เงินเฟ้อที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นแล้ว??? รู้ทันโลก (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย k.kwan, 11 พฤศจิกายน 2010.

  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ยังไงก็ต้องขาย ปตท-บินไทย "กิตติรัตน์"เฉไฉยันรอได้ถึงปีหน้า
    <TABLE style="WORD-SPACING: 0px; TEXT-TRANSFORM: none; TEXT-INDENT: 0px; FONT-FAMILY: 'Times New Roman'; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px" cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>23 มกราคม 2555 23:05 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    “โต้ง”ลดกระแสต้าน ย้ำลดสัดส่วนการถือหุ้นรัฐวิสาหกิจไม่รีบ ระบุปีนี้ไม่ได้ปีหน้ายังพร้อม ย้ำหลักการเดิมแปลงรัฐวิสาหกิจให้เอกชนตามต่างชาติ ขณะที่ฝ่ายบริหารบมจ.ปตท.นัดถกสหภาพแรงงานฯวันนี้(24ม.ค.) สร้างความเข้าใจแนวคิดรัฐบาลในการขายหุ้นให้กองทุนวายุภักษ์ ด้านสหภาพฯลั่นรัฐต้องตอบโจทย์สังคมให้ได้ว่า กลไกในการดูแลราคาพลังงานให้เป็นธรรมต่อประชาชนของปตท.จะต้องไม่เปลี่ยนไป ยันสวัสดิการพนักงานเป็นเรื่องรอง

    นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยภายหลังเข้ารับตำแหน่งว่า จะสานต่อนโยบายของนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรมว.คลังตามเดิม เนื่องจากเป็นการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้ว และพร้อมที่จะรับฟังคำแนะนำต่าง ๆ รวมทั้งหารือร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดถ้าเป็นประโยชน์เพื่อประเทศชาติ ส่วนกรณีที่จะลดสัดส่วนการถือหุ้นในรัฐวิสาหกิจของกระทรวงการคลังลงนั้น ยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้มีนโยบายที่จะขายหุ้นรัฐวิสาหกิจออกไป เพียงแต่ต้องการจัดระบบการถือครองหุ้นใหม่ โดยให้กองทุนวายุภักษ์ถือแทน ซึ่งปัจจุบันกองทุนฯ ก็ถือครองหุ้นรัฐวิสาหกิจอยู่แล้ว และเกิดประโยชน์ต่อทั้งผู้ถือหน่วยลงทุนและภาครัฐ

    “การโอนหุ้นรัฐวิสากิจไปให้กองทุนวายุภักษ์นั้น ยืนยันว่าไม่ใช้การตกแต่งบัญชี แต่เป็นการจัดหนี้สาธารณะให้เข้าที่เข้าทาง ซึ่งเป็นหลักการที่ดี และอยู่ในวิสัยที่จะดำเนินการได้ รัฐบาลไม่ได้มีนโยบายที่จะขายหุ้นรัฐวิสาหกิจทิ้ง เพื่อให้ผู้ที่อยู่ภายนอกการกำกับดูแลของภาครัฐ และการจัดระบบให้ถูกต้องนี้ มีเจตนาเพื่อลดหนี้สาธารณะลง อีกทั้งประเทศอื่น ๆ ไม่ค่อยมีรัฐวิสาหกิจแล้ว เศรษฐกิจเขาโตเต็มที่ โดยให้เอกชนเข้ามาทำ เราต้องเดินไปในทิศทางนั้นเช่นกัน โดยหากปรับลดการถือหุ้นลงในสัดส่วนที่เหมาะสม ไม่จำเป็นต้องถือมากกว่า 49% ก็บริหารจัดการได้ เราจะทำอะไรที่ต้องชี้แจงได้และยืนยันว่า ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนที่เราจะลดการถือหุ้นรัฐวิสาหกิจลงภายในปีงบประมาณ 55 ถ้ายังไม่พร้อมไปทำในปี 56 ก็ได้”

    นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวนี้ ต้องชี้แจงจนเข้าใจว่าไม่มีการซุกซ่อนหนี้จริง ๆ แต่หากยังมีข้อสงสัย ก็จะไม่ดำเนินการ เนื่องจากรัฐบาลยังมีช่องในการกู้หนี้เพิ่มได้อีก และสิ่งที่รัฐบาลจะเร่งดำเนินการคือ การออกพ.ร.ก.ทั้ง 4 ฉบับ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะเพื่อการป้องกันน้ำท่วมในปี 55 นี้ ซึ่งไทยจะปล่อยให้เกิดขึ้นซ้ำเหมือนปี 54 ที่ผ่านมาไม่ได้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้น ไทยจะไม่มีโอกาสจากนักลงทุนต่างชาติอีก

    นายเพียร ยงหนู ตัวแทนพนักงานสมาชิกชมรมผู้ใช้แรงงาน การไฟฟ้านครหลวง กล่าวว่า ได้เดินทางมายื่นหนังสือคัดค้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ของบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) และบริษัทการบินไทย จำกัด(มหาชน) กับนายกิตติรัตน์ เพื่อขอให้ยกเลิกการแปรรูป เพราะหากแปรรูปให้พ้นจากความเป็นรัฐวิสาหกิจแล้ว ทำให้เกิดผลเสียต่อประเทศชาติมากกว่าผลดี โดยเฉพาะทำให้ต้นทุนด้านพลังงานเพิ่มขึ้นเป็นภาระค่าครองชีพของประชาชนโดยตรง โดยที่รัฐบาลควบคุมไม่ได้ ขณะเดียวกันจะทำให้มีกลุ่มทุนต่าง ๆ เข้ามาแสวงหาผลกำไรโดยยึดถือผลกำไรสูงสุดของผู้ถือหุ้นเป็นที่ตั้ง ไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชน

    ***“2สหภาพฯบินไทย-ปตท.นัดหารือ
    นางแจ่มศรี สุกโชติรัตน์ ประธานสหภาพแรงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย กล่าวว่า ในวันนี้ (24 ม.ค.) สหภาพฯการบินไทย และ สหภาพฯ ปตท. จะได้นัดหารือร่วมกันเพื่อ กำหนดความชัดเจนในการจัดเสวนาใหญ่ร่วมกัน ซึ่งจะเป็นการเปิดเวทีสาธารณะให้ประชาชนร่วมแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ โดยในส่วนของการบินไทยนั้น จะไม่มีการหารือกับผู้บริหารการบินไทยแต่อย่างใด เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเป็นนโยบายของกระทรวงการคลังและรัฐบาล ซึ่งควรต้องคุยกับ ดร.วีรพงษ์ รามางกูร มากกว่า

    ด้านน.ส.อัปสร กฤษณะสมิต ประธานสหภาพแรงงานบมจ. ปตท. เปิดเผยว่า วันนี้ (24ม.ค.)ฝ่ายบริหารบมจ.ปตท.ได้ขอหารือร่วมกับตัวแทนสหภาพฯเพื่อที่จะขอข้อมูลเพื่อทำความความเข้าใจร่วมกันถึงแนวคิดของรัฐบาลในการขายหุ้นรัฐวิสาหกิจปตท.โดยให้กองทุนวายุภักดิ์ถือหุ้นแทน ซึ่งทางสหภาพฯจะให้ข้อมูลที่สำคัญจากความกังวล คือการแปรรูปไปแล้ว แม้ว่ารัฐจะยังคงถือหุ้นเท่าเดิม แต่กลไกของการดูแลประชาชนตามแบบของรัฐวิสาหกิจจะยังคงอยู่หรือไม่ เพราะสิ่งนี้สำคัญสุดที่พนักงานปตท.จะต้องตอบโจทย์สังคมเป็นอันดับแรก

    “เราต้องดูแลประชาชน อนาคตต้องตอบโจทย์สังคมว่ากลไกในการดูแลราคาพลังงานในฐานะเดิมเป็นรัฐวิสาหกิจจะอยู่เช่นเดิมหรือไม่ โดยเราเองมีคำถามว่าแม้ฐานะการถือหุ้นจะไม่เปลี่ยนแต่วัตถุประสงค์ นโยบายเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่”น.ส.อัปสรกล่าว

    ***ปตท.ขอดูเงื่อนไขที่ชัดเจนก่อน
    นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวคิดที่จะให้กระทรวงการคลังมีการลดสัดส่วนการถือหุ้นบริษัทปตท. โดยโอนหุ้นให้กับทางกองทุนวายุภักษ์นั้น คงต้องขอดูความชัดเจนจากกระทรวงการคลัง เพราะปตท.เป็นหน่วยงานของรัฐบาล แต่ส่วนตัวเชื่อว่าไม่น่าจะมีผลกระทบต่อบริษัทฯ เพราะในช่วง 10 ปีที่ผ่านกระทรวงการคลังได้มีการโอนหุ้นปตท.ให้กองทุนวายุภักษ์จำนวน 15% ทำให้คลังถือหุ้นในบริษัทฯเพียง 51% หากมีการโอนอีก 2 % เหลือ 49% ไม่น่าจะเป็นประเด็น อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาผลดีผลเสียในเรื่องดังกล่าวเช่นกัน

    ***ก.พลังงานยันไม่ได้แปลงสถานะปตท.
    นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงานและในฐานะประธานคณะกรรมการบริหาร บมจ.ปตท. กล่าววา ทางบอร์ดไม่ทราบถึงการหารือกับพนักงานรัฐวิสาหกิจของฝ่ายบริหาร ซึ่งการทำความเข้าใจให้ตรงกันก็เป็นเรื่องที่ดี โดยแนวคิดรัฐบาลนั้นต้องการให้การบริหารมีความคล่องตัวมากขึ้น โดยสัดส่วนการถือหุ้นของรัฐในปตท.ก็ยังคงไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ อย่างไรก็ตามประเด็นดังกล่าวจะนำไปหารือในบอร์ดเดือนหน้าหรือไม่นั้นจะขอพิจารณาวาระดังกล่าวอีกครั้ง

    ความคิดเห็นที่ 18
    อีกทั้งประเทศอื่น ๆ ไม่ค่อยมีรัฐวิสาหกิจแล้ว เศรษฐกิจเขาโตเต็มที่ โดยให้เอกชนเข้ามาทำ เราต้องเดินไปในทิศทางนั้นเช่นกัน
    ......................
    เริ่มแล้วนะครับพี่น้อง (อาเจนติ๊นามารำไรๆแระ--" ที่ขาดทุนก็ไม่แปร จะแปรที่มีกำไรก่อน ซะงั้น)

    http://www.manager.co.th/StockMarket/ViewNews.aspx?NewsID=9550000010315]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มกราคม 2012
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 24 มกราคม 2555 07:45
    จับตา10แบงก์โลกเลย์ออฟพนง.เอเชีย

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    [​IMG]

    จับสัญญาณเศรษฐกิจโลกผ่านอุตสาหกรรมธนาคารโดย 10 แบงก์ใหญ่ชั้นนำของโลกต่างมีแผนปรับลดพนักงานกันถ้วนหน้า
    <!--<script type="text/javascript"> google_ad_channel = '3694366847'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </script> <script type="text/javascript" src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js"></script> <script type="text/javascript" src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"></script>--><SCRIPT language=JavaScript src="http://ads.nationchannel.com/adserverkt/adx.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT language=JavaScript type=text/javascript> if (!document.phpAds_used) document.phpAds_used = ','; phpAds_random = new String (Math.random()); phpAds_random = phpAds_random.substring(2,11); document.write ("<" + "script language='JavaScript' type='text/javascript' src='"); document.write ("http://ads.nationchannel.com/adserverkt/adjs.php?n=" + phpAds_random); document.write ("&what=zone:119"); document.write ("&exclude=" + document.phpAds_used); if (document.referrer) document.write ("&referer=" + escape(document.referrer)); document.write ("'><" + "/script>"); </SCRIPT><SCRIPT language=JavaScript src="http://ads.nationchannel.com/adserverkt/adjs.php?n=938423703&what=zone:119&exclude=," type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT language=JavaScript src="http://ads.nationchannel.com/adserverkt/adjs.php?n=624767161&what=zone:119&exclude=,&referer=http%3A//www.bangkokbiznews.com/home/" type=text/javascript></SCRIPT><NOSCRIPT>[​IMG]</NOSCRIPT><!-- <iframe src="http://www.bangkokbiznews.com/home/banner/all-ad-300-indetail.php" frameborder="0" scrolling="no" width="300" height="250"></iframe> -->วิกฤติเศรษฐกิจโลก ที่มีสาเหตุมาจากปัญหาหนี้ในยุโรปและเศรษฐกิจชะลอตัวในสหรัฐ ทำให้ธนาคารชั้นนำระดับโลกหลายแห่งได้รับผลกระทบ และต้องลดขนาดองค์กรลงเพื่อความอยู่รอด ไล่ตั้งแต่ธนาคาร ANZ ของออสเตรเลีย แบงก์ ออฟ อเมริกา ซิตี้กรุ๊ป เอชเอสบีซี มอร์แกน สแตนเลย์ ซอคเจน
    ธนาคารออสเตรเลีย แอนด์ นิวซีแลนด์ แบงก์ (ANZ) มีแผนปรับลดตำแหน่งงานในธุรกิจการให้บริการลูกค้าธุรกิจและรายย่อย ประมาณ 130 ตำแหน่ง หลังรับแรงกดดันจากต้นทุนจากแหล่งเงินทุนรายใหญ ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซา ซึ่งการปรับโครงสร้างของเอเอ็นแซด กลุ่มธนาคารใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของออสเตรเลีย เมื่อวัดในแง่มูลค่าตามราคาตลาด จะกระทบต่อพนักงานต่างๆ ที่อยู่ในรัฐวิกตอเรีย และงานหลังบ้าน หรือแบ็ค-ออฟฟิศ
    รายที่ 2 คือ “บังโค บิลเลา วิซคายา อาร์เจนตาเรีย” เตรียมปรับลดตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ (เอ็มดี) สายวาณิชธนกิจในเอเชีย-แปซิฟิกถึง 20% ของทั้งหมด ภายในไตรมาสแรกของปีนี้ โดยจะกระทบกับเอ็มดีประมาณ 15 จากทั้งหมด 75 ตำแหน่ง
    “แบงก์ ออฟ อเมริกา” เป็นรายที่ 3 ที่ เลย์ออฟพนักงาน 29 ราย หรือ 1 ใน 3 ของจำนวนพนักงานทั้งหมดในเอเชีย ซึ่งอยู่ในสำนักงานสิงคโปร์ ฮ่องกง และญี่ปุ่น เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยการเลย์ออฟ เป็นส่วนหนึ่งของแผนปรับลดต้นทุนของบริษัทในธุรกิจทั่วโลก ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้ทำการลดพนักงานในส่วนให้บริการลูกค้ารายใหญ่ไปแล้วถึง 150 ตำแหน่ง
    แบงก์แห่งที่ 4 “ซิตี้กรุ๊ป” เพิ่งปรับลดพนักงาน 40 ตำแหน่งในสิงคโปร์ในไตรมาสที่ 4 ทั้งในสายวาณิชธนกิจและหน่วยงานการลงทุนเอกชน ก่อนหน้านี้ ซิตี้กรุ๊ป ก็ประกาศเมื่อเดือนธันวาคมว่า เตรียมจะหั่นคนงานถึง 4,500 ตำแหน่งในช่วง 2-3 ไตรมาสข้างหน้า หรือคิดเป็น 1.6% ของจำนวนพนักงานทั้งหมดทั่วโลก
    รายที่ 5 “เครดิต สวิส กรุ๊ป” มีข่าวจ่อเลย์ออฟพนักงาน 20 ตำแหน่งในไต้หวัน ซึ่งรวมถึงงานนั่งโต๊ะและงานขายต่างๆ ที่มีรายได้ประจำ หลังจากบริษัทล้มเลิกแผนการก่อตั้งธุรกิจบริหารการเงินส่วนบุคคลในไต้หวัน
    “เอชเอสบีซี” เป็นแบงก์รายที่ 6 ที่ประกาศไว้ตั้งแต่เดือนกันยายน 2554 ว่า บริษัทเตรียมจะปรับลดตำแหน่งงาน 3,000 ตำแหน่งภายใน 3 ปีข้างหน้า ส่วนใหญ่อยู่ในสายงานสนับสนุนสำนักงานใหญ่ในฮ่องกง
    การปรับลดคนงาน ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนปรับลดพนักงานจำนวน 25,000 คนภายในปี 2556 ทั้งนี้ เอชเอสบีซีทำการปรับลดคนงานไปแล้วถึง 5,000 ตำแหน่งในสหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส ละตินอเมริกา และประเทศแถบตะวันออกกลาง
    แบงก์แห่งที่ 7 “มอร์แกน สแตนเลย์” ที่มีข่าวว่า กำลังปรับลดตำแหน่งงานหลังบ้านถึง 80 ตำแหน่งในสิงคโปร์ ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนปรับการดำเนินงานให้กระชับขึ้น และเตรียมโยกย้ายไปลงหลักปักฐานในประเทศอื่น โดยเฉพาะในอินเดียและฮังการี
    เมื่อช่วงกลางเดือนธันวาคม มอร์แกน สแตนเลย์ ประกาศว่า เตรียมลดคนงานทั่วโลกถึง 1,600 ตำแหน่งในช่วงไตรมาสแรกของปี 2555 ส่วนธนาคาร “โนมูระ” เป็นรายที่ 8 โดยประกาศแผนลดต้นทุน 1.2 พันล้านดอลลาร์ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
    ในช่วงต้นเดือนมกราคม นายเจสจิต “เจสซี่” บัตตาล รองประธานร่วมและผู้บริหารต่างชาติที่มีตำแหน่งสูงที่สุดของโนมูระ ได้ตัดสินใจลาออก เช่นเดียวกันกับ “ทารัน จอตวานี่” หัวหน้าดูแลตลาดทั่วโลก ซึ่งทำงานอยู่ในสำนักงานในกรุงลอนดอน และ “นิพัน โจเอล” หัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจในอินเดีย และ “อินทราเนล บอร์คาโคตี้” หัวหน้าดูแลตลาดทุนของโนมูระในอินเดีย ก็ถูกเชิญออกด้วยเช่นกัน
    แบงก์แห่งที่ 9 “รอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์” (อาร์บีเอส) เตรียมโละตำแหน่งงานทั่วโลกถึง 3,500 ตำแหน่ง และจะเลิกทำธุรกิจต่างๆ เช่น ธุรกิจวิจัย ธุรกิจการค้า โบรกเกอร์ ตลาดตราสารทุน แผนก M&A ซึ่งถือเป็นธุรกิจที่ไม่ได้ให้ซึ่งผลกำไร ปัจจุบัน อาร์บีเอสดำเนินธุรกิจใน 11 ประเทศในเอเชีย มีพนักงานมากกว่า 3,400 คนในทุกส่วนธุรกิจ
    และอันดับ 10 “โซซิเอเต้ เจเนราล” ธนาคารสัญชาติฝรั่งเศส เตรียมลดตำแหน่งงานประมาณ 100 ตำแหน่งในเอเชีย ส่วนใหญ่อยู่ในตำแหน่งเกี่ยวกับการขนส่ง เงินทุนจัดหาเครื่องบิน อสังหาริมทรัพย์ ซึ่งสอดคล้องกับแผนการปรับลดพนักงานทั่วโลกจำนวนเกือบ 1,600 ตำแหน่ง หรือ 13% ของทั้งหมด
    ธนาคารดังกล่าว เริ่มปรับลดคนงานตั้งแต่ช่วงท้ายปี 2554 โดยซอคเจนมีพนักงานในทวีปเอเชีย 2,300 คน เมื่อนับจนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2554
    http://www.bangkokbiznews.com/home/.../431648/จับตา10แบงก์โลกเลย์ออฟพนง.เอเชีย.html
     
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 23 มกราคม 2555 16:16
    'ธีระชัย'จัดหนักพรก.เงินกู้ไม่มีความจำเป็น

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    [​IMG]

    ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

    "ธีระชัย"โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คเป็นรอบที่ 3 หลังพ้นจากเก้าอี้รมว.คลัง จัดหนักพ.ร.ก.เงินกู้ 4 ฉบับไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน ตัวเลขหนี้เพี้ยน
    <!--<script type="text/javascript"> google_ad_channel = '3694366847'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </script> <script type="text/javascript" src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js"></script> <script type="text/javascript" src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"></script>--><SCRIPT language=JavaScript src="http://ads.nationchannel.com/adserverkt/adx.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT language=JavaScript type=text/javascript> if (!document.phpAds_used) document.phpAds_used = ','; phpAds_random = new String (Math.random()); phpAds_random = phpAds_random.substring(2,11); document.write ("<" + "script language='JavaScript' type='text/javascript' src='"); document.write ("http://ads.nationchannel.com/adserverkt/adjs.php?n=" + phpAds_random); document.write ("&what=zone:119"); document.write ("&exclude=" + document.phpAds_used); if (document.referrer) document.write ("&referer=" + escape(document.referrer)); document.write ("'><" + "/script>"); </SCRIPT><SCRIPT language=JavaScript src="http://ads.nationchannel.com/adserverkt/adjs.php?n=138078114&what=zone:119&exclude=," type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT language=JavaScript src="http://ads.nationchannel.com/adserverkt/adjs.php?n=265308350&what=zone:119&exclude=,&referer=http%3A//www.bangkokbiznews.com/home/" type=text/javascript></SCRIPT><NOSCRIPT>[​IMG]</NOSCRIPT><!-- <iframe src="http://www.bangkokbiznews.com/home/banner/all-ad-300-indetail.php" frameborder="0" scrolling="no" width="300" height="250"></iframe> -->นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค Thirachai Phuvanatnaranubala เมื่อ 23 มกราคม 2012 เวลา 15:17 น. เนื้อหาระบุว่า...อัตราส่วนภาระหนี้ต่องบประมาณที่ถูกต้องคือเท่าใด
    ผมมีปัญหาเกี่ยวกับตัวเลขอัตราส่วนภาระหนี้ต่องบประมาณ ซึ่งทำให้ผมอึดอัดมาก และต้องขอระบายความในใจไว้ ณ ที่นี้
    ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2555 ซึ่งรองนายก (นายกิตติรัตน์) ได้เสนอร่างพระราชกำหนด 4 ฉบับต่อ ครม. เป็นครั้งแรก และต่อมาวันที่ 10 มกราคม 2555 เลขาธิการกฤษฎีกาได้เสนอร่างที่แก้ไขปรับปรุงนั้น รองนายก (นายกิตติรัตน์) ได้แจ้งว่าจำเป็นต้องออกกฎหมายดังกล่าวในรูปแบบพระราชกำหนดแทนที่จะเป็นพระราชบัญญัติ เพราะมีเหตุที่เร่งด่วน เหตุผลที่ชี้แจงข้อหนึ่งคือหากไม่ดำเนินการโดยเร่งด่วน จะเกิดปัญหาขึ้นแก่อัตราส่วนภาระหนี้ต่องบประมาณ
    ภาระหนี้ต่องบประมาณนั้น คืออัตราส่วนเงินที่ชำระหนี้เงินกู้และดอกเบี้ยหนี้สาธารณะที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณแต่ละปี เมื่อคิดเป็นสัดส่วนของงบประมาณในปีนั้น ไม่ควรจะเกินร้อยละ 15 ของงบประมาณ ซึ่งกรอบนี้เรียกว่ากรอบความยั่งยืนทางการคลัง
    รองนายก (นายกิตติรัตน์) แจ้งคณะรัฐมนตรีว่าขณะนี้อัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ร้อยละ 12 จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องแก้ไขปัญหาหนี้กองทุนฟื้นฟู เพื่อมิให้ภาระดอกเบี้ยสำหรับหนี้กองทุนฟื้นฟู เป็นภาระแก่งบประมาณต่อไป มิฉะนั้นจะไม่มีช่องว่างพอเพียง ที่รัฐบาลจะกู้ยืมเพิ่มเติมเพื่อใช้บริหารจัดการน้ำ
    "ผมได้ทราบภายหลังว่ารองนายก (นายกิตติรัตน์) ได้ข้อมูลนี้ไปจากสภาพัฒน์ ซึ่งเจ้าหน้าที่สภาพัฒน์ได้คำนวณโดยใช้ตัวเลขจากประมาณการเศรษฐกิจ และในการประชุมคณะรัฐมนตรีทั้งสองครั้ง เลขาธิการสภาพัฒน์ซึ่งนั่งอยู่ในห้องประชุมด้วย ก็มิได้แก้ไขข้อมูลนี้เป็นอย่างอื่น"
    ตัวของผมเองก็ได้ใช้ตัวเลขร้อยละ 12 ดังกล่าวในการอธิบายต่อสื่อโทรทัศน์และสื่อสิ่งพิมพ์หลายแห่ง ซึ่งโทรทัศน์หลายรายการก็ปรากฏหลักฐานอยู่ใน facebook ของผมนี้
    อย่างไรก็ดี ก่อนหน้าที่ผมจะพ้นตำแหน่งเพียงหนึ่งวัน เจ้าหน้าที่ของกระทรวงการคลังได้นำข้อมูลจากสำนักบริหารหนี้สาธารณะมาแจ้งให้ผมทราบว่า สำหรับปีงบประมาณ 2555 นั้น อัตราส่วนดังกล่าวเป็นเพียงร้อยละ 9.33 มิใช่ร้อยละ 12 ดังที่รองนายก (นายกิตติรัตน์) แจ้งต่อคณะรัฐมนตรี
    อัตราส่วนดังกล่าวเกิดจากการชำระหนี้เงินต้นร้อยละ 1.97 และจากการชำระดอกเบี้ยร้อยละ 7.36 รวมเป็นร้อยละ 9.33 และเป็นการคำนวณจากตัวเลขที่เป็นทางการในกฎหมายงบประมาณที่เพิ่งผ่านสภาไปเร็วๆ นี้
    "ผมเองต้องยอมรับว่าตกใจมากเพราะทำให้เหตุผลความจำเป็นเร่งด่วนในการที่จะต้องออกกฎหมายในรูปแบบพระราชกำหนดเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง"
    แต่เนื่องจากการทำงานของสภาพัฒน์นั้นขึ้นกับรองนายก (นายกิตติรัตน์) มิได้ขึ้นกับกระทรวงการคลัง ผมจึงยังไม่สามารถสาเหตุได้ว่าทำไมตัวเลขของสองหน่วยงานจึงได้แตกต่างกันมากเช่นนี้ และผมก็พ้นจากตำแหน่งไปเสียก่อน
    ผมจึงขอเสนอรองนายก (นายกิตติรัตน์) ผ่าน facebook หน้านี้ เนื่องจากต่อไปนี้ท่านจะกำกับดูแลทั้งสภาพัฒน์และสำนักบริหารหนี้สาธารณะแล้ว ท่านจึงควรจะให้มีการศึกษาเปรียบเทียบตัวเลข และวิธีการเก็บข้อมูล รวมถึงวิธีคำนวณของทั้งสองหน่วยงาน เพื่อให้ปรากฏตัวเลขที่ถูกต้องในการปฏิบัติให้เป็นไปตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ
    นอกจากนี้ เนื่องจากรัฐบาลได้เสนอหลักการและเหตุผลสำหรับพระราชกำหนดทั้ง 4 ฉบับ ในลักษณะที่เป็นเรื่องเดียวกันที่ผูกโยงไว้ด้วยกัน โดยใช้ข้อความเดียวกันทุกประการทั้ง 4 ฉบับ ดังนั้น หากมีการตีความว่าฉบับใดฉบับหนึ่งไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้พระราชกำหนดทั้ง 4 ฉบับติดขัดไปด้วยพร้อมกัน
    "ผมคิดว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องด่วนที่สำคัญที่สุดสำหรับท่านรัฐมนตรีว่าการกระทวงการคลังคนใหม่นะครับ"
    http://www.bangkokbiznews.com/home/...ธีระชัยจัดหนักพรก.เงินกู้ไม่มีความจำเป็น.html
     
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 24 มกราคม 2555 01:00
    หากไทยเสียแชมป์ส่งออกข้าว... ใครต้องรับผิดชอบ?

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    <DD class=columnist-name>กาแฟดำ </DD>เวียดนามจะแซงประเทศไทย ในตำแหน่งประเทศส่งออกหมายเลขหนึ่งของโลกจริงหรือ
    <!--<script type="text/javascript"> google_ad_channel = '3694366847'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </script> <script type="text/javascript" src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js"></script> <script type="text/javascript" src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"></script>--><SCRIPT language=JavaScript src="http://ads.nationchannel.com/adserverkt/adx.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT language=JavaScript type=text/javascript> if (!document.phpAds_used) document.phpAds_used = ','; phpAds_random = new String (Math.random()); phpAds_random = phpAds_random.substring(2,11); document.write ("<" + "script language='JavaScript' type='text/javascript' src='"); document.write ("http://ads.nationchannel.com/adserverkt/adjs.php?n=" + phpAds_random); document.write ("&what=zone:119"); document.write ("&exclude=" + document.phpAds_used); if (document.referrer) document.write ("&referer=" + escape(document.referrer)); document.write ("'><" + "/script>"); </SCRIPT><SCRIPT language=JavaScript src="http://ads.nationchannel.com/adserverkt/adjs.php?n=668552622&what=zone:119&exclude=,&referer=http%3A//www.bangkokbiznews.com/home/" type=text/javascript></SCRIPT><NOSCRIPT>[​IMG]</NOSCRIPT><!-- <iframe src="http://www.bangkokbiznews.com/home/banner/all-ad-300-indetail.php" frameborder="0" scrolling="no" width="300" height="250"></iframe> --> ถ้าจริง ไทยเราจะอยู่เฉยๆ เพื่อให้คู่แข่งเบอร์สองมาเป็นหนึ่งโดยไม่มีแผนการรุกและรับ ก็จะต้องถือเป็นความไม่รับผิดชอบของผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างแน่นอน

    เพราะ brand หรือยี่ห้อของประเทศไทย คือ “ข้าว” และเราก็ยืนหยัดมาตลอด ว่า เราจะเป็น “ยุ้งฉางแห่งอาหารของโลก” พร้อมๆ กับการเป็น “ครัวโลก”

    หากเรายอมพ่ายแพ้อย่างง่ายดาย และด้วยเหตุผลของนโยบายรัฐบาลที่ทำให้ต้องเสียตำแหน่งนี้ ก็จะต้องมีการทบทวนทุกเรื่องที่เกี่ยวกับข้าวครั้งใหญ่

    ประเด็นนี้ถูกยกขึ้นมาโดยสมาคมผู้ส่งข้าวออกไทย ที่บอกว่า นโยบายจำนำข้าวของรัฐบาล จะทำให้ราคาข้าวส่งออกของไทยแพงขึ้นในตลาดโลก จึงเปิดช่องทางให้ประเทศอื่นที่ขายข้าวแข่งกับไทย สามารถชิงตลาดเดิมของไทยเราไป

    สมาคมคาดการณ์ว่าปีนี้ปริมาณการส่งข้าวออกของไทยจะลดลงเหลือ 6.5 ล้านตัน (ต่ำสุดในสิบปี)

    และหากเป็นไปตามการพยากรณ์ ตลาดข้าวสำหรับข้าวไทยก็จะลดจากเดิม 30.2% ไปอยู่ที่ 20-25%
    ซึ่งต้องถือว่าเป็นการหดตัวครั้งสำคัญสำหรับสินค้าส่งออกอันดับต้นของไทยอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

    ปัจจัยอื่นที่มีผลกระทบต่อการส่งออกข้าวของไทย คือ การส่งข้าวออกเพิ่มของอินเดีย เพราะการกำหนดโควตาการส่งออกข้าวของประเทศนั้น จะหมดอายุลงในเดือนกุมภาพันธ์นี้

    ขณะเดียวกัน เวียดนามได้ประกาศแล้วว่าจะเพิ่มยอดส่งออกข้าวหอมมะลิเท่าตัวเป็น 800,000 ตันในปีนี้

    นอกจากนั้น ประเทศที่ส่งข้าวออกแข่งกับไทยก็มีเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็น บราซิล หรือ อุรุกวัย
    เพื่อนบ้านกัมพูชา ก็บอกว่าการผลิตข้าวปีนี้จะดีขึ้น และจะส่งออกประมาณ 1 ล้านตันในปีนี้เช่นกัน

    ที่ประมาทไม่ได้ คือ พม่าซึ่งกำลังเร่งรัดการส่งข้าวเพิ่มขึ้นเช่นกัน ยิ่งหากการปฏิรูปการเมืองของพม่าดำเนินไปตามแผนที่ประกาศ ชาวนาพม่าก็จะมีอิสระในการผลิตเพิ่มขึ้น เพราะรัฐบาลจะไปควบคุมหรือสั่งการวิถีชีวิตของเกษตรกรน้อยลง แนวทางการดำรงชีวิตของชาวชนบทของพม่าก็จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เพราะมีแรงกระตุ้นให้ผลิตสินค้าเกษตรมากขึ้น

    เรียกว่าไทยเราเจอการแข่งขันจากทุกด้าน และหากเราไม่ศึกษาวิเคราะห์และเผชิญความเป็นจริงโดยที่ทั้งชาวไร่ชาวนา โรงสี ผู้ส่งออก รัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายระดมความคิดความอ่านกันอย่างจริงจัง ทันทีที่เรา “เสียแชมป์” ไป การทวงตำแหน่งคืนมาก็จะเป็นเรื่องยากยิ่ง

    รองนายกฯ กิตติรัตน์ ณ ระนอง บอกนักข่าวว่า ไม่เชื่อว่าการส่งออกข้าวของไทยปีนี้จะลดลงเหลือ 6.5 ล้านตัน เพราะความต้องการของตลาดโลกต่อข้าวไทยยังสูงอยู่

    และยืนยันว่า รัฐบาลจะไม่ทบทวนนโยบายจำนำข้าว เพราะรัฐบาลเชื่อว่าไทยเราจะยังขายข้าวได้ และราคาข้าวสำหรับไทยก็ยังดีอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

    คุณกิตติรัตน์ บอกว่า พ่อค้าส่งออกข้าวของไทยไม่รู้ว่า “อำนาจต่อรอง” ของไทยเราในเรื่องข้าวนั้นมี
    มากกว่าที่คนทั่วไปจะเข้าใจ

    เท่ากับว่าเอกชนที่ขายข้าวมาตลอดกับรองนายกฯ มองเรื่องนี้ต่างกัน ซึ่งเท่ากับเป็นการมองกันจากคนละมุม

    หากเป็นการมองต่างแล้วไม่เกิดผลรุนแรง ก็คงจะไม่เป็นประเด็น แต่นี่คือข้าว ซึ่งเป็น “จุดขาย” ของไทยมาตลอด หากแค่วิเคราะห์กันพื้นๆ อย่างนี้ ยังมี “ชุดความคิด” และ “ประมาณการ” ที่ต่างกันเช่นนี้ เราคนไทยคงจะตกอยู่ในฐานะที่ “กินข้าวไม่ลง” ไปตลอดปี

    เพราะนักการเมืองมาแล้วก็ไป นโยบายรัฐบาลปรับเปลี่ยนไปมา แต่เอกชนและชาวไร่ชาวนาอยู่กับข้าวทุกเมล็ดที่ผลิตออกมา

    นโยบายที่ถูกต้องนั้นไม่ใช่เพียงแค่ต้องรักษาฐานะประเทศส่งข้าวออกเบอร์หนึ่งเท่านั้น แต่ยังจะต้องทิ้งห่างเบอร์สองและเบอร์สามให้มากขึ้น ขณะที่ให้ชาวไร่ชาวนามีฐานะความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเป็นลำดับด้วย

    นโยบายของรัฐกับแนวทางวิเคราะห์ของเอกชนต้องไปด้วยกัน จึงจะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติได้

    หาไม่แล้ว ก็จะเกิดคำถามว่าขนาดเรื่องที่เราเก่งกาจมาหลายร้อยปี เรายังเสียแชมป์ได้ แล้วเรื่องอื่นๆ ที่เราหาเช้ากินค่ำจะไปเหลืออะไร

     
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 24 มกราคม 2555 01:00
    คิดได้ไง ขายหุ้นซุกหนี้!

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับความคิดของรัฐบาล ที่จะขายหุ้นรัฐวิสาหกิจสำคัญของชาติ 2 แห่ง คือ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
    <!--<script type="text/javascript"> google_ad_channel = '3694366847'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </script> <script type="text/javascript" src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js"></script> <script type="text/javascript" src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"></script>--><SCRIPT language=JavaScript src="http://ads.nationchannel.com/adserverkt/adx.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT language=JavaScript type=text/javascript> if (!document.phpAds_used) document.phpAds_used = ','; phpAds_random = new String (Math.random()); phpAds_random = phpAds_random.substring(2,11); document.write ("<" + "script language='JavaScript' type='text/javascript' src='"); document.write ("http://ads.nationchannel.com/adserverkt/adjs.php?n=" + phpAds_random); document.write ("&what=zone:119"); document.write ("&exclude=" + document.phpAds_used); if (document.referrer) document.write ("&referer=" + escape(document.referrer)); document.write ("'><" + "/script>"); </SCRIPT><SCRIPT language=JavaScript src="http://ads.nationchannel.com/adserverkt/adjs.php?n=046069108&what=zone:119&exclude=,&referer=http%3A//www.bangkokbiznews.com/home/" type=text/javascript></SCRIPT><NOSCRIPT>[​IMG]</NOSCRIPT><!-- <iframe src="http://www.bangkokbiznews.com/home/banner/all-ad-300-indetail.php" frameborder="0" scrolling="no" width="300" height="250"></iframe> --> และ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เพียงเพื่อให้สัดส่วนการถือหุ้นลงต่ำกว่า 51% เพื่อที่จะได้ลดภาระหนี้สาธารณะและรัฐบาลจะสามารถเพิ่มศักยภาพการกู้เงินได้เพิ่มขึ้น

    ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงระดับหนี้สาธารณะที่ 42% ต่อจีดีพีในปัจจุบันนี้ รัฐบาลยังสามารถกู้เงินเพิ่มได้อีก 2 ล้านล้านบาท โดยที่ไม่เสียวินัยการคลัง และไม่กระทบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ ไม่กระทบความเชื่อมั่นจากตลาดเงินและตลาดทุน

    ผมเห็นด้วยกับอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ที่แสดงความเป็นห่วง ว่า การขายหุ้น ปตท.และการบินไทย จำนวน 2% ให้แก่กองทุนวายุภักษ์ จะทำให้รัฐบาลหาทางกู้เงิน เพื่อไปใช้ในโครงการประชานิยม ที่ก่อให้เกิดผลิตผลทางเศรษฐกิจ (Productivity) เพียงเล็กน้อย ไม่คุ้มค่ากับเม็ดเงินนับล้านล้านบาทที่ต้องสูญเสียไป และในที่สุด ประเทศไทยก็จะกลายเป็นประเทศที่มากมายไปด้วยหนี้ และอาจจะต้องล้มละลาย เหมือนกับกรณีของประเทศอาร์เจนตินาเมื่อหลายสิบปีก่อน

    บทเรียนปี 2540 ที่เศรษฐกิจประเทศไทยเข้าขั้นโคม่า เสี่ยงสูงที่จะล้มละลาย กว่าจะรอดมาได้ คนไทยจำนวนมากต้องยอมกัดก้อนเกลือกิน แต่วันนี้ วันที่เราพอจะลืมตาอ้าปากได้ แต่รัฐบาลชุดนี้ กลับนำคนไทยไปเผชิญกับความเสี่ยงที่เห็นๆ อยู่ตรงหน้าอย่างไม่สนใจเสียงทัดทานต่างๆ ที่ออกมารอบด้าน ให้รัฐบาลรอบคอบ

    แต่รัฐบาลสนใจเฉพาะคะแนนเสียงทางการเมือง จนละเลยหลักการของประเทศ รัฐบาลเอานโยบายการเมืองนำ ละเลยเรื่องของวินัยการคลัง ที่ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง

    หากรัฐบาลให้เหตุผลของการขายหุ้น ปตท.และการบินไทย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการจัดการ ให้สามารถแข่งขันกับเอกชน หรือการเตรียมพร้อมให้ปรับตัวรับมือกับการแข่งขันที่มากขึ้น จากการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ดูจะเป็นเหตุผลที่เข้าท่าเข้าทางมากกว่าที่จะขายหุ้นเพียงเพื่อต้องการซุกหนี้อย่างที่สังคมรับรู้ในขณะนี้

    เพราะในที่สุด เมื่อขายหุ้นได้สำเร็จ ปตท.และการบินไทย ถูกลดสถานะไม่ใช่รัฐวิสาหกิจผ่านการถือหุ้นของภาครัฐ โดยที่ข้อเท็จจริง รัฐบาลยังต้องรับรู้หนี้ของ ปตท.และการบินไทย ตามสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ดี

    แนวคิดขายหุ้น ปตท.และการบินไทย ที่แม้จะไม่ใช่รัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทยโดยตรง แต่ทั้ง ปตท.และการบินไทย ยังมีภารกิจต่อภาพรวมประเทศ ทั้งด้านยุทธศาสตร์เศรษฐกิจและยุทธศาสตร์ความมั่นคง

    ที่สำคัญ ทั้ง ปตท.และการบินไทย อยู่ในข่ายได้สิทธิประโยชน์จากการดำรงฐานะ "กิจการของชาติ" ทั้งกิจการพลังงานของชาติ และสายการบินของชาติ

    แนวคิดการขายหุ้นจึงเป็นได้แค่เพียงแผนผ่องถ่ายหนี้ไปอยู่ในหน่วยงานอื่นที่เป็นของรัฐ หรือแค่โยกจากพี่ไปไว้ที่น้อง ขณะที่ในความจริงหนี้สาธารณะไม่ได้ลดลง ในทางตรงกันข้ามโอกาสสูงมากที่หนี้สาธารณะจะเพิ่มขึ้น จากความสามารถในการกู้เงินที่เพิ่มขึ้นของรัฐบาล และหากรัฐบาลนี้ใช้วิธีการที่ถนัดอยู่บ่อยๆ โยกหนี้ ซุกหนี้ นอกงบประมาณอยู่เรื่อยๆ

    แน่นอนว่า ความเสี่ยง ความเชื่อมั่น และความน่าเชื่อถือของประเทศถูกกระทบ ในที่สุด ประชาชนก็จะเป็นผู้รับภาระหนักที่สุดเหมือนบทเรียนในอดีตเมื่อปี 2540 นั่นเอง
    ****ติดตามข่าวสาร เศรษฐกิจ-การเงิน-ลงทุน กรุงเทพธุรกิจทีวี ผ่าน Twitter...Sudchai_KTTV

     
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 23 มกราคม 2555 01:00

    "กู้ๆ หนี้ๆ ซุกๆ ซ่อนๆ" ไทยอยู่ไหนในเวทีโลก...?

