!!!!!!เครื่องรางดี มีระดับ ประทับใจราคา!!!!!!

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย -Sapphire-, 25 เมษายน 2014.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. -Sapphire-

    -Sapphire- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +293
    !!!เครื่องรางหายากแบ่งกันนำไปบูชาในราคาสุดพิเศษครับ!!!

    ติดต่อได้ที่ โทร 083-037-1968

    line id swat_light-

    ส่งข้อความมาหา โทรคุยกันได้นะครับ เที่ยงวันยันเที่ยงคืนครับ



    รับประกันความพึงพอใจทุกรายการครับ มีปัญหาคืนเงินเต็มครับไม่มีลีลา

    ถ้าเวลาสะดวกนัดเจอกันได้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มีนาคม 2017
  2. -Sapphire-

    -Sapphire- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +293
    รายการที่ 1 ตะกรุดลูกอมโลกธาตุ หลวงปู่ยิ้มวัดหนองบัวครับ

    หลวงปู่ยิ้ม เป็น พระเกจิที่มีอุปนิสัยสันโดษ ไม่มักใหญ่ใฝ่สูง กาลต่อมาได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดหนองบัวสืบต่อจากหลวงพ่อกลิ่น ท่านปฏิบัติทางวิปัสสนาธุระจนมีชื่อเสียง และเป็นอาจารย์สอนทางวิปัสสนากัมมัฏฐาน นอกจากนี้ ท่านได้คิดค้นวิชาคาถาอาคมไว้หลายแขนงวิชาด้วยกัน ทั้งด้านไสยศาสตร์และวิชาแพทย์แผนโบราณ ที่สำคัญคือ ′คาถาหัวใจโลกธาตุ′ ที่มีความเข้มขลังและศักดิ์สิทธิ์มาก นอกเหนือจาก ′พระปิดตาภควัมบดี′ ที่ได้รับความนิยมสูงสุดและได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในชุดเบญจภาคีพระปิดตาเนื้อผงแล้ว ยังมีเครื่องรางที่ได้รับความนิยมสูงสุดอีกประเภทหนึ่งคือตะกรุดลูกอม ที่เรียกกันว่า "ตะกรุดโลกธาตุ" ซึ่งถือเป็นต้นตำรับการสร้างตะกรุดลูกอมโลกธาตุของเมืองไทย
    "ตะกรุด โลกธาตุ" เป็นตะกรุดขนาดเล็กใช้พกติดตัว หลวงปู่ยิ้มจะลงด้วยหัวใจโลกธาตุ "อิจฉันโต จิตโต อิจฉันโต โลกธาตุมหิ อัตตะภาเทวนัง นาทุยิ วาระวีสะติ สิทธังละอะ" และกลึงปิดหัวท้ายพระยันต์ด้วยยันต์ใบพัด วัสดุที่ใช้ทำจะเป็นโลหะ ทองคำ เงิน นาก หรือทองแดง ซึ่งต้องมีน้ำหนัก 1 สลึง ยาวขนาด 7 ใบมะขามเรียกว่า ′สัตตะโพชฌงค์ 7′
    ตะกรุด โลกธาตุ หลวงปู่ยิ้ม สร้างอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์มากมายเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว เมื่อถึงคราวคับขันจวนตัวจะถูกทำร้ายให้กลืนเข้าไปในท้อง จะสามารถล่องหนหายตัวและป้องกันอันตรายได้ทุกประการ ตะกรุดนี้เชื่อว่าสามารถออกมาจากร่างกายได้เอง โดยให้ตั้งจิตอธิษฐานก่อนนอน รุ่งขึ้นตะกรุดก็จะออกมาปรากฏอยู่ข้างตัว โดยจะไม่ออกทางทวารเบื้องต่ำเด็ดขาด ปัจจุบันหาดูได้ยากยิ่ง และในบรรดาลูกศิษย์ลูกหาของหลวงปู่ยิ้มนั้น น้อยท่านนักที่เรียนจบวิชา ′คาถาหัวใจโลกธาตุ′
    ดอกนี้พิเศษพันด้ายสายสิญจน์สายพรหมจารีย์ และคลุกผงก่อนนำไปจุ่มรักซึ่งผงนี้เป็นผงเดียวกับพระปิดตาของท่านครับ เด่นด้านแคล้วคลาดเมตตามหานิยมครับ



    [​IMG]

    [​IMG]
    [​IMG]

    มีคนนิมนต์ไปแล้วครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤษภาคม 2014
  3. -Sapphire-

    -Sapphire- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +293
    รายการที่ 2 ผ้ายันต์ม้าเสพนาง ครูบาวัง วัดบ้านเด่น จังหวัดตาก

    หลวงพ่อครูบาวัง พรหมเสโน พื้นเพเดิมท่านเป็นชาวจังหวัดลำพูน นามสกุลเดิมของท่านคือ ณ ลำพูน สืบเชื้อสายมาจากเจ้าหลวงเศรษฐีคำฟั้นซึ่งเป็นเจ้าผู้ครองนครลำพูน และเป็นต้นสกุล ณ ลำพูน สืบสายมาจากเชื้อเจ้าเจ็ดตน เพราะเป็นบุตรของเจ้าฟ้าชายแก้ว ซึ่งเป็นพระโอรสของเจ้าพระยาสุลวฤไชย (พ่อเจ้าทิพย์ช้าง) แห่งสกุลทิพยจักร์

    หลวงพ่อครูบาวัง เกิดเมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๔๓๔ และมรณภาพเมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๑๖ ท่านเป็นเพศพรหมจรรย์คือบวชตั้งแต่เป็นสามเณรจนกระทั่งมรณภาพ (บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ ๑๒ ปี ในปี พ.ศ. ๒๔๔๕ และอุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่ออายุ ๒๑ ปี ในปี พ.ศ. ๒๔๕๕ ) ในขณะที่ท่านดำรงอยู่ในสมณเพศ ได้จาริกเดินธุดงค์ควบคู่กันไปกับการศึกษาตำราโหราศาสตร์และไสยศาสตร์,ตำราพระเวทมนต์คาถา ทั้งตำราที่เป็นอักษรธรรมของล้านนาและของเมืองพม่าจนแตกฉานและสามารถพูดทั้งสองภาษาได้ด้วยเช่นเดียวกัน รวมทั้งได้เรียนรู้เกี่ยวกับศาสนพิธีต่างๆตามตำหรับโบราณดั้งเดิมของล้านนาและของพม่า เป็นระยะเวลา ๑๖ ปี เมื่อท่านชราภาพจึงย้ายมานั่งหนักที่วัดบ้านเด่น

    หลวงพ่อท่านเป็นผู้รู้เชี่ยวชาญในเรื่องของโหราศาสตร์และไสยเวทมนต์คาถารวมทั้งศาสนพิธีตามแบบประเพณีของล้านนา ในระหว่างการถือธุดงควัตร หลวงพ่อท่านได้ประจักษ์ในสัจจะธรรมแห่งการเวียนว่ายตายเกิด จึงเป็นแรงบันดาลใจให้ท่านสร้างวัตถุมงคลเครื่องรางของขลังฯ เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนผู้ตกทุกข์ได้ยาก โดยส่งเสริมและมุ่งเน้นให้เขาเหล่านั้นทำความดีและรักษาศีลห้าไปพร้อมกันในขณะที่ถือครองวัตถุมงคลของท่านอยู่ในมือ ท่านมีความรู้แตกฉานในการสร้างเครื่องรางของขลัง โดยมุ่งเน้นสงเคราะห์และให้ความช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ในยาม เจ็บ ป่วย ไข้ ท่านทำงานในหลายบทบาทหน้าที่มาก
    ในขณะที่ท่านยังดำรงชีวิตอยู่ในสมณเพศท่านไม่เคยที่จะหยุดกิจวัตรของสงฆ์เลย ยกตัวอย่างเช่น การสร้างศาสนสถานและทำนุบำรุงวัดบ้านเด่น จ.ตาก ส่งเสริมสนับสนุนช่วยเหลือให้บุตรหลานได้มีการศึกษา บวชเรียนเป็นเณรในวัดและเป็นนักเรียนที่ดีในโรงเรียน (เพื่อติดอาวุธทางปัญญาในการประกอบสัมมาอาชีพซึ่งเรียกว่าเป็นทรัพย์ภายในที่แท้จริง)นี่คือปรัชญาและวิสัยทัศน์ของหลวงพ่อครูบาวัง ท่านมีลูกศิษย์ลูกหามากมายทั้งชายและหญิง ส่วนมากทุกคนชอบเรียกท่านว่า พ่อตุ๊ มีความหมายว่า (พ่อพระ) ที่เรียกเช่นนี้เพราะเป็นการแสดงถึงความเคารพนับถือเทิดทูนอย่างเต็มเปี่ยมในตัวหลวงพ่อท่านนั่นเอง ท่านเป็นพระพรหมจรรย์(ศึกษาปรมัตถ์และพระเวท)ที่ถือศีลบริสุทธิ์เพราะท่านหมดกิเลศ นั้นเป็นเหตุผลว่าทำไม พระพุทธคุณนัง, ธัมมะคุณนัง, และสังฆะคุณนัง ในวัตถุมงคลของท่านจึงเข้มขลังและศักดิ์สิทธิ์มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์และประสบการณ์มากมาย

