เงินเฟ้อที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นแล้ว??? รู้ทันโลก (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย k.kwan, 11 พฤศจิกายน 2010.

  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    360 องศา : ทำไปได้! ศิลปินดอยช์สร้างโรงแรม “เศษขยะ” กลางกรุงมาดริด
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 มกราคม 2554 10:54 น.
    [​IMG]

    นักท่องเที่ยวเดินออกจากโรงแรม บีช การ์เบจ ซึ่งออกแบบโดยศิลปินเยอรมัน โดยใช้ขยะจากชายหาดต่างๆทั่วยุโรปมาตบแต่งผนัง

    เอเอฟพี - โรงแรมเปิดใหม่ที่ใจกลางกรุงมาดริดของสเปนยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบานว่า สิ่งก่อสร้างที่เห็นทั้งหมดนี้ “ขยะ” ทั้งนั้น

    โรงแรมบีช การ์เบจ ซึ่งดูเหมือนกระท่อมไม้มากกว่าโรงแรม 5 ดาวนี้ มีผนังซึ่งถักทอจากเศษขยะที่เก็บได้จากชายหาดบ้าง กองขยะบ้าง และบางชิ้นก็ได้จากตลาดมือสอง

    ด้านหน้าโรงแรมประดับประดาด้วยต้นปาล์มและผืนทรายขนาดย่อมๆ ส่วนผนังก็ตบแต่งด้วย กลองพลาสติก, กรอบไม้, เครื่องดนตรี, ถุงเท้า, ยางรถยนต์ และหนังสือเด็ก เป็นต้น

    ห้องพักทั้ง 5 ห้องติดหลอดไฟถนน พร้อมเครื่องอำนวยความสะดวก เช่น ตู้ติดผนังที่ง่อนแง่นเล็กน้อย และพรมเปอร์เซียขาดวิ่น ทั้งหมดนี้รอต้อนรับผู้โชคดีที่ชนะการแข่งขันในเฟซบุ๊ก ซึ่งจะได้รางวัลเป็นที่พักฟรี

    โรงแรมแห่งนี้เป็นผลงานการออกแบบของ ฮา ชุลต์ ศิลปินชาวเยอรมัน ตั้งอยู่บริเวณปลาซา เด คาลลาโอ ใจกลางกรุงมาดริด เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของมหกรรมธุรกิจการท่องเที่ยวนานาชาติ ที่สเปนเป็นเจ้าภาพในปีนี้

    “ผมสร้างโรงแรมบีช การ์เบจ ขึ้นมาเพราะมหาสมุทรของโลกเราเป็นเหมือนกองขยะกองใหญ่” ชุลต์กล่าว

    ด้าน โรซา ปิเกอราส โฆษกประจำโครงการกล่าวว่า ต้องการจะสื่อให้เห็นสิ่งที่แตกต่างไปจากเป้าหมายของธุรกิจท่องเที่ยวโดยทั่วไป

    “เราต้องการให้ทุกคนตระหนักว่า หากไม่ทำความสะอาดชายหาด วันหยุดพักผ่อนของทุกคนจะเป็นอย่างไร”

    ร้อยละ 30-40 ของขยะที่ใช้ตบแต่งโรงแรมได้มาจากชายหาดในอังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี และสเปน โดย ปิเกอราส ระบุว่าหาดที่สกปรกที่สุดก็คือหาดในอิตาลี

    ทางโรงแรมยังได้ติดป้ายบอกสถิติเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เช่น “ชาวสเปน 1 ใน 10 ไม่ไปเที่ยวชายหาดอีกเพราะความสกปรกของมัน และชาวยุโรปร้อยละ 14 ก็ทำเช่นเดียวกัน”

    อย่างไรก็ตาม โรงแรมแห่งนี้จะปิดตัวลงในวันที่ 23 มกราคม

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    บรรยากาศภายในห้องหนึ่งของโรงแรม

    Around the World - Manager Online - <b><font color=blue>360 ͧ
     
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เศรษฐกิจพญามังกรปี 53 เติบโต 10.3 %
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 มกราคม 2554 17:04 น.
    [​IMG]

    การซื้อขายใบชาสำเร็จรูปที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตในปักกิ่ง ทั้งนี้ 20 ม.ค. สำนักสถิติแห่งชาติจีนเผยเศรษฐกิจจีนปีที่ผ่านมาขยายตัว 10.3 เปอร์เซ็นต์ นับเป็นระดับที่ขยายตัวเร็วสุดตั้งแต่วิกฤติเศรษฐกิจฯ ปี 2540 (ภาพเอเอฟพี)

    เอเอฟพี - สำนักสถิติแห่งชาติจีนแถลงวันนี้ (20 ม.ค.) เศรษฐกิจจีนปีที่ผ่านมา (2553) เติบโต 10.3 เปอร์เซ็นต์ นับเป็นระดับที่ขยายตัวเร็วสุดตั้งแต่วิกฤติเศรษฐกิจฯ ปี 2540 เป็นต้นมา ซึ่งสะท้อนความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจจีน

    ตัวเลขการเติบโตฯนี้ทำให้หลายฝ่ายมีความ หวังมากขึ้นว่า ค่าเงินหยวนจะแข็งค่ามากขึ้น ในขณะที่จีนระดมมาตรการหลากหลายมายับยั้งเงินเฟ้อที่บานปลายทะลุเป้าของ รัฐบาล นอกจากนี้ กลุ่มผู้นำสหรัฐฯก็ได้เรียกร้องประธานาธิบดีหู จิ่นเทาที่มาเยือนวอชิงตันสัปดาห์นี้ เร่งการปรับค่าเงินหยวน

    ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ จีดีพี ไตรมาส 4 ปี 2553 อยู่ที่ 9.8 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเทียบกับปี 2552 ซึ่งอยู่ที่ 9.2 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าเกินความคาดหมายของนักวิเคราะห์ และชี้ให้เห็นพลังเศรษฐกิจจีนที่สามารถแซงหน้าญี่ปุ่นขึ้นเป็นมหาอำนาจ เศรษฐกิจลำดับสองของโลกรองจากสหรัฐฯ

    หม่า เจี้ยนถัง คณะกรรมการสำนักสถิติแห่งชาติบอกกับนักข่าวว่า “ช่วงนี้ เศรษฐกิจอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อจากระยะฟื้นตัวไปสู่เสถียรภาพ”

    หม่ากล่าวว่า จีนจะเร่งการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยหม่าอ้างถึงแผนการกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่มาจากปัจจัยการบริโภค ภายในมากขึ้น และลดการพึ่งพาการส่งออกและการลงทุนจากภายนอก ซึ่งเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับสิ่งที่ประธานาธิบดีหู จิ่นเทา บอกกับผู้นำด้านธุรกิจสหรัฐฯระหว่างการเยือนวอชิงตันเมื่อวันพุธ (19 ม.ค.) ว่า จีนจะเน้นการฟื้นฟูอุปสงค์และการใช้จ่ายภายในประเทศ


    หุ้นในตลาดเอเชียตกไปตาม ๆ กันหลังจากที่จีนแถลงตัวเลขอัตราเติบโตเศรษฐกิจปีที่ผ่านมา ได้แก่ ตลาดหุ้นโตเกียว ร่วง 1.13 เปอร์เซ็นต์ ตลาดเซี่ยงไฮ้ ลดไป 1.10 เปอร์เซ็นต์ และตลาดฮ่องกงตกลงมา 1.15 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งตลาดซิดนีย์ ตก 0.97 เปอร์เซ็นต์

    นอกจากนั้นรายงานฯ เผยดัชนีราคาผู้บริโภคหรือค่าซีพีไอซึ่งเป็นปรอทชี้วัดเงินเฟ้อ สูงขึ้นถึง 3.3 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อนหน้า เกินกว่าเป้าที่จีนตั้งไว้ทั้งปีคือ 3 เปอร์เซ็นต์ สืบเนื่องจากราคาอาหารที่สูงขึ้นอย่างมาก

    อย่างไรก็ตาม ในเดือนธ.ค. 53 เงินเฟ้อจีนชะลอตัวลงมาอยู่ที่ 4.6 เปอร์เซ็นต์ปีต่อปี ซึ่งเดือนก่อนหน้า (พ.ย. 53) อยู่ที่ระดับ 5.1 เปอร์เซ็นต์ซึ่งนับว่าสูงสุดในรอบสองปี โดยนักวิเคราะห์กล่าวว่า ตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงในเดือน ธ.ค. กระตุ้นให้ธนาคารกลางจีนปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย และออกมาตรการคุมเข้มการปล่อยเงินกู้ของบรรดาธนาคารต่าง ๆ

    หม่า สำทับว่า “เราควรจะมั่นใจว่า เราจะประสบความสำเร็จในปี 2554”

    ส่วนตัวเลขผลผลิตจากบรรดาโรงงานและแหล่งผลิตต่าง ๆ เพิ่มขึ้น 15.7 เปอร์เซ็นต์ เร็วกว่าปี 2552 เมื่อผู้ผลิตเร่งผลิตสินค้าให้ทันตามความต้องการของตลาดที่เริ่มฟื้นตัวแล้ว ส่งผลให้ดัชนีราคาผู้ผลิต หรือ พีพีไอ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดราคาของสินค้าจากโรงงาน กระโดดขึ้นมา 5.9 เปอร์เซ็นต์

    ขณะที่การลงทุนสินทรัพย์ถาวรในเมือง ซึ่งเป็นเครื่องมือชี้วัดการใช้จ่ายด้านโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานของ รัฐบาล เพิ่มขึ้น 24.5 เปอร์เซ็นต์ ช้ากว่าปีที่ผ่านมา ขณะที่ดัชนีมูลค่าการค้าปลีก ซึ่งเป็นเครืองมือในการวัดการใช้จ่ายผู้บริโภค สูงขึ้น 18.4 เปอร์เซ็นต์

    China - Manager Online -
     
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    'หูจิ่นเทา'เจอ'โอบามา' หลงจู๊เจ้าหนี้รายใหญ่ เจอลูกหนี้คาวบอยเสียงดัง