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    <!-- Begin Media Content --><SCRIPT type=text/javascript>$(function() {$('#media-content').tabs();});</SCRIPT>
    ปีนี้เศรษฐกิจต้องเผชิญภาวะที่หนักหน่วงสาหัส หลังประสบปัญหาน้ำท่วมใหญ่ในรอบ 50 ปี จำเป็นต้องใช้กำลังในการฟื้นฟู ขณะที่ปัจจัยภายนอก เศรษฐกิจโลก สหรัฐ ยุโรป อยู่ในภาวะชะลอตัว ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น ต้องการคนมีฝีมือประคับประคองสถานการณ์ รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลก

    ทีมบริหารเศรษฐกิจต้องสามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ มีวิสัยทัศน์ วางแผนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศที่ถดถอยลงทุกขณะ เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอาเซียน จากที่เคยอยู่แถวหน้า ขณะนี้ไทยกำลังอยู่ตรงกลางค่อนไปทางท้ายเมื่อเทียบกับอาเซียน 10 ประเทศ มิพักต้องพูดถึงประเทศนอกอาเซียนที่ห่างออกไปเล็กน้อย ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลี ที่ก้าวเป็นเบอร์ต้นๆ ของโลก

    ย้อนหลังไปดูความสามารถในการแข่งขันของประเทศในอาเซียน เมื่อเทียบกับโลกย้อนหลังไป 5 ปี ตั้งแต่ปี 2007 สิงคโปร์รั้งอันดับ 2 ก่อนไต่เต้าขึ้นสู่อันดับ 1 ในปี 2010 และลงไปอยู่อันดับ 3 ในปี 2011 ขณะที่มาเลเซียรั้งอันดับ 23 ในปี 2007 ขยับขึ้นเรื่อยๆ ไปรั้งอันดับ 10 ในปี 2010 อินโดนีเซียจากอันดับที่ 54 ในปี 2007 ขยับไปอยู่ในอันดับ 35 ในปี 2010 ฟิลิปปินส์จากอันดับ 45 ในปี 2011 ขยับไปอยู่ดับ 39 ในปี 2010

    ขณะที่ไทยจากอันดับ 33 ในปี 2010 ขยับไปอยู่ที่ 26 ในปี 2010 และอันดับ 27 ในปี 2011 พัฒนาศักยภาพในการแข่งขันน้อยมาก มีการแยกให้คะแนนแต่ละปัจจัยก่อนนำมาหาค่าเฉลี่ย หนึ่งในนั้นเป็นปัจจัยด้านการเมือง ซึ่งดึงค่าเฉลี่ยรวมของอันดับความสามารถของไทยไม่ให้ขยับไปไหน

    รัฐบาลนี้และทีมเศรษฐกิจภายใต้การนำของกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ไม่เคยประกาศว่าจะนำประเทศไปอยู่จุดไหน

    แต่สัญญาณที่เห็น คือการแก้หนี้ประเทศที่ว่ากันว่าเป็นการโอนหนี้ ซุกหนี้ ซ่อนหนี้ เพื่อหาช่องทางในการกู้เพิ่ม ทำแบบง่ายๆ ไม่มีเงินใช้หรืออยากใช้เงินก็กู้ ไม่ได้มองว่าจะหารายได้และตัดลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น เพื่อนำเงินไปใช้กับโครงการที่จำเป็นได้อย่างไร

    ถ้าตัดลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น ไม่ก่อให้เกิดประสิทธิภาพ เช่น โครงการรับจำนำข้าวที่จะขาดทุนเป็นแสนล้านและรั่วไหลหลายพันล้าน โครงการจำนำมันสำปะหลังที่ใช้เงินอีก 3.3 หมื่นล้าน โครงการลดภาษีรถคันแรก อาจได้เงินมาทำโครงสร้างพื้นฐานโดยไม่ต้องกู้ก็ได้

    โลกกำลังหมุนมาเอเชีย อาเซียน ในปี 2050 จีดีพีของเอเชียจะมีสัดส่วนมากกว่า 50% ของโลก
    ภูมิภาคนี้กำลังได้รับความสนใจอย่างมาก ถนนทุกสายกำลังมุ่งมาภูมิภาคนี้ แต่ไม่ใช่ไทย!!!!

    น่าเป็นห่วงและน่าเสียดายอย่างยิ่ง นักการเมืองของเรา มัวแต่คิดแค่กู้ๆ หนี้ๆ ซุกๆ ซ่อนๆ ทำให้เราก้าวไปไม่ถึงไหนจริงๆ !!

    http://www.bangkokbiznews.com/home/...หนี้ๆ-ซุกๆ-ซ่อนๆ-ไทยอยู่ไหนในเวทีโลก...-.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มกราคม 2012
  7. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 24 มกราคม 2555 13:56
    ทอร์นาโดถล่มอลาบามา-ตาย 2 เจ็บกว่า 100

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    [​IMG]

    พายุทอร์นาโดพัดถล่มรัฐอลาบาม่าในสหรัฐ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 คนและผู้บาดเจ็บกว่า 100 คน
    <!--<script type="text/javascript"> google_ad_channel = '3694366847'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </script> <script type="text/javascript" src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js"></script> <script type="text/javascript" src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"></script>--><SCRIPT language=JavaScript src="http://ads.nationchannel.com/adserverkt/adx.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT language=JavaScript type=text/javascript> if (!document.phpAds_used) document.phpAds_used = ','; phpAds_random = new String (Math.random()); phpAds_random = phpAds_random.substring(2,11); document.write ("<" + "script language='JavaScript' type='text/javascript' src='"); document.write ("http://ads.nationchannel.com/adserverkt/adjs.php?n=" + phpAds_random); document.write ("&what=zone:119"); document.write ("&exclude=" + document.phpAds_used); if (document.referrer) document.write ("&referer=" + escape(document.referrer)); document.write ("'><" + "/script>"); </SCRIPT><SCRIPT language=JavaScript src="http://ads.nationchannel.com/adserverkt/adjs.php?n=531096016&what=zone:119&exclude=," type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT language=JavaScript src="http://ads.nationchannel.com/adserverkt/adjs.php?n=274612487&what=zone:119&exclude=,&referer=http%3A//www.bangkokbiznews.com/home/news/politics/world/news-list-1.php" type=text/javascript></SCRIPT><NOSCRIPT>[​IMG]</NOSCRIPT><!-- <iframe src="http://www.bangkokbiznews.com/home/banner/all-ad-300-indetail.php" frameborder="0" scrolling="no" width="300" height="250"></iframe> -->ความรุนแรงของพายุฟ้าคะนองและพายุหมุนที่เกิดขึ้นในชุมนุมโอ๊ค โกรฟ ใกล้เมืองเบอร์มิงแฮม รัฐอลาบามาเมื่อคืนวาน ทำให้บ้านเรือนหลายหลังพังราบ หลังคาพัดปลิว กระจกหน้าต่างแตกเสียหาย และต้นไม้เสาไฟฟ้าหักโค่น ส่งผลให้ชายวัย 82 ปีและเด็กหญิงวัย 16 ปีเสียชีวิต
    ก่อนหน้านี้ รัฐอลาบามา เคยประสบพายุทอร์นาโดพัดกระหน่ำหลายลูกเมื่อเดือนเม.ย.ปีที่แล้ว ทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 240 คน และโอ๊ค โกรฟก็ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากพายุครั้งนั้น เจ้าหน้าที่ได้จัดการประชุมเมื่อวานเพื่อศึกษาแนวทางรับมือกับพายุทอร์นาโดในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
    เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า พายุลูกหนึ่งเคลื่อนตัวจากทะเลสาบเกรต เลคส์ มุ่งหน้าไปยังอ่าวเม็กซิโก อาจเป็นต้นเหตุให้เกิดพายุทอร์นาโดโอ๊คโกรฟและชุมชนใกล้เคียง
    นอกจากนี้ มีรายงานว่า มีพายุพัดถล่มในรัฐอาร์คันซอส์ ซึ่งอาจเป็นทอร์นาโดเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

    http://www.bangkokbiznews.com/home/...6/ทอร์นาโดถล่มอลาบามา-ตาย-2-เจ็บกว่า-100.html
     
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 24 มกราคม 2555 13:29
    วาฬเกยตื้นร่วม100ตัวเกาะใต้นิวซีแลนด์-ตายแล้ว22ตัว

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    [​IMG]

    พบฝูงวาฬร่วม 100 ตัวเกยตื้นชายหาดเกาะใต้ในนิวซีแลนด์ตายไปแล้ว 22 ตัวขณะอาสาสมัครพยายามช่วยชีวิตวาฬที่เหลือเต็มที่
    <!--<script type="text/javascript"> google_ad_channel = '3694366847'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </script> <script type="text/javascript" src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js"></script> <script type="text/javascript" src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"></script>--><SCRIPT language=JavaScript src="http://ads.nationchannel.com/adserverkt/adx.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT language=JavaScript type=text/javascript> if (!document.phpAds_used) document.phpAds_used = ','; phpAds_random = new String (Math.random()); phpAds_random = phpAds_random.substring(2,11); document.write ("<" + "script language='JavaScript' type='text/javascript' src='"); document.write ("http://ads.nationchannel.com/adserverkt/adjs.php?n=" + phpAds_random); document.write ("&what=zone:119"); document.write ("&exclude=" + document.phpAds_used); if (document.referrer) document.write ("&referer=" + escape(document.referrer)); document.write ("'><" + "/script>"); </SCRIPT><SCRIPT language=JavaScript src="http://ads.nationchannel.com/adserverkt/adjs.php?n=111423516&what=zone:119&exclude=,&referer=http%3A//www.bangkokbiznews.com/home/news/politics/world/news-list-1.php" type=text/javascript></SCRIPT><NOSCRIPT>[​IMG]</NOSCRIPT><!-- <iframe src="http://www.bangkokbiznews.com/home/banner/all-ad-300-indetail.php" frameborder="0" scrolling="no" width="300" height="250"></iframe> -->นายจอห์น เมสัน ผู้จัดการฝ่ายอนุรักษ์สัตว์ป่าประจำภูมิภาคของนิวซีแลนด์เผยว่า คณะเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครกำลังพยายามรักษาระดับความเย็นเพื่อยื้อชีวิตฝูงวาฬดังกล่าว และจะพามันกลับลงทะเล แต่โชคร้ายพบว่า ขณะนี้ มีวาฬตายไปแล้ว 22 ตัวจากทั้งหมด 99 ตัว ที่เกยตื้นบนชายหาดของอ่าวโกลเดน ใกล้เมืองท่องเที่ยวเนลสัน
    นายเมสัน กล่าวว่า ไม่รู้สาเหตุของวาฬมาเกยตื้นครั้งนี้ ส่วนโฆษกกลุ่มอนุรักษ์สัตว์ ตั้งความหวังว่า วาฬที่เหลืออยู่จะรอดตายและถูกส่งกลับสู่ทะเลได้สำเร็จ
    อย่างไรก็ตาม วาฬมักมาเกยตื้นตายในพื้นที่ดังกล่าวเป็นประจำ และช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา มีวาฬเกยตื้นบนชายหาดเดียวกัน 25 ตัว แต่ถูกส่งกลับทะเลได้เพียง 18 ตัวเท่านั้น ทั้งยังมีวาฬนำร่อง 47 ตัวเคยล้มตายในพื้นที่เดียวกัน เมื่อ 2 เดือนก่อน ส่วนวาฬนำร่องชนิดนี้ ที่มีความยาว 6 เมตร เป็นสายพันธุ์ที่พบเห็นได้บ่อยในน่านน้ำของนิวซีแลนด์

     
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 24 มกราคม 2555 08:38
    กูรูโลกหวั่นปีนี้เหตุวุ่นวายการเมืองทุบศก.ทรุด

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    [​IMG]

    ผลสำรวจชี้ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกวิตกว่าภายใน12เดือนนับจากนี้จะเกิดเหตุวุ่นวายทางการเมืองเชิงภูมิศาสตร์ใหญ่ๆที่ฉุดเศรษฐกิจโลกวิกฤติหนัก
    <!--<script type="text/javascript"> google_ad_channel = '3694366847'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </script> <script type="text/javascript" src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js"></script> <script type="text/javascript" src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"></script>--><SCRIPT language=JavaScript src="http://ads.nationchannel.com/adserverkt/adx.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT language=JavaScript type=text/javascript> if (!document.phpAds_used) document.phpAds_used = ','; phpAds_random = new String (Math.random()); phpAds_random = phpAds_random.substring(2,11); document.write ("<" + "script language='JavaScript' type='text/javascript' src='"); document.write ("http://ads.nationchannel.com/adserverkt/adjs.php?n=" + phpAds_random); document.write ("&what=zone:119"); document.write ("&exclude=" + document.phpAds_used); if (document.referrer) document.write ("&referer=" + escape(document.referrer)); document.write ("'><" + "/script>"); </SCRIPT><SCRIPT language=JavaScript src="http://ads.nationchannel.com/adserverkt/adjs.php?n=981504055&what=zone:119&exclude=,&referer=http%3A//www.bangkokbiznews.com/home/news/politics/world/news-list-1.php" type=text/javascript></SCRIPT><NOSCRIPT>[​IMG]</NOSCRIPT><!-- <iframe src="http://www.bangkokbiznews.com/home/banner/all-ad-300-indetail.php" frameborder="0" scrolling="no" width="300" height="250"></iframe> -->ผลสำรวจความเห็นผู้เชี่ยวชาญระดับโลกจำนวน 345 คนจากภาคธุรกิจ รัฐบาล องค์กรระหว่างประเทศและนักวิชาการด้านต่างๆจากทั่วโลก ซึ่งเป็นสมาชิกของฟอรัม เน็ตเวิร์ก ออฟ โกลบอล อะเจนดา เคาน์ซิล ระบุว่า 54% ของผู้ตอบแบบสอบถาม คาดการณ์ว่าในอีก 12 เดือนข้างหน้า โลกจะเกิดปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองเชิงภูมิศาสตร์ครั้งใหญ่ เพิ่มขึ้นจาก 36% ที่เป็นการสำรวจในไตรมาสล่าสุด
    ขณะที่ ดัชนีความเชื่อมั่นโลก ซึ่งจัดทำเป็นครั้งที่ 3 ของเวทีประชุมเวิร์ล อีโคโนมิค ฟอรัม (ดับเบิลยูอีเอฟ) ซึ่งสำรวจเรื่องความร่วมมือกันทั่วโลก ในการรับมือกับปัญหาต่างๆ ลดลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 3
    ทั้งนี้ การประชุมประจำปีดับเบิลยูอีเอฟ ประจำปี 2555 ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เริ่มระหว่างวันที่ 25-29 มกราคมนี้
    "ความวุ่นวายทางการเมืองเชิงภูมิศาสตร์ ในพื้นที่สำคัญๆในปีนี้ เป็นปัจจัยลบ ที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกและส่งผลกระทบโดยตรงต่อระดับความเชื่อมั่นในปัจจุบัน และมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดปัญหาวามวุ่นวายทางเศรษฐกิจเชิงภูมิศาสตร์ อาทิเช่น การผิดนัดชำระหนี้ ที่จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดโลก"นายลี โฮเวลล์ กรรมการผู้อำนวยการดับเบิลยูอีเอฟ ซึ่งรับผิดชอบการประชุมประจำปีและการจัดทำรายงานความเสี่ยงโลกประจำปี2555 ของดับเบิลยูอีเอฟ ให้ความเห็น
    นอกจากนี้ นายไมเคิล ยูซีม ศาตราจารย์จากวอร์ตัน สคูล มหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย ให้ความเห็นว่า ความเชื่อมั่นด้านธรรมาภิบาลที่ต่ำและความวิตกกังวลสูงว่าจะเกิดปัญหาความวุ่นวายทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ ทำให้ภาพรวมของการจัดทำดัชนีออกมาในเชิงลบ และผลสำรวจล่าสุด บ่งชี้ว่า บรรดาผู้นำในโลกธุรกิจและเจ้าหน้าที่ให้บริการด้านสาธารณะ ต้องการให้มีการเจรจาเพื่อหาทางรับมือกับปัญหาดังกล่าวในที่ประชุมดาวอสปีนี้อย่างเร่งด่วน นอกเหนือจากการหารือเพื่อกระตุ้นการจ้างงานและกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ
    บรรดาผู้ตอบแบบสอบถาม ยังคงมองแง่ลบเกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ขณะที่วิกฤติความเชื่อมั่นไม่ได้ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงสองไตรมาสที่ผ่านมา โดย 60% ของผู้ตอบแบบสอบถาม มองว่าไม่มีความเชื่อมั่นในธรรมาภิบาลของรัฐ ส่งสัญญาณว่า มีความเชื่อถือหรือเชื่อมั่นว่าบรรดาผู้นำทางการเมืองจะรับมือกับปัจจัยเสี่ยงทั่วโลกได้น้อยลง

     
  10. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 23 มกราคม 2555 15:11
    เอฟเอโอจวกชาติร่ำรวยกินทิ้งกินขว้าง

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    <!-- Begin Media Content --><SCRIPT type=text/javascript>$(function() {$('#media-content').tabs();});</SCRIPT>
    [​IMG]

