เงินเฟ้อที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นแล้ว??? รู้ทันโลก (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย k.kwan, 11 พฤศจิกายน 2010.

  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ตอบคุณleo_attack
    เราเองก็คิดคล้ายกับคุณ
    ForeverYoung นะ เราตอบแบบที่เราคิดนะ

    แล้วถ้าดอลล่าเสื่อมค่าไปจนใครก็ไม่เอา แล้วแนวโน้มของทองต่อไปจะอ้างอิงกับอะไรครับ....ความน่าจะเป็น
    แล้วเมกา รู้ทั้งรู้ว่าถ้าพิมพ์เงินออกมามาก เงินเค้าก็จะเสื่อมความน่าเชื่อถือ แล้วทำมัยเค้าถึงยังพิมพ์ออกมาอย่างต่อเนื่องละครับ พิมพ์ยังไงค่าเิงินหยวนก็ไม่ได้อ่อนกว่าเมกาด้วย(เล่นผูกกับดอลซะแน่นขนาด นั้น) หรือว่ามันเป็นหลุมพลางอะไรบางอย่างหรือเปล่าครับ
    ตอบ 2คำถามทีเดียวเลยนะ
    คาดว่า IMF และ WORLD BANK จะเป็นเจ้าภาพอาจจะใช้เงินสกุลกลางอย่าง SDR
    ที่ออกโดย IMF โดยที่มีทองคำหนุนหลังพิมพ์ซี้ซั้วไม่ได้ แล้วสกุลเงินทั่วโลกก็จะมาอิงกับ
    SDR อีกที เขาคาดการณ์กันว่าตอนที่ประกาศใช้ SDR เงินดอลล่าจะมีมูลค่าเหลือประมาณ
    20% ประเทศไหนถือดอลล่าไว้เท่าไร ก็แลกSDR ได้ที่มุลค่า 20% โดยประมาณ แต่ถึง
    เวลา จะแลกเปลี่ยนอัตราเงินได้เท่าไรก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ สหรัฐก็ไม่หมู เค้ามีทองคำสำรอง
    สูงสุดในโลก 8พันตันมั้ง ของจีนมี 4พันตันอันดับ2 ไทย 99ตัน ทั้งหมดก็อยู่ที่ประเทศยักษ์ๆ
    ในโลก เขาจะยอมเสียเปรียบเมกา หรือเปล่า แบบว่ายอมถูกเมกาปล้นเงินโดยที่ทำให้เงินตัว
    เองเสื่อมค่าเพราะเป็นหนี้ตปท.เยอะ เงินเสื่อมมากก็เหมือนเป็นหนี้สูญไป แต่ตัวเองถือทองไว้
    มากแต่ไม่เอาใช้หนี้คนอื่น เรียกง่ายๆ ว่า เมกาชักดาบหนี้ด้วยการทำให้เงินตัวเองเสื่อมค่า
    และถ้าประเทศเจ้าหนี้ไม่ยอมก็อาจเกิดสงคราม แต่ถ้าประเทศเจ้าหนี้เขาหยวนๆไปเพราะ
    ไม่อยากให้เกิดสงคราม ก็ยอมเจ็บตัวเรื่องค่าเงินและพันธบัตรดอลล่าไป ยอมเมกาให้ชักดาบหนี้
    เหลือ 20 % แล้วเริ่นต้นระบบเงินสกุล IMF แล้วเริ่มต้นค้าขายกันใหม่


    แล้วเรื่องหุ้น ภายใน 2 ปีหุ้นสามารถขึ้นจาก 400 มาก 10xx มันเป็นเพราะเมกาด้วยมั้ยครับ แล้วเงินเค้าไหลมาทางนี้เพราะอะไรครับ ยังสงสัยตรงนี้ไม่หาย ไม่ทราบว่าพอรู้สาเหตุมั้ยครับ กำลังศึกษาอยู่เหมือนกัน เห็นดูมันก็ขึ้นมาไม่แพ้น้องทองอยู่เหมือนกัน
    ตอบ อันนี้ก็เป็นมาจากเมกาพิมพ์เงินออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของตัวเองและใช้ซื้อ
    หนี้เน่าๆจากธนาคาร และใช้หนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ถึงดิวแต่ไม่มีเงินจ่าย ที่เรียกว่า QE1 QE2
    แต่พอพิมพ์เงินออกมา ใช้เงินไปแล้ว พวกธนาคารที่รอดตายเพราะหนี้เน่ามีรัฐบาลพิมพ์เงินไปอุ้มให้ กลับ
    เอาเงินไปให้พวกนักลงทุน
    และพวกเฮดจ์ฟันด์ กู้แทน เงินจำนวนมากก็เลยไหลมาที่เอเชีย ได้แก่ จีนและอาเซียน
    รวมถึงไทย เพราะเมกากับยุโรปมีวิกฤติหนี้และค่าเงิน เงินที่เมกาพิมพ์ออกมาเลยมาท่วม
    เอเซียได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินแบบเห็นๆ พอเงินท่วมตลาดหุ้น มันจะทำให้บ้านเราเข้าฟองสบู่รอบใหม่
    ถ้าเกิดโง่รอบ2 ก็จะเป็นแบบปี40 อีกคือ ฟองสบู่ตลาดหุ้นกับอสังหาเป็นเงินร้อนๆจากเมกาทั้งนั้น ทีนี้ จีนเขารู้ทันเขาก็เอาไป
    ลงทุน ตปท.บ้าง ซื้อทองคำบ้าง และพัฒนาประเทศบ้าง ได้ดอกผลคุ้มค่าเหมือนคนลงทุนเป็นไม่ได้เอาไปใช้
    อีลุ่ยฉุยแฉก เขาก็จะรอด แต่ของรัฐบาลไทยและคนไทยนี่ยังไม่รู้ว่าจะโง่รอบ2ไหมถ้าคนไทยยังทำตัวเป็นสามล้อถูกหวย
    ก็อาจจะมีเรื่องเศร้ารอบ2 แต่ถ้าทำตามในหลวงบอกใช้เศรษฐกิจพอเพียง ไม่เก็งกำไร รู้จักทำงานให้เกิดดอกผลจากน้ำพักน้ำแรง
    รู้จักเก็บออม ใช้เงินเป็น เวลาเขาถอนเงินคืนก็มีเงินคืนให้เขาเพราะสร้างดอกผลได้คุ้มค่า เราก็จะรอด หรือถ้ารู้ตัวว่าใช้เงินไม่เป็น
    แต่มีคนเอาเงินมาให้กู้ ก็รู้จักปฏิเสธเขาไปบ้างเพราะจะได้ไม่คุ้มเสีย อันนี้ก็อยู่ที่ปัญญาของคนไทย เพราะเงินเข้ามามาก ของแพงขึ้น
    สุดท้ายคนไทยก็อยู่กับของแพง ที่ดินแพง ข้าวของแพง เพราะเงินเฟ้อแต่เงินเดือนเท่าเดิม ผลเสียสุดก็ตกที่คนไทย เพราะเงินมันเฟ้อหนัก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ธันวาคม 2010
  2. namotussa

    namotussa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,470
    ในปี 2541 เลห์แมน บราเดอร์ส ได้รับอนุมัติจากรัฐบาลไทยให้เข้าไปประมูลซื้อขายสินทรัพย์ประเภท สินเชื่อที่อยู่อาศัยจากปรส. โดยในการเข้าประมูลดังกล่าว เลห์แมน บราเดอร์ส ได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และขั้นตอนการประมูลอย่างไม่ได้เอาเงินเข้ามาในประเทศเลย และสวมหมวก 2 ใบ คือ เป็นทั้งที่ปรึกษา และ เป็นผู้เข้าประมูล สรุปง่ายๆ มาจับเสือมือเปล่า ในประเทศไทย (โดยจะมีคนไทยร่วมมือด้วยหรือไม่ ผมก็ไม่ทราบ) และขายทรัพย์สินขององค์การปฏิรูปสถาบันการเงิน(ปรส.)ของ 56 ไฟแนนซ์มูลค่า 851,000 ล้านบาท แต่ ปรส. ได้เงินจริงเพียง 190,000 ล้านบาท ไม่ถึงร้อยละ 20 ของมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมด (ที่ตอนนั้น มีคนบ่นกันมากว่า เอามาเหมาเข่งได้ไง ควรแยกหนี้ดี หนี้เสียก่อน คนที่เป็นหนี้ดี เจ็บไปตามๆ กัน ล้วนแต่ต้องกลืนน้ำตาลงอก)<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ตอนนี้ เลห์แมนบราเธอร์ส (Lehman Brothers) กำลังอย่ในภาวะล้มละลาย
    แผ่นดินนี้เป็นแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ ใครโกงแผ่นดิน รับรอง กรรมตามทันแน่ๆ กฏหมายมีวันหมดอายุ แต่กฏแห่งกรรมไม่มีวันหมดอายุนะครับ
    ประเทศอเมริกาเองก็คงหนีไม่พ้นกฎแห่งกรรมที่มาทำร้ายประเทศไทย เราจะได้เห็นอเมริกาล่มสลายทางเศรษฐกิจในไม่ช้านี้
     
  3. namotussa

    namotussa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,470
    ขอโทษที่ post ตัวเล็กไป
    ในปี 2541 เลห์แมน บราเดอร์ส ได้รับอนุมัติจากรัฐบาลไทยให้เข้าไปประมูลซื้อขายสินทรัพย์ประเภท สินเชื่อที่อยู่อาศัยจากปรส. โดยในการเข้าประมูลดังกล่าว เลห์แมน บราเดอร์ส ได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และขั้นตอนการประมูลอย่างไม่ได้เอาเงินเข้ามาในประเทศเลย และสวมหมวก 2 ใบ คือ เป็นทั้งที่ปรึกษา และ เป็นผู้เข้าประมูล สรุปง่ายๆ มาจับเสือมือเปล่า ในประเทศไทย (โดยจะมีคนไทยร่วมมือด้วยหรือไม่ ผมก็ไม่ทราบ) และขายทรัพย์สินขององค์การปฏิรูปสถาบันการเงิน(ปรส.)ของ 56 ไฟแนนซ์มูลค่า 851,000 ล้านบาท แต่ ปรส. ได้เงินจริงเพียง 190,000 ล้านบาท ไม่ถึงร้อยละ 20 ของมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมด (ที่ตอนนั้น มีคนบ่นกันมากว่า เอามาเหมาเข่งได้ไง ควรแยกหนี้ดี หนี้เสียก่อน คนที่เป็นหนี้ดี เจ็บไปตามๆ กัน ล้วนแต่ต้องกลืนน้ำตาลงอก)<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ตอนนี้ เลห์แมนบราเธอร์ส (Lehman Brothers) กำลังอยู่ในภาวะล้มละลาย
    แผ่นดินนี้เป็นแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ ใครโกงแผ่นดิน รับรอง กรรมตามทันแน่ๆ กฎหมายมีวันหมดอายุ แต่กฎแห่งกรรมไม่มีวันหมดอายุนะครับ


