เขาหากันให้ควัก

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,575
    ค่าพลัง:
    +21,328
    760-03fa.jpg

    หลวงพ่อยอดวัดหนองปลาหมอปี๒๕๒๐
    ประวัติหลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ อ.หนองแค จ.สระบุรี
    หรือ พระครูประสุดสังฆกิจ อดีตเจ้าอาวาส วัดหนองปลาหมอ นับเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงอันดับหนึ่งของ จ.สระบุรี พระรูปเหมือนของท่านถึงแม้จะสร้างไม่ ทันตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ก็ตาม แต่ก็ยังเป็นที่นิยมและยกย่องให้เป็นหนึ่งใน เบญจภาคีพระรูปเหมือน ยอดนิยมของเมืองไทย และมีสนน ราคาสูงครับ หลวงพ่อยอด ท่านเป็นชาวนครราชสีมา เกิดเมื่อปีพ.ศ.2400 พออายุครบบวชท่านจึง ได้อุปสมบท โดยมีพระอาจารย์อินทร วัดมะรุม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ปล้อง วัดมะรุม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์รอด วัดมะค่า เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "อินทโชติ" ได้ศึกษาคันถธุระและวิปัสสนาธุระจากพระอุปัชฌาย์จนแตกฉาน จึงได้เดินทางมาศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมที่วัดชนะสงคราม หลวงพ่อยอดท่านได้ศึกษาวิทยาการต่างๆ อยู่ที่วัดชนะสงครามหลายพรรษา ต่อ มาท่านก็ได้รู้จักกับพระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังแห่งเมืองพระนครศรีอยุธยา คือหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม และหลวงพ่อฉาย วัดพนัญเชิง ท่านจึงได้เดินทางมาที่พระนคร ศรีอยุธยา โดยจำพรรษาอยู่กับหลวงพ่อกลั่นระยะหนึ่ง จากนั้นก็ออกเดินทางมาทางอำเภอ อุทัย อำเภอหนองแค ผ่านหมู่ บ้านหนองปลาหมอ และขณะนั้นที่วัดหนองปลาหมอเดิมเป็นเพียงสำนักสงฆ์ที่ร้างอยู่ ท่านจึงดำเนินการ สร้างขึ้นเป็นวัด ในปี พ.ศ. 2432 จนเจริญรุ่ง เรืองมาจนทุกวันนี้
    หลวงพ่อยอดท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นพระอธิการหมวด และเป็นพระอุปัชฌาย์ จนถึงพระครูเจ้าคณะแขวงที่ พระครูประสุดสังฆกิจ เมื่อปี พ.ศ.2460 ท่านปกครองวัดหนองปลาหมอนานถึง 54 ปี จึงมรณภาพลงในปี พ.ศ.2486 สิริอายุได้ 86 ปี พรรษาที่ 63
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    หลวงพ่อยอดวัดหนองปลาหมอปี ๒๕๒๐
    รุ่นแรกก็ไม่ทันตัวท่านปลุกเสก แต่ ราคาสูงมาก รุ่นนี้ ศิษย์ท่านปลุกเสก ใกล้จะ 50 ปีแล้วนะครับ

    บูชา 170 บาทค่าส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240827_194417.jpg IMG_20240827_194439.jpg
     
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,575
    ค่าพลัง:
    +21,328
    FB_IMG_1724821062899.jpg

    เขาหากันให้ควัก
    ....
    ท้าวเวสสุวรรณหลวงปู่โง่นโสรโย
    ท้าวเวสสุวรรณ พระพุทธเอกนพรัตน์ 12นักษัตร
    หลวงปู่โง่น โสรโย วัดพระพุทธบาทเขารวก
    ปลุกเสกเป็นรุ่นสุดท้าย ปี๒๕๓๘
    ออกวัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ จ.นครสวรรค์
    พระพุทธเอกนพรัตน์ ประดิษฐานอยู่ ณ บริเวณหัวเรือราชญาณฑีฆายุมงคล ซึ่งสร้างขึ้นในมหามงคลสมัยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี เป็นปีกาญจนาภิเษก พระเทพโมลี ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มสร้างวัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ ได้คิดรวบควมพระพุทธจริยาปางต่างๆ ที่ประจำวันของเทพนพเคราะห์ทั้ง9พระองค์ มี อาทิตยเทพ จันทรเทพ เป็นต้น...
    พระ12นักษัตรที่รายรอบ พระพุทธเเละท้าวเวสสุวรรณ เปรียบเสมือนการฝากดวงชะตาไว้ที่พระ
    ทำเนียบท้าวเวสสุวรรณ หลวงปู่โง่น โสรโย
    ท้าวเวสสุวรรณ หลวงปู่โง่น จัดสร้างตามปีดังนี้...
    1.) ท้าวเวสสุวรรณปี14 ออกที่วัดมิ่งเมือง /ศาลหลักเมืองน่าน เสกพร้อมหลวงพ่อวัดดอนตัน ครูบาก๋ง. เเละเกจิสมัยนั้น ติดอันดับท้าวเวสเมืองเหนือยอดนิยมมาหลายสิบปี
    2.) ท้าวเวสสุวรรณเนื้อดิน วัดโมฬี(หลวงพ่อโม้) จ.กำเเพงเพชร ปี2525
    3.) ท้าวเวสสุวรรณปี2535 วัดพระพุทธบาทเขารวก จ.พิจิตร ปีนั้นสวดภาณยักษ์ที่วัดเขารวกอย่างยิ่งใหญ่ บางคนหลงว่าเป็นปี14 มี2พิมย์
    3.1 )พิมย์ใหญ่หน้ายักษ์
    3.2 )พิมย์เล็กหน้าเทวดา
    4.) ท้าวเวสสุวรรณเนื้อผง วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ จ.นครสวรรค์ ปี2538 สร้างเป็นท้าวเวสด้านนึงอีกด้านเป็นพระพุทธเอกนพรัตน์ หรือเป็นอย่างใดอย่างนึงทั้งสองด้าน
    5.) ท่านท้าวเวสสุวรรณ เนื้อดินผสมผง วัดพระพุทธบาทเขารวก ปี2541-2542 ลักษณะเป็นการนำท่านท้าวเวสสุวรรณปี2535พิมย์เล็ก พิมย์ใหญ่มารวมกัน คือขนาดเท่าพิมย์ใหญ่ เเต่ด้านหน้าคล้ายพิมย์เล็กหน้าเทวดา่
    ราชาเเห่งทรัพย์จ้าวเเห่งภูติผีนายเเห่งยักษ์ทั้งปวง
    ยักษ์ผู้มีเมตตา
    ......