    เอฟเอโอจวกชาติร่ำรวยกินทิ้งกินขว้าง-ทิ้งอาหารปีละ 220 ล้านตันขณะเพื่อนร่วมโลกเกือบพันล้านในอีกซีกโลกหิวโหย
    <!--<script type="text/javascript"> google_ad_channel = '3694366847'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </script> <script type="text/javascript" src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js"></script> <script type="text/javascript" src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"></script>--><SCRIPT language=JavaScript src="http://ads.nationchannel.com/adserverkt/adx.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT language=JavaScript type=text/javascript> if (!document.phpAds_used) document.phpAds_used = ','; phpAds_random = new String (Math.random()); phpAds_random = phpAds_random.substring(2,11); document.write ("<" + "script language='JavaScript' type='text/javascript' src='"); document.write ("http://ads.nationchannel.com/adserverkt/adjs.php?n=" + phpAds_random); document.write ("&what=zone:119"); document.write ("&exclude=" + document.phpAds_used); if (document.referrer) document.write ("&referer=" + escape(document.referrer)); document.write ("'><" + "/script>"); </SCRIPT><SCRIPT language=JavaScript src="http://ads.nationchannel.com/adserverkt/adjs.php?n=522808276&what=zone:119&exclude=,&referer=http%3A//www.bangkokbiznews.com/home/news/politics/world/news-list-1.php" type=text/javascript></SCRIPT><NOSCRIPT>[​IMG]</NOSCRIPT><!-- <iframe src="http://www.bangkokbiznews.com/home/banner/all-ad-300-indetail.php" frameborder="0" scrolling="no" width="300" height="250"></iframe> -->นายโฮเซ กราซีอาโน ดา ซิลวา ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ(เอฟเอโอ) กล่าวในที่ประชุมรัฐมนตรีเกษตรจาก 64 ชาติ ในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า แต่ละปี ผู้บริโภคในประเทศร่ำรวย ทิ้งเศษอาหารมากถึง 220 ล้านตัน เท่ากับผลผลิตอาหารทั้งหมดในแอฟริกาตอนล่างของทะเลทรายซาฮารา
    นอกจากนี้ ตัวเลขปี 2553 ยังพบว่า อาหารที่ผลิตได้ในโลก กลายเป็นเศษอาหารเหลือทิ้งราว 1 ใน 3 หรือประมาณ 1,300 ล้านตัน ขณะมีประชากรเผชิญความหิวโหยทั่วโลก ประมาณ 925 ล้านคน
    ผอ.เอฟเอโอ กล่าวด้วยว่า มีความจำเป็นที่จะต้องให้การศึกษาเรื่องการกินอย่างถูกต้องให้มากกว่านี้ และการรับพฤติกรรมการบริโภคอาหารฟุ่มเฟือยจากประเทศร่ำรวยแผ่ขยายไปทั่วโลก จะนำไปสู่ความต้องการทรัพยากรธรรมชาติอย่างไร้ขีดจำกัด
    ที่ประชุมรัฐมนตรีเกษตรฯที่มีเยอรมนี ฝรั่งเศส ญี่ปุ่นและอังกฤษรวมอยู่ด้วย ได้ออกแถลงการณ์ร่วมเมื่อวันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา เรียกร้องการบริโภคอาหารอย่างมีความรับผิดชอบและรอบคอบ เพื่อลดปริมาณอาหารเหลือทิ้ง
    นายดาซีออง ซีโอลอส กรรมาธิการเกษตรสหภาพยุโรป กล่าวว่า อาหารที่เหลือเฟือและมีอยู่ทุกหนแห่งในประเทศพัฒนาแล้ว ทำให้ผู้บริโภคจำนวนมาก บริโภคอาหารโดยไม่คำนึงว่า การปล่อยอาหารบูดเน่า เท่ากับการถลุงเงิน ทรัพยากรธรรมชาติและแรงงานไปโดยเปล่าประโยชน์
    ด้าน นายซุสโวโน อาริราฟ รัฐมนตรีเกษตรอินโดนีเซีย กล่าวว่า เราได้เห็นพี่น้องร่วมโลกในแอฟริกา ทุกข์ทรมานจากความอดอยาก แต่เวลาเดียวกันก็ได้เห็นประเทศพัฒนาแล้ว กินอาหารมากเกินไปจนทุกข์ทรมานจากโรคอ้วน

     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=3vD8Y1jLo58&feature=BFa&list=UUpwvZwUam-URkxB7g4USKpg&lf=plcp]Oil-for-gold: Iran to dodge US ban with metal shield? - YouTube[/ame]

    อัปโหลดโดย RussiaToday เมื่อ 24 ม.ค. 2012
    The EU has delivered on its threat to ban the import of crude oil from Iran, in response to its nuclear programme. The latest round of sanctions prohibits any new oil contracts, while allowing for existing deals to run until July. But Tehran is apparently finding ways to keep business pumping. Reports say Iran will keep supplying one of its biggest customers - India - but will get payment in gold instead of dollars.
     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    <CENTER>ไทยจะเป็นมหาเศรษฐี</CENTER><CENTER></CENTER>
    <DD>ท่านสาธุชนพุทธบริษัท วันนี้ก็ยังเป็น วันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๓๓ ตามเดิม แต่ว่าพูดเป็นตอนที่ ๒ ตอนนี้ขอพูดถึงตอนที่ ไทยจะเป็นมหาเศรษฐี ถ้าสงครามโลกเกิดขึ้น ท่านทั้งหลายคิดออกหรือยังว่าสงครามโลกเกิดขึ้น และมันก็ไม่ได้เกิดกับประเทศไทยโดยตรง มันเกิดภายนอกประเทศเขตของไทย
    </DD>​
    <DD>
    เป็นอันว่า ลูกปืนก็ไม่มาถึงประเทศไทย เครื่องบินก็ไม่มาถึงประเทศไทย แต่ต้องระวังจรวด เรื่องจรวดนี่ต้องระวังกันหน่อย เพราะจรวดมันมาจากใต้น้ำได้ มันยิงทางไกลได้ ถ้ามันจะเกิดขึ้นบ้าง ก็เป็นขนาดย่อม ๆ ตามจุดต่าง ๆ เป็นจุดเล็ก ๆ อาจจะโผล่จุดนี้บ้างจุดนั้นบ้าง เป็นการทำให้รวนกำลังของทหาร รวนแล้วจะตั้งกลุ่มขึ้นบางจุด เป็นกลุ่มใหญ่หน่อย ก็ไม่มีอะไรน่าหนักใจ ก็รวมความว่า สงครามโลกไม่มีเรื่องหนักใจในเรื่องการตายของเรา เรื่องรังสีของวิทยาศาสตร์ รัศมีต่าง ๆ ไม่ต้องวิตกกังวล ขอยืนยันว่า " บุคคลที่นับถือพระพุทธเจ้า จะไม่ตายเพราะรังสีต่าง ๆ ตามที่บอกมาแล้ว ..."
    <DD>
    ทีนี้ความร่ำรวยอะไรมันจะเกิดขึ้นบ้าง ประการแรก ขอบอกว่าเรื่องน้ำมันจะเป็นเหตุให้รวย เพราะว่าทุกประเทศต้องใช้น้ำมัน และอีกประการหนึ่งนั่นก็คือว่า ถ้าสงครามโลกเกิดขึ้นจริง ๆ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เข้าสงครามโดยตรง แต่ว่าทหารของประเทศบางประเทศอาจจะต้องยกเข้ามาตั้งในจุดใดจุดหนึ่งของประเทศไทย เวลานั้นเราก็ขายน้ำมันให้เขา เราก็รวย ถ้ามีกองทหารอื่นเข้ามา มันจะดีหรือไม่ดี นี่ก็เป็นเรื่องของการเมือง แต่มีความจำเป็นเกิดขึ้นก็ต้องยอมรับ ถ้ามีการยอมรับ รายได้ต่าง ๆ ของประชาชนก็เกิดขึ้น
    <DD>
    ทีนี้รัศมีสงคราม ในเมื่อมันไม่ถึงประเทศไทย เราก็ไม่มีความลำบาก บรรดาท่านที่ทำนาทั้งหลาย ท่านที่มีนา อย่าเพิ่งขายนาในราคาแพงมากนัก คือ ขายก็ขายเถอะ! แต่อย่าขายให้มันหมด ... ก็มีคนหลายคนมาบอกว่า มีที่ ๒๐ ไร่บ้าง ๓๐ ไร่บ้าง ๕๐ ไร่บ้าง ๑๐๐ ไร่บ้าง อยากจะขาย ขายได้ไร่ละเป็นล้าน นี่ก็เห็นใจเหมือนกัน
    ความจริงเงินนับล้านเป็นของหายาก ก็เห็นใจ เขาอาจจะตั้งตัวอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ ถ้าไม่ลืมตัว แต่ว่าบางท่านที่ไม่มีโอกาสจะขายนาของท่านได้ นาของท่านอยู่ไกลที่เจริญ อยู่ไกลแม่น้ำ ไกลถนน ถ้าเขาจะซื้อ ก็ซื้อราคาถูก ท่านก็ไม่อยากจะขาย ท่านจะขายราคาแพง ในที่สุดท่านก็ไม่มีโอกาสจะขาย ในเมื่อเวลานี้ไม่มีโอกาสจะขาย ท่านอาจจะเสียดายว่าที่นาของเราไม่ได้ขาย เราไม่รวย
    <DD>
    แต่ทว่าถ้าสงครามโลกเกิดขึ้นจริง ๆ ท่านจะดีใจ เพราะนาท่านไม่ได้ขาย ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะข้าวของท่านที่ออกมา ราคามันแพง มันจะขายได้ดี ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็จะแพงกันหมด ดูสงครามโลกครั้งที่ ๒ ทุกสิ่งทุกอย่างมันหายาก ยิ่งเขายิ่งรบกัน โอกาสที่เขาจะทำมันก็มีน้อย เขาต้องใช้เวลารบกันมากขึ้น ทีนี้เราก็ขายได้ดี
    <DD>
    มาส่วนด้านอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมก็ดีมาก แต่ว่าอุตสาหกรรมก็ต้องระวังโรงงาน โรงงานต่าง ๆ ต้องระวังระเบิดภาคพื้นดิน ไม่ใช่ระเบิดจากอากาศ ระเบิดภาคพื้นดินจะอาละวาด ถ้าจะถามว่า หาทางป้องกันอย่างไร? นี่เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ - ทหาร หรือท่านเจ้าของโรงงาน ทางด้านพุทธศาสนาก็มี บอกไม่ได้ จะบอกได้อย่างไรว่า เรานับถือพระพุทธเจ้าเท่ากันหรือเปล่า ถ้านับถือเท่ากัน ก็เอาของที่ท่านให้ไว้ ท่านให้ไว้นั่นก็คือความดี ของดีถ้ามีไว้ในรัศมีนั้นจะไม่มีอันตรายจากภัยระเบิด และภัยโจมตีต่าง ๆ จะไม่เกิดขึ้น
    <DD>
    เหมือนกับสมัยนี้ ผ.ก.ค. ในที่ต่าง ๆ เคยถูกโจมตี และเจ้าของสถานที่นั้น เจ้าหน้าที่ในที่นั้นเกิดมีความเคารพพระพุทธเจ้าขึ้นมา มีของอย่างใดอยางหนึ่งเป็นสัญญลักษณ์แสดงไว้เป็นเขตในเขตนั้น ปรากฏว่าตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาไม่เคยถูกโจมตี หรือข้าศึกยิงเข้ามาก็ไม่เข้าสถานที่ตรงหน้าไม่เข้าฐาน เป็นอันว่าทหารในเขตนั้นก็ปลอดภัย ข้อนี้เป็นสัญญลักษณ์แสดงให้เห็นว่า
    <DD>
    ถ้าเรานับถือพระพุทธศาสนาจริงและยอมรับนับถือพระพุทธเจ้าจริง สิ่งใดที่ท่านให้ไว้ สิ่งนั้นเราเคารพด้วยความจริงใจ แล้วทุกท่านจะปลอดภัยจาก "สงครามโลกครั้งที่ ๓"

    [​IMG]

