เงินเฟ้อที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นแล้ว??? รู้ทันโลก (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย k.kwan, 11 พฤศจิกายน 2010.

  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    โรงตึ๊ง ที่พึ่งในยามยาก

    โดย : อนัญชนา สาระคู

    [​IMG]

    ธุรกิจโรงรับจำนำในอเมริกากำลังรุ่งเรือง กลายเป็นที่ซื้อหาของขวัญ เพราะมีตกแต่งสถานที่เหมือนงานรื่นเริง
    <!--<script type="text/javascript"> google_ad_channel = '3694366847'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </script> <script type="text/javascript" src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js"></script> <script type="text/javascript" src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"></script>--><SCRIPT language=JavaScript src="http://ads.nationchannel.com/adserverkt/adx.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT language=JavaScript type=text/javascript> if (!document.phpAds_used) document.phpAds_used = ','; phpAds_random = new String (Math.random()); phpAds_random = phpAds_random.substring(2,11); document.write ("<" + "script language='JavaScript' type='text/javascript' src='"); document.write ("http://ads.nationchannel.com/adserverkt/adjs.php?n=" + phpAds_random); document.write ("&what=zone:119"); document.write ("&exclude=" + document.phpAds_used); if (document.referrer) document.write ("&referer=" + escape(document.referrer)); document.write ("'><" + "/script>"); </SCRIPT><SCRIPT language=JavaScript src="http://ads.nationchannel.com/adserverkt/adjs.php?n=222995462&what=zone:119&exclude=,&referer=http%3A//www.bangkokbiznews.com/home/" type=text/javascript></SCRIPT><NOSCRIPT>[​IMG]</NOSCRIPT><!-- <iframe src="http://www.bangkokbiznews.com/home/banner/all-ad-300-indetail.php" frameborder="0" scrolling="no" width="300" height="250"></iframe> --> บรรดาเด็กๆ ในเมืองซาน มาเทโอ รัฐแคลิฟอร์เนีย ในสหรัฐอเมริกา ไปกระซิบบอกความปรารถนาของพวกเขากับซานตา คลอส เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ร้าน เบสท์ คอลแลทเทอรอล ซึ่งเป็นโรงรับจำนำแห่งหนึ่งในย่านการค้า ห่างจากซานฟรานซิสโกออกไปทางใต้ประมาณ 20 ไมล์
    และหากพ่อแม่ของเด็กๆ ไม่คิดมากจนเกินไปว่า เป็นสินค้าราคาถูก ก็จะดีเสียอีกที่โรงรับจำนำ นอกจากจะเป็นสถานที่ที่นำสิ่งของไปจำนำได้แล้ว พวกเขายังสามารถไปหาซื้อสิ่งของที่นั่นได้อีกด้วย
    โดยเทศกาลคริสต์มาสในปีนี้ "โรงรับจำนำ" เป็นเสมือนที่พึ่ง และธุรกิจก็กำลังรุ่งเรืองอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
    ซู กัลแลคเฮอร์ หญิงวัย 54 ปี ซึ่งทำงานด้านบริการสาธารณสุข กำลังต้องการหาซื้อของขวัญสำหรับวันคริสต์มาส เธอจะไปที่โรงรับจำนำก่อนเป็นลำดับแรก จากนั้นจึงมุ่งไปยังห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ วอล-มาร์ท และร้านเป้าหมายอื่นๆ ต่อไป
    เธอเล่าว่า เมื่อเร็วๆ นี้เพิ่งซื้อโทรทัศน์ให้ลูกสาวเครื่องหนึ่งจากโรงรับจำนำของทอม ที่เมืองเลค แจ็คสัน ในรัฐเท็กซัส เป็นทีวีจอแบนขนาดพอเหมาะ ราคาต่ำกว่า 100 เหรียญสหรัฐ(ราว 3,000 บาท) และเล่าประสบการณ์ให้ฟังด้วยว่า เธอไม่รู้สึกว่าได้เข้าไปซื้อของในโรงรับจำนำเลย เพราะสถานที่แห่งนั้นมีสิ่งของประดับประดาตกแต่งและมีการเล่นดนตรีประกอบเหมือนกับมีงานเทศกาลรื่นเริง
    ทั้งนี้ โรงรับจำนำของทอม ไม่ใช่โรงรับจำนำแห่งเดียวที่กำลังเติบโตอยู่ในขณะนี้ ยังมีเครือข่ายของร้านพอว์น อเมริกา ซึ่งอยู่แถบภาคตะวันตกของอเมริกาก็เติบโตเช่นเดียวกัน โดย "แบรด ริกซ์แมนน์" เจ้าของร้าน บอกว่าในช่วงเทศกาลคริสต์มาสนี้ ธุรกิจของเขาเติบโตมากกว่า 50% เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนโรงจำนำ แคชโค ในเขตซาน ดิเอโก เจ้าของร้านที่ชื่อ "ยิกัล อะดาโต" บอกว่า ลูกค้าที่เข้ามาพร้อมกับบัญชีรายการของขวัญที่ต้องการหาซื้อสำหรับคริสต์มาสนี้ ก็เพราะต้องการประหยัดเงิน
    "ผมเจอลูกค้าคู่หนึ่งบอกว่า คุณรู้ไหม ถ้าไม่ใช่เพราะราคาสินค้าที่นี่ถูก ลูกๆ ของฉันคงจะไม่ได้รับอะไรเป็นของขวัญเลยในปีนี้" อะดาโต กล่าว
    ด้าน เอ็มเม็ตต์ เมอร์ฟี่ โฆษกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจรับจำนำแห่งชาติ กล่าวว่า ปกติแล้วจะมีลูกค้าบางคนเท่านั้นที่จะเข้ามาซื้อของขวัญวันคริสต์มาสที่โรงรับจำนำเป็นประจำ แต่เมื่อไม่นานมานี้กระแสการตอบรับเริ่มขยายวงกว้างมากขึ้น จนถึงช่วงเทศกาลคริสต์มาสปีนี้ที่โรงรับจำนำกลายเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
    อีกทั้ง โรงรับจำนำหลายแห่งต่างแข่งกันจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง มากกว่าร้านค้าดั้งเดิมด้วยซ้ำ ซึ่งก็ประสบความสำเร็จ เพราะแม้แต่ซานต้า ก็แวะเข้าไป นั่นแสดงให้เห็นชัดเจนถึงผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ได้กระทบกับรายได้และกำลังในการซื้อสำหรับคนที่แม้แต่สินค้าในห้างวอล-มาร์ท ก็ยังมีราคาแพงเกินไป
    “เราอยากให้ลูกค้ามองเราเป็นทางเลือกหนึ่ง และสามารถซื้อสินค้าที่อาจจะหาซื้อไม่ได้อีก" ริกซ์แมนน์ กล่าว
    ทั้งนี้ ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ น่าจะเป็นคำอธิบายถึงปรากฎการณ์นี้ได้อย่างเร็วที่สุด แต่ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม ยังชี้เหตุของความสำเร็จด้วยว่า เกิดจากรายการโทรทัศน์ พอว์น สตาร์ ซึ่งประสบความสำเร็จและได้ดึงดูดผู้ชมที่เป็นกลุ่มเป้าหมายเข้าไปโรงรับจำนำจำนวนมาก
    “ตอนนี้ผู้คนต่างมองว่า โรงรับจำนำเป็นสถานที่ที่หาซื้อสินค้าและสามารถต่อรองราคาได้ จากสมัยก่อนพวกเขาอาจจะไม่กล้าเข้าไป หรือเกรงว่าสินค้าในโรงรับจำนำจะเป็นของที่ถูกขโมยมา” มาร์ก เจ แพร์รี่ ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยมิชิแกน ในเมืองฟลินท์ กล่าว
    โดย "โรงรับจำนำ" ได้ชื่อนี้มาจากข้อเท็จจริงที่ว่า ลูกค้าสามารถนำสินค้ามาเป็นหลักประกันเพื่อแลกกับเงินกู้ และหากมีการชำระหนี้คืนพร้อมดอกเบี้ยทั้งหมดแล้ว ผู้ประกอบธุรกิจรับจำนำ ก็จะคืนสิ่งของนั้นให้ ในทางตรงข้ามหากลูกค้าไม่ชำระเงินกู้คืนตามกำหนด ทางโรงรับจำนำก็จะยึดหลักประกันนั้น แล้วนำกลับมาขายทอดตลาดอีกครั้ง
    “หลายปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่เศรษฐกิจถดถอย โรงรับจำนำได้ปล่อยกู้ไปมากกว่าที่เคยเป็น ซึ่งค่าเฉลี่ยของจำนวนตัวเลขเงินกู้เพิ่มขึ้นจาก 80 เหรียญสหรัฐ (ราว 2,400 บาท) ในปีพ.ศ. 2551 มาเป็น 150 เหรียญ (ราว 4,500 บาท) ในปัจจุบัน”เมอร์ฟี่ กล่าว และบอกว่า ปีนี้ในช่วงที่ทองคำขึ้นราคา โรงรับจำนำก็แน่นไปด้วยลูกค้าที่อยากจะนำทองคำมาจำนำเช่นกัน
    ในด้านการขายปลีก ก่อนหน้านี้ยอดขายค่อนข้างอืด และจะดีขึ้นในช่วงเทศกาลวันหยุด เพราะลูกค้าจำนวนมากจะถังแตกจากปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้เจ้าของโรงรับจำนำ ต้องนำเครื่องประดับเพชรพลอยที่มีในสต็อกไปเปลี่ยนรูป เพราะคนเข้ามาซื้อสินค้าน้อยมาก แต่อย่างน้อยโรงรับจำนำบางแห่ง ก็ปรับเปลี่ยนตัวเองเป็นผู้ค้าปลีกและนำเสนอสินค้าที่มีความหลากหลายมากขึ้น ในขณะที่อุตสาหกรรมโรงรับจำนำเองกำลังควบรวมกิจการ จนทำให้จำนวนโรงจำนำลดลงอย่างฮวบฮวบจาก 12,500 แห่งเหลือ 10,000 ในปีพ.ศ.2551
    อย่างไรก็ตาม ริกซ์แมนน์ จาก พอว์น อเมริกา บอกว่า การขยายธุรกิจของเขาจะเป็นไปตามเทรนด์ ร้านแรกของเขามีขนาด 700 ตารางฟุต ส่วนสาขาล่าสุดที่เมืองเมดิสัน ในรัฐวิสคอนซิน มีขนาดใหญ่ถึง 35,000 ตารางฟุต ที่เมื่อก่อนเคยเป็นร้าน เซอร์กิต ซิตี้ ร้านค้าปลีกจำหน่ายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่
    ส่วน อะดาโต แห่งโรงรับจำนำ แคชโค กล่าวว่า ประมาณ 60% ของยอดขายรวม จะเริ่มจากการผ่อนชำระ เพราะลูกค้าเองก็จำเป็นต้องรอเงินเดือนออกก่อนสักเดือนหรือ 2 เดือน และในช่วงเทศกาลวันหยุด ทางร้านก็จะขายในราคาส่วนลดที่ต่ำมาก โดยในเดือนธันวาคมนี้ลดราคาพวกเครื่องประดับลงครึ่งหนึ่ง ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าหั่นราคาลด 30% และเครื่องมืออื่นๆ ลด 40%
    ขณะที่ ลา ฟามิเลีย พอว์น แอนด์ จิวเวลรี เครือข่ายโรงรับจำนำที่มีบริษัทแม่อยู่ในรัฐฟลอริดา ได้ออกแคมเปญส่งเสริมการขายก่อนถึงวันขอบคุณพระเจ้า ที่พยายามจะสร้างแรงจูงใจดึงดูดลูกค้าแข่งกับวอล-มาร์ทส่วน วู้ดดี้ วิทคอมบ์ ผู้ร่วมก่อตั้งและหัวหน้าฝ่ายการเงินของร้าน ลา ฟามิเลีย บอกว่า รายได้ในช่วงวันขอบคุณพระเจ้าขยับสูงขึ้นถึง 40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
    ด้าน ดอน เบลวิลล์ รองประธานกรรมการ โรงจำนำ เบสท์ คอลแลทเทอรอล เครือข่ายโรงรับจำนำในแคลิฟอร์เนีย บอกว่า ตั้งแต่เมื่อ 2 ปีก่อนที่เริ่มเห็นลูกค้าเข้ามาซื้อของในร้านกันมากขึ้น อย่างไรก็ตาม หากพูดถึงเรื่องการเติบโต ก็เข้าใจว่าโรงรับจำนำยังมีข้อจำกัดอยู่
    .............................
    หมายเหตุ : ที่มานิวยอร์ค ไทม์ส

    <!-- Tags Keyword -->
     
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    คุณกรณ์ เขียนเรื่องนโยบายเศรษฐกิจรบ.นกแก้ว

    ขออีกทีเรื่องเศรษฐกิจครับ ต้องเขียน เพราะแนวคิดรัฐบาล อันตรายจริงๆ

    การอนุมัติในหลักการให้กู้ยืมเงิน
    350,000ล้านบาทเพื่อแก้ไขปัญหานำ้ท่วมนั้น
    เป็นไปตามที่ผมเคยเขียนไว้ว่ารัฐบาลเพื่อไทยสุดท้ายก็จะกู้และจะเป็นการกู้ที่ไร้หลักการด้วย
    ... รัฐบาลต้องชี้แจงว่า

    1. ทำไมถึงคัดค้านหลักการ ไทยเข้มแข็ง
    และต่อว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์เรื่องการกู้ยืม แต่เวลาผ่านไปเพียง 4
    เดือนรัฐบาลนี้อนุมัติการกู้ยืมไปแล้ว 750,000ล้านบาท
    ไม่นับรวมหนี้นอกงบประมาณที่กองทุนน้ำมัน ฯลฯ

    2. ทำไมต้องใช้เงินนอกระบบงบประมาณ
    โครงการสาธารณูประโภคขนาดใหญ่เหล่านี้ต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จ
    ไม่ได้เป็นการชำระเงินงวดเดียวทันที

    3. จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีข้อมูลว่าจะใช้เงินทำอะไร แต่ปรากฎว่าอนุมัติเงินแล้ว

    ส่วนที่รองนายกฯกิติรัตน์อ้างว่าต้องผลักภาระหนี้ของรัฐบาลไปให้แบงก์ชาตินั้น
    รัฐบาลต้องคิดให้รอบคอบว่ามีสิทธิทำได้หรือไม่
    และจะส่งผลอย่างไรกับแบงก์ชาติ
    ส่วนเจ้าหนี้รัฐบาลที่ถืิอพันธบัตรอยู่จะบังคับให้เขาเปลี่ยนไปเป็นเจ้าหนี้แบงก์ชาติได้อย่างไร
    แบงก์ชาติไม่มีรายได้เหมือนรัฐบาล
    เมื่อถึงเวลาใช้หนี้ก็ต้องพิมพ์เงินมาจ่าย ระบบการเงินจะเป็นอย่างไร

    แม้แต่จะแก้กฎหมายให้แบงก์ชาติปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ(soft
    loan)เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจก็ต้องคิดให้ดี
    ปัจจุบันรัฐบาลมีธนาคารรัฐเป็นเครื่องมืออยู่แล้ว
    และแบงก์ชาติก็ต้องปล่อยกู้ผ่านธนาคารเหล่านี้อยู่ดี




    ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลมักจะร้องขอให้แบงก์ชาติมาช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
    ท่านต้องตระหนักว่าต่างคนต่างหน้าที่ครับ
    แบงก์ชาติไม่มีหน้าที่ทำงานแทนรัฐบาล และในฐานะผู้มีอำนาจพิมพ์เงินได้
    เขามาเป็นเครื่องมือรัฐบาลเมื่อใด นับถอยหลังเศรษฐกิจไทยได้ทันที


    สรุปแล้วคือรัฐบาลต้องการทำให้ระบบเศรษฐกิจพังพินาศ และสร้างหนี้ภาครัฐให้เกิดเช่นเดียวกับเศรษฐกิจยุโรปที่กำลังพังใช่หรือไม่ ? รวมทั้งการเร่งผันเงินออกมาเพื่ออนุมัติโครงการ กินคอมมิชชั่นในการเซ็นต์สัญญา เสร็จแล้วรีบยุบสภาหนีความรับผิดชอบ ปล่อยให้รัฐบาลต่อไปซึ่งอาจเป็นทีมบ้าน 111 หรือประชาธิปัตย์ เข้ามาแก้ปัญหากันเอง

    จาก FB กรณ์_นับถอยหลังเศรษฐกิจไทย - ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด
     
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    มหาตมะ คานธี กับ..ปัญหาปาเลสไตน์
    Shaffi : ค้นคว้า
    (1 กุมภาพันธ์ 2009)

    ผมค้นพบเอกสารในหนังสือพิมพ์เก่าฉบับหนึ่ง นำคำกล่าวของมหาตมะ คานธี ที่แปลมาจากหนังสือพิมพ์ตีพิมพ์ในอินเดียชื่อหนังสือพิมพ์ฮารียาน ตีพิมพ์เมื่อ 12 พฤศจิกายน 1938 ก่อนอิสราเอลประกาศตั้งรัฐยิว 10 ปี ท่านมหาตมะ คานธี แสดงทัศนะต่อปัญหาปาเลสไตน์ไว้น่าสนใจ สมควรนำมาเผยแพร่ให้ชนรุ่นหลังศึกษาเรียนรู้ ..ท่านว่าอย่านี้ครับ..