    วัตรปฏิบัติของท่านมุ่งเน้นในการช่วยเหลือและสงเคราะห์เพื่อนมนุษย์ที่มีความทุกข์ กับวลีคำพูดที่ไม่มีวันตายของท่านที่ทุกคนฟังอย่างตั้งใจในคำกล่าวต้อนรับที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นเหมือนไม่เคยพบพานที่ไหนมาก่อน ในประโยคที่เหมือนกันคือ "ขอให้บอกพ่อมาเถิดลูก ไม่ต้องเกรงใจลูกจะเอาอะไรต้องการอะไรจากพ่อ ขอให้ลูกบอกพ่อมาเลย"นี่คือวลีคำพูดที่เปี่ยมด้วยเมตตาในมาตรฐานเดียวกันหมดทุกคน (ไม่เคยเลือกที่จะปฏิบัติ) ไม่ว่าลูกศิษย์และศรัทธาประชาชนทุกชนชั้น ตั้งแต่ระดับนายกรัฐมนตรีไปจนถึงระดับคนรากหญ้า สิ่งหนึ่งที่อยากกล่าวถึงซึ่งเกี่ยวกับกลุ่มคนที่เป็นโรคบ้าทุกชนิดที่มีความมุ่งหวังต้องการมาพบกับหลวงพ่อเพื่อให้ท่านช่วยรักษาตัวให้หายจากอาการของโรคบ้า หลังจากหายดีแล้วแต่เขาเหล่านั้นไม่มีเงิน ท่านยังให้ความเมตตาเหมือนเดิมด้วยการช่วยสงเคราะห์ค่ารถให้กลับบ้านไปหาครอบครัวและใช้ชีวิตอย่างเป็นปรกติสุขเหมือนเดิม

    ท่านสร้างวัตถุมงคลและเครื่องรางของขลัง โดยมุ่งเน้นช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์อย่างแท้จริง ท่านเป็นพระสงฆ์อันเป็นที่รักยิ่งของทุกคน คุณงามความดีของหลวงพ่อท่านไม่เคยตายจากและจะเป็นอมตะในความทรงจำของเราเสมอ นี่คือหนึ่งในหลายๆเหตุผลที่เราเรียกท่านคือ " เทพเจ้าแห่งความเมตตา

    ผ้ายันต์ม้าเสพนางของท่านสร้างจากผ้าห่อศพดีทางด้านเมตตามหานิยมและยังด้านค้าขายเสี่ยงโชค เป็นตำนานที่เล่ากันไม่มีวันจบ
    ผืนนี้สภาพเดิมได้จากเพื่อนที่อยู่จังหวัดตากครับเก็บจนมีเชื้อราขาวบนผ้าแล้วครับ

    [​IMG]
    [​IMG]

    ราคาสุดพิเศษสำหรับปีนี้ปีม้าเพื่อเสริมดวงคนปีมะเมียซึ่งเข้ากับผ้ายันต์ม้าเสพนางพอดีครับ โทรหาหรือ pm มาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤษภาคม 2014
  4. -Sapphire-

    -Sapphire- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +293
    รายการที่ 3 ตะกรุดลูกอม หลวงปู่เปลี่ยนวัดใต้

    หลวงปู่เปลี่ยน อินทสโร (พระวิสุทธิรังษี) วัดไชยชุมพลชนะสงคราม (ใต้) อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
    สร้อยนามคำขวัญหนึ่ง ซึ่งมักนิยมเรียกขาน กล่าวขวัญถึงอมตเถราจารย์สองท่านของเมืองกาญจนบุรี คือ ถ้าเจ้าชู้ต้องวัดเหนือ ถ้าเป็นอ้ายเสือต้องวัดใต้
    วัดใต้ หมายถึง หลวงปู่เปลี่ยน อินทสโร ด้วยบุคลิกลักษณะของท่านเป็นมหาอำนาจใครได้พบเห็นก้อรู้สึกเกรงขามแม้แต่ขุนโจรชื่อดังยังให้ความเคารพยำเกรง พุทธาคมความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ของท่านจึงเด่นทาง มหาอำนาจและคงกระพันชาตรีอย่างเอกอุ
    วัดเหนือ หมายถึง หลวงปู่ดี พุทธโชติ ด้วยบุคลิกลักษณะของท่านเป็นพระเถราจารย์ ผู้เปี่ยมล้นด้วยเมตตาจิต ดังนั้นพุทธาคมความเข็มขลังศักดิ์สิทธิ์ของท่าน จึงอุดมไปด้วยเมตตามหานิยม
    จึงเป็นสร้อยนาม ต้องตามคุณูประการของทั้งสองท่าน ที่เข้มขลังคนละด้านเท่ากันไปและพระเถราจารย์ทั้งสองท่านนี้ล้วนเป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ดำรงตำแหน่ง เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี มาแล้ว
    พระวิสุทธิรังษี หรือ หลวงปู่เปลี่ยน อินทสโร แห่งวัดไชยชุมพลชนะสงคราม หรือ ที่นิยมเรียกขานทั่วไปว่า วัดใต้ นั่นเอง ท่านเป็นพระเถรานุเถระชั้นผู้ใหญ่ทำหน้าที่ปกครองดูแลคณะสงฆ์ของจังหวัดกาญจนบุรีในฐานะเจ้าคณะจังหวัดเป็นอมตเถราจารย์ผู้เคร่งครัดในการปฏิบัติวิปัสนามัฏฐาน และพุทธคมเข้มขลัง เกียรติคุณชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักกันทั่วประเทศ พิธีพุทธาภิเษก-ปลุกเสกครั้งใด จะขาดท่านไปเสียไม่ได้ จำเป็นต้องอาราธนาท่านมาร่วมในพิธีเสมอ
    หลวงปู่ยิ้ม ท่านเป็นพระสมถะ ชอบสันโดษ ไม่ฝักใฝ่ในลาภยศสรรเสริญ ตลอดชีวิตในเพศบรรพชิต ท่านดำรงตำแหน่งของสงฆ์เป็นเพียงเจ้าอาวาส , เจ้าคณะตำบล และเป็นพระอุปัชฌาย์เท่านั้น แต่ในความเป็นอมตเถราจารย์ผู้เข้มขลัง เรืองเวทย์พุทธาคม เกียรติคุณเลื่องลือไปทั่วทุกสารทิศแล้ว ประการนี้ย่อมเป็นที่ทราบกันดี อันว่าวัดหนองบัว และ วัดใต้นั้น ก้อใช่ว่าจะห่างไกลกันสักเท่าใดและหลวงปู่เปลี่ยนเองก้อย่อมประจักษ์ในสิ่งเหล่านั้น แม้ท่านจะได้รับการศึกษาถ่ายทอดพุทธาคมจากอาจารย์ผู้เป็นพระอุปัชาย์ คือ พระครูวิสุทธิรังษี(ช้าง) มาเป็นอย่างดีแล้ว แต่ด้วยเป็นผู้ฝักใฝ่ในการศึกษาสรรพวิทยาการ ศาสตร์แขนงต่างๆ อันเป็นการเพิ่มพูลความรู้ยิ่งขึ้น ซึ่งก้อเป็นปกติของพระเถราจารย์ยุคโบราณที่ปฏิบัติกันมา เมื่อมีจังหวะโอกาสก้อได้ฝากตัวเป็นศิษย์ ขอศึกษาจากหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว ท่านเป็นปรมาจารย์ต้นตำรับ กล่าวได้ว่าหลวงปู่เปลี่ยนเป็นศิษย์ของท่านอีกองค์หนึ่ง
    สำหรับการสร้างวัตถุมงคล
    ตะกรุดลูกอม สำหรับวิชาการสร้างตะกรุดลูกอมนี้ ท่านได้เรียนมาจากหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว ผู้เป็นปรมาจารย์ต้นกำเนิดของวิชานี้ ลงด้วยพระคาถาหัวใจโลกธาตุ เสร็จแล้วม้วนเป็นวงกลม ลักษณะเหมือนลูกอมหลวงปู่ยิ้ม หลวงปู่ใจ อักขระเลขยันต์ที่ลงในตะกรุดก็เป็นตัวเดียวกันแต่จะต่างกันที่โลหะที่นำมาสร้างซึ่งตะกรุดของหลวงปู่เปลี่ยนทองแดง พุทธคุณตะกรุดของท่านจะเด่นทางด้านคงกระพันชาตรี

    [​IMG]
    [​IMG]

    ตะกรุดดอกนี้สภาพเดิมม้วนแน่นมีสายสิญจน์เป็นของดีที่หายากครับในพื้นที่หลักหมื่นยังหาของไม่ได้เลยครับ

    ปิดแล้วครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤษภาคม 2014
  5. -Sapphire-

    -Sapphire- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +293
    รายการที่ 4 แพะหลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอก

    หลวงพ่ออ่ำ ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองกระบอก ท่านมีอาคมเข้มขลัง เป็นพระเกจิอาจารย์รูปหนึ่งของเมืองระยองเมื่อเกือบ 150 ปีที่แล้ว มีลูกศิษย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังต่อมา คือ หลวงพ่อเริ่ม วัดจุกกระเชอ จ.ชลบุรี หลวงพ่อลัด วัดหนองกระบอก ระยอง สมัยที่ท่านมีชีวิตอยู่สร้างเครื่องรางของขลังรูปแพะจนมีชื่อเสียง และเป็นที่ต้องการของผู้เลื่อมใสศรัทธา
    โดยสร้างจากเขาควายฟ้าผ่าตาย มีความเชื่อกันว่าเขาอันนั้นได้รับพลังจากเทพ แล้วนำมาแกะเป็นแพะ ท่านบรรจุวิชาอาคมเวทมนตร์คาถาที่ได้ศึกษาเล่าเรียนมา ได้นำตัวแพะที่แกะสำเร็จแล้ววางลงบนถาดหรือพาน แล้วนำแพะแช่ในน้ำมันจันทร์หอมได้ทำพิธีปลุกเสกจนแพะเคลื่อนไหวได้เหมือนกับว่ามีชีวิตจริงแล้วนำไปแจกให้แก่ลูกศิษย์ อนุภาพ แพะ หลวงพ่ออ่ำ ในด้านเมตตามหานิยม โชคลาภ แคล้วคลาดเป็นเสิศ ปัจจุบันนี้ เครื่องราง แพะ ที่สร้างจากเขาควาย เขาควายเผือก หรือ ควายเผือกที่ถูกฟ้าฝ่าตาย เป็นที่เสาะแสวงหาและเป็นต้องการของนักสะสมกันเป็นอย่างมาก ซึ่งเนื่องมาจากเป็นเครื่องรางที่หายากและสร้างน้อย มีเกจิอาจารย์ และอาจารย์สายฆาราวาสน้อยมากที่จะสร้างและปลุกเสกอีกประการหนึ่ง เขาควาย เขาควายเผือก หรือ ควายเผือกที่ถูกฟ้าฝ่าตายนั้นหายาก
    คุณวิเศษของแพะตัวผู้ คือแพะหนึ่งตัว สามารถดูแลปกครองแพะตัวเมียได้เป็นสิบๆ ตัวด้วยความรู้รักสามัคคีและเกื้อหนุนจุนเจือซึ่งกันและกัน จึงมีความเชื่อกันว่า ผู้ใดมีแพะแกะจากเขาควายเผือกของหลวงพ่ออ่ำ ไว้พกพาผู้นั้นจะเป็นนักปกครองที่ยิ่งใหญ่ และนักรักที่มีคนนิยมชมชอบมากมาย และมีเสน่ห์เมตตามหานิยมทุกด้าน