    ประเทศอเมริกาเองก็คงหนีไม่พ้นกฎแห่งกรรมที่มาทำร้ายประเทศไทย เราจะได้เห็นอเมริกาล่มสลายทางเศรษฐกิจในไม่ช้านี้<o:p></o:p>
    <!-- google_ad_section_end -->

    <o:p></o:p>
     
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วิกิลีกส์แฉ นักการเมืองระดับสูงของจีนสั่งเจาะข้อมูล “กูเกิล”
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 ธันวาคม 2553 13:50 น.
    [​IMG]

    หลี่ ฉาง ชุน สมาชิกคณะกรรมการกรมการเมืองจีน ฝ่ายโฆษณา
    เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่ทูตสหรัฐฯในกรุงปักกิ่ง ระบุ นักการเมืองระดับสูงของจีนอยู่เบื้องหลังการโจมตีระบบคอมพิวเตอร์ของ “กูเกิล” จน เสิร์ช เอ็นจิน ชื่อดังต้องถอนตัวออกจากจีนเมื่อต้นปีที่ผ่านมา โทรเลขการทูตสหรัฐฯซึ่งวิกิลีกส์นำมาเผยแพร่ ระบุ

    “แหล่งข่าวที่เชื่อถือได้เปิดเผยว่า รัฐบาลจีนให้ความร่วมมือในการโจมตีระบบข้อมูลของกูเกิ้ล” โทรเลขของสถานทูตสหรัฐฯเมื่อต้นปีเผย

    “แหล่งข่าวของเราแจ้งว่า กระบวนการนี้เป็นคำสั่งของคณะกรรมการกรมการเมืองจีนโดยตรง”

    โทรเลขดังกล่าวซึ่งถูกเผยแพร่บนเวบไซต์ของหนังสือพิมพ์ นิวยอร์ก ไทม์ส วานนี้ (4) เป็นหนึ่งในโทรเลขการทูตกว่า 250,000 ฉบับที่วิกิลีกส์นำมาเปิดเผย ซึ่งรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของจีนได้ออกมาปฏิเสธเมื่อวันพฤหัสบดี (2) โดยกล่าวว่าข้อมูลทั้งหมด “ไร้สาระ”

    โทรเลขหลายฉบับ ระบุว่า หลี่ ฉาง ชุน สมาชิกคณะกรรมการกรมการเมืองซึ่งรับผิดชอบงานโฆษณา เป็นผู้ควบคุมการเจาะข้อมูลกูเกิ้ลและบริษัทของสหรัฐฯอีก 20 แห่ง

    โทรเลขที่ นิวยอร์ก ไทม์ส อ้างถึง กล่าวว่า การโจมตีกูเกิลถูกดำเนินการนอกสำนักงานข้อมูลข่าวสารของจีน ภายใต้การดูแลของ โจว หย่ง คัง เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคง

    โทรเลขลงวันที่ 18 พฤษภาคม 2009 อ้างแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ว่า หลี่ ฉาง ชุน ตกใจมาก เมื่อใส่ชื่อของตนลงในกูเกิ้ลและพบบทความวิพากษ์วิจารณ์มากมาย ส่วนโทรเลขอีกฉบับหนึ่งอ้างรายงานจากญาติของ หลี่ ว่า หลี่ เป็นผู้สั่งการโจมตีแม่ข่ายของกูเกิ้ลในสหรัฐฯด้วยตนเอง

    อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวคนนี้ให้สัมภาษณ์กับ นิวยอร์ก ไทม์ส ว่า หลี่ คุมโครงการรณรงค์ต่อต้านกูเกิ้ลในจีน แต่เขาไม่ทราบว่าใครเป็นผู้สั่งการเจาะข้อมูล

    เดือนมกราคมที่ผ่านมา กูเกิล เปิดเผยว่า เว็บไซต์ของตนตกเป็นเหยื่อกระบวนการเจาะข้อมูลอันสลับซับซ้อนเมื่อเดือน ธันวาคมปีที่แล้ว ทำให้เกิดการถกเถียงอย่างหนักกับรัฐบาลกรุงปักกิ่ง

    กูเกิล ตัดสินใจย้าย เสิร์ช เอ็นจิน จากจีนไปยังฮ่องกงในเดือนมีนาคม ซึ่งทำให้สามารถค้นข้อมูลภาษาจีนได้โดยไม่ถูกปิดกั้น แต่สุดท้ายก็ต้องพับแผนดังกล่าวในเดือนมิถุนายน เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกระงับใบอนุญาตจากจีน

    <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="552"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="552"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">วิกิลีกส์เผยแพร่ โทรเลขของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯซึ่งระบุว่า สมาชิกคณะกรรมการกรมการเมืองจีนอยู่เบื้องหลังการโจมตีระบบข้อมูลของกูเกิ้ล เมื่อปลายปีที่แล้ว </td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> การเผชิญหน้าครั้งนั้นชี้ให้เห็นถึงความกังวลของสหรัฐฯต่อการโจมตี ของ “แฮกเกอร์” ในจีนเมื่อปี 2002 แต่ก็สะท้อนเช่นกันว่า รัฐบาลจีนเกรงว่าการใช้อินเทอร์เน็ตโดยปราศจากขอบเขตจะส่งผลร้ายต่อระบบ ควบคุมข่าวสารในจีน

    โทรเลขหลายฉบับ ระบุว่า เจ้าหน้าที่จีนเคยร้องเรียนสถานทูตสหรัฐฯเกี่ยวกับ กูเกิ้ล เอิร์ธ และขอให้สหรัฐฯสั่งให้ กูเกิ้ล ลดความละเอียดของภาพถ่ายดาวเทียมซึ่งแสดงที่ตั้งค่ายทหารของจีน โดยให้เหตุผลว่าจะเกิด “ภัยอันร้ายแรง” หากผู้ก่อการร้ายโจมตีจีนโดยอาศัยภาพถ่ายจาก กูเกิล เอิร์ธ

    นิวยอร์ก ไทม์ส รายงานว่า โทรเลขฉบับวันที่ 3 พฤศจิกายน ปี 2008 รายงานการเจาะข้อมูลที่ทีมสอบสวนสหรัฐฯให้ฉายาว่า “ไบแซนไทน์ แคนเดอร์” (Byzantine Candor) ซึ่งเป็นฝีมือของแฮกเกอร์ในเซี่ยงไฮ้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกองกำลังปลด ปล่อยประชาชนจีน และสามารถเข้าถึงข้อความอีเมลกว่า 50 เมกะไบต์ ตลอดจนชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านของเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานสหรัฐฯ

    เดือนมิถุนายนปีที่แล้ว โทรเลขลับจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯเตือนให้ระวังอีเมล “ฟิชชิ่ง” ซึ่งถูกปล่อยในช่วงที่มีการหารือเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกับจีน โดยอีเมลเหล่านั้นถูกส่งไปยังเจ้าหน้าที่สหรัฐฯซึ่งเป็นตัวแทนในการหารือ พร้อมแนบไฟล์ PDF ซึ่งเมื่อถูกเปิดอ่านจะทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงข้อมูลในคอมพิวเตอร์ของ ผู้รับทันที
    Around the World - Manager Online -
     
  5. ยังเลวอยู่มาก

    ยังเลวอยู่มาก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +492
    ผมมองว่า วิกิลีกส์ออกมาแฉครั้งนี้ ไม่ส่งผลดีกับใครและประเทศใดๆ ดูผิวเผินเหมือนพี่เบิ้มจะเสียหน้าและเสียหาย แต่ผมสงสัยว่าเอาเข้าจริงจะมีแต่พี่เบิ้มที่ได้ประโยชน์ เพราะข่าวที่เผยออกมาส่วนใหญ่ จะยิ่งสร้างความเสียหายแก่คู่แข่งของพี่เบิ้ม และสร้างความตรึงเครียดทางการเมืองและการทหารแก่ประเทสต่างๆที่โดนพาดพิง ซึ่งแต่ละประเทศจะหวาดระแวงกันและกัน จนอาจจะมีการแข่งขันสะสมอาวุธ และอาจมีการปะทะกัน หรือสงครามตัวแทน พี่เบิ้มก็ขายอาวุธที่มีอยู่บานเบอะในสต๊อก รับทรัพย์ ใครจะเป็นยังไงก็เอาไว้ก่อน พี่เบิ้มขอเอาตัวรอดก่อนแล้วค่อยว่ากัน
     
  6. ForeverYoung

    ForeverYoung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +135
    ใจผมเองก็นึกเหมือนคุณ คนเลวอยู่มากครับ เมกาจะเป็นคนต้นคิดเรื่องนี้เองหรือเปล่าก็ยังไม่รู้นะ

    อันนี้เป็นโพสของคุณbullish วานนี้ครับ

    ถ้าจะให้ผมตอบตรงๆล่ะก็ ผมคิดว่า การปรับฐานครั้งหน้าในระดับคลื่นรายสัปดาห์ ราคาต่ำสุดทางเทคนิคที่เป็นไปได้ในความคิดผมก็คือ 1295-1300 นั้นแหละครับ

    เนื่องจากพื้นฐานของทองคำนั้นเริ่มแสดงความชัดเจนของมันมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อสิบปีก่อนนักลงทุนที่มองการไกลได้คาดการณ์ไว้แต่แรกแล้วครับว่าทองคำจะ ทะยานฟ้าไปไกลเป็นพันๆเหรียญ จนมาบัดนี้นักลงทุนทั่วไปเริ่มตระหนักแล้วว่า วิกฤติการเงินที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้อยู่ในระดับ"ไม่ธรรมดา" ความเชื่อถือต่อระบบเงินกระดาษ(Money)ในปัจจุบันเริ่มเสื่อมลง เพราะเงินกระดาษ(Money) เริ่มรักษามูลค่าของมันให้คงที่ไม่ได้อีกต่อไป ผิดกฏสิ่งที่เหมาะสมจะเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้า มูลค่าเงินถดถอยลงเมื่อเทียบกับสิ่งอื่นเช่น ทองคำ

