อานิสงส์ไม่มีประมาณ ร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างบันไดขึ้นนมัสการรอยพระพุทธบาท วัดลำจังหัน

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย tanakorn_ss, 5 มกราคม 2012.

  1. tanakorn_ss

    tanakorn_ss ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,792
    ค่าพลัง:
    +5,747
    สาธุ ครับ ขอให้ท่านและหมู่คณะจงประสบความสุข ความเจริญทั้งทางโลกทางธรรม และขอให้บุญนี้จงเป็นเหตุปัจจัยให้ท่านมีความสำเร็จตามที่ปราถนาไว้ทุกประการนะครับ สาธุ ศรัทธา ทานัง อนุโมทามิ ครับ


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ธันวาคม 2013
  2. tanakorn_ss

    tanakorn_ss ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,792
    ค่าพลัง:
    +5,747

    พระพุทธมหาธรรมราชาเฉลิมพระเกียรติ " หนึ่งเดียวในไทย จังหวัดเพชรบูรณ์

    [​IMG]


    โครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554
    จังหวัดเพชรบูรณ์ ร่วมกับประชาชนทุกหมู่เหล่า ได้จัดสร้าง "พระพุทธมหาธรรมราชาเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช" เป็นพระพุทธรูปเนื้อโลหะหล่อด้วยทองเหลืองบริสุทธิ์ ใหญ่ที่สุดในจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อเป็นองค์ประธาน ประดิษฐาน ณ พุทธอุทยานเพชบุระ(ตรงข้ามสถาบันการพลศึกษา) ถนนสายสระบุรี-หล่มสัก อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ยอดพระเกตุบรรจุพระบรมสารีริกธาตุขนาดหน้าตัก 11.984 เมตร มีความหมายว่า
    1 หมายถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราชทรงเป็นพระมหากษัตริย์เอก หนึ่งในดวงใจของชนชาวไทย
    1 หมายถึง พระพุทธมหาธรรมราชา ซึ่งมีเพียงองค์เดียวในโลก เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองเพชรบูรณ์ เป็นองค์พระที่อัญเชิญมาประกอบพิธีอุ้มพระดำน้ำอันศักดิ์สิทธิ์ของเมืองเพชรบูรณ์
    9 หมายถึง รัชกาลที่ 9 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์
    84 หมายถึง วโรกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเจริญพระชนมายุ 84 พรรษา

    [​IMG]



    พระพุทธมหาธรรมราชา​


    [​IMG]