    “ข้าพเจ้ารู้สึกเห็นใจพวกยิว แต่ความรู้สึกเห็นใจนี้มิได้ทำให้ข้าพเจ้าตามืดบอดต่อความยุติธรรม เสียงเรียกร้องของชาวยิวที่จะให้ก่อตั้งรัฐยิวนั้น ไม่เป็นที่โน้มน้าวใจข้าพเจ้าได้นัก (แผ่นดิน) ปาเลสไตน์เป็นของพวกอาหรับ ในความหมายเช่นเดียวกันกับที่ (แผ่นดิน) อังกฤษ ก็เป็นของคนอังกฤษ และฝรั่งเศสก็เป็นของคนฝรั่งเศส นับเป็นการผิดพลาดที่จะเอาเรื่อง(ความต้องการของ)พวกยิว มาบังคับอาหรับ ถ้าพวกยิวไม่มีที่อยู่นอกจากในปาเลสไตน์เท่านั้น พวกเขาอยากคิดบ้างไหม ที่จะต้องถูกขับออกจากส่วนอื่นๆของโลกที่พวกเขาตั้งหลักแหล่งอยู่ หรือว่าพวกเขาอยากมีสองบ้าน ซึ่งพวกเขาจะได้เลือกอยู่ตามใจชอบ ประเทศปาเลสไตน์ตามความหมายของพรคัมภีร์ไบเบิลนั้น ไม่ใช่ดินแดน(ตามความหมาย)ทางภูมิศาสตร์ แต่ว่าเป็นเรื่องอยู่ในดวงจิตของพวกเขา แต่หากพวกเขาอยากได้ปาเลสไตน์ในทางภูมิศาสตร์(อยากครอบครองดินแดน) เป็นที่อยู่ของพวกเขา ก็นับเป็นความผิดพลาดทีเดียว ที่จะเข้าไปในประเทศนั้นโดยมีปืนของอังกฤษคุ้มกันอยู่จะกล่าวหาพวกอาหรับแม้แต่อย่างใดไม่ได้เลย ถ้าพวกอาหรับต้องต่อสู้กับการรุกราน”

    มหาตมะ คานธี
    http://www.oknation.net/blog/TalkingBook/2009/02/01/entry-3
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ธันวาคม 2011
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ใครเห็นด้วยกับ “ยิว”...ยกมือขึ้น
    Shaffi : รวบรวม
    (31 มกราคม 2009)


    ถ้าจะมีใครถามว่า “ใครเห็นด้วยกับยิว..ยกมือขึ้น” ไปถามที่ไหนจะมีคนยกมือเห็นด้วยมากที่สุด.. ติ๊กต๊อกๆๆ ..ถูกต้องแล้วคร๊าบบบบ...ต้องไปถามในสภาคองเกรสที่สหรัฐครับ..


    วุฒิสภาสมัยที่ 110 บันทึกไว้ว่า มีวุฒิสมาชิกชาวยิวมากถึง 13 คน บางคนก็มาจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ขยับมาที่สภาสูงแล้วปล่อยที่นั่งในสภาผู้แทนฯให้ยิวรุ่นน้องขยับก้นเข้ามาจองที่ ทำแบบนี้กันไปนานๆอีกหย่อยยิวก็กลายเป็นสภาคเน๊ตเซ็ตของอิสราเอลไปเอง ถึงตอนนั้นยิวก็ไม่ต้องเสียเงินเสียทองล๊อบบี้พวกอเมริกันคริสเตียนให้เปลืองเงิน ส่วนในสภาผู้แทนราษฎร หรือ House มียิวเพิ่มเข้ามารวมของเก่าเบ็ดเสร็จ 30 คน ในสภาสูง 14 คน มาจากรีพับรีกัน 2 เดโมแครต 10 ผู้สมัครอิสระ 2 ส่วนในสภาล่างยิว 30 ที่นั่ง มาจากรีพับรีกัน 1 ที่เหลือ 29 เป็นเดโมแครตทั้งหมด


    ใครที่เคยเข้าใจผิดคิดว่ายิวชอบแนวการเมืองขวาจัด Conservative แบบรีพับรีกัน เห็นตัวเลขแล้วเปลี่ยนความคิดได้เลยครับ.. ที่จริงคนยิวเกินกว่าร้อยละ 65 เป็นเดโมแครตคิดง่ายๆ เฉพาะในนิวยอร์คมียิวอยู่รวมกันอัดเป็นปลากระป๋องราวๆล้านกว่าคน ยิวเทเสียงสนับสนุนเลือกตั้งทุกระดับให้เดโมแครตทุกครั้ง ฮิลลารี่ คลินตัน ก็เป็นวุฒิสมาชิกรัฐนิวยอร์ค คะแนนอีเล็คเทอรัลโหวต ที่นิวยอร์ค เดโมแครตไม่เคยแพ้รีพับรีกัน แต่เอาเข้าจริงๆแล้วมากจากพรรคไหน ก็ไม่สำคัญกว่าผลประโยชน์ของยิวหรอกครับ อย่างคราวนี้โอบามาขึ้นมา บรรดา Think Tank ยิวสายเหยี่ยวของบุชสลายตัว แต่เกิดอะไรขึ้น แทนที่จะดีที่พวกสายเหยี่ยวตกงาน แต่กลับกลายเป็นว่ายิวเดินเข้าทำเนียบขาว เข้าเพ็นตากอน เข้ากระทรงต่างประเทศ กระทรวงเศรษฐกิจ ธนาคารกลางสหรัฐ หน้าตาเฉย ..ดีกว่าสมัยรีพับรีกัน ยิวต้องล๊อบบี้ผ่าน Neo-Con คราวนี้นั่งประชุม ครม.ซะให้มันรู้แล้วรู้รอดไป.. เหยี่ยวบินไป..ยิวยกโขยงมา..แย่กว่าบุชอีก


    มาดูหน้ากันหน่อยว่า สมาชิกสภาคองเกรส ใครเป็นใคร ผมขออนุญาติไม่เขียนชื่อทับศัพท์ เพราะไม่แน่ใจ นามสกุลยิวอ่านไม่ค่อยถูกเหมือนกัน.. ในวงเล็บที่ตามหลังชื่อ ถ้าเป็นอักษร D หมายถึง เดโมแครต และ R คือรีพับรีกันครับ..ส่วนอักษรสองตัวที่ตามมา เป็นชื่อย่อรัฐครับ เช่น CA แคลิฟอเนียร์ หรือ MN ก็มินิโซต้า ครับ..


    รายชื่อวุฒิสมาชิกยิว
    [​IMG] Barbara Boxer (D-CA)
    [​IMG] Benjamin Cardin (D-MD)

    [​IMG] Norm Coleman (R-MN)

    [​IMG] Russ Feingold (D-WI)

    [​IMG] Dianne Feinstein (D-CA)

    [​IMG] Herb Kohl (D-WI)
    [​IMG] Frank Lautenberg (D-NJ)

    [​IMG] Joseph Lieberman (I-CT)

    [​IMG] Carl Levin (D-MI)

    [​IMG] Bernard Sanders (I-VT)

    [​IMG] Arlen Specter (R-PA)

    [​IMG] Ron Wyden (D-OR)
    [​IMG]
    SCHUMER, Charles Ellis (Chuck) (D-NY)
    รายชื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยิว
    (30— 1 Republican, 29 Democrats)
    Gary Ackerman (D-NY)
    Shelley Berkley (D-NV)
    Howard Berman (D-CA)
    Eric Cantor (R-VA)
    Stephen Cohen (D-TN)*
    Susan Davis (D-CA)
    Rahm Emanuel (D-IL)
    Eliot Engel (D-NY)
    Bob Filner (D-CA)
    Barney Frank (D-MA)
    Gabrielle Giffords (D-AZ)*
    Jane Harman (D-CA)
    Paul Hodes (D-NH)*
    Steve Israel (D-NY)
    Steve Kagen (D-WI)*
    Ronald Klein (D-FL)*
    Tom Lantos (D-CA)
    Sander Levin (D-MI)
    Nita Lowey (D-NY)
    Jerrold Nadler (D-NY)
    Steve Rothman (D-NJ)
    Jan Schakowsky (D-IL)
    Allyson Schwartz (D-PA)
    Adam Schiff (D-CA)
    Brad Sherman (D-CA)
    Debbie Wasserman Schultz (D-FL)
    Henry Waxman (D-CA)
    Anthony Weiner (D-NY)
    Robert Wexler (D-FL)
    John Yarmuth (D-KY)
    *** หมายเหตุ : ขณะนี้ตำแหน่งต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง เพราะมีการเลื่อนมาแทนคนที่ไปดำรงตำแหน่งต่างๆ หลายตำแหน่ง ถ้าจะให้ถูกต้องแม่นยำต้องเป็นการตรวจสอบ หลังตำแหน่ง ครม.โอบามา ลงตัว ขออภัยในความคลาดเคลื่อน
     
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ฮามาสโดนรุม-กาซ่าเละเป็นโจ๊ก
    ..เรื่องมันมีอยู่ว่า......
    Shaffi : เรียบเรียง (4 กุมภาพันธ์ 2004)
    เปิดโปงแผนชั่ว สหรัฐกับยิว วางแผนให้ PLO ฟาตาห์ กับฮามาส รบกันเอง
    เป็นสงครากลางเมือง สหรัฐให้เงิน ยิวฝึกอาวุธ วางแผนยุให้ PLO. ฟาตาห์
    ทำปฏิวัติรัฐประหารโค่นรัฐบาลฮามาส ...
    [​IMG]

    Muhammad Dahlan ตัวแสบข้างกายประธานาธิบดีมะห์มูด อับบาส



    Muhammad Dahlan นักการเมืองปาเลสไตน์ หัวหน้าพรรคฟาตาห์ สาขากาซ่า ได้ปูดเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ขึ้นมากลางที่ประชุมพรรคฟาตาห์ ในเมืองรอมัลลอฮ์ เขตเวสต์แบ็งค์ โดยในการกล่าวต่อที่ประชุมพรรคครั้งนี้ Muhammad Dahlan ได้กระตุ้นให้้สมาชิกพรรคฟาตาห์รู้ถึงแผนการที่สหรัฐกำลังนำมาใช้ โค่นฮามาส ต่อไปนี้เป็นเรื่องราวของ Muhammad Dahlan ตัวแสบของปาเลสไตน์เขาล่ะ..เรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ


    มีการค้นพบหลักฐานสำคัญที่บ่งชี้ว่าสหรัฐเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งในปาเลสไตน์เมื่อเดือนมกราคม ปี 2006 โดยเจ้าหน้าที่สหรัฐ ด้วยการรู้เห็นเป็นใจเปิดไฟเขียวหราของจอร์จ ดับยา บุช และรัฐมนตรีต่างประเทศคอนโดลิซา ไรซ์ ในการยื่นมือเข้ามาช่วยพรรคฟาตาห์ ด้วยการนำแท็คติกที่เรียกว่า Contra-Style พูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือทำให้สองฝ่ายที่กำลังต่อสู้กันทางการเมืองคือพรรคฟาตาห์ที่นำโดยประธานาธิบดีมะห์มูด อับบาส กับฮามาสที่ยกระดับการต่อสู้เข้าสู่ระบบการเมืองในฐานะพรรคฮามาส สหรัฐใช้วิธีการสร้างหวาดระแวงให้เกิดขึ้นโดย ส่งผู้เชี่ยวชาญอเมริกัน และเชื่อกันว่าบางส่วนถูกส่งมาจากกองทัพอิสราเอล ที่นอกจากช่วยติดอาวุธให้กองกำลัง PA ใต้ปีก พรรคฟาตาห์แล้ว ยังแอบเอาเงินยัดใส่กระเป๋าคนใหญ่คนโตใน PLO และฟาตาห์ มิใช่เพื่อสิ่งใด แต่เพื่อต้องการให้พรรคฟาตาห์โค่นล้มฮามาสที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนชาวปรเลสไตน์ เรื่องนี้ถูกเปิดเผยโดยบทความจากนิตยสารวานิตี้แฟร์ ฉบียเดือนเมษายน ปี 2008


    เรื่องที่ว่านี้ถูกเปิดโปงโดยบทความที่เขียนโดย David Rose ที่รวบรวมข้อมูลจากเอกสาร และวิดีโอเทป ที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายฮามาสค้นพบ ในเดือนมิถุนายน ปี 2007 PA โดยนายอับบาส ประกาศว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่นำโดยฮามาส ได้สินสุดสภาพและกลายเป็นรัฐบาลนอกกฎหมาย เกิดการปะทะกันระหว่างกองกำลัง PA และพรรคฟาตาห์ กับฝ่ายฮามาส กองกำลังของรัฐบาลฮามาสซึ่งถือว่ายังมีอำนาจเต็มในฐานะรัฐบาลปาเลสไตน์ได้เข้าโจมตีที่ทำการพรรคฟาตาห์ในฉนวนกาซ่า และเข้ายึดสำนักงานพรรคของนาย Muhammad Dahlan และได้ยึดหลักฐานทั้งเอกสารและวิดีโอเทปที่ฮามาสใช้อ้างเป็นหลักฐานว่า สหรัฐให้อาวุธ และฝึกเจ้าหน้าที่ของฟาตาห์ภายใต้การบังคับบัญชาของนาย Dahlan นักการเมืองปาเลสไตน์ หัวหน้าพรรคฟาตาห์ สาขาฉนวนกาซ่า


    นิตยสารวานี้ตี้แฟร์ รายงานว่า “เอกสารชิ้นหนึ่งที่ค้นพบและยืนยันว่าเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญก็คือเอกสารที่ลงนามสั่งการโดยอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับยา บุช ให้รัฐมนตรีต่างประเทศคอนโดลิซา ไรซ์ และรองประธานที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ เอลเลียต อับบราม (ชาวยิวในสต๊าฟรัฐบาลบุช) เป็นผู้ดำเนินการ ในเอกสารนั้นเป็นการยุแยงให้เกิดสงครามกลางเมืองในปาเลสไตน์” David Rose ผู้เสนอบทความยังเสริมว่า แผนการนี้จะดำเนินการโดย “กองกำลังที่นำโดย Muhammad Dahlan หัวหน้าพรรคฟาตาห์สำนักงานฉนวนกาซ่า และติดอาวุธใหม่ทันสมัยล่าสุดโดยสหรัฐ อาศัยฝ่ายฟาตาห์แค่เพียงกองกำลังที่สหรัฐฝึกฝนให้ เพื่อขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกคั้งฮามาสลงจากอำนาจ”


    พูดถึงอับบรามเสียหน่อย ไหนๆก็มีเอี่ยวกับเรื่องชั่วๆแบบ Ugly American เข้าให้แล้ว..ตำแหน่งในรัฐบาลบุช อับบรามเป็นถึงรองประธานที่ปรึกษาประธานาธิบดีด้สนความมั่นคงแห่งชาติ ตาแกเอลเลียต อับบราม เป็นตาแก่ยิวมรดกตกทอกมาตั้งแต่ครั้งรัฐบาลคาวบอยเรแกน อับบรามแกถนัดทางเรื่องเหม็นๆมาตั้งแต่ครั้งนั้น ในรัฐบาล เรแกนแกก็เข้าไปมีเอียวกับเรื่องฉาวโฉ่กรณี “อิหร่านคอนทร้า” ในทศวรรษที่ 1980 (ท่านผู้อ่านที่ติดตามเรื่องที่ผมเล่าเกี่ยวกับองค์กรล๊อบบี้ของยิวที่ชื่อ JINSA หากยังพอจำได้ว่า องค์กรนี้ส่งคนเข้ามาทำนโยบายด้านความมั่นคงและช่วยรัฐบาลรีพับรีกันทำมาหากินกับการค้าอาวุธ โดยใช้อิสราเอลเป็นคนกลางและตลาดมืด ที่ไหนที่มีกฎหมายห้ามสหรัฐขายอาวุธ สหรัฐก็จะขายให้ประเทศหนึ่ง แต่อาวุธถูกส่งไปให้กลุ่มกบฎคอน ทร้า เพื่อให้โค่นล้มรัฐบาลแซนดินิสต้าในประเทศนิคารากัวในแถบละตินอเมริกาที่ CIA สนับสนุน ส่วน..ประเทศที่ทำหน้าที่ไซฟรอนอาวุธแทนสหรัฐก็คืออิสราเอล ล้วนเป็นฝีมือคนข้างกายคาวบอยในไวท์เฮ้าส์ หนุ่มเลือดยิวตอนนั้นเหล่านี้นี่แหละ)


    เป็นที่รู้กันว่าแผนสันติภาพ Road Map โดยรัฐบาลบุช นั้นนอกจากมาตรการต่างๆที่ถูกนำมากำหนดไว้ตามตารางเวลาแล้ว ในแผนนี้ยังมีนวัตกรรมทางนโยบายที่แตกต่างไปจากทุกครั้ง นั่นคือกำหนดให้ปาเลสไตน์ต้องเป็นประชาธิปไตย(ตามแบบตะวันตก) นโยบายนี้หน้าตาคล้ายๆนโยบายที่สหรัฐนำเข้าในอิรัก แต่การนำประชาธิปไตยเข้าไปไว้ในแผนสันติภาพ Road Map ของบุชคราวนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อใช้ “ประชาธิปไตย..เป็นชนวนก่อให้เกิดสงครามกลางเมืองระหว่างชาวปาเลสไตน์ด้วยกัน” โดยสหรัฐนั้นรู้อยู่เต็มอกว่าฮามาสสนับสนุนรัฐในระบบอิสลาม ส่วน PLO และฟาตาห์สนับสนุนรัฐแบบชาตินิยม แม้เป้าหมายกอบกู้ชาติและแผ่นดินจะเหมือนกัน แต่เมื่อสหรัฐตีเข้าที่จุดต่างของทั้งสองกลุ่ม รอยร้าวก็แยกออกทันที..