    หลวงปู่โง่น ท่านเป็นครูบาอาจารย์ยุคแรก
    ที่สร้างและอธิฐานจิตท้าวเวสสุวรรณได้ขลังแทบทุกรุ่น
    หลวงปู่โง่น ยังเมตตากล่าวรับรองว่าผู้ใดก็ตามที่พก
    ท้าวเวสสุวัณของท่านย่อม รอดพ้นจากภัยพิบัติอันตราย
    ทังปวง ไม่ว่าจะคุณไสย คุณคน หรือคุณผี ก็ป้องกันได้ทั้งหมด เพราะท่านสร้างขึ้น ด้วยสรรพวัสดุที่มีคุณค่าทางจิตใจจากทุกสารทิศทั่วโลก
    พระพุทธเอกนพรัตน์ เป็นพระพุทธรูป ๓ องค์ ๓ สมัย ๔ อิริยาบถ ๑๐ ปาง ในฐานเดียวกันคือ ประทับยืนสมัยสุโขทัย ประทับนั่งสมัยเชียงแสน และปางไสยาสน์สมัยอู่ทอง รวมพุทธจริยา ๑๐ ปาง ประทับยืน ๕ ปาง
    ๑. ปางประทับรอยพระพุทธบาท
    (พระกาญจนาภิเษกเป็นองค์ประธาน )
    ๒. ปางรำพึง ประจำวันศุกร์
    ๓. ปางห้ามญาติ ประจำวันจันทร์
    ๔. ปางถวายเนตร ประจำวันอาทิตย์
    ๕. ปางอุ้มบาตร ประจำวันพุธ ประทับนั่ง ๓ ปาง คือ
    ๖. ปางนาคปรก ประจำวันเสาร์ มีนาค ๙ เศียร
    ๗. ปางสมาธิ ประจำวันพฤหัสบดี
    ๘. ปางปาลิไลยก์ ประจำวันพุธกลางคืน
    ประทับบรรทม ( ไสยาสน์ ) ๒ ปาง คือ
    ๙. ปางไสยาสน์ ประจำวันอังคาร
    ๑๐. ปางพระเกศธาตุ ประจำพระเกตุ
    (พระหัตถ์แตะพระเศียร ) ถอนเส้นพระเกศา
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ให้บูชา 320 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    FB_IMG_1724821071938.jpg FB_IMG_1724821077870.jpg FB_IMG_1724821074660.jpg FB_IMG_1724821065929.jpg FB_IMG_1724821069019.jpg
     
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,575
    ค่าพลัง:
    +21,328
    พ่อท่านเขียว-กิตฺติคุโณ-วัดห้วยเงาะ-2.jpg
    พระผงรูปเหมือนพ่อท่านศรีแก้ววัดห้วยเงาะเนื้อว่าน พ่อท่านเขียวปลุกเสก ปี๒๕๓๖
    บรรพชา
    เมื่ออายุครบ 21 ปีบริบูรณ์ นายศรีแก้วจึงได้รับการอุปสมบทในราว พ.ศ. 2378 ณ วัดห้วยเงาะ โดยมี หลวงพ่อจันทร์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์หลวงปู่หิด เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    พระศรีแก้วเป็นพระที่ใฝ่หาในวิทยาคมและขยันหมั่นเพียร เมื่อเป็นพระภิกษุท่านได้ศึกษาเวทย์จากหลวงพ่อจันทร์ จนบรรลุในจุดที่สามารถจะไปไหนมาไหนได้อย่างอาจารย์เมื่อถึงจุดหนึ่งพระศรีแก้วจึงออกธุดงค์ เพื่อเสาะหาอาจารย์ที่เรืองเวทย์ในสถานที่ต่าง ๆ กัน โดยไม่จำกัดว่าวิชาเหล่านั้นท่านได้มาจากเพศบรรพชิตหรือฆราวาส ตามประวัติท่านออกธุดงค์เงียบหายไปเป็นเวลานานมาก เงียบหายไปกับกาลเวลา
    พระศรีแก้ว กลับมาวัดห้วยเงาะอีกครั้งหนึ่ง แต่ครานี้ท่านกลับกลายเป็น หลวงพ่อศรีแก้วผู้เข้มขลังด้วยพระเวทย์ เต็มเปี่ยมเมตตาปรานี เพียบพร้อมด้วยไสยและโหราศาสตร์และวิชาแพทย์แผนโบราณ แต่น่าเสียดายที่สมุดบันทึกมิได้กล่าวถึงรายนามพระอาจารย์ของท่าน ที่ท่านออกธุดงค์ไปพบเจอพร้อมทั้งศึกษาไสยเวทย์ มาให้ชนรุ่นหลังได้ทราบ ทราบแต่เพียงว่าท่านธุดงค์ไปถึง ถ้ำผ่าปล่องสู่ถ้ำเชียงดาว ระยะทางจากปัตตานี ถึง เชียงใหม่ ในเวลานั้นจะ
    สุดยอดขนาดไหน ที่แน่ ๆ เส้นทางเมื่อ 100กว่า ปี ที่แล้วต้องเต็มไปด้วยป่าไม้รกทึบ ไข้ป่า สัตว์ป่านานาชนิดแน่นอน พระเวทย์ของพระเกจิอาจารย์ในสมัยก่อนสุดหยั่งจริง ๆ ยิ่งมีอยู่ในตัวเท่าไหร ยิ่งทำให้พระเกจิท่านนั้น ดูภูมิฐาน อิ่มเอิบสดใส คงเป็นไปได้ว่า พระเกจิสมัยก่อนนั้น ทุก ๆ ท่านหยั่งรู้ได้ทั้งอดีต ปัจจุบัน และ อนาคต เป็นแน่แท้
    พระเวทย์อีกวิชาหนึ่งซึ่งประจักษ์แก่สายตาชาวท้องถิ่น คือ วิชาสั่งกระสุน (ธนู) วิชานี้ท่านเอาไว้ใช้ปราบเด็กอันธพาลเกเร ที่ไม่เชื่อฟัง ในสมัยต้องมีวิธีการที่ใช้ปราบเด็กเกเรให้เด็ดขาด วิธี หลวงพ่อศรีแก้วท่านสั่งสอนแบบธรรมดา คือ ผู้ที่โดดลูกธนูของท่านก็จะไม่กระทำในสิ่งที่ผิดที่คิดจะกระทำอีก และทราบด้วยว่ากระสุนนั้นเป็นของใครทุกคนที่โดนจะต้องเข้าไปกราบไหว้ท่านและต้องกลับตัวเป็นคนดีประสอบการณ์เรื่องนี้มีมากมาย
    วิธีใช้ เมื่อท่านจะสั่งกระสุนไปโดนใคร (ลูกธนูดิน) ท่านจะนั่งบริกรรมพระคาถาอยู่ในกุฏิ คนที่จะกระทำผิดก็จะโดดลูกธนู พร้อมเสียงร้อง โอ๊ย ทุกคน