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    <DD class=columnist-name>กาแฟดำ </DD>สื่อมะกันช่วงที่ประธานาธิบดีหูจิ่นเทา ไปเยือนอเมริกา สัปดาห์นี้ออกข่าว สร้างความวิตกกังวลให้กับชาวบ้านมะกันทั่วไป
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110120/show_ads_impl.js"></SCRIPT> ว่าจีนเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ
    นักวิจารณ์บางคนถึงกับบอกว่าจีนเป็น "เจ้าของ" สหรัฐ โดยที่ผู้เสียภาษีมะกันส่วนใหญ่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
    บทวิเคราะห์ของซีเอ็นเอ็น วันก่อนตั้งคำถามด้วยซ้ำว่า "Does China Own the USA?"
    เหตุที่เกิดคำถามอย่างนั้นเพราะรัฐบาลจีน ซื้อพันธบัตรรัฐบาลอเมริกันที่เรียกว่า treasury bills มหาศาล พูดง่ายๆ ว่าคือเป็น "เจ้าหนี้" รายใหญ่ของอเมริกา
    รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ฮิลลารี คลินตัน ถึงกับรำพึงรำพันวันหนึ่งกับคนใกล้ชิดเมื่อพูดถึงท่าทีของสหรัฐ กับจีนว่าจะแข็งกร้าวได้แค่ไหน?
    "คุณพูดจากับนายแบงก์คุณได้รุนแรงแค่ไหนล่ะ"
    นักวิเคราะห์เรื่องหนี้สินของสหรัฐ บอกว่าหากตรวจสอบกันอย่างละเอียดแล้ว หนี้สินของอเมริกา ร้อยละ 75% ยังอยู่ในมือของกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ ในอเมริกาอยู่ดี
    แต่ถ้าถามว่าใครถือพันธบัตรรัฐบาลมะกันมากที่สุด ก็ต้องยืนยันว่าคือรัฐบาลจีนซึ่งถืออยู่ใกล้ๆ 900 พันล้านดอลลาร์
    แต่ยอดหนี้ล่าสุดของอเมริกากระโดดไปถึง 14 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว
    แปลว่าจีนเป็นเจ้าหนี้อยู่แค่ร้อยละ 7 เท่านั้น
    แน่นอนว่า หากรัฐบาลปักกิ่ง ตัดสินใจเช้าวันหนึ่งว่าจะเรียกเงินคืนหมดพร้อมๆ กัน เศรษฐกิจสหรัฐก็จะต้องปั่นป่วนแน่นอน
    หรือถ้าจีนเพียงแค่ประกาศจะเทขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ล็อตใหญ่เท่านั้น ความสับสนอลหม่านก็จะเกิดขึ้นได้โดยฉับพลัน
    แปลว่าไม่ต้องขายจริงด้วยซ้ำ แค่ขู่ว่าจะขายทิ้ง คนอเมริกันก็ต้องพากันหนาวแล้ว
    แต่จีนจะทำอย่างนั้นทำไม
    ปักกิ่งรู้ดีว่าหากเศรษฐกิจสหรัฐ มีอันเป็นไป จีนก็จะต้องเผชิญกับปัญหาหนักหน่วงไปด้วย เพราะตลาดส่งออกใหญ่ที่สุดของจีนวันนี้ คือ อเมริกา และไม่ว่าจะมีเรื่องขุ่นข้องหมองใจกันหนักหนาสากรรจ์เพียงใด ผู้นำจีนก็รู้ดีว่าจะทำอะไรโผงผางไม่ได้
    เพราะเมื่อจีนตัดสินใจกระโดดออกจากระบบคอมมิวนิสต์ หันมาร่วมสังฆกรรมกับระบบทุนนิยม นั่นก็ย่อมแปลว่าไม่อาจจะถอยกลับไปได้
    อีกทั้งยังต้องยอมรับว่าสภาพของ "โลกาภิวัตน์" วันนี้ย่อมหมายความว่าเศรษฐกิจของประเทศหนึ่ง ต้องผูกพันกับอีกประเทศหนึ่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
    ยิ่งยักษ์ใหญ่อย่างจีนกับอเมริกา ที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายค้าขายระหว่างประเทศด้วยแล้ว ประเทศหนึ่งประเทศใดพัง อีกประเทศหนึ่งก็ไม่อาจจะอยู่ได้
    แน่นอนว่า อำนาจต่อรองในฐานะ "เจ้าหนี้" ของจีนนั้นไม่ได้แปลว่าตนเองจะทำอะไรก็ได้กับ "ลูกหนี้" ของตน
    เพราะจะว่าไปแล้ว จีนก็จำเป็นต้องเอาเงินทุนของตนที่มีเหลือใช้ เก็บไว้ที่ใดที่หนึ่งที่มีเสถียรภาพพอสมควร และการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ เป็นวิธีการสำคัญอย่างหนึ่งที่รับรองความมั่นคงและปลอดภัย กว่าการเอาเงินไปฝากไว้ที่อื่นๆ หรือลงทุนในแหล่งอื่นทั่วโลก
    เมื่อเป็นลูกหนี้จีน วอชิงตันก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยให้กับปักกิ่ง แม้ว่าจะต้องยืมเงินคนอื่นมาจ่ายเพื่อไม่ให้พันธบัตรของตนกลายเป็นเศษกระดาษ
    และเป็นที่รู้กันว่าคนอเมริกันเดินเข้าร้านซื้อข้าวของ จะเห็นสินค้าที่มีป้าย "Made in China" เต็มบ้านเต็มเมือง
    นั่นย่อมแปลว่าอเมริกามีปัญหาขาดดุลการค้ากับจีนอย่างช่วยไม่ได้อีกเช่นกัน
    นั่นคือ เหตุผลสำคัญที่ประธานาธิบดี บารัก โอบามา จะต้องจับเข่าพูดกับ หูจิ่นเทา ในรอบนี้อีกครั้งว่าจีนต้องไม่ "ปั่น" อัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนให้อ่อนค่ากว่าที่ควรจะเป็น
    เพราะนั่นจะทำให้จีนได้เปรียบในการส่งออกมากขึ้นไปอีก และคนมะกันก็จะเกิดความรู้สึกต่อต้านจีนสูงขึ้นไปเรื่อยๆ หากปักกิ่งไม่แสดงความจริงใจในการแก้ปัญหานี้
    โอบามาจะต้องเกรงใจ "เจ้าหนี้" จากเมืองจีนมากน้อยแค่ไหนก็ตาม เขาก็ไม่สามารถจะแสดงตนว่าพร้อมจะ "ซูฮก" กับหลงจู๊ใหญ่จากปักกิ่งไม่ได้เป็นอันขาด
    เพราะต่างคนต่างก็มีอาวุธทางการเมืองและเศรษฐกิจ ที่จะควักออกมาเล่นงานอีกฝ่ายหนึ่ง
    เพียงแต่ว่าต่างคนต่างรู้ว่า "เอ็งเป็นอะไรไปข้าก็อยู่ลำบากเหมือนกัน"
    รู้หรือยังว่าทำไมมังกรกับอินทรี จึงใช้ "วาทกรรม" เล่นงานกันและกัน มากกว่าจะหาญกล้าใช้อาวุธจริง
    เพราะใช้ของจริงเมื่อไร เจ๊งทั้งคู่


    '
     
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 21 มกราคม 2554 06:49
    <!-- End Content Header -->พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามรับศก.โตไม่จริง แก้ปัญหาเรื้อรังไม่ได้

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    <!-- Begin Media Content --><SCRIPT type=text/javascript>$(function() {$('#media-content').tabs();});</SCRIPT><!-- Media Picture content --><!-- Begin More Pics-->[​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]






    ที่ประชุมใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ยอมรับเวียดนามโตไม่จริง ปัญหาเรื้อรังยังแก้ไม่ตก
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110120/show_ads_impl.js"></SCRIPT>การประชุมใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ที่จัดขึ้นทุก 5 ปี และครั้งล่าสุด ซึ่งเป็นครั้งที่ 11 เปิดฉากที่กรุงฮานอย ตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา และใช้เวลาประชุมรวม 8 วัน ก่อนจะปิดฉากลงเมื่อวันที่ 19 มกราคมนั้น นายเหงียน ตัน ดุง นายกรัฐมนตรี ได้รับแต่งตั้งให้ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปเป็นสมัยที่ 2 ตามความคาดหมาย
    ส่วนนายเหงียน ฟู จอง วัย 66 ปี ประธานสภาสมัชชาแห่งชาติ ได้รับการแต่งตั้งให้ขึ้นดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรค และเป็น 1 ใน 14 สมาชิกใหม่ในโพลิตบูโร หรือ กรมการเมือง องค์การบริหารงานสูงสุด ศูนย์กลางอำนาจในการกำหนดนโยบาย และการดำเนินงานของรัฐบาล
    ขณะที่นายจอง ทาน ซาน ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานพรรคคอมมิวนิสต์ และสมาชิกโพลิตบูโร
    ประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาในการประชุมครั้งนี้ คือ การยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า เศรษฐกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็วนั้น ไร้ซึ่งเสถียรภาพ และบรรดาผู้แทนที่เข้าร่วมการประชุม ที่นอกจากจะเลือกตัวผู้นำคนสำคัญแล้ว ยังต้องร่วมกันกำหนดนโยบายใหม่ ๆ ด้วย
    ส่วนสีสันและบรรยากาศของการประชุมนั้น บรรดาผู้นำได้ร่วมกันร้องเพลงชาติ ในวันเริ่มเปิดการประชุม ถนนทุกสายในกรุงฮานอย ได้รับการประดับประดาด้วยผ้าสีแดงและเหลือง บางแห่งมีสัญลักษณ์ค้อน-เคียว มีโปสเตอร์ภาพผู้นำปฏิวัติ โฮ จิ มินห์ ในเครื่องแบบแรงงาน อันเป็นสัญลักษณ์ติดอยู่ทั่วไป
    ในระหว่างการประชุม จะมีหญิงสาวสวมชุดประจำชาติ คอยเสิร์ฟน้ำชาให้กับผู้นำ โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีเหงียน ตัน ดุง
    สิ่งที่สะท้อนว่า เศรษฐกิจของเวียดนามเติบโตอย่างไม่แข็งแรง ก็คือ ภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งติดต่อกันเป็นเดือนที่ 22 เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา รัฐบาลได้พยายามจะแก้ปัญหาเงินเฟ้อเรื้อรัง รวมทั้ง ค่าเงินด่องที่ถูกปรับลดค่ามา 3 ครั้งแล้ว เพียงเพื่อจะควบคุมปริมาณการขาดดุลการค้า และอุดหนุนภาคการส่งออก
    การพัฒนาประเทศของเวียดนาม ที่มีประชากร 90 ล้านคนนั้น เหมือนอ่านตำราคนละเล่ม กับประเทศที่มีพรรคคอมมิวนิสต์เป็นแกนหลักแบบเดียวกันอย่างจีน โดยเฉพาะการส่งเสริมการบริโภคเพื่อกระตุ้นศรษฐกิจ และที่สำคัญคือ ก้าวไปคนละทิศทางกับบรรดาเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออก ที่ได้ชื่อว่าเป็นเสือ หรือ มังกร แห่งภูมิภาค ที่ต่างก็พึ่งพาการส่งออก ไม่ใช่การบริโภค
    ในฐานะตลาดเกิดใหม่ เวียดนามก็ยังทำตัวไม่เหมือนใคร เพราะแม้จะขึ้นทำเนียบผู้ส่งออกสินค้าในหลายประเภท แต่กลับขาดดุลการค้ามหาศาลทับถมเข้าไปอีก สถานการณ์ในตลาดหุ้นของเวียดนามยังห่างไกลจากไทยและอินโดนีเซียหลายช่วงตัว
    การประชุมใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์ ได้กลายเป็นที่จับตาของนักลงทุนต่างชาติ แต่ก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายขนานใหญ่
    นักลงทุนและนักวิเคราะห์มองว่า การเร่งรัดให้เศรษฐกิจเติบโตแบบก้าวกระโดด ตามรอยจีนนั้นไม่ดีนักสำหรับเวียดนาม ถ้าตราบใดยังไม่อาจสร้างความสมดุลให้กับตนเองได้ เพราะรากฐานยังง่อนแง่นเกินกว่าจะยืนอยู่บนโลกที่มีการแข่งขันอย่างสูง และรุนแรงเหมือนอย่างในปัจจุบัน