    [​IMG]

    สำเนาจดหมายที่นาย Muhammad Dahlan เขียนถึง Shaul Mofaz. รมต.กลาโหมอิสราเอล เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม ปี 2003



    เรื่องลึกๆแต่ไม่ลับเล่าว่า บุชพบกับMuhammad Dahlan ในฐานะที่รู้กันว่า Dahlan เป็น “our guy” หรือ “เด็กในคอนโทรล” ตั้งแต่ปี 2003 เว็บไซต์ข่าวในซีกสนับสนุนปาเลสไตน์ชื่อ The Electronic Intifada ได้รายงานเรื่องนี้ เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2007
    และได้นำจดหมายฉบับหนึ่งมาเปิดเผย จดหมายที่ว่านี้เขียนโดย Muhammad Dahlan เขียนไปถึง รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมอิสราเอล เพื่อยืนยันว่าเขา (Dahlan) จะร่วมแผนโค่นล้มอำนาจของอดีตผู้นำ PLO นายยัสเซอร์ อารอฟัต เนื้อความในจดหมายนั้นระบุว่า “แน่ใจเถิดว่า วาระสุดท้ายในอำนาจของยัสเซอร์ อารอฟัต กำลังจะมาถึง แต่ต้องให้เรา(กลุ่มต่อต้านของ Dahlan) ลงมือกำจัดเขา(อารอฟัต)ให้พ้นทางของเราด้วยมือเราเอง ไม่ใช่โดยพวกคุณ(อิสราเอล) และขอให้เชื่อเถอะว่าทุกถ้อยคำที่ผมสัญญาต่อประธานาธิบดีบุช ผมเอาชีวิตของผมเป็นประกัน..”


    แผนโค่นรัฐบาลฮามาสที่มาจากการเลือกตั้งเดินหน้าทันที ที่ฮามาสประกาศชัยชนะในเดือนมกราคม ปี 2006 ในการพบปะกันระหว่างคอนโดลิซา ไรซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศ กับประธานาธิบดีมะห์มูด อับบาส ของ PA ถูกจัดขึ้นที่ทำเนียบประธานาธิบดีอับบาสในเมืองรอมัลลอฮ์ เขตเวสต์แบ๊งค์ ในเดือนตุลาคม ปี 2006 หลังรัฐบาลฮามาสเพิ่มทำงานได้ 6 เดือน คอนโดลิซา ไรซ์ สั่งให้ประธานาธิบดีอับบาสประกาศยุบรัฐบาลนายกรัฐมนตรีอิสมาอีล ฮานิยาห์ของฮามาส “ภายในสองสัปดาห์”คอนโดลิซา ไรซ์ สำทับอับบาส จากนั้นก็ “ตั้งรัฐบาลฉุกเฉินเฉพาะกิจ” (และหาทางจัดการเลือกตั้งใหม่... ดูเอาเถอะครับ..ประเทศที่อ้างว่านำประชาธิปไตยไปผลิดอกเบ่งบานทั่วโลก มีคนตายแค่ไหนก็ต้องเป็นประชาธิปไตยให้ได้ อย่างอิรัก ใครไม่เป็นประชาธิปไตยก็ต้องคว่ำบาตรให้มันตายไปทั้งประเทศอย่างเมียนม่า ประเทศไหนมีรัฐบาลที่มาจากรัฐประหาร (ประเทศไหนหนอ ?) ท่านก็ทำเป็นกระฟัดกระเฟียด..รับไม่ได้ๆ ไม่ต้องมาคุยกับสหรัฐ แต่ดูสิ่งที่สหรัฐทำ ...แบบนี้จะให้เรียกว่าอะไรดีนะ)


    ปรากฎว่าอับบาสทำงานไม่ถูกใจสหรัฐ ไม่ทำตามในรัฐมนตรีไรซ์ สหรัฐก็ขยับไปใช้ “เด็กในคอนโทรล” ก็ Muhammad Dahlan นั่นยังไง สหรัฐสั่งให้ Dahlan ซึ่งซ่องสุมผู้คนเอาไว้ที่กลางไข่แดงศูนย์อำนาจของฮามาสในกาซ่าซิตี้ Dahlan ได้รับมอบหมายจากสหรัฐให้ทำรัฐประหารรัฐบาลฮามาส แต่โชคไม่เข้าข้างฝ่ายฮามาสค้นพบแผนนี้เสียก่อน จึงใช้วิธีการโจมตีกลุ่มติดอาวุธพรรคฟาตาห์ภายใต้การนำของ Dahlan ก่อน กลุ่มฟาตาห์เหล่านั้นยอมแพ้เอาดื้อๆ ทั้งที่สหรัฐอัดฉีดเงินซื้ออาวุธแถมฝึกฝนให้เปลืองเงินไปถึง 10 ล้านเหรียญสหรัฐ สหรัฐแอบช่วยอับบาส จัดตั้งรัฐบาลฉุกเฉิน โดยไปดึงเอาอดีตเจ้าหน้าที่ธนาคารโลกชาวปาเลสไตน์ชื่อนาย Salam Fayyad มาเป็นนายกรัฐมนตรีโดยจัดการให้ประธานาธิบดีอับบาสลงนามในคำสั่งแต่งตั้งไว้รอเสียบ แต่แล้วต้องเป็นหมันเพราะฮามาสไม่ยอมอ่อนข้อ ประกาศว่าฮามาสยังเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งและมีความชอบธรรม ที่จะเป็นรัฐบาลตามกฎหมายต่อไป ขณะที่อับบาสประกาศว่ารัฐบาลฮาสมาสสิ้นสภาพแล้ว PA ได้ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญตั้งรัฐบาลใหม่ที่รอมัลลอฮ์ เขตเวสต์แบ็งค์ ปาเลสไตน์ จึงมีรัฐบาลซ้อนกันสองชุดที่ต่างก็อ้างว่าถูกกฎหมาย ขณะที่อิสราเอลเริ่มกดดันและปิดล้อมกาซ่า


    สหรัฐและอิสราเอล เจ้าของไอเดียแผนรัฐประหารโค่นฮามาส และอยู่เบื้องหลังการกดดันให้เกิดสงครามกลางเมือง ในปาเลสไตน์ ก็มีมือทั้งที่มองเห็น และมองไม่เห็นอีกหลายมือ กำลังสอดเข้ามาในปาเลสไตน์ รวมทั้งแผนการของกลุ่มประเทศอาหรับหลายประเทศและบรรดาพวกหน่วยสืบราชการลับที่เข้ามาเพ่นพ่านยุ่มย่ามในปาเลสไตน์ David Rose เขียนสรุปว่า “กรณีแผนโค่นฮามาสของสหรัฐ คล้ายคลึงกับแผนฉาวโฉ่สมัยเรแกน เงินที่สหรัฐเคยจ่ายให้กบฎคอนทร้า ก็เหมือนกับเงินและอาวุธที่สหรัฐยัดใส่กระเป๋าคนโตในพรรคฟาตาห์ โดยมีบรรดาลิ่งล้อชาติอาหรับของสหรัฐนั่งเชียร์อยู่รอบๆเวทีนั่นเอง”

    อย่าสงสัยว่าทำไม..อับบาส ไม่เคยแยแสชะตากรรมของชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซ่ามือไม่พายยังเอาเท้าราน้ำ ออกมาประณามฮามาส..ก่อนอิสราเอลถูกนานาชาติรุมประณามเสียอีก ให้มันได้อย่างนี้สิ..ตาแก่อับบาสเอ้ย..




     
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เหลือเชื่อ..ยิวแพ้ ฮามาส ภาค 1
    Sami al`Habib : เขียน, Shaffi :แปล (4 กุมภาพันธ์ 2009)


    อิสราเอลถล่มฉนวนกาซ่าชนิดที่เรียกว่าไม่ลืมหูลืมตาตลอด 23 วัน 24 ชั่วโมงต่อวันแบบเต็มๆ ซึ่งดูเหมือนว่าสงคราม “ถอนรากถอนโคน” ตามที่เอฮุด บารัค รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอลเรียกขาน จะบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ไม่มากก็น้อย แต่เอสเข้าจริงๆพอเสร็จศึก อิสราเอลกลับไม่กล้าออกมาสรุปผลการโจมตี เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ..อิสราเอล ไม่มีอะไรจะแถลง หรืออิสราเอลประเมินแล้วว่า ไม่พูดอะไรจะดีกว่า..ว่ากันตามตรงสิ่งเดียวที่นักวิจารณ์ทั้งค่ายนิยมตะวันตก และค่ายนิยมอาหรับเห็นตรงกันมากที่สุดในคราวนี้ก็คือ ..สงครามคราวนี้ แม้อิสราเอลจะถล่มปาเลสไตน์จนย่อยยับ ฝ่ายฮามาสแทบจะยืนไม่ติด และอาจต้องพักรบไปอีกยาว ..แต่โดยภาพพอครบยกกรรมการดูคะแนนรวม คนที่แพ้..กลับกลายเป็นอิสราเอลนั่นเอง ฝ่ายฮามาสแม้ว่าจะบอบช้ำหน้าตาแตกยับชนิดหมอไม่รับเย็บ ยืนหยัดอดทนสู้พลางถอยพลางจนครบยกธาตุทรหดสมราคาสิงห์ทะเลทราย ไม่ยอมถูกน๊อค เจ็บได้หยามไม่ไดต่อไปนี้เป็นเรื่องราวของ 23 วันถล่มกาซ่า..ใครแพ้ ?


    เรื่องที่ผมแปลมาจากความเห็นนักวิจารณ์จากค่ายนิยมปาเลสไตน์ ที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้ เป็นเหตุผลยืนยันว่าทำไมอาหรับจึงมองว่า อิสราเอล..แพ้ เขาให้เหตุผลไว้ 23 ประการ ดังนี้ครับ

    ประการที่ 1 : เขาบอกว่าให้ใช้เหตุผลจากมุมมองทางด้านการทหาร อิสราเอลประเทศที่มีแสนยานุภาพทางการทหาร “มากที่สุดในตะวันออกกลาง” และเป็นอันดับที่ 4 ของโลกต้องเผชิญกับการต้านทานจากกองกำลังทหารบ้านทหารประชาชนจำนวนหยิบมือ ที่ทั้งด้อยศักยภาพ ไม่มีการฝึกฝน ไม่มีการจัดตั้ง ไม่มีระบบ ไม่มียุทธวิธีแบบมาตรฐานทางทหาร อาวุธก็ล้าหลัง การส่งกำลังบำรุงก็จำกัดขาดแคลน แต่อิสราเอลก็ทำอะไรฮามาสไม่ได้มากนัก อย่างน้อก็ไม่มากเท่ากับที่อิสราเอลลงทุนทำสงครามคราวนี้ไปหลายพันล้านเหรียญ (คาดว่าฝ่ายปาเลสไตน์ตายสูญเสียไปประมาณ 2 พันล้านเหรียญ แต่อิสราเอลเสียมากกว่า โอกาสหน้าผมจะเอาบัญชีมาเปิดเผยว่าอิสราเอลใช้เงินที่สหรัฐให้มาไปเท่าไหร่ในสงครามมหาโหดคราวนี้)


    ประการที่ 2 : ในตอนเริ่มต้นปฏิบัติการ อิสราเอลประกาศว่าเป้าหมายของปฏิบัติการนี้ เพื่อป้องกันการโจมตีเมืองของอิสราเอล ด้วยจรวดของฝ่ายฮามาสและแนวร่วมต่อต้านอิสราเอล อย่างไรก็ตามกลุ่มต่อต้านยังคงยิงจรวดใส่เป้าหมายอิสราเอลจนกระทั่งวันสุดท้ายก่อนข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ พูดง่ายๆอิสราเอลหยุดฝ่ายต่อต้านไม่ได้..


    ประการที่ 3 : ฮามาสประกาศว่าสามารถพัฒนาจรวดทำเองให้มีวิถีทำการได้ไกลขึ้นถึง 60 กิโลเมตร จากฐานยิงในฉนวนกาซ่า ความจริงอิสราเอลนั่นแหละที่เป็นฝ่ายบีบบังคับให้ฮามาสต้องทำเช่นนั้น


    ประการที่ 4 : ในกรณีที่อิสราเอลสังหารพลเรือน เท่ากับเป็นระเบิดเวลาที่จะย้อนมาทำลายรัฐบาลอิสราเอล การทำให้โลกเห็นความเหี้ยมโหดของอิสราเอล ทำให้ประชาชนชาวปาเลสไตน์มีความชอบธรรมากขึ้นในการจับอาวุธขึ้นมาต่อต้านการยึดครองของอิสราเอล และความโกรธแค้นที่อิสราเอลเติมเชื้อเพลิงเข้าไป จะช่วยเพิ่มจำนวนผู้ต่อต้านอิสราเอลเพิ่มขึ้น ดังคำที่ว่า “ตายสิบเกิดแสน” อิสราเอลต้อนพวกเขาจนตรอก พวกเขาไม่มีอะไรจะต้องเสียอีกแล้ว..หนทางเดียวคือสู้ยิบตา (ขอให้ลองนึกถึงเวียตกงในสงครามเวียตนาม)


    ประการที่ 5 : อิสราเอลรีบลงนามในข้อตกลงหยุดยิงที่สหรัฐเสนอ เพื่อป้องกันสิ่งที่เรียกว่า “การลักลอบสะสมอาวุธ” เข้ามาในกาซ่า ไม่ให้ฮามาสตั้งตัวได้ทัน อิสราเอลขอให้สหรัฐเข้ามาตรวจสอบแนวชายแดนอียิปต์ และเส้นทางทางทะเล ที่จริงก็ไม่มีอะไรนอกไปจากการสร้างภาพลวงตาโฆษณาชวนเชื่อให้เห็นว่า อิสราเอลทำลายศักยภาพของฮามาสได้ทั้งหมด สื่ออิสราเอลประโคมข่าวว่าหลังการโจมตีสิ้นสุดลง ฮามาสสามารถระดมอาวุธได้อีกครั้งภายในสองถึงสามเดือน สหรัฐไม่อาจให้หลักประกันต่ออิสราเอลได้ว่าฮามาสจะไม่ฟื้นตัวอีก..