    <DD>
    ทีนี้ถ้าโรงงานต่าง ๆ มีความเคารพพระพุทธเจ้าด้วยความจริงใจจริง ๆ โรงงานนั้น ๆ จะพ้นอันตรายจากระเบิด และการทำอันตรายต่าง ๆ จากสรรพาวุธ จะไม่เกิดขึ้นกับโรงงานนั้น โรงงานนั้นในเมื่อผลิตของได้ก็จะขายดี รวย เขารบกัน เขาไม่มีเวลาทำ เรามีเวลาทำ เพราะเราไม่ต้องรบ เขาต้องสูญ ต้องเสียเงินเพื่อการรบ การรบต้องใช้เงินมาก เราไม่ต้องสูญเสียเงินเพราะการรบ เราก็ขายของของเรา ในเมื่อของมันขาด ราคาก็แพง ในเมื่อขายของได้ราคาแพงมาก รัฐบาลก็ได้ภาษีอากรมากขึ้น ประเทศก็รวย คนในประเทศก็รวย นี่พูดถึงความร่ำรวยที่ไทยจะเป็นเศรษฐี
    <DD>
    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้ำมันตามจุดต่าง ๆ ที่บริษัทเขาเจาะไว้ เขาบอกว่ามันไม่พอใช้ มันก็จะปรากฏขึ้น เพราะเราไม่มีโอกาสซื้อน้ำมันต่างประเทศ ถ้าน้ำมันต่างประเทศจะซื้อได้ยาก ราคาแพง อันนี้เขาจะดึงขึ้นมาใช้ ราคาเหมือนราคาต่างประเทศ อย่างนี้อุตสาหกรรมของเราก็จะรวยไม่ได้ ถ้าบังเอิญคนไทยอย่างที่ฝาง ใช้หัวเจาะลึก ๆ หัวเจาะยาว ๆ เจาะลงไปลึก ๆ แต่ตามหลักวิชาการเขามีอยู่ อาตมาก็ไม่ได้ค้านตามนั้นนะ ลองเจาะดูตามที่ ดร. สรรพศาสตร์ ท่านพูด ...
    <DD>
    ดร. สรรพศาสตร์ ท่านบอกว่า ที่ใดก็ตาม เจาะลงไป มันจะมีน้ำมัน แต่ว่าผิวดินมันจะลึกจะตื้นกว่ากัน นั่นอีกอย่างหนึ่งต่างหาก เท่าที่เขาเจาะเวลานี้ ยังไม่ถึงขุมน้ำมันจริง ๆ มันไปถึงต่อมเล็ก ๆ บนหลังถังของน้ำมัน ยังไม่ถึงถังน้ำมันแท้ ถ้าใช้หัวเจาะประมาณ ๖ กิโลเมตร อย่างอังกฤษเจาะ อย่างนี้ไม่ต้องใช้กี่บ่อแล้ว เพียงแค่ ๑๐ บ่อ ดึงกันวันไม่รู้จักเท่าไร เท่าไรก็ไม่รู้จักหมด เราใช้ประมาณ ๓๐ เท่า หรือ ๓๐๐ เท่าของเวลานี้ สัก ๑,๐๐๐ ปี มันก็ไม่หมด เพราะมันเป็นทะเลใหญ่ นี่ ดร. สรรพศาสตร์ท่านพูดอย่างนี้นะ ...
    <DD>
    ถ้าบังเอิญคนไทยของเราดึงขึ้นมาได้เอง เราก็กดราคาน้ำมันให้ต่ำลงไป อย่างแพงที่สุดก็เท่าราคาน้ำมันในปัจจุบัน รักษาราคาน้ำมันไว้ ต่างประเทศเขาต้องซื้อแพง เราถูก อุตสาหกรรมของเราก็มีราคาถูก ขายก็ได้กำไร กำไรก็จะมีมาก กำไรจากอุตสาหกรรมด้วย กำไรจากเกษตรกรรมด้วย กำไรจากน้ำมันด้วย และก็จะมีกำไรมากมาย ประเทศไทยก็จะเป็นมหาเศรษฐี
    <DD>
    ทีนี้ต่อไป มันก็มีเวลาเหลือ บรรดาท่านพุทธบริษํท ก็มาคุยกันว่า ถ้าสงครามโลกไม่เกิด จะว่าอย่างไร ก็ต้องตอบว่า ถ้าสงครามโลกไม่เกิดก็เป็นของดี แต่ว่าท่าน ดร. สรรพศาสตร์นี้ก็เช่นเดียวกัน ท่านบอก เขาไม่เรียก "สงครามโลก" เขาเรียก "สงครามใหญ่" มันเป็นสงครามใหญ่ ไม่ใช่สงครามโลก</B>
    <DD>
    ก็เป็นอันว่า ถึงแม้จะเป็นสงครามโลกก็ตาม สงครามใหญ่ก็ตาม ถ้ามันเกิดขึ้นจริง เราก็เอาบทเรียนจาก "สงครามโลกครั้งที่ ๒" มาใช้กัน
    ๑. ผ้าในสมัยนั้น หาคนนุ่งผ้าดีได้ยาก ส่วนมากก็จะมีคนนุ่งผ้าขาด ๆ เพราะเวลานั้นโรงงานทำผ้าของเรายังมีน้อย แต่เวลานี้โรงงานทำผ้าของเรามีมาก แต่ก็ไม่แน่นอนนัก บางทีระเบิดเพลิงก็เกิดจากภาคพื้นดินก็ได้ ถ้าระเบิดเพลิงจากภาคพื้นดินเกิดกับโรงงาน โรงงานทำผ้าของเราก็จะสลายตัวไป ผ้าของเราก็จะน้อย
    <DD>
    อันดับแรก เตรียมผ้าไว้ก่อน
    <DD>
    อันดับที่สอง เตรียมพื้นดินไว้ ถ้ามีอยู่บ้าง ไม่มากไม่มาย ก็อย่าเพิ่งรีบขายเกินไป ถ้าได้กำไรมาก ๆ เป็นล้าน ๆ ก็ไม่ว่าอะไร ขายเถอะ! แล้วเก็บเงินไว้ให้ดี อย่าใช้ให้มันหมดตัว จะคิดว่าถ้ามันหมดแล้ว เราไม่มีทางจะหาที่ดินมาขายได้ใหม่
    ประการที่สอง ก็เตรียมเนื้อ เตรียมกาย เตรียมใจ เตรียมใจไว้ นึกถึงความจริงตามที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนว่า "โลกเต็มไปด้วยทุกข์ โลกไม่มีความสุข โลกเป็นอนิจจัง หาความเที่ยงไม่ได้ ในเมื่อมันเป็นอนิจจัง มันก็เป็นทุกข์ ในที่สุดก็เป็นอนัตตาตายหมด ... "
    <DD>
    ถ้ามันเป็นอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร ความจริงเป็นอย่างนั้น ถ้าเรายอมรับก็ไม่เป็นไร ถ้าจิตยังไม่ยอมรับมันก็มีความดิ้นรน มันก็มีความเร่าร้อน ถึงจะดิ้นรนจะเร่าร้อนขนาดไหนก็ตาม เราก็จะหนีไม่พ้นในเมื่อหนี้ไม่พ้น เราก็ต้องทนสู้ ทนสู้กับภาวะสงคราม ทีนี้เราจะสู้กับใคร เราก็สู้กับตัวเราเอง นั่นคือ ต้องใช้น้อย กินน้อย นอนมาก ๆ และตื่นไว ๆ ใช้กำลังร่างกายทำการงานให้ดี ได้พูดอย่างนี้ก็พูดเรื่อยเฉื่อยไป
    <DD>
    เป็นอันว่า ตามคำพยากรณ์ของ ดร. สรรพศาสตร์ ท่านบอกว่า ประเทศไทยจะเป็นมหาเศรษฐี แล้วคนไทยทุกคนจะเป็นเศรษฐีไหม ก็ต้องขอบอกว่า คนไทยทุกคนไม่เป็นมหาเศรษฐีทุกคน แต่ว่าก็มีจำนวนมากก็จะเป็นลูกศิษย์มหาเศรษฐี คือ เป็นคนงานของมหาเศรษฐี เราก็จะเป็นเศรษฐีเล็ก ในครอบครัวเล็ก ๆ ได้เหมือนกัน สมมติว่าครอบครัวใดยังไม่เคยมีเงินล้าน ครอบครัวเล็ก ๆ ประเภทนั้นจะมีเงินล้านใช้ ประเภทครอบครัวที่มีเงินแสนใช้ต้องถือว่าเป็นครอบครัวที่ยากจนมาก ถ้าบ้านไหนมีเงินล้านใช้ถือว่าเป็นบ้านที่พอมีพอกินพอใช้ พอหาได้เลี้ยงตัวรอด ที่มีเงินเหลือเป็นแสน ก็ถือว่าเลี้ยงตัวรอดเหมือนกัน ที่ได้มาอย่างนี้เพราะว่า เรามีกำไรจากสงคราม แต่เราไม่อยากให้เกิดสงคราม [​IMG]
    <DD>
    ทีนี้มาพูดอีกทีหนึ่ง ที่ดามุสท่านบอกว่า ศาสนาคริสต์จะสลายตัว แต่ศาสนาอิสลามท่านไม่ได้บอกว่าจะสลายตัวหรือเปล่า แต่ว่าพระพุทธเจ้าเคยตรัสบอกว่า "ถ้าสงครามเกิดขึ้น หลังกึ่งพุทธกาลแล้ว" องค์สมเด็จพระประทีปแก้วกล่าวว่า "ยักษ์นอกพุทธศาสนาจะรบราฆ่าฟันซึ่งกันและกัน จะตายไปฝ่ายละครึ่งจึงจะเลิกรากัน"
    <DD>
    ตอนนี้ด้านศาสนาของเขาก็จะมีการหย่อนตัวลงไป เพราะความทุกข์ความเศร้าโศกเสียใจ ความเสียหายเกิดขึ้น ตายไปฝ่ายละครึ่งนี่ไม่ใช่เล็กน้อยนะบรรดาท่านพุทธบริษัท การเชื่อพระเจ้าจะน้อยลง หรืออาจจะสลายตัวอย่างท่านดามุสบอกก็ได้
    <DD>
    ทีนี้มาพูดถึงพุทธศาสนาบ้าง ทางพุทธศาสนาถ้าสงครามใหญ่เกิดขึ้นจริง ๆ ทางพุทธศาสนาจะรุ่งเรืองขึ้น ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าพุทธศาสนาจะรุ่งเรืองได้ จะมีความอุดมสมบูรณ์ได้เพราะคนเห็น "ทุกข์" ในเมื่อคนเห็นทุกข์ ก็ยอมรับนับถือศีลธรรมมากขึ้น ...
    <DD>
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักบวชฝ่ายปฏิบัติ สำหรับฝ่ายปริยัตินั้นก็อีกฝ่ายหนึ่งต่างหาก คือ ท่านเรียน แต่ท่านยังไม่ได้ทำ เรียนรู้ .. จะถือว่าไม่ดีไม่ได้ ท่านก็ดี ท่านมีความรู้ ความรู้ในด้านปริยัติก็จะเจริญขึ้น ในช่วงนั้นอาจจะมีพระที่ได้ "อภิญญา" หรือว่านักปฏิบัติที่เป็นฆราวาสที่ได้ "อภิญญา"เกิดขึ้น ..
    <DD>
    ถ้ามี"นักอภิญญา"เกิดขึ้น บรรดาท่านพุทธบริษัท อันตรายต่างๆ จะเกิดขึ้นได้น้อยเต็มที เพราะอาศัยอภิญญาช่วย และนอกจากนั้นความเจริญรุ่งเรืองทางด้านจิตใจของเราก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาก เพราะเราไม่เสียหายมาก เรามีความสุข ในเมื่อเขาเลิกรบกัน เขาก็ขาดเกือบทุกอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารการบริโภค เขาก็ขาดเราก็ขาย เครื่องมือเครื่องใช้เขาขาด โรงงานประเทศไทยของเราเวลานี้มีมาก เราก็ขาย
    <DD>
    รวมความว่า ทุกอย่างมันก็จะมีแต่ความก้าวหน้า จะมีความร่ำรวย ดูตัวอย่างประเทศเยอรมันกับประเทศญี่ปุ่น เมื่อหลังสงครามโลกถูกบีบบังคับห้ามไม่ให้มีทหาร พอ ๒ ประเทศ ไม่มีทหารขึ้นมา ไม่ต้องเสียเงินค่างบประมาณทหาร เพราะว่างบประมาณทหารต้องเสียมาก เรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ต้องเตรียม เตรียมไว้บางทีไม่ได้ใช้ ล้าสมัยต้องซื้อใหม่ ของเก่าก็เก็บไว้ หรือว่าขายไป
    <DD>
    ทีนี้ในเมื่อไม่ต้องเตรียมการรบ ไม่ต้องเตรียมทหาร งบประมาณก็เหลือใช้ ประเทศก็มีความร่ำรวย ประเทศไทยเราก็ฉันนั้น ในสมัยเมื่อเขารบกัน เราก็พยายามประวิงทุกอย่าง อย่าให้มีการรบ ถ้ามันมีความจำเป็นจริง ๆ ก็จำกัดสถานที่รบ นั่นหมายความว่า สงครามใหญ่ไม่มีใครเข้ามาในประเทศไทย พวกเขาตีกันทางโน้น เขาไม่ตีมาทางนี้ เขาอาจจะตีไปทางยุโรป ตีไปทางอเมริกา เขาไม่ตีมาถึงประเทศไทย แต่ว่าประเทศไทยก็ต้องมีส่วนร่วม ส่วนร่วมในความทุกข์ที่จะเกิดสงคราม
    <DD>
    ทีนี้ในเมื่อเขาไม่ตีเข้ามาถึง เราก็มีความอุดมสมบูรณ์ แต่ทั้งนี้ขอทิ้งท้ายไว้นิดว่า ตีเล็กมีนะ ตีใหญ่น่ะไม่มี มีแต่ตีเล็กก่อกวน สงครามก่อกวนจะมีเป็นของธรรมดา ทั้งนี้ก็ต้องเชื่อความสามารถของรัฐบาลและทหารตำรวจเราสามารถจะควบคุมความสงบสุขไว้ได้ เหตุต่าง ๆ จะเกิดขึ้น จะไม่พ้นวิสัยของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจ จะสามารถปราบปรามได้ ถ้าถามว่าเขาใช้รัศมีอาวุธเคมี ใช้รังสีต่าง ๆ ก็ขอตอบว่า เป็นเรื่องเล็ก ๆ พุทธศาสนาป้องกันได้แน่
    <DD>
    อันนี้ขอยืนยัน จะเป็นนิวตรอน นิวเคลียร์ นิวอะไรก็ตามเถอะ ขอยืนยันว่า พุทธศาสนาป้องกันได้ แต่ว่าทั้งนี้ท่านทั้งหลายต้องไปหาจากพระที่เป็นนักปฏิบัติทางด้านจิตใจ ที่ท่านเข้าถึงฌานโลกีย์ทรงตัว และก็ทรงความเป็น"อภิญญา"
    <DD>
    ถ้าถามว่า เวลานี้จะหาที่ไหน ก็ต้องขอตอบว่าเวลานี้อย่าเพิ่งหา อาจจะมีอยู่ที่ไหนบ้างก็ได้ แต่ไม่มีใครเขาบอกกัน ถ้าถึงเวลานั้นจะปรากฏตนเอง ท่านจะแสดงออกมาให้เห็นถึงความปลอดภัยว่าท่านสามารถจะป้องกันได้ ถ้าท่านองค์ไหน จะเป็นพระก็ดี จะเป็นฆราวาสก็ดี ไม่ได้หมายความว่าพระเสมอไป ฆราวาสที่มีความสามารถก็มีมาก ก็สามารถจะป้องกันได้ สามารถจะทำได้ ก็พึ่งท่านนั้น ท่านต้องให้เป็นที่พึ่งแน่นอน
    <DD>
    ทั้งนี้เพราะว่า ถ้าหากว่าเราทั้งหลายตายกันหมด ท่านก็ตายเหมือนกัน ท่านอดตาย เพราะว่าท่านต้องอาศัยพวกเรากิน พวกเราหากินหาใช้เหลือ เราก็ให้ท่าน อย่างสมมติว่า ถ้าพระบิณฑบาต เราก็ถวายพระ ถ้าชาวบ้านอด ชาวบ้านตายหมด พระก็ตายเพราะไม่มีใครจะให้ ข้อนี้ฉันใด เวลานั้นก็ตาม ท่านที่ทรง "อภิญญา" จะเป็นพระก็ตาม จะเป็นฆราวาสก็ตาม ไม่มีใครปกปิดความสามารถ สามารถจะป้องกันรังสีต่าง ๆ ได้ และป้องกันสรรพาวุธได้ตามกำลัง
    <DD>
    แต่บุคคลที่ต้องตายไปบ้าง นั่นก็หมายความว่า บุคคลที่มีอายุถึงอายุขัย บุคคลที่มีอายุถึงอายุขัยนี่ เราป้องกันไม่ได้ มันมีความจำเป็น คนประเภทนี้จะรบก็ตาย ไม่รบก็ตาย นอนเฉย ๆ ก็ตาย กินข้าวอยู่ก็ตาย นอนหลับก็ตาย คุยกันก็ตาย เพราะถึงอายุขัย เวลานั้นมันต้องตาย
    <DD>
    ก็รวมความว่า ประเทศไทยไม่ต้องหนักใจ ขอบรรดาท่านพุทธบริษัททุกคนยอมรับนับถือความดีของพระพุทธเจ้าไว้ ความดีที่พระพุทธเจ้าให้ไว้ก็มี ๔ อย่าง เอาสัก สอง ๔ อย่าให้เป็นการใบ้หวยละ ๔ ที่หนึ่งก็เอาอย่างง่าย ๆ คือ สังคหวัตถุ ๔ คือ :-
    ๑. ทาน การให้ ให้มีการสงเคราะห์ซึ่งกันและกันเข้าไว้ สร้างความรักเข้าไว้ อย่าสร้างศัตรู การให้ทานเป็นการทำลายล้างศัตรู ไม่ให้เกิดศัตรูขึ้นมา เพราะเราบุคคลผู้รับ ย่อมรักในบุคคลผู้ให้
    ประการที่ ๒ ปิยวาจา พูดดี พูดให้คนที่รับฟังมีความสุขจากคำพูดของท่าน เขาก็จะรักเรา ในเมื่อเขารักเรา เราก็มีความสุข
    ประการที่ ๓ ช่วยเหลือการงานซึ่งกันและกัน ถ้าเขาเกินวิสัยเราช่วยเขาก็จะเกิดความรัก
    ประการที่ ๔ เราไม่ถือตัวไม่ถือตน การไม่ถือตัวไม่ถือตน จัดเป็นปัจจัยให้เกิดความรัก
    <DD>
    อันนี้เป็นความดีที่พระพุทธเจ้าให้ไว้เป็นอันดับแรก รักษากฎ ๔ ประการนี้ได้ บรรดาท่านทั้งหลาย เราจะมีแต่คนรัก เราจะไม่มีคนเกลียด ทีนี้ถ้าจะถามว่า ในเมื่อเขาประกาศสงครามกัน เขาไม่รู้จักกัน เขายิงจรวดมา จะทำอย่างไร มันก็เป็นของไม่ยาก เขาจะยิงมาหรือไม่ยิงมา เราก็ภาวนา "พุทโธ" ไว้ จิตใจยอมรับนับถือพระพุทธเจ้าโดยตรง สิ่งใดที่พระพุทธเจ้าทำไว้ ท่านให้ไว้ เรานับถือด้วยความจริงใจ สิ่งนั้นท่านทั้งหลาย จะป้องกันอันตรายท่านได้อย่างแน่นอน
    และประการต่อไปอีก ๔ อย่าง ก็คือ พรหมวิหาร ๔
    ๑. เมตตา ความรัก สร้างความรัก ทำจิตใจเกิดความรักทั้งคน และสัตว์ทั้งโลก ถือว่าเราเป็นมิตรกัน
    ประการที่ ๒ มีความสงสาร คอยเกื้อกูลกันไว้เสมอ อย่าเห็นแก่ตัว
    ประการที่ ๓ ยินดีเมื่อบุคคลอื่นได้ดี ไม่อิจฉาริษยาใคร
    ประการที่ ๔ เมื่อบุคคลนั้นถึงอายุขัย ต้องตายเพราะอาวุธ ต้องตายตามกาลเวลา เราก็วางเฉย
    <DD>
    ในเมื่อมีความดีอีก ๔ ประการอย่างนี้แล้วบรรดาท่านพุทธบริษัท ทุกคนจะปลอดภัย อย่าลืมว่า "สังคหวัตถุ ๔" เป็นความดีเล็กน้อย ความดีขั้นต้น "พรหมวิหาร ๔" เป็นความดีสูงสุด คือ :- ๑. เมตตา ความรัก
    ๒. กรุณา ความสงสาร
    ๓. มุทิตา มีจิตอ่อนโยน เห็นใครได้ดีพลอยยินดีด้วย
    ๔. อุเบกขา วางเฉยเมื่อเหตุร้ายเกิดขึ้น ไม่สามารถจะยับยั้งได้ก็ทำใจวางเฉย ไม่ดิ้นรน ยอมรับตามความเป็นจริง
    <DD>
    นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัทชายหญิง เวลาเหลือประมาณ ๕ นาที ก็คุยกันไปคุยกันมา ย้อนถึง "สงครามโลกครั้งที่ ๒" อีกสักนิดหนึ่งว่า ทำไมถ้าสงครามใหญ่เกิดขึ้น คนไทยจะมีความมั่นคงในพุทธศาสนามากขึ้น? จะชี้ตัวอย่างให้เห็นสักอย่างหนึ่งเพราะสมัยนั้นผู้พูดอยู่ในกรุงเทพฯ คืนใดถ้ามีปกติ เครื่องบินไม่มาทิ้งระเบิด เมื่อสงครามโลกครั้งที่ ๒ ตอนเช้าไปบิณฑบาต เวลานั้นคนหนีระเบิดมาบ้านนอกกันมาก มาต่างจังหวัดกันมาก คนใส่บาตรมีน้อย พอกินแค่เช้า เพลไม่พอกิน แต่ว่าบังเอิญคืนไหนถ้ามีเครื่องบินมาโจมตีทิ้งระเบิด เวลาเช้าไปบิณฑบาตปรากฏว่ามีคนใส่บาตรมากเป็นพิเศษ ไปไม่ทันถึงครึ่งทางก็เต็มบาตร ยามปรกติไปจนสุดทาง แล้วก็เดินทางกลับ ยังไม่ถึงครึ่งบาตร แต่คืนไหนมีเครื่องบินมาโจมตี รุ่งเช้าคนทำบุญกันมาก
    <DD>
    จะเห็นว่า คนที่มีความรู้สึกว่า ชีวิตของเราใกล้ความตาย ไม่มีความประมาท คือเขาจะถือว่า เป็นการฉลองชีวิตที่เกิดใหม่จากการโจมตีของข้าศึก ข้าศึกทิ้งระเบิดก็ทิ้ง ยิงกราดด้วย ปืนกลก็ยิง แต่เขาก็ปลอดภัย จึงทำบุญกันใหญ่ ข้อนี้ฉันใดบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ในเมื่อสงครามใหญ่มันเกิดขึ้นเป็นสงครามที่น่ากลัว อาวุธในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ถือว่าเป็นอาวุธดีแล้วนะ ล้าสมัยไปแล้ว เครื่องบินสมัยนั้น เป็นเครื่องบินที่ดีที่สุด เวลานี้เขาเลิกใช้แล้ว เครื่องบินสมัยใหม่เขาดีกว่าสมัยนั้นมาก อาวุธที่ใช้ใหม่ดีกว่าอาวุธสมัยนั้นมาก
    <DD>
    ทีนี้ถ้าการสงครามเกิดขึ้น ข่าวคราวก็ย่อมถึงกัน เวลานี้มีทั้งวิทยุ มีทั้งโทรทัศน์ถ่ายทอดจากดาวเทียม เราสามารถจะเห็นภาพได้ ในเมื่อเห็นการสูญเสีย ความตายเกิดขึ้น ความทุกข์ก็เกิดขึ้น จิตใจก็เริ่มเป็นกุศล เวลานั้นบรรดาท่านพุทธศาสนิกชนก็จะมีความมั่นคงในพุทธศาสนามากขึ้น เพราะกลัวตาย ..
    <DD>
    สำหรับอีกด้านหนึ่ง ท่านนักปฏิบัติที่เจริญสมาธิจิต ก็จะเร่งรัดตัวเองให้ทำสมาธิให้ดีขึ้น โดยหวังอย่างเดียวว่า ถ้าตายแล้วไม่ขอเกิดใหม่ อย่างเลวที่สุด ตายจากความเป็นคน ไปสวรรค์ก็เอา หรือถ้าดีกว่านั้นไปเป็นพรหมก็ดี ถ้าดีกว่านั้นไปนิพพานได้ก็ดี ท่านจะเร่งรัดตัวเอง การเร่งรัดตัวเองประเภทนี้กำลังใจจะมีสมาธิ ในที่สุดอภิญญาก็จะเกิด ในเมื่ออภิญญาเกิด ก็จะใช้ผลของอภิญญาและญาณต่าง ๆ ที่ได้จากสมาธิ และวิปัสสนาญาณ เอามาช่วยบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ให้มีความสุขปลอดภัย
    <DD>
    เอาละ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย มองดูเวลาก็เหลือเวลานาทีเศษ ๆ ในตอนนี้ก็ขอสรุปว่า ขอบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย อย่าลืมองค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ เตรียมตัวตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปว่า เราจะบูชาพระทุกวัน นึกถึงพระพุทธเจ้าก่อนหลับ ตื่นใหม่ๆ นึกถึงพระพุทธเจ้า บูชาพระ บูชาพระอย่างอื่นไม่ได้ ก็ว่า นะโม ตัสสะ ฯ ๓ หน ด้วยความเคารพใน พระพุทธเจ้าจริง แล้วว่า พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอถึงพระธรรมเป็นที่พึ่ง สังฆัง สรณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอถึงพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง แค่นี้ก่อนหลับและตื่นใหม่ ๆ ทุกวัน บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ทุกท่านจะปลอดภัยและมีความร่ำรวย เวลานี้ก็หมดเวลาแล้ว ขอลาก่อน ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล จงมีแด่บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนผู้รับฟัง และผู้อ่านทุกท่าน สวัสดี
    </DD>

    เครดิต คุณ nondanun<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_444633", true); </SCRIPT> http://palungjit.org/threads/เพลงยาวพยากรณ์-กรุงศรีอยุธยา.63282/
     
  13. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    คำถามของธีระชัย ที่วีรพงษ์ – กิตติรัตน์ ไม่กล้าตอบ แต่งบัญชี –ซุกหนี้ – ปั้นตัวเลข ???
    <TABLE style="WORD-SPACING: 0px; TEXT-TRANSFORM: none; TEXT-INDENT: 0px; FONT-FAMILY: 'Times New Roman'; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px" cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>25 มกราคม 2555 07:16 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ท่าทีของนายธีระชัย ภูวนารถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่วิพากษ์วิจารณ์ อย่างรู้ทันและรู้จริง ต่อ มาตรการซุกหนี้สาธารณะของนายวีรพงษ์ รามางกูร ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ หรือ กยอ. ที่ใช้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นมือไม้ไปทำ จะเป็นผล หรือเป็นเหตุ ที่ทำให้เขาถูกปลดออกจากตำแหน่ง เป็นเรื่องที่บุคคคลทั่วไป ยากจะหยั่งรู้ได้ แต่ข้อมูลในเรื่องดังกล่าว ที่นายธีระชัย เผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊คนั้น เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อสังคม เป็นการตรวจสอบ จับผิดการฉ้อฉลของรัฐบาล ในยุคที่ระบบการตรวจสอบโดยกลไกการเมือง และสื่อสารมวลชน แทบจะไม่มีอยู่แล้ว

    ในข้อเขียนเรื่อง “ วินัยการคลัง กับการพยายามลดตัวเลขหนี้สาธารณะ “ ในเฟซบุ๊ค เมือวันที่ 21 มกราคม นายธีระชัย แย้งว่า “ ระดับหนี้สาธารณะของไทยซึ่งมีประมาณร้อยละ 42 ของรายได้ประชาชาตินั้น ไม่สูงเท่าใด ระดับหนี้ที่สูงคือร้อยละ 60 ดังนั้น ในวันนี้ รัฐบาลยังจะสามารถกู้ได้อีกเกือบ 2 ล้านล้านบาท โดยไม่กระทบความเชื่อมั่นในตลาดเงินตลาดทุน ไม่มีความจำเป็นต้องไปซ่อนตัวเลขให้ดูต่ำกว่าจริง ก็ยังสามารถกู้ได้ไม่ยากครับ ถ้าอย่างนั้น ทำไม่จึงมีความพยายามที่จะสำแดงตัวเลขหนี้สาธารณะ ให้ต่ำกว่าที่เป็นจริง