    วิชาสั่งกระสุนนี้ ชาวบ้านในแถบถิ่นรู้กันดี ว่าถ้าใครโดด คือ หลวงพ่อท่านเตือนแล้ว อย่าได้บังอาจคิดกระทำผิดอยู่ ฉะนั้นในละแวกวัดจึงมีแต่คนคิดดี ทำดี
    หลวงปู่แดง วัดศรีมหาโพธิ์ จ.ปัตตานี เคยกล่าวไว้เกี่ยวกับสายพระเวทย์ว่า � วิชาไสยศาสตร์และคาถาอาคม เปรียญเหมือนมีดเราจะใช้ทำอะไรก็ได้ ฆ่าคน ทำร้ายคนหรือนำมาเป็นประโยชน์ป้องกันตัว ช่วยคน ตัดไม้ทำอาหาร มีดมิใช่ว่าใช้ทำร้ายคนอย่างเดียว ประโยชน์ต่าง ๆ ก็มีมากมาย�
    เป็นพระอุปัชฌาย์
    หลวงพ่อศรีแก้ว ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ ในรัชสมัยราชที่ 4 หลวงพ่อได้ให้การบรรพชาและอุปสมบทแก่กุลบุตร ผู้มีความศรัทธาอย่างกว้างขวางท่านต้องรับภาระหนักมาก ทุกปีจะต้องเดินทางไกลโดยใช้ช้างเป็นพาหนะ ช้างของท่านมีอยู่ 2 เชือก ชื่อ อ้ายหนุน เป็นช้างพราย และ บูดาหยัง เป็นช้างพัง
    ทำงานพระศาสนา
    หลวงพ่อผู้เปี่ยมด้วยเมตตาแก่ผู้เข้าสนทนาด้วยความปิติในศีลาจารวัตรว่า
    �ตลอดชีวิตของกู ทำนกบินหลาตาย ตัวเดียว�
    หลวงพ่อศรีแก้ว สมัยท่านยังมีชีวิตอยู่ หลังจากวันเพ็ญวิสาขะมาศ ท่านก็จะออกเดินทางจากวัดห้วยเงาะ โดยมีช้างเป็นพาหนะ รอนแรมไปตามทาง เพื่อให้การอุปสมบทแก่ชาวพุทธที่อาศัยอยู่ใน กลันตัน ปะริด ไทรบุรี ในสมัยนั้น กลันตัน ปะริด ไทรบุรี ยังเป็นเขตแดนไทยอยู่ เพราะ หลวงพ่อศรีแก้ว มีชีวิตอยู่ พ.ศ. 2357 � พ.ศ. 2447 แต่ไทยเสียดินแดน กลันตัน ปะริด ไทรบุรี ประมาณ พ.ศ 2451 เมื่อเสร็จภารกิจแล้ว ก็จะเดินทางอ้อมกลับไปทางสงขลา
    กว่าจะเดินทางมาถึงวัดห้วยเงาะ เป็นเวลาถึง 8 เดือน จึงให้การอุปสมบทแก่วัดค้างเคียงก่อน และจะอุปสมบท ที่วัดห้วยเงาะ เป็นครั้งสุดท้าย หลวงพ่อท่านจึงอธิษฐานเข้าพรรษา
    มรณภาพ
    หลวงพ่อศรีแก้วทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาในภาคใต้ของไทยตลอดจน กลันตัน ปะริด ไทรบุรี จนกระทั่งได้ร่วงเลยมาถึงวัยชรา ท่านได้ถึงกาลมาณภาพ ในวัย 90 พรรษา พรรษาที่ 69
    หลวงพ่อศรีแก้วได้มรภาพลงแล้วชาวพุทธผู้ศรัทธาในองค์หลวงพ่อก็หล่งไหลไปนมัสการกราบไหว้บูชา บางคนมีเรื่องทุกข์ร้อน ก็บนหลวงพ่อของความเมตตา หากสิ่งใดเป็นไปเพื่อความสุจริต ก็จะสมปรารถสิ่งนั้นตามสมควร
    จึงมีคนพูดว่า บนพ่อท่านในหีบ
    พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ บรรพชาอุปสมบท เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ.2492 ณ.พัทธสีมา วัดนางโอ
    โดยมี พระครูมนูญสมณการ วัดพลานุภาพ เป็นพระอุปัชฌาย์
    พระอธิการแดง ธมฺมโชโต วัดนาประดู่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    พระอธิการทอง จนฺทโชโต วัดภมรคติวัน เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    พระอธิการดำ ติสสโร เจ้าอาวาส วัดนางโอในขณะนั้น เป็นประธานสงฆ์ พระสงฆ์หัตถบาส เป็นพระอาจารย์ ผู้ที่ประสิทธิ์ประศาสน์ วิชาความรู้ ให้พ่อท่านเขียวมาตั้งแต่ครั้งยังเป็นฆราวาส
    หลังจากครองผ้าเหลือง พ่อท่านเขียว ได้จำพรรษาอยู่วัดนางโอ โดยท่านได้ใช้เวลาว่างทั้งหมด เล่าเรียนการสวดมนต์ต่างๆ และรวมถึงการสวดภาณยักษ์ แบบฉบับของภาคใต้ กระทั่งพรรษา 2 ท่านได้ย้ายไปจำพรรษาที่วัดสุนทรบัญชาราม อ.รามัญ จ.ยะลา ครั้งถึงพรรษาที่ 3 พ่อท่านเขียว ได้กลับมาจำพรรษาที่วัดนางโออีกครั้ง ได้ศึกษาวิชาอาคมต่างๆ กับ �ตาเลี่ยม�ฆราวาสที่เชี่ยวชาญ ด้านวิปัสสนา รวมทั้งศึกษาสรรพวิชาต่างๆจากผู้เรืองพระเวทย์วิทยาคมอีกหลายท่าน
    นอกจากนี้ พ่อท่านเขียวยังได้ศึกษาในทางธรรม ท่านปฏิบัติเคร่งครัด ศึกษาด้านปริยัติธรรมบาลีไวยากรณ์และนักธรรม รวมถึงการสวดมนต์ สาธยายธรรม ด้วยเหตุนี้เอง พ่อท่านเขียวท่านจึงสามารถ สวดปาฏิโมกข์ได้ตั้งแต่ในพรรษาที่ 5 พ่อท่านเขียว สอบได้นักธรรมโทและต่อมา ท่านได้รับตำแหน่ง รักษาการเจ้าอาวาส วัดนางโอ จนกระทั่งได้เป็นเจ้าอาวาสในลำดับต่อมา ในระหว่างนี้ท่านเองเป็นสหธรรมมิกกับ �พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ � ด้วยความที่วัดอยู่ใกล้กัน ท่านทั้งสองจึงได้เคยร่วมสังฆกรรม สนทนาธรรม และร่วมในพิธีกรรมต่างๆด้วยกันเสมอ