    วันใดที่ระดับคนทั่วไปเริ่มเสื่อมศรัทธาต่อระบบเงินตราที่ถืออยู่ และเริ่มหันมาสนใจสิ่งที่เก็บมูลค่าของเงินได้ดีกว่าเช่น ทองคำ วันนั้นผมไม่อยากจะคาดเดาว่า ราคาทองจะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน ระยะที่ว่านี้คนจะซื้อทองอย่างบ้าคลั่งเหมือนที่เคยเกินขึ้นมาแล้วเมื่อหลาย สิบปีก่อน [​IMG]

    ณ ขณะนี้ ปัญหาอยู่ที่ว่า เมื่อจบคลื่นห้าใหญ่ทางเทคนิคแล้ว(ตอนนี้เป็นสามย่อยของห้าใหญ่) นักลงทุนจะเททิ้งทำกำไรมาถึงระดับต่ำสุดที่ระดับ 1300 ที่ว่านี้หรือไม่ มุมมองส่วนตัวผมคือ จะมีคนเข้าช้อนซื้อซะก่อนที่จะมาถึงระดับ 1300 ครับ แน่นอนหนึ่งในนั้นมีผมอยู่คนนึง [​IMG]

    หากดูกราฟในช่วงเวลากว้างๆระดับ10ปี ราคาทองกำลังจะขึ้นเป็นรูปพาราโบล่า เนื่องจากปริมาณเงินกระดาษที่พิมพ์ออกมามันเป็นลักษณะอย่างงั้น และ ปริมาณเงินที่พิมพ์ออกมาแปรผันกับราคาทองคำ ประวัติศาสตร์กำลังซ้ำรอยมันอีกครั้ง [​IMG] เมื่อดูกราฟทองสิบปีแล้ว คำถามคือ ราคาทองต่อไปจากนี้จะเป็นอย่างไร คำตอบน่ะเหรอครับ อยู่ในหน้า 56 ของกระทู้ "โอกาส(ทอง)จริงๆ" แล้ว เพื่อความสะดวกผมขอยกกราฟมาแปะให้ชมเลยแล้วกัน

    [​IMG]

    เรากำลังอยู่ช่วงก่อนหน้า ที่จะขึ้นไปสู่ยอดปลายแหลมนิดหน่อย ดังนั้นการปรับฐานในอนาคตอันใกล้ จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วขึ้น รุนแรงขึ้น และ จบภายในเวลาอันสั้น การนับคลื่น 2 4 A B C จะยากขึ้นราวกับว่ามันหายไป(แต่จริงๆมันเกิดสั้นมากจนมองเห็นไม่ชัดเจน) จนมองดูเหมือนกับว่ากราฟขึ้นไปโดยไม่หยุดพักเลยนั้นแหละครับ [​IMG]

    เกริ่นมาซะยืดยาว คำตอบของคุณ jai yen นั้นสามารถสรุปได้สั้นๆก็คือ ช่วงนี้เมื่อมันลงมาหนักๆ "ให้ซื้อทองคำแท่งสำหรับการลงทุนระยะยาวได้เลย" ไม่ว่าราคาใดๆในช่วงก่อนที่จะไปถึงปลายแหลม จะไม่มีคำว่าติดดอย [​IMG] แต่หากวันไหนที่ทุกคนไม่เว้นแม้แต่แม่ค้าขายของริมถนน หรือคนรอบข้างเริ่มพูดถึงทองคำ แสดงว่ามันเริ่มเข้าสู่ช่วงปลายแหลมแล้ว นั่นเป็นเวลาที่สมควรจะขายแล้วละครับ เพราะหากเข้าซื้อช่วงนั้น ราคาที่เข้าซื้ออาจจะเป็นดอยก็ได้ [​IMG] แล้วcycle ของมันจะกินเวลาอีกเป็นสิบๆปี กว่ามันจะขึ้นมาเท่าเดิมอีกก็คงจะต้องรอหลานแต่งงานก่อนนั้นแหละ [​IMG]

    หากลงทุนระยะยาว และระยะกลางละก็ ราคานี้ ไม่ใช่ราคาที่แพงครับ
    ระยะกลาง ผมมองระดับ 1423-1450 อาจจบคลื่นที่สามได้ โดยให้ความสำคัญกับ 1423 1434 1450 เป็นสำคัญ
    ส่วนระยะสั้น ผมมองแนวต้านแถว 1418 ว่าอาจจะทำการพักก่อนได้ในรายสี่ชั่วโมงครับ [​IMG] [​IMG]

    ไม่แน่ใจว่าจะได้คำตอบที่เคลียร์ไหม เพราะว่าผมเองก็ไม่ทราบว่าขนาดพอร์ตของแต่ละท่านเป็นอย่างไร
    ที่ว่าซื้ออยากได้ทองด้วยเงินเท่าเดิม "เท่าเดิม"ที่ว่ามันหมายถึงทองคำที่ราคาไหน แต่หวังว่าความเห็นที่ให้ไปน่าจะพอเป็นประโยชน์ได้บ้างนะครับ หากมีคำถามเพิ่มเติมทิ้งไว้ได้ครับ แล้วผมจะเข้ามาตอบให้ครับ

    ไว้มีเวลาผมจะเข้ามาโพสใหม่นะครับ โชคดีในการลงทุนครับทุกๆคน [​IMG]
     
  7. ForeverYoung

    ForeverYoung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +135
    โพสต์ <abbr class="published" title="2010-12-06T03:40:30+00:00">วันนี้, 10:40 AM</abbr> โดยคุณ Nexttonothing จากเวป thaigold ครับ
    [​IMG]



    ขอแสดงความยินดี กับเพื่อนๆสมาชิกที่ถือครอง "ทองคำ" (Real Money) ทุกท่านนะครับ
    ทองคำได้ปรับราคา ขึ้นไปแตะระดับ 20,000 ต่อบาทเป็นครั้งแรก

    เป็นวันที่ผมจะได้พูดประโยคที่เตรียมไว้มานานเป็นปี กับคนใกล้ตัว เพื่อนๆ ญาติๆ ว่า


    "เห็นมั๊ยล่ะ บอกแล้ว"
     
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    พระราชดำรัสในหลวง 5 ธันวาคม 2553

    <object height="385" width="480">


    <embed src="http://www.youtube.com/v/Cp_5pj8eBfs?fs=1&hl=en_US" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" height="385" width="480"></object>

    ...

    “ขอขอบพระทัยและขอขอบใจท่านทั้งหลายเป็นอย่างยิ่งที่มีไมตรีจิต พรั่งพร้อมกันมาให้พรวันเกิด ด้วยถ้อยคำที่เลือกสรรมาจากใจจริง บ้านเมืองของเราเป็นปึกแผ่นร่มเย็นปกติสุขมาช้านาน เพราะเรามีความยึดมั่นในชาติ และต่างร่วมมือร่วมมือร่วมแรงใจกันทำหน้าที่โดยนึกถึงประโยชน์ ส่วนรวมของชาติเป็นเป้าหมายสำคัญสูงสุด ท่านทั้งหลายในสมาคมนี้ ตลอดจนคนไทยทุกหมู่เหล่า จึงควรทำความเข้าใจในหน้าที่ของตนไว้ให้กระจ่าง และนำไปปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด ด้วยความไม่ประมาท และด้วยความมีสติรู้ตัวอยู่เสมอ เพราะการกระทำโดยประมาท ขาดความรอบคอบ เป็นเหตุให้เกิดความผิดพลาด เสียหายในหน้าที่และการกระทำโดยขาดสติยั้งคิด ขาดเหตุผล เป็นเหตุให้เกิดหลงลืมความกลัว ทำให้กระทำสิ่งที่มิใช่หน้าที่โดยชอบได้ ซึ่งเป็นอันตรายมาก อาจจะนำความเสื่อมสลายมาสู่ตนเองตลอดทั้งประเทศชาติได้ จึงขอให้ทุกคน ได้สังวรณ์ระวังให้มากและประคับประคองกาย ใจ ให้เที่ยงตรง หนักแน่น ในอันที่จะปฏิบัติภารกิจตามเหตุผลของตนให้ถูกต้องตามหน้าที่ เพื่อความมั่นคงและเพื่อประโยชน์สุขอันยั่งยืนของชาติไทยเรา

    ขออำนาจแห่งคุณพระรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ จงคุ้มครองรักษาท่านให้ปราศจากทุกข์ปราศจากภัย และอำนวยสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลให้สำเร็จผลขึ้นแก่ท่านทั่วหน้ากัน”
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2010
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันอาทิตย์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2553

    CRASH JP Morgan BUY SILVER !!!.......Update

    [FONT=&quot]MUST SEE !!! The art of Manipulation.[/FONT]

    <object width="640" height="390"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/Gl47z2g2EvI&rel=0&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowScriptAccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/Gl47z2g2EvI&rel=0&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></embed></object>

    [​IMG]


    โพสต์โดย What's going on in America โพสต์เมื่อ <a class="timestamp-link" href="http://jimmysiri.blogspot.com/2010/12/crash-jp-morgan-buy-silver-update_05.html" rel="bookmark" title="permanent link"><abbr class="published" title="2010-12-05T15:27:00+07:00">3:27 หลังเที่ยง</abbr> 0 comments [​IMG] [​IMG]






    วันเสาร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2553

    CRASH JP Morgan BUY SILVER !!!.......Update

    [FONT=&quot]Silver " UP " 9% in 3 Weeks [/FONT]
    [FONT=&quot]with Massive Shortages in U.S.[/FONT]

    <object width="640" height="390"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/ipZEXNTg7SY&rel=0&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowScriptAccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/ipZEXNTg7SY&rel=0&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></embed></object>


    [​IMG]
    [​IMG]


    [FONT=&quot]China Gold Import " UP " 500% [/FONT]
    [FONT=&quot]in the first 10 months of this year.[/FONT]

    <object width="640" height="390"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/1IEUBt5uECs&rel=0&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowScriptAccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/1IEUBt5uECs&rel=0&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></embed></object>


    [FONT=&quot]China's Hunger for GOLD now "SURPASSES" India.[/FONT]
    <object width="640" height="390"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/p_ip5TvZSlA&rel=0&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowScriptAccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/p_ip5TvZSlA&rel=0&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></embed></object>