    ผมเองไม่อยากกล่าวหาผู้ใดว่าคิดร้ายกับประเทศ แต่การที่ตัวเลขหนี้สาธารณะต่ำลงนั้น ย่อมจะมีผลทำให้รัฐบาลไม่มีแรงกดดันที่จะต้องหารายได้ และไม่มีแรงกดดันที่จะต้องขึ้นอัตราภาษี เพราะหากสำแดงตัวเลขหนี้สาธารณะตามเดิม ในอนาคตอันใกล้ รัฐบาลก็จะต้องขอขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือภาษีสรรพสามิตน้ำมัน หรือรายได้อื่นๆ ซึ่งย่อมจะทำให้พรรคการเมืองนั้นเสียคะแนน แต่หากสำแดงตัวเลขที่ต่ำลง รัฐบาลก็จะสามารถใช้นโยบายประชานิยมไปได้อีกเรื่อยๆ ทำให้ประชาชนมีการกินการใช้ที่ฟุ้งเฟ้อ ไม่พอเพียง ไม่ประหยัด สำคัญผิดว่าเราร่ำรวยกันแล้ว สำคัญผิดว่ายังไม่จำเป็นต้องเริ่มเก็บเงินมาเพื่อชำระหนี้ “

    นายธีระชัย ยังเห็นว่า การขายหุ้นการบินไทย และ ปตท. เพื่อลดหนี้สาธารณะ ตามแนวคิดของนายวีรพงษ์นั้น -

    “ ภาษานักบัญชีเขาเรียกวิธีการเช่นนี้ว่า "การตกแต่งบัญชี"ครับ ภาษาอังกฤษเรียกว่า "window dressing" คือการทำให้หน้าต่างที่แสดงสินค้าดูสวยหรู แต่เป็นการบังหน้าปัญหาที่เละเทะที่ซ่อนอยู่ภายในร้าน และตัวอย่างของประเทศกรีซ ก็เห็นแล้วว่า หากพยายามซ่อนตัวเลขหนี้สาธารณะ และภายหลังถูกจับได้ ก็จะไม่มีใครเชื่อถือเครดิตของประเทศอีกต่อไป

    เป็นอันตรายอย่างมาก ขอเตือนไว้นะครับ”

    ข้อเขียนเรื่อง “ อัตราส่วนภาระหนี้ที่ถูกต้องต่องบประมาณที่ถูกต้องคือเท่าใด “ เมื่อวันที่ 23 มกราคม นายธีระชัย ได้เปิดเผยข้อมูล ที่อาจกล่าวได้ว่า เป็นเรื่องของการใช้ข้อมูลที่อาจไม่ตรงกับความเป็นจริง ของนายกิตติรัตน์ เพื่อเป็นข้ออ้างในการออกพระราชกำหนด กู้เงิน 4 ฉบับ ให้ ครม. อนุมัติในวันที่ 4 มกราคม

    “ เหตุผลที่ชี้แจงข้อหนึ่งคือ หากไม่ดำเนินการโดยเร่งด่วน จะเกิดปัญหาขึ้นแก่อัตราส่วนภาระหนี้ต่องบประมาณ

    ภาระหนี้ต่องบประมาณนั้น คืออัตราส่วนเงินที่ชำระหนี้เงินกู้และดอกเบี้ยหนี้สาธารณะที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณแต่ละปี เมื่อคิดเป็นสัดส่วนของงบประมาณในปีนั้น ไม่ควรจะเกินร้อยละ 15 ของงบประมาณ ซึ่งกรอบนี้เรียกว่ากรอบความยั่งยืนทางการคลัง

    รองนายก (นายกิตติรัตน์) แจ้งคณะรัฐมนตรีว่าขณะนี้อัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ร้อยละ 12 จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องแก้ไขปัญหาหนี้กองทุนฟื้นฟู เพื่อมิให้ภาระดอกเบี้ยสำหรับหนี้กองทุนฟื้นฟู เป็นภาระแก่งบประมาณต่อไป มิฉะนั้นจะไม่มีช่องว่างพอเพียง ที่รัฐบาลจะกู้ยืมเพิ่มเติมเพื่อใช้บริหารจัดการน้ำ

    ผมได้ทราบภายหลังว่ารองนายก (นายกิตติรัตน์) ได้ข้อมูลนี้ไปจากสภาพัฒน์ ซึ่งเจ้าหน้าที่สภาพัฒน์ได้คำนวณโดยใช้ตัวเลขจากประมาณการเศรษฐกิจ และในการประชุมคณะรัฐมนตรีทั้งสองครั้ง เลขาธิการสภาพัฒน์ซึ่งนั่งอยู่ในห้องประชุมด้วย ก็มิได้แก้ไขข้อมูลนี้เป็นอย่างอื่น

    อย่างไรก็ดี ก่อนหน้าที่ผมจะพ้นตำแหน่งเพียงหนึ่งวัน เจ้าหน้าที่ของกระทรวงการคลังได้นำข้อมูลจากสำนักบริหารหนี้สาธารณะมาแจ้งให้ผมทราบว่า สำหรับปีงบประมาณ 2555 นั้น อัตราส่วนดังกล่าวเป็นเพียงร้อยละ 9.33 มิใช่ร้อยละ 12 ดังที่รองนายก (นายกิตติรัตน์) แจ้งต่อคณะรัฐมนตรี

    อัตราส่วนดังกล่าวเกิดจากการชำระหนี้เงินต้นร้อยละ 1.97 และจากการชำระดอกเบี้ยร้อยละ 7.36 รวมเป็นร้อยละ 9.33 และเป็นการคำนวณจากตัวเลขที่เป็นทางการในกฎหมายงบประมาณที่เพิ่งผ่านสภาไปเร็วๆ นี้

    ผมเองต้องยอมรับว่าตกใจมากเพราะทำให้เหตุผลความจำเป็นเร่งด่วนในการที่จะต้องออกกฎหมายในรูปแบบพระราชกำหนดเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

    ผมจึงขอเสนอรองนายก (นายกิตติรัตน์) ผ่าน facebook หน้านี้ เนื่องจากต่อไปนี้ท่านจะกำกับดูแลทั้งสภาพัฒน์และสำนักบริหารหนี้สาธารณะแล้ว ท่านจึงควรจะให้มีการศึกษาเปรียบเทียบตัวเลข และวิธีการเก็บข้อมูล รวมถึงวิธีคำนวณของทั้งสองหน่วยงาน เพื่อให้ปรากฏตัวเลขที่ถูกต้องในการปฏิบัติให้เป็นไปตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ

    นอกจากนี้ เนื่องจากรัฐบาลได้เสนอหลักการและเหตุผลสำหรับพระราชกำหนดทั้ง 4 ฉบับ ในลักษณะที่เป็นเรื่องเดียวกันที่ผูกโยงไว้ด้วยกัน โดยใช้ข้อความเดียวกันทุกประการทั้ง 4 ฉบับ ดังนั้น หากมีการตีความว่าฉบับใดฉบับหนึ่งไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้พระราชกำหนดทั้ง 4 ฉบับติดขัดไปด้วยพร้อมกัน

    ผมคิดว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องด่วนที่สำคัญที่สุดสำหรับท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่นะครับ “

    หากในวันที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคำร้องว่า พรก. 4 ฉบับ ขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ ตามคำร้องของ สมาชิกวุฒิสภา นายคำนูณ สิทธิสมานกับพวก แล้วเรียกตัวนายธีระชัยไปเป็นพยาน ถ้านายธีระชัย ไม่ถูกนายใหญ่ - นายหญิง ตบปากสั่งสอนเสียก่อน ข้อเท็จจริง เรื่อง ตัวเลขหนี้ต่องบประมาณ จะเป็นประเด็นที่ชี้ชะตารัฐบาลอย่างคาดไม่ถึงแน่

    การซุกหนี้ แต่งบัญชี ปั้นตัวเลข อาจเป็นเรื่องปกติ ที่ทำกันทั่วไปในบริษัทเอกชน หากนายวีรพงษ์ ยังสวมเสื้อคลุมนักเศรษฐศาสตร์ ทำมาหากินกับการเป็นประธาน เป็นที่ปรึกษาของกลุ่ม ช. การช่าง และสุ่นฮั่วเซ้งอยู่ และนายกิตติรัตน์ ยังเป็นวาณิชธนากร ที่ใช้วิชาวิศวกรรมการเงิน ตัดปะ โยกย้าย ควบรวม ซุกซ่อนทรัพย์สิน และหนี้สิน เพื่อหาเลี้ยงชีพ ก็ไม่มีใครว่าอะไร แต่วันนี้ ทั้งนายวีรพงษ์ และนายกิตติรัตน์ เป็นผู้บริหารนโยบายเศรษฐกิจของชาติ ที่กำลังเอาวิชาเล่นแร่แปรธาตุ ที่ทำให้แบงก์บีบีซี เจ๊ง และทำให้ เศรษฐกิจไทยล่มสลายเมื่อปี 2540 มาใช้อีกครั้งหนึ่ง นำประเทศชาติไปเสี่ยงกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ โดยยกคาถา เพื่อป้องกันน้ำท่วม ๆๆๆๆฯ มาตอบโต้ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายซุกหนี้ กู้เงินของตน

    ครั้งนี้ มาเจอผู้รู้จริง และรู้ทัน อย่างนายธีระชัย หวังว่า ทั้งนายวีรพงษ์ และนายกิตติรัตน์ จะมีคำตอบโต้ในเชิงหลักการ และข้อเท็จจริง มิใช่แค่คำชี้แจงแบบข้างๆคูๆว่า ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับพวกตน เป็นเพราะยังไม่เข้าใจ เป็นเพราะเป็นพวกที่มีความคิดแบบโบราณเหมือนพวกแบงก์ชาติ เป็นพวกที่ชอบมองนักการเมืองในแง่ร้าย อย่างที่ผ่านๆมา
    <TABLE style="WORD-SPACING: 0px; TEXT-TRANSFORM: none; TEXT-INDENT: 0px; FONT-FAMILY: 'Times New Roman'; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE style="WORD-SPACING: 0px; TEXT-TRANSFORM: none; TEXT-INDENT: 0px; FONT-FAMILY: 'Times New Roman'; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ธีระชัย ภูวนารถนรานุบาล</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE style="WORD-SPACING: 0px; TEXT-TRANSFORM: none; TEXT-INDENT: 0px; FONT-FAMILY: 'Times New Roman'; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>วีรพงษ์ รามางกูร</TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9550000010820
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2012
  14. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    "กิตติรัตน์" เซ็ง "ธีระชัย" โพสข้อความบนเฟซบุ๊ก ไม่เข้าใจภาระหนี้ต่องบประมาณ
    <TABLE style="WORD-SPACING: 0px; TEXT-TRANSFORM: none; TEXT-INDENT: 0px; FONT-FAMILY: 'Times New Roman'; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px" cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=left><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>24 มกราคม 2555 22:01 น.</TD><TD vAlign=center align=left>



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    "กิตติรัตน์" เซ็ง "ธีระชัย" กัดไม่ปล่อย โพสข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุ อัตราส่วนภาระหนี้ต่องบประมาณ ร้อยละ 9.33 เป็นตัวเลขที่มาจากการคำนวณหลังจากมี พ.ร.ก. โอนหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ 1.4 ล้านล้านบาทให้ ธปท. ไปแล้ว แต่ถ้าไม่มีการออก พ.ร.ก.โอนหนี้ฯ รบ.ต้องมีภาระ ดบ. ที่ต้องจ่ายปีละ 6.4 หมื่นล้านบาท และทำให้งบชำระหนี้ต่องบประมาณยังคงอยู่ในระดับที่ร้อยละ 12 พร้อมตั้งข้อสังเกต ทำไมอดีต รมว.คลัง ถึงไม่เข้าใจเรื่องนี้

    นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เขียนข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่าขณะนี้อัตราส่วนภาระหนี้ต่องบประมาณอยู่ที่ระดับร้อยละ 9.33 ไม่ใช่ตัวเลขที่ตนเองระบุว่ามีสัดส่วนที่ร้อยละ 12 และเป็นเหตุผลหนึ่งที่รัฐบาลจำเป็นต้องออก พ.ร.ก. 4 ฉบับ เพื่อฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ โดยยืนยันว่า ตัวเลขที่นายธีระชัย นำมากล่าวอ้างที่ระดับร้อยละ 9.33 นั้น เป็นตัวเลขที่มาจากการคำนวณหลังจากมี พ.ร.ก.โอนหนี้ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน วงเงิน 1.4 ล้านล้านบาท ให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไปดูแลแล้ว หากไม่มีการออก พ.ร.ก.โอนหนี้ฯ รัฐบาลต้องมีภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายอีกปีละ 64,000 ล้านบาท และทำให้งบชำระหนี้ต่องบประมาณยังคงอยู่ในระดับที่ร้อยละ 12

    ทั้งนี้ ในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 สัดส่วนหนี้ต่องบประมาณได้ลดลงแล้ว เพราะมีการออก พ.ร.ก.โอนหนี้ฯ แต่ถ้าไม่ทำเช่นนี้ สัดส่วนตรงนี้จะลดลงไม่ได้ โดยสัดส่วนหนี้ต่อภาระงบประมาณที่ร้อยละ 12 เป็นการทำงานบนกรอบภาระหนี้ที่สูง หากหนี้สูง ดอกเบี้ยสูง ดังนั้น เงินต้นที่เตรียมไว้ชำระหนี้จะต่ำกว่านี้ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะหาว่ารัฐบาลเหนียวหนี้ ขณะเดียวกันรัฐบาลกำลังจัดการหนี้ให้เข้าที่เข้าทางโดยการโอนหนี้ของกองทุนฟื้นฟูฯ ให้ ธปท.ดำเนินการ จึงทำให้รัฐบาลสามารถผ่อนปรนการจัดงบประมาณเพื่อจ่ายดอกเบี้ยและเงินต้นลงได้ เพราะได้ลดภาระที่ต้องคืนเงินต้นและดอกเบี้ยลงไปแล้ว โดยที่ไม่ได้ทำให้เจ้าหนี้เกิดความกังวล

    “ในฐานะที่เป็น รมว.คลังคนใหม่ ขอรำพึงว่าทำไมอดีต รมว.คลัง ถึงไม่เข้าใจเรื่องนี้ แต่ได้พยายามทำความเข้าใจไม่ต้องรอให้คนอื่นมาอธิบาย และไม่คิดว่าเป็นหน้าที่ของตัวเองที่ต้องอธิบายรายละเอียดทั้งหมดให้กับคนที่รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรงเข้าใจเช่นกัน”

    นอกจากนี้ ขอยืนยันว่าการดำเนินการทั้งหมดไม่ใช่ว่ารัฐบาลต้องการซุกหนี้ เพราะการซุกหนี้ที่แท้จริงแล้ว ทุกคนต้องมองไม่เห็นและมีการยกประเทศต่าง ๆ มากล่าวอ้าง เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นว่าเป็นการซุกหนี้ที่นักวิเคราะห์มองไม่ออก แต่ขณะนี้รัฐบาลพยายามชี้ให้เห็นว่าหนี้อยู่ตรงไหนและมีการจัดการอย่างไร เพื่อให้ระยะต่อไปภาระดอกเบี้ยและเงินต้นจะได้ผ่อนปรนลง

    โดยในสายตานักลงทุนเมื่อมองกลับมาที่หนี้สาธารณะของไทย จะมองเห็นว่าหนี้จำนวน 4.2 ล้านล้านบาท รัฐบาลสามารถจัดการได้ ส่วนที่เป็นภาระ 1.14 ล้านล้านบาท ของกองทุนพื้นฟูฯ จะทำให้ตัวเลขหนี้สาธารณะลดลง ส่วนรัฐบาลจะกู้เงินเพิ่มอีกหรือไม่ ยังไม่ใช่เรื่องต้องพิจารณา แต่ถ้ารัฐบาลจะตั้งงบประมาณในการชำระหนี้สาธารณะในแต่ละปีให้สูงเท่าเดิม เพื่อที่จะชำระเงินต้นที่ค้างอยู่ให้ลดลง เพราะในอดีตการตั้งงบประมาณเป็นเพียงการชำระแค่ดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียว

    ส่วนการจัดทำงบประมาณในปี 2556 จะมีการหารือเบื้องต้นกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ระหว่างที่เดินทางไปร่วมการประชุมเวิลด์ อีโคโนมิค ฟอรั่ม ที่เมืองดาวอส สหพันธ์สวิส โดยมีแนวโน้มสูงมากว่าจะขาดดุลน้อยกว่าหรือใกล้เคียงกับปี 2555 ที่ขาดดุลที่ 350,000 ล้านบาท ซึ่งไม่ได้รวมงบชำระหนี้เงินคงคลัง เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณที่กำหนดไว้
    <TABLE style="WORD-SPACING: 0px; TEXT-TRANSFORM: none; TEXT-INDENT: 0px; FONT-FAMILY: 'Times New Roman'; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE style="WORD-SPACING: 0px; TEXT-TRANSFORM: none; TEXT-INDENT: 0px; FONT-FAMILY: 'Times New Roman'; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>กิตติรัตน์ ณ ระนอง</TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://www.manager.co.th/StockMarket/ViewNews.aspx?NewsID=9550000010848
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2012
  15. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ตำรวจจีนปะทะชาวทิเบต ระดมยิงดับ 1 เจ็บกว่า 30 คน
    <TABLE style="WORD-SPACING: 0px; TEXT-TRANSFORM: none; TEXT-INDENT: 0px; FONT-FAMILY: 'Times New Roman'; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px" cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=left><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>24 มกราคม 2555 17:58 น.</TD><TD vAlign=center align=left>



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    แฟ้มภาพ - พระทิเบตถือภาพบรรดาพระที่จุดไฟเผากายกระทำอัตวินิบาตกรรมประท้วงรัฐบาลจีน เดินขบวนประท้วงที่ธรรมศาลา ประเทศอินเดียเมื่อปีที่ผ่านมา ขณะนี้เกิดเหตุปะทะในวันปีใหม่จีน 23 ม.ค.ระหว่างตำรวจกับผู้ประท้วงที่เสฉวน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 คน (ภาพเอเอฟพี)

    เอเอฟพี - ตำรวจจีนเปิดฉากปะทะยิงกับผู้ประท้วงชาวทิเบตผู้ต่อต้านแรงกดดันทางศาสนาในจีน เมื่อวันจันทร์ (23 ม.ค.) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 30 คน พระลามะและกลุ่มสิทธิมนุษยชนในท้องถิ่นเผยฯ

    สำนักข่าวซินหวา อ้างรายงานจากแถลงการณ์รัฐบาลท้องถิ่นยืนยันว่าผู้ประท้วงถูกสังหาร 1 คนจริงในมณฑลซื่อชวน (เสฉวน) เขตอำเภอหลูฮั่ว ในระหว่างการปะทะกับตำรวจปราบจลาจล แต่แถลงการณ์ฯก็ไม่ได้กล่าวถึงการระดมยิง

    การรวมตัวชุมนุมในวันแรกของปีใหม่จีนมาถึงจุดตึงเครียดในเขตพื้นที่ที่มีชาวทิเบตอาศัยอยู่ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวมีผู้จุดไฟเผาตัวกระทำอัตวินิบาตกรรม 16 ราย ในเวลาไม่ถึงปีที่ผ่านมา ซึ่งในเดือนนี้เพียงเดือนเดียวมีถึง 4 รายแล้ว

    จากการสอบถามลามะ 3 รูปในอารามดราโค ซึ่งถือว่าใหญ่สุดในพื้นที่ดังกล่าว พบว่า ผู้คนจำนวนมากรวมตัวเดินขบวนไปยังสถานีตำรวจท้องที่เมื่อเช้าวันจันทร์ เพื่อเรียกร้องเสรีภาพทางศาสนาและประท้วงการคอร์รัปชั่นในท้องถิ่น