    แพะ หลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอก เป็นเครื่องรางประเภท อาถรรพณ์ธรรมชาติ ซึ่งได้รับการสืบทอดมาจาก หลวงพ่อวัดกระบกต้นผึ้ง ผู้มีเวทวิทยาคมแรงกล้า เมื่อครั้งที่ท่านได้ออกไปธุดงค์และได้เจอกับหลวงพ่อปานในระหว่างทาง จึงได้ชวนกันไปเรียนวิชาอาคมการปลุกเสกเสือ จากอาจารย์ท่านหนึ่ง ขณะที่เรียนจึงได้ทดลอง โดยเอาเสือใส่บาตรแล้วปลุกเสก ใครสามารถปลุกเสกเสือให้ออกจากบาตรก่อนได้ ก็จะได้เรียนต่อ แต่หากใครไม่สามารถเสกเสือออกจากบาตร จะไม่ได้เรียนต่อ หลวงพ่อปานท่านสามรถปลุกเสกเสือออกจากบาตรได้เข้าป่าไปได้ และเรียกกลับคืนมาได้ ส่วนหลวงพ่อวัดกระบกต้นผึ้ง ปลุกเสือออกจากบาตรได้เข้าป่าไปเหมือนกัน แต่เรียกกลับมาไม่ได้ และหลวงพ่อวัดกระบกต้นผึ้งจึงได้ยุติการเรียนปลุกเสือ จึงหันมาเรียนสร้าง และปลุกเสกแพะ จนสำเร็จ เมื่อได้วิชาการสร้าง และปลุกเสกแพะก็ได้มาสอนให้แก่หลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกะบอก จังหวัดระยอง จนมีชื่อเสียงในการสร้างแพะ จนได้สมญาว่าหลวงพ่ออ่ำแพะดัง

    ในตำรากล่าวไว้ว่า แพะ เป็นสัตว์มีคุณสมบัติ 2 อย่าง คือ มีความอดทน เนื่องจากมีความอดทนสูง ตายยาก (คงกระพัน) และมีเสน่ห์ เพราะตัวผู้ตัวหนึ่งตัวสามารถมีตัวเมียและสืบพันธุ์ได้เป็นฝูง (เมตตามหานิยม)
    จากตำราสมุดข่อยที่คณาจารย์โบราณท่านได้จารึกไว้ว่าการสร้างแพะโดยใช้เขาควาย และเขาควายเผือกที่ถูกฟ้าผ่าตาย ได้รับพลังจากมหาเทพ คือ สวรรค์ทุกชั้น ทุกวิมาน
    พระเกจิอาจารย์และผู้มีวิชาอาคมจึงได้นำมาเป็นวัสดุในการแกะ เป็นรูปลักษณ์ของแพะ เนื่องจากมีความเชื่อกันว่า ในตัวแพะที่โดนฟ้าผ่าตายนั้น ได้มีการพลีจากสรวงสวรรค์ ว่ากันว่าผู้ที่มีแพะหลวงพ่ออ่ำไว้อยู่ในความครอบครอง จะเป็นผู้ที่มั่งคั่งสมบูรณ์เมตตามหานิยม ค้าขายเจริญรุ่งเรืองและอายุยืน

    [​IMG]
    [​IMG]

    ตัวนี้แกะจากเขาควายเผือกหายากมากครับเก่าสมบูรณ์ดูง่ายที่สุด ยิ่งเป็นแพะสาริกายิ่งหายากครับ ขนาดฐานประมาณ 1 เซนติเมตร สำหรับปีหน้าปีแพะ แพะหลวงพ่ออ่ำ ราคาดีดตัวขึ้นแน่นอนครับเก็บตอนนี้กำไรปีหน้าแน่นอนครับ
    แบ่งให้พี่ไปแล้วครับ close
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มิถุนายน 2014
  6. -Sapphire-

    -Sapphire- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +293
    รายการที่ 5 ตะกรุดสาริกาหลวงพ่อกลั่นสวยๆครับ

    ปัจจุบัน เหรียญหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ มีค่านิยมสูงเป็นอันดับ๑ ของเมืองไทย ราคาหลักล้าน หาของแท้ยากมากครับ แต่ตะกรุดหลวงพ่อกลั่น ยังพอหาได้ แต่ในอนาคตคงไม่มีให้เห็นง่ายๆ ใช้แทนเหรียญหลวงพ่อกลั่น ราคาหลักล้าน ได้ไม่แพ้กัน แถมยังเป็นงานทำมือโดยหลวงพ่อกลั่นเอง ลงอักขระคาถาอาคมด้วยตัวหลวงพ่อเอง ตะกรุดสภาพสวย แท้ ดูง่าย รักมันสะใจ เชือกไหม้ ตะกั่วเก่า ขนาดประมาณ 2 นิ้ว ที่สำคัญดูง่ายสุดๆครับ
    [​IMG]

    [​IMG]

    แบ่งกันนำไปใช้พุทธคุณยามบ้านเมืองไม่สงบสุข โทรหาหรือ pm มาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤษภาคม 2014
  7. -Sapphire-

    -Sapphire- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +293
    รายการที่ 6 แพะฐานบัว หลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอก

    หลวงพ่ออ่ำ ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองกระบอก ท่านมีอาคมเข้มขลัง เป็นพระเกจิอาจารย์รูปหนึ่งของเมืองระยองเมื่อเกือบ 150 ปีที่แล้ว มีลูกศิษย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังต่อมา คือ หลวงพ่อเริ่ม วัดจุกกระเชอ จ.ชลบุรี หลวงพ่อลัด วัดหนองกระบอก ระยอง สมัยที่ท่านมีชีวิตอยู่สร้างเครื่องรางของขลังรูปแพะจนมีชื่อเสียง และเป็นที่ต้องการของผู้เลื่อมใสศรัทธา
    โดยสร้างจากเขาควายฟ้าผ่าตาย มีความเชื่อกันว่าเขาอันนั้นได้รับพลังจากเทพ แล้วนำมาแกะเป็นแพะ ท่านบรรจุวิชาอาคมเวทมนตร์คาถาที่ได้ศึกษาเล่าเรียนมา ได้นำตัวแพะที่แกะสำเร็จแล้ววางลงบนถาดหรือพาน แล้วนำแพะแช่ในน้ำมันจันทร์หอมได้ทำพิธีปลุกเสกจนแพะเคลื่อนไหวได้เหมือนกับว่ามีชีวิตจริงแล้วนำไปแจกให้แก่ลูกศิษย์ อนุภาพ แพะ หลวงพ่ออ่ำ ในด้านเมตตามหานิยม โชคลาภ แคล้วคลาดเป็นเสิศ ปัจจุบันนี้ เครื่องราง แพะ ที่สร้างจากเขาควาย เขาควายเผือก หรือ ควายเผือกที่ถูกฟ้าฝ่าตาย เป็นที่เสาะแสวงหาและเป็นต้องการของนักสะสมกันเป็นอย่างมาก ซึ่งเนื่องมาจากเป็นเครื่องรางที่หายากและสร้างน้อย มีเกจิอาจารย์ และอาจารย์สายฆาราวาสน้อยมากที่จะสร้างและปลุกเสกอีกประการหนึ่ง เขาควาย เขาควายเผือก หรือ ควายเผือกที่ถูกฟ้าฝ่าตายนั้นหายาก
    คุณวิเศษของแพะตัวผู้ คือแพะหนึ่งตัว สามารถดูแลปกครองแพะตัวเมียได้เป็นสิบๆ ตัวด้วยความรู้รักสามัคคีและเกื้อหนุนจุนเจือซึ่งกันและกัน จึงมีความเชื่อกันว่า ผู้ใดมีแพะแกะจากเขาควายเผือกของหลวงพ่ออ่ำ ไว้พกพาผู้นั้นจะเป็นนักปกครองที่ยิ่งใหญ่ และนักรักที่มีคนนิยมชมชอบมากมาย และมีเสน่ห์เมตตามหานิยมทุกด้าน