    แม้กระทั่งพ่อท่านเขียว ยังเคยไปช่วยตำว่านยาต่าง ๆ ให้กับพระอาจารย์ทิม เมื่อครั้งที่สร้างหลวงปู่ทวด 2497 อันโด่งดัง คณะนั้นพระอาจารย์ทิมไม่ได้สร้างไว้เพื่อเช่า แต่สร้างไว้เพื่อมอบให้กับผู้ที่ร่วมทำบุญสร้างพระอุโบสถ
    พ่อท่านเขียวเป็นพระที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัยมาก ไม่เคยยกตัวออดดี และตั้งแต่บวชมาไม่เคยยึดติดในลาภยศ สรรเสริญ พ่อท่านเขียวได้เคยเล่าให้ศิษย์ใกล้ชิดฟังว่า พรรษาแรกที่ท่านบวชท่านได้ถูกขโมยรองเท้าไป หลังจากนั้นมาท่านจึงเลิกส่วมรองเท้ามาจนถึงทุกวันนี้
    พ่อท่านเขียว ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีลูกศิษย์ลูกหามากในภาคใต้ ด้วยเหตุนี้ท่านจึงต้องรับกิจนิมนต์ไปปลุกเสกวัตถุมงคลทั่วประเทศ ทั้ง ๆ ที่ท่านก็ชราภาพมากแล้ว
    เหตุนี้เองทำให้ชาวบ้านและญาติโยม จึงให้ความเคารพศรัทธาพ่อท่านเขียว กันเกินคณานับในปัจจุบัน
    ข้อมูลส่วนใหญ่ คัดลอกมาจากหนังสือ พระอาจารย์เขียว กิตติคุโณ วัดห้วยเงาะ ทั้งนี้เพื่อเป็นการเผยแผ่ ประวัติ คุณงาม ความดี ของบูรพาจารย์ ให้ชนส่วนใหญ่ได้ทราบ และ มิให้หายสาบสูญไปตามกาลเวลา
    จึงขออณุญาติทางวัดห้วยเงาะ มา ณ ที่นี้ด้วยครับ
    ขอบคุณท่านเจ้าของระบบความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระผงรูปเหมือนพ่อท่านศรีแก้ววัดห้วยเงาะเนื้อว่าน พ่อท่านเขียวปลุกเสกปี๒๕๓๖ สวยเดิม กล่องเดิม
    ให้บูชา 230 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240824_132313.jpg IMG_20240821_213356.jpg IMG_20240821_213257.jpg
     
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,575
    ค่าพลัง:
    +21,328
    a7dc4fca.jpg

    พระสมเด็จหลวงปู่เจือวัดกลางบางแก้วตะกรุดเงิน ๒ ดอก สร้างปี๒๕๕๑ อายุ ๘๓ ปี
    หลวงปู่เจือ ปิยสีโลสุดยอดพระเกจิอาจารย์เรืองนามเมืองเจดีย์ใหญ่ในอดีต มิพักต้องกล่าวถึงเกียรติคุณของ หลวงปู่บุญ ขันธโชติ และ หลวงปู่เพิ่ม ปุญญวสโน แห่งสำนักวัดกลางบางแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
    แม้บูรพาจารย์ทั้ง 2 ท่าน จะล่วงลับดับสังขารไปแล้ว แต่วิทยาคมอันเรืองอิทธิฤทธิ์ของท่านยังเลื่องลือขจรไกลไป ทั่วสารทิศอย่างไรก็ดี เมื่อสิ้นบุญหลวงปู่บุญและหลวงปู่เพิ่ม สำนักวัดกลางบางแก้ว ได้ปรากฏนาม หลวงปู่เจือ ปิยสีโล ศิษย์เอกสายตรงหลวงปู่เพิ่ม เป็นทายาทสืบทอดวิทยาคม ปัจจุบัน หลวงปู่เจือ ปิยสีโล สิริอายุ 82 พรรษา 56 เป็นรองเจ้าอาวาสวัดกลางบางแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
    อัตโนประวัติหลวงปู่เจือ
    เกิด ในสกุล เนตรประไพ เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2468 ที่บ้านท้ายคุ้ง ต.ไทยยาวาส อ. นครชัยศรี จ.นครปฐม โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายแพและนางบู่ เนตรประไพ ในช่วงวัยเยาว์ ศึกษาเล่าเรียนจบชั้นประถมปีที่ 4 จากโรงเรียนวัดประชานาถ (วัดโคกแขก) แล้วมาช่วยครอบครัวทำนาหาเลี้ยงชีพ
    กระทั่งอายุได้ 26 ปี จึงกราบลาบุพการีเข้าพิธีอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดกลางบางแก้ว โดยมีพระครูพุทธวิถีนายก (เพิ่ม ปุญญวสโน) เจ้าอาวาสวัดกลางบางแก้ว เป็นพระอุปัชฌาย์, พระธรรมธรมูล วัดกลางบางแก้ว เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูพุทธไชยศิริ (ผูก) วัดใหม่สุประดิษฐาราม เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    หลังอุปสมบท อยู่จำพรรษาที่วัดกลางบางแก้ว ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมอย่างมุ่งมั่น สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก
    พ.ศ.2504 ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระฐานานุกรมพระสมุห์ ของพระพุทธวิถีนายก(เพิ่ม)
    พ.ศ.2528 ได้รับการแต่งตั้งเป็นรองเจ้าอาวาสวัดกลางบางแก้ว และเป็นพระกรรมวาจาจารย์
    แม้นเคยได้รับเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดกลางบางแก้ว แต่ท่านปฏิเสธ ทั้งที่เพียบพร้อมทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิ
    หลวงปู่เจือ เป็นศิษย์สายตรงวัดกลางบางแก้ว เริ่มจากเป็นพระลูกวัดศิษย์อุปัฏฐากรับใช้สนองงานของหลวงปู่เพิ่ม โดยมีหน้าที่คอยจัดสร้างเบี้ยแก้ตามคำสั่งของหลวงปู่เพิ่ม ประกอบพิธีกรรมตั้งแต่เริ่มบรรจุปรอท ใช้ตะกั่วหุ้มหอยเบี้ย ลงอักขระเลขยันต์ ถักเชือกหุ้มหอยเบี้ยด้วยมือ