    โพสต์โดย What's going on in America
     
  10. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    โทรเลขรั่วของทูตมะกัน เผยวินาทีประหารชีวิต ซัดดัม ฮุสเซน
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 6 ธันวาคม 2553 17:50 น.
    [​IMG]
    ภาพ วิดีโอ การประหารชีวิตของซัดดัม ฮุสเซน ถูกเผยแพร่ทางอินเอร์เน็ตอย่างเปิดเผย โดยเฉพาะในอิรักที่สามารถหาซื้อภาพวิดีโอดังกล่าวได้ตามแผงริมถนน [​IMG]

    เอเอฟพี - โทรเลขลับทางการทูตซึ่งรั่วไหลของสหรัฐฯ ระลอกใหม่ ได้บรรยายรายละเอียดบรรยากาศการประหารชีวิต ซัดดัม ฮุสเซน ผู้นำจอมเผด็จการของอิรัก โดยในวินาทีชีวิตดังกล่าว มีเจ้าหน้าที่ตะโกนสาปแช่ง “ไปลงนรกซะ” และมีการใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกการประหารชีวิตอดีตผู้นำท่านนี้

    การประหารชีวิต ซัดดัม ฮุสเซน เมื่อปี 2006 ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนานาชาติ หลังภาพวิดีโอจากโทรศัพม์มือถือ ที่บันทึกภาพวินาทีการประหารชีวิต ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกอินเทอร์เน็ต ในคลิปวิดีโอดัวกล่าวปรากฏว่า มีพยานการประหารชีวิตหลายคน ตะโกนประณาม นักโทษประหารผู้นี้ ขณะที่ ซัดดัม กำลังถูกแขวนคอ

    คำครหาคราวนั้นส่งผลให้ ซัลเมย์ กอลิลซัด นักการทูตสหรัฐฯ ในขณะนั้น ได้แสดงความคิดเห็นผ่านทางโทรเลขที่รั่วไหลออกมาครั้งนี้ ว่า บรรดาผู้สนับสนุนซัดดัมจะใช้การประหารชีวิตอันน่าสังเวชนี้ เป็นข้ออ้าง เพื่อประณาม “การตัดสินอันเที่ยงธรรม”

    ข้อมูลโทรเลขดังกล่าวลงวันที่ เมื่อเดือนมกราคม 2007 ถือว่าเป็น “ข้อมูลลับ” และเป็นหนึ่งในรายงานทางการทูตของสหรัฐฯ ในจำนวนหลายร้อยฉบับ ที่ถูกนำออกมาตีแผ่ออกมาโดยเว็บไซต์วิกิลีกส์

    โทรเลขทางการทูตที่รั่วไหลครั้งนี้ ระบุว่า มุนกิตห์ อัล-ฟารูน รองอัยการสูงสุดอิรัก บรรยายเหตุการณ์การประหารชีวตให้ ซัลไม กอลิลซัด ได้รับรู้ ว่า ในวันนั้นมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่ง ผู้ควบคุมตัว ซัดดัม ฮุสเซน ไปประหารชีวิต ได้กล่าวสาปแช่งอดีตประธานาธิบดีผู้นี้ ว่า “ไปลงนรกซะ” (go to hell)

    อัล-ฟารูน กล่าวต่อไป ว่า เขาเห็นเจ้าหน้าที่อิรักในสถานที่ประหาร หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปวินาทีชีวิตของ ซัดดัม ฮุสเซน กันอย่างเปิดเผย ทั้งๆ ที่ตามกฎข้อบังคับ ห้ามนำอุปกรณ์บันทึกภาพใดๆ เข้าไปในสถานที่ดังกล่าวเด็ดขาด

    นักกฎหมายชาวอิรักผู้นี้ ยังกล่าวเสริมว่า ขณะซัดดัมกำลังสวดมนต์อ้อนวอนพระผู้เป็นเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนโดนแขวนคอ มีพยานการประหารคนหนึ่งตะโกนสวนไปว่า “มุกตอดา, มุกตอดา, มุกตอดา” โดยอ้างอิงถึง มุกตอดา อัลซัดร์ ครูสอนศาสนาหัวรุนแรง ผู้ได้รับความนิยมในหมู่ประชาชนอิรัก หลังจากซัดดัม ฮุสเซน ถูกโค่นล้ม

    ภาพวิดีโอจากโทรศัพท์มือถือดังกล่าวถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกอินเทอร์เน็ต อีกทั้งยังมีการวางขายแผ่นซีดี บนแผงลอยตามท้องถนนในกรุงแบกแดด ไม่กี่วันหลังการประหารชีวิต ภายจากในวิดีโอเผยให้เห็น ว่า ซัดดัม ฮุสเซน ไม่ได้แสดงความโกรธเกรี้ยวแต่อย่างใด ทว่า เขาอยู่ในอาการสงบ ยืนอยู่บนแท่นเหล็กในอาคารที่มีแสงเพียงสลัวๆ มือทั้งสองถูกพันธนาการ และมีบ่วงเชือกรัดรึงอยู่รอบคอ

    กลุ่มคนดังกล่าวที่เข้าร่วมเป็นสักขีพยานการประหารดังกล่าว ตะโกนคำว่า “มุกตอดา, มุกตอดา, มุกตอดา!” ก่อน ซัดดัม ฮุสเซน จะขาดใจตาย

    ซัลเมย์ กอลิลซัด แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าวไว้ ว่า “รัฐบาลอิรักขาดแผนการที่ชัดเจน และไม่ได้รับความร่วมมือในการควบคุมพยานการประหารชีวิต”

    ข้อมูลจากโทรเลขดังกล่าว ระบุว่า พยานชาวอิรักชี้ว่า มีการเลื่อนการประหารชีวิตหลายครั้ง ก่อนเกิดการประหารในวันนั้น ซึ่งมีผู้คนร่วมเป็นพยาน 20-30 คน

    กอลิลซัด กล่าวกับ อัล-ฟารูน ว่า “ผู้สนับสนุน ซัดดัม ฮุสเซน จะใช้การประหารชีวิตอันทารุณดังกล่าว เป็นข้ออ้างในการประณาม สิ่งที่เรียกว่า ความยุติธรรม”

    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="550"><tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="550"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">นาทีสุดท้ายของชีวิต ซัดดัม ฮุสเซน (แฟ้มภาพ)</td></tr></tbody></table>Around the World - Manager Online -
     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วิกิลีกส์เผยลิสต์ “โครงสร้างพื้นฐาน” ทั่วโลกซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของสหรัฐฯ
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 6 ธันวาคม 2553 16:54 น.
    [​IMG]

    ช่องแคบมะละกา ติดโผรายชื่อโครงสร้างพื้นฐานและแหล่งทรัพยากรสำคัญ ที่หากถูกทำลายจะส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อสหรัฐฯ

    เอเอฟพี - เวบไซต์จอมแฉ “วิกิลีกส์” เผย รายนามโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทั่วโลก ซึ่งหากถูกโจมตีโดยกลุ่มก่อการร้ายจะถือเป็น “ภัยขั้นร้ายแรง” ต่อสหรัฐฯ

    โทรเลขของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯฉบับนี้ เป็นหนึ่งในฉบับสำคัญที่สุดที่วิกิลีกส์นำมาเปิดเผย และสร้างความอับอายให้แก่สหรัฐฯ ตลอดจนความโกรธแค้นจากนานาชาติ

    โทรเลขเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2009 สั่งให้คณะผู้แทนของสหรัฐฯปรับปรุงรายชื่อโครงสร้างพื้นฐานและแหล่งทรัพยากร ทั่วโลก ซึ่งหากสูญเสียไปจะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อระบบสาธารณสุข, เศรษฐกิจ และความมั่นคงของสหรัฐฯ

    แหล่งสาธารณูปโภคดังกล่าว ประกอบด้วย สายเคเบิลใต้ทะเล, ระบบสื่อสารหลักๆ, ท่าเรือ, แหล่งแร่ และบริษัทที่มีความสำคัญด้านยุทธศาสตร์ในหลายประเทศ เช่น อังกฤษ, นิวซีแลนด์, แอฟริกา, จีน และ ภูมิภาคตะวันออกกลาง

    โรงไฟฟ้าพลังน้ำแห่งหนึ่งในแคนาดาถูกกำหนดให้เป็น “แหล่งพลังงานไฟฟ้าที่สำคัญยิ่งสำหรับภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ” ขณะที่โรงงานของซีเมนส์ (Siemens) ในเยอรมนีถือเป็น “แหล่งผลิตสารเคมีที่ไม่อาจทดแทนได้”

    โรงงานผลิตวัคซีนป้องกันไข้ทรพิษและโรคพิษสุนัขบ้าในยุโรป, โรงงานผลิตเซรุ่มแก้พิษงูในอิตาลี และ บริษัทซึ่งผลิตยารักษาอาการถูกพิษพลูโตเนียม ก็อยู่ในรายชื่อโครงสร้างพื้นฐานสำคัญดังกล่าว

    <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="575"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="575"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ท่าเรือหนิงปอในจีน เป็นอีกหนึ่งโครงสร้างพื้นฐานที่สหรัฐฯให้ความสำคัญ</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> โทรเลขดังกล่าวระบุว่า การรวบรวมรายชื่อครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อ “เตรียมความพร้อม เพื่อให้สหรัฐฯสามารถตอบสนองได้อย่างทันท่วงที หรือฟื้นตัวอย่างรวดเร็วกรณีที่ถูกโจมตี ประสบภัยธรรมชาติ หรือ เกิดสถานการณ์ฉุกเฉินอื่นๆ” และจะช่วย “ป้องกัน, ยับยั้ง หรือ ลดความรุนแรง หากกลุ่มก่อการร้ายพยายามโจมตี, เบียดเบียน หรือทำให้สถานที่ดังกล่าวไม่สามารถใช้งานได้”

    ด้าน มัลคอล์ม ริฟไคนด์ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมและกระทรวงการต่างประเทศของอังกฤษ ออกมาประณามวิกิลีกส์ที่เผยแพร่รายนามเหล่านี้

    “นี่คือ หลักฐานอีกชิ้นหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า พวกเขาไม่มีความรับผิดชอบ และเกือบจะเรียกได้ว่าเป็นอาชญากร เพราะข้อมูลเหล่านี้เป็นสิ่งที่กลุ่มก่อการร้ายต้องการทราบ” สื่ออังกฤษอ้างคำกล่าวของ ริฟไคนด์

    ล่าสุด โฆษกประจำทำเนียบนายกรัฐมนตรีของอังกฤษก็ออกมาประณามเช่นกันว่า การเปิดเผยรายนามเหล่านี้เป็นการ “ทำลายความมั่นคงของชาติ”