    <SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110120/show_ads_impl.js"></SCRIPT>
     
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 21 มกราคม 2554 01:00
    <DD class=columnist-name>นฤมล คนึงสุขเกษม </DD><DD class=by-line>นักข่าวโต๊ะต่างประเทศ กับ คอลัมภ์จับกระแส </DD><DD class=by-line>เศรษฐกิจเบอร์1ของโลก

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    </DD>
    เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว นายอาร์วิน ซับรามาเนียน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส จากสถาบันเศรษฐกิจระหว่างประเทศปีเตอร์สันในสหรัฐ
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20110120/show_ads_impl.js"></SCRIPT> ออกมาประกาศอย่างน่าตื่นตาตื่นใจว่า เศรษฐกิจจีนมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก แซงหน้าสหรัฐไปแล้วในแง่ของความเสมอภาคของอำนาจซื้อ (Purchasing power parity - PPP)
    ข้อมูลของนายซับรามาเนียนระบุว่า เศรษฐกิจจีนมีขนาด 14.8 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2553 ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐมีขนาด 14.6 ล้านล้านดอลลาร์
    อย่างไรก็ตาม นักวิชาการจีนแย้งว่า จีนยังไม่เหมาะสมกับตำแหน่งดังกล่าว อีกทั้งข้อมูลจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และธนาคารโลกก็แสดงภาพจีนในแง่มุมที่แตกต่างออกไป
    ไอเอ็มเอฟประเมินว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีขนาดประมาณ 14.6 ล้านล้านดอลลาร์ เมื่อพิจารณาจากความเสมอภาคของอำนาจซื้อ ขณะที่เศรษฐกิจจีนมีขนาดประมาณ 10.1 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับการประเมินโดยธนาคารโลก
    นักวิเคราะห์หลายรายมองว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ไม่ว่าจะวัดกันแบบไหน พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าหากเศรษฐกิจจีนใหญ่ที่สุดในโลกจริงๆ ผู้กำหนดนโยบายของจีนคงพยายามแก้ไขตัวเลขของไอเอ็มเอฟไปแล้ว
    อย่างไรก็ตาม นายซับรามาเนียนแย้งว่า จีนไม่เอาธุระกับข้อมูลตัวเลขของไอเอ็มเอฟ ก็เพราะเล็งเห็นว่าการปรับปรุงข้อมูลจะยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อค่าเงินหยวนมากขึ้นไปอีก
    พูดถึงในเชิงทฤษฎี การประเมินขนาดเศรษฐกิจด้วยความเสมอภาคของอำนาจซื้อมีจุดบกพร่องหลายข้อ เช่น การเลือกพิจารณาเฉพาะสินค้าที่มีการซื้อขายกับต่างชาติ แต่ละเว้นสินค้าที่ไม่สามารถซื้อขายกับต่างชาติ
    นอกจากนี้ ทฤษฎีดังกล่าวยังไม่ใส่ใจกับอิทธิพลของต้นทุนการค้าและกำแพงการค้า อีกทั้งมองข้ามผลกระทบจากกระแสเงินทุนต่างชาติที่มีต่ออัตราแลกเปลี่ยน
    ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจจีนเชื่อว่า การยกย่องจีนเป็นผู้ชี้นำเศรษฐกิจโลก เป็นเพียงข้ออ้างที่สหรัฐจะเพิ่มแรงกดดันต่อรัฐบาลปักกิ่ง ให้ปล่อยเงินหยวนแข็งค่าขึ้น และข้อสรุปของนายซับรามาเนียน ยังห่างไกลจากความเป็นจริงอยู่มาก
    ตัวเลขของไอเอ็มเอฟแสดงว่า ชาวอเมริกันโดยทั่วไปมีสัดส่วนผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ต่อหัวสูงกว่าชาวจีนประมาณ 6 เท่า แต่นายซับรามาเนียนคำนวณตัวเลขออกมาได้เพียง 4 เท่า
    อย่างไรก็ตาม ชาวอเมริกันที่เห็นด้วยกับนายซับรามาเนียนก็มีอยู่เป็นจำนวนมาก ดูจากผลสำรวจของสถาบันวิจัย พิวรีเสิร์ชเซ็นเตอร์ ที่เผยแพร่ออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ปรากฏว่าผู้ตอบแบบสอบถามประมาณ 47% ระบุว่าจีนเป็นมหาอำนาจเศรษฐกิจโลก ขณะที่ 31% ยังมองสหรัฐเป็นอันดับ 1 ของโลก
    ผลสำรวจดังกล่าวแตกต่างจากเมื่อเดือนก.พ.2551 ที่ชาวอเมริกัน 41% มองสหรัฐเป็นมหาอำนาจเศรษฐกิจโลก ส่วน 30% คิดว่าน่าจะเป็นจีน
    แต่หากพิจารณาอย่างจริงจังแล้ว ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจจีนจะแซงหน้าสหรัฐได้ในตอนนี้ ก็คงเป็นเพียงแค่เรื่องของขนาดเท่านั้น ในแง่ของเศรษฐกิจโดยรวม จีนคงต้องเดินทางอีกยาวไกลกว่าจะแข็งแกร่งได้เท่าสหรัฐ

     
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    น้องเม่ากับคำเตือนครั้งสำคัญจากธรรมชาติ
    เรื่องนี้ได้พล็อตจากคุณ "เม่าภูเขา ไม่กลัวดอย" (หรืออีกชื่อหนึ่งคือ "นักวิทยาศาสตร์ฝ่ายอธรรม" นามแฝงในพันทิป ) ตอนแรกว่าจะวาดอีกเรื่องนึงก่อน แต่พอได้พล็อตนี้มาชอบมาก ต้องรีบวาดเลย เพราะมันโดนนน ก็ต้นสัปดาห์ที่เพิ่งเริ่มเปิดตลาดมา ยังเขียวยกแผง กำลังหลงระเริงอยู่เชียว วันศุกร์จู่ๆงานเข้าไม่มีเวลาดูหุ้น กว่าจะโงหัวขึ้นมาเช็คก็ตอนปิดตลาดแบบแดงเถือกไปแล้ว สะเทือนใจมิใช่น้อยยย ฮือออ

    แน่นอนว่า ขายพี่เทพไม่ทันอีกตามเคย (ติดดอยที่มอนทาราต่อไป) ส่วนน้าแอ๊ดตอนแรกเหมือนจะฉลุย แต่อารมณ์เหมือนคนเป็นมะเร็ง จู่ๆดันอาการกำเริบขึ้นมา มันอารายยยกานนนนเนี้ยะะ
    อ่านบทวิเคราะห์เค้าบอกยังจะลงต่ออีก เพราะแรงถอน LTF ไม่น่าหลงระเริงตั้งแต่ตอนแรกเรยตรู ถ้าขายๆตัวอันตรายออกไปบ้างจะได้มี cash flow ไว้ช้อนซื้อตัวน่ารักๆเรียบร้อยๆกะเค้าบ้าง ตอนนี้สงสัยต้องนั่งรอมันลงแบบยาจกน้ำตาคลอเบ้า

    January Effect มันสั้นจังเนอะ T_T
    [​IMG]
    [​IMG]


    น้องเม่ากับกราฟเทคนิค
    [​IMG]


    ฝันน้องเม่าจะเป็นพญาปลวก
    [​IMG]



    แหล่งการ์ตูนสุดฮา สนับสนุนโดย เม่าอินเวสเตอร์ [​IMG]
    Maleang-Mao Investor
    http://www.pantip.co.../I10111969.html

    วิเคราะห์แมวๆ เพื่อการลงทุนกองทุนทองคำ - ThaiGOLD.info - เวปบอร์ด ราคาทองคำ - หน้า 114
     
  7. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันพุธที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2554

    เม่า on Facebook



    เนื่องจากมีคน request กันเข้ามามาก (ประมาณ 2 คน) ว่าอยากเจอน้องเม่าบน facebook ข่าวดี!! คือตอนนี้สามารถเข้าร่วม community เม่าได้แร้วนะจ๊ะะะเพื่อนๆ
    http://www.facebook.com/maoinvestor.pantip
    ตอนแรกจะสมัคร maoinvestor เฉยๆแต่ระบบดันไม่ยอม T^T


    เข้ามากด like กันเยอะๆนะคะ
    (นังเม่าเริ่มหยิ่ง มีคนติดตามเยอะหน่อยทำเป็นวางท่า)​
    [​IMG]


    เขียนโดย joop joop

    วันอาทิตย์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2554

    3 อาการเบื้องต้นของการเป็น "เม่า"



    สวัสดีกลางเดือนมกราคมค่ะ ช่วงนี้ตลาดหุ้นผันผวนจริงๆ ไม่รู้ว่าเปิดตลาดสัปดาห์หน้าจะออกหน้าเขียวหรือหน้าแดง (แต่เม่าเริ่มหน้าดำ(คร่ำเครียด)) มาสำรวจตัวเองกันหน่อยดีกว่า ว่าตอนนี้เป็น "เม่า" หรือเปล่า อิอิ


    [​IMG]
    ใครที่สำรวจตรวจสอบแล้ว พบว่าไม่มีอาการ 3 ข้อข้างต้น อย่าเพิ่งดีใจ ลองตรวจสอบเพิ่มอีกนิดว่าคุณเป็น "เม่าขั้นเทพ" หรือเปล่า ^_^





    [​IMG]


    สิ่งที่โคตรเม่าต้องทำตอนนี้คืออัพเกรดตัวเองให้เป็นเม่าธรรมดาก่อน (ก่อนจะเป็นพญาปลวกในอนาคตต่อไป) ช่วงนี้กำลังเร่งฟิตอ่านหนังสือเกี่ยวกับการเพาะเลี้ยงห่านทองคำค่ะ ^_^


    ใครมีห่านเจ๋งๆก็แนะนำได้นะคะ (ตอนนี้รู้สึกมีแต่นกเอี้ยง ไม่ได้เลี้ยงด้วย มันมาเอง T_T)​


    เขียนโดย joop joop

    Maleang-Mao Investor
     
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ทองคำดิ่งเหว $26.50 หลังจีนขึ้นเพดานสำรองเงินฝาก
    ทองคำดิ่งเหว $26.50 หลังจีนขึ้นเพดานสำรองเงินฝากแบงก์พาณิชย์

    ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 15 มกราคม 2554 07:28:54 น.
    สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (14 ม.ค.) หลังจากธนาคารกลางจีนประกาศเพิ่มเพดานกันสำรองเงินฝากของธนาคารพาณิชย์เป็นครั้งที่ 7 เมื่อวานนี้ นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐและความวิตกกังวลเรื่องปัญหาหนี้ยุโรปที่ลดน้อยลง ยังส่งผลให้ความต้องการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยนั้น ลดลงด้วย



    สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก. พ.ร่วงลง 26.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,360.50 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนไหวในช่วง 1,354.60 - 1,377.80 ดอลลาร์

    ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี. ค.ลดลง 94.3 เซนต์ ปิดที่ 28.320 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี. ค.เพิ่มขึ้น 3.5 เซนต์ ปิดที่ 4.412 ดอลลาร์/ออนซ์

    ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม. ย.ร่วงลง 5.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,816.00 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี. ค.ดิ่งลง 22.95 ดอลลาร์ ปิดที่ 790.50 ดอลลาร์/ออนซ์

    สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาทองคำร่วงลงหลังจากธนาคารกลางจีนประกาศเพิ่มสัดส่วนการกันสำรองเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ 0.50% เมื่อวานนี้ โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค.เป็นต้นไป

    ธนาคารกลางจีนได้ปรับเพิ่มเพดานการกันสำรองเงินฝากของธนาคารพาณิชย์เป็นครั้งที่ 7 นับตั้งแต่ต้นปี 2552 โดยมีเป้าหมายที่จะดูดซับสภาพคล่องส่วนเกินออกจากระบบเศรษฐกิจ หลังจากอัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้น 5.1% ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 28 เดือนเมื่อเทียบรายปี

    ขณะเดียวกัน กระแสกดดันเรื่องปัญหาหนี้ยุโรปที่ผ่อนคลายลงก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยนางแองเกลา เมอร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนียืนยันว่า เยอรมนีจะทำทุกวิถีทางที่จำเป็นพื่อสนับสนุนค่าเงินยูโร ขณะที่นายฌอง- คล้อด ทริเชต์ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ได้ออกมาส่งสัญญาณเมื่อวันพฤหัสบดีว่า อีซีบีอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากจำเป็น เพื่อเป้าหมายที่จะควบคุมเงินเฟ้อ

    เทรดเดอร์มองว่า การที่ทริเชต์ออกมาส่งสัญญาณเรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจเป็นเพราะวิกฤตที่รุนแรงที่สุดในกลุ่มยูโรโซนกำลังจะสิ้นสุดลง ซึ่งทำให้ทริเชต์เริ่มพิจารณาใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยของอีซีบี

    นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐยังทำให้ความต้องการทองคำลดลงด้วย รวมถึงยอดค้าปลีกเดือนธ. ค.ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.6% และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนธ.ค.

    --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-

    http://www.ryt9.com/s/iq03/ 1067501 <!--IBF.ATTACHMENT_3225-->
     
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ราคาทองคำในประเทศ 96.50%

    <IFRAME marginWidth=0 marginHeight=0 src="http://namchiang.com/flashgoldprice.php?width=180" frameBorder=0 width=200 scrolling=no height=180> </IFRAME>
     
  10. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    แรงซื้อเก็งกำไรหนุนทองคำปิดพุ่งทำนิวไฮที่ $1,422.90 (ข่าวเก่าตอนต้นปีเพื่อประกอบการพิจารณา)
    แรงซื้อเก็งกำไรหนุนทองคำปิดพุ่งทำนิวไฮที่ $1,422.90

    ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 4 มกราคม 2554
    สัญญาทองตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้ (3 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาทองคำร่วงลงอย่างหนักในระหว่างวัน อันเป็นผลมาจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐซึ่งทำให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในช่วงเช้า

    สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก. พ.เพิ่มขึ้น 1.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,422.90 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,414.50 - 1,424.40 ดอลลาร์


    ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี. ค.เพิ่มขึ้น 18.80 เซนต์ ปิดที่ 31.125 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี. ค.เพิ่มขึ้น 1.05 เซนต์ ปิดที่ 4.4575 ดอลลาร์/ปอนด์

    สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม. ย.เพิ่มขึ้น 8.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,786.40 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี. ค.ลดลง 2.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 800.40 ดอลลาร์/ออนซ์

    สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างการแสดงความคิดเห็นของเทรดเดอร์ในตลาดว่า สัญญาทองคำเปิดตลาดซื้อขายวันแรกของปี 2554 ย่ำฐานทรงตัว เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐและการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้กระตุ้นให้นักลงทุนย้านฐานการลงทุนเข้าไปยังสินทรัพย์ที่ให้อัตราผลตอบแทนสูง เช่นตลาดหุ้น ซึ่งส่งผลให้สัญญาทองคำร่วงลงอย่างหนัก

    แต่สัญญาทองคำดีดตัวขึ้นในเคลื่อนไหวในแดนบวกได้อีกครั้งเนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาดิ่งลงไปในช่วงเช้า นอกจากนี้ การคาดการณ์ที่ว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวสูงขึ้น ยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงด้วย

    สหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเมื่อวานนี้ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนพ. ย.เพิ่มขึ้น 0.4% แตะระดับ 8.102 แสนล้านดอลลาร์ ทำสถิติขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 และสูงกว่าเดือนต. ค.ที่ขยายตัวแตะระดับ 8.067 แสนล้านดอลลาร์

    สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนธ. ค.ขยายตัวที่ระดับ 57 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนพ. ย.ที่ระดับ 56.6 จุด และทำสถิติขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 17 ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงอยู่ในระยะฟื้นตัว

    --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-- <!--IBF.ATTACHMENT_3172-->
     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เอฟบีไอบุกรวบ “แก๊งมาเฟียนิวยอร์ก” ล็อตใหญ่สุดในประวัติศาสตร์
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>21 มกราคม 2554 10:52 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    เอริค โฮลเดอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ

    เอเอฟพี - หน่วยสืบสวนสอบสวนกลางสหรัฐฯ(เอฟบีไอ)บุกเข้าจับกุมสมาชิกแก๊งมาเฟีย โคซา โนสตรา ได้กว่า 100 คนจากทั่วนครนิวยอร์กวานนี้(20) ซึ่งถือเป็นการกวาดล้างกลุ่มมาเฟียอิตาเลียน-อเมริกันครั้งใหญ่ที่สุดที่เคยเกิดขึ้น

    เอริค โฮลเดอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯระบุว่า เจ้าหน้าที่เอฟบีไอกว่า 800 นายได้บุกเข้าทลายรังของมาเฟียในนครนิวยอร์ก, นิวเจอร์ซีย์ และ โรดไอแลนด์ ในช่วงเช้ามืดของวานนี้(20)

    ปฏิบัติการณ์ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างเอฟบีไอ, ตำรวจท้องที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สามารถจับกุมสมาชิกแก๊งมาเฟียและผู้สมรู้ร่วมคิดได้ 127 คน นอกจากนี้ ยังมีการจับกุมอันธพาลกลุ่มนี้ได้ในอิตาลีด้วย

    “การกวาดล้างวันนี้ถือเป็นก้าวสำคัญซึ่งจะยุติการกระทำผิดกฎหมายของ ลา โคซา โนสตรา” โฮลเดอร์ กล่าว

    ผู้ต้องสงสัยทั้งหมดประกอบด้วยบุคคลที่สมรู้ร่วมคิด, “ทหาร”, “กัปตัน” และหัวหน้าแก๊งมาเฟีย นอกจากนี้ยังสามารถจับกุมผู้นำมาเฟียในตระกูล “โคลอมโบ” และ “แกมบิโน” ซึ่งเป็น 2 ใน 5 ตระกูลมาเฟียใหญ่ในนิวยอร์ก

    เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาฆาตกรรม, ปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยสูง, วางเพลิง, ค้ายาเสพติด, โจรกรรม, ขู่บังคับให้ใช้แรงงาน และ กรรโชกทรัพย์ ซึ่งรวมไปถึงการเรียกค่าคุ้มครองจากเงินโบนัสที่คนงานท่าเรือในนิวยอร์กและนิวเจอร์ซีย์ได้รับในเทศกาลคริสต์มาส

    5 ตระกูล มาเฟียที่สั่งสมอิทธิพลในนิวยอร์กมาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1930 ได้แก่ เฌโนเวส, แกมบิโน, ลุชเชส, โคลอมโบ และ โบนันโน

    โคซา โนสตรา เคยแทรกซึมเข้าควบคุมระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยมีเขตอิทธิพลหลักอยู่ที่นครนิวยอร์ก และแผ่ขยายสาขาไปยังส่วนอื่นๆทั่วประเทศ แม้ลักษณะเช่นนี้จะยังคงฝังรากลึกในสังคมอเมริกัน แต่อิทธิพลของทั้ง 5 ตระกูลก็เสื่อมถอยลงไม่น้อยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากหัวหน้าแก๊งจำนวนมาหถูกจับดำเนินคดี

    Around the World - Manager Online -
     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    จีนดึงเหมืองธาตุหายาก 11 แห่งมาเป็นของรัฐ
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>21 มกราคม 2554 11:07 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    แฟ้มภาพ – การโหลดธาตุหายากขึ้นเรือบรรทุก ณ ท่าเรืออวิ๋นหนานกั่ง มณฑลเจียงซู (ภาพเอเยนซี)

    เอเอฟพี - จีนดึงเหมืองธาตุหายาก 11 แห่งมาอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล ตามนโยบายรวบรวมและสร้างความมั่นคงแก่อุตสาหกรรมเหมืองฯ ซึ่งนักวิเคราะห์ชี้ (20 ม.ค.) ว่า จะช่วยทำให้ธาตุหายาก ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการผลิตไอพอด และรถยนต์ไฮบริด มีราคาเพิ่มสูงขึ้น

    กระทรวงทรัพยากรแผ่นดินจีน เผยว่า “เจ้าหน้าที่พุ่งเป้าไปที่เหมืองฯในแถบตะวันออกของมณฑลเจียงซี ซึ่งอุดมไปด้วยธาตุหายาก ตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการจะเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลปกป้องธาตุหายากและการพัฒนาอย่างมีเหตุผล”

    ทางการจีนได้ตรึงมาตรการควบคุมธาตุหายาก โดยตัดลดโควต้าการส่งออกไปยังต่างประเทศ พร้อมขึ้นภาษีการส่งออกและลงโทษเหมืองที่ปล่อยมลพิษอย่างหนัก

    จีนมีสัดส่วนการผลิตธาตุหายากกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ของทั้งโลก เมื่อธาตุหายากเป็นองค์ประกอบสำคัญในการผลิตผลิตภัณฑ์ไฮเทค อาทิ รถยนต์ไฮบริดพรีอุส (ของโตโยตา) ไอแพด กังหันลมผลิตกระแสไฟฟ้า โรงงานกลั่นน้ำมัน ไปถึงสมาร์ทบอมบ์ เพียงตัวอย่างรายการผลิตภัณฑ์ไม่กี่อย่างนี้ ก็ทำให้เหล่าชาติอำนาจทั้งหลายหนาวๆร้อนๆไปตามกัน