    เมื่อทำสำเร็จจะนำไปขอบารมีให้หลวงปู่เพิ่มปลุกเสกอีกครั้ง ก่อนจะนำออกแจกจ่ายลูกศิษย์ กล่าวได้ว่า หลวงปู่เจือ ได้สืบทอดวิธีจัดสร้างเบี้ยแก้ อันเป็นสุดยอดวิชาของหลวงปู่บุญและหลวงปู่เพิ่มไว้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด
    สรรพคุณหรือพุทธคุณเบี้ยแก้หลวงปู่เจือ เป็นที่ร่ำลือในด้านแคล้วคลาดปลอดภัย เมตตามหานิยม และป้องกันคุณไสยต่างๆ สามารถกันถูกกระทำย่ำยี กันคุณผี คุณไสยเวท อาถรรพณ์ ยาสั่ง ฝังรูปฝังรอย ผีเข้าเจ้าสิง กันไข้ป่าสารพัด ผีป่า ผีโป่ง ผีเปิ่ง ผีปอบกองกอย กันจิตคิดวิกลด้วยโรคอุปาทาน กันมนต์ยาดำย่ำยีด้วยเล่ห์กลมายาสารพัด เป็นต้น
    นอกจากการสร้างเบี้ยแก้อันลือลั่นแล้ว หลวงปู่เจือ ยังสร้างยาจินดามณี อันเป็นวิชาที่สืบทอดตำรับของวัดกลางบางแก้วอย่างสมบูรณ์อีกหนึ่งขนาน
    ยาจินดามณี หรือ ยาวาสนา (ยาต่ออายุ) เป็นยาที่สำเร็จด้วยสมุนไพรและปลุกเสกด้วยมหาพุทธาคม ต้องรวบรวมตัวยาตามตำรับคัมภีร์ที่โบราณาจารย์ระบุไว้ตามสูตร การผสมบดยาต้องใช้พระสงฆ์ผู้ทรงศีลบริสุทธิ์หรือฆราวาสนุ่งขาวห่มขาว สมาทานศีล รักษาศีลอุโบสถ ผสมยาอยู่ในอุโบสถ ปริมณฑลวงสายสิญจน์ การตำบด ปั้นตัวยา ต้องบริกรรมภาวนาพระคาถาตลอด และต้องให้เสร็จตามฤกษ์ที่กำหนดด้วย
    ยาจินดามณี ใช้อธิษฐานทำน้ำมนต์ อาบ กิน ป้องกันและปัดเสนียดจัญไร บูชาติดตัวไว้จะเป็นเสน่ห์ เมตตามหานิยม เจริญด้วยโชคลาภ หญิงมีครรภ์รับประทาน 3 เม็ดคลอดลูกง่าย มีผิวพรรณวรรณะผุดผ่องใส สติปัญญาดี
    นอกจากนี้ หลวงปู่เจือ ยังได้สร้างวัตถุมงคลไว้แจกจ่ายแก่ศิษยานุศิษย์อีกหลายแบบหลายรุ่น เช่น เหรียญเสมาหลวงปู่เจือ รุ่น 1 พ.ศ. 2534 เนื้อเงิน เนื้อกะไหล่ทอง รูปหล่อลอยองค์ รูปเหมือนบูชา พระพิฆเนศวรบูชา พระกริ่งนเรศวรตรึงไตรภพ พระพิมพ์ปรกโพธิ์เนื้อผง พระนางพญาสะดุ้งกลับเนื้อผงขมิ้นเสก และเนื้อดินเผา พระพิมพ์เศียรโล้น พระพิมพ์ซุ้มแหลม พระขุนแผนเคลือบ เหรียญหล่อหลวงปู่เจือ พระปิดตา เนื้อผง ผ้ายันต์และยาจินดามณี
    ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2550 ตรงกับวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 82 ปี คณะศิษย์ได้จัดงานบุญถวายเป็นมุทิตาสักการะ โดยจัดสร้างวัตถุมงคลพระผงเนื้อยาวาสนาจินดามณี รุ่นแรก เป็นพระผงพิมพ์นางพญาสะดุ้งกลับพิมพ์เจ้าสัว พิมพ์ปรกโพธิ์ใหญ่ และพิมพ์พระปิดตา เนื้อผงยาจินดามณีที่นำมาจัดสร้างประกอบพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ตามตำรับของวัดกลางบางแก้ว เมื่อวันเพ็ญกลางเดือนสิบสอง ปีที่ผ่านมา โดยประกอบพิธีกรรมภายในอุโบสถวัดกลางบางแก้ว โดยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เสด็จทรงเป็นประธานในการประกอบพิธีสร้างยาจินดามณีดังกล่าว
    หลวงปู่เจือ ดำเนินชีวิตด้วยความมักน้อยสันโดษ ไม่ยินดียินร้ายในลาภสักการะทั้งหลายทั้งปวง เคร่ง ครัดในศีลาจารวัตร ส่งผลให้ท่านเป็นที่เคารพนับถือของศิษยานุศิษย์ตลอดทั้งพุทธศาสนิกชนทั่วไป
    ความเรียบง่ายของหลวงปู่เจือ เห็นได้อย่างชัด เจน เมื่อมีชาวบ้านไปขอบูชาเบี้ยแก้ที่กุฏิ แล้วให้ท่านประสิทธิ์ประสาท หลวงปู่เจือจะเมตตาทำให้ทุกคน บางคนให้ท่านปลุกเสก ลงเหล็กจาร ท่านจะเมตตาตั้งใจทำอย่างดีเป็นที่ประทับใจของผู้พบเห็น
    ตลอดชีวิตในช่วงที่ครองตนอยู่ในเพศบรรพชิตของหลวงปู่เจือ ท่านได้เคยปรารภว่า เจอมาทั้งความสำเร็จและอุปสรรคขัดขวาง ทั้งจากทางตรงและทางอ้อม ทั้งมนุษย์และสัตว์ที่เรียกได้ว่ามารผจญ แต่ท่านก็ยึดหลักยึดมั่นจนฟันฝ่ามาได้ คือ ทนเอา อดทน อดกลั้น รวมทั้งแนวความคิดรับสืบทอดมาจากครูบาอาจารย์ ท่านได้นำมาสั่งสอนแก่ลูกศิษย์ว่า ให้มีความเพียร ขยัน อดทน
    หลวงปู่เจือ จึงนับเป็นพระเกจิอาจารย์ ที่มีวัยวุฒิอาวุโสรูปหนึ่งแห่งลุ่มแม่น้ำนครชัยศรี จ.นครปฐม เป็นพระเกจิอาจารย์ ที่สมถะเรียบง่าย มักน้อย สัน โดษ มีความเป็นอยู่แบบพระที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัย เมตตาบารมีสูง เป็นพระเถระที่ควรแก่การกราบไหว้โดยแท้.
