับว่า จริงหรือไม่ ที่เราก็มีส่วนผิด)

    เด็กตัวน้อยๆ จากโรงเรียนที่จังหวัดปัตตานีก็ได้มาร่วมในงานนี้ด้วยโดย นำเสนอเป็นบทความสั้นๆ แต่กินใจดังนี้ “หนูอยากอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ไม่ทำร้ายซึ่งกันและกันทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่แยกฝ่าย สังคมไม่ดีเพราะคนในสังคมไม่ช่วยเหลือกัน หนูเป็นคนภาคใต้ หนูอยากให้ภาคใต้ของหนูมีสันติภาพ หนูไม่อยากให้เกิดสงคราม เพราะสงครามเป็นการพรากชีวิตของผู้คนเป็นจำนวนมาก และอยากให้ประเทศของหนูเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับประเทศอื่น” ลองติดตามที่ [ame="http://www.youtube.com/watch?v=GPeB6kGxWY0&feature=related"]http://www.youtube.com/watch?v=GPeB6kGxWY0&feature=related[/ame] Imagine by Connie Talbot นักร้องตัวน้อยเสียงใส นำเพลงสันติภาพของ John Lenon มาร้องใหม่ ซึ่งเชื่อว่าคนอายุ 40 ขึ้นไปคงรู้จักกันดี

    หนึ่งใน Guest Speakers ที่น่าสนใจ คือ Mr. Steve Leeper, Chairperson of the Hiroshima Peace Culture Foundation กล่าวในหัวข้อ “Why Nuclear Weapons and Why Now” ท่านเริ่มกล่าวเปิดอย่างจริงจังพร้อมคำขู่กลายๆ ที่สามารถสะกดให้เด็กๆร่วมทั้งผู้ใหญ่หลายๆ คนให้ตั้งใจฟัง เพราะสิ่งที่ท่านพูดนั้น เป็นไปได้มากและน่ากลัว
    ท่านกล่าวถึงประวัติศาสตร์ของสงครามการแก่งแย่งอำนาจ ความมั่งคั่งของทรัพยากรธรรมชาติ (พลังงาน อาหาร) ศักดิ์ศรี เครื่องมือทางเศรษฐกิจของมนุษย์ ตลอดจนสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ครั้งที่สอง พร้อมกับบอกให้เด็กๆ รุ่นใหม่เตรียมพร้อมกับการเผชิญกับสงครามนิวเคลียร์ที่มีแนวโน้มจะมาถึงในอนาคต เพราะมนุษย์มีแนวโน้มอยู่กับ War Culture มากกว่า Peace Culture

    เกือบทุกประเทศได้เพิ่มงบประมาณทางการทหาร คล้ายๆ กับเตรียมพร้อมที่จะรบกัน การค้าขายอาวุธที่จะนำมาทำลายกันก็เฟื่องฟูอยู่ทุกวัน

    หลังสงครามเย็นระหว่าง USA และ USSR ล่มสลาย ไม่มีประเทศใดในโลกที่มีอำนาจมากพอที่จะควบคุมระเบิดนิวเคลียร์ที่กระจายอยู่ในหลายๆ ประเทศในโลกใบนี้ได้ อานุภาพของนิวเคลียร์ใหม่มีอำนาจทำลายล้างมากกว่าที่ฮิโรชิมาและนางาซากิโดนมาแล้วเป็นร้อยเท่า คาดว่าจะทำลายชั้นบรรยากาศของโลกไปมากกว่า 10 ปี มองไม่เห็นพระจันทร์ไปอีกสิบปี กับแค่ปัญหา Global Warming ทุกวันนี้เรายังรับมือกันไม่ไหว ออกซิเจนที่เคยมี 22% ในอดีตเหลือ 15% ในอากาศ นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า มนุษย์จะอยู่ไม่ได้ ถ้าออกซิเจนลดลงมาที่ระดับ 11%

    สำหรับประเทศไทยนั้น อย่าคิดว่าไม่มีนิวเคลียร์ก็จะไม่ได้รับผลกระทบ เมื่อประเทศอื่นรบกัน แผ่นดินถูกทำลายก็ต้องหาแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ ที่ดินบ้านเราเป็นที่ต้องการของทุกคน ดังนั้น เราจึงควรจะร่วมกันเผยแพร่ Peace Culture ในโรงเรียน ซึ่งโครงการนี้จะเกิดขึ้นในประเทศต่างๆ ทั่วโลกเพื่อปลูกฝังให้คนรุ่นใหม่ ช่วยกันประคองให้มนุษยชาติอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข

    ด้วยความเคารพอย่างสูง สำหรับคุณวรรณี เจียรวนนท์ รอสส์ ผอ. โรงเรียนนานาชาติคอนคอร์เดียน ที่เป็นเจ้าภาพร่วมกับ UNESCO ในการจัดโครงการดีๆเช่นนี้ด้วยเจตนาและความมุ่งหวังว่า การประชุมพบปะในครั้งนี้จะยังประโยชน์แก่เยาวชน ผู้ซึ่งเป็นอนาคตของชาติ และเป็นจุดเริ่มต้นของกิจกรรมในลักษณะนี้ ที่จะส่งผลต่อสังคมและประเทศชาติ (สมชื่อคำว่า Concord จริงๆ)

    ครับ อ่านผ่านๆ มองดูปัญหาระดับโลกที่กล่าวกันมา ดูเหมือนแค่การรณรงค์กิจกรรมเด็กๆ เท่านั้นจะไปมีพลังช่วยโลกมนุษย์ได้สำเร็จหรือ ใครจะรู้ว่า หากเราปลูกฝังเด็กๆให้เข้าใจ เคารพ ให้เกียรติผู้อื่น เสียสละ เป็นผู้ให้ รู้จักแยกแยะความต่างของชาติพันธุ์ พื้นฐาน วัฒนธรรม ศาสนา สังคม เด็กๆที่มีจิตใจดีต่อกันในวันนี้อาจจะเป็นผู้นำชาติในอนาคตที่มีอำนาจในการตัดสินใจเรื่องใหญ่ๆ ระดับโลกก็เป็นได้ เริ่มที่ตัวเอง คนสองคน คนในครอบครัว คนในองค์กรของเรากันเอง ทำ I dream of Peace ให้เป็น You dream of Peace และ We dream of Peace ในที่สุด

    โรงเรียนไม่ใช่แค่ที่ที่ให้ความรู้แก่เด็กๆ องค์กรที่เราดูแลอยู่ก็คงจะไม่ใช่แค่ที่ทำกำไร ลองมาช่วยกันสร้างกิจกรรมความดีแบบที่ เด็กๆทำกันจะดีกว่ามั้ยครับ
    I Dream of Peace -
     
  17. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เศรษฐนวัตกรรม

    โดย : เสาวคนธ์ ศิรกิดากร
    วันที่ 28 มกราคม 2554 12:44
    นับแต่ปีที่แล้วมา ข่าวการก่อการร้ายในทั่วทุกมุมโลก สภาวะอากาศแปรปรวนรวนเร โรคภัยคร่ากรำผู้คน ข้อตกลงทางการค้า ข้อขัดแย้งระหว่างรัฐชาติ
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110120/show_ads_impl.js"></SCRIPT>การเลื่อนไหลของค่านิยมวัฒนธรรม หรือแม้แต่การสื่อสารผ่านวอลล์ในเฟสบุ๊คของคนที่อยู่ในบ้านเดียวกัน
    เหล่านี้ล้วนมีจุดร่วมหนึ่งอันปฎิเสธได้ยาก นอกเสียจาก เสียงของโลกใบนี้ที่สื่อสารก้องกังวานย้ำชัด
    ว่านับแต่นี้ชีวิตเราจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป

    หากว่าจุดหมายของการกำเนิดมา คือ การอยู่รอดและสืบเผ่าพันธุ์ ใช่แสวงสุขอย่างสมมุติฐานที่ใครเขาเฝ้าบอก
    สัญชาตญาณของการอยู่รอดของมนุษยชาติจึงแรงกล้ายิ่งนัก ที่จะกระตุ้นสมองซีกขวาและความกล้าอันดั้งเดิม ในการคิดค้น สร้างสรรค์ จินตนาการ เพื่อแสวงหาวิถีทางรอดใหม่ๆ
    ผ่านการคาดการณ์ ปรับตัว คิดค้น เพื่อที่จะคุมเกมส์ได้ในตอนจบ

    มิน่าเล่า เราจึงถูกเน้นย้ำถี่ยิบ ว่าถึงเวลาของการทำงานและใช้ชีวิตในโลกสีส้มสดของนวัตกรรม ที่เป็นลายแทงสู่การเป็นอยู่รอด ถูกเลือก ถึงก่อน และช่วงชิงธงชัยได้ในที่สุดทั้งในระดับชาติ องค์กร และตัวบุคคล