    แพะ หลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอก เป็นเครื่องรางประเภท อาถรรพณ์ธรรมชาติ ซึ่งได้รับการสืบทอดมาจาก หลวงพ่อวัดกระบกต้นผึ้ง ผู้มีเวทวิทยาคมแรงกล้า เมื่อครั้งที่ท่านได้ออกไปธุดงค์และได้เจอกับหลวงพ่อปานในระหว่างทาง จึงได้ชวนกันไปเรียนวิชาอาคมการปลุกเสกเสือ จากอาจารย์ท่านหนึ่ง ขณะที่เรียนจึงได้ทดลอง โดยเอาเสือใส่บาตรแล้วปลุกเสก ใครสามารถปลุกเสกเสือให้ออกจากบาตรก่อนได้ ก็จะได้เรียนต่อ แต่หากใครไม่สามารถเสกเสือออกจากบาตร จะไม่ได้เรียนต่อ หลวงพ่อปานท่านสามรถปลุกเสกเสือออกจากบาตรได้เข้าป่าไปได้ และเรียกกลับคืนมาได้ ส่วนหลวงพ่อวัดกระบกต้นผึ้ง ปลุกเสือออกจากบาตรได้เข้าป่าไปเหมือนกัน แต่เรียกกลับมาไม่ได้ และหลวงพ่อวัดกระบกต้นผึ้งจึงได้ยุติการเรียนปลุกเสือ จึงหันมาเรียนสร้าง และปลุกเสกแพะ จนสำเร็จ เมื่อได้วิชาการสร้าง และปลุกเสกแพะก็ได้มาสอนให้แก่หลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกะบอก จังหวัดระยอง จนมีชื่อเสียงในการสร้างแพะ จนได้สมญาว่าหลวงพ่ออ่ำแพะดัง

    ในตำรากล่าวไว้ว่า แพะ เป็นสัตว์มีคุณสมบัติ 2 อย่าง คือ มีความอดทน เนื่องจากมีความอดทนสูง ตายยาก (คงกระพัน) และมีเสน่ห์ เพราะตัวผู้ตัวหนึ่งตัวสามารถมีตัวเมียและสืบพันธุ์ได้เป็นฝูง (เมตตามหานิยม)
    จากตำราสมุดข่อยที่คณาจารย์โบราณท่านได้จารึกไว้ว่าการสร้างแพะโดยใช้เขาควาย และเขาควายเผือกที่ถูกฟ้าผ่าตาย ได้รับพลังจากมหาเทพ คือ สวรรค์ทุกชั้น ทุกวิมาน
    พระเกจิอาจารย์และผู้มีวิชาอาคมจึงได้นำมาเป็นวัสดุในการแกะ เป็นรูปลักษณ์ของแพะ เนื่องจากมีความเชื่อกันว่า ในตัวแพะที่โดนฟ้าผ่าตายนั้น ได้มีการพลีจากสรวงสวรรค์
    ว่ากันว่าผู้ที่มีแพะหลวงพ่ออ่ำไว้อยู่ในความครอบครอง จะเป็นผู้ที่มั่งคั่งสมบูรณ์เมตตามหานิยม ค้าขายเจริญรุ่งเรืองและอายุยืน

    [​IMG]

    [​IMG]

    ปล่อยไปแล้วครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2014
  8. -Sapphire-

    -Sapphire- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +293
    เสือ หลวงพ่อปาน วัดคลองด่าน

    สมัยก่อนมีแม่น้ำอยู่สายหนึ่ง ซึ่งไหลผ่านป่าดงพงพีมีต้นน้ำอยู่แปดริ้ว มาลงทะเลที่สมุทรปราการ ทุกครั้งที่น้ำทะเลหนุน น้ำเค็มจะทะลักเข้าไปตามแม่น้ำลำคลองต่างๆ ทำให้ชาวบ้านในย่านนั้นได้รับความลำบาก สิ่งที่ไหลขึ้นมาตามน้ำคือตัวเหี้ย ตะกวด และจระเข้ จนต้องมีการทำประตูกั้นน้ำไว้เพื่อมิให้น้ำเค็มจากทะเลไหลขึ้นไปปนกับน้ำจืด และเพื่อป้องกันสัตว์เลื้อยคลานที่มีอยู่ชุกชุม มิให้แพร่หลายไปตามคลองต่างๆ ด้วยเหตุที่มีสัตว์พวกนี้ชุกชุม ชาวบ้านจึงตั้งชื่อหมู่บ้านว่า “บ้านบางเหี้ย” และคลองบางเหี้ย วัดก็ตั้งชื่อว่า วัดบางเหี้ย มี ๒ วัดคือวัดบางเหี้ยนอก กับวัดบางเหี้ยใน ประตูที่กั้นคลองนั้น มีชื่อเรียกกันปัจจุบันว่า “ประตูน้ำชลหารวิจิตร”
    ต่อมา ในปี พ.ศ. ๒๔๔๓ ประตูน้ำเกิดชำรุด ต้องทำการซ่อมแซมหลายครั้ง เมื่อแล้วเสร็จได้กราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ เสด็จไปที่ตำบลบางเหี้ย จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อที่จะทำพิธีเปิดประตูน้ำใหญ่ที่ตั้งอยู่ในคลองบางเหี้ย ปรากฏว่าทรงประทับอยู่ที่คลองด่านถึง ๓ วัน
    บรรดาชาวบ้านที่อยู่ในแถบถิ่น บางบ่อ บางพลี บางเหี้ย และบริเวณใกล้เคียง เมื่อรู้ข่าวว่าพระเจ้าอยู่หัวฯจะเสด็จมาเปิดประตูน้ำ ต่างก็พากันเตรียมของที่จะถวาย หลวงพ่อปานได้นำเขี้ยวเสือ ที่แกะอย่างสวยงามใส่พาน แล้วให้สามเณรน้อยซึ่งเพิ่งจะมีอายุ ๗-๘ ขวบหน้าตาดี เดินถือพานที่ใส่เขี้ยวเสือแกะเป็นรูปเสือ ตามหลังท่านไปเฝ้าพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ริมคลองด่าน
    เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดประตูน้ำหลวงที่ตำบลคลองด่านนั้น ในขบวนผู้ตั้งแถวรับเสด็จมีสามเณรน้อยและพระภิกษุรูปร่างล่ำสันผิวคล้ำด้วยแดดเผาประ ปนอยู่ด้วย ในมือของสามเณรน้อยประคองพานแว่นฟ้าอย่างระมัดระวัง ทว่าด้วยความประหม่า เมื่อได้ยินเสียงเจ้าพนักงานประโคมเป็นเครื่องบอกให้รู้ว่าเสด็จพระราชดำเนินมาถึงปากทางดังขึ้น สามเณรก็ทำท่าลุกลนเท้าสะดุดกันเอง จนเสียหลักทำให้พานแว่นฟ้าในมือเอียงจนวัตถุชิ้นเล็ก ๆ สี่ห้าชิ้นที่วางอยู่บนพานก็หล่นลงน้ำ
    เมื่อพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ เสด็จใกล้จะมาถึง หลวงพ่อได้เรียกเอาพานใส่เขี้ยวเสือจากสามเณรผู้ติดตาม แต่สามเณรคนนั้นบอกกับท่านว่า “เสือไม่มีแล้ว เพราะมันกระกระโดดน้ำไปในระหว่างทางจนหมดแล้ว”
    เมื่อพระภิกษุชราได้รับฟังเช่นนั้นแล้วจึงไม่แสดงท่าทีว่าโกรธเคืองหรือทำโทษ ทว่ากลับเอื้อมมือไปลูบหัวสามเณรน้อยแล้วเป่าเรียกขวัญแล้วหันไปกระซิบกับเด็กวัดที่ ยืนอยู่ถัดออกไป ปรากฏว่าเด็กวัดหายไปไม่นานก็กลับมาพร้อมด้วยหมูสามชั้นดิบ ๆ แบะหนึ่ง มีเชือกผูกมัดไว้อย่างดี พระภิกษุชราชี้มือให้หย่อนเชือกที่ผูกเนื้อหมูลงไปตรงที่ของตกในน้ำ หมูสามชั้นจมไปในน้ำเพียงปริ่ม ๆ พระภิกษุรูปนั้นพนมมือหลับตา ปากขมุบขมิบท่องมนต์ เมื่อมองเห็นขบวนเสด็จพระราชดำเนินมาแต่ไกล และเคลื่อนใกล้เข้ามา ดึงขึ้นได้แล้วเสียงพระภิกษุชราผิวคล้ำร้องสั่งเด็กวัด เมื่อหมูสามชั้นด้านที่มีหนังโผล่พ้นน้ำ ปรากฏว่ามีวัตถุชิ้นเล็ก ๆ สีเหลือง ๆ ติดมาด้วยสี่ห้าตัวเด็กวัดค่อย ๆ ประคองชิ้นหมูมาส่งให้ท่านเอามือลูบผ่านวัตถุนั้นไป มันก็ร่วงลงมาฝ่ามือข้างที่ท่านแบรองอยู่ ท่านก็หัวเราะฮิ ๆ พึมพำพอได้ยินว่า “กัดติดเชียวนะไอ้พวกนี้ดุนัก”
    หลวงพ่อปานจึงได้เอาชิ้นหมูที่ทำขึ้นจากดินเหนียว แล้วเสียบกับไม้ แกว่งล่อเอาเสือขึ้นมาจากน้ำต่อหน้าพระพักตร์ พระองค์ทรงตรัสว่า
    “พอแล้วหลวงตา”
    หลังจากนั้นหลวงพ่อได้ถวายเขี้ยวเสือแกะนั้นแก่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระองค์ทรงพิจารณาชั่วครู่ จึงตรัสถามชื่อพระเถระรูปร่างสูงใหญ่ผู้ปลุกเสกเขี้ยวเสือ หลวงพ่อปาน ทูลว่าท่านชื่อปาน (ติสโร) เป็นเจ้าอาวาสวัดบางเหี้ย
    พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ มีรับสั่งกับพระปานว่า
    “ได้ยินชื่อเสียง และกิตติคุณมานาน เพิ่งเห็นตัววันนี้” แล้วรับสั่งถามว่า
    “ที่แจกเครื่องรางเป็นรูปเสือมีความหมายอย่างไร ?”
    หลวงพ่อปานทูลตอบว่า
    “ได้ไปรุกขมูลธุดงค์ในป่า พบเสือใหญ่หลายครั้ง ได้สังเกตดูเห็นว่า “เสือ” เป็นสัตว์ปราดเปรียว ฉลาด ว่องไว เฉียบขาด มีตบะ และอำนาจ สามารถที่จะใช้ตาสะกดสัตว์อื่นให้อยู่ในอำนาจได้ คนทั่วไปเรียกผู้ร้ายใจฉกรรจ์ว่า “ไอ้เสือ” ก็คือเอาความเก่งกาจของเสือมานั่นเอง การที่ทำเครื่องรางรูปเสือ มิใช่จะสนับสนุนให้คนกลายเป็น”อ้ายเสือ” เพียงแต่ต้องการเอาลักษณะของเสือจริงในป่า ที่ปราดเปรียว ว่องไว เฉลียวฉลาด เฉียบขาดมาเป็นตัวอย่างเท่านั้น”

    สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงมีพระดำรัสถามท่านพระครูป่า “ทำไมจึงสร้างเสือด้วยเขี้ยวเสือ เสือมีดีอะไร” ท่านพระครูอธิบายถวายว่า “อันว่าเสือนั้นเป็นเจ้าป่ามีมหาอำนาจราชศักดิ์เพียงคำราม สัตว์ทั้งหลายก็ตกใจไม่เป็นอันสมประดี กลิ่นสาปลอยไปกระทบจมูกสัตว์ตกใดก็มีอาการกะปลกกะเปลี้ยเพลียแรง และเสือนั้นแม้จะดุร้ายก็มีเสน่ห์ ใคร ๆ อยากเห็นอยากชม เอามาใส่กรงก็มีคนไปดู จึงนับว่าเสือเป็นสัตว์ที่น่านิยมอย่างยิ่ง”

    พุทธคุณ เสือหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย นั้นมีพุทธคุณครบเครื่องทั้งเมตตา แคล้วคลาด และคงกระพันชาตรี แต่เด่นที่สุดเห็นจะเป็นทางด้านคงกระพันชาตรี

    [​IMG]

    ตัวนี้ผ่านการใช้ถูกสำผัสมามากทำให้ ฉ่ำดูง่ายครับที่สำคัญพึ่งผ่านงานใหญ่ที่พันทิปล่าสุด 20 เมย. 57 ด้วยครับแต่ไม่ติดรางวัลเนื่องจากมีคนส่งเยอะมากครับ โทรหาหรือ pm มาได้เลยครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤษภาคม 2014
  9. -Sapphire-

    -Sapphire- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +293
    เสือ หลวงพ่อปาน วัดคลองด่าน ศิลปวัดกลาง

    วัดมงคลโคธาวาส เป็นชื่ออย่างเป็นทางการของ 'วัดบางเหี้ย' หรือ 'วัดคลองด่าน'ตั้งอยู่ที่ ต.คลองด่าน จ.สมุทรปราการ

    ที่เรียกกันมาแต่โบราณว่าวัดบางเหี้ยนั้น เนื่องจากเดิมมีตัวเงินตัวทองอยู่มาก เพราะเป็นเขตน้ำกร่อย

    หลวงพ่อปาน เป็นชาวคลองด่านโดยกำเนิด เกิดในปีพ.ศ.2370 บรรพชาเมื่ออายุ 15 ปี ที่สำนักวัดอรุณราชวราราม และอุปสมบท มีพระศรีศากยมุนี เป็นอุปัชฌาย์ แล้วไปฝากตัวเป็นศิษย์ หลวงปู่แตง เจ้าอาวาสวัดอ่างศิลา ชลบุรี ก่อนกลับมาวัดบางเหี้ยใน และขึ้นเป็นเจ้าอาวาสในเวลาต่อมา

    สำหรับนักนิยมสะสมและผู้คลั่งไคล้ในเครื่องรางของขลังคงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก เขี้ยวเสือหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย ด้วยกิตติศัพท์เรื่อง 'เขี้ยวเสือ' ของท่าน โด่งดังไปทั่ว

    เมื่อมีการสร้างเขื่อนพระยาไชยานุชิตที่คลองด่านเพื่อกั้นกระแสน้ำทะเลไม่ให้ท่วมเรือกสวนไร่นาชาวบ้าน แต่กรมชลประทานสร้างไม่ได้ เพราะกระแสน้ำแรงมากตีขึ้นมาตลอด หลวงปู่เห็นแก่การขจัดความเดือดร้อนของผู้คน ทำการเสกเขี้ยวเสือขว้างลงไป ปรากฏว่ากระแสน้ำลดกำลังลงอย่างน่าอัศจรรย์ สามารถกั้นสร้างเขื่อนได้สำเร็จ

    เมื่อคราวล้นเกล้าฯ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯทรงวางศิลาฤกษ์เขื่อน คนเก่าๆ เล่ากันว่า หลวงปู่นำเขี้ยวเสือใส่พานถวาย 5 ตัว แต่เณรที่ถือพานเกิดตกประหม่าทำตกน้ำไปหนึ่งตัว ท่านเลยให้เอาเนื้อหมูผูกเชือกหย่อนลงน้ำ บริกรรมพระคาถาจนเขี้ยวเสือติดชิ้นหมูขึ้นมาต่อหน้าพระพักตร์ ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 ทรงศรัทธาหลวงพ่อปานมากทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นที่ พระครูนิโรธสมาจาร และทรงเรียกเป็นส่วนพระองค์ว่า "พระครูปาน" มีปรากฏในพระราชหัตถเลขาว่า ...

    "พระครูปานมาหาด้วย พระครูปานรูปนี้เป็นที่นิยมกันในทางวิปัสสนาและธุดงควัตร คุณวิเศษที่คนเลื่อมใสคือให้ลงตะกรุด ด้ายผูกข้อมือ รดน้ำมนต์ ที่นิยมกันมากนั้นคือรูปเสือแกะด้วยเขี้ยวเสือ เล็กบ้างใหญ่บ้าง ฝีมือหยาบๆ ข่าวที่ร่ำลือกันว่า เสือนั้นเวลาจะปลุกเสกต้องใช้เนื้อหมู เสกเป่าไปยังไรเสือนั้นกระโดดลงไปยังเนื้อหมูได้ ตัวพระครูเองเห็นจะได้รับความลำบากเหน็ดเหนื่อย ในการที่ใครๆ กวนให้ลงโน่นลงนี่ เขาว่าบางทีหนีไปอยู่ป่าช้า ที่พระบาทก็หนีขึ้นไปอยู่เสียที่บนเขาโพธิ์ลังกา คนก็ยังตามขึ้นไปกวนไม่เป็นอันหลับอันนอน แต่บริวารเห็นจะได้ผลประโยชน์ในการทำอะไรๆ ขาย มีแกะรูปเสือเป็นต้น ถ้าปกติราคาตัวละบาท เวลาแย่งชิงกันก็ขึ้นไปตัวละ 3 บาท ว่า 6 บาทก็มี ได้รูปเสือนั้นแล้วจึงไปให้พระครูปลุกเสก สังเกตดูอัชฌาสัยก็เป็นอย่างคนแก่ใจดี กิริยาเรียบร้อย อายุ 70 ปีแล้ว ยังไม่แก่มาก รูปร่างล่ำสันใหญ่โต เป็นคนพูดน้อย"

    พุทธคุณ เสือหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย นั้นมีพุทธคุณครบเครื่องทั้งเมตตา แคล้วคลาด และคงกระพันชาตรี แต่เด่นที่สุดเห็นจะเป็นทางด้านคงกระพันชาตรี

    [​IMG]

    พระหายครับได้แค่ชมครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มิถุนายน 2014
  10. -Sapphire-

    -Sapphire- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +293
    ลูกอมมหากัน หลวงพ่อคง วัดบางกระพ้อม

    หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม ท่านได้สร้างวัตถุมงคลไว้หลายอย่าง เช่น เหรียญรูปเหมือน พ.ศ. ๒๔๘๔ ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าของเหรียญยอดนิยมแห่งเบญจภาคีในปัจจุบันเหรียญสวยคมชัดเช่าหาบูชากันในราคาหลักล้าน และเหรียญหล่ออรุณเทพบุตร สภาพสวยเดิม ๆ ก็อยู่ในหลักแสน ขนาดเหรียญรุ่นปาดตาล แม้ว่าจะสร้างหลังจากมรณภาพแล้วก็ยังคงความเข้มขลังคงกระพันชาตรี ซึ่งมีเรื่องเล่าว่า มีคนถูกแทงด้วยมีดปาดตาล ซึ่งถือว่าเป็นมีดที่คมมากแต่ไม่เข้าในคอมีเหรียญรุ่นปาดตาลอยู่เหรียญเดียว จากนั้นก็ร่ำลือกันต่อๆ มา ในที่สุดก็เรียกเหรียญรุ่นดังกล่าวว่า เหรียญรุ่นปาดตาลก็มีราคาเช่าหาที่แพงเช่นกัน ส่วนเครื่องรางของขลัง อาทิ ตะกรุด ลูกอม ผ้ายันต์ ล้วนแล้วแต่ทันท่านสร้างขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ทั้งสิ้นจึงใช้ติดตัวบูชาได้อย่างมั่นใจและสนิทใจ ชนิดว่าชิ้นเดียวอยู่แต่ก็หายากและมีราคาเช่าบูชาที่แพงเข่นกัน

    ลูกอมมหากัน หลวงพ่อคง วัดบางกระพ้อม ท่านเป็นพระอีกรูปหนึ่ง ที่สำเร็จวิชา “นะปัดทะมัง” ซึ้งในการสร้างลูกอมของท่านได้ใช้วิชา “นะปัดทะมัง” ปลุกเสกลูกอม สีของเนื้อลูกอมส่วนใหญ่จะออกขาวอมชมพู มีขนาดเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน พุทธคุณ ลูกอมของท่านยอดเยี่ยมยิ่งนัก ทั้งทางด้านเมตตามหานิยม และคำว่ามหากัน ก็เป็นไปตามนั้นตรงกับชื่อของลูกอมของท่าน เรียกกันได้ว่า กันได้สารพัดกัน เช่นกันเสนียดจัญไร กันผีพราย กันคุณไสย คุณผี คุณคน คุณยาแฝด ฝังรูปฝังรอยกันเรื่องร้ายให้กลายเป็นดี และ คงกระพันชาตรี