    กระทรวงทรัพยากรฯ กล่าวเมื่อวันจันทร์ (17 ม.ค.) เหมืองธาตุหายาก 11 แห่ง มีพื้นที่ 2,534 ตร.กม. จะเป็นกลุ่มแรกที่รัฐบาลวางแผนดำเนินการเข้าควบคุม

    นักวิเคราะห์ชี้ว่า ความพยายามที่จะนำเหมืองธาตุหายากมาอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐ เป็นก้าวสำคัญของการรวมอุตสาหกรรมที่แตกกระจายในแถบภาคใต้ และจะทำให้ราคาธาตุหายากเพิ่มขึ้นด้วย

    ซัง ย่งเหลียง นักวิเคราะห์ประจำสำนักความมั่นคงกั๋วไท่จวินอาน แห่งเซี่ยงไฮ้ เผยว่า “ราคาธาตุหายากจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน เมื่อรัฐบาลควบคุมอย่างแข็งขัน”

    ซังกล่าวว่า รัฐบาลอาจจะพุ่งเป้าไปที่ธาตุหายากชนิดหนัก ซึ่งมีราคาแพงกว่าชนิดเบา เนื่องจากขาดแคลนและหายากกว่า

    เมื่อปลายปีที่ผ่านมา (28 ธ.ค.2553) กระทรวงพาณิชย์จีนได้ประกาศลดโควตาส่งออกธาตุหายากลง 35 เปอร์เซ็นต์สำหรับช่วงครึ่งแรกของปี 2554 โดยในช่วงครึ่งหลังของปี2553 จีนได้ประกาศลดโควตาส่งออกไปแล้วถึง 72 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์มั่นใจว่า “โควต้าการส่งออกธาตุหายากทั้งปี 2554 จะลดลงไม่มากนัก” ทั้งนี้จีนแถลงว่า ไม่ได้ใช้ธาตุหายากมาเล่นเกมการเมืองโลกอย่างที่สหรัฐฯ เคยโจมตี
    China - Manager Online -
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มกราคม 2011
  13. Soul Collector

    Soul Collector เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2011
    โพสต์:
    503
    ค่าพลัง:
    +610
    ตอนนี้ราคาทองคำลงมาเยอะจริงดั่งตาเห็นของข้อมูลที่คุณจิมมี่สิริมีจริงๆนะครับน้าขวัญ ผมเองก็ติดตามดูบล็อกของเฮียเขาอยู่ทุกวัน เงินออมส่วนตัวก็ได้โยกไปซื้อทองคำเก็บได้หลายสลึงแล้ว ^_^ เพราะสังหรณ์ใจว่าเร็วๆนี้น่าจะไม่เกินปีนี้นิวเวิร์ลกัฟเวิร์นเม้นท์น่าจะอะน้าวซ์เงินสกุลใหม่ออกมาบังคับใช้ทั่วโลกซึ่งก็น่าจะมาจากการใช้ทองคำและเงินในการผลิตเป็นเงินเมทัลสกุลใหม่เป็นหนึ่งเดียวทั่วโลกแน่นอน (ความเห็นส่วนตัว)
     
  14. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    คุณ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Soul Collector<!-- google_ad_section_end --> รู้จักเก็บออมก็ถือว่ามีอนาคตดีแล้วค่ะ น้าขวัญ ยินดีด้วย
    เพื่อนๆของน้าที่บริษัทฯตอนที่ทองยังไม่ถึงหมื่นเขาเล่นแชร์ซื้อทองกันก็เก็บทองกันไปได้
    หลายปีก็ได้หลายบาทอยู่ พอทองแพงก็เลิกกันไป เวลามาเม้าท์เรื่องแชร์สร้อยทองคำ
    ก็ยังมีเกทับกันเลย ของใครเปียร์ได้ตอนราคากี่บาท ทองคำมันเก็บอยู่นะ ที่เป็นเงินดัน
    เก็บไม่ค่อยอยู่ พอตัวเลขมันขึ้นเป็นบวก ก็มีเรื่องให้ต้องใช้เงินทุกที แหะๆ น้าขวัญเชียร์
    เก็บออมเป็นทองคำไว้ มันมีประวัติศาสตร์ในตัวเองเก็บแล้วมีความสุขไปอีกแบบนะ
    เวลาเอามาดู เส้นนี้ซื้อตอนเท่านี้บาท แต่ละเส้นราคามันก็ต่างๆกันไป แถมเอาไว้เป็น
    มรดกให้ลูกหลานได้อีกนานเพราะมันจะหาเก็บหาซื้อได้ยากขึ้น ที่น้าขวัญมีอยู่ก็ไม่มาก
    หรอก ตอนนี้ก็ซื้อไม่ไหวแระ ไม่มีตังค์ มีลูกแล้วตังค์ไม่เหลือเก็บ ใครยังไม่มีลูกยังโสด
    เนี่ยรีบๆเก็บออมไว้เลย เวลาเป็นเงินเป็นทอง หุหุ
     
  15. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    Jan 21 2011, 6:46 AM
    Guest251 (guest): Internet ID http://www.thairath.co.th/<WBR>content/<WBR>tech/<WBR>142364

    [​IMG]
    [​IMG]
    Jan 21 2011, 8:57 AM
    JimmySiri: ถ้าหากเรากลับไปดูกราฟของท<WBR>ั้งทองคำและแร่เงินในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา คงจะมีคำตอบครับควรจะลงทุน<WBR>อย่างไร และควรจะเอาเงินเก็บหรือเง<WBR>ินออมไปลงที่ไหน โดยเฉพาะ 3 ปีหลังมานี่จะเห็นว่ากราฟพ<WBR>ุ่งขึ้นในลักษณะที่ค่อนข้า<WBR>งชันครับ โดยเฉพาะแร่เงิน แต่ถ้าผมจะบอกว่าที่ผ่านมา<WBR>เป็นเพียงรอบอุ่นเครื่องเท<WBR>่านั้นเองครับ ของจริงยังไม่ได้เริ่มขึ้น<WBR>เลยครับ แต่สัญญานก็เริ่มมาให้เห็น<WBR>ชัดเจนขึ้นในปี 2010 ที่ผ่านมา

    [​IMG]
    [​IMG]

    Jan 21 2011, 9:00 AM
    JimmySiri: เช่น 1)<WBR>ทิศทางการย้ายเงินทุนของกล<WBR>ุ่มเฮดจ์ฟันด์ขนาดใหญ่มุ่ง<WBR>มาที่ทองคำและเร่งเงิน 2)<WBR>เฮดจ์ฟันด์ที่จัดตั้งขึ้นม<WBR>าใหม่ๆ ที่มีขนาดกองทุนขนาดใหญ่เพ<WBR>ื่อเข้าลงทุนทองคำและแร่เง<WBR>ิน 3)<WBR>กลุ่มธนาคารกลางกลายมาเป็น Net Buy หรือซื้อสุทธิมาอย่างต่อเน<WBR>ื่องในช่วง 2-<WBR>3 ปีมานี้ โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารกลางนี<WBR>่เองที่จะเป็นตัวดันราคาโล<WBR>หะเหล่านี้ให้ทะลุเพดานครั<WBR>บ *<WBR>*<WBR>*<WBR>แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่มีใค<WBR>รอยากได้ของแพง จริงไม๊ครับ

    [​IMG]
    [​IMG]

    Jan 21 2011, 9:05 AM
    JimmySiri: 4)<WBR>จีน รัสเซีย อินเดีย และประเทศต่างๆที่อัพดอลล่<WBR>ากันไว้เต็มปอด ก็ทยอยเทออกมาเพื่อแลกเปลี<WBR>่ยนเป็นทองคำ แร่เงิน ทองแดง น้ำมัน หรืออะไรก็ได้ที่จับต้องได<WBR>้ก็เอาไว้ก่อน แต่เป้าแรกมุ่งไปคือทองคำแ<WBR>ละแร่เงิน เพราะสภาพคล่องสูงสุด และเมื่อไหร่ที่กลุ่มนี้ตั<WBR>ดใจเทดอลล่าแล้วล่ะก็ Gold Rush หรือเข้าสู่ยุค "<WBR>ตื่นทอง"<WBR> ทันทีครับซึ่งไม่เป็นผลดีก<WBR>ับใครทั้งสิ้น เพราะปริมาณทองคำ และแร่เงินที่มีอยู่ในตลาด ณ เวลานี้เทียบไม่ได้เลยกับป<WBR>ริมาณกระดาษที่ทุกคน "<WBR>ติดกับดัก"<WBR> เข้าไปแล้ว หรือที่เราเรียกันว่า "<WBR>ดอลล่า"<WBR>

    [​IMG]
    [​IMG]

    Jan 21 2011, 9:10 AM
    JimmySiri: 5)<WBR>อาการของทั้งทางยุโรปและสห<WBR>รัฐไม่ค่อยสู้ดีแต่ก็เต็มไ<WBR>ปด้วยความหวังครับ ซึ่งจะเป็นจุดตัดสินใจให้ช<WBR>าติต่างๆ ที่ถือครองทรัพย์สินในสกุล<WBR>ดอลล่าต้องคิดหนัก ก็จะกลับไปที่ข้อ 4 เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น 6)<WBR>ใครไล่เก็บทองมาตลอดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาทราบไม๊ครับ ก็พวกขาใหญ่ที่ทุบทองคำนั่<WBR>นแหละครับ หรือก็คือกลุ่ม NWO นั่นเอง เพราะเค้ารู้ไงครับว่าเค้า<WBR>จะทำอะไร หรือจะเกิดอะไรขึ้นไงครับ

    [​IMG]
    [​IMG]

    Welcome!!
    ....."The Gold War phase II" by Jimmy Siri<!-- google_ad_section_end -->
     
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    Jan 21 2011, 4:16 PM
    JimmySiri: ราคาลงต่ำใกล้แตะ $<WBR>1,<WBR>300 เป็นโอกาสที่ดีในการเก็บคร<WBR>ับ เค้ามีเหตุผลที่ต้องทุบก็เ<WBR>พราะเรื่องทองกระดาษ ที่ช๊อตกันไว้มหาศาล ถ้าทองไม่ลงก็อ่วมครับ เพราะฉะนั้นต้องอ่านตรงนี้<WBR>เป็น 2 ส่วน ทองกระดาษหรือ GF เป้าต่อไป $<WBR>1,<WBR>33x ถ้าเอาไม่อยู่น่าจะได้เห็ฯ $<WBR>1,<WBR>30x และทุกวันศุกร์ที่ 3 ของเดือนจะมีตราสารออปชั่น ในตลาดโคเมกซ์ ก็คือวันนี้ครับ เมื่อคืนเลย "<WBR>โดน"<WBR> หนักหน่อย สัปดาห์หลังมานี่ตัวเลข OI หรือปริมาณสัญญาฝั่งช๊อตขอ<WBR>งพวกขาใหญ่ลดลงฮวบฮาบครับ มันบอกเราว่าเค้าเร่งปิดช๊<WBR>อตมากไงครับ