    "พระพุทธมหาธรรมราชา" เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาวเพชรบูรณ์เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ศิลปะสมัยลพบุรี หล่อด้วยเนื้อทองสำริด หน้าตักกว้าง 13 นิ้ว สูง 18 นิ้วไม่มีฐาน มีพุทธลักษณะพระพักตร์กว้าง พระโอษฐ์แบะ พระกรรณยาวย้อย ที่พระเศียรทรงเทริด หรือมีกระบังหน้าทรงสร้อยพระศอพาหุรัดและรัดประคต เป็นลวดลายสร้างขึ้นเมื่อไรไม่ปรากฏชัดเจน แต่จากพุทธลักษณะที่ปรากฏมีความสอดคล้องพระพุทธรูปทรงเครื่องศิลปะขอมที่พบในประเทศระยะแรก(ราวครึ่งหลังพุทธศตวรรษที่ 17 ซึ่งมีรูปแบบทางศิลปกรรมโดยรวมคือ ประทับนั่งขัดสมาธิราบพระพักตร์เป็นรูปสี่เหลี่ยม พระเนตรมักจะเบิกอยู่เสมอท่อนบนของพระวรกายอาจจะเปลือยเปล่าหรือบางครั้งครองจีวรห่มคลุม แต่ท่อนล่างจะใส่สบง สำหรับสบงนั้นทำเป็นขอบนูนขึ้นมาที่บั้นพระองค์ ซึ่งบางครั้งก็ทำเป็นรัดประคตคาดอยู่ เครื่องทรงประกอบด้วยกระบังหน้าเป็นลายสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน รัดเกล้าเป็นรูปกรวยอยู่เหนือพระเศียร ทรงกรองศอแผงมี อุบะห้อย ทรงกุณฑลเป็นตุ้ม ส่วนพาหุรัดทรงกรและทองพระบาทอาจมีหรือไม่มีก็ได้ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในรัชสมัย "พระเจ้าชัยวรมันที่ 7" กษัตริย์แห่งอาณาจักรขอม เมื่อพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ขึ้นครองราชย์สมบัติได้พระราชทานพระนางสิงขรมหาเทวีพระธิดาให้เป็นพระชายาและและพระพุทธมหาธรรมราชาให้แก่ "พ่อขุนผาเมือง" เจ้าเมืองราด เพื่อเป็นการเจริญสัมพันธไมตรี ซึ่งพ่อขุนผาเมืองเป็นพระราชโอรสของพ่อขุนศรีนาวนัมถมแห่งเมืองสุโขทัยในขณะนั้นได้ยกกองทัพเพื่อขับไล่ขอมออกจากนครเดิด ตั้งอยู่บริเวณลุ่มน้ำป่าสักทางทิศตะวันออกของกรุงสุโขทัยซึ่งเป็นหัวเมืองด้านเหนือของขอม จนสามารถยึดนครเดิดได้แล้วจัดการทำนุบำรุงและสร้างเป็นเมืองที่ประสงค์จะอยู่พำนักอาศัย แต่ด้วยชัยภูมิที่ไม่เหมาะสม จึงย้ายเมืองขึ้นมาอยู่บริเวณที่ลาดสูงน้ำไม่ท่วมและสถาปนาเมืองขึ้นใหม่ว่าเมืองลาดหรือเมืองราดในปัจจุบันนี้(สันนิษฐานว่าตั้งอยู่บริเวณ บ้านห้วยโป่ง ตำบลบ้านหวาย อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ความปรีชาสามารถและความแข็งแกร่งของพ่อขุนผาเมือง เลื่องลือถึงพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 กษัตริย์ขอม กระองค์จึงต้องสร้างสายสัมพันธ์ โดยยกพระธิดาชื่อพระนางสิงขรมหาเทวีให้อภิเษกสมรสและพระราชทานพระขรรค์ไชยศรีีรวมถึงพระพุทธรูป ศิลปะลพบุรี ต่อมาในภายหลังให้ชื่อว่า "พระพุทธมหาธรรมราชา" ให้แก่พ่อขุนผาเมืองแต่หลังจากที่พ่อขุนผาเมืองและพ่อขุนบางกลางหาวเจ้าเมืองบางยาง(อ.นครไทย) พระสหาย (ภายหลังได้รับการสถาปนาเป็นพ่อขุนศรีอินทราทิตย์) กอบกู้อิสระภาพในดินแดนสุโขทัยให้กับคนไทยจากขอมได้สำเร็จ ทำให้พระนางสิงขรมหาเทวีั แค้นเคืองถึงกับเผาเมืองราดจนย่อยยับ จากนั้นตัดสินใจกระโดดแม่น้ำป่าสัก เพื่อปลิดชีพตน ทำให้ไพร่พลเสนาอำมาตย์ต้องอัญเชิญพระพุทธมหาธรรมราชาลงแพล่องไปตามลำน้ำป่าสัก เพื่อหลบหนีไฟ แต่โดยสภาพแม่น้ำป่าสักมีความคดเคี้ยว และกระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก ทำให้แพที่อัญเชิญพระพุทธมหาธรรมราชาแตกจนองค์พระพุทธรูปจมดิ่งลงสู่ก้นแม่น้ำหายไป กระทั่งต่อมาชาวบ้านได้ไปพบหลังจากเหตุการณ์ นั้นหลายร้อยปีต่อมา

    อย่างไรก็ตามในประเด็นที่เกี่ยวกับเรื่องรา่วแห่งพ่อขุนผาเมืองนั้นมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ยืนยันได้แก่ ศิลาจารึกหลักที่ 2 (จารึกวัดศรีชุม) ระบุว่า "เมื่อก่อนผีฟ้าเจ้าเมืองศรีโสธรปุระให้ลูกสาวชื่อนางสิงขรมหาเทวีกับพระขรรค์ไชยศรี และให้นามแก่พ่อขุนผาเมืองว่า กมรเต็งอัญศรีบดินทราทิตย์"