    [​IMG]

    ลูกนี้ขาวอมชมพูครับดูง่ายสบายใจ ราคาพิเศษแบ่งกันครับ โทรหาหรือ pm ได้เลยครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. -Sapphire-

    -Sapphire- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +293
    ราหูกะลาแกะ วัดศรีษะทอง

    กะลาตาเดียว หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง ต.ห้วยตะโก อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม พุทธคุณ พระราหูอมจันทร์ กะลาตาเดียว เชื่อกันว่า ช่วยป้องกันภัยต่างๆ เมื่อยามดวงชะตาตก กะลาพระราหู หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทองจะช่วยแก้ ช่วยพยุงให้ดวงชะตาดีขึ้นดังเดิม

    การพัฒนางานแกะพระราหูอมจันทร์ กะลาตาเดียว หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง เห็นได้ว่าในยุคต้นๆ นั้น การแกะพระราหูไม่มีรูปแบบที่เป็นมาตรฐาน มีทั้งสี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม รูปกลม รูปกลีบบัว ก็มี สุดแล้วแต่ช่างจะแกะกัน แต่ในยุคหลวงพ่อน้อยก็มีบ้าง คือช่างชาวบ้านที่แกะกันเอง แล้วนำมาให้หลวงพ่อน้อยปลุกเสกให้ แต่ส่วนใหญ่กะลาแกะพระราหู ของหลวงพ่อน้อยนั้นจะมีศิลปะการแกะที่เป็นมาตรฐาน พระราหูอมจันทร์ กะลาตาเดียวโดยใช้ช่างแกะไม่กี่กลุ่ม ซึ่งได้แก่

    ๑.แกะโดยฝีมือช่างที่เป็นพระภายในวัด แรกๆ ก็แกะเป็นรูปสามเหลี่ยมบ้าง สี่เหลี่ยมบ้าง วงกลมบ้างเหมือนกัน ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นแบบเดียวกัน คือ แกะพระราหู เป็นรูปเสมาคว่ำ

    ๒.แกะโดยฝีมือช่างที่เป็นนักโทษ เรือนจำจังหวัดนครปฐม โดยหลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง ท่านมีลูกศิษย์ลูกหา เป็นผู้คุมเรือนจำ ในสมัยนั้นผู้คุมเรือนจำเป็นช่างฝีมือแกะหลายคน ซึ่งเป็นครูคอยสอนนักโทษด้วย แล้วให้นักโทษช่วยกันลองแกะพระราหู กันดูจากกะลาตาเดียว และได้ คัดอันที่สวยที่สุดมาเป็นตัวอย่าง

    ในครั้งนั้นคัดได้มีลักษณะรูปแบบพระราหู เป็นรูปเสมาคว่ำ และมีขนาดเล็ก กะทัดรัด สวยงาม และเหมาะสำหรับพกพาติดตัวด้วย รูปแบบการแกะนี้จึงได้รับความสนใจเรื่อยมา หลวงพ่อน้อยจึงอาศัยรูปแบบนี้เป็นมาตรฐานในการแกะสืบต่อกันมา

    พระราหู กะลาแกะของวัดศีรษะทอง นั้นมีหลายขนาด ทั้งเล็ก กลาง ใหญ่ แกะจากกะลาครึ่งลูก หรือแกะจากกะลาทั้งลูกก็มี กะลาราหูของหลวงพ่อน้อยที่แกะเสร็จสมบูรณ์แล้ว ข้อสังเกตคือพระราหูอมจันทร์ กะลาตาเดียว กะลาจะมีลักษณะบาง แบน แต่งตะไบ และมีน้ำหนักเบากว่ากะลาใหม่ที่มีขนาดเท่ากัน คือจะมีความแห้งสูงมาก

    ด้านพุทธคุณ กะลาแกะราหูอมจันทร์ที่ออกมาจากสำนักวัดศีรษะทอง ไม่ว่าจะแกะมาจากช่าง หรืออาจารย์องค์ใด พุทธคุณไม่ต่างกัน เพราะคาถาที่ปลุกเสกนั้นมาจากคัมภีร์ใบลานของหลวงพ่อไตรองค์เดียวกัน ผู้ได้ใช้กะลาแกะจากพระราหู เชื่อกันว่า ช่วยป้องกันภัยต่างๆ เมื่อยามดวงชะตาตก กะลาพระราหู จะช่วยแก้ ช่วยพยุงให้ดวงชะตาดีขึ้นดังเดิม เรื่องคนชัง ให้กลับมารักชอบนั้นได้ผลแน่ รวมทั้งเรื่องเมตตา โภคทรัพย์ก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าอาจารย์ใดๆ เช่นกัน

    [​IMG]

    กะลาแกะศิลปชาวบ้านทันหลวงพ่อน้อยเสกแน่นอนครับ ความแห้งของกะลาเก่ามากครับ สอบถาม โทรหาหรือ pm มาได้เลยครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • S__18702394.jpg
      S__18702394.jpg
      ขนาดไฟล์:
      82.1 KB
      เปิดดู:
      134
    • S__18702396.jpg
      S__18702396.jpg
      ขนาดไฟล์:
      71.6 KB
      เปิดดู:
      612
    • 1224.jpg
      1224.jpg
      ขนาดไฟล์:
      132.7 KB
      เปิดดู:
      112
  12. -Sapphire-

    -Sapphire- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +293
    สิงห์งาแกะ ปากเจาะ หลวงพ่อเดิม

    หลวงพ่อเดิมถือเป็นพระเถระที่มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ โดยเฉพาะวัตถุมงคลของท่าน เป็นที่ต้องการของทุกคน แต่ที่ประจักษ์ในพุทธาคม เลื่องลือ ระบือไกล ก็คือ มีดหมอ หรือ มีดด้ามงา ซึ่งสมัยนี้เรียกกันใหม่ว่า มีดเทพศาสตรา ถือกันว่ามีอานุภาพเหมือนอาวุธของเทวดา ที่ภูตผีปีศาจ ต่างเกรงกลัว รวมทั้งมีพุทธคุณในเรื่องแคล้วคลาดคงกระพัน ที่ผู้ครอบครองประจักษ์มาช้านาน นอกจากนั้น ท่านยังได้สร้างเครื่องราง ประเภท ราชสีห์ เสือ ที่แกะจากงาช้าง และเหรียญพระ ตลอดจนรูปเหมือนของท่าน แจกจ่ายให้ลูกศิษย์ลูกหาใช้ปกป้องคุ้มครองภัย เพราะอำนาจจิตอันกล้าแข็งของหลวงพ่อเดิม ทำให้ปรากฏประสบการณ์มากมาย จนปัจจุบันนี้ วัตถุมงคลของท่าน จึงเป็นยอดปรารถนาของบุคคลทั่วไป

    สิงหราชของหวงพ่อเดิม ส่วนใหญ่ที่พบเห็นมักจะไม่มีเหล็กจารย์ แต่จะมีบ้างเหมือนกัน กรณีที่ลูกศิษย์หรือผู้อยู่ใกล้ชิด นำกลับไปให้หลวงพ่อลงเหล็กจารย์ให้เป็นกรณีพิเศษ และอักขระที่ใช้ลงเหล็กจารย์ จะพบเห็นอักขระเพียง 4 ตัว คือ นะ มะ พะ ทะ ที่ใต้ฐานสิงห์

    พุทธคุณของสิงหราชงาแกะหลวงพ่อเดิม

    - คงกระพันชาตรี กันเขี้ยวงาศาตราวุธของศัตรู
    - เป็นมหาอำนาจ ใครพบเห็นเกรงกลัว ไม่กล้าคิดร้ายหรือทำอันตราย
    - ทำงานอาสาเจ้านายรับราชการก็มีแต่ความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน

    [​IMG]

    ตัวนี้สองขวัญปากเจาะ สภาพสวย แท้ดูง่าย นิยมรองจากสามขวัญปากเจาะที่มีราคาเป็นแสนครับ ไปแล้วครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 พฤษภาคม 2014
  13. -Sapphire-

    -Sapphire- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +293
     
  14. -Sapphire-

    -Sapphire- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +293
    ไม่อยู่แล้วครับ
     
  15. -Sapphire-

    -Sapphire- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +293
    ปิดตาจัมโบ้สอง หลวงปู่โต๊ะ

    พระ ปิดตารุ่นนี้สาเหตุที่เรียกว่ารุ่น"จัมโบ้ 2" เพราะว่าปิดตาจัมโบ้1 หมดไปจากวัดแล้ว แต่ความนิยมศรัทธา กระแสยังต่อเนื่อง ไม่เสี่ยมคลาย เป็นผลให้หลวงปู่ จึงสร้าง ปิดตาจัมโบ้ 2 ยันต์หลังสุกิตติมา เพื่อให้ลูกศิษย์ ลูกหาไปนำบูชากัน

    - รุ่นนี้หลวงปู่โต๊ะได้เมตตาปลุกเสกให้นานถึง 3 ไตรมาส ปี 2521-2523

    - พระเครื่องของหลวงปู่โต๊ะ ผู้ที่อุทิศตนบำเพ็ญเพียรอย่างเคร่งครัดสม่ำเสมอ มีวัตรปฎิบัติที่งดงามมาตลอดชีวิตที่อยู่ในร่มกาสาวพัสตร์ เรื่องพระพุทธคุณ โชคลาภ นั้นทวีคูณ กับคนที่เป็นคนดี หากผู้บูชาเป็นผู้ประพฤติตนดี ตามคำสั่งสอนของหลวงปู่โต๊ะ ท่านจะพบกับโชคลาภ เมตตา แคล้วคลาดปลอดภัย