    [​IMG]
    [​IMG]
    Jan 21 2011, 4:21 PM
    JimmySiri: สัปดาห์ที่ผ่านมาสัปดาห์เด<WBR>ียวปิดไป 18,<WBR>000 กว่าสัญญา ซึ่งเยอะมากครับ เพราะฉะนั้นถ้าเค้าเร่งเอา<WBR>ลงได้เค้าคงไม่ปล่อยเพื่อร<WBR>ีดสัญญาช๊อตส่วนนี้ออกไปก่<WBR>อนปลายเดือนกุมภา เพราะฉะนั้นคงยาวครับ แต่ยิ่งลงต่ำแรงต้านหรือแร<WBR>งซี้อก็จะเริ่มเข้ามา รอบนี้ผมมองไว้ที่ $<WBR>133x-<WBR>$<WBR>130x เพราะทะลุเส้นค่าเฉลี่ย 100 วันที่ว่าแข็งๆไปแล้ว ระวังกันหน่อยครับ แต่ยังไงปีนี้ก็คงดีกว่าปี<WBR>ที่แล้วครับ ถ้าใครที่อยู่ในตลาดปีที่แ<WBR>ล้วคงเค้าใจครับ ว่าเป็นอย่างไร

    [​IMG]
    [​IMG]

    Jan 21 2011, 4:25 PM
    JimmySiri: มีลุ้นอีกทีก็ช่วงตรุษจีนช<WBR>่วงนั้นเด้งขึ้นมาพอมีกำไร<WBR>แล้วก็รีบออกครับ เพราะเดือนหน้าคงหนักหนาอย<WBR>ู่ แต่ก็ดูข้อมูลในด้านอื่นๆ ประกอบไว้เสมอๆครับ เพราะสถานการณ์มันไม่ปกติ ถ้าจะเล่น GF จะอ่านแบบพื้นๆ คงไม่ได้ครับ ยังไงถ้าจะติดก็เน้นสัญญาย<WBR>าวๆไว้ครับ คือติดแล้วไม่ต้องกลัวยังไ<WBR>งก็ได้คืนครับ แต่ถ้าเป็นสัญญา L เดือนกุมภา ถ้ารีบออกได้รีบออกครับ ไม่ปลอดภัย ไปลุ้นกันช่วงตรุษจีน ลงขนาดนี้ต้องมีเด้งบ้างล่<WBR>ะครับ

    [​IMG]
    [​IMG]

    Jan 21 2011, 4:35 PM
    JimmySiri: จากตรงนี้ถ้าเลื่อนหน้าจอล<WBR>งไปข้างล่างอีกซักหน่อยช่ว<WBR>งกลางๆ จะมีข้อมูลร้านที่ ซื้อ-<WBR>ขาย เม็ดเงินอยู่ 3 เจ้าครับ คงใช้เวลาซักหน่อยยังไงตลา<WBR>ดเงินในบ้านเราก็ต้องเกิดค<WBR>รับ เพราะจะกลายเป็นตัวเลือกขอ<WBR>งทองคำ ผมเชื่อว่าคงอีกไม่นานครับ ช่วงนี้แร่เงินโดนหนักหน่อ<WBR>ย ซึ่งก็เป็นชนวนหลักของการท<WBR>ุบราคาในช่วงนี้ไปจนถึงเดื<WBR>อนกุมภา ไม่ต้องห่วงว่าโลหะเหล่านี<WBR>้ซื้อแล้วจะไม่มีกำไรครับ วันนึงคุณจะเข้าใจ

    [​IMG]
    [​IMG]

    Jan 21 2011, 4:41 PM
    JimmySiri: โดยส่วนตัวแล้ว ผมกลับกลัวครับว่าทองคำและ<WBR>แร่เงินมันจะพุ่งขึ้นไม่หย<WBR>ุดมากกว่าลงครับ นั่นก็หมายถึงมีอะไรเกิดขึ<WBR>้นแล้วหรือมีอะไรกำลังจะมา ยิ่งถ้าขึ้นวันละ $<WBR>50-<WBR>$<WBR>100-<WBR>$<WBR>200 ซึ่งคงได้เห็นแน่นอนครับ แต่ตอนนั้นผมเชื่อว่าหลายๆ<WBR>ท่านคงจะมองเห็นในที่สุด แล้วจะเลิกคิดเรื่องกำไรขา<WBR>ดทุนไปเลยล่ะครับ วันนี้อาจจะยังไม่เข้าใจที<WBR>ผมพูด แต่เมื่อถึงวันนั้นแล้วก็จ<WBR>ะเข้าใจที่เรากำลังคุยกันใ<WBR>นวันนี้ครับ

    [​IMG]
    [​IMG]

    Jan 21 2011, 4:49 PM
    JimmySiri: สุดท้าย ปริมาณทองคำจริงและแร่เงิน<WBR>จริงๆ หรือ Physical ในระดับโลก กำลังเข้าสู่สภาวะขาดแคลนค<WBR>รับ โดยเฉพาะแร่เงิน และสถานการณ์จะรุนแรงต่อเน<WBR>ื่องขึ้นโดยลำดับ ความชัดเจนจะอยู่ในช่วงปลา<WBR>ยๆกุมภาครับ ถ้าพวกขาใหญ่ผิดพลาดคุมตลา<WBR>ดไม่อยู่ เหมือนที่เกือบจะเกิดขึ้นใ<WBR>นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โอกาสที่ตลาดกระดาษมีโอกาส "<WBR>ล่ม"<WBR> ได้ครับ "<WBR>ทองคำและเงินคงจะพุ่งชนเพด<WBR>าน"<WBR> ตอนนั้นคงเข้าซื้อลำบากแล้<WBR>ว เพราะฉะนั้นจากนี้ไปถึงปลา<WBR>ยเดือนกุมภาเป็นจังหวะเก็บ<WBR>ของครับ

    [​IMG]
    [​IMG]

    Welcome!!
     
  17. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ไม่หลับไม่นอน ทำงานในสายตนเองกันต่อไป .....ง่วงงงงงมาก เเต่ยังไม่ได้นอน
     
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    360 องศา: แปลงสนามโรงเรียนเป็นสวนพืชผัก ฟิลิปปินส์นำร่องต้านกระแสจังค์ฟูด
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 มกราคม 2554 10:22 น.

    [​IMG]
    โครงการพืชผักสวนครัวในโรงเรียนเพื่อรณรงค์ต่อสู้การระบาดของจังค์ฟูดและโรคจากโภชนาการผิดหลักในสังคมฟิลิปปินส์

    เอเอฟพี – ฟิลิปปินส์กำลังเดินหน้าผ่องถ่ายสนามหญ้าโรงเรียนประถมเป็นสวนผัก เพื่อต่อสู้การเสพติดจังค์ฟูดที่สร้างปัญหาสุขภาพไปทั่วประเทศ

    ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในมะนิลาซึ่งเป็นโรงเรียนนำร่องของโครงการอาหารเพื่อ สุขภาพ ครูและนักเรียนตลอดจนผู้ปกครองช่วยกันรดน้ำพรวนดินสวนผักอย่างขมักเขม้น

    ทุกตารางนิ้วที่สามารถใช้ได้ถูกแปลงสภาพเป็นสวนผักที่มีประโยชน์ทางโภชนาการ ซึ่งจะนำไปทำอาหารเลี้ยงนักเรียนที่ยากจนที่สุดในโรงเรียน และอีกส่วนนำไปขายเพื่อสร้างรายได้ให้แก่ครอบครัวเด็กยากจนเหล่านั้น

    สำหรับพื้นที่ที่ไม่มีดิน ทางออกคือสวนไฮโดรโพนิกที่ใช้ขวดพลาสติกใช้แล้วเป็นภาชนะในการปลูกและแขวนอยู่อย่างเป็นระเบียบ

    “น่ามหัศจรรย์มากที่คุณสามารถทำสิ่งต่างๆ มากมายด้วยนวัตกรรมบวกกับจินตนาการเล็กๆ น้อยๆ เด็กที่นี่ได้รับความรู้ด้านโภชนาการที่เหมาะสม และเราดึงผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมในโครงการด้วย เพราะเราอยากให้ครอบครัวของนักเรียนละทิ้งไลฟ์สไตล์การกินอาหารขยะ” เอดิตา บักกายัน ครูใหญ่โรงเรียนประถมปารานัค บอก

    พืชผักที่ปลูกในโรงเรียนนี้มีทั้งกระเจี๊ยบเขียว มะเขือยาว มะรุม กะหล่ำปลี บวบ บร็อกโคลี แตงโม ฯลฯ หลายอย่างเป็นส่วนผสมของอาหารพื้นบ้านตากาล็อกที่สูญหายไปจากโต๊ะอาหารอย่าง รวดเร็วเนื่องจากประชาชนหันไปกินอาหารสำเร็จรูปและอาหารจานด่วนกันมากขึ้น

    ดัชซี อาแรนดา นักโภชนาการและแม่ครัวของโรงเรียน บอกว่าโครงการนี้เห็นผลชัดเจน โดยมีการคัดเลือกนักเรียน 100 คนที่ขาดแคลนอาหารที่สุดจากนักเรียนทั้งหมด 3,000 คน กินอาหารกลางวันฟรีจากอาหารที่ทำจากพืชผักของโครงการที่ริเริ่มขึ้นเมื่อปี ที่แล้ว

    “กราฟของเราบ่งชี้ว่าเด็กเหล่านี้สุขภาพแข็งแรงขึ้น ตั้งใจเรียนและมีผลการเรียนดีขึ้น

    “เราหวังว่าพวกเขาจะนำแนวทางนี้ไปใช้เมื่อโตขึ้น เพราะตอนนี้มีคนมากมายที่มีปัญหาสุขภาพ”

    ร้านฟาสต์ฟูดในฟิลิปปินส์ว่าไปแล้วอาจชุกชุมยิ่งกว่าในสหรัฐฯ ที่เข้ามายึดประเทศเอเชียอาคเนย์แห่งนี้เป็นอาณานิคมเกือบ 50 ปีนับจากปี 1898

    แดนตากาล็อกชื่นชอบฟาสต์ฟูดซึ่งเป็นกิจการท้องถิ่นอย่างมาก โดยมีสาขาแม้แต่ในเมืองห่างไกลปืนเที่ยง ขณะที่แบรนด์จากอเมริกาเข้ามาเปิดสาขามากมายเช่นกัน

    แม้ข้าวยังเป็นอาหารหลัก แต่กับข้าวส่วนใหญ่มักเป็นอาหารทอดน้ำมันชุ่ม

    ผลลัพธ์คือ โรคจากไลฟ์สไตล์ เช่น ความดันโลหิตสูงและเบาหวาน ระบาดในหมู่ประชากรวัยผู้ใหญ่ โดยเฉพาะในช่วงอายุ 20-49 ปี กลายเป็นโบนัสก้อนโตสำหรับบริษัทยา

    “ทุกอย่างตอนนี้มีแต่ฟาสต์ฟูดหรืออาหารสำเร็จรูป เรามีพฤติกรรมการกินที่แย่มากแถมนั่งๆ นอนๆ พ่อแม่และเด็กไม่ค่อยออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน ไม่กินผักผลไม้