    เมื่อ วันที่ 3 ส.ค.2551 ซึ่งเป็นวันที่หลวงปู่เจือสิริอายุครบ 83 ปี ท่านได้อนุญาตให้ศิษยานุศิษย์จัดสร้างวัตถุมงคลและได้มอบมวลสารผงยาวาสนา จินดามณี ชนวนวัตถุมงคลต่างๆ ที่ชำรุดตั้งแต่สมัยหลวงปู่บุญ-หลวงปู่เพิ่มให้นำมาจัดสร้างวัตถุมงคลรุ่น ที่ระลึกครบรอบ 83
    วัตถุมงคลที่ระลึกครบรอบ 83 ปี หลวงปู่เจือ ปิยสีโล ศิษย์รุ่นสุดท้าย สายวัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม สร้างน้อยมีจำนวนจำกัด
    พิธีพุทธาเษกยิ่งใหญ่ที่สุดของ หลวงปู่เจือ ปิยสีโล ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ปลุกเสกในวิหารใหญ่ หลวงปู่บุญ-หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม
    ในวันที่ 3 สิงหาคม 2551
    วัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง วัตถุมงคลหลวงปู่เจือ ปิยสีโล
    1. เพื่อนำเงินรายได้ไปก่อสร้างสะพานให้ประชาชนเดินไปกราบไหว้พระพุทธมหามงคลโลก ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดหน้าตัก 5.5 เมตร สูง 13 เมตร น้ำหนัก 120 ที่ประดิษฐานอยู่ ณ. เกาะกลางบึงใหญ่ วัดอุทกวราราม ต.สระแก้ว อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งปัจจุบันเป็นสะพานที่ใกล้ชำรุดทรุดโทรม
    2. เพื่อนำเงินร่วมสมทบทุนให้กับ ชมรมคนรักศิลธรรม เพื่อให้ในกิจกรรมต่างๆ ที่ทางชมรมได้ช่วยเหลือแก่หน่วยงานและมูลนิธิต่างๆ
    รายการวัตถุมงคล หลวงปู่เจือ รุ่น ที่ระลึกครบรอบ 83 ปี มีดังนี้
    1. เหรียญเสมาพุฒซ้อน บุญ-เพิ่ม หลังหลวงปู่เจือ ปิยสีโล ขนาด 3.7 ซม.
    1.1 เนื้อทองคำ ( ตอกโค๊ด 3 ตัว รันนัมเบอร์ ) น้ำหนัก 27 กรัม
    1.2 เนื้อเงิน ( ตอกโค๊ด 3 ตัว รันนัมเบอร์ )
    1.3 เนื้อนวะ ( ตอกโค๊ด 3 ตัว รันนัมเบอร์ )
    1.4 เนื้อทองแดง ( ตอกโค้ด 1 ตัว )
    2. เหรียญกลมหลวงปู่เจือ ปิยสีโล ขนาด 3.2 ซม.
    2.1 เนื้อทองคำ ( ตอกโค๊ด 3 ตัว รันนัมเบอร์ ) น้ำหนัก 23 กรัม
    2.2 เนื้อเงิน ( ตอกโค๊ด 3 ตัว รันนัมเบอร์ )
    2.3 เนื้อนวะ ( ตอกโค๊ด 3 ตัว รันนัมเบอร์ )
    2.4 เนื้อทองแดง ( ตอกโค๊ด 1 ตัว )
    3. พระสมเด็จหลวงปู่เจือ ปิยสีโล หลังองค์พระปฐมเจดีย์
    3.1 เนื้อผงยาจินดามณีตำหรับวัดกลางบางแก้ว ฝังตะกรุดทองคำ 2 ดอก ( กรรมการ )
    3.2 เนื้อผงยาจินดามณีตำหรับวัดกลางบางแก้ว ฝังตะกรุดเงิน 2 ดอก
    3.3 เนื้อขมิ้นเสกตำหรับวัดกลางบางแก้ว ฝังตะกรุดทองคำ 2 ดอก ( กรรมการ )
    3.4 เนื้อขมิ้นเสกตำหรับวัดกลางบางแก้ว ฝังตะกรุดเงิน 2 ดอก
    3.5 เนื้อขาวผสมผงพุทธคุณ 108 ตำหรับวัดกลางบางแก้ว ฝังตะกรุดเงิน 2 ดอก
    4. พระขุนแผน พิมพ์สะดุ้งกลับ หลวงปู่เจือ ปิยสีโล หลังองค์พระปฐมเจดีย์
    4.1 เนื้อผงยาจินดามณีตำหรับวัดกลางบางแก้ว ฝังตะกรุดทองคำ 1 ดอก ( กรรมการ )
    4.2 เนื้อผงยาจินดามณีตำหรับวัดกลางบางแก้ว ฝังตะกรุดเงิน 1 ดอก
    4.3 เนื้อขมิ้นเสกตำหรับวัดกลางบางแก้ว ฝังตะกรุดทองคำ 1 ดอก ( กรรมการ )
    4.4 เนื้อขมิ้นเสกตำหรับวัดกลางบางแก้ว ฝังตะกรุดเงิน 1 ดอก
    4.5 เนื้อขาวผสมผงพุทธคุณ 108 ตำหรับวัดกลางบางแก้ว ฝังตะกรุดเงิน 1 ดอก
    5. ล็อกเกตซุบเปอร์จัมโบ้ บุญ-เพิ่ม-เจือ สูง 5.2 ซม. หลังเนื้อผงยาจินดามณี
    5.1 ล็อกเกตซุบเปอร์จัมโบ้ฉากทองฝังตะกรุดทองคำ 2 ดอก ( กรรมการ )
    5.2 สีฟ้าหลังแผ่นปั๊มองค์พระปฐมเจดีย์ฝังตะกรุดเงิน 2 ดอก
    5.3 สีขาวหลังแผ่นปั๊มองค์พระปฐมเจดีย์ฝังตะกรุดเงิน 2 ดอก
    6. พระปรกใบมะขาม พิมพ์สะดุ้งกลับ
    6.1 พระปรกใบมะขาม พิมพ์สะดุ้งกลับ เนื้อทองคำ - เงิน - นวะ - ตะกั่ว - ทองแดง ( กรรมการ )
    6.2 พระปรกใบมะขาม พิมพ์สะดุ้งกลับ เนื้อทองแดง
    บล็อกทุกพิมพ์และโค๊ดทุกตัวของพระชุดนี้ หลังจากเสร็จพิธีจะทำลายและเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์พระพุทธวิถีนายก หลวงปู่บุญ หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว นครชัยศรี จ.นครปฐม
    กำหนดพิธีพุทธาภิเษก : วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2551 ณ วิหารใหญ่ หลวงปู่บุญ-หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม
    .........