    จำนวนสร้าง:

    ๑. เนื้อผงเกสร จำนวนสร้างสร้าง 3056 องค์
    ๒. เนื้อผงใบลาน จำนวนสร้างสร้าง 34974 องค์
    ๓.​ เนื้อผงธูปกรรมฐาน จำนวนสร้าง 2700 องค์

    จาก ประสบการณ์เล่าขาน ของผู้ที่นำไปบูชา คุณวิเศษทางด้านเมตตา โชลาภ นอกจากนั้นทางแคล้วคลาด ปลอดภัยก็เชื่อถือได้อย่างน่าอัศจรรย์ มีนายตำรวจ ทหาร ที่ได้รับพระราชทานพระปิดตารุ่นนี้จาก สมเด็จพระราชินีนาถ เมื่อเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ตามแนว ชายแดน ได้แคล้วคลาดปลอดภัยกันทุกคน จนทำให้ข้าราชการเกิดความเชื่อมั่น ศรัทธา นิยมพระปิดตา รุ่นนี้เป็นอย่างมาก


    [​IMG]
    เนื้อผงใบลานแช่น้ำมนต์ครับ

    ราคาโทรหาหรือ pm มาได้เลยครับแบ่งปันกันครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. -Sapphire-

    -Sapphire- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +293
    ไปแล้วครับขอบคุณครับ
     
  17. -Sapphire-

    -Sapphire- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +293
    ปิดครับ ขอบคุณครับ
     
  18. -Sapphire-

    -Sapphire- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +293
    ปลัดขิกงาแกะ อาจารย์เฮง ไพรวัลย์

    ปลัดขิกอันดับหนึ่งของอยุธยา ต้องยกให้ของท่านอาจารย์เฮง ไพรวัลย์ เพราะเป็นของหายากมากใครมีต่างหวงแหนกันมาก(ตัวจริงเสียงจริงหาได้ยากมากๆๆ)เนื่องจากมากด้วยประสบการณ์ครบทุกด้าน หลังจากท่านอาจารย์เฮง ไพรวัลย์ เสียชีวิตแล้ววัตถุมงคลต่างๆก็มีอยู่ในความดูแล ของหลวงปู่ศรี(สีห์) วัดสะแก อยุธยา เครื่องรางของขลังต่างๆของท่านอาจารย์เฮง ไพรวัลย์นั้นส่วนมากหลวงปู่ศรี(สีห์) จะเป็นผู้ลงเหล็กจาร เนื่องจากท่านอาจารย์เฮง ไพรวัลย์ เชื่อในอำนาจจิตของหลวงปู่ศรี(สีห์)และหลวงปู่ศรี(สีห์) ท่านยังเป็นผู้ทรงศีลเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เป็นศิษย์ร่วมอาจารย์กัน(หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการราม)และท่านอาจารย์เฮงกับหลวงปู่ศรี(สีห์)ก็ยังได้แลกเปลี่ยนวิชาความรู้ซึ่งกันและกัน จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าวัตถุมงคลของท่านอาจารย์เฮง จะมีรอยจารของหลวงปู่ศรี(สีห์)เสียเป็นส่วนมากตัวนี้แกะจากงากำจัด กำจาย เก่าสวยมากครับ

    [​IMG]

    ราคาโทรหาหรือ pm มาได้เลยครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 2223.jpg
      2223.jpg
      ขนาดไฟล์:
      122.2 KB
      เปิดดู:
      87
    • 2224.jpg
      2224.jpg
      ขนาดไฟล์:
      121.4 KB
      เปิดดู:
      84
    • 2225.jpg
      2225.jpg
      ขนาดไฟล์:
      146.5 KB
      เปิดดู:
      142
    • 2226.jpg
      2226.jpg
      ขนาดไฟล์:
      138.3 KB
      เปิดดู:
      153
    • 2227.jpg
      2227.jpg
      ขนาดไฟล์:
      148.3 KB
      เปิดดู:
      124
  19. -Sapphire-

    -Sapphire- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +293
    ราหู สุริยัน จันทรา ครูบานันตา สวยๆครับ

    พระราหูกะลาตาเดียว ครูบานันตา วัดทุ่งม่านใต้ จ.ลำปาง
    แวดวงนักสะสมเครื่องรางของขลัง ในทุกวันนี้ ได้ให้ความสนใจใน กะลาตาเดียวแกะรูปพระราหู ของ ท่านครูบานันตา วัดทุ่งม่านใต้ จ.ลำปาง กันอย่างกว้างขวาง โดยได้รับการยกย่องว่าเป็น เทพเจ้าแห่งเครื่องรางของขลัง ของ อาณาจักรล้านนาไทย
    ท่านครูบานันตาเป็นพระคณาจารย์ร่วมสมัยกับ ท่านครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา ที่มีผู้ให้ความเคารพศรัทธาเลื่อมใสทั่วแผ่นดินล้านนา
    ท่านครูบานันตาได้เริ่มสร้าง พระราหูกะลาตาเดียว มาตั้งแต่เมื่อไร ไม่ได้มีการจดบันทึกเอาไว้ เพียงแต่รู้จากคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ สืบต่อกันมาว่า ท่านครูบานันตา ได้สร้างพระราหูกะลาตาเดียว มานานแล้ว คือ
    ตั้งแต่แรกเริ่มสมัยที่ท่านครูบาศรีวิชัยต้องอธิกรณ์ (ถูกกล่าวหามีผิดทางพระวินัยสงฆ์) ท่านครูบานันตา ซึ่งเป็นสหธรรมิกก็ได้สร้างกะลาตาดียวแกะรูปพระราหูขึ้น เพื่อใช้อธิษฐานขอให้ท่านครูบาศรีวิชัย พ้นจากความผิดอธิกรณ์ ซึ่งในที่สุดแล้ว ท่านครูบาศรีวิชัยก็ได้พ้นมลทินทุกประเด็น
    พระราหูกะลาตาเดียว ของท่านครูบานันตา จะสร้างไว้เป็นคู่ๆ คือ มี สุริยัน ก็ต้องมี จันทรา ด้วยเสมอ
    ท่านจะใช้ พระยันต์สุริยประภา และ พระยันต์จันทรประภา เป็นหลัก
    สำหรับอุปเท่ห์ในการใช้นั้น ผู้บูชาควรได้รู้ถึงความสำคัญแห่งพระยันต์ทั้ง ๒ นี้ก่อน ดังนี้
    สิทธิการิยะ ยันต์สุริยประภา และยันต์จันทรประภา ทั้ง ๒ ยันต์นี้ เป็นพระยายันต์ที่ประเสริฐยิ่ง มีตำนานกล่าวมาว่า มีพระฤๅษี ๒ ตน สถิตอยู่ ณ เขายุคนธร ได้พิจารณาเล็งดูมนุษย์ทั้งหลายว่า ในกาลภายหน้า จักมีทุกข์ภัยเวทนา จึงใคร่จะช่วยให้มนุษย์พ้นทุกข์ทั้งหลายทั้งปวง ฤๅษีตนหนึ่ง จึงสร้างยันต์ขึ้นยันต์หนึ่ง ชื่อ สุริยประภา ฤๅอีกตนหนึ่งสร้างยันต์ จันทรประภา ขึ้น จึงเป็นที่มาของคำว่า สุริยัน-จันทรา
    ผู้ที่จะทำยันต์ทั้ง ๒ นี้ ให้หา กะลามะพร้าวตาเดียว เอามาแกะเป็นรูป พระราหูอมจันทร์ อันหนึ่ง พระราหูอมพระอาทิตย์ อันหนึ่ง แล้วให้ลงยันต์สุริยประภาที่พระอาทิตย์ ลงยันต์จันทรประภาที่พระจันทร์
    พระยันต์ทั้ง ๒ นี้ เป็นพระยันต์ที่รวบรวมอำนาจบารมีทุกๆ อย่างมาสู่ผู้บูชาและสวมใส่ นับเป็นของมีค่า หาใดเสมอเหมือนมิได้
    ครั้งหนึ่ง หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง จ.นครปฐม ยังได้ไปแลกเปลี่ยนวิชาพระราหูกับท่านครูบานันตา และได้ขอเรียนวิชาเพิ่มเติม ในการสร้างกะลาตาเดียว รวมทั้งวิชา วัวธนู พอกคลั่งพุทราจากท่านครูบานันตามาแล้ว
    จนทำให้ พระราหูกะลาตาเดียว และ วัวธนู ของ หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง โด่งดังมาถึงทุกวันนี้
    โบราณจารย์เชื่อกันว่า กะลาตาเดียว มีคุณวิเศษในตัว โดยไม่ต้องผ่านการปลุกเสกก็ได้ เพราะถือว่า เป็นวัตถุอาถรรพ์ นำโชค ป้องภัย ป้องกันเสนียดจัญไร และคุณไสยต่างๆนานาได้วิเศษนัก
    คนสมัยโบราณ มีความเชื่อว่า กะลามะพร้าวที่มีตาเดียว หรือที่เรียกว่า กะลาตาเดียว เป็นวัตถุที่มีอำนาจอาถรรพ์และคุณวิเศษอยู่ในตัวมันเองอยู่แล้ว เพราะตามธรรมชาติ กะลาทั่วๆ ไปจะต้องมี ๒ ตาเสมอ กะลาตาเดียวจึงเป็นวิเศษ ที่หายากยิ่ง และความเชื่อนี้ ก็ยังมีการสืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้
    การนำกะลาตาเดียว มาใช้เป็นเครื่องรางของขลัง นั้น คนสมัยโบราณ ได้นำกะลามะพร้าวที่มีตาเดียว มาแกะแล้วเจาะรูห้อยคอ สำหรับเป็นเครื่องรางป้องกันภัยต่างๆ ไม่ว่าจะป้องกันเสนียดจัญไร ป้องกันคุณไสย และมนต์ดำ รวมทั้งป้องกันภูตผีปีศาจ ขับไล่ภูตผีวิญญาณร้าย ที่เข้าสิง พร้อมทั้งใช้ล้างอาถรรพ์ต่างๆ ที่มีอยู่ในบ้าน เช่น ปลูกบ้านคร่อมตอ ทับของมีคมแรง หรือบ้านที่ตั้งอยู่กลางทางสามแพร่ง และอื่นๆ ที่เชื่อกันว่าจะส่งผลร้ายให้แก่ผู้ที่อยู่อาศัย ให้กลับมาเป็นดี
    ทั้งนี้ ความเชื่อในเรื่องอำนาจอาถรรพ์ของ กะลาตาเดียว มิใช่แค่ป้องกันภัยต่างๆ ดังกล่าว เท่านั้น แต่ยังมีความเชื่ออีกว่า ถ้าผู้ใดมี กะลาตาเดียว ติดตัวตลอดเวลา จะทำให้ผู้นั้น ประสบกับความมีโชคลาภอีกด้วย
    อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกะลาตาเดียว เป็นวัตถุอาถรรพ์ ที่มีอำนาจพิเศษ ทำให้คนในสมัยโบราณบางคน มักนิยมนำไปให้เกจิอาจารย์ผู้มีความรู้ความชำนาญทางวิชาคาถาอาคมต่างๆ ลงอักขระเลขยันต์พร้อมกับปลุกเสกให้ด้วย เพื่อเพิ่มความขลังยิ่งๆ ขึ้น
    ไม่เพียงเท่านั้น คนสมัยก่อน หรือแม้แต่สมัยนี้ ในท้องที่ชนบทบางแห่ง ก็ยังมีให้เห็นอยู่ คือ มีการใช้กะลามะพร้าวตักข้าวสารเวลาหุงข้าว ด้วยความเชื่อว่า จะทำให้มีข้าวกิน ตลอดไป ไม่มีอดอยาก มีความอุดมสมบูรณ์ ในเรื่องพืชพรรณธัญญาหารต่างๆ
    ส่วนคนที่เป็นข้าราชการ จะนำกะลาตาเดียวมาแขวนคอติดตัวเวลาไปทำงานด้วย เพื่อเป็นการเสริมดวง เพิ่มพูนความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า ทางตำแหน่งหน้าที่การงาน ยศถาบรรดาศักดิ์ หนุนเนื่องความเป็นเจ้าคนนายคนอีกด้วย
    ความเชื่อในเรื่องอำนาจอาถรรพ์ของ กะลาตาเดียว ทำให้ในเวลาต่อมา ได้มีการนำ กะลาตาเดียว มาแกะเป็นรูป พระราหู เพื่อเอาไว้ห้อยคอ เป็นได้ทั้งเครื่องประดับ และเครื่องรางไปในตัว
    ความเชื่อเกี่ยวกับกะลาตาเดียวได้รับความนิยมไม่เฉพาะในหมู่ข้าราชการ แม้พ่อค้าแม่ขายก็นิยมมีไว้เช่นกัน เพราะเชื่อว่า จะช่วยให้การค้าขายดี มีเงินทองไหลเข้ามาตลอดเวลา
    นอกจากนี้ คู่บ่าวสาวที่แต่งงานกันใหม่ๆ ก็มีความเชื่อว่า กะลาตาเดียว จะทำให้ครองรักกันนิรันดร จึงนำเอากะลาตาเดียวทั้งลูก ที่เป็นตัวผู้และตัวเมียคู่กัน เก็บไว้ในเรือนหอ
    บางคู่ไม่ต้องการให้อีกฝ่ายหนึ่ง นอกใจไปรักหญิงอื่น ชายอื่น ก็จะแกะสลักชื่อสกุลทั้งของสามีและหรือของภรรยา ลงในแผ่นไม้รักแผ่นเดียวกัน แล้วใส่ลงในกะลาตาเดียว เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายนอกใจ
    อีกความเชื่อหนึ่ง ถ้ามีเครื่องรางกะลาตาเดียว ไว้ติดตัวจะช่วยให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ป้องกันโรคภัยต่างๆ ไม่ให้มาเบียดเบียน หรือถ้าเป็นโรคภัยเจ็บป่วย ก็จะช่วยให้หายเร็วขึ้น
    เครื่องรางกะลาตาเดียว ปัจจุบันยังเป็นที่นิยมในหมู่นักสะสมเครื่องรางของขลัง รวมถึงผู้คนโดยทั่วไป ที่พยายามเสาะแสวงหามาเก็บไว้ด้วย เพราะมีความเชื่อว่า จะสามารถทำให้ประสบความสุขความสำเร็จ ความเจริญรุ่งเรือง ความปลอดภัย และความมีโชคลาภ ได้ด้วย ซึ่งไม่ใช่จะเกิดแต่เฉพาะกับตัวเองเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงครอบครัว ร้านค้า และที่อยู่อาศัยอีกด้วย
    ซึ่งตรงกับคำโบราณที่ว่า "ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข การค้าการขายเจริญรุ่งเรือง พบพานแต่สิ่งดี แคล้วคลาดปลอดภัย รอดพ้นจากสิ่งเลวร้าย ทั้งหลายทั้งปวง เฉกเช่นนั้นแล"