    “เราขอประณามวิกิลีกส์ที่เผยแพร่ข้อมูลลับโดยไม่ได้รับอนุญาต การที่ข้อมูลเหล่านี้รั่วไหลและถูกเผยแพร่ออกไปจะทำลายความมั่นคงของสหรัฐฯ, อังกฤษ และประเทศอื่นๆ ด้วย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลต่างๆ จะต้องรักษาความลับของตนเอาไว้ให้ได้”
     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ปธน. จีนสายตรงถึงสหรัฐฯ ชี้ทุกฝ่ายใช้เหตุผลต่อปัญหาคาบสมุทรเกาหลี
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 6 ธันวาคม 2553 18:27 น.
    [​IMG]

    แฟ้มภาพ – ประธานาธิบดีโอบามา ของสหรัฐฯ (กลาง) ซึ่งเดินทางเยือนจีนพร้อมนางฮิลารี คลินตัน รมต.ต่างประเทศสหรัฐฯ (ขวา) ได้พบปะกับประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ของจีน (ซ้าย) เมื่อ พ.ย.2552 โดยได้เจรจาเรื่องการควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ และแสดงความเป็นห่วงสภาวะโลกร้อน (ภาพเอเยนซี)

    เอเอฟพี - กระทรวงต่างประเทศจีนเผยวันนี้ (6 ธ.ค.) ประธานาธิบดีหู จิ่นเทาของจีน โทรศัพท์ถึงประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐอเมริกา เรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับเหตุขัดแย้งบนคาบสมุทรเกาหลีอยู่ในความ สงบและใช้เหตุผลแก้ปัญหา

    กระทรวงต่างประเทศจีนเผยคำกล่าวทางโทรศัพท์ของ หู ว่า “ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน ทุกฝ่ายต้องใจเย็น ๆ และใช้เหตุผล เพื่อป้องกันมิให้สถานการณ์เลวร้ายไปกว่านี้ หากเรารับมือไม่เหมาะสม ความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีอาจจะลุกลามไปมากขึ้นจนถึงขั้นคุมไม่อยู่”

    หูเน้นว่า “เราต้องการความสงบ สันติ และการการเจรจา ไม่ใช่ความตึงเครียด หรือสงคราม”

    ก่อนหน้านั้นเกาหลีเหนือใช้ปืนใหญ่ยิง 80 นัดถล่มเกาะยอนพยองของเกาหลีใต้ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับชายแดนพิพาทในทะเลเหลือง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย ขณะที่เกาหลีเหนือกล่าวถึงสาเหตุที่ระดมยิงปืนใหญ่ใส่เกาะชายแดนของ เกาหลีใต้ในวันอังคาร (23 พ.ย.) ว่า “เพราะกองทัพเกาหลีใต้ไม่ยอมยุติการซ้อมรบในน่านน้ำที่มีกรณีพิพาท”

    ตามติดมาด้วยปฏิบัติการซ้อมรบร่วมทางทะเลระหว่างกองทัพเรือของสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ตอบโต้เกาหลีเหนือเป็นเวลา 4 วัน ซึ่งเปิดฉากขึ้นเมื่อวันที่ 28 ท่ามกลางกระแสทัดทานและวิจารณ์อย่างหนักจากพันธมิตรหนึ่งเดียวของเปียงยาง นั่นคือ “จีน”

    อย่างไรก็ตาม บทสรุปการประชุมที่ทำเนียบขาวของสหรัฐฯ ที่ผ่านมา ชี้ว่า โอบามาต้องการให้หู บอกพันธมิตรเกาหลีเหนือว่า “พฤติกรรมของเกาหลีเหนือนั้นเกินจะรับได้” ขณะที่ในถ้อยแถลงของทางการณ์จีนไม่ได้กล่าวถึงความเห็นของโอบามา กล่าวเพียงว่า “สหรัฐฯ เต็มใจจะทำงานร่วมกับจีนเพื่อรักษาสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาคไว้”

    นางฮิลารี คลินตัน รมต.ต่างประเทศสหรัฐฯ จะพบปะ รมต.ต่างประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้วันนี้ (6 ธ.ค.) ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี แต่ไม่ได้ชักชวนจีนแต่อย่างใด

    China - Manager Online -
     
  13. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ยอดนำเข้าทองคำของจีนพุ่ง ขณะเงินเฟ้อทะยาน
    [​IMG]

    ลูกค้าชาวจีนกำลังเล็งหาซื้อทองคำที่ร้านทองในเมืองซุ่ยหนิง,มณฑลเสฉวนทางภาคตะวันตกเฉียงใต้เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.2553 - เอเอฟพี

    เอเอฟพี - จีน ซึ่งเป็นผู้ซื้อทองคำแท่งมากเป็นอันดับ 1 ของโลก มียอดนำเข้าทองคำพุ่งสูงในปีนี้ เนื่องจากเป็นหนทางการลงทุน ที่ปลอดภัยในภาวะที่เงินเฟ้อบนแดนมังกรปรับขึ้น

    จีนนำเข้าทองคำ 209.7 ตันในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 480 % จากรายงานของหนังสือพิมพ์ ไชน่า บิสซิเนส นิวส์ ซึ่งอ้างคำพูดของนายเฉิน เซียงหรง ประธานตลาดแลกเปลี่ยนทองคำของเซี่ยงไฮ้

    นายเฉินระบุว่า การซื้อขายทองคำของนักลงทุนรายย่อยชาวจีนเพิ่มอย่างรวดเร็ว แข็งแกร่งและคึกคักอย่างมากในปีนี้

    การซื้อขายทองคำของนักลงทุนรายย่อยเพิ่มถึง 973.8 ตันในช่วงดังกล่าว ซึ่งเพิ่ม 247.3 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีสัดส่วนเกือบ 20 % ของการทำธุรกรรมซื้อขายทั้งหมดในตลาด

    ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภค ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อ ปรับขึ้น 4.4 % ในเดือนต.ค. ซึ่งสูงสุดในรอบ 2 ปี เนื่องจากราคาอาหาร ที่แพงขึ้น โดยยังนับเป็นตัวเลขเงินเฟ้อ ซึ่งสูงกว่าที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ 3.0 %

    เมื่อปีที่แล้วจีนซื้อทองคำสูงถึง 454 ตัน คว้าตำแหน่งชาติผู้ซื้อทองคำรายใหญ่อันดับ 1 ของโลกจากอินเดีย นอกจากนั้น จีนยังแซงหน้าประเทศแอฟริกาใต้ กลายเป็นชาติผู้ทำเหมืองทองคำรายใหญ่สุดในโลกเมื่อปี 2550 อีกด้วย

    ความต้องการทองคำแท่ง ที่พุ่งทะยานของจีนมีส่วนผลักดันให้ราคาทองคำโลกปรับขึ้น ซึ่งทำสถิติใหม่ 1,424 ดอลลาร์ต่อออนซ์ที่ตลาดลอนดอนเมื่อเดือนที่แล้ว

    China - Manager Online -
     
  14. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เอกสารลับเป็นแสนๆ ชิ้น ท่านได้แต่ใดมา วานบอก

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    กาแฟดำ
    เบื้องหลังการที่สื่ออย่างนิวยอร์ก ไทมส์ ของสหรัฐ และ การ์เดียน ของอังกฤษ ได้เอกสารลับจำนวนกว่า 250,000 ชิ้น จาก Wikileaks นั้น