    “ถ้าไปเดินตามห้าง คุณจะเห็นแต่คนอ้วนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ คนเหล่านี้ไม่ได้รับการอบรมให้ออกกำลังกายหรือกินอาหารที่เป็นประโยชน์” คาร์เมลี ปากันซัน ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ประจำมะนิลาของซาโนฟี อาเวนทิส บริษัทยายักษ์ใหญ่จากฝรั่งเศส บอก

    การสำรวจโภชนาการแห่งชาติในปี 2009 พบว่าผู้ใหญ่ 27% น้ำหนักเกิน และ 25% ความดันสูง

    ปากันซันเสริมว่า ตัวเลขจริงน่าจะสูงกว่านั้น เนื่องจากยังมีคนอีกมากมายที่ไม่รู้ว่าตัวเองความดันสูง จึงไม่กินยาและไม่ไปหาหมอ และไม่รู้ว่าจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงและควบคุมไลฟ์สไตล์ของตัวเอง

    ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขออกโครงการพืชผักเมื่อปีที่แล้ว โดยหวังว่าความสำเร็จของโรงเรียนปารานัคและโรงเรียนอื่นๆ ในมะนิลา จะถูกนำไปขยายผลทั่วประเทศเพื่อสร้างคนรุ่นใหม่ที่มีจิตสำนึกต่อสุขภาพ

    ปากันซันชื่นชมโครงการนี้ แต่ตั้งข้อสังเกตว่าคงต้องใช้เวลาอีกนานในการเปลี่ยนแปลงความคิดของชาวตากาล็อก

    Around the World - Manager Online - <b><font color=blue>360 ͧ
     
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    หนุ่มใหญ่ซาอุฯ จุดไฟเผาตัวเองประชดความยากลำบากอีกราย
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 มกราคม 2554 18:40 น.
    [​IMG]

    การประท้วงในตูนิเซีย ซึ่งกลายเป็นต้นแบบการจุดไฟเผาตัวเองที่กำลังแพร่ระบาดในภูมิภาคอาหรับ

    เอเจนซี - ตำรวจเผย หนุ่มใหญ่วัยประมาณ 60 ปีรายหนึ่งเสียชีวิตหลังจากจุดไฟเผาตัวเองในจีซาน จังหวัดด้อยพัฒนาของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งอยู่ติดกับชายแดนเยเมน เป็นอีกรายที่ใช้วิธีประท้วงอันน่าสยดสยองที่กำลังแพร่ระบาดในโลกอาหรับ

    "เขาเสียชีวิตเมื่อวาน (21) ยังไม่ทราบเหตุผล เรากำลังสอบสวนอยู่" อับดุลเลาะห์ อัลกอร์นี โฆษกตำรวจในจังหวัดจีซาน ซึ่งบรรดาทูตระบุว่าเป็นพื้นที่ที่ล้าหลังกว่าส่วนอื่นๆ ของประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่แห่งนี้ เผย

    หนังสือพิมพ์อัลริยาดรายงานว่า ชายคนดังกล่าวใช้น้ำมันราดแล้วจุดไฟเผาตัวเอง และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา ทั้งนี้ยังไม่ชัดเจนว่าการกระทำของเขามีแรงบันดาลใจมาจากการเผาตัวเอง ประท้วงอีกหลายรายในภูมิภาคแห่งนี้

    พ่อค้าผักชาวตูนีเซีย วัย 26 ปีรายหนึ่งเผาตัวเองประท้วงจากปัญหาราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น การว่างงาน และการปราบปรามโดยรัฐบาล เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา จุดชนวนเกิดการลุกฮือต่อต้านอดีตประธานาธิบดีซิเน เอล อาบิดีน เบน อาลี เป็นเวลาหลายสัปดาห์ จนเขาต้องหลบหนีออกนอกประเทศ

    ทั้งๆ ที่ซาอุดีอาระเบียเป็นประเทศร่ำรวยจากการค้าน้ำมัน แต่กลับมีอัตราการว่างงานสูงถึง 10.5% ในปี 2009 ซึ่งเป็นตัวเลขล่าสุดที่มีการเปิดเผย และยังให้ผลประโยชน์ทางสังคมแก่พลเมืองต่ำกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค อย่างคูเวต และกาตาร์ ซึ่งมีจำนวนประชากรน้อยกว่ามาก

    ชาวซาอุฯ จำนวนมากขาดคุณสมบัติในการแข่งขันเพื่อหางานกับชาวต่างชาติ ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ของประชากร 28 ล้านคนในประเทศ และอีกจำนวนมากปฏิเสธที่จะทำงานที่มีรายได้น้อย

    Around the World - Manager Online - ˹
     
  20. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ไม่มี‘งาน’มีแต่‘สงคราม’สำหรับ‘ชาวอัฟกานิสถาน’
    โดย ฮาฟิซ อาหมัด มิอาเคล 20 มกราคม 2554 23:46 น.

    (เก็บความจากเอเชียไทมส์ออนไลน์Asia Times Online :: Asian news hub providing the latest news and analysis from Asia)

    No jobs, only war, for Afghans
    By Hafiz Ahmad Miakhel
    20/01/2011

    รัฐบาลอัฟกานิสถานอ้างว่าตนเองกำลัง ทำทุกอย่างที่สามารถทำได้อยู่แล้ว เพื่อให้การฝึกอบรมซึ่งเป็นการช่วยเหลือประชาชนให้สามารถหางานทำได้ รวมทั้งยังพยายามสร้างตำแหน่งงานใหม่ๆ ให้แก่ประชาชนด้วย อย่างไรก็ดี คำพูดเช่นนี้แทบไม่ได้ช่วยปลอบประโลมผู้ต้องการทำงานที่มีความสามารถและ คุณสมบัติทว่าไร้เส้นสาย หรือพวกธุรกิจท้องถิ่นที่กำลังดิ้นรนหนักเพื่อรับมือกับการแข่งขันจากประดา สินค้านำเข้าราคาถูก

    อัฟกานิสถาน - ชาห์บาซ (Shahbaz) ยืนอยู่ที่สี่แยก โคไต ซันกี (Kotai Sangi junction) ในกรุงคาบูล พร้อมกับชุดเครื่องมือของช่างก่อสร้างพร้อมพรัก เหมือนกับที่เขากระทำมาทุกๆ วัน ด้วยความหวังว่าใครสักคนจะมาว่าจ้างเขาไปทำงาน

    “ผมมีครอบครัวที่มีสมาชิกตั้ง 9 คน ผมจำเป็นต้องหาเงินสักนิดสักหน่อยไปเลี้ยงดูลูกๆ ของผม” เขากล่าวกับ สถาบันเพื่อการรายงานข่าวสงครามและสันติภาพ (Institute for War and Peace Reporting ใช้อักษรย่อว่า IWPR) “แต่ก็ไม่มีงานอะไรให้ผมทำเลย ผมมาที่นี่ในตอนเช้า แล้วก็กลับไปในตอนเย็นโดยที่ยังไม่ได้งาน”

    มีชายอื่นๆ อีกเป็นร้อยๆ คน ที่ประพฤติตนเหมือนอย่างชาห์บาซซึ่งเวลานี้อายุ 60 ปี นั่นคือใช้เวลาในแต่ละวันของพวกเขาอยู่ที่สี่แยกต่างๆ ในเมืองหลวงของอัฟกานิสถานแห่งนี้ เสนอแรงงานของพวกเขาให้แก่ใครสักคนที่ยินดีจะว่าจ้างพวกเขา ชะตาชีวิตของพวกเขายังคล้ายคลึงกับผู้คนนับล้านๆ ทั่วทั้งอัฟกานิสถาน ผู้ซึ่งไม่สามารถหาเงินมาใช้เลี้ยงชีพ ในประเทศที่แสนจะยากจนและพินาศย่อยยับเพราะภัยสงครามแห่งนี้

    รัฐบาลของพวกเขาบอกว่าเข้าใจดีถึงสถานการณ์ของผู้คนเหล่านี้ และก็กำลังทำทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่สามารถทำได้ เพื่อให้การฝึกอบรมที่จะช่วยเหลือให้คนเหล่านี้หางานทำได้ ตลอดจนหาทางสร้างตำแหน่งงานต่างๆ ให้แก่พวกเขา อย่างไรก็ตามในที่สุดแล้วรัฐบาลย่อมไม่สามารถที่จะควบคุมวิธีการดำเนินงาน ของภาคเอกชนได้

    ขณะที่พวกนักวิจารณ์โต้แย้งว่า รัฐบาลอัฟกานิสถานเองนั่นแหละที่มีส่วนสร้างปัญหาการว่างงานขึ้นมา จากการใช้นโยบายเศรษฐกิจเสรีซึ่งอนุญาตให้ธุรกิจต่างๆ นำเข้าสินค้าอุตสาหกรรม แทนที่จะส่งเสริมการผลิตภายในประเทศ จนทำให้อุตสาหกรรมในท้องถิ่นพังพินาศ

    สำนักงานสถิติกลางของรัฐบาลแจ้งว่า นับถึงปี 2009 มีประชาชนราว 9 ล้านคนทั่วอัฟกานิสถานที่มีชีวิตความเป็นอยู่ในระดับยากจน “การที่มีประชาชน 9 ล้านคนต้องอยู่กันในระดับยากจนอย่างนี้ ถือเป็นตัวเลขที่สูงมาก และเป็นเรื่องที่น่าห่วงใยสำหรับเรา ประชาชนเหล่านี้มีรายได้เพียงแค่วันละ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯเท่านั้น” นี่เป็นคำพูดของ วาเซล นูร์ โมห์มันด์ (Wasel Nur Mohmand) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงานและกิจการสังคม

    จำนวนประชากรของอัฟกานิสถานตามที่มีผู้รวบรวมขึ้นมาในช่วงหลังๆ มานี้ มีตั้งแต่ 26 ล้านคน จนถึง 28 ล้านคน ตัวเลขแรกนั้นมาจากการสำรวจของสำนักงานสถิติกลางแห่งชาติ ทว่าหน่วยงานนี้ไม่ได้นับจำนวนผู้คนซึ่งอาศัยอยู่ตามพื้นที่บางแห่งของ ประเทศที่ยังไม่มีความปลอดภัย ขณะที่ตัวเลขหลังเป็นการประมาณการของสหประชาชาติซึ่งให้ไว้สำหรับปี 2009

    รัฐมนตรีช่วยโมห์มันด์บอกว่า ในปัจจุบันมีประชาชนราว 3.5 ล้านคนซึ่งถูกจัดว่ามีความสามารถที่จะทำงานได้ทว่ายังเป็นคนว่างงาน ตัวเลขนี้เขากล่าวว่าเป็นผู้ชายเสียเป็นส่วนใหญ่

    การรุกรานที่นำโดยสหรัฐฯในตอนปลายปี 2001 และการจัดตั้งคณะผู้บริหารประเทศภายหลังยุคตอลิบาน ได้ก่อให้เกิดความหวังขึ้นว่า เศรษฐกิจอัฟกานิสถานจะสามารถฟื้นตัวลืมหน้าอ้าปากได้เสียที หลังจากที่ประเทศตกอยู่ในภาวะการสู้รบและความขัดแย้งมาเป็นเวลาถึง 2 ทศวรรษ