    “ประมาณบ่าย 2 ตำรวจก็เริ่มยิงใส่ฝูงชนจากหน้าต่าง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บอีก 32 คน และฝูงชนก็กระจัดกระจายหายไปในอีก 3 ชั่วโมงต่อมา” ลามะรูปหนึ่งให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีทางโทรศัพท์ด้วยภาษาจีนที่ไม่สู้จะชัดเจน

    กลุ่มสิทธิมนุษยชนที่สามารถติดต่อกับพื้นที่เกิดเหตุได้ และกลุ่มรัฐบาลพลัดถิ่นทิเบตในอินเดีย ก็ยืนยันว่าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นจริง

    สถานีวิทยุเรดิโอฟรีเอเชีย อ้างแหล่งข่าวทิเบตในภูมิภาคและรัฐบาลพลัดถิ่นของทิเบตเผยว่า ยอดรวมผู้เสียชีวิตน่าจะสูงถึงประมาณ 6 คน โดยวิทยุฯ ยกข้อความจากนิตยสารทิเบต เอ็กซเพร็ส ในอินเดียซึ่งก็ยืนยันเช่นเดียวกันว่ามีผู้ถูกสังหาร 6 ราย

    ขณะที่สำนักข่าวซินหวาของจีนมีการรายงานอีกแบบหนึ่ง ระบุว่า มีผู้คนหลายสิบคนรวมตัวกันอยู่ด้านหน้าสถานีรถประจำทางในอำเภอหลูฮั่ว หลังจากมีผู้ชายคนหนึ่งกำลังชูป้ายประท้วงขึ้นเขียนว่ากำลังจะมีลามะจุดไฟเผากายขึ้นตรงนั้น

    “ขณะที่การประท้วงเปิดฉากสู่ความรุนแรงเมื่อเวลา 14.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น ผู้ชุมนุมเริ่มเข้าปะทะสถานีตำรวจ ด้วยไม้บ้าง ปาก้อนหินบ้าง” ซินหวาระบุ

    “ผู้ประท้วง 1 รายถูกสังหารเสียชีวิตหลังจากปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งนี้มีเจ้าหน้าที่ 5 คนได้รับบาดเจ็บ” ซินหวาย้ำ

    ตำรวจและคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์ท้องถิ่นอำเภอหลูฮั่วเผยว่า พวกเขาไม่รู้มาก่อนว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้

    กลุ่มฟรีทิเบตในลอนดอน และกลุ่มรณรงค์เพื่อทิเบตสากลในสหรัฐฯ เผยว่ าชาวทิเบตในอำเภอใกล้เคียงได้เดินทางมาสมทบกับกลุ่มผู้ประท้วงในพื้นที่เมื่อวันจันทร์

    ฟรีทิเบตเผยว่า ชายผู้ที่ถูกสังหารมีนามว่า “ยนเท็น” และศพของเขาขณะนี้อยู่ในอารามที่ผู้คนมารวมตัวกันนั่นเอง ขณะที่ผู้ได้รับบาดเจ็บคนหนึ่งถูกกระสุนปืนบริเวณท้องน้อย

    “เนื่องจากความหวาดกลัวด้านความปลอดภัย ชาวทิเบตที่ได้รับบาดเจ็บไม่กล้าไปหาหมอในโรงพยาบาลท้องถิ่น” กลุ่มรณรงค์ฯ เผย

    อย่างไรก็ตาม ทั้งสองกลุ่มสิทธิมนุษยชนยืนยันว่า การประท้วงเกิดขึ้นหลังจากมีชายคนหนึ่งชูป้ายในพื้นที่ ซึ่งระบุประกาศ เจตนารมณ์ของชาวทิเบตที่จุดไฟเผากาย

    นอกจากแรงกดดันด้านเสรีภาพทางศาสนา ชาวทิเบตหลายคนในจีนยังคงบ่นว่าชาวจีนฮั่น ชนส่วนใหญ่ของประเทศนั้นต้องการจะทำลายวัฒนธรรมของทิเบตในพื้นที่ที่พวกเขาอาศัยอยู่

    อย่างไรก็ตามรัฐบาลปักกิ่งปฏิเสธเรื่องแรงกดดันต่อชาวทิเบต พร้อมย้ำว่า ชาวทิเบตมีเสรีภาพในการปฏิบัติศาสนกิจ

    สเตฟานี บริกเดน หัวหน้ากลุ่มฟรีทิเบตเรียกร้องให้ชุมชนระหว่างประเทศประณามเหตุการณ์ดังกล่าว

    “ครั้งนี้ถือเป็นรายงานการระดมยิงใหญ่สุดของชาวทิเบตนับแต่ปี 2551 และถือเป็นการแสดงให้เห็นว่าวิกฤติการณ์ในทิเบตหยั่งรากลึกลงแล้ว”

    นครลาซาใจกลางทิเบตเคยเกิดเหตุจลาจลต่อต้านการปกครองของรัฐบาลจีนเมื่อปี 2551 และเหตุรุนแรงก็เกิดขึ้นเรื่อย ๆ ในพื้นที่ที่มีชาวทิเบตอาศัยอยู่

    นับจากนั้น รัฐบาลจีนเพิ่มกำลังในพื้นที่เพื่อรักษาความมั่นคง ขณะที่สถานการณ์ยังคงตึงเครียด


    http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9550000010739
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2012
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ตรุษจีน .. ผู้นำจีนไปไหน
    <TABLE style="WORD-SPACING: 0px; TEXT-TRANSFORM: none; TEXT-INDENT: 0px; FONT-FAMILY: 'Times New Roman'; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px" cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=left><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>24 มกราคม 2555 11:07 น.</TD><TD vAlign=center align=left>



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE style="WORD-SPACING: 0px; TEXT-TRANSFORM: none; TEXT-INDENT: 0px; FONT-FAMILY: 'Times New Roman'; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px" cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE style="WORD-SPACING: 0px; TEXT-TRANSFORM: none; TEXT-INDENT: 0px; FONT-FAMILY: 'Times New Roman'; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px" cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=550 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=550>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ประธานาธิบดี หู จิ่นเทา ท่ามกลางชาวบ้านในหมู่บ้านเทียนเซี่ยนอี้ว์ กรุงปักกิ่ง 22 ม.ค. (ภาพซินหวา)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ไชน่าเดลี - ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ประธานาธิบดีหู จิ่นเทาผู้นำสูงสุดเยือนพื้นที่ชานเมืองที่มีชาวรากหญ้าอาศัยอยู่ตลอดจนพื้นที่ชนบทในกรุงปักกิ่งเมื่อวันอาทิตย์ (22 ม.ค.) พบปะกับประชาชนและร่วมฉลองตรุษจีนกับพวกเขา ขณะที่นายกรัฐมนตรีเวิน จยาเป่าก็เดินทางไปร่วมโต๊ะงานเลี้ยงกับบรรดาแรงงานในโรงกลั่นน้ำมันในมณฑลกานซู่ในวันเสาร์ก่อนหน้า (21 ม.ค.)

    ประธานาธิบดีหู จิ่นเทา เดินทางลงไปยังย่านการค้าถนนเฉียนเหมิน ทางใต้ของจัตุรัสเทียนอันเหมิน โบกมือทักทายตามสไตล์ผู้นำจีนให้กับผู้ที่เดินทางสัญจรไปมา หลายคนแปลกใจกับการปรากฏตัวของเขา จากนั้นก็ตอบรับการทักทายด้วยความปีติยินดี

    ถนนดังกล่าวเป็นย่านการค้ามานาน รัฐบาลจีนได้บูรณะสร้างใหม่เนื่องในโอกาสจัดแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปี 2551 ซึ่งสองข้างทางคับคั่งไปด้วยร้านรวงยี่ห้อดังในอดีต และยังคงรักษาเอกลักษณ์ควาามขลังแห่งวัฒนธรรมจีนโบราณไว้

    หูเดินผ่านเข้าไปในร้านหมูตุ๋นอันมีชื่อเสียง เทียนฝูเฮ่า เก่าแก่ 270 ปี ที่คงคุณภาพการผลิต และซื่อสัตย์ในการทำธุรกิจตลอดมา หูปราศรัยว่า ร้านค้านี้ดีทั้งธำรงวัฒนธรรมจีนและให้บริการกับประชาชนไปพร้อม ๆ กันได้

    จากนั้นหูก็สัญจรโดยรถรางไฟฟ้า พร้อมเรียกร้องให้เทศบาลนครกรุงปักกิ่งพัฒนาอุตสาหกรรมบริการของเมืองเพื่อให้สอดคล้องกับทั้งความต้องการของประชาชนและการรักษาวัฒนธรรมจีน

    นอกจากนั้น หูยังได้เดินทางไปยังเขตซุ่นอี้ ทางตอนใต้ของชานเมือง เพื่อตรวจสอบกระบวนการผลิตอาหารให้มีความปลอดภัย พร้อมเรียกร้องให้บรรดาโรงงานเข้มงวดในการตรวจสอบความปลอดภัยของอาหาร

    ในระหว่างนั้นหูหยุดพักยังหมู่บ้านเล็ก ๆ ชื่อว่า เทียนเซี่ยนอี้ว์ ใกล้กับกำแพงเมืองจีน ในเขตภูเขา โดยในหมู่บ้านมีประเพณีประดับโคมแดงรับตรุษจีน มีการผูกเงื่อนมงคล และติดคำมงคลไว้บริเวณประตูและส่วนต่าง ๆ ของบ้าน จากนั้นหูเดินทางเยี่ยมบ้านของเซ่า ฉีเชิง วัย 85 อดีตทหารเก่า โดยหูนั่งฟังเรื่องราวประสบการณ์เป็นทหารของเซ่า หูชมว่าเซ่าเป็นผู้เสียสละให้กับประเทศและประชาชน และให้สัญญาว่ารัฐบาลจีนจะดูแลความเป็นอยู่ของพวกเขาให้ดี

    จากนั้นหูไปร่วมชมการแสดงงิ้วโบราณร่วมกับชาวบ้านบริเวณลานกลางหมู่บ้าน บรรยากาศในงานยังมีการเชิดมังกร “พี่น้องชาวบ้านทุกคน วันนี้เป็นวันก่อนชุนเจี๋ย ผมขอสวัสดีปีใหม่ ผมมีความสุขที่ได้เห็นทุกคนมีชีวิตที่ดีขึ้น” หูกล่าวพร้อมเสริมว่า คณะกรรมาธิการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ให้ความสำคัญกับการเกษตร ชนบทและชาวนา และจะออกนโยบายเพื่อเสริมความมั่นคงให้กับภาคเกษตรและชนบทให้มากขึ้น

    ก่อนออกจากหมู่บ้าน หูจุดปะทัดกับเด็ก ๆ ในหมู่บ้านด้วย

    ขณะที่ก่อนหน้านั้น (21 ม.ค.) นายกเวิน จยาเป่า ก็ไปร่วมรับประทานอาหารกับแรงงานในโรงงานน้ำมันในช่วงก่อนเทศกาลตรุษจีน บริเวณแหล่งน้ำมันฉางฉิง เมืองชิ่งหยัง มณฑลกานซู่ด้วย

    เทศกาลฤดูใบไม้ผลิถือว่าสำคัญสุดในจีน เป็นโอกาสที่ทุกคนจะได้กลับบ้านพร้อมหน้า คล้ายกับเทศกาลคริสต์มาสในตะวันตก สำหรับปีนี้เทศกาลตรงกับวันที่ 23 ม.ค.นี้


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ประธานาธิบดี หู จิ่นเทา ท่ามกลางชาวบ้านในหมู่บ้านเทียนเซี่ยนอี้ว์ กรุงปักกิ่ง 22 ม.ค. (ภาพซินหวา)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=550 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=550>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ประธานาธิบดี หู จิ่นเทา (หน้าซ้าย) พูดคุยกับประชาชนในย่านการค้าถนนเฉียนเหมิน ใกล้จัตุรัสเทียนอันเหมิน 22 ม.ค. (ภาพซินหวา)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=550 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=550>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>หู จิ่นเทากำลังมองดูอาหารการกินในบ้านเซ่า ฉีเชิง ทหารผ่านศึกวัย 85 ณ หมู่บ้านเทียนเซี่ยนอี้ว์ 22 ม.ค. (ภาพซินหวา)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=550 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=550>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>หู จิ่นเทากล่าวทักทายชาวบ้านในหมู่บ้านเทียนเซี่ยนอี้ว์ กรุงปักกิ่ง 22 ม.ค. (ภาพซินหวา)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=550 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=550>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>หู จิ่นเทาติดกระดาษตัดคำมงคลของจีนติดหน้าต่างบ้านเซ่า ฉีเชิง 22 ม.ค. (ภาพซินหวา)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>หู จิ่นเทาออกจากร้านเทียนฝูเฮ่า ขายหมูตุ๋นเก่าแก่ 270 ปี ณ ย่านถนนเฉียนเหมินกรุงปักกิ่ง22 ม.ค. (ภาพซินหวา)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=550 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=550>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>หู จิ่นเทา ปราศรัยกับชาวบ้านในหมู่บ้านเทียนเซี่ยนอี้ว์ กรุงปักกิ่ง 22 ม.ค. (ภาพซินหวา)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=550 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=550>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>นายกเวิน จยาเป่า ในงานต้อนรับกับบรรดาแรงงานในโรงงานน้ำมันในช่วงก่อนเทศกาลตรุษจีน บริเวณแหล่งน้ำมันฉางฉิง เมืองชิ่งหยัง มณฑลกานซู่ 21 ม.ค. (ภาพซินหวา)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=550 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=550>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>นายกเวิน จยาเป่า ไปร่วมรับประทานอาหารกับแรงงานในโรงงานน้ำมันในช่วงก่อนเทศกาลตรุษจีน บริเวณแหล่งน้ำมันฉางฉิง เมืองชิ่งหยัง มณฑลกานซู่ 21 ม.ค. (ภาพซินหวา)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9550000010011
     
  17. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    คลื่นคนทิ้งอาหารส่งท้ายปีเก่า ยืนหนาว – 13C ทั้งคืนรอไหว้พระวัดลามะ!
    <TABLE style="WORD-SPACING: 0px; TEXT-TRANSFORM: none; TEXT-INDENT: 0px; FONT-FAMILY: 'Times New Roman'; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px" cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=left><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>24 มกราคม 2555 17:23 น.</TD><TD vAlign=center align=left>



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    <TABLE style="WORD-SPACING: 0px; TEXT-TRANSFORM: none; TEXT-INDENT: 0px; FONT-FAMILY: 'Times New Roman'; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=640 border=0><TBODY><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ผู้คนจำนวนมหาศาลมาจุดจุดธูปภาวนา ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์บันดาลสิ่งมงคลโชคดีปีใหม่ ที่วัดลามะ กรุงปักกิ่ง วันที่ 23 ม.ค. วันตรุษจีน หรือ ปีใหม่จีน วันแรกของปีพญามังกร--ภาพรอยเตอร์</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ASTVผู้จัดการออนไลน์--ในคืนวันส่งท้ายปีเก่า ครอบครัวจะมาร่วมกินอาหารส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่พร้อมหน้าพร้อมตากัน ถือเป็นกิจกรรมสำคัญก่อนวันขึ้นปีใหม่ของชาวจีน หลังอาหารส่งท้ายปีพวกเขามักนั่งล้อมวงหน้าโทรทัศน์ชมรายการพิเศษฉลองตรุษจีนของรัฐบาล ทว่า มีผู้คนจำนวนมากในกรุงปักกิ่งยอมอดอาหารมื้อส่งท้ายปีเก่า ไม่ดูรายการพิเศษฉลองตรุษจีน กลับพากันเดินฝ่าลมหนาว -13 องศาเซลเซียส มุ่งหน้าไปยังวัดลามะ ที่ชาวจีนเรียกว่า “ยงเหอกง”

    ยงเหอกง 雍和宫 เป็นอารามพุทธศาสนาแบบทิเบตที่ใหญ่และทรงความสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เป็นวัดประวัติศาสตร์แห่งราชวงศ์ชิง สร้างในสมัยจักรพรรดิคังซี (ค.ศ.1694) ทั้งเป็นวังที่ประทับของจักรพรรดิหย่งเจิ้งก่อนขึ้นครองราชย์ และที่ประสูติของจักรพรรดิเชียนหลง

    สื่อท้องถิ่น เป่ยจิงเฉินเป้า รายงานบรรยากาศคืนวันส่งท้ายปีเก่า(22 ม.ค.) ตามถนนหนทางในนครหลวงเงียบเหงา แทบไม่เห็นผู้คนและยวดยานพาหนะสัญจร มีแต่กลุ่มตำรวจลาดตระเวน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เทศกิจ และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่ดูมีจำนวนมากกว่า บริเวณที่ดูคึกคักที่สุดคือวัดลามะ คลื่นคนมหาศาลหลั่งไหลมาที่นี่ เพื่อจุดธูปไหว้พระขอพรในวันปีใหม่โดยเฉพาะปีมังกรนี้

    ชายหนุ่มคนหนึ่งที่มาเข้าแถวยาวที่บริเวณหน้าวัด บอกกับผู้สื่อข่าวจีน ว่าพวกเขามาเข้าแถวรอจุดธูปไหว้พระขอพรวันตรุษจีน ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 23 ม.ค. “ผมไม่กินอาหารส่งท้ายปีเก่า แค่กัดขนมเข่งกินไปหน่อย ก็รีบมาที่นี่”

    สำหรับคนอื่นๆนำธูปตัวเองติดตัวมา เก้าอี้ตัวเล็ก และผ้าห่ม เตรียมพร้อมสำหรับศึกรอคอยที่แสนยาวนาน บางคนรอนานสุดทำสถิติถึง 17 ชั่วโมง!

    สาวคนหนึ่งแซ่เถียน ทำงานในปักกิ่ง เนื่องจากเธอมีโอกาสกลับบ้านหลายโอกาส จึงไม่กลับบ้านในช่วงตรุษจีนซึ่งต้องฝ่าคลื่นคนมหาศาล “การส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ของแต่ละคน อาจมีรูปแบบใหม่ที่แตกต่าง” เถียน กล่าว

    ที่วัดลามะนี้ มีการแจกหมายเลขคิวจุดธูปไหว้พระ คนที่ได้คิวหมายเลข 1 คือ อาอี๋ จาง เธอมาตั้งแต่ 6 โมงเช้า ที่เธอได้คิวเบอร์ 1 เพราะเธอเป็นคนแจกหมายเลขคิวด้วย ส่วนนางสาวเถียนได้คิวเบอร์ที่ 16 สำหรับการจัดคิวฯที่นี่จะตรวจสอบและเปลี่ยนหมายเลขคิวทุกสองชั่วโมง เนื่องจากบางคนที่มาวัดแต่เช้าได้หมายเลขต้นๆแต่กลับบ้านไปรอ คะเนว่าใกล้ถึงคิวตัวเองจึงกลับมา คนดูแลก็จะริบหมายเลขเก่าและแจกหมายเลขใหม่ต่อท้ายคิวล่าสุดให้ อย่างนางสาวเถียนตอนมาถึงวัดได้คิวที่ 16 เธอได้เปลี่ยนหมายเลขคิวใหม่ 2 ครั้ง จนได้เลขที่ 13

    ผู้คนที่มาจุดธูปไหว้พระในวันปีใหม่ ทยอยมายังวัดลามะตลอดทั้งคืน “ทางวัดเริ่มเตรียมการและเปิดให้ผู้คนเข้าแถวตอนเที่ยงคืน ตอน 6 โมงเช้าจึงเปิดประตูให้คนเข้าไปจุดธูปไหว้พระ” อาอี๋ จาง กล่าว

    อาอี๋ จาง บอกว่าเมื่อได้จุดธูป เธอรู้สึกปลื้มปิติมาก “เพื่อความเป็นศิริมงคล ขอให้ประสบแต่สิ่งดีงาม แต่อาอี๋ เล่าว่าการได้คิวเบอร์ 1 นี้ ก็ลำบากไม่น้อย เธอมาที่วัดตั้งแต่ตอนเช้า และให้คนที่บ้านส่งอาหารกลางวันและอาหารส่งท้ายปีเก่ามาให้ที่วัด “อาหารมือส่งท้ายปีของฉันเป็นผัดผัก ฉันต้องยืนกินข้างนอก”

    แม้อาอี๋บอกว่า เธอไม่กลัวหนาวหรอก แต่จริงๆแล้ว “ทำไมไม่หนาวล่ะ คืนวันส่งท้ายปี (22 ม.ค.) อุณหภูมิ ตั้ง -13 องศาเซลเซียส น่ะ!” แต่ผู้คนก็อดทน ยกเลื่อนเก้าอี้ตัวเล็กที่นั่งอยู่ ค่อยๆขยับขึ้นไปๆเบียดกันที่หน้าประตู “เบียดๆกันอย่างนี้ ก็อุ่นดี!”