    ทุกพิมพ์ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดีจนกระทั่งได้รับการยอมรับทั้งในและนอกวงการพระว่า มีความเป็นเอกลักษณ์และสวยงามอีกทั้งมวลสารและผงพุทธคุณต่างๆ ที่นำมาผสมลงในวัตถุมงคลนี้ ล้วนเป็นต้นตำรับเดิมของวัดกลางบางแก้วแทบทั้งสิ้น โดยเฉพาะผงยาจินดามณีและผงขมิ้นเสก ซึ่งเป็นมวลสารที่หายากก็ได้นำมาจัดสร้างเป็นวัตถุมงคลรุ่นนี้ด้วยพิธีพุทธภิเษก
    นับว่ายิ่งใหญ่ที่สุดของ “หลวงปู่เจือ ปิยสีโล” และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ปลุกเสกในวิหารใหญ่ “หลวงปู่บุญ-หลวงปู่เพิ่ม” วัดกลางบางแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ในวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2551 พร้อมทั้งมีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังอีก 15 รูป ร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสกด้วย
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20240827_194713.jpg IMG_20240827_194752.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 สิงหาคม 2024 at 21:18
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,575
    ค่าพลัง:
    +21,328
    kb-srivichai-collection-005.jpg
    เขาหากันให้ควัก
    พระผงรูปเหมือนครูบาศรีวิชัยออกวัดพระธาตุสบฝางปี ๒๕๑๘ หลวงปู่โต๊ะวัดประดู่ฉิมพลีปลุกเสกและครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆ
    พระนิยตโพธิสัตว์
    คือพระโพธิ์สัตว์ที่ได้รับการพยากรณ์จาก"พระพุทธเจ้าแล้วว่า ท่านจะมาเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อๆ ไป
    "พระนิยตโพธิสัตว์"
    พระโพธิสัตว์ที่ได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าแล้ว และได้รับการกล่าวขาน
    หรือได้รับการบันทึกไว้เป็นบันทึกตัวอักษร
    ไว้ว่า จะได้เป็นพระพุทธเจ้า องค์ต่อๆไปในอนาคตกาลข้างหน้า ไว้ดังนี้
    ๑ ครูบาเจ้าศรีวิชัย สิริวิชโย
    หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เคยพบและสนทนา
    ธรรมกับ “พระครูบาศรีวิชัย” หลังจากที่
    พระครูบาศรีวิชัยถูกอธิกรณ์แล้ว หลวงปู่มั่น
    เคยออกปากชวนพระครูบาศรีวิชัยออกมาปฏิบัติกัมมัฏฐานด้วยกัน แต่พระครูบาศรีวิชัยปฏิเสธ โดยกล่าวว่าท่านได้บำเพ็ญบารมีมาทางพระโพธิสัตว์ และได้รับการพยากรณ์
    แล้ว เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ต่อมาพระอุบาลี
    คุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) สนใจใคร่
    รู้ถึงภูมิธรรมและปฏิปทาตามวิถีทางที่พระ
    ครูบาศรีวิชัยดำเนินอยู่ จึงได้สอบถาม
    หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ซึ่งท่านได้กราบเรียน
    พระเดชพระคุณให้ทราบว่า…
    “พระศรีวิชัยองค์นี้เป็นพระโพธสัตว์
    ปรารถนาพระโพธิญาณ ขณะนี้กำลังบำเพ็ญเพียรสร้างสมบารมีอยู่ ซึ่งต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารอีกนาน จนกว่าการสั่งสม
    บารมีธรรมจะบริบูรณ์ จะมาตรัสรู้เป็นองค์
    ที่ ๑๐ พระสุมังคโลพุทธเจ้า นับจากพระศรี
    อาริยเมตไตรโยองค์ที่ ๑…....
    ................
    ครูบาศรีวิชัย หรือพระศรีวิชัย เกิดเมื่อวันอังคารที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๔๒๑ ปีขาล
    เป็นบุตรของนายควายกับนางอุสา ที่บ้านปาง ต.แม่ตืน อ.ลี้ จ.ลำพูน เมื่อคลอดมานั้นเกิดเหตุกาณ์ฝนตกฟ้าคะนอง มีเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่า จึงได้ตั้งชื่อบุตรชายนั้นว่า “เฟือน” เป็นภาษาท้องถิ่นภาคเหนือ มีความหมายว่าสะเทือนเลื่อนลั่น เมื่อครั้งเจริญวัย ขณะนั้นครูบาขัตติยะ หรือครูบาแข้งแคระ เดิมจำพรรษาในวัดที่อยู่ในตัวเมืองลำพูนในปัจจุบัน ได้ธุดงค์ไปพำนักยังวัดบ้านปาง เป็นโอกาสอันดีที่นายเฟือน ได้ศึกษาหลักธรรมตลอดจนวัตรปฏิบัติต่างๆ จนเมื่ออายุครบ ๑๘ ปี ทางบิดามารดาจึงจัดให้มีการบรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดบ้านปาง เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๒
    สามเณรเฟือน ได้มีอายุครบกำหนดอุปสมบท
    โยมบิดามารดา จึงได้พาไปอุปสมบทยังอุโบสถวัดบ้านโฮ่งหลวง อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน
    ได้รับฉายาว่า “สิริวชโยภิกฺขุ”
    เมื่อครูบาแข้งแคระ ได้มรณภาพลง พระศรีวิชัย ก็ได้บูรณะซ่อมแซมวัดบ้านปางให้สะดวกต่อการจำพรรษาของพระภิกษุและการประกอบศาสนกิจ ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงระบบการบริหารราชการแผ่นดินตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ เป็นต้นมา ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการปกครองของคณะสงฆ์ อันเป็นผลมาจากการตราพระราชบัญญัติปกครองคณะสงฆ์ ร.ศ. ๑๒๑ ขึ้น
    แต่เดิมการปกครองคณะสงฆ์ล้านนานั้น จะปกครองในระบบ “หมวดอุโบสถ”
    ในขณะที่การปกครองแบบใหม่นั้นขึ้นตรงต่อกรุงเทพฯ มีระบบการบริหารที่ลดหลั่นกันตามลำดับ โดยต้องได้รับการแต่งตั้งจากส่วนกลางทั้งสิ้น หนึ่งในนั้นคือการอนุญาตให้บวช
    ซึ่งผู้ที่จะอนุญาตให้บวชได้นั้นต้องมีตราตั้งก่อน ส่งผลให้เกิดความขัดแย้งระหว่างครูบาศรีวิชัยกับส่วนกลางเป็นเวลายาวนานหลายปี(สุวพันธุ์ จันทรวรชาติ, ๒๕๕๙, ๗)