    ประการที่ 6 : ฮามาสประกาศว่าสามารถจะซ่อมแซมระบบจรวดของตนเอง ให้กลับมาใช้การได้อีกครั้งหนึ่ง นอกจากเป็นการลดเครดิตคกล่าวอ้างของรัฐบาลอิสราเอล ที่อ้างมาโดยตลอดว่า ฮามาสได้ถูกลงโทษอย่างสาสม จนไม่อาจกลับมาต่อต้านอิสราเอลได้แล้ว ยังชี้ว่าผู้นำอิสราเอลโกหกโลก โกหกประชาชนของตัวเอง..

    ประการที่ 7 : ในการโจมตีฉนวยกาซ่า 23 วันเต็ม ปรากฎว่านอกจาก Said Siyam แล้วไม่มีผู้นำระดับสูงคนใดของฮามาส คนใดที่ถูกสังหารในการโจมตีครั้งเลย ที่จริงฝ่ายอิสราเอลคาดการณ์ว่าในบรรดาเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายหลายพันคนนั้น น่าจะมีสมาชิกระดับสูงของฮามาสอย่างน้อย 95 คน รวมอยู่ด้วย และส่วนมากของผู้นำฮามาสน่าจะถูกสังหารตั้งแต่วันแรกของการโจมตี (27 ธันวาคม 2008)ด้วยซ้ำไป เพราะวันแรกของการโจมตีเป็นการโจมตีที่มุ่งไปที่อาคารทำการของรัฐบาล ฮามาสอ้างว่าด้วยการชี้เป้าจากรัฐอาหรับบางรัฐ (อาจหมายถึงการทรยศจากฝ่าย PA และฟาตาห์)
    ประการที่ 8 : ความพ่ายแพ้ของอิสราเอล ต่อกลุ่มต้านเล็กๆหยิบมมือเดียว แสดงให้เห็นว่ามีพลังอำนาจบางอย่างเหนือกว่าแสนยานุภาพทางการทหาร ไม่ว่าอิสราเอลจะครอบครองปืนใหญ่ที่ทรงอานุภาพแค่ไหน แต่ผลงานที่ผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่าของอิสราเอล ความพ่ายแพ้ต่อพลังประชาชน ได้บ่อนทำลายความรู้สึกและจิตวิญญาณของกองทัพอิสราเอลลงไปได้อย่างเหลือเชื่อ

    ประการที่ 9 : จากมุมมองทางการเมือง สถานการณ์ของอิสราเอลในขณะนี้ไม่ถือว่าได้เปรียบในทางการทหาร พออิสราเอลลงมือโจมตี ทูตอิสราเอลสองคนก็ถูกขับ เป็นการ่ประท้วงจากประเทศที่ไม่เห็นด้วยกับอิสราเอล นี่ถือว่าเป็นความเพลี่ยงพล้ำทางการเมืองระหว่างประเทศ และถือว่าเสียหน้าในทางการเมือง

    ประการที่ 10 : จากการที่อิสราเอลปฏิบัติการสังหารพลเรือน รวมทั้งเด็กและสตรี อย่างผิดกฎหมาย เป็นการดึงให้นานาชาติรุมประณามการกระทำที่ละเมิดกฎหมายเป็นการก่ออาชญากรรมร้ายแรงต่อมนุษยชาติ นี่เป็นประเด็นที่ให้แม้แต่สหรัฐซึ่งทุกครั้งในเวทีสหประชาชาติ ต้องโหวตให้อิสราเอลหรือไม่ก็ใช้สิทธิวีโต้ยับยั้งการประณามอิสราเอล แต่คราวนี้สหรัฐต้องเปลี่ยนท่าทีด้วยการงดออกเสียง และถูกกดดันโดยชาติสมาชิกในคณะมนตรีความมั่นคงให้สหรัฐยับยั้งการโจมตีของอิสราเอลโดยทันที

    ประการที่ 11 : อิสราเอลใช้ยุทธศาสตร์ลดทอนความนิยมฮามาสโดยการยัดเยียดความผิดให้ฮามาส ว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดความสูญเสียต่อชาวปาเลสไตน์ อิสราเอลหวังว่าโลกจะประณามฮามาส นานาประเทศจะตำหนิฮามาส แต่กลับกลายเป็นว่าฮามาสกลายเป็นฮีโร่ในสายตาประชา่ชาติอาหรับ จนรัฐบาลชาติอาหรับทั้งหลายต้องหวั่นไหว

    ประการที่ 12 : การเลือกที่จะหันไปรักษาอำนาจตนเอง ด้วยการไปเอาอกเอาใจสหรัฐ เข้าข้างอิสราเอลแบบตาบอดของประธานาธิบดีมะห์มูด อับบาส ที่ผ่านมา ทำให้อนาคตทางการเมืองของเขาต้องจบลง ตามแผนการเดิมเมื่ออิสราเอลทำลายอำนาจรัฐของ ฮามาสย่อยยับไปแล้ว อับบาสจะเข้าไปฟื้นฟูกาซ่าและพรรคฟาตาห์จะกลับมาสถาปนารัฐบาลปาเลสไตน์ใต้ปีกสหรัฐและอิสราเอล แต่อับบาสต้องผิดหวัง และกำลังดิ้นรนเพื่อรักษาสถานภาพตัวเอง ให้คงอำนาจใน PA อยู่ต่อไป หากการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งต่อไปอับบาสต้องพ่ายแพ้ คงเดาได้ไม่ยากเลยใช่ไหมว่า..ใครจะเข้ามามีอำนาจแทนอับบาส และเมื่อถึงเวลานั้นอิสราเอลก็จะสูญเสียหุ้นส่วนสันติภาพ ผู้ว่านอนสอนง่ายอย่างมะห์มูด อับบาส ตลอดไป
    [(อีก 11 ประการ - อ่านต่อภาค 2 )
    http://www.oknation.net/blog/TalkingBook/2009/02/04/entry-2
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ธันวาคม 2011
  7. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เหลือเชื่อ..ยิวแพ้ ฮามาส ภาคจบ
    Sami al`Habib : เขียน, Shaffi :แปล (4 กุมภาพันธ์ 2009)

    เรามาว่ากันต่อเลยครับเหตุผลอะไรที่นักวิเคราะห์ฝ่ายอาหรับ..จึงมองว่ายิวแพ้ในสงครามสังหารโหด 23 วันในกาซ่า ว่าไปตอนที่แล้ว 12 เหตุผล..มาต่อที่เหลือกัน
    เลยครับ

    ประการที่ 13 : พรรคคาดีม่ารัฐแกนนำรัฐบาลอิสราเอลในเวลานี้ หวังไว้เป็นอย่างมากกว่าจะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งทั่งไปสมัยที่ 18 ที่กำลังจะมาถึง (10 กุมภาพันธ์ 2009) และต้องการกลับมาครองอำนาจอีกครั้งหนึ่ง พูดอีกอย่างหนึ่ง..ก็คือ พรรคแนวขวาจัดอย่างพรรคลิคุด และบรรดาสายเหยี่ยว พวกที่ไม่เคยต้องการ “สันติภาพ” จะโบยบินหวนคืนสู่อำนาจอีกครั้ง สุดท้ายอิสราเอลก็ถอยหลังเข้าคลองและกลับไปจมปลักและติดกับดัก อยู่กับการทำสงครามไปอีกหลายปี เพราะสิ่งที่อิสราเอลทำลงไปเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนเท่ากับเป็นการทำลายกระบวนการแก้ปัญหาด้วยการเจรจาไปหมดสิ้นแล้ว

    ประการที่ 14 : การก่อสงครามต่อกาซ่า เป็นการสร้างกระแสความเป็นปฏิปักษ์ต่ออิสราเอล อิสราเอลเป่านกหวีดระดมพลคนเกลียดยิวทั่วโลกให้มารวมกัน อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน อิสราเอลสร้างและส่งออกภาพของความชั่วร้ายชองตัวเองออกไปถึงบ้านทุกบ้านในโลกด้วยเครือข่ายโทรทัศน์ดาวเทียมและอินเตอร์เน็ต ในชั่วข้ามคืนเดียวคนทั้งโลกได้เป็นพยานความเหี้ยมโหดทารุณของอิสราเอล..พร้อมกัน

    ประการที่ 15 : ฮามาสกลายเป็นต้นแบบเป็นตัวอย่างที่ดี ฮามาสทำให้เห็นว่า กลุ่มคนกลุ่มเล็กๆที่มีความใฝ่ฝันอันยิ่งใหญ่ ก็สามารถเอาชนะผู้ที่ยิ่งใหญ่กว่า และมีอำนาจมากที่สุดในภูมิภาคได้ อาจเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจใดๆเลยหากในอนาคต
    เราจะได้เห็นอิสราเอลต้องได้รับความยากลำบากและดิ้นรนเอาตัวรอดจากสงครามต่อต้านที่มาจากกลุ่มเล็กๆ เหล่านี้

    ประการที่ 16 : ประชาชนชาวอิสราเอลได้เห็นและตระหนักแล้วว่า บรรดาผู้นำของพวกเขา ไม่อาจปกป้องพวกเขาได้ ไม่มีตรงไหนในแผ่นดินปาเลสไตน์ ที่อิสราเอล
    เข้ายึดครอง แล้วจะได้รับความปลอดภัย ซึ่งหมายถึงว่าฝันร้ายของอิสราเอลกำลัง
    จะกลายเป็นความจริง ดูได้จากตัวเลยการอพยพเข้ามาตั้งรกรากของชาวยิวในนิคมบนดินแดนยึดครองที่มีแน่วโน้มลดลงทุกที นี่คือสิ่งที่เป็นปัจจัยที่คอยบั่นทอน
    ความไว้ใจในรัฐบาลอิสราเอล จำนวนชาวยิวในเขตยึดครองที่สดลงทำให้ชาวยิวกลายเป็นคนส่วนน้อยที่แวดล้อมไปด้วยอาหรับปาเลสไตน์ และในที่สุดอิสราเอล
    ก็ไม่อาจปฏิเสธสิทธิ์ในการอพยพคืนถิ่นที่เคยพำนักของชาวปาเลสไตน์ ได้

    ประการที่ 17 : หลังสงครามถล่มกาซ่าสิ้นสุดลง โลกจดจำชื่อของฮามาสในสถานภาพที่ฮามาสเป็นหมากตัวสำคัญทางยุทธศาสตร์ (ถือว่ามีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรง) และเมื่อเป็นเช่นนี้ กระบวนการทางการเมือง และสันติภาพที่จะเกิดขึ้น
    ในอนาคต สหรัฐ อิสราเอล และ PLO ไม่อาจกีดกันฮามาสให้อยู่นอกวงเจรจา
    เหมือนอย่างที่เคยเป็นได้อีกต่อไปแล้ว

    ประการที่ 18 : นายกรัฐมนตรี Ismail Haniya ของฮามาส เรียกสงครามนี้ว่าสงคราม “ฟิตนะห์” (ภาษาอาหรับหมายถึงการแยกแยะความชั่วออกจากความดี จำแนกสีดำออกจากสีขาว) และผลก็คือสงครามได้แยกพวกอาหรับที่อ่อนแอ ออกจากพวกที่เข้มแข็ง อาหรับที่อ่อนแอเป็นพวกที่เข้าข้างอิสราเอล พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ สงครามครั้งนี้ทำให้รู้ว่าใครเป็นข้างใคร อาหรับพวกไหนทรยศ พวกไหนเป็นเพื่อนที่แท้จริง..

    ประการที่ 19 : ผู้นำพรรคคาดีม่าเปิดเผยความบ้องตื้นของตัวเองออกมาให้เห็น ว่าไร้สมรรถภาพ พรรคคาดีม่าถึงคราล่มสลายเพราะลากเอาตัวเองไปติดกับ และฆ่าตัวตายทางการเมืองด้วยการลากอิสราเอลไปสู่สงครามท่ามกลางเสียงประณามจากคนทั้งโลก(ยกเว้นสหรัฐ)

    ประการที่ 20 : บรรดาผู้นำประเทศมุสลิมที่สนิทสนมใกล้ชิดกับอิสราเอลต้องหวั่นไหวเมื่อพบว่าฐานทางการเมืองของพวกเขา(ประชาชน) เริ่มสงสัยและไม่ไว้ใจพวกเขา ประเทศที่เราไม่เคยเห็นประชาชนออกมาชุมนุมต่อต้านอิสราเอล เราก็ได้เห็นในครั้งนี้

    ประการที่ 21 : ระหว่างการโจมตีแบบ non stop ของอิสราเอล ชาวกาซ่ามีขวัญ
    และกำลังใจดีมาก ยืนยันได้โดยผู้สื่อข่าวตะวันตกที่รายงานว่า ที่ชายแดนมีชาวปาเลสไตน์หนีภันสงครามน้อยมาก ตรงข้ามกับหมู่บ้านชาวยิวใกล้กาซ่าที่ตกอยู่
    ในสภาพหวาดกลัวและตกใจแทบทุกวัน อิสราเอลพ้ายแพ้ทางจิตวิทยาอย่างราบคาบ..

    ประการที่ 22 : โชคไม่ดีเลยสำหรับอิสราเอลสงครามถูกเติมเชื้อเพลิงแห่งความเกลียดชังจากแนวร่วม พวกเกลียดและต่อต้านยิวจากทั่วโลก แม้แต่พวกยิวที่มีอำนาจทางการเมืองอยู่ทั่วโลกก้ไม่มีใครกล้าออกมาปกป้องยิว แม้กระทั่งพวกยิว
    เอง ผู้นำชุมชนอังกฤษที่มีชื่อเสียง 11 คนลงชื่อ ยื่นหนังสือประท้วงให้รัฐบาลอิสราเอลยุติการโจมตีทันที

    ประการที่ 23 : เริ่มมีกลุ่มที่ต้องการตามเล่นงานอิสราเอลในทางกฎหมาย
    ด้วยข้อกล่าวหาว่าอิสราเอล ละเมิดฎหมายระหว่างประเทศ และกระทำการอัน
    เป็นอาชญากรรมสงครามต่อมนุษยชาติ พวกเขาต้องการฟ้องต่อศาลอาชญากรรมระหว่างประเทศ และนี่คือประเด็นที่จะก่อทำให้เกิดกระแสคลื่นการประณาม
    อิสราเอล ในเวทีนานาชาติ ทุกหนทุกแห่งทั่วโลก

    ที่แท้แล้วสงครามโจมตีกาซ่า ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่า ระเบิดเวลาที่นักการเมืองอิสราเอล เอาไปยัดไว้ที่ใต้เตียงนอน ชาวอิสราเอล
    ..แล้วใครกัน ที่นอนตาหลับ
    อิสราเอลผู้รุกราน หรือปาเลสไตน์ผู้หวงแหนแผ่นดิน..


    http://www.oknation.net/blog/TalkingBook/2009/02/04/entry-3
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ธันวาคม 2011
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ยิวเขียนบท..ให้อับบาส เป็นผู้ร้ายตายตอนจบ..


    Shaffi : เรียบเรียง (6 กุมภาพันธ์ 2009)


    หลังกาซ่าพินาศย่อยยับด้วยน้ำมือยิว ประธานาธิบดีมะห์มูด อับบาส ประธาน PA และพรรคฟาตาห์ พูดตามบทที่ยิวเขียนให้ ว่า “ฮามาสต้องรับผิดชอบ” แต่นักวิเคราะห์ไม่คิดอย่างนั้น ทุกคนชี้ไปที่ มะห์มูด อับบาส ว่าอับบาสนั่นแหละที่ต้องรับผิดชอบการโจมตีกาซ่า อับบาสปฏิเสธยากเพราะผูกตัวเองอยู่ในแผนหักหลังฮามาส ที่สุมหัวคิดร่วมกับสหรัฐและอิสราเอล มาตั้งแต่กลางปี 2006 สหรัฐลงทุนส่งคอนโดลิซา ไรซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศ ลงไปสั่งการอับบาสด้วยตัวเองแบบไม่อายใครให้ ฮามาสต้องคว่ำในสองสัปดาห์ แต่แผนแตกเสียก่อน ฮามาสเล่นเกมรุกใส่ฟาตาห์ในกาซ่าก่อน จนแพ้เละเทะฮามาสยึดได้เอกสารหลักฐาน เปิดโปงแผนล้มฮามาสของอับบาสให้ชาวปาเลสไตน์ได้รู้ความจริง อับบาสไม่ถอยสั่งฟาตาห์เดินหน้า จับมืออิสราเอลปิดล้อมกาซ่าจนชาวกาซ่าลำบากยากแค้น ตลอดปี 2007 ความล้มเหลวของแผนคว่ำฮามาสครั้งแล้วครั้งเล่า ที่นำไปสู่การโจมตีโหดต่อกาซ่า เมื่อ 27 ธันวาคม 2008 คนของฟาตาห์เป็นสายลับชี้เป้าให้อิสราเอลโจมตี ทหาร PA. ของอับบาสปิดด่านเข้าอียิปต์ไม่ยอมให้ใครหนี อับบาสถูกชี้หน้าว่ารู้อยู่แก่ใจว่าอิสราเอลจะใช้แผนโหดโจมตีกาซ่าครั้งใหญ่ นอกจากจะไม่เตือนแล้ว ยังออกมาฉวยโอกาสประณามฮามาส ก่อนอิสราเอลเสียอีก แบบนี้จะให้ฮามาสคิดว่าอย่างไร ? .. สำหรับฮามาสแล้วเจ็บนี้..อีกนาน เจ็บนี้ไม่ลืม..


    เล่าเรื่อง Muhammad Dahlan หัวหน้าพรรคฟาตาห์สาขากาซ่าไปแล้วรอบหนึ่ง หมอนี่ตัวแสบ “ลูกกะโล่” ให้บุชใช้งานมาตั้งแต่ปี 2003 เข้าไปเสนอหน้าถึงในทำเนียบขาวรับงานมาโค่นอารอฟัต หากยัสเซอร์ อารอฟัต ไม่ป่วยตายไปซะก่อน โลกอาจได้เห็นกบฎใน PLO ที่นำโดย Dahlan บางคนบอกว่าข่าวลือว่า ยัสเซอร์ อารอฟัต ถูกวางยาพิษ ทำให้นึกถึง Muhammad Dahlan ข่าวลือนี้มีมูลเหมือนกัน


    ผมสังเกตว่า เรื่องสหรัฐ-อิสราเอล-ฟาตาห์ สุมหัววางแผนโค่นล้มรัฐบาลฮามาส มีผู้สนใจอ่านน้อย เรื่องแนวๆ Conspiracy เวอร์ชั่นปาเลสไตน์ อาจไม่น่าสนใจเท่าของสหรัฐกับยิว ที่จริงความขัดแย้ง ฮามาส-ฟาตาห์ หลังเหตุการณ์กาซ่า น่าจะกลายเป็นประเด็นใหญ่ ลองคิดดูสิครับ รัฐบาลโอลเมิร์ตทำเสียเกียติภูมิยิวในสายตาชาวโลกไปมาก คงต้องกบดานไปสักพัก อ้างติดเลือกตั้งก็พอฟังได้ ส่วนสหรัฐก็รัฐบาลใหม่ สต๊าฟโอบามาเป็นยิวเยอะแยะก็จริง..แต่เที่ยวนี้ ขืนไม่ดูตาม้าตาเรือ มีสิทธิเจ๊งเอาดื้อๆ Change ก็ Change เถอะ..ตกงานกันทั้งประเทศไม่รีบแก้ ..ขืนไปยุ่งกับคนอื่นอีก โดนด่าเละ
    เมื่อยิวเสียฟอร์ม-สหรัฐไม่ว่าง จะเล่นงานฮามาส..จะมีใครเหมาะยิ่งไปกว่า อับบาส และพลพรรคฟาตาห์ อีกเล่า.


    มาว่ากันเรื่องฉาวๆใน PLO และฟาตาห์ ที่คนอาหรับนินทาให้ฟังกันก่อน เล่าเท่าไหร่ก็ไม่หมด เรื่องหักหลังฮามาส..กลายเป็นเรื่อง ชิลด์..ชิลด์ ไปเลย PLO เหม็นโฉ่ ตั้งแต่ อารอฟัตยังไม่ตาย..คนอาหรับเขานินทาเรื่องกำแพงเวสต๋แบ็งค์ ให้ฟัง..เคยได้ยินไหมครับ..อิสราเอลวางแผนทำกำแพงสูงล้อมรอบเขตเวสต์แบ็งค์ เหมือนขังปาเลสไตน์ไว้ในคุกยังไงยังงั้น แถมยิวยังขี้โกงทำกำแพงกินที่ปาเลสไตน์ ตามนิสัยยิวเปี๊ยบ แต่แย่ที่สุดคือความรู้สึก กำแพงเป็นสัญลักษณ์แห่งความเดียดฉันท์และการแบ่งแยก เหมือนกำแพงเบอร์ลิน นักกฎหมายยุโรปกลุ่มหนึ่งเห็นแล้วทนไม่ไหว ไปฟ้องศาลอาญาระหว่างประเทศ ศาลมีคำสั่งประณาม แต่ทำอะไรอิสราเอลไม่ได้ PLO เลยจับเรื่องกำแพงยิว เป็นประเด็นการ่อสู้ในเวทีโลก แต่เบื้องหลังนี่สิ..รับไม่ได้.. อ้ายกำแพงเนื่ย มันอยู่ห่างจากที่ยิวอยู่ ก่อสร้างลำบาก ยิวไปซื้อคอนกรีตจากฝั่งจอร์แดนที่ใกล้กว่าขนส่งง่ายกว่า..เป็นเรื่องฉาวโฉ่ขึ้นมาก็เพราะว่า ผู้รับเหมาเอย..บริษัทนายหน้าซื้อคอนกรีตมาขายให้ยิวเอย..ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นคนของนักการเมืองใน PLO นั่นเอง งามหน้าไหมล่ะ..หากินกับยิวเฉยเลย ที่นินทากันหนักเพราะว่าบริษัทที่หากินกับยิวนี่น่ะ เป็นของหลานชายอารอฟัตนั่นเอง (สงสัยว่านักการเมืองปาเลสไตน์ทำไมมีพฤติกรรมคล้ายๆนักการเมืองไทย)


    กลางปี 2006 ฮามาสจับได้ว่า สหรัฐกับยิววางแผนใช้ฟาตาห์กลุ่ม Muhammad Dahlan ที่อิสราเอลฝึกให้ ติดอาวุธใหม่เอี่ยม สหรัฐควักเงินไป 10 ล้านเหรียญ เตรียมจะทำรัฐประหารรัฐบาลฮามาส ฮามาสชิงลงมือจัดการฟาตาห์ก่อน ทั้งสองฝ่ายเปิดฉากดวลกันกลางเมืองกาซ่าซิตี้ 3 วัน 2 คืน ผลคือฟาตาห์ยอมแพ้ฮามาสดื้อๆ ฮามาสเข้ายึดที่ทำการพรรคฟาตาห์ในกาซ่าซิตี้ ในบริเวณวิลล่าตากอากาศริมทะเลอันหรูหรา ของประธานาธิบดีอับบาส (อารอฟัตก็เคยใช้มาก่อน) ฮามาสค้นได้หลักฐานเอกสารสำคัญมากมาย ที่ชี้ว่าอับบาสและฟาตาห์พัวพันกับแผนการทำรัฐประหาร นอกจากนั้นยังพบเครื่องเรือนราคาแพงหรูหราในบ้านพักของบรรดาผู้นำฟาตาห์ ฮามาสแสดงหลักฐานเหล่านั้นต่อสื่ออาหรับ ฮามาสจงใจปล่อยให้ ประชาชนเข้าไปหยิบฉวยข้าวของเครื่องใช้ และเฟอร์นิเจอร์หรูหราของอับบาสและ Dahlan ไปโดยไม่สนใจห้ามปรามแต่อย่างใด


    พูดถึงความนิยมชมชอบความหรูหรากับชาวอาหรับ เป็นของคู่กัน แต่กับประเทศซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ยังต้องรอรับความช่วยเหลือจากนานาชาติหัวละไม่ถึง 1 เหรียญต่อวัน รายได้ประชาชาติต่ำที่สุดในโลก คือไม่เกิน 600 เหรียญต่อปี อย่างปาเลสไตน์ ความหรูหรานับว่าไกลเกินฝัน และถือเป็นอภิสิทธิ์เฉพาะผู้นำ PA และฟาตาห์ เท่านั้น
    อย่างเรื่องที่หนังสือพิมพ์อิสราเอลปูดออกมา นินทาเรื่องรสนิยมวิไลของประธานาธิบดีอับบาส รัฐมนตรี และพลพรรคของฟาตาห์ ใครได้ฟังก็อดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้


    เรื่องมีอยู่ว่า บริษัทยิวชื่อว่า Barbaros ตั้งอยู่ใน Tel Aviv ออกมาให้ข่าวว่าบริษัทเป็นผู้ขายชุดสูทหรูให้บรรดาผู้นำปาเลสไตน์ หลายร้อยชุด เจ้าของร้านชาวยิวเล่าว่า “ผมรับใช้บรรดาผู้นำปาเลสไตน์มา 30 ปีแล้ว ..บางทีชุดสูทพวกนี้อาจนำสันติภาพมาสู่เราก็ได้” แหมตบท้ายได้..ไม่เบาเลยนะพี่ยิว เรื่องนี้ทำให้สื่อปาเลสไตน์สงสัยว่า ทำไมไม่จ้างช่างตัดเสื้อปาเลสไตน์ ...เจ้าของร้านชาวยิวคนดังกล่าว ยังเล่าให้สื่ออาหรับฟังต่อไปว่า ตนเองยังผลิตสูทชั้นดีสำหรับนักธุรกิจเพื่อป้อนให้ร้านในเมืองรอมัลลอฮ์ และกาซ่าหลายร้อยชุด เมื่อพูดถึงราคา..เขาบอกว่าชุดละหลายพันเหรียญ ..เจ้าของร้านสูทในเมืองรอมัลลอฮ์เมืองที่ตั้งที่ทำการ PA และทำเนียบประธานาธิบดี เล่าว่าร้าน Sudani Center ของเขา ขายสูทที่ติดป้าย “Made in Israel” ให้ลูกค้าหลักคือพวกผู้นำใน องค์การบริหารปาเลสไตน์ หรือ PA. เฉพาะประธานาธิบดีอับบาสคนเดียวก็ร้อยชุดแล้ว ส่วนอีก 4 รัฐมนตรีนั่นอีกออเดอร์หนึ่งต่างหาก


    ข้อเท็จจริงข้อหนึ่งที่ลืมไม่ได้เลย ก็คือ ฮามาสชนะการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนมกราคม ปี 2006 ด้วยชัยชนะอย่างท่วมท้น ลำพังคะแนนเสียงของผู้มีสิทธิ์ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซ่าล้านกว่าคนคงไม่พอเอาชนะเหนือพรรคฟาตาห์ได้ ฮามาสต้องได้รับคะแนนนิยมจากชาวปาเลสไตน์ในเขตเวสแบ๊งค์ และเยรูซาเล็มสนับสนุนด้วยอีกจำนวนหนึ่ง ในการเลือกตั้งครั้งนั้นฮามาสชนะทั้งในกาซ่า และเวสแบ๊งค์ หลังจากอับบาสอ้างรัฐธรรมนูญประกาศยุบสภาคว่ำฮามาสทางกฎหมาย แต่ฮามาสไม่ยอมคว่ำทางการเมือง ความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างฮามาสกับอับบาสยิ่งเด่นชัดขึ้น อับบาสตั้งรัฐบาลซ้อนรัฐบาลฮามาสขึ้นในรอมัลลอฮ์ ส่วนฮามาสยืนกรานว่าฮามาสยังเป็นรัฐบาลที่ถูกต้องที่มาจากประชาชน อับบาสเดินเกมตามสหรัฐและยิว ยากที่ฮามาสจะรับได้ อับบาส กำลังหลงทางบนถนนสายสันติภาพอันมืดมิด ต่อจากนี้ไปฮามาสกับอับบาส ความสัมพันธ์มีแต่จะเลวร้ายลง หากอับบาสยังเผลอคิดว่าเขตเวสแบ็งค์เป็นอาณาจักร PLO เป็น Home Base อันมั่นคง..อับบาสจะยิ่งหลงทางไปอีกไกล ไม่เห็นหรือว่า ยิ่งสหรัฐ อิสราเอล และอับบาส กล่าวหาฮามาสว่าเป็นผู้ร้ายมากแค่ไหน ในสายตาโลกอาหรับและชาวปาเลสไตน์ กลับยิ่งเห็นฮามาสเป็นฮีโร่ของพวกเขามากขึ้นแค่นั้น ..บางที ตาแก่อับบาสอาจหลงลืมไปแล้วว่า แกแพ้เลือกตั้งเมื่อปี 2006 แม้แต่ในเขตของแกเอง...เลือกตั้งครั้งต่อไป อาจไม่มีชื่อ มะห์มูด อับบาส ในวงจรการเมืองอีกต่อไป


    ถึงตอนนั้นสูทแพงๆติดป้าย Made in Israel หลายร้อยชุดของอับบาส อาจไม่ได้ใช้สวมใส่ไปนั่งเจรจาสันติภาพที่ไหนอีกเลยก็เป็นได้...

     
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    อิสราเอลประท้วง – 430,000 คนเข้าสู่ถนนเพื่อความยุติธรรมของสังคม

    Harriet Sherwood, The Guardian/UK, 4 กันยายน 2554

    Guardian, 4 กันยายน 2554 – ชาวอิสราเอลหลายแสนคนเข้าสู่ท้องถนนเมื่อคืนวันเสาร์ ในการประท้วงใหญ่ที่สุดของอิสราเอลที่เคยเกิดขึ้น เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมของสังคม ค่าครองชีพต่ำ และรัฐบาลตอบสนองชัดเจนกับความกังวลในการบีบคั้นชนชั้นกลาง
    [​IMG]
    ประชาชนประมาณ 430,000 คนเข้าร่วมในการเดินขบวนทั่วประเทศ ตามรายงานของตำรวจ การเดินใหญ่อยู่ในเทล อาวิฟ ที่มีมากถึง 300,000 คน มีการประท้วงเข้มแข็ง 50,000 ที่ไม่มีมาก่อนในเจรูซาเลม และ 40,000 คนในไฮฟา มีการประท้วงขนาดเล็กในอีกหลายสิบเมือง

    นี่เป็นใบเสร็จ “เดินขบวนหนึ่งล้าน” แต่ผู้จัดกล่าวว่า การออกมาวอดคล้องกับการประท้วงเข้มแข็ง 300,000 คนเมื่อสี่สัปดาห์ก่อนที่จะได้รับชัยชนะ ประชากรอิสราเอล 7.7 ล้านคน

    การประท้วงวันเสาร์ตามหลังการประท้วง 50 วันที่ได้เขย่าผู้นำการเมืองและนักวิจารณ์และนักวิเคราะห์ชั้นนำถามว่า ถ้าขบวนการเคลื่อนไหวสังคมใหม่จะปรับแปลงการเมืองภายในอิสราเอลสำหรับรุ่นต่อไป

    ขบวนการนี้ ซึ่งมีการสนับสนุนจากประชาชนประมาณ 90% ตามผลสำรวจความเห็น เริ่มต้นเมื่อกลุ่มขนาดเล็กของนักเคลื่อนไหวสร้างเต็นท์ที่ Rothschild Boulevard ในเทล อาวีฟที่ประสบความสำเร็จ ในการประท้วงราคาบ้านและค่าเช่าสูง

    เมืองเต็นท์เห็ดทั่วประเทศและผู้ประท้วงเดินขบวนเบื้องหลังคำขวัญ “ประชาชนเรียกร้องความยุติธรรมสังคม” ท่ามกลางประเด็นเสนอขึ้นคือ ราคาบ้าน การขนส่ง การดูแลเด้ก อาหารและเชื้อเพลิง ค่าแรงต่ำในจ่ายอาจารย์ รวมถึงแพทย์และครู ปฏิรูปภาษี และการใช้จ่ายด้านสวัสดิการ รัฐบาลตั้งคณะกรรมการนำโดยศาสตราจารย์ Manuel Trajtenberg เพื่อตรวจสอบข้อเรียกร้องของผู้ประท้วง ซึ่งเกี่ยวข้องกับรายงานเดือนนี้

    ผู้ประท้วงในเทล อาวีฟ เมื่อคืนวันเสาร์ มีการเป่านกหวีดและตีกลองเมื่อพวกเขาเดินขบวนในบรรยากศคาร์นิวัลไปยังจตุรัสขนาดใหญ่สำหรับการเดินขบวน ผู้อยู่อาศัยแขวนป้ายผ้าจากกันสาดและส่งเสียงเชียร์เมื่อพวกเขาเดินผ่าน

    “เราเป็นชาวอิสราเอลใหม่” Itzik Shmuli ผู้นำนักศึกษาบอกกับการเดินชุมนุม “และชาวอิสราเอลใหม่ต้องการสิ่งง่ายๆ อย่างหนึ่งคือ ชีวิตที่มีเกียรติในประเทศนี้”