    บรรดาผู้ลี้ภัยที่หลบหนีไปอยู่ในปากีสถานและอิหร่าน เริ่มบ่ายหน้ากลับบ้าน ขณะที่ประเทศและองค์การต่างๆ ให้คำมั่นสัญญาที่จะบริจาคความช่วยเหลือ และมีนักลงทุนบางรายเริ่มแสดงความสนใจต่อประเทศนี้ ทว่าความหวังดังกล่าวได้จางหายไปหมดในระยะไม่กี่ปีที่ผ่านมา ขณะที่พวกตอลิบานกลับมีความเข้มแข็งขึ้นมาใหม่ และรัฐบาลที่ได้รับการหนุนหลังจากฝ่ายตะวันตก ถูกฝ่ายต่างๆ มองว่าไร้ประสิทธิภาพและทุจริตคอร์รัปชั่น จนไม่สามารถที่จะก่อให้เกิดการเจริญเติบโตหรือให้บริการสาธารณะต่างๆ ได้

    “เมื่อเราต้องสูญเสียงานของเราไป เราก็ต้องเผชิญกับความยากจน มันเป็นมารดาของอาชญากรรมทั้งหลายทั้งปวงเลย” ไซเอด มาซูด (Sayed Masud) นักเศรษฐศาสตร์ซึ่งสอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยคาบูล กล่าวให้ความเห็น

    ซาห์เออร์ เกาส์ (Zaher Ghaus) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสารนิเทศและวัฒนธรรม ก็สำทับว่า การว่างงานนำมาซึ่งปัญหาต่างๆ มากมาย รวมทั้งเป็นตัวสร้างความยากจนข้นแค้น คนหนุ่มๆ อาจจะตัดสินใจอพยพไปอยู่ต่างแดนด้วยความหวังว่าจะไปหางานทำได้ พวกเขายังอาจจะหันไปหายาเสพติดผิดกฎหมาย หรือไม่ก็อาจจะไปเข้าร่วมกับพวกผู้ก่อความไม่สงบตอลิบาน

    “เราสามารถพูดได้ว่า การว่างงานเป็นปัจจัยประการหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังปัญหาเหล่านี้ทั้งหมด” เขากล่าวต่อ

    ในประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นคนวัยหนุ่มแต่มีอัตราการรู้หนังสือ ต่ำ การหางานให้คนหนุ่มๆ เหล่านี้ย่อมต้องถือว่าเป็นความจำเป็นอันเร่งด่วน ทว่า โกลัม ดาอุด โชอาอิบ (Gholam Daud Shoaib) นายกสมาคมเยาวชนแห่งปากีสถาน กล่าวในการประชุมครั้งหนึ่งที่กรุงคาบูลเมื่อเร็วๆ นี้ว่า พวกเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบกำลังละเลยทอดทิ้งปัญหานี้

    รัฐมนตรีช่วยโมห์มันด์ยืนยันว่า ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนต่างกำลังพยายามที่จะสร้างตำแหน่งงานขึ้นมา โดยที่กระทรวงของเขาได้หางานให้แก่คนหนุ่มมากกว่า 2.5 ล้านคนในระยะ 4 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้กำลังมีความใส่ใจกันมากเป็นพิเศษในเรื่องการทำให้คนหนุ่มๆ มีทักษะความชำนาญ โดยที่มีการจัดทำแผนงานการฝึกอาชีพต่างๆ ซึ่งรวมแล้วสามารถให้ประโยชน์แก่ผู้คนถึง 108,000 คนในช่วงปี 2009-10

    เขาระบุว่า คนหนุ่มๆ มักถูกปล่อยทิ้งเอาไว้นอกตลาดแรงงาน เนื่องจากพวกเขาไม่มีอะไรที่จะเสนอให้แก่พวกที่มีศักยภาพจะเป็นนายจ้างของ พวกเขา

    “ทั้งรัฐบาลและภาคเอกชนต่างก็พร้อมว่าจ้างคนที่มีทักษะความชำนาญ ต่างๆ” รัฐมนตรีผู้นี้กล่าว “คนหนุ่มๆ ของเราจำนวนมากไม่ได้มีทักษะความชำนาญเหล่านี้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาไม่มีงานทำ”

    “เรามีแผนงานฝึกอาชีพที่ตั้งเป้าหมายจะฝึกอบรมคนหนุ่มๆ จำนวน 240,000 คนในทุกๆ จังหวัดเลย เราก่อตั้งศูนย์ฝึกอาชีพไปแล้ว 24 แห่งทั่วทั้งอัฟกานิสถาน เพื่อเตรียมคนหนุ่มๆ ให้สามารถทำงานได้”

    อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าจะมีแต่ผู้ด้อยการศึกษาเท่านั้นที่พบว่ายากลำบากเหลือเกินในการหางานทำ

    อาซาบุดดีน (Ashabuddin) สำเร็จการศึกษาจากคณะเกษตร ของมหาวิทยาลัยนันการ์ฮาร์ (Nangarhar) ในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของอัฟกานิสถานเมื่อปีที่แล้ว แต่จนกระทั่งเวลานี้เขาก็ยังเป็นคนว่างงาน ต้องไปช่วยบิดาของเขาทำงานในไร่นาของครอบครัว

    “ในจำนวนนักศึกษา 83 คนที่เรียนจบในรุ่นของพวกผมนั้น มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้งานทำ เหลือนอกนั้นก็ยังคงเป็นคนว่างงาน” เขากล่าว “พวกที่มีเส้นสายสามารถติดต่อฝากฝังกับเจ้าหน้าที่มีอำนาจได้ ก็จะได้งานทำกัน แต่พ่อผมนะเป็นชาวไร่ชาวนา และผมก็ไม่รู้จักใครเลยในรัฐบาลหรือในหน่วยงานต่างๆ ซึ่งสามารถช่วยให้ผมได้งานทำ”

    เวลานี้อาซาบุดดีนรู้สึกเสียใจและเสียดายเวลาที่เขาใช้ไปในการศึกษาเล่าเรียน

    “ประเทศนี้ไม่ได้ต้องการคนทำงานได้หรือมีความรู้อะไรหรอก” เขากล่าว “ที่นี่ต้องการแค่สงครามเท่านั้น ต้องการเพียงแค่นั้นแหละ”

    พวกนักวิชาการอย่างอาจารย์มาซูด ยังกล่าวหารัฐบาลว่าล้มเหลวในการสนับสนุนพวกอุตสาหกรรมที่เพิ่งอยู่ในสภาพ คลานเตาะแตะ ให้สามารถรับมือกับการแข่งขันจากภายนอก

    ถึงแม้จะมีนักลงทุนรุ่นแรกๆ ก่อตั้งโรงงานต่างๆ ขึ้นในหลายๆ ส่วนของอัฟกานิสถาน โดยเฉพาะในบริเวณที่ค่อนข้างมีความปลอดภัยอย่างเช่นจังหวัดเฮรัต (Herat) ทว่ากิจการพวกเขาเหล่านี้จำนวนมากต่างเจ๊งกันไปแล้ว นักวิเคราะห์บอกว่าโรงงานอุตสาหกรรมท้องถิ่นเหล่านี้ไม่สามารถที่จะแข่งขัน กับสินค้านำเข้า ซึ่งเอาเข้ามาชนิดไม่ต้องเสียภาษีโดยพวกพ่อค้าทรงอิทธิพลที่กำลังหาประโยชน์ จากระบบเศรษฐกิจแบบมือใครยาวสาวได้สาวเอา พ่อค้าเหล่านี้จำนวนมากทีเดียวเป็นอดีตขุนศึกที่กำลังหันมาเล่นการเมือง

    อาจารย์มาซูดชี้ว่า ผลลัพธ์ก็คือโรงงานต่างๆ ต้องล้มละลายไป แม้กระทั่งในพื้นที่อย่างเช่น คาบูล และ เฮรัต และอัฟกานิสถานก็ได้กลายเป็นประเทศที่ต้องพึ่งพาอาศัยแต่สินค้านำเข้า แทนที่จะทำการผลิตด้วยตัวเอง

    “รัฐบาลจะต้องเปลี่ยนเศรษฐกิจแบบมีแต่การบริโภค ให้กลายเป็นเศรษฐกิจที่มีการผลิต” เขาบอก “จะต้องจัดตั้งโรงงานต่างๆ ขึ้นมา และประชาชนจะต้องมีงานทำ โดยเฉพาะถ้ารัฐบาลบริหารจัดการเรื่องการเกษตรได้ดีแล้ว ชาวอัฟกานิสถานทุกๆ คนจะมีงานทำ”

    รัฐมนตรีช่วยโมห์มันด์ยืนยันว่า รัฐบาลและภาคเอกชนได้ตกลงกันในเรื่องยุทธศาสตร์ร่วมที่จะสามารถลดอัตราคนว่างงานลงได้

    “กระทรวงเกษตรเพียงกระทรวงเดียวก็สามารถทำให้คนหนุ่มๆ ถึง 80% มีงานทำ ขณะที่กระทรวงอื่นๆ อย่างกระทรวงการเหมืองแร่ และกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม จะสามารถสร้างคนหนุ่มๆ ไปทำงานตามเหมืองและตามโรงงานได้”

    ทางด้านรัฐมนตรีช่วยกระทรวงการค้าและอตสาหกรรม โกลัม โมฮัมหมัด ไยลากี (Gholam Mohammad Yailaqi) กล่าวแสดงความเห็นพ้องว่า การสร้างงานและการมีอุตสาหกรรมใหม่ๆ คือเรื่องที่มีความสำคัญเป็นลำดับแรกๆ ทว่าด้วยท่าทีที่มุ่งป้องกันตัวเองมากกว่ารัฐมนตรีช่วยโมห์มันด์ เขากล่าวว่าในระบบเศรษฐกิจแบบตลาดนั้น รัฐบาลไม่สามารถที่จะจัดระเบียบควบคุมภาคเอกชนได้

    “เราได้เสนอคำแนะนำบางประการต่อคณะรัฐมนตรีในเรื่องที่เกี่ยวกับ ปัญหาเหล่านี้ ทว่าพวกเขาหยิบยกเรื่องตลาดเสรีขึ้นมาเป็นข้อโต้แย้ง” เขากล่าว

    ฮาฟิซ อาหมัด มิอาเคล เป็นนักข่าวฝึกหัดของ IWPR ในกรุงคาบูล สถาบันเพื่อการรายงานข่าวสงครามและสันติภาพ (Institute for War and Peace Reporting ใช้อักษรย่อว่า IWPR) เป็นองค์การไม่แสวงกำไรที่มุ่งพัฒนาสื่อมวลชนในดินแดนที่เป็นแนวหน้าของความ ขัดแย้ง, วิกฤต, และการเปลี่ยนแปลง

    Around the World - Manager Online -
     

แชร์หน้านี้

Loading...