    ครูบาเจ้าศรีวิชัยเริ่มการบูรณะศาสนสถานต่างๆ ในวัดบ้านปางและศาสนสถานที่ทรุดโทรมในจังหวัดลำพูน เช่น วัดพระธาตุหริภุญชัย วัดจามเทวี(กู่กุด) และแห่งอื่นๆในภาคเหนือ ทำให้เกิดเป็นรูปแบบงานศิลปกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ที่มีรูปแบบเฉพาะในยุคนั้น
    ๒๒ มีนาคม ๒๔๘๑ ครูบาศรีวิชัยได้มรณภาพ ณ วัดบ้านปาง อันเป็นวัดเดิมที่ท่านจำพรรษา สิริอายุ ๖๐ปี ต่อมาได้เชิญศพมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดจามเทวี ในตัวเมืองลำพูน พระราชทานเพลิงศพเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๑ ณ วัดจามเทวี และได้สร้างกู่อัฐิสำหรับเป็นที่สักการะของประชาชน ณ วัดแห่งนี้ด้วย
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    1724859593766.jpg
    พระผงรูปเหมือนครูบาศรีวิชัยออกวัดพระธาตุสบฝางปี ๒๕๑๘ หลวงปู่โต๊ะวัดประดู่ฉิมพลีปลุกเสกและครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆ หลวงปู่โต๊ะเคยมาจำพรรษาที่วัดพระธาตุสบฝาง
    ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20240828_221541.jpg IMG_20240828_221559.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 สิงหาคม 2024 at 10:02
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,575
    ค่าพลัง:
    +21,328
    FB_IMG_1724920896929.jpg
    แบบนี้เขาหากันให้ควักไอ้ทิด
    พระผงภัทร(พิมพ์สมเด็จ) พ.ศ.๒๕๒๕ หลวงปู่หวล วัดพุทไธศวรรย์ จ.อยุธยา พระผงชุดนี้หลวงปู่ได้นำขึ้นทูลเกล้าถวายพ่อหลวง ร.๙
    สมเด็จหลวงปู่หวล พิมพ์พระประธานในโบสถหลวงพ่อดำ ปี ๒๕๒๕
    พระพุทไธศวรรย์วรคุณ” หรือ “หลวงพ่อหวล ภูริภัทโท” อดีตเจ้าอาวาสวัดพุทไธศวรรย์ จ.พระนครศรีอยุธยา มีพระเกจิเรืองนามเมืองกรุงเก่าที่มีชื่อเสียง เจ้าตำรับวัตถุมงคลเหล็กไหลที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ศึกษาวิทยาคมจากพระเกจิอาจารย์ชื่อดังหลายรูป
    กล่าวได้ว่า เมื่อครั้งท่านยังดำรงชีวิตได้รับนิมนต์ร่วมพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลนั่งปรกอธิษฐานจิต.
    วัดพุทไธศวรรย์ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ต.สำเภาล่ม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นวัดเก่าแก่และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์
    มีนามเดิม หวล การเกตุ เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 29 ส.ค.2472 พื้นเพเดิมอยู่ต.สามง่าม อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง
    เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ บรรพชาที่วัดกษัตราธิราชวรวิหาร...
    ต่อมาย้ายมาอยู่ที่วัดพุทไธศวรรย์ และเข้ารับการอุปสมบทที่วัดพุทไธศวรรย์ เมื่อวันที่12 มี.ค.2494 มีพระราชธานินทร์ (หลวงพ่อเจิม) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระกุศลธรรมธาดาเป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระสมุห์ยอด เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า ภูริภัทโท
    ใช้ชีวิตอยู่ในสมณเพศด้วยความมุ่งมั่นและด้วยการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบตลอดมา จึงได้รับการแต่งตั้งให้รักษาการเจ้าอาวาสในปี2497 แทนพระครูสาธุกิจโกศลที่มรณภาพ
    ต่อมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส เมื่อวันที่ 31ธ.ค.2498
    เป็นผู้นำในการบูรณะซ่อมแซมโบราณสถาน โบราณวัตถุภายในวัดให้มีสภาพสวยงามมั่นคงแข็งแรง อุโบสถ วิหาร พระพุทธรูปภายในพระระเบียงรอบองค์พระปรางค์พระพุทธรูปภายในวิหารต่างๆ หลายหลัง...
    ด้านการสร้างพระเครื่อง-วัตถุมงคลนั้น เป็นศิษย์สืบทอดพระเวทวิทยาคมสายวัดประดู่ทรงธรรมจากหลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราชมีวิชาเล่นแร่ แปรธาตุ ถึงขนาดลูกศิษย์ลูกหาร่ำลือกันว่า หลวงพ่อหวลตัดเหล็กไหลหลอมเหล็กไหลได้
    ท่านสร้างวัตถุมงคลประเภทเหรียญรุ่นแรก มีประสบการณ์โด่งดังแพร่สะพัดไปทั่วตั้งแต่ปี พ.ศ.2515 ส่วนเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้รับบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธา จะนำไปพัฒนาวัดและส่งเสริมด้านการศึกษาทั้งสิ้น
    กล่าวได้ว่าพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลรุ่นดังแทบทุกรุ่นต้องมีชื่อเข้าร่วมพิธีด้วยแทบทุกงาน
    ด้วยสังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยง เมื่อเวลา 11.00 น. วันศุกร์ที่ 11 ธ.ค.2563 มรณภาพอย่างสงบ ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์
    สิริอายุ 91 ปี พรรษา 70
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ เวปไซท์ น.ส.พ.ข่าวสด
    พระผงภัทร(พิมพ์สมเด็จ) พ.ศ.๒๕๒๕ หลวงปู่หวล วัดพุทไธศวรรย์ จ.อยุธยา พระผงชุดนี้หลวงปู่ได้นำขึ้นทูลเกล้าถวายพ่อหลวง ร.๙
    องค์นี้ มีผงทองระเรื่อบางๆในองค์พระ
    ให้บูชา 270 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240829_150547.jpg IMG_20240829_150612.jpg
     
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,575
    ค่าพลัง:
    +21,328
    วันนี้จัดส่ง
    1724932310643.jpg
    ขอบคุณครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...