    สื่อจีนอ้างเจ้าหน้าที่ดูแลวัดลามะคะเนจากคนที่อยู่ในพื้นที่วัด ประมาณจำนวนคนที่มาไหว้พระที่วัดจนถึง 5 โมงเย็นของวันตรุษจีน (23 ม.ค.) ราว 67,000 คน มากกว่าปีที่แล้ว ราว 1,000 คน นอกจากนี้ หน่วยทำความสะอาดของเทศบาลนครปักกิ่ง ได้ทำความสะอาดถนนและในบริเวณวัด เก็บกวาดขยะใส่รถบรรทุกได้ถึง 21 คัน ในจำนวนนี้เป็นขี้เถ้าธูปถึง 5 คัน!

    ชมภาพบรรยากาศผู้คนจำนวนมหาศาลมาจุดจุดธูปภาวนา ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์บันดาลสิ่งมงคลโชคดีปีใหม่ ที่วัดลามะ กรุงปักกิ่ง วันที่ 23 ม.ค. ซึ่งเป็นวันตรุษจีน วันแรกของปีพญามังกร--ภาพรอยเตอร์



    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=640 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=640>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>จิตสงบนิ่งในความวุ่นวาย--คุณน้า จุดธูปภาวนา ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์บันดาลสิ่งมงคลโชคดีปีใหม่ ที่วัดลามะ กรุงปักกิ่ง วันที่ 23 ม.ค. วันตรุษจีน หรือ ปีใหม่จีน วันแรกของปีพญามังกร--ภาพรอยเตอร์</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=600>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=496 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=496>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=600>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=600>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9550000010574
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2012
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    นักลงทุนเผ่นหนีนิคมฯ น้ำท่วม ไม่มั่นใจแผนป้องกัน "สหรัตนนคร" หายไปเกือบ 50%
    <TABLE style="WORD-SPACING: 0px; TEXT-TRANSFORM: none; TEXT-INDENT: 0px; FONT-FAMILY: 'Times New Roman'; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px" cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>25 มกราคม 2555 08:14 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    นิคมฯ "สหรัตนนคร" ผวาถูกทิ้งร้าง นักลงทุนเผ่นหนีเกือบครึ่งหลังไม่มั่นใจแผนป้องกันน้ำ ด้านนิคมฯ บางปะอินนำร่องสร้างเขื่อนแล้วเป็นรายแรก ขณะที่นิคมฯ บางปะอินลุยเอง ไม่รอเงินออมสิน นายแบงก์ แนะรัฐบาลเร่งสร้างระบบป้องกันภัยและบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ "พงษ์สวัสดิ์" เร่งภารกิจแรกฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุน พร้อมหารือคลังเร่งตั้งกองทุนประกันภัยน้ำท่วม และจี้ออมสินปล่อยกู้

    นายณัฐพล ณัฎฐสมบูรณ์ หัวหน้าคณะทำงานฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร เปิดเผยว่า ขณะนี้มีโรงงานในนิคมฯ สหรัตนนครได้ประกาศขายโรงงานรวมถึงการย้ายออกจากพื้นที่นิคมฯ แล้ว ประมาณ 14 รายจากทั้งหมดที่มีอยู่ 43 โรงงาน หลังจากที่นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับแผนป้องกันน้ำของนิคมฯ ที่ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า โดยส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนญี่ปุ่น และย้ายโรงงานไปยังจังหวัดสระบุรี ลพบุรี และภาคตะวันออกของไทย ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นการย้ายออกไปแบบชั่วคราว เพราะยังมีคำสั่งซื้อเดิมอยู่ก่อนที่จะหาพื้นที่ถาวรต่อไป

    “นักลงทุนไม่มั่นใจว่าน้ำจะไม่ท่วมอีกในปีนี้ เพราะผู้พัฒนานิคมฯ ยังอยู่ในแผนฟื้นฟูกิจการ จึงไม่สามารถขอสินเชื่อในการสร้างเขื่อนได้คล่องตัวเหมือนกับนิคมฯ แห่งอื่น เพราะต้องรอเจ้าหนี้ให้ความเห็นชอบก่อน ขณะเดียวกันยังโรงงานอีก 3 แห่งยังไม่ได้ส่งพนักงานมาทำความสะอาดและฟื้นฟูกิจการหลังจากที่ประสบปัญหาน้ำท่วม และที่สำคัญยังไม่สามารถติดเจ้าของกิจการได้เลย ซึ่งคาดว่านักลงทุนคงอยู่ระหว่างการรอแผนการป้องกันน้ำของผู้พัฒนานิคมก่อน แต่เชื่อว่าคงจะมีแนวโน้มที่จะย้ายโรงงานไปที่อื่นเช่นกัน”

    ทั้งนี้ ส่วนใหญ่ที่ย้ายออกจากพื้นที่จะเป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่น โดยย้ายไปอยู่ที่จังหวัดสระบุรี, ลพบุรี และภาคตะวันออกของไทย เนื่องจากหลายโรงงานมีคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) อีกมาก จึงจำเป็นต้องหาที่ผลิตชั่วคราวก่อนที่จะย้ายไปที่อื่นอย่างถาวร อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีโรงงาน 3 แห่งที่ยังไม่ได้ทำความสะอาดหรือฟื้นฟูหลังน้ำลด และไม่สามารถติดต่อเจ้าของได้ คาดว่ามีแนวโน้มจะย้ายไปที่อื่น

    นอกจากนี้ โรงงานที่ย้ายออกไปยังมีการประกาศขายพื้นที่ก่อนย้ายออกไป ส่วนโรงงานที่มีการเช่าพื้นที่อยู่ ก็ทราบว่าเดือนมีนาคม 2555 นี้ หลายรายก็จะไม่จ่ายค่าส่วนกลางแล้ว ขณะที่อีก 16 รายที่เหลือยังอยู่ระหว่างการปรับปรุงพื้นที่ คาดว่าจะสามารถเดินเครื่องผลิตได้ประมาณช่วงเดือนเมษายน 2555 ส่วนที่เหลือก็เริ่มเดินเครื่องแล้ว

    สำหรับแผนการสร้างเขื่อนป้องกันนำของนิคมฯ สหรัตนนคร เบื้องต้นผู้พัฒนานิคมยื่นขอกู้เงินจากธนาคารออมสิน 240 ล้านบาท ระยะทาง 8 กม. ในพื้นที่ 1,100 ไร่ แต่ยังมีพื้นที่อีก 300 ไร่ที่เป็นพื้นที่ว่างที่ผู้พัฒนานิคมยังไม่สามารถสร้างเขื่อนได้ เพราะต้องรอเจ้าหนี้พิจารณาอีกรอบ

    นายสมเกียรติ ภู่ธงชัยฤทธิ์ หัวหน้าคณะทำงานฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน กล่าวว่า ขณะนี้ผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมบางปะอินได้เริ่มก่อสร้างเขื่อนป้องกันน้ำรอบพื้นที่นิคมฯ แล้ว เพื่อเร่งดำเนินการให้เสร็จภายในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2555 นี้ ล่าสุดเริ่มก่อสร้างไปแล้วระยะทาง 1 กิโลเมตร โดยมีความสูงกำแพงคอนกรีต 6.5 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง จากระยะทางทั้งหมด 11 กิโลเมตร โดยผู้พัฒนานิคมได้ใช้งบประมาณของบริษัทดำเนินการไปก่อนก่อนที่ธนาคารออมสินจะอนุมัติเงินกู้ 700 ล้านบาท เพราะหากรอให้ธนาคารอนุมัติเงินแล้วสร้างภายหลังจะเสร็จช้าอาจไม่ทันรับมือกับฤดูฝนที่กำลังจะมา

    การก่อสร้างเขื่อนของนิคมฯ บางปะอิน ถือเป็นการดำเนินการแห่งแรกของนิคมฯ อุตสาหกรรมทั้ง 7 แห่งที่ถูกน้ำท่วม ซึ่งนักลงทุนที่อยู่ในนิคมฯ จำนวน 90 ราย ได้แสดงความมั่นใจในผู้พัฒนานิคมฯ อย่างมากหลังจากที่สามารถก่อสร้างเขื่อนป้องกันน้ำได้อย่างรวดเร็ว

    นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2555 เศรษฐกิจโลกยังมีความวุ่นวาย เนื่องจากเศรษฐกิจยุโรปยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาหนี้สาธารณะได้ และจะไม่กระทบกับเศรษฐกิจไทย แต่ที่น่ากังวลคือปัญหาน้ำท่วมที่อาจจะเกิดขึ้นอีก ซึ่งรัฐบาลต้องเร่งสร้างระบบป้องกันและบริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพ

    ส่วนทีมเศรษฐกิจใหม่ของรัฐบาลนั้น ตนเองเห็นว่าทุกคนมีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกบริหารประเทศชาติอย่างไร ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าเมื่อทำไปแล้วผลที่ได้รับจะดีหรือเลวอย่างไรนอกจากจะได้ปฏิบัติไปแล้ว

    “นักเศรษฐศาสตร์สองคนคุยกัน ตัวเลขก็ไม่เหมือนกันแล้ว ใครจะไปรู้ว่าทำแบบนี้แล้วดีหรือไม่ดี มันขึ้นอยู่กับดุลพินิจของใคร ซึ่งมันต้องมีการตัดสิน รัฐบาลต้องตัดสินไม่งั้นยืดเยื้อเรื่องไม่จบ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนไม่เห็นด้วยจะโวยวาย คนที่เห็นด้วยก็สนับสนุน มันเป็นครรลองสังคมไทย”

    ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวภายหลังการเข้าทำงานที่กระทรวงอุตสาหกรรมวันแรก วานนี้ โดยยืนยันว่าตนเองจะยังคงสานต่อนโยบายของ น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม แต่ที่จะเร่งดำเนินการให้เป็นรูปธรรมอันดับแรก คือ การฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศจากภาวะอุทกภัยในไทย ทั้งการโรดโชว์ดึงความเชื่อมั่นและการสนับสนุนผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมและเขตประกอบการในการสร้างระบบป้องกันอุทกภัยให้ทันรองรับฤดูฝนที่กำลังจะมาช่วงพฤษภาคม-มิถุนายน 2555

    โดยภารกิจแรก จะเดินทางไปอินเดียร่วมกับคณะของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระหว่าง 23-27 มกราคม 2555 ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้จัดคณะนักธุรกิจไทยร่วมเดินทางไปพบกับนักธุรกิจอินเดีย และจะใช้โอกาสนี้ สร้างความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในไทยและชักชวนนักธุรกิจอินเดียเข้ามาลงทุนยังไทยให้มากขึ้นจากปัจจุบันอินเดียมีการลงทุนในไทยประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาท เพราะไทยมีอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมเคมี

    สำหรับการสนับสนุนผู้พัฒนานิคมฯ เขตประกอบการ สวนอุตสาหกรรม ในการสร้างระบบป้องกันน้ำท่วม เบื้องต้นนอกเหนือจากการสนับสนุนเงินกู้จากธนาคารออมสิน วงเงิน 15,000 ล้านบาทแล้ว ยังได้หารือกับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลังที่จะให้กองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติที่มีการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงินประเดิมตั้งกองทุนจำนวน 50,000 ล้านบาทสนับสนุนในการรับช่วงประกันภัยน้ำท่วมต่อจากบริษัทประกันภัย เพื่อลดภาระให้เอกชนที่ขณะนี้บริษัทประกันภัยต่างชาติคิดเบี้ยประกันภัยน้ำท่วมสูงจากปกติถึง 6 เท่า

    http://www.manager.co.th/Business/ViewNews.aspx?NewsID=9550000010935
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2012
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กังวลรัฐขายหุ้น ปตท. ผูกขาดมากขึ้น ห่วงผลักภาระให้ประชาชน
    <TABLE style="WORD-SPACING: 0px; TEXT-TRANSFORM: none; TEXT-INDENT: 0px; FONT-FAMILY: 'Times New Roman'; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px" cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>24 มกราคม 2555 20:53 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กังวลรัฐขายหุ้น ปตท. ทำให้เกิดการผูกขาดมากขึ้น และยังมี ขรก. กระทรวงพลังงาน บางส่วน เป็นผู้บริหารในบริษัทแห่งนี้ ทำให้การกำกับดูแลโครงสร้างราคาพลังงาน ไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภค พร้อมเรียกร้องให้ยกเลิกสิทธิประโยชน์ที่ ปตท. เคยได้รับ รวมทั้งยกร่างแก้ไข กม. ปิโตรเลียม อย่างจริงจัง เพื่อบรรเทาปัญหาการผลักภาระไปยังผู้บริโภค และส่งเสริมการแข่งขันทางธุรกิจอย่างแท้จริง

    นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวถึงแนวคิดรัฐบาลที่ต้องการให้กองทุนวายุภักษ์ เข้าซื้อหุ้นบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ร้อยละ 2 เพื่อลดสัดส่วนหนี้สาธารณะ และเพื่อระดมเงินกู้ฟื้นฟูประเทศนั้น

    กรณีดังกล่าว ตนเองมองว่าการดำเนินการของรัฐบาล จะส่งผลให้ ปตท.หลุดพ้นจากความเป็นรัฐวิสาหกิจ ส่งผลให้กลไกการตรวจสอบลดลง โดยเฉพาะกรณีของ ปตท. ซึ่งปัจจุบันเป็นกิจการผูกขาดพลังงานในประเทศ และยังมีข้าราชการในกระทรวงพลังงาน บางส่วน เป็นผู้บริหารในบริษัทแห่งนี้ ทำให้การกำกับดูแลโครงสร้างราคาพลังงาน ไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภค

    พร้อมกันนี้ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกสิทธิประโยชน์ที่บริษัท ปตท. เคยได้รับ รวมทั้งยกร่างแก้ไขกฎหมายการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย อย่างจริงจัง หาก ปตท.หลุดพ้นจากความเป็นรัฐวิสาหกิจ เพื่อบรรเทาปัญหาการผลักภาระไปยังผู้บริโภค และส่งเสริมการแข่งขันทางธุรกิจอย่างแท้จริง

    โดยก่อนหน้านี้ นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. ยอมรับว่า สั่งคณะทำงานศึกษาผลกระทบเชิงบวกและลบต่อองค์กร พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลยังคงมีบทบาทต่อนโยบาย และการดำเนินกิจการของบริษัท เนื่องจากกระทรวงการคลังยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ บริษัท ปตท. จึงยังคงอยู่ในระบบการตรวจสอบของสังคมและผู้ถือหุ้น แม้กิจการอาจพ้นสภาพรัฐวิสาหกิจ
    http://www.manager.co.th/Business/ViewNews.aspx?NewsID=9550000010819
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2012
  20. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    "กิตติรัตน์" แจงขายหุ้น "ปตท.-บินไทย" ไม่เร่งด่วน หากสังคมยังไม่เข้าใจ
    รบ.ยอมถอย ขายหุ้น ปตท.-บินไทย "กิตติรัตน์" ยันไม่เร่งด่วน หากสังคมยังไม่เข้าใจ พร้อมโต้ "ธีระชัย" กล่าวหาซุกหนี้-แต่งบัญชี ลั่นไม่เป็นความจริง ส่วนการแปรรูปตลาดหุ้น ยันชัดจุดยืนไม่เห็นด้วย ด้านชมรม กฟน. ยื่นหนังสือค้านต่อนายกฯ

    นายกิติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวระหว่างการมอบนโยบายให้กับผู้บริการกระทรวงการคลัง โดยระบุว่า แนวนโยบายการขายหุ้นรัฐวิสาหกิจ เพื่อต้องการให้รัฐวิสาหกิจมีความคล่องตัวในการทำงาน มากกว่าอยู่ในการกำกับดูแลของภาครัฐ เพื่อเปลี่ยนการขายหุ้นไปอยู่ในมือกองทุนวายุภักษ์ หรือกองทุนอื่นที่รัฐบาลควบคุมดูแล ไม่ใช่เป็นการขายหุ้นให้กับคนอื่น

    ทั้งนี้ ยืนยันว่าเป็นการดำเนินการโดยไม่มีวาระแอบแฝง เพราะเป็นการทำโดยผ่านสาธารณะให้ทุกคนรับรู้ เพื่อรับฟังความเห็นจากทุกด้าน และยังมองว่าไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนต้องทำภายในปีนี้หรือปีหน้า เพราะเป็นแผนดำเนินการอีกหลายปี อีกทั้งนโยบายดังกล่าวไม่ใช่เป็นการตกแต่งบัญชี เพื่อหลีกหนีไม่ให้หนี้สาธารณะเพิ่ม รวมทั้งในหลายประเทศที่เจริญเติบโตเต็มที่แล้ว ส่วนใหญ่จะปล่อยหุ้นรัฐวิสาหกิจออกไป เพื่อทำธุรกิจโดยอิสระ ทั้งสายการบิน ด้านคมนาคม สถานีโทรทัศน์ และด้านต่างๆ ที่สำคัญรัฐบาลต้องอธิบายให้ทุกฝ่ายมีความเข้าใจจนได้ข้อยุติหากยังไม่มีข้อสงสัยก็จะไม่ดำเนินการ

    ส่วนประเด็นการเปิดเสรีธุรกิจหลักทรัพย์ที่ให้มีการเก็บค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ได้อย่างเสรี นายกิตติรัตน์ ยืนยันว่า ตนเองไม่เห็นด้วย และได้แสดงเหตุผลจุดยืนชัดเจนมาก่อนหน้านี้ ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งทางการเมือง

    นายกิตติรัตน์ กล่าวอีกว่า การแปรรูปตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เข้าซื้อขายในตลาดหุ้น ก็เป็นเรื่องไม่เห็นด้วยเช่นกัน แต่ยังไม่ยอมเปิดเผยว่า จะดำเนินการเรื่องดังกล่าวอย่างไร โดยเฉพาะการเปิดเสรีธุรกิจหลักทรัพย์ ซึ่งเริ่มเปิดมาตั้งต้นที่ผ่านมา

    นายเพียร ยงหนู ตัวแทนพนักงาน การไฟฟ้านครหลวง ยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คัดค้านการขายหุ้นรัฐวิสาหกิจ ทั้ง ปตท. การบินไทย เพราะหากลดสัดส่วนการถือหุ้นของรัฐไม่เกินร้อยละ 50 จะทำให้ผู้ได้รับความเดือดร้อนจากราคาน้ำมัน ราคาก๊าซ ปรับสูงขึ้น เจรจาต่อรองกับภาครัฐไม่ได้ เพราะจะอ้างว่าเป็นการบริหารงานของเอกชนตามกลไกตลาด

    "ขณะนี้ยังเจรจาต่อรองกันได้ เมื่อราคาก๊าซปรับสูงขึ้นย่อมกระทบต่อค่าไฟฟ้า เพราะเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้า ส่งผลไปยังประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าในที่สุด และที่ผ่านมาประชาชนต่างคัดด้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ทั้งด้าน ไฟฟ้า ประปา เพราะจะทำให้เกิดความเดือดร้อนกับภาคครัวเรือน"

    นอกจากนี้ เห็นว่าหากบริษัทพ้นจากความเป็นรัฐวิสาหกิจ จะมีกลุ่มเอกชนเข้ามาแสวงหาผลกำไร ไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชน การตรวจสอบผ่านกลไกต่าง ๆ จะลดลง และการอ้างว่าต้องระดมทุนมาเพื่อสร้างโครงการต่างๆ เพื่อป้องกันน้ำท่วมนั้น มองว่าเป็นการบริหารจัดน้ำที่ผิดพลาดมากกว่า


    http://www.manager.co.th/StockMarket/ViewNews.aspx?NewsID=9550000010147
     

แชร์หน้านี้

Loading...