    เขาเพิ่มเติมว่า “คืนนี้เราสร้างประวัติศาสตร์อีกครั้ง ประชาชนกำลังสนับสนุนการประท้วงเริ่มต้นโดยคนหนุ่ม และอีกสัปดาห์หลังจากการประท้วงประเทศให้ยุติ เราอยู่ในแนวโน้มทำลายสถิติ จากปัจจุบันกับรัฐบาลรู้ว่า ไม่มีโอกาสที่ชาวอิสราเอลสามารถกลับไปสู่ถนนและต้องส่งสินค้า”

    Daphni Leef หนึ่งของผู้จัดการชุมนุมของการประท้วงเต็นท์เริ่มแรก กล่าวว่า “ฤดูร้อนนี้เป็นฤดูร้อนที่ยิ่งใหญ่ของความหวังใหม่ของชาวอิสราเอลที่เกิดมาด้วยความสิ้นหวัง แปลกแยกและช่องว่างที่เป็นไปไม่ได้... สังคมอิสราเอลได้มาถึงเส้นแดง และกล่าวว่า “ไม่มีอีกแล้ว” นี่เป็นความมหัศจรรย์ของฤดร้อน 2554

    ภายใต้ป้ายผ้าทำเอง กล่าวว่า ฎเดินเหมือนชาวอียิปต์” Ruti Hertz นักหนังสือพิมพ์อายุ 34 ปี กล่าวจนกระทั่งฤดูร้อนนี้ ประชาชนละอายโดยส่วนตัวของความไม่สามารถพบกับเป้าหมาย “แต่ละคนโดดเดี่ยวในสถานการณ์ของพวกเขา คิดว่า นี่เป็นปัญหาของตัวเอง” นั่นได้เปลี่ยนไปสู่การประท้วง

    เธอกล่าวว่า เธอและสามีครูของเธอ Roi กำลังดำรงชีวิตด้วยรายได้เดิม เมื่อพวกเขาได้รับเมื่อ 10 ปีที่แล้ว “เราไม่ถามมาก เพียงแต่ทำให้สามารถสิ้นสุดเดือนโดยปราศจากการนำจากผู้ปกครองของเรา”

    Roi มีค่าใช้จ่ายเดือนละ 5,500 เชเคล (46,060 บาท) กับค่าเนิร์สเซอร์รีสำหรับลูกสาววัยเด็ก 2 คน เธอกล่าว

    Vered Cohen Nitsan ครูโรงเรียนประถมจาก Netanya กล่าวว่าเธอเข้าร่วมการเดินขบวน “เพื่อประท้วง เพื่อสนับสนุนประชาชนของประเทศเรา และเพราะฉันหวังว่าลูกของฉันจะมีชีวิตง่ายกว่าในอนาคต”

    เธอ เพิ่มเตมิม “เป็นเวลาหลายปี คุณคิดว่าคุณต้องทำงานหนักขึ้นและต่อสู้ และเดี๋ยวนี้ ประชาชนเริ่มพูดกับคนอื่นและคุณจะเห็นว่า นี่ไม่ใช่ปัญหาส่วนตัวของคุณ”

    การชุมนุมที่ไฮฟา Shahin Nasser ชาวอาหรับ-อิสราเอล กล่าวว่า “วันนี้เรากำลังเปลี่ยนกฎของเกม ไม่มีความสงบบนฐานของฮัมมาสและถั่วฟาวา อะไรเกิดขึ้นที่นี่คือความไม่สงบจริง เมื่ออาหรับและยิวเดินขบวนร่วมกัน ไหล่ชนไหล่เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมสังคมและสันติภาพ เราต้องมีมัน”

    การประท้วงได้รับวิจารณ์โดยบางคนส่วนที่เหลือสำหรับความไม่สนใจความเจ็บปวดจากการแบ่งแยกอิสราเอล-อาหรับ ผู้ประกอบขึ้นเป็น 20% ของประชากรอิสราเอล หรือการยึดครองปาเลสไตน์ของอิสราเอล

    การประท้วงประจำสัปดาห์ ที่มีการสร้างขึ้นอย่างมั่นคง ได้รับหยุดสองสัปดาห์หลังการโจมตีโดยกองกำลังติดอาวุธใกล้กับพรมแดนอียิปต์-อิสราเอล ซึ่งชาวอิสราเอลแปดคนถูฏสังหาร นักวิจารณ์บางคนตั้งข้อสังเกตว่าขบวนการเคลื่อนไหวนี้ได้สูญเสียโอกาสไปแล้ว

    ผู้จัดการประท้วงกล่าว เมืองเต็นท์จะถูกรื้อ แต่ขบวนการเคลื่อนไหวจะดำรงต่อไปด้วยการกระทำอื่น ผู้พักอาศัยในเต็นท์ได้จากไปแล้ว เมื่อวันหยุดฤดูร้อนอิสราเอลสิ้นสุด

    © 2011 Guardian News and Media Limited

     
  10. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ยิว-ปาเลสไตน์’สันติภาพ’ในกำแพงสูง และ อิสราเอล ในฐานะผู้ใช้สมองและแรงงานไทย พลิกทะเลทราย

    27/08/2011
    [​IMG]
    กำแพงสูงที่กั้นเขตระหว่างอิสราเอลกับเขตเวสต์แบงก์ของปาเลสไตน์​
    <TABLE class=tr-caption-container style="MARGIN-LEFT: auto; MARGIN-RIGHT: auto" cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD style="TEXT-ALIGN: center"></TD></TR><TR><TD class=tr-caption style="TEXT-ALIGN: left">คอลัมน์สัมภาษณ์คนในข่าว นายณัฏฐวุฒิ โพธิสาโร เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ อิสราเอล</TD></TR></TBODY></TABLE>
    กรุงเทลอาวีฟ (Tel Aviv) – น่าแปลกใจ เมืองในกลางทะเลทราย ได้กลายเป็นประเทศที่เขียวชุ่มชื้น ชะอุ่มกลายเป็นเมืองเกษตรที่สมบูรณ์ ผลิตผลไม้ ผักส่งออกเลี้ยงคนยุโรปได้ ด้วยมันสมองคิดระบบน้ำแบบไฮเทค ทุกที่ที่มีต้นไม้จะมีสายยางระบบน้ำหยุด วางระโยงยางไว้ ผสมกับฝีมือด้านการเกษตรจากแรงงานไทย อิสราเอลจึงกลายเป็นเมืองที่เจริญก้าวหน้า เป็นหนึ่งในสิบของประเทศที่เจริญแล้วของโลก

    กรุงเทลอาวีฟ เมืองหลวงสีขาวของ “ยิว” เกิดขึ้นตั้งอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งเชื้อชาติมากกว่า 3,000 ปี ทุกวันนี้ ทั้งยิวและปาเลสไตน์ก็ยังคงอยู่ร่วมกัน โดยเฉพาะเมืองเยรูซาเล็ม ยังคงอยู่บนประวัติศาสตร์ความขัดแย้งร่วมของยิว ปาเลสไตล์และมุสลิมในโลกอาหรับ ที่ริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

    ในประเทศที่พื้นที่เล็กกว่าไทย 25 เท่า ไม่เคยสงบจากสงคราม การก่อการร้ายทุกรูปแบบ แต่สร้างรายได้ประชาชาติและค่าครองชีพสูงกว่าไทย 10 เท่า หาก“สันติภาพ” มาเยือนและความขัดแย้งสงบ บริเวณนี้ ต้องเป็นสถานที่ที่ผู้คนคงหลั่งไหลเข้ามานับร้อยนับพันล้าน โดยเฉพาะ “นครเยรูซาเล็ม” เมืองโบราณ จุดกำเนิดศรัทธาแห่งศาสนาถึงสามศาสนาใหญ่ของโลก นั่นคือ บริเวณกำแพงตะวันตก ย่านเยรูซาเล็มสแควร์ จุดที่ตั้งของ “โดมทอง” มัสยิด ต้นกำเนิดแห่งศาสนาอิสลาม ติดกันคือ“กำแพงร้องไห้” สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนา “ยิว” ใกล้ กันนั้น เรื่องราวการกำเนิดศาสนาคริสต์ สถานที่ประสูติของ “พระเยซู” มีปรากฏให้เห็น รวมทั้งจุดพระเยซูถูกตรึงไม้กางเขน และสถานที่ฝังพระศพ ก็อยู่ดินแดน “ต้องห้าม” แห่งนี้
    บริเวณพื้นที่เขตรอยต่อแต่ละเมืองถูกล้อมรอบด้วยกำแพงสูง ด่านตรวจที่เข้มงวดสะท้อนให้เห็นถึงความรุนแรงของความขัดแย้งที่ยังดำรงอยู่ กำแพงสูงใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นในแต่ละเขตหมายถึงความพยายามอยู่รอดของอิสราเอลและยับยั้งความรุนแรงของระเบิดพลีชีพ สะกัดกั้นการเสียชีวิตของทรัพย์สินและผู้คน ในบริเวณที่ชาวยิวและปาเลสไตน์ดำรงชีพอยู่ด้วยกันทุกเช้าค่ำ อย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบ
    อีกด้านหนึ่ง เหนือความเป็นเชื้อชาติ ท่ามกลางความขัดแย้งนี้ การอยู่อย่าง “กึ่งสันติ” ได้แสดงถึงพลังขีดความสามารถของมนุษย์ชนชาติหนึ่ง “ยิว” ที่ได้ต่อสู้กับธรรมชาติ ทะเลทราย ด้วยเทคโนโลยี “know-how” ด้านเทคโนโลยีการเกษตร ชลประทาน พลังงานทดแทน การแพทย์และอุปกรณ์ ผนวกกับความสามารถพลังสมองอันเป็นเลิศ ด้วยจำนวนนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรที่มีอัตราต่อหัวมากที่สุดในโลก
    ทุกวันนี้ อิสราเอล ไม่ใช่เมืองในทะเลทรายอีกต่อไป แต่ได้สร้างทะเลทราย ที่แห้งแล้งให้เป็นแหล่งผลิตผลิตผลทางการเกษตรที่มีประสิทธิภาพ ให้ผลผลิตส่งออกสูงไปยังยุโรป สหรัฐ และเอเชีย แม้จะก้าวหน้าขนาดไหน แต่อิสราเอลก็ยังคงต้องการแรงงานต่างชาติ โดยเฉพาะแรงงานไทยที่นายจ้างอิสราเอลยอมรับว่า มีฝีมือด้านการเกษตรที่เก่งกาจและเชี่ยวชาญเหนือชาติอื่นใด
    แรงงานไทยจึงเป็นที่ต้องการ ปัจจุบันเข้ามาทำงานกว่า 2.6 หมื่นคน ที่นี่ 95% ทำงานในด้านเกษตรกรรมตามคิบบุตส์และโมชาฟ ทั่วประเทศ กับนายจ้างกว่า 6,000 คน แต่ปัญหาด้านแรงงานยังมีอยู่ก็คือ ประเด็นเรื่องค่าหัวแรงงาน ที่ถูกเก็บ 1-3 แสนกว่าบาท กว่าจะเดินทางมาทำงานได้ อิสราเอลตีความว่า เป็นการผิดกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยการค้ามนุษย์ ทุกคนที่มาทำงานต้องเป็นหนี้ ทำงานใช้หนี้นานนับแรมปีกว่าจะหมดหนี้
    ณ จุดขัดแย้งหลักของโลก ที่นี่ ความตึงเครียดขัดแย้งทางเชื้อชาติและการเมืองระหว่างประเทศ ได้ส่งผลกระทบต่อนโยบายต่างประเทศในอีกไม่นานนี้ ที่จะต้องตัดสินใจว่า จะรับรองรัฐปาเลสไตน์หรือไม่ ซึ่งจะต้องพิจารณาให้รอบคอบว่า ถ้าไทยรับรองแล้ว ไทยได้ประโยชน์อะไร? และเมื่อเร็วๆ นี้ เจ้าหน้าที่ไทยก็ได้ข้ามแดนกำแพงสูงเข้าไปในเขตเวสต์แบงก์ของปาเลสไตน์ เพื่อให้กำลังใจทีมฟุตบอลไทยที่เดินทางมาร่วมการแข่งขันรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกด้วย
    ผลอีกประการของความขัดแย้งก็คือ ความเครียด ที่เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ อิสราเอลต้องเกณฑ์คนหนุ่มสาวทุกคน ให้เข้าร่วม “กองทัพ” เป็นทหารประจำการ ผู้ชายจะรับการฝึกและประจำการ 3 ปี ส่วนผู้หญิงจะรับราชการทหาร 2 ปี ก่อนจะออกมาศึกษาต่อหรือทำงานต่อ
    ในช่วงของการปลดประจำการ คนหนุ่มสาวนับกว่า 2 คน เดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย ดังนั้นไม่ว่าจะเดินไปไหน ถามใครในอิสราเอลที่มีพลเมืองน้อยเพียง 7.5 ล้านคน คำตอบที่ได้รับคือ เคยเดินทางเที่ยวเมืองไทย บ้างก็ชอบบรรยากาศทางเหนือ เชียงใหม่ เชียงราย บ้างก็ชอบภาคใต้ พังงา กระบี่ เป็นต้น บ้างก็มาสมุย ดูคุ้นเคยเมืองไทยกันมาก
    แต่นโยบายด้านการท่องเที่ยวนั้น ทางด้านสถานทูตไทยและการท่องเที่ยวพยายามเสริมการ “ดึงชาวอิสราเอลเที่ยวเมืองไทย” ในลักษณะของครอบครัวให้เพิ่มมากขึ้น เพราะชาวอิสราเอลมีนโยบายห้ามคุมกำเนิดเด็ดขาด ดังนั้นครอบครัวยิวจึงเต็มไปด้วยลูกเด็กเล็กแดงมากกว่า 2 คนขึ้นไป เพื่อให้ครอบครัวเหล่านี้เดินทางมาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น ด้วยการจัดเทศกาลไทยขึ้น เป็นส่วนหนึ่งของการ “แนะนำ” ประเทศไทย ชักชวนให้ไปเที่ยว เพราะมีความสงบและมีธรรมชาติที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง
    ตั้งแต่มารับตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทยประจำอิสราเอล ยังไม่ได้ยินเสียงปืนและเสียงระเบิดเลย แสดงว่า สถานการณ์เริ่มดีขึ้น สันติภาพเริ่มเยือนภูมิภาคตะวันออกกลาง จุดขัดแย้งหลักของโลกเวลานี้ ดัชนีของสันติภาพเริ่มดีขึ้น