    [​IMG]

    ราคาโทรหาหรือ pm มาได้เลยครับไม่แพงครับ เอาไว้หนุนดวงช่วงบอลโลก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. -Sapphire-

    -Sapphire- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +293
    กะลาราหู หลวงพ่อน้อย วัดศรีษะทอง ยุคแรกลงรักปิดทองเดิมๆ

    กะลาตาเดียว หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง ต.ห้วยตะโก อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม พุทธคุณ พระราหูอมจันทร์ กะลาตาเดียว เชื่อกันว่า ช่วยป้องกันภัยต่างๆ เมื่อยามดวงชะตาตก กะลาพระราหู หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทองจะช่วยแก้ ช่วยพยุงให้ดวงชะตาดีขึ้นดังเดิม

    การพัฒนางานแกะพระราหูอมจันทร์ กะลาตาเดียว หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง เห็นได้ว่าในยุคต้นๆ นั้น การแกะพระราหูไม่มีรูปแบบที่เป็นมาตรฐาน มีทั้งสี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม รูปกลม รูปกลีบบัว ก็มี สุดแล้วแต่ช่างจะแกะกัน แต่ในยุคหลวงพ่อน้อยก็มีบ้าง คือช่างชาวบ้านที่แกะกันเอง แล้วนำมาให้หลวงพ่อน้อยปลุกเสกให้ แต่ส่วนใหญ่กะลาแกะพระราหู ของหลวงพ่อน้อยนั้นจะมีศิลปะการแกะที่เป็นมาตรฐาน พระราหูอมจันทร์ กะลาตาเดียวโดยใช้ช่างแกะไม่กี่กลุ่ม ซึ่งได้แก่

    ๑.แกะโดยฝีมือช่างที่เป็นพระภายในวัด แรกๆ ก็แกะเป็นรูปสามเหลี่ยมบ้าง สี่เหลี่ยมบ้าง วงกลมบ้างเหมือนกัน ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นแบบเดียวกัน คือ แกะพระราหู เป็นรูปเสมาคว่ำ

    ๒.แกะโดยฝีมือช่างที่เป็นนักโทษ เรือนจำจังหวัดนครปฐม โดยหลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง ท่านมีลูกศิษย์ลูกหา เป็นผู้คุมเรือนจำ ในสมัยนั้นผู้คุมเรือนจำเป็นช่างฝีมือแกะหลายคน ซึ่งเป็นครูคอยสอนนักโทษด้วย แล้วให้นักโทษช่วยกันลองแกะพระราหู กันดูจากกะลาตาเดียว และได้ คัดอันที่สวยที่สุดมาเป็นตัวอย่าง

    ในครั้งนั้นคัดได้มีลักษณะรูปแบบพระราหู เป็นรูปเสมาคว่ำ และมีขนาดเล็ก กะทัดรัด สวยงาม และเหมาะสำหรับพกพาติดตัวด้วย รูปแบบการแกะนี้จึงได้รับความสนใจเรื่อยมา หลวงพ่อน้อยจึงอาศัยรูปแบบนี้เป็นมาตรฐานในการแกะสืบต่อกันมา

    พระราหู กะลาแกะของวัดศีรษะทอง นั้นมีหลายขนาด ทั้งเล็ก กลาง ใหญ่ แกะจากกะลาครึ่งลูก หรือแกะจากกะลาทั้งลูกก็มี กะลาราหูของหลวงพ่อน้อยที่แกะเสร็จสมบูรณ์แล้ว ข้อสังเกตคือพระราหูอมจันทร์ กะลาตาเดียว กะลาจะมีลักษณะบาง แบน แต่งตะไบ และมีน้ำหนักเบากว่ากะลาใหม่ที่มีขนาดเท่ากัน คือจะมีความแห้งสูงมาก

    ด้านพุทธคุณเชื่อกันว่า ช่วยป้องกันภัยต่างๆ เมื่อยามดวงชะตาตก กะลาพระราหู จะช่วยแก้ ช่วยพยุงให้ดวงชะตาดีขึ้นดังเดิม เรื่องคนชัง ให้กลับมารักชอบนั้นได้ผลแน่ รวมทั้งเรื่องเมตตา โภคทรัพย์ก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าอาจารย์ใดๆ เช่นกัน

    [​IMG]

    ลงรักปิดทองเดิมๆครับสภาพสมบูรณ์มาก หายากมากๆครับ ราคาโทรหาหรือ pm ได้เลยครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กรกฎาคม 2014
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...