    มีความน่าสนใจไม่แพ้ตัวเนื้อหาที่กำลังฮือฮากันทั่วโลก
    เพราะว่าหากคุณเป็นสื่อ แล้วอยู่ดีๆ ได้รับเอกสารปึกเบ้อเร่อ อย่างชนิดที่ไม่เคยมีแหล่งข่าวไหน เสนอให้คุณมาก่อนในประวัติศาสตร์ คุณจะตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับมัน
    เพราะว่าด้านหนึ่งมันเป็น “ข่าวร้อนๆ” ที่มองข้ามไม่ได้ แต่อีกด้านหนึ่งเพราะมันเป็น “ของร้อน” จึงมีประเด็นทั้งด้านกฎหมายและจริยธรรมมาเกี่ยวข้องด้วยอย่างหลีกหนีไม่ได้
    ใครเป็นคนเอาเอกสารลับมายื่นให้?
    นิวยอร์ก ไทมส์ บอกว่าคนที่นำมาส่งให้เป็น “แหล่งข่าวที่ขอไม่ออกนาม” ซึ่งแน่นอนว่า มาจาก Wikileaks ซึ่งคนที่เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง นายจูเลียน แอสเซนจ์ ยืนยันเขาเป็นคนได้รับข้อมูลลับนี้ จากเจ้าหน้าที่ที่ไม่พอใจการดำเนินนโยบายของรัฐบาลสหรัฐ
    ข่าววงในบอกว่าทหารคนหนึ่ง ที่ชื่อ Bradley Manning ที่มีตำแหน่งเป็น “นักวิเคราะห์ข่าวกรอง” ที่หน่วยทหารแห่งหนึ่งใกล้กับแบกแดดของอิรัก เป็นคนแอบทำสำเนาเอกสารลับทั้งหมดนี้ ด้วยแผ่นซีดีเพราะมีรหัสเข้าถึงข้อมูลลับเหล่านี้ได้
    นายแมนนิ่ง ถูกจับเมื่อเจ็ดเดือนก่อน กำลังต่อสู้คดีในศาลทหารมะกัน
    ตำรวจสากลออกหมายจับ นายจูเลียน แอสเซนจ์ ซึ่งหนีออกจากที่พักที่ลอนดอน ขณะที่รัฐบาลสวีเดน บอกว่า มีหมายจับเขาในข้อหาลวนลามผู้หญิงซึ่งเป็นเรื่องเก่าที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
    เอกสารจำนวนมหาศาลนี้ ถูกส่งไปให้หนังสือพิมพ์ชั้นนำหลายฉบับ รวมถึง The Guardian แห่งอังกฤษ และ Le Monde ของฝรั่งเศส
    ไม่มีเงื่อนไขใดๆ จากผู้มอบเอกสารทั้งหมดนี้ เพียงแต่ขอให้ตีพิมพ์พร้อมๆ กันในวันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาเท่านั้น
    นิวยอร์ก ไทมส์ บอกว่า จากจำนวนเอกสารทั้งหมดกว่า 250,000 ชิ้นนั้น ประมาณ 11,000 ชิ้น ถูกประทับตรา “secret” (ลับมาก) และ อีก 9,000 ชิ้น มีตรา “noforn” ซึ่งหมายความว่าข้อมูลเหล่านี้ จะต้องไม่นำไปให้ตัวแทนจากประเทศอื่นได้อ่านเป็นอันขาด
    ข้อมูลลับอีก 4,000 ชิ้น ประทับตรา “secret/noforn” ซึ่งแปลว่าทั้งลับมากและห้ามคนชาติอื่นได้อ่านหรือรับรู้
    เอกสารอื่นๆ ในปึกใหญ่นี้ตีตราว่า “classified” ซึ่งก็ยังถือว่า “ลับ” ในระดับหนึ่ง หากประทับตรา “unclassified” ก็เท่ากับว่าเปิดเผยต่อสาธารณชนได้
    ถ้าเป็นเอกสาร “declassified” ก็ย่อมหมายความว่าเอกสารนั้นๆ เคยเป็นเอกสาร “ลับ” แต่ต่อมาได้รับอนุญาตให้เปิดเผยได้ด้วยเหตุผลว่าได้ผ่านเวลามาระยะหนึ่ง หรือเหตุการณ์ได้ผ่านไปจนสามารถเปลี่ยนระดับชั้นความลับได้
    นิวยอร์ก ไทมส์ ยืนยันว่าได้ตัดสินใจไม่ตีพิมพ์ข้อความใดๆ ที่จะทำให้ผู้เกี่ยวข้อง กับข่าวลับนั้นตกอยู่ในภยันตราย หรือมีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศใดๆ
    ข้อความใดที่ นิวยอร์ก ไทมส์ ตัดสินว่าไม่ตีพิมพ์ก็ได้แจ้งให้ Wikileaks และสื่ออื่นที่ได้รับเอกสารลับเหล่านี้ได้รับทราบด้วยความหวังว่าคนอื่นจะปฏิบัติทำนองเดียวกัน
    ยิ่งกว่านั้น นิวยอร์ก ไทมส์ ก็ยังส่งเอกสารลับที่ เตรียมจะตีพิมพ์ไปให้เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลโอบามาได้อ่าน เพื่อเปิดโอกาสให้พวกเขาบอกกลับมาว่าส่วนไหนที่เห็นว่าอาจจะกระทบต่อผล ประโยชน์ทางความมั่นคงของรัฐบาล
    เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวอ่านแล้ว ก็บอกเพิ่มเติมว่าควรจะตัดเนื้อหาส่วนไหนออกอีก
    นิวยอร์ก ไทมส์ เห็นด้วยกับบางส่วนที่เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวต้องการให้ตัดออก แต่ก็มีอีกบางส่วนที่เราไม่เห็นด้วย และไม่ได้ตัดออกตามข้อเสนอของเจ้าหน้าที่รัฐ...”
    สรุปแล้ว นิวยอร์ก ไทมส์ บอกว่า ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะตีพิมพ์เนื้อหาจากเอกสารประมาณ 100 ชิ้น บางชิ้นก็ตีพิมพ์ทั้งดุ้น อีกบางชิ้นก็ตีพิมพ์เพียงบางส่วน
    นิวยอร์ก ไทมส์ ยอมรับว่าเป็นเรื่องลำบากใจอย่างยิ่งที่ต้องตัดสินว่าอะไรคือเนื้อหาที่เป็น ประโยชน์ต่อสาธารณชน และส่วนไหนอาจจะกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศ
    ท้ายที่สุดแล้ว ด้วยความสำนึกในหน้าที่ของสื่อต่อประชาชน นิวยอร์ก ไทมส์ ก็ยืนยันว่าจะต้องตีพิมพ์เนื้อหาเหล่านั้นเพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจวิธีการ ทำงานและแนวคิดของคนของรัฐ เพื่อสามารถวิเคราะห์และวิจารณ์การทำงานของรัฐบาล
    แต่ส่วนไหนที่ “อาจจะเป็นข้อมูลลับที่จะทำให้แหล่งข่าวตกอยู่ในสภาวะที่อาจถูกกระทำ หรือข่าวกรองที่อาจจะเป็นประโยชน์ต่อศัตรูในสงคราม” ก็ถูกตัดออกจากรายงาน
    ทั้งๆ ที่ นิวยอร์ก ไทมส์ ยอมรับว่าไม่ว่าจะตัดสินตีพิมพ์หรือไม่ตีพิมพ์ส่วนไหนของเอกสารลับนั้น ในท้ายที่สุดก็คงหนีไม่พ้นว่าข้อมูลเหล่านั้นก็จะถูกเปิดเผยออกมาจนได้
    เพราะเมื่อ Wikileaks มีเอกสารเหล่านั้นอยู่ในครอบครอง ก็ย่อมไม่มีอะไรที่จะหยุดยั้งการเปิดเผยให้คนทั่วไปรับทราบ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
    นี่คือที่มาของเอกสารลับอันอื้อฉาว และความยากลำบากของการตัดสิน ว่าจะทำอะไรกับมันของสื่อมืออาชีพ ที่ต้องสร้างดุลระหว่างหน้าที่กับความรับผิดชอบ


     
  15. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    อีทาย มาเออร์ เปิดกลโกงออนไลน์ "ร้าย" กว่าที่คิด

    โดย : วัลยา แสงทอง[​IMG]
    "ฟรอด แอส อะ เซอร์วิส" เป็นคำล้อเลียนกระบวนการใต้ดินยุคนี้ที่มีรูปแบบการให้บริการแทบไม่แตกต่างอะไรกับธุรกิจบริการผ่านระบบออนไลน์
    "ฟรอด แอส อะ เซอร์วิส (Fraud As A Service)" กำลังจะเป็นหนึ่งในศัพท์เทคนิคใหม่ที่ถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อยๆ นับจากนี้ เพราะแม้จะยังไม่ได้ถูกบัญญัติเป็นทางการในพจนานุกรมศัพท์ไอที แต่ถือเป็นการปรับเปลี่ยนรูปแบบของภัยออนไลน์ที่ถูกเปิดโปงโดยหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญการป้องกันการฉ้อโกงผ่านอินเทอร์เน็ตอย่าง "อีทาย มาเออร์" ผู้จัดการโครงการ การจัดการกับการฉ้อโกงออนไลน์ โครงการของอาร์เอสเอ หน่วยธุรกิจด้านการรักษาความปลอดภัยคนล่าสุดของ "อีเอ็มซี"
    ภัยเปลี่ยน-คนก็เปลี่ยน
    ความเชี่ยวชาญด้านการจัดการและเป็นที่ปรึกษาให้แก่บริษัทหลายแห่ง รวมทั้งกลุ่มบริษัทด้านความปลอดภัย ทำให้ "มาเออร์" ได้รับความไว้วางใจให้ดูแลงานส่วนบริการภัยไซเบอร์ให้ลูกค้ามากกว่า 40 แห่งทั่วโลก รวมถึงสถาบันการเงินหลักๆ โดยเขาอัพเดทสถานการณ์ภัยมืดปัจจุบันบนอินเทอร์เน็ตพบว่า "โทรจัน" เริ่มกลายเป็นประเด็นร้อนบนโลกออนไลน์ ซึ่งถือเป็นพัฒนาการของภัยมืดที่เริ่มต้นจากหนอนอินเทอร์เน็ตที่ไม่มีพิษสง ร้ายแรงเหมือนเมื่อหลายปีก่อน จนกระทั่งเป็นภัยร้ายถึงขั้นเป็นอันตรายต่อทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ และลุกลามถึงเงินในบัญชีธนาคาร
    แต่ที่น่าสนใจกว่าคือ นอกจากพัฒนาการของภัยคุกคามที่เพิ่มดีกรีความรุนแรงจากหนอน เป็นไวรัส หรือฟิชชิ่งเหล่านี้แล้ว ขณะเดียวกัน ผู้ที่อยู่เบื้องหลังภัยคุกคามหรือบรรดา "โจรไซเบอร์" ก็กำลังพัฒนาตัวเองไปด้วยเช่นกัน
    "คนที่อยู่เบื้องหลังภัยออนไลน์ตอน นี้เริ่มมีพัฒนาการมากขึ้น เริ่มเป็นคนมืออาชีพ และเป็นธุรกิจมากขึ้นกลายเป็นองค์กรอาชญากรรมที่มีกระบวนการจัดการเต็มรูป แบบ ไม่ใช่เด็กลองของเหมือนเมื่อก่อน" มาเออร์ว่า
    กลายเป็นกลวิธีสร้างรายได้รูปแบบใหม่ที่เขาให้ชื่อว่า "ฟรอด แอส อะ เซอร์วิส" ซึ่งเป็นคำล้อเลียนกระบวนการใต้ดินในยุคนี้ที่มีรูปแบบการให้บริการแทบไม่แตกต่างอะไรกับธุรกิจบริการผ่านระบบออนไลน์ใน ปัจจุบัน เช่น การให้บริการซอฟต์แวร์ผ่านอินเทอร์เน็ต หรือซอฟต์แวร์ แอส อะ เซอร์วิส เพราะนอกจากบริการซื้อขายบอตแล้ว ยังมีบริการดูแลหลังการขายเพื่อให้ลูกค้าสามารถซื้อหาบอตเหล่านี้ไปทำมิดีมิ ร้ายกับคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นได้ง่ายขึ้น
    "บอต" ตัวบ่อนลำทาย