    ว่าแต่ คำศัพท์หรูที่ว่า Innovative Economy ที่พูดถึงกันบ่อย ราวเพื่อนสาวข้างบ้านนั้นเป็นฉันใด รูปโฉมเป็นฉะไหน จะต้องใช้อาวุธหลักใดในการเคลื่อนเข้าไปยึดหัวหาดในการณ์นี้

    Innovative Economy หรือที่ดิฉันถือวิสาสะรวบคำเรียกว่า เศรษฐนวัตกรรม เป็นการบรรจบกันของคลื่นการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ การเมือง การค้า เทคโนโลยี สังคมและวัฒนธรรม

    ในจุดบรรจบนั้น หากยืดหยุ่นรับมือและใช้สายตาพิเศษมองทัน จะเห็นโอกาสอันพิลาส แต่อีกด้านของเหรียญ จุดบรรจบที่ว่าอาจเป็นอวสานความสำเร็จในวันวานทั้งของระดับรัฐชาติ องค์กร และตัวบุคคล

    ในจุดบรรจบนั้น ยังปรากฎภาวะการณ์เสรี ทั้งการค้า ความร่วมมือ การแข่งขัน ความสัมพันธ์ ทัศนคติ และวิถีลีลาชีวิตใหม่ๆ

    และแม้ผู้พยากรณ์แนวโน้มโลกอนาคตอย่างสุดขั้วอย่าง Dr. James Canton จะเอ่ยอ้างอย่างทอดอาลัย ในหนังสือ The Extreme future ว่าระบบการศึกษานั้นล่มสลายเสียแล้ว แต่เขาก็ยังเชื่อลึกๆ และเปรียบเปรยว่า ความรู้และจินตนาการจะนับเป็นเงินตราใหม่ในโลกยุคเศรษฐนวัตกรรมนี้ทีเดียวเชียว

    น่าสนใจที่ The Extreme future นำเสนอว่าหมุดหมายหลักที่ควรพุ่งตรงไปยึดครอง มีอยู่ 4 ประการ คือ IT & Networks Biotech Nanotech และ Neurotech

    เมื่อวิเคราะห์ข้อเท็จจริง สถานการณ์ และแนวโน้มประกอบ นับว่าไม่ยากเย็นนักที่จะคล้อยตาม ด้วยควรแก่เหตุผล
    แต่เมื่อเพ่งพินิจความลุกลี้ลุกลนของชีวิตสำเร็จรูป ความโหยกระหายสิ่งแปลกใหม่ การเดินทางไกลเพื่อกลับมาเจอตัวเองที่บ้าน ความพยายามที่จะสื่อสารและสัมพันธ์กับสรรพสิ่งรอบข้างอย่างกระวนกระวาย หรือการตั้งคำถามง่ายๆต่อใจ ต่อตัว ต่องานและต่อชีวิต ที่เกิดขึ้นท่วมท้นในห้วงยามนี้

    ดูทีว่า นอกจากหมุดหมายหลักด้าน Info Bio Nano และ Neuro แล้ว ยังมีบางมิติที่หล่นหาย

    ต้องมีอะไรสักอย่างที่จับต้องไม่ได้ แต่คนเราขาด หิวกระหาย ไขว่คว้า เป็นจิกซอร์ที่ทำให้การเคลื่อนบรรจบมีชีวิตไม่แห้งดาย ดิฉันเรียกสิ่งนั้นว่า อาหารของจิตวิญญาณ หรือ Food of soul ซึ่งเป็นปัจจัยประการที่ 5 ที่มาใส่ชีวิตให้กับแนวโน้มใหม่ของโลกอนาคต

    ถึงแม้ว่าชีวิตเราจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป แต่มนุษย์เรายังก้าวต่อสู่จุดบรรจบ ด้วยใจกล้าหาญ ความรู้รอบ จินตนาการ และจิตวิญญาณเสรีอันอิ่มเอม

     
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เวทีดาวอสพิสูจน์อิทธิพลตลาดเกิดใหม่

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    [​IMG]