    ขอขอบคุณที่มา: คม ชัด ลึก
    ยิว-ปาเลสไตน์’สันติภาพ’ในกำแพงสูง และ อิสราเอล ในฐานะผู้ใช้สมองและแรงงานไทย พลิกทะเล
     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    คอลัมน์ โลกปริทรรศน์
    ตอน ปัญหาอิสราเอล-ปาเลสไตน์ ปี 2011
    โดย รศ.ดร.ประภัสสร์ เทพชาตรี
    [​IMG]
    ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์ เป็นปัญหายืดเยื้อมานาน ล่าสุดเมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้ว เรื่องนี้ ก็กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาอีก เพราะผู้นำปาเลสไตน์กำลังพยายามเสนอเรื่องการสมัครเป็นสมาชิกของ UN คอลัมน์โลกปริทรรศน์ในวันนี้ จะวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหาเรื่องนี้ และแนวโน้มในอนาคต ดังนี้
    ปาเลสไตน์
    ปัญหาเรื่องนี้ได้ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง จากการที่ผู้นำปาเลสไตน์ Mahmoud Abbas ได้กล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมใหญ่ของสมัชชาใหญ่สหประชาติ (UNGA) เมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา โดยจะเสนอเรื่องให้ทาง UN รับรองปาเลสไตน์ว่า มีสถานะเป็นรัฐ พร้อมกับเป็นสมาชิกของ UN ซึ่งต่อมา นาย Abbas ได้ยื่นเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ ให้แก่ Ban Ki-moon เลขาธิการ UN โดย Abbas ได้กล่าวโจมตีอิสราเอลว่า ยึดครองปาเลสไตน์ในลักษณะเหมือนเป็นเมืองขึ้น และเรียกร้องให้มีการเจรจาบนพื้นฐานของข้อตกลงพรมแดนก่อนปี 1967
    Abbas ได้กล่าวถึงสาเหตุที่ต้องการให้ UN ให้การยอมรับปาเลสไตน์ในสถานะเป็นรัฐนั้น เพราะเบื่อหน่ายต่อความล่าช้าในการเจรจาสันติภาพกับอิสราเอล และต่อการที่ชาวอิสราเอลยังคงอาศัยอยู่ในเขต West Bank และทางตะวันออกของกรุงเยรูซาเล็ม ปาเลสไตน์ต้องการได้รับการยอมรับดินแดนที่ตกลงกันก่อนปี 1967 ที่จะคืนให้แก่ปาเลสไตน์ ได้แก่ เขตกาซา เขต West Bank และเขตทางตะวันออกของกรุงเยรูซาเล็ม โดยได้กล่าวหาอิสราเอลว่า ไม่พร้อมที่จะเจรจาข้อตกลง “two-state solution” ที่จะให้การยอมรับการคงอยู่ของทั้งรัฐอิสราเอลและรัฐปาเลสไตน์
    อิสราเอล
    ส่วนทางอิสราเอล ประธานาธิบดี Benjamin Netanyahu ก็ได้กล่าวสุนทรพจน์ใน UNGA ตอบโต้ปาเลสไตน์ โดยบอกว่า เห็นด้วยที่จะมีรัฐปาเลสไตน์ แต่จะต้องผ่านกระบวนการเจรจา 2 ฝ่ายกับอิสราเอลเท่านั้น และปาเลสไตน์ต้องให้หลักประกันความมั่นคงแก่อิสราเอล โดยได้โจมตีปาเลสไตน์ว่า การเดินหน้าสมัครเป็นสมาชิก UN นั้น ถือเป็นความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ โดยได้กล่าวหาว่า การที่การเจรจาไม่คืบหน้านั้น ก็เป็นเพราะฝ่ายปาเลสไตน์เอง
    อิสราเอลกำลังตกอยู่ในสถานะโดดเดี่ยวมากขึ้นทุกทีในประชาคมโลก ล่าสุด ความสัมพันธ์กับตุรกีและอียิปต์ก็เสื่อมลงอย่างมาก เมื่อเดือนสิงหาคม รัฐบาลตุรกี ได้ขับไล่ทูตอิสราเอลประจำตุรกีออกนอกประเทศ และลดระดับความสัมพันธ์ลง ส่วนสถานทูตอิสราเอลในอียิปต์ ก็ถูกผู้เดินขบวนบุกเข้าทำลาย เช่นเดียวกับที่จอร์แดน เจ้าหน้าที่สถานทูตอิสราเอลก็ต้องรีบหนีออกนอกประเทศ เพราะกลัวสถานทูตจะถูกโจมตี
    การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในโลกอาหรับ หรือที่เรียกว่า Arab Spring ได้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งอิสราเอล-ปาเลสไตน์ เปลี่ยนแปลงไป โดยรัฐบาลใหม่ของอียิปต์มีท่าทีแข็งกร้าวต่ออิสราเอลมากขึ้น เช่นเดียวกับตุรกี ที่พร้อมสนับสนุนปาเลสไตน์เต็มที่ แม้กระทั่งซาอุดิอาระเบีย ก็ได้เปลี่ยนท่าที โดยตั้งเงื่อนไขว่า หากสหรัฐฯวีโต้ข้อเสนอของปาเลสไตน์ใน UNSC ซาอุดิอาระเบียก็จะไม่สามารถร่วมมือกับสหรัฐฯได้เหมือนเดิม
    แนวโน้มในอนาคต
    ดังนั้น สิ่งที่ต้องจับตามอง ก็คือ แนวโน้มว่า การผลักดันเป็นสมาชิก UN ของปาเลสไตน์จะประสบความสำเร็จหรือไม่
    ตามขั้นตอนแล้ว กระบวนการสมัครเป็นสมาชิก UN จะเริ่มด้วยการส่งใบสมัครให้แก่เลขาธิการ UN หลังจากนั้น จะเสนอเรื่องให้ UNSC พิจารณา โดยหาก UNSC เห็นชอบ ซึ่งจะต้องมีมติเสียงข้างมาก คือ อย่างน้อย 9 ต่อ 15 เสียง และต้องไม่มีการวีโต้ หลังจากนั้น จะส่งเรื่องให้ UNGA พิจารณาลงคะแนนเสียง ซึ่งจะต้องได้รับเสียง 2 ใน 3 คือ ประมาณ 130 ประเทศ จากปัจจุบัน UN มีสมาชิก 193 ประเทศ
    สำหรับแนวโน้มการลงคะแนนเสียงใน UNSC นั้น สหรัฐฯได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่า จะวีโต้ โดยขณะนี้ มีสมาชิก UNSC ที่พร้อมจะสนับสนุนข้อเสนอของปาเลสไตน์ คือ รัสเซีย จีน บราซิล อินเดีย อัฟริกาใต้ ไนจีเรีย และเลบานอน ส่วนประเทศที่คัดค้าน นอกจากสหรัฐฯแล้ว ก็มีโคลัมเบียที่ประกาศว่า อาจจะงดออกเสียง ส่วนประเทศที่เหลือก็ยังสงวนท่าทีอยู่ ซึ่งได้แก่ เยอรมนี ฝรั่งเศส บอสเนีย โปรตุเกส อังกฤษ และกาบอง ดังนั้น สหรัฐฯคงจะพยายาม lobby สมาชิก UNSC ให้ลงคะแนนเสียงคัดค้าน โดยจะต้องได้ถึง 9 เสียง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย และจะมีแนวโน้มสูงว่า ในที่สุด สหรัฐฯก็คงจะต้องวีโต้ แต่สหรัฐฯก็กำลังตกที่นั่งลำบาก เพราะหากสหรัฐฯใช้สิทธิวีโต้ในครั้งนี้ ก็จะทำให้โลกอาหรับและโลกมุสลิมไม่พอใจเป็นอย่างมาก และจะกระเทือนต่อบทบาทของสหรัฐฯในการเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยปัญหานี้
    อย่างไรก็ตาม ความเป็นไปได้อีกทาง คือ ปาเลสไตน์อาจจะเสนอเรื่องนี้เข้าสู่ UNGA โดยตรง โดยแม้ว่า UNGA จะตัดสินในเรื่องสมาชิกใหม่ไม่ได้ หากไม่ผ่าน UNSC แต่ UNGA สามารถให้สถานะพิเศษแก่ปาเลสไตน์ได้ สถานะดังกล่าว คือ “Observer State” ซึ่งตัวอย่างที่สำคัญของ Observer State คือ กรุงวาติกัน ดังนั้น จึงมีการเรียกทางเลือกนี้ว่า Vatican Option สำหรับปาเลสไตน์ ถึงแม้จะไม่ได้เป็นสมาชิกของ UN อย่างเต็มรูปแบบ แต่สถานะดังกล่าวก็ดีกว่าสถานะในปัจจุบัน โดยหากปาเลสไตน์ได้รับสถานะ Observer State แล้ว ก็อาจผลักดันให้ UNGA ออกข้อมติตอกย้ำในเรื่องดินแดนของปาเลสไตน์ที่กำหนดไว้ก่อนปี 1967 และกำหนดให้อิสราเอลและปาเลสไตน์แชร์กรุงเยรูซาเล็มร่วมกัน แนวทางนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่จะประสบความสำเร็จ ทั้งนี้เพราะ ขณะนี้ มีกว่า 120 ประเทศ ที่มีท่าทีสนับสนุนปาเลสไตน์อยู่ใน UNGA
    การเดินเกมของปาเลสไตน์ในลักษณะนี้ จะเป็นการกดดันอิสราเอลเป็นอย่างมาก และในอนาคต อาจจะทำให้อิสราเอลต้องยอมเจรจาอ่อนข้อให้กับปาเลสไตน์มากขึ้น

    guRu
     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 10px; FONT-WEIGHT: bold; FONT-SIZE: 13px; PADDING-BOTTOM: 5px; COLOR: #2b78c6; PADDING-TOP: 8px">อังคาร, ธันวาคม 13, 2011 10:56 New ID : 914871 </TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 10px; PADDING-LEFT: 10px; PADDING-BOTTOM: 5px; COLOR: #000000; PADDING-TOP: 5px">ธงชาติปาเลสไตน์โบกสะบัดแล้ววันนี้ ณ.สำนักงานใหญ่ยูเนสโก </TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 10px; PADDING-LEFT: 10px; FONT-SIZE: 15px; PADDING-BOTTOM: 5px; COLOR: #000000; LINE-HEIGHT: 125%; PADDING-TOP: 5px">
    ฝ่ายข่าวต่างประเทศ : ในวันนี้ (อังคารที่ 13 ธันวาคม ) ธงชาติปาเลสไตน์ได้โบกสะบัดอย่างสง่างามแล้ววันนี้ ณ.สำนักงานใหญ่ยูเนสโก ในฐานะสมาชิกแห่งขององค์กร. ​

    ตามรายงานสำนักข่าวกุรอาน(อิคนอ) โดยรายงานจากหนังสือพิมพ์ อัลบะยาน เอมิเรสต์ ว่า หลังจากหนึ่งเดือนผ่านพันไปที่ยูเนสโก ได้รับปาเลสไตน์เป็นชาติสมาชิกขององค์กร จึงทำให้ในวันนี้ ได้พิธีชักธงชาติปาเลสไตน์ขึ้นหน้า องค์กรยูเนสโก อย่างเป็นทางการ โยในพิธีดังกล่าว ได้รับเกียรติ์จาก มะฮฺมูด อับบาส ของปาเลสไตน์.
    ทางยูเนสโก ก็ได้ประกาศว่า ในการชักธงชาติปาเลสไตน์ครั้งนี้ เป็นการแสดงให้เห็นถึงสมาชิกภาพอันถูกต้องของปาเลสไตน์ในการเข้าเป็นสมาชิกของยูเนสโก. 914703 ​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    สำนักข่าว กุรอานนานาชาติ
     
  13. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    มหาอำนาจเรียกร้อง ปาเลสไตน์-อิสราเอล ฟื้นเจรจาสันติภาพ
    [​IMG]

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><CENTER>รองเท้าให้คุณ : ชาวปาเลสไตน์ในเมืองเฮบรอน เขตเวสต์แบงก์ ชูรองเท้าแสดงความโกรธแค้น ระหว่าง ชมการถ่ายทอดสดนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล กำลังแถลงต่อ ที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ จากนครนิวยอร์ก (เอพี) </CENTER>
    [​IMG] สหประชาชาติ (เอพี/รอยเตอร์/บีบีซี นิวส์) - สหรัฐ และมหาอำนาจของโลกเรียกร้องให้ปาเลสไตน์และอิสราเอล กลับสู่การเจรจาทางตรง ภายใน 1 เดือน และให้บรรลุข้อตกลงก่อนสิ้นปี 2555 ภายหลังคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติรับคำร้องขอเข้าเป็นสมาชิกของปาเลสไตน์แล้ว

    [​IMG] นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กล่าวหลังจากได้หารือกับผู้แทนจาก 4 ฝ่าย คือ สหรัฐ รัสเซีย สหภาพยุโรป และสหประชาชาตินอกรอบการประชุมสมัชชาใหญ่ทั้งหมด ได้เรียกร้องให้ปาเลสไตน์ และอิสราเอลใช้ประโยชน์จากโอกาสที่ปาเลสไตน์สมัครเข้า เป็นสมาชิกสหประชาชาติกลับสู่การเจรจา ในแถลงการณ์ ของกลุ่ม 4 ฝ่าย กำหนดกรอบเวลากว้างๆ ของการเจรจาระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์ โดยภายในเดือนแรก จะเป็นการประชุมเตรียมการระหว่างฝ่ายต่างๆ เรื่องวาระ การประชุมและวิธีดำเนินการเจรจา และภายใน 3 เดือน อิสราเอลและปาเลสไตน์จะต้องมีข้อเสนอที่ครอบคลุมในเรื่องของดินแดนและความมั่นคง และควรมีความก้าวหน้าของการเจรจาอย่างมีสาระสำคัญภายใน 6 เดือน ส่วนกลุ่ม 4 ฝ่าย จะเข้าร่วมการประชุมนานาชาติที่ กรุงมอสโกในเวลาที่เหมาะสม โดยมีเป้าหมายการรับรอง สถานะสุดท้ายของปาเลสไตน์

    [​IMG] เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสของอิสราเอลบอกว่า กำลังศึกษาแถลงการณ์ของกลุ่ม 4 ฝ่าย และว่าอิสราเอลพร้อม ที่จะรื้อฟื้นการเจรจา ขณะที่นายซาเอ็บ เอรากัต ผู้แทนการเจรจาของปาเลสไตน์เรียกร้องอิสราเอลให้ยึดมั่นในข้อเสนอ ของกลุ่ม 4 ฝ่าย โดยที่ปาเลสไตน์ก็พร้อมที่จะแสดงความรับผิดชอบบนพื้นฐานของหลักกฎหมายระหว่างประเทศและร่างแผนการสันติภาพที่กลุ่ม 4 ฝ่ายเป็นผู้เสนอ

    [​IMG] อย่างไรก็ตาม ในแถลงการณ์ของกลุ่ม 4 ฝ่ายบอกเพียงให้ทั้งสองฝ่ายระงับการกระทำที่ยั่วยุ แต่ไม่ได้เรียกร้องอย่างชัดเจนให้อิสราเอลยุติการตั้งถิ่นฐานในเขต เวสต์แบงก์ ซึ่งเป็นเงื่อนไขหนึ่งที่ปาเลสไตน์ต้องการก่อน ที่จะรื้อฟื้นการเจรจา</TD></TR><TR><TD height=10>
    </TD></TR><TR><TD align=right>วันที่ 25/9/2011</TD></TR></TBODY></TABLE>

     
  14. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ‘มะกัน’ กร้าว! ประกาศตัดงบช่วยเหลือ ‘ยูเนสโก้’ หลังรับรอง ‘ปาเลสไตน์’ เป็นสมาชิก

    Tue, 2011-11-01 15:40 สหรัฐประกาศยุติเงินสนับสนุน 'ยูเนสโก้' มูลค่ากว่า 60 ล้านดอลลาร์ หลังองค์กรด้านวัฒนธรรมของยูเอ็นรับรอง 'ปาเลสไตน์' เป็นประเทศสมาชิกด้วยเสียงเกือบเป็นเอกฉันท์
    รัฐบาลสหรัฐอเมริกาประกาศจะยุติการจัดส่งงบประมาณสนับสนุนให้แก่องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติหรือ “ยูเนสโก้” เป็นจำนวนเงินถึง 60 ล้านดอลลาห์สหรัฐ หรือเท่ากับ 22% ของงบประมาณยูเนสโก้ทั้งหมด หลังผลการลงมติของบรรดาประเทศสมาชิกยูเนสโก้ส่วนใหญ่เป็นเอกฉันท์รับปาเลสไตน์เข้าเป็นสมาชิกในฐานะประเทศ หรือเท่ากับรับรองสถานภาพการเป็นประเทศของปาเลสไตน์โดยปริยายไปด้วย โดยยูเนสโก้รับรองปาเลสไตน์เข้าเป็นประเทศสมาชิกลำดับที่ 195 ขององค์การนับตั้งแต่ก่อตั้งมาในปีค.ศ. 1945
    สำหรับการตัดสินใจที่จะยุติงบประมาณช่วยเหลือให้แก่ยูเนสโก้นั้น รัฐบาลสหรัฐอเมริกาให้เหตุผลว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของยูเนสโก้ไม่สอดคล้องกับนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ที่ยืนยันมาตลอดว่า ปาเลสไตน์จะได้รับสถานภาพเป็นประเทศผ่านการเจรจาสันติภาพกับอิสราเอลโดยตรงเท่านั้น จะใช้ช่องทางอื่นมิได้
    นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐฯยังอ้างว่ามติครั้งนี้ของยูเนสโก้ละเมิดกฏหมายของสหรัฐฯที่มีเนื้อหาห้ามรัฐบาลสหรัฐฯสนับสนุนองค์การหรือหน่วยงานใดๆของสหประชาชาติที่รับรองสถานภาพความเป็นประเทศของปาเลสไตน์ ซึ่งกฏหมายดังกล่าวมีผลบังคับมาตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1990
    อย่างไรก็ตาม มีนักวิเคราะห์ได้เตือนไว้ว่าปาเลสไตน์อาจจะขอยื่นเรื่องเข้าเป็นสมาชิกภาพขององค์การอื่นๆในสหประชาชาติที่สหรัฐฯมีผลประโยชน์ร่วมอยู่ด้วยอย่างมหาศาล และท่าทีแข็งกร้าวของสหรัฐฯต่อกรณียูเนสโก้นี้อาจจะไม่สามารถใช้ได้กับกรณีอื่นๆได้ เช่น ถ้าหากปาเลสไตน์เข้าร่วมองค์การการค้าโลก
    ในการลงมติรับรองสมาชิกภาพยูเนสโก้ของปาเลสไตน์เมื่อต้นสัปดาห์นี้ มีประเทศสมาชิกถึง 107 ประเทศที่ใช้สิทธิ์สนับสนุนมติดังกล่าว อาทิเช่น จีน บราซิล อินเดีย อัฟริกาใต้ ออสเตรีย และ ฝรั่งเศส และ 54 ประเทศอย่างเช่นอิตาลีและสหราชอาณาจักรใช้สิทธิ์งดออกเสียง ในขณะที่มีประเทศคัดค้านเพียง 14 ประเทศเท่านั้น โดยมีสหรัฐอเมริกาและอิสราเอลเป็นประเทศแกนนำการคัดค้านครั้งนี้ ตามด้วยประเทศอย่างแคนาดา เนเธอร์แลนด์ และเยอรมนี
    โฆษกทำเนียบขาวแถลงว่า มติรับรองปาเลสไตน์ของยูเนสโก้จะยิ่งส่งผลร้ายต่อความพยายามของนานาชาติที่จะให้สันติภาพบังเกิดในภูมิภาคตะวันออกกลาง ขณะเดียวกัน ทูตอิสราเอลประจำยูเนสโก้กล่าวเสียดสีมติครั้งนี้ว่า ยูเนสโก้เป็นองค์การที่สนับสนุนนิยายวิทยาศาสตร์มากกว่าวิทยาศาสตร์และการศึกษา เพราะยูเนสโก้รับรองประเทศที่ไม่มีอยู่จริงบนโลก
    อย่างไรก็ตาม นายมามูด อับบาส ผู้นำปาเลสไตน์ ชื่นชมการตัดสินใจของยูเนสโก้ พร้อมกล่าวว่าปาเลสไตน์ได้มีที่ทางจริงๆบนแผนที่โลกในที่สุด ซึ่งนายอับบาสยังเป็นหัวหอกสำคัญที่ยื่นเรื่องสถานภาพความเป็นประเทศของปาเลสไตน์เข้าสู่สมัชชาของสหประชาชาติเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาจนกลายเป็นข่าวใหญ่ทั่วโลก และที่ประชุมของสภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจะชี้ชะตาปาเลสไตน์เร็วๆนี้ด้วย
    นายริชาร์ด สเปนเซอร์ ผู้สื่อข่าวตะวันออกกลางของหนังสือพิมพ์ “เทเลกราฟ” (Telegraph) เขียนบทวิเคราะห์ว่าปาเลสไตน์ต้องการให้ยูเนสโก้เข้ามารับรองสถานภาพของศาสนสถานและสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ต่างๆในพื้นที่ปาเลสไตน์ เพื่อยืนยันว่าปาเลสไตน์มีประวัติศาสตร์ของตัวเอง โดยนายสเปนเซอร์มองว่า ประวัติศาสตร์ยังคงมีบทบาทต่อการต่อสู้ทางการเมืองโดยเฉพาะในภูมิภาคตะวันออกกลางอยู่นั่นเอง คล้ายกับถ้อยคำที่ปรากฏในนิยาย “หนึ่ง-เก้า-แปด-สี่” (1984) ว่า ผู้ใดควบคุมอดีต ผู้นั้นควบคุมอนาคต

    ‘มะกัน’ กร้าว! ประกาศตัดงบช่วยเหลือ ‘ยูเนสโก้’ หลังรับรอง ‘ปาเลสไตน์’ เป็นสมาชิก | ประชาไท
     
  15. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    อิสราเอลตอบโต้ยูเนสโกรับปาเลสไตน์เข้าเป็นสมาชิกอย่างเต็มรูปแบบ.
    เจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิสราเอลเปิดเผยว่า อิสราเอลตัดสินใจจะสร้างบ้านใหม่เกือบ 2,000 หลังทางตะวันออกของนครเยรูซาเล็มและเขตเวสต์แบ็งค์ โดยในจำนวนนี้ 1,650 หลังจะสร้างทางตะวันออกของนครเยรูซาเล็ม ส่วนที่เหลือจะสร้างในที่ตั้งถิ่นฐานชาวยิวมาเลห์ อาดูมิน และเอฟรัต นอกจากนี้อิสราเอลจะระงับการถ่ายโอนเงินตราที่เป็นภาษีของปาเลสไตน์ให้แก่องค์การบริหารปาเลสไตน์เป็นการชั่วคราวด้วย จนกว่าจะมีการตัดสินใจในขั้นสุดท้าย การตัดสินใจของอิสราเอลครั้งนี้มีขึ้นหลังการประชุมรัฐมนตรีระดับสูงของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู เพื่อตอบโต้ที่ยูเนสโกรับปาเลสไตน์เข้าเป็นสมาชิกอย่างเต็มรูปแบบ.

    อิสราเอลตอบโต้ยูเนสโกรับปาเลสไตน์เข้าเป็นสมาชิกอย่างเต็มรูปแบบ.
     
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    คอลิด มิชอัล ผู้นำฮามาส

    by Baitulhikmah | Tue, 2011-11-15 05:36
    [​IMG]
    คอลิด มิชอัล เกิดขึ้นในปี 1956 เป็นผู้นำฮามาสในปัจจุบัน เขาเปรียบเสมือนตัวแทนทางการเมืองในกลุ่มและเป็นผู้นำสาขาในซีเรียเช่นกัน ปัจจุบันพักอยู่ในกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย
    เขาเกิดในซิลวัดอันเป็นเมืองเพื่อนบ้านของรอมาเลาะฮฺ โดยขณะนั้นปกครองโดยจอร์แดน หลังจากนั้นครอบครัวของเขาได้ย้ายไปคูเวตและอยู่ที่นั้นจนถึง ปี 1991 ช่วงสงครามอ่าว
    คอลิดได้รับปริญญาด้านวิทยาศาสตร์ สาขาฟิสิกส์ จากมหาวิทยาลัยคูเวต ในขณะที่กำลังศึกษาในมหาวิทยาลัยนั้น เขาทำกิจกรรมในตำแหน่งผู้นำกลุ่มชาวปาเลสไตน์อิสลาม ซึ่งถือได้ว่าเป็นการท้าทายอิทธิพลของนาย ยัซเซอร์ อาราฟัต ผู้นำกลุ่ม PLO ในสมัยนั้น

    คอลิดยังได้มีส่วนร่วมก่อตั้งกลุ่มความจริงอิสลาม โดยแข่งขันกับกลุ่มฟัตตาฮฺ ในการนำสหภาพทั่วไปของนักศึกษาปาเลสไตน์ในวิทยาเขต

    เมื่ออิรักเข้าโจมจีคูเวต คอลิดได้ย้ายไปอยู่จอร์แดน และเริ่มต้นงานกับฮามาสซึ่่งเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง เขาได้เป็นสมาชิกในสำนักงานด้านการเมืองของฮามาสในเเริ่มต้น และระยะต่อมาได้เป็นประธาน ในปี 1996 เขาได้แต่งงานในปี 1981 ปัจจุบันมีลูก 7 คน

    ในวันที่ 25 เดือน กันยายน ปี 1997 คอลิดได้ตกเป็นเป้าหมายการลอบสังหารของ มอดสาด อิสราเอล ภายใต้ทิศทางการบริหารของ นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนตันยาฮู และนโยบายของคณะรัฐมนตรี อิสราเอล มอสสาด 10 คน ได้เข้ามาในประเทศจอร์แดนโดยถือพาสปอร์ตแคนาดา เข้ามายังที่พักของคอลิดและได้พ่นสารพิษใส่ตัวเขา อันเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับการที่คอลิดถูกพิจารณาเป็นหัวหน้าฮามาส สาขาจอร์แดน

    เจ้าหน้าที่ในจอร์แดนได้ตรวจสอบ ปฏิบัติการลอบสังหารดังกล่าว และเข้าจับกุมมอดสาด ได้ 2 คน ฮูเซน กษัตริย์จอร์แดนในขณะนั้น ได้เรียกร้อง เบนจามิน เนตัวยาฮู ให้มอบยาแก้พิษให้ ในครั้งแรก เนตันยาฮู กลับปฏิเสธ เหตุการณ์ในครั้งนี้ ทำให้คอลิด เริ่มได้รับความสนใจและเริ่มมีความสำคัญในมิติการต่อสู้ด้านการเมืองของผู้คนทั่วไปมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม บิล คลินตัน ได้เข้ามาไกล่เกลี่ยและขอร้องเนตันยาฮูให้ยาถอนพิษ ในเวลาต่อมา

    หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวเจ้าหน้าที่รัฐจอร์แดน ได้ปล่อยตัวมอดสาด 2 คน เพื่อแลกกับการปล่อยตัวเชค อะฮหมัด ยาซีน ผู้ก่อตั้งและเป็นผู้นำด้านจิตวิญญาณของฮามาส ซึ่งต้องคำพิพากษาและใช้ชีวิตในคุกอิสราเอล

    ปี 2006 จากการปราศรัยของเขาในกรุงดามัสกัส ซีเรีย หลังจากการมีชัยของฮามาสในการเลือกตั้งของรัฐสภาปาเลสไตน์ ว่า ฮามาสไม่มีแผนปลดอาวุธ เขาพูดว่า "ฮามาสพร้อมที่รวบรวมอาวุธจากกลุ่มต่างๆของปาเลสไตน์ ด้วยจิตสำนึกของชาวปาเลสไตน์ และสร้างกองทัพเหมือนกับรัฐอิสระอื่นๆ กองทัพนั้นจะคุ้มครองประชาชนของเราต่อต้านการรุกราน"

    คอลิด มิชอัล ผู้นำฮามาส | DeepSouthWatch
     
  17. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ยิวเตรียมขวางการเลือกตั้งปาเลสไตน์ หากฮามาสร่วมลงสมัครด้วย

    TND
    .:
    อาหรับนิวส์
    [​IMG]
    เจ้าหน้าที่ทางการอิสราเอลกล่าวกับหนังสือพิมพ์ Haaretz ของอิสราเอลว่า อิสราเอลจะไม่อนุญาตให้มีการเลือกตั้งในเขตเยลูซาเล็มตะวันออก(ของปาเลสไตน์) หากกลุ่มฮามาสเข้าร่วมในการเลือกตั้งด้วย
    นาย ซอและห์ อัล บาดาวีย์ แกนนำฮามาสในฉนวนกาซากล่าวว่าในระหว่างการหารือเรื่องการปรองดองแห่งชาติระหว่างฟัตตะห์ และฮามาส ซึ่งมีการตกลงกันที่จะจัดให้มีการเลือกตั้งประธานาธิบดี และรัฐสภา ในเยลูซาเล็มตะวันออก หรืออัลกุดซฺ เขตเวสต์แบงค์ และฉนวนกาซา โดยมีฮามาสมีส่วนร่วมด้วย
    "มันเป็นสิทธิของชาวปาเลสไตน์ที่จะใช้สิทธิเลือกตั้งในเยลูซาเล็มตะวันออก เพราะนั่นเป็นเมืองหลวงของพวกเขา" บาดาวีย์กล่าว
    เขากล่าวว่าการขัดขวางการเลือกตั้งของชาวปาเลสไตน์ เท่ากับเป็นการหักหลังของอิสราเอลในความพยายามสร้างความสมานฉันท์ของชาวปาเลสไตน์
    ทั้งนี้ในปี 2006 อิสราเอลได้บุกรุกดินแดนปาเลสไตน์เข้าลักพาตัวสมาชิกรัฐสภาของกลุ่มฮามาส 4 คนในกรุงเยลูซาเล็ม เพียงเพราะพวกเขาเป็นสมาชิกฮามาส

    ยิวเตรียมขวางการเลือกตั้งปาเลสไตน์ หากฮามาสร่วมลงสมัครด้วย | นสพ.ไทยแลนด์นิวส์ดารุสสลา
     
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    นายกรัฐมนตรีฮามาสเดินทางเยือนต่างประเทศเป็นครั้งแรก

    ข่าวฆ็อซซะฮฺ - Tue, 27/12/2011 - 05:07
    นายอิสมาอีล ฮานียะฮฺ นายกรัฐมนตรีปาเลสไตน์ในดินแดนฉนวนกาซา แกนนำกลุ่มฮามาส ได้เดินทางออกนอกเยือนประเทศเพื่อนบ้านมุสลิมเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปกครองดินแดนฉนวนกาซาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2007 เพื่อหวังที่จะเป็นการกระชับความสัมพันธ์กับชาติมุสลิมให้มีความแน่นแฟ้นให้มากขึ้น
    โดยรองนายกรัฐมนตรี มูฮัมหมัด อาวัด ของฉนวนกาซาเปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีอิสมาอีล ฮานียะฮฺ ของฉนวนกาซาได้เดินทางเยือนต่างประเทศเป็นครั้งแรก โดยได้ออกเดินทางจากฉนวนกาซาเริ่มเดินทางเยือนอิยิปต์ตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์(25)ที่ผ่านมา จากนั้นจะเดินทางเยือน ซูดาน, การ์ตา, บะห์เรน, ตูนีเซีย และตุรกี เป็นลำดับต่อไป

    ข่าวล่าสุดจากฟิลัสฏีน | Islam in Thailand
     
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ยิวเมินกฏหมายโลก อนุมัตสร้างบ้านยิวบนแผ่นดินปาเลสไตน์ต่อ

    ข่าวเวสต์แบงค์ - Tue, 13/12/2011 - 17:33
    อิสราเอลได้อนุมัติโครงการก่อสร้างบ้านเรือนของชาวยิวบนแผ่นดินของชาวปาเลสไตน์ในเขตเวสต์แบงค์อีก 40 หลัง แม้ว่าการก่อสร้างดังกล่าวจะเป็นการดำเนินการที่ศาลโลกเคยมีคำตัดสินแล้วว่าอิสราเอลไม่สามารถสร้างสิ่งก่อสร้างบนแผ่นดินของชาวปาเลสไตน์ได้ และการเจรจาสันติภาพปาเลสไตน์-อิสราเอล ต้องหยุดลงหลังอิสราเอลเดินทางก่อสร้างบ้านเรือนชาวยิวบนแผ่นดินปาเลสไตน์มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่ผ่านมา
    ขณะที่โครงการดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจให้กับผู้แทนเจรจา 4 ฝ่ายที่ประกอบด้วย สหภาพยุโรบ รัสเซีย สหรัฐ และสหประชาชาติ แต่สหรัฐ และสหภาพยุโรปทำได้เพียงแค่บอกว่าผิดหวังต่อการดำเนินการดังกล่าวเท่านั้น


    Categories: ข่าวล่าสุดจากฟิลัสฏีน
    ข่าวล่าสุดจากฟิลัสฏีน | Islam in Thailand
     
  20. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [​IMG]
    ยิวเสยเต็มๆ วัยรุ่นปาเลสไตน์!
    อิสราเอลกับชาวปาเลสไตน์ – ชาวอาหรับเจ้าของดินแดนแต่ดั้งเดิมก่อข้อพิพาศกันมานาน แล้วบ่อยๆ ตลอดหลาย 10 ปีที่ผ่านมา
    ในกรุงเยรูซาเล็มก็เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ที่มีปัญหาหาระหว่างรัฐบาลยิวกับชาวปาเลสไตน์ที่อาศัยกันอยู่แถวนั้นออกบ่อยๆ
    และนี่ก็เป็นอีกครั้งซึ่งช่างภาพ AFP เก็บไว้ได้ทันควัน เป็นช็อตชีวิตที่เกิดแถวทางตะวันออกของเยรูซาเล็มในเขตถิ่นอาศัยของชาวปาเลสไตน์ เมื่อรถคันหนึ่งซึ่งขับโดยชาวอิสราเอลโดนกลุ่มเด็กวัยรุ่นปาเลสไตน์ขว้างหินเข้าใส่ รถคันนี้เลยจัดการหนีออกจากวงล้อมด้วยการชนเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งเข้าเต็มๆ จนลอยละลิ่วไปถึงหลังคาก่อนจะตกลงมา แต่ยังดีที่ไม่เป็นอะไร ไม่งั้นคงจะกลายเป็นเหตุการณ์ - ปัญหาบานปลาย

    *เหมือนที่บานจนไม่รู้จะบานยังไงแล้วมาแสนนาน*

    Blah: เยรูซาเล็ม เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิมเป็นอันดับที่ 3 รองจาก เมกกะ และ เมดินา

    Blah: เมื่อ 1,000 ปีก่อนคริสตกาล เยรูซเล็ม มีชื่อว่า ซาเล็ม

    http://www.zoo.in.th/news_detail.php?cid=233]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ธันวาคม 2011

แชร์หน้านี้

Loading...