    เขาทดลองตรวจจับ "บอตเน็ต" ซึ่งเป็นภัยคุกคามอีกรูปแบบหนึ่งในพื้นที่อินเทอร์เน็ตของประเทศไทยก็พบว่า เพียงช่วงเวลา 10 วัน สามารถตรวจพบบอตเน็ตสูงถึง 8,328 บอต ซึ่งส่วนใหญ่เกิดในกลุ่มการทำธุรกรรมออนไลน์ (อินเทอร์เน็ต แบงกิ้ง) เนื่องจากเป็นเป้าหมายที่มองเห็น "ตัวเงิน" ที่จะสามารถใช้ประโยชน์จากการปล่อยบอตเน็ตมาเพื่อโจรกรรมทรัพย์สินผ่านบัญชี ธนาคารโดยเฉพาะ
    ทั้งนี้แม้จะมีระบบความปลอดภัยของธนาคารล็อกอยู่แล้ว เช่น การเข้าเว็บผ่าน "https" ซึ่งถือเป็นซิเคียวริตี้สุดยอดของการเข้าเว็บต่างๆ หากแต่เหล่าโจรไซเบอร์ก็สามารถเอาชนะได้ง่ายๆ ด้วยการฝัง "โทรจัน" ลงบนเครื่อง เพื่อจัดการสั่งการเครื่องเอง
    อย่างไรก็ตามแนวโน้มของการโจมตีคอมพิวเตอร์ด้วยบอตเน็ตไม่ได้จำกัดเป้า หมายเพียงแค่เครื่องที่ทำธุรกรรมผ่านอินเทอร์เน็ตเท่านั้น แต่ยังมีแนวโน้มที่จะใช้เป็นเครื่องมือก่อการร้ายในรูปแบบอื่นๆ ได้ไม่จำกัด
    "8,000 กว่าบอตที่เจอบนเครื่อง ยังอาจถูกนำไปใช้ได้หลายวัตถุประสงค์ เช่น ทำสแปม, หรือใช้เป็นเครื่องเพื่อโจมตีระบบแบบดีไนล์ ออฟ เซอร์วิส เพราะเมื่อเครื่องติดบอตแล้วนั่นก็หมายถึงการถูกยึดเครื่องจากระยะไกล ที่แฮคเกอร์จะใช้เป็นเครื่องมือทำอะไรก็ได้เสมือนเป็นเจ้าของเครื่องเอง" มาเออร์ว่า
    สมาร์ทโฟนเป้าหมายใหม่
    พร้อมกันนี้ การเติบโตของมือถือ โดยเฉพาะ "สมาร์ทโฟน" ก็กำลังเป็นอีกเป้าหมายหลักของเหล่าโจรไซเบอร์ปีนี้ เพราะความสามารถที่แทบไม่แตกต่างจากการประมวลผลบนเครื่องคอมพิวเตอร์ทำให้ กลวิธีการโจมตีก็แทบไม่แตกต่างเช่นกัน
    นอกจากนี้เขายังพบว่า เทรนด์การเจาะระบบยุคนี้เริ่มตีวงจำกัดพื้นที่ และประเทศมากขึ้น ซึ่งรวมถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อันเนื่องมาจากความแพร่หลายของการเริ่มทำ ธุรกรรมผ่านอินเทอร์เน็ต และเป็นประเทศที่ส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นต้นกำเนิดของโปรแกรมไม่ประสงค์ดีเหล่า นี้ หากแต่เป็นการสั่งการ หรือแพร่กระจายจากคนในอีกซีกโลกหนึ่ง โดยเฉพาะแถบแอฟริกาใต้, รัสเซีย และยุโรปตะวันออก
    ขณะที่แนวโน้มพัฒนาการของโปรแกรมไม่ประสงค์ดีเหล่านี้ โดยเฉพาะ "โทรจัน" เริ่มถูกพัฒนาให้ตรวจจับได้ยากขึ้น และใช้ขโมยข้อมูลส่วนบุคคล หรือข้อมูลสำคัญทางการเงินได้อย่างซับซ้อนขึ้น และที่สำคัญกว่านั้นคือ การลบโทรจันยังทำได้ยากขึ้นถึงขนาดที่การฟอร์แมตเครื่องก็ไม่สามารถแก้ปัญหา ได้ นอกจากการฟอร์แมตลึกถึงระดับฮาร์ดดิสก์ของเครื่อง
    ทั้งนี้ไม่ใช่เพียงแฮคเกอร์จะพัฒนาตัวเองเท่านั้น หากในมุมของผู้พัฒนาโซลูชั่นป้องกันภัยก็พัฒนาตัวเองไล่ตามไปด้วยเช่นกัน เช่น ระบบช่วยศึกษาพฤติกรรมของยูสเซอร์ หรือเรียกว่า "บีแฮฟวิเออร์ โพรไฟล์" และการตรวจสอบประวัติการใช้อุปกรณ์ในการทำธุรกรรมของผู้ใช้ "ดีไวซ์ โพรไฟล์ ออเธนติเคชั่น" ของอาร์เอสเอ เพื่อตรวจสอบตัวตนของผู้ใช้งานให้แน่ใจว่าเป็นตัวจริง
    "คน" ต้นตอหลักวิกิลีกส์
    อย่างไรก็ตามเขายอมรับว่า "วิกิลีกส์" ที่กำลังเป็นประเด็นร้อนแรงของโลกในขณะนี้เป็นช่องโหว่ของความปลอดภัย ไซเบอร์อีกรูปแบบหนึ่ง หากแต่ต้นตอไม่ได้เกิดจากความผิดพลาดของระบบ แต่เป็นเพราะการเข้าถึงข้อมูลที่มากเกินไปของคน เช่น คนภายในขององค์กร ที่ให้เกิดการรั่วไหลของข้อมูล
    มาเออร์บอกว่า ในช่วง 3 ปีให้หลังหน่วยงานรัฐส่วนใหญ่ก็เริ่มหันมาใช้แล็ปทอปทำงานมากขึ้น ซึ่งอีกมุมหนึ่งความสะดวกที่ว่าได้เริ่มกลายเป็นช่องโหว่ที่จะทำให้เกิดการ รั่วไหลของข้อมูลได้ง่ายมากขึ้นอีก ซึ่งทางออกหนึ่งที่เขาแนะนำคือ การอัพเดทโปรแกรม หรือซอฟต์แวร์ป้องกันภัยต่างๆ ให้ทันสมัยอยู่เสมอ
    "ไม่มีโปรแกรม หรือวิธีอะไรที่ป้องกันความปลอดภัยในการใช้งานคอมพิวเตอร์ได้ 100% ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดคือ การหมั่นอัพเดทโปรแกรมแอนตี้ไวรัสต่างๆ และการไม่คลิก หรือดาวน์โหลดลิงค์ที่ไม่รู้จัก รวมถึงการดาวน์โหลดโปรแกรมฟรีต่างๆ ที่มักจะมาพร้อมกับภัยออนไลน์ฟรีๆ ด้วย" มาเออร์ ให้ข้อแนะนำระดับผู้เชี่ยวชาญซึ่งไม่ควรมองข้าม


     
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    สเปนขาย "อาหารต้านวิกฤติ" ราคาแค่ 1 ยูโร
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 ตุลาคม 2551 01:55 น.
    [​IMG]

    อเอฟพี - ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่เมืองกีฆอน ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของสเปน เปิดขายชุดอาหารกลางวันที่มีชื่อว่า "เมนูต้านวิกฤต" ซึ่งสนนราคาเพียงชุดละ 1 ยูโร (ราว 44 บาท) เพื่อช่วยเหลือลูกค้าในเมืองท่าอุตสาหกรรมแห่งนี้ ที่กำลังเผชิญกับภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง

    "แม้เราจะไม่ได้กำไร แต่ก็ไม่ขาดทุนซักหน่อย" เอมีเลีย ฆิเมเนซ หนึ่งในผู้จัดการร้านดาริโอกล่าวกับสื่อท้องถิ่น

    ร้านอาหารแห่งนี้ เปิดตัวเมนูต้านวิกฤตเมื่อช่วงตันเดือนที่ผ่านมา เพื่อพยายามดึงดูดลูกค้า ในระหว่างที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคในสเปนลดลงอย่างฮวบฮาบ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจถดถอย

    ชุดอาหารสุดคุ้มนี้จะประกอบด้วยซุปซีฟู้ด,ซี่โครงเนื้อพร้อมข้าว,ไก่ หรือปลาแอนโชวีกับสลัด พร้อมด้วยขนมปัง และปิดท้ายเครื่องดื่มกับของหวาน

    ทั้งนี้ ปกติแล้วเมนูอาหารกลางวันในสเปนจะมีราคาราว 10 ยูโร
    Around the World - Manager Online -
     
  17. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ธนาคารสวิสอายัดบัญชีเจ้าของวิกิลีกส์หลังแจ้งข้อมูลเท็จ
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>7 ธันวาคม 2553 04:07 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    เอเอฟพี - ธนาคารไปรษณีย์สวิส วานนี้(6) อายัดบัญชีเงินฝากเจ้าของวิกิลีกส์ นายจูเลียน อาสซาน ฐานแจ้งข้อมูลเท็จ ขณะที่เขาอ้างว่าต้องสูญเสียรายได้ไป 100,000 ยูโร หลังถูกจำกัดช่องทางทางการเงินสัปดาห์นี้

    คำแถลงของธนาคารไปรษณีย์สวิสระบุว่าทางธนาคารได้ยุติความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับ จูเลียน อาสซาน ผู้ก่อตั้งวิกิลีกส์แล้ว หลังเจ้าของวิกิลีกส์ ระบุกรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นถิ่นพำนักของเขา "พลเมืองชาวออสเตรเลียให้ข้อมูลเท็จในเรื่องถิ่นที่อยู่ระหว่างกระบวนการเปิดบัญชี"

    ด้านวิกิลีกส์รายงานบนทวิตเตอร์ว่าธนาคารไปรษณีย์สวิส ได้อายัดบัญชีเงินฝากของนายจูเลียน อาสซาน รวมถึงทรัพย์สินส่วนตัวจำนวน 31,000 ยูโร

    วิกิลีกส์เปิดบัญชีเงินฝากผ่านออนไลน์กับธนาคารไปรษณีย์สวิส เพื่อรับบริจาคโดยตรงแก่นายจูเลียน อาสซานและพนักงานคนอื่นๆในวิกิลีกส์ โดยใช้ชื่อบัญชีว่า อาสศาน จูเลียน พอล,เจนีวา"

    คำสั่งอายัดบัญชีดังกล่าวนับเป็นความผิดหวังครั้งใหม่ของผู้ก่อตั้งวิกิลีกส์รายนี้ท่ามกลางแรงกดดันต่อนานาชาติให้ปิดเว็บไซต์ดังกล่าวนับตั้งแต่เว็บไซต์แห่งนี้เผบแพร่เอกสารลับระดับสุดยอดของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ

    PayPal บริการจ่ายเงินออนไลน์ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในสหรัฐฯเมื่อวันศุกร์(3) ดำเนินการบล็อคการโอนเงินเข้าสู่วิกิลีกส์ หลังจากรัฐบาลทั่วโลกเริ่มดำเนินการทางกฎหมายต่อเว็บไซต์แห่งนี้ "วิกิลีกส์และจูเลียน สูญเสียเงินไป 100,000 ในสัปดาห์นี้"

    ทางธนาคารไปรษณีย์สวิส เปิดเผยเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ว่า กำลังอยู่ระหว่างตรวจสอบนายจูเลียน อาสซาน หลังไม่ปรากฎว่าเขามีภูมิลำเนาในเจนีวา "อาสซานระบุว่าเจนีวาคือภูมิลำเนาของเขา และหลังจากสืบสวน เราพบว่าข้อมูลเหล่านี้ไม่เป็นความจริง"

    "อาสซาน ไม่สามารถพิสูจน์ถิ่นพำนักของเขาในสวิตเซอร์แลนด์ ประกอบกับขาดคุณสมบัติด้านความสัมพันธ์ทางลูกค้ากับธนาคารไปรษณีย์สวิส ด้วยเหตุผลเหล่านี้ธนาคารจึงขอใช้สิทธิ์ปิดบัญชีของเขา"

    แม้ธนาคารสวิตเซอร์แลนด์ มีกฎระเบียบเกี่ยวกับการปกปิดความลับทางธุรกรรมของลูกค้า แต่ภายใต้กฎหมายการฟอกเงินและเงื่อนไขของธนาคาร ลูกค้าจำเป็นต้องแจ้งภูมิลำเนาที่แท้จริงของพวกเขา

    ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งวานนี้(6) มีรายงานว่าหมายจับนายจูเลียน ได้ถึงมือเจ้าพนักงานของอังกฤษแล้ว หลังจากเชื่อกันว่าเขาหลบซ่อนอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอังกฤษ
    Around the World - Manager Online -
     
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    “วิกิลีกส์” รุ่นจิ๋วขวัญใจผู้บริโภค แฉเห็ดเจี๊ยะไม่ได้
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>7 ธันวาคม 2553 08:26 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่จีนเจอ “วิกิลีกส์” รุ่นเยาว์แดนมังกร ทำหน้าที่ตีแผ่ข้อเท็จจริงให้สังคมรับรู้ หลังจากคนของรัฐรับรองอย่างดิบดีว่า เห็ด ที่ขายในท้องตลาดมีความปลอดภัย บริโภคได้ไร้ปัญหา

    เรื่องนี้เกิดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง เมื่อคนชอบรับประทานเห็ดอย่างเด็กชายจัง เหา นักเรียนชั้นประถม วัย 11 ปี ถูกมารดาห้ามรับประทานอาหาร ที่เขาโปรดปราน หลังจากมีรายงานข่าวความไม่ปลอดภัยของพืชอุดมโปรตีนชนิดนี้

    ด้วยหวังจะพิสูจน์หักล้างข้อกล่าวหา ที่ว่า มีการใช้สารฟอกขาว เพื่อให้เห็ดดูขาวน่ากิน เมื่อเดือนก.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหนูจังจึงลงมือรวบรวมตัวอย่างของเห็ดชนิดต่าง ๆ มาได้จำนวนหนึ่ง แล้วลงมือตรวจสอบด้วยขั้นตอนทางวิทยาศาสตร์ โดยมีนักศึกษา ซึ่งทำงานวิจัยของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จีนคนหนึ่งคอยช่วยเหลือ

    เด็กชายจังลงมือพิสูจน์ โดยใช้กล้องจุลทรรศน์และหลอดไฟยาวชนิดมีแสงเรือง ที่บ้านเราเรียกกันว่าไฟนีออน แต่ในที่สุดเขาก็พิสูจน์หักล้างข้อกล่าวหาไม่ได้ เพราะเห็นกับตาว่า เห็ดส่วนใหญ่เหล่านี้ปนเปื้อนสารเคมีเต็มไปหมด

    หนังสือพิมพ์ และอินเทอร์เน็ตพากันประโคมข่าวเรื่องนี้ และยกย่องเจ้าหนูว่า เป็นผู้เปิดเผยข้อมูล (whistleblower) รุ่นเยาว์ ที่ฉลาดเกินอายุ

    ข่าวดังกล่าวทำให้เจ้าหน้าที่กรุงปักกิ่งต้องรีบออกมาแถลงทันทีว่า เห็ดถึงร้อยละ 97.7 ไม่มีสารปนเปื้อน ยืนยันว่า เจี๊ยะได้ครับ

    แต่ผลสำรวจทางอินเทอร์เน็ตพบว่า ผู้ถูกสอบถาม 1,100 คน กลับเชื่อเด็กชาย ขณะที่เพียง 8 คน เชื่อเจ้าหน้าที่รัฐ

    “ผมมีความสุขมากเลย ที่หนังสือพิมพ์ทำข่าวเกี่ยวกับรายงานการค้นพบของผม” เจ้าหนูกล่าว

    “พวกเราทุกคนรู้แล้วว่า เห็ดอาจถูกฟอกขาวได้ และเพิ่มความระมัดระวังเรื่องนี้มากขึ้น ผมบรรลุวัตถุประสงค์แล้วครับ”

    ปัจจุบัน อุตสาหกรรมอาหารของจีนยังมีปัญหาด้านความปลอดภัยอยู่ไม่น้อย สำหรับสารฟอกขาวนั้น สื่อมวลชนจีนรายงานว่า ก่อให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพหลายประการ เช่น ทำลายตับ, ผิวหนังเกิดภูมิแพ้ และปัญหาระบบทางเดินหายใจ เช่นโรคหืด ฯลฯ
    China - Manager Online -
     
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ดาวโจนส์ร่วง หลังเฟดส่งสัญญาณพร้อมอัดฉีดศก.เพิ่ม

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    วันที่ 7 ธันวาคม 2553 05:54
    [​IMG]

    หุ้นสหรัฐปรับตัวไร้ทิศทางชัดเจน เหตุนักลงทุนมีความรู้สึกแตกต่างกันไป หลังเฟดส่งสัญญาณพร้อมอัดฉีดเงินเพิ่ม หากเศรษฐกิจสหรัฐ ยังไม่ดีขึ้น
    <!--<iframe scrolling="no" src="fullURLmain/include/adsense/indetail.php" frameborder="0" height="266" width="250"></iframe>--><SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20101201/show_ads_impl.js"></SCRIPT>ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดซื้อขายวานนี้ (6 ธ.ค.) ปรับตัวลง 19.90 จุด (0.17%) มาอยู่ที่ 11,362.10 จุด ขณะดัชนีเอส แอนด์ พี 500 ลดลง 1.59 จุด (0.13%) ที่ 1,223.12 จุด สวนทางกับดัชนีแนสแด็ก ที่ไต่ระดับขึ้นมา 3.46 จุด (0.13%) ปิดตลาดที่ 1,223.12 จุด
    การซื้อขายเป็นไปอย่างไร้ทิศทางชัดเจนตลอดทั้งวัน เหตุนักลงทุนพากันตีความแตกต่างกันไป ถึงถ้อยแถลงของนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ที่ระบุว่า มีความเป็นไปได้อย่างแน่นอน ที่เฟดอาจอัดฉีดเงินเข้าตลาดมากกว่าตัวเลข 600,000 ล้านดอลลาร์ ที่ประกาศออกมาเมื่อเดือนที่แล้ว หากสถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐยังไม่กระเตื้องขึ้น
    เทรดเดอร์ ยังจับตาดูสถานการณ์ในสหภาพยุโรป (อียู) ที่มีการประชุมรัฐมนตรีคลังประเทศสมาชิก หารือถึงความเป็นไปได้ ที่จะมีการจัดทำแผนช่วยเหลือสำหรับประเทศสมาชิก ที่มีหนี้จำนวนมหาศาล หลังให้ความช่วยเหลือไอร์แลนด์ไปแล้ว

     
  20. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เกาหลีใต้เริ่มซ้อมยิงกระสุนจริง

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    วันที่ 6 ธันวาคม 2553 18:17
    [​IMG]

    เกาหลีใต้เริ่มซ้อมรบด้วยกระสุนจริง ขณะเกาหลีเหนือจับคนกว่าพันราย ฐานแอบดูหนังเกาหลีใต้
    <!--<iframe scrolling="no" src="fullURLmain/include/adsense/indetail.php" frameborder="0" height="266" width="250"></iframe>--><SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20101201/show_ads_impl.js"></SCRIPT>สำนักข่าวยอนฮัพ รายงานอ้างเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ ว่าการซ้อมรบด้วยการยิงปืนใหญ่ด้วยกระสุนจริง เริ่มต้นขึ้นวันนี้ใน 29 จุดตามแนวชายฝั่งของเกาหลีใต้ตามที่ได้วางแผนไว้ แต่จะอยู่ห่างจากจุดที่เป็นข้อพิพาทน่านน้ำระหว่าง 2 เกาหลี และจะไม่มีการซ้อมใกล้กับเกาะยอนเพียง ซึ่งเป็นเกาะที่โดนกระสุนปืนใหญ่ของเกาหลีเหนือตกใส่เมื่อวันที่ 23 พฤศิจกายนที่ผ่านมา ทำให้ทหารเกาหลีใต้และพลเรือนเสียชีวิตรวม 4 นาย
    การซ้อมรบจะดำเนินไปจนถึงวันอาทิตย์ โดยกองทัพเรือเกาหลีใต้จะส่งเรือรบร่วมซ้อมด้วยในวันต่อๆ ไป
    ประธานาธิบดีลี เมียง บัค ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าใช้นโยบายที่ไม่แข็งกร้าวเท่าที่ควร ในการตอบโต้การโจมตีของเกาหลีเหนือ แต่งตั้งรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ และประกาศจะทบทวนระบบการจัดการเหตุการณ์วิกฤต เพื่อรับมือการโจมตีของเกาหลีเหนือในอนาคต
    และให้ความเชื่อมั่นว่า ประชาชนที่อาศัยอยู่บนเกาะใกล้กับพรมแดน 2 ประเทศจะมีชีวิตที่ปลอดภัยมากขึ้น
    ขณะเดียวกัน รายงานของกลุ่มนอร์ธ โคเรีย อินเทเลคชวล โซลิดาริตี้ ซึ่งเป็นกลุ่มเกาหลีเหนือแปรพักตร์ที่มีฐานอยู่ในกรุงโซล ระบุว่า มีชาวเกาหลีเหนือมากกว่า 1 พันคนที่ต้องติดคุก เพราะแอบดูรายการโทรทัศน์และภาพยนต์จากเกาหลีใต้
    การรับสื่อต่างประเทศ เป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับชาวเกาหลีเหนือ ผู้ที่ฝ่าฝืนจะถูกปรับหรือติดคุก แต่ดีวีดีละเมิดลิขสิทธิ์และซีดีเพลงที่ลักลอบเข้ามาผ่านทางจีน เพื่อนบ้านและคู่ค้าที่สำคัญของเกาหลีเหนือ ทำให้วัฒนธรรมป๊อปจากเกาหลีใต้กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในประเทศคอมมิวนิสต์แห่งนี้

     

แชร์หน้านี้

Loading...