    นักวิเคราะห์ชี้ การประชุมเศรษฐกิจโลกที่ดาวอส จะตอกย้ำว่า ดุลอำนาจในการจัดการเศรษฐกิจโลกเปลี่ยนมาอยู่ในมือของประเทศตลาดเกิดใหม่
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110120/show_ads_impl.js"></SCRIPT>สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ผู้บริหารธุรกิจจากประเทศตลาดเกิดใหม่ ที่เข้าร่วมการประชุมเศรษฐกิจโลกที่เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ 26-30 ม.ค.นี้ มีจำนวนมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ประมาณ 365 คน ซึ่งการประชุมนี้ถือเป็นแหล่งรวมชนชั้นนำของธุรกิจทั่วโลก
    ประเทศตลาดเกิดใหม่เป็นกำลังหลักในการช่วยให้เศรษฐกิจโลกหลุดพ้นจากภาวะถดถอย และจะผลักดันการเติบโตในปีนี้ โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ประเมินว่า ประเทศตลาดเกิดใหม่อาจขยายตัว 6.5% ในปี 2554 หรือกว่า 2 เท่าของการเติบโตเฉลี่ย 2.5% ในประเทศพัฒนาแล้ว
    นายโฮเซ เซอร์จิโอ กาเบรียลลี หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหาร เปโตรเลโอ บราซิเลโร บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของบราซิล กล่าวว่า การประชุมที่ดาวอสในปีนี้ จะแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าบริษัทต่างๆ จะรับมือกับข้อเท็จจริงทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไปอย่างไร และประเด็นที่น่ากดดันที่สุด คือ การชะลอตัวของประเทศพัฒนาแล้ว เทียบกับการเติบโตอย่างยั่งยืนของกลุ่มบริก
     
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ผู้นำญี่ปุ่นรับรัฐบาลไร้มาตรการต่อเนื่องลดภาระหนี้

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    วันที่ 28 มกราคม 2554 14:06
    [​IMG]

    นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นยอมรับ รัฐบาลไม่มีการดำเนินมาตรการต่อเนื่อง เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ พร้อมย้ำถึงความสำคัญในการรักษาวินัยการคลัง
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110120/show_ads_impl.js"></SCRIPT>ถ้อยแถลงของต้นของนายนาโอโตะ คัง นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ซึ่งรวมถึง การเรียกร้องให้มีการสร้างความเชื่อมั่นในพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น เกิดขึ้นหลัง สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอส แอนด์ พี) บริษัทจัดอันดับความเชื่อถือชั้นนำ ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อญี่ปุ่นเมื่อวานนี้ (27 ม.ค.)
    ในระหว่างการกล่าวต่อรัฐสภานั้น นายคัง กล่าวด้วยว่า ตอนที่เขาทำหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีคลังนั้น เขาก็ได้รับการเน้นย้ำถึงเรื่องความสำคัญของการรักษาวินัยการคลัง รวมทั้งความสำคัญของพันธบัตรรัฐบาล
    สิ่งที่สำคัญก็คือ การรักษาวินัยการคลัง และความเชื่อมั่นในตลาดที่มีต่อการบริหารจัดการด้านการคลังของประเทศ
    ผู้นำญี่ปุ่น ออกมาแสดงความเห็นเป็นครั้งแรก หลังจากที่เอสแอนด์พีปรับลดอันความน่าเชื่อถือระยะยาวของญี่ปุ่น เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2545 ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นไม่มียุทธศาสตร์ที่มีความต่อเนื่องในการลดภาระหนี้สินจำนวนมหาศาล
    ขณะที่นายฮิโรฮิสะ ฟูจิอิ รองโฆษกรัฐบาล และอดีตรัฐมนตรีคลังญี่ปุ่น ชี้ว่า รัฐบาลจะต้องน้อมรับการประเมินครั้งล่าสุดของเอส แอนด์ พี
     
  20. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ระเบิดโรงแรมดาวอส

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    [​IMG]

    เกิดเหตุระเบิดที่โรงแรมในดาวอส แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110120/show_ads_impl.js"></SCRIPT> เจ้าหน้าที่ตำรวจสวิตเซอร์แลนด์รายงานว่า เกิดเหตุระเบิดขนาดเล็กที่โรงแรม โพสต์โฮเต็ล โมโรซานี ในเมืองดาวอส ซึ่งเป็นที่พักผู้นำทางการเมืองและนักธุรกิจที่เข้าร่วมการประชุมเศรษฐกิจโลก ช่วงสายวันนี้ (27 ม.ค.) ทำให้กระจกแตกสองบาน แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
    ผู้จัดการประชุมเศรษฐกิจโลกออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า เหตุระเบิดดังกล่าวเป็นการจุดประทัด ขณะผู้ไม่ประสงค์ออกนามประกาศผ่านเว็บไซต์ indymedia.ch อ้างความรับผิดชอบ โดยระบุว่า พุ่งเป้าโจมตีเจ้าหน้าที่รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ และผู้บริหารอาวุโสของธนาคารยูบีเอส ที่พักอยู่ในโรงแรมดังกล่าว

     

แชร์หน้านี้

Loading...