    ประเพณีอุ้มพระดำน้ำ

    [​IMG]

    ประเพณีอุ้มพระพุทธรูปดำน้ำของจังหวัดเพชรบูรณ์ นับเป็นตำนานที่แสดงเรื่องราวและกิจกรรมอันมีมาช้านาน เป็นเรื่องราวที่เล่าสืบต่อกันมา มีลักษณะเป็นไปตามความคิดความเชื่อที่แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงของวิถีชีวิตชาวท้องถิ่นเพชรบูรณ์กับพลังเหนือธรรมชาติและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นับเป็นเรื่องเล่าประจำถิ่นที่เกี่ยวข้องกับความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธมหาธรรมราชาพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองซึ่งเป็นความเชื่อว่าเป้นเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นจริง มีสถานที่แห่งการเกิดตำนานในดินแดนเพชรบูรณ์ ตั้งแต่ครั้งประวัติศาสตร์และสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน

    นานหลายร้อยปีมาแล้วมีเรื่องเล่าขานกันว่ามีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งได้ออกไปหาปลาในบริเวณลำน้ำ่ป่าสัก เพื่อนำปลาที่ได้มาเป็นอาหาร และที่เหลือก็นำไปแลกเปลี่ยนกันภายในหมู่บ้านซึ่งเป็นวิถีชีวิตของผู้คนในบริเวณนี้ อยู่มาวันหนึ่งคุณตาหลวงด่อน ซึ่งมีตำแหน่งเป็นคุณข้าหลวงรับใช้งานราชการของเจ้าเมืองเพชรบูรณ์ในขณะนั้น (หลวง หมายถึง บรรดาศักดิ์ ตาด่อนเป็นคำเรียกชายสูงอายุที่ชื่อด่อน) คุณตาหลวงด่อนเป็นคนชอบทอดแหหาปลาวันใดว่างจากงานราชการก็จะออกเรือทอดแหหาปลาในลำน้ำป่าสักอยู่เป็นประจำ วันนี้เป็นวันหยุดงานราชการของคุณตาหลวงด่อน จึงชวนภรรยาคู่ชีวิตออกไปหาปลากันตั้งแต่เช้า เมื่อคุณตาหลวงด่อนหันหัวเรือออกไปในลำน้ำป่าัสักก็เริ่มหาปลาตั้งแต่ในเมืองเรื่อยออกไปซึ่งบริเวณดังกล่าวโดยปกติจะมีปลาชุกชุมมากกว่าบริเวณอื่นๆ แต่วันนี้กลับทอดแหไม่ได้ปลาเหมือนเช่นทุึกครั้ง เขาพายเรือขึ้นไปทางเหนือเมือง ก็ยังไม่ได้ปลาแม้แต่ตัวเดียวเหมือนเดิม ทั้งคู่เริ่มรู้สึกเหนื่อยล้าประหลาดใจ เขาตะโกนถามหาเรือหาปลาของชาวบ้านลำอื่นๆ ก็ได้รับคำตอบเช่นเดียวกัน คุณตาหลวงด่อนจึงนำเรือไปจอดอยู่บริเวณวังน้ำทางเหนือของตัวเมือง (ชาวบ้านเรียกบริเวณนี้ำว่า วังมะขามแฟบหรือวังขะแมบ) เมื่อจอดเรือแล้วคุณตาหลวงด่อนก็พูดกับภรรยาว่า "จะลองทอดแหตรงนี้อีกสักครั้ง" ว่าแล้วก็ทอดแหลงไปแต่คราวนี้ดึงแหไม่ขึ้น จึงลงน้ำไปตรวจดูว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ไม่พบสิ่งปกติ เขาดำน้ำลงไปดูถึงสองคราวก็ไมสามารถกู้แหขึ้นมาได้ คุณตาหลวงด่อนจึงหยุดพักอยู่ครู่หนึ่งครุ่นคิดหรือจะมีเหตุประหลาดอันใด จึงพนมมือขึ้นเหนือหัว แล้วเปล่งเสียงขึ้นเบาๆว่า "เจ้าพระคุ้ณ...ข้าแต่เจ้าป่าเจ้า เจ้าดงพงเจ้าไพร เจ้าแม่พระคงคาทั้งหลาย แหของข้าพเจ้าที่ติดแน่นอยู่นี้ข้าพเจ้าได้ดำน้ำลงไปดูแล้วถึงสองครั้งสองครา ก็ไม่ปรากฏว่าแหนั้นจะติดสิ่งใดเลย หรือว่าข้าพเจ้าได้ทำสิ่งใดไม่ถูกต้อง หรือหากมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ไม่คาดฝันขอสิ่งนั้นได้ปรากฏขึ้นแต่โดยดีเถิด"
    พูดจบเขายกมือขึ้นเหนือหัวอีกครั้งแล้วเอื้อมมือไปจับจอมแหคู่ชีพเพื่อดึงแหที่ติดอยู่ขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เขานึกประหลาดใจเพราะแหที่เขเคยดึงอย่างแรงจนหัวเรือแทบจะจมน้ำถึง 2 ครั้ง กลับเบาเหมือนไม่มีอะไรเลย แต่ทันใดนั้นก็เกิดเหตุมหัศจรรย์ขึ้นเนื่องจากกระแสน้ำที่กำลังไหลในบริเวณนั้นเริ่มหยุดนิ่งอยู่กับที่จากนั้นก็ค่อยๆมีพลายน้ำผุดขึ้นมาทีละน้อยจนแลดูคล้ายน้ำเดือดจนกระทั่งกลายเป็นวังน้ำวนขนาดใหญ่ใจกลางวังน้ำวนนั้นมีพระพุทธรูปองค์หนึ่งลอยขึ้นมาเหนือน้ำสักครู่หนึ่งน้ำเริ่มสงบนิ่งและกลับคืนสู่สภาพปกติดังเ้ดิม เหตุการณ์นี้เป็นที่ประจักษ์แก่ชาวบ้านที่หาปลาในวันนั้น พอตั้งสติได้แล้วคุณตาหลวงด่อนจึงลงไปอัญเชิญพระพุทธรูปขึ้นมาไว้บนเรือ เมื่อคุณตาหลวงด่อนได้พระพุทธรูปขึ้นมาเขาก็ร้องป่าวประกาศให้พวกที่ไปทอดแหอยู่บริเวณนั้นว่าพวกเรา ได้พบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สักพักหนึ่งเกิดเค้าฝนตั้งขึ้นมาท้องฟ้ามืดครึ้ม ลมเริ่มพัดแรงฝนทำท่าจะตก คุณตาหลวงด่อนจึงตะโกนว่า "กลับกันเถอะพวกเรา ฝนกำลังจะตกใหญ่แล้ว" เรือลำน้อยใหญ่บริเวณนั้นก็พากันล่องลงมาจากวังมะขามแฟบเมื่อมาได้สักคุ้งน้ำหนึ่ง แลไปด้านหลังเห็นท้องฟ้าดำมืด ฟ้าฝนตกกระหน่ำ พวกที่ไปหาปลาพากันหาที่หลบฝน มองไปดูมืดหมดทั้งท้องฟ้าทั้งแผ่นดินจึงเรียกบริเวณนั้นว่าท่าดินดำมาจนถึงทุกวันนี้ เมื่อลมฝนเริ่มสงบลงก็พากันล่องเรือลงมาจากท่าดินดำ ประมาณได้สัก 2 คุ้งน้ำ เริ่มมีแสงสว่างท้องฟ้าเป็นสีแดง ชาวบ้านที่อยู่ในเรือก็ตะโกนป้องปากร้องกู่หากันเพื่อเป็นสัญญาณของเรือแต่ละลำ จึงเรียกบริเวณนี้ว่า ปากกู่ ภายหลังเพี้ยนเสียงเป็นปากปู่ (หมู่บ้านปากปู่ในปัจจุบัน) แล้วก็พากันกลับมาได้อย่างปลอดภัยทุกลำเรือ วันรุ่งขึ้นคุณตาหลวงด่อนน้ำพระพุทธรูปที่ได้มาไปมอบให้เจ้าเมืองเจ้าเมืองจึงได้อัญเชิญพระพุทธรูปไปไว้ที่วัดไตรภูมิืเป็นวัดที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำป่าสักและอยู่กลางเมืองเพชรบูรณ์สมัยนั้น

    [​IMG]


    ในปีต่อมาพระพุทธรูปได้หายไปจากวัดไตรภูมิในวันสารทไทย (ตรงกับวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10) ทั้งพระสงฆ์และชาวบ้านช่วยกันออกตามหาแต่ไม่พบ มีชาวบ้านคนหนึ่งที่อยู่บริเวณวัดโพธิ์เย็น เขาไปดักลอบในคลองบริเวณวังมะขามแฟบเป็นประจำ เช้าวันนี้เขาไปดักลอบดังเช่นปกติที่เคยปฏิบัติมา ในขณะที่กำลังกู้ลอบที่วางไว้ก็ได้ิยินเสียงเหมือนคนโดดน้ำ จึงเกิดความสงสัยมาว่าใครโดดน้ำตั้งแต่เช้าจึงเดินเข้าไปดู ก็เห็นพระพุทธรูปกำลังดำผุดดำว่ายอยู่บริเวณนั้น จึงรีบมาป่าวร้องว่าได้เจอพระพุทธรูปที่หายไปจากวัดไตรภูมิแล้วกำลังสรงน้ำอยู่ที่วังมะขามแฟบชาวบ้านจึงตามกันมาดูก็จะเห็นองค์พระพุทธรูปกำลังดำผุดดำว่ายอยู่จริง จึงอัญเชิญท่านกลับวัดไตรภูมิครั้นต่อมาก็หายไปอีก ชาวบ้านจึงพร้อมใจกันและลงความเห็นว่าเพื่อไม่ให้องค์พระท่านหายไปอีก จึงจะนำท่านมาสรงน้ำในวันทำบุญสารทของทุกปี เดิมได้นำท่านไปสรงน้ำที่วังมะขามแฟบ (คลองสาขาของลำน้ำป่าสักสายเก่า) เพราะเชื่อว่าท่านคงชอบที่นี่กระมังจึงทำให้ชาวบ้านมาพบท่านที่นี่ ในระยะหลังแม่น้ำป่าสักเปลี่ยนทางเดินทำให้คลองเริ่มตื้นเขินไม่สะดวกในการสัญจร จึงต้องนำท่านมาสรงน้ำที่ท่าน้ำวัดโบสถ์ชนะมารและปฏิบัติเช่นนี้เรื่อยมาจนปัจจุบัน



    [​IMG]



    หมายเหตุ: ข้อมูลที่นำเสนอนี้เป็นการร่วมส่งเสิรมการท่องเที่ยวของจังหวัดเพชรบูรณ์
    ข้อมูลอ้างอิงจาก : พระพุทธมหาธรรมราชาเฉลิมพระเกียรติ " หนึ่งเดียวในไทย ร่วมถวายองค์ราชัน"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ธันวาคม 2013
  3. tanakorn_ss

    tanakorn_ss ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,792
    ค่าพลัง:
    +5,747
    [​IMG]]

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต, อะระหะโต, สัมมาสัมพุทธัสสะ
    ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์นั้น ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส เป็นผู้ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง โดยชอบ

    หัวใจปฏิจจสมุปบาท.
    อิมสฺมึ สติ อิทํ โหติ
    เมื่อสิ่งนี้ มี สิ่งนี้ ย่อมมี

    อิมสฺสุปฺปาทา อิทํ อุปฺปชฺชติ
    เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น.

    อิมสฺมึ อสติ อิทํ น โหติ
    เมื่อสิ่งนี้ ไม่มี สิ่งนี้ ย่อมไม่มี

    อิมสฺส นิโรธา อิทํ นิรุชฺฌติ
    เพราะความดับไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงดับไป.

    (ม.ม. ๑๓/๓๕๕/๓๗๑, นิทาน. สํ. ๑๖/๘๔/๑๕๔,....)

    อานิสงส์แห่งอานาปานสติ ๗ ประการ

    ภิกษุ ทั้งหลาย. ! อานาปานสติอันบุคคลเจริญ กระทำให้มากแล้ว ย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ ก็อานาปานสติ อันบุคคลเจริญแล้วอย่างไร กระทำให้มากแล้วอย่างไร
    จึงมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ ?

    ภิกษุ ทั้งหลาย. ! ในกรณีนี้ ภิกษุไปแล้วสู่ป่า หรือโคนไม้ หรือเรือนว่างก็ตาม นั่งคู้ขาเข้ามาโดยรอบ
    ตั้งกายตรง ดำรงสติเฉพาะหน้า เธอนั้น มีสติหายใจเข้า มีสติหายใจออก :


    เมื่อหายใจเข้ายาว ก็รู้ชัดว่าเราหายใจเข้ายาว,
    เมื่อหายใจออกยาว ก็รู้ชัดว่าเราหายใจออกยาว;

    เมื่อหายใจเข้าสั้น ก็รู้ชัดว่าเราหายใจเข้าสั้น,
    เมื่อหายใจออกสั้น ก็รู้ชัดว่าเราหายใจออกสั้น;

    เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า “เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งกายทั้งปวง หายใจเข้า”,
    ว่า “เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งกายทั้งปวง หายใจออก”;

    เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า “เราเป็นผู้ทำกายสังขารให้รำงับอยู่ หายใจเข้า”,
    ว่า “เราเป็นผู้ทำกายสังขารให้รำงับอยู่ หายใจออก”;

    เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า “เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งปีติ หายใจเข้า”,
    ว่า “เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งปีติ หายใจออก”;

    เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า “เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งสุข หายใจเข้า”,
    ว่า “เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งสุข หายใจออก”;

    เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า “เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิตตสังขาร หายใจเข้า”,
    ว่า “เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิตตสังขาร หายใจออก”;


    เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า “เราเป็นผู้ทำจิตตสังขารให้รำงับอยู่ หายใจเข้า”,
    ว่า “เราเป็นผู้ทำจิตตสังขารให้รำงับอยู่ หายใจออก”;

    เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า “เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิต หายใจเข้า”,
    ว่า “เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิต หายใจออก”;

    เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า “เราเป็นผู้ทำจิตให้ปราโมทย์ยิ่งอยู่ หายใจเข้า”,
    ว่า “เราเป็นผู้ทำจิตให้ปราโมทย์ยิ่งอยู่ หายใจออก”;

    เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า “เราเป็นผู้ทำจิต
    ให้ตั้งมั่นอยู่ หายใจเข้า”, ว่า “เราเป็นผู้ทำจิตให้ตั้งมั่นอยู่
    หายใจออก”;
    เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า “เราเป็นผู้ทำจิตให้ปล่อยอยู่ หายใจเข้า”,
    ว่า “เราเป็นผู้ทำจิตให้ปล่อยอยู่หายใจออก”;

    เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า “เราเป็นผู้เห็นซึ่งความไม่เที่ยงอยู่เป็นประจำ หายใจเข้า”,
    ว่า “เราเป็นผู้เห็นซึ่งความไม่เที่ยงอยู่เป็นประจำ หายใจออก”;

    เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า “เราเป็นผู้เห็นซึ่งความจางคลายอยู่เป็นประจำ หายใจเข้า”,
    ว่า “เราเป็นผู้เห็นซึ่งความจางคลายอยู่เป็นประจำ หายใจออก”;

    เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า “เราเป็นผู้เห็นซึ่งความดับไม่เหลืออยู่เป็นประจำ หายใจเข้า”,
    ว่า “เราเป็นผู้เห็นซึ่งความดับไม่เหลืออยู่เป็นประจำ หายใจออก”;

    เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า “เราเป็นผู้เห็นซึ่งความสลัดคืนอยู่เป็นประจำ หายใจเข้า”,
    ว่า “เราเป็นผู้เห็นซึ่งความสลัดคืนอยู่เป็นประจำ หายใจออก”;


    ภิกษุ ทั้งหลาย. ! อานาปานสติ อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว อย่างนี้แลย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่.

    ภิกษุ ทั้งหลาย. ! เมื่ออานาปานสติ อันบุคคลเจริญแล้วกระทำให้มากแล้ว
    อยู่อย่างนี้ ผลอานิสงส์ ๗ ประการย่อมเป็นสิ่งที่หวังได้.

    ผลอานิสงส์ ๗ ประการ เป็นอย่างไรเล่า ?
    ผลอานิสงส์ ๗ ประการ คือ :-


    ๑. การบรรลุอรหัตตผลทันทีในปัจจุบันนี้.
    ๒. ถ้าไม่เช่นนั้น ย่อมบรรลุอรหัตตผลในกาลแห่งมรณะ.
    ๓. ถ้าไม่เช่นนั้น เพราะสิ้นโอรัมภาคิยสัญโญชน์ ๕
    ย่อมเป็นอันตราปรินิพพายี (ผู้จะปรินิพพานในระหว่างอายุยังไม่ถึงกึ่ง).
    ๔. ถ้าไม่เช่นนั้น เพราะสิ้นโอรัมภาคิยสัญโญชน์ ๕
    ย่อมเป็นอุปหัจจปรินิพพายี (ผู้จะปรินิพพานเมื่อใกล้จะสิ้นอายุ).
    ๕. ถ้าไม่เช่นนั้น เพราะสิ้นโอรัมภาคิยสัญโญชน์ ๕
    ย่อมเป็นอสังขารปรินิพพายี (ผู้จะปรินิพพานโดยไม่ต้องใช้ความเพียรมากนัก).
    ๖. ถ้าไม่เช่นนั้น เพราะสิ้นโอรัมภาคิยสัญโญชน์ ๕
    ย่อมเป็นสสังขารปรินิพพายี (ผู้จะปรินิพพานโดยต้องใช้ความเพียรมาก).
    ๗. ถ้าไม่เช่นนั้น เพราะสิ้นโอรัมภาคิยสัญโญชน์ ๕
    ย่อมเป็นอุทธังโสโตอกนิฏฐคามี (ผู้มีกระแสในเบื้องบนไปสู่อกนิฏฐภพ).

    ภิกษุ ทั้งหลาย. ! อานาปานสติ อันบุคคลเจริญแล้ว
    กระทำให้มากแล้วอย่างนี้แล ผลอานิสงส์ ๗ ประการ
    เหล่านี้ ย่อมหวังได้ ดังนี้.

    ที่มา: ทุติยผลสูตร มหาวาร. สํ. ๑๙/๓๙๗/๑๓๑๔ - ๑๓๑๖.
     
  4. tanakorn_ss

    tanakorn_ss ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,792
    ค่าพลัง:
    +5,747
    อัปเดทรายการบัญชีบุญสร้างบันได
    ขึ้นนมัสการ รอยพระพุทธบาทบนยอดเขา
    ณ. วัดลำจังหัน(วัดป่ารัตนเจดีย์)

    [​IMG]
     
  5. tanakorn_ss

    tanakorn_ss ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,792
    ค่าพลัง:
    +5,747
    อัปรายนามผู้บริจาคตามกำลังศรัทธา

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. tanakorn_ss

    tanakorn_ss ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,792
    ค่าพลัง:
    +5,747
    [​IMG]

    วชิราภิกษุณี และธรรมชาติของขันธ์ ๕



    ในภาษิตของวชิราภิกษุณีได้กล่าวถึงการดับทุกข์ไว้ วันหนึ่งในขณะที่ท่านนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ไกล้พระเชตวัน มารได้ปรากฏกายและพยายามทำให้สะดุ้งตกใจกลัว โดยได้ถามว่า
    "แนะภิกษุณี ใครสร้างสัตว์ ผู้สร้างอยู่ที่ใหน สัตว์เกิดขึ้นได้อย่างไร และดับอย่างไร"


    วราภิกษุณี ตอบว่า

    " ดูก่อนมาร เพราะเหตุไรหนอ ความ

    เห็นของท่านจึงหวนกลับมาว่า สัตว์ใน

    กองสังขารล้วนนี้ ย่อมไม่ได้นามว่า สัตว์

    เหมือนอย่างว่า เพราะคุมส่วนทั้งหลายเข้า

    เสียงว่ารถย่อมมี ฉันใด.

    เมื่อขันธ์ทั้งหลายยังมีอยู่ การสมมติ

    ว่าสัตว์ย่อมมี ฉันนั้น ความจริง ทุกข์

    เท่านั้นย่อมเกิด ทุกข์เท่านั้นย่อมตั้งอยู่และ

    เสื่อมสิ้นไป นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรเกิด

    นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรดับ..."

    ที่มา: พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 109


    ข้อพิจารณา คำว่าสัตว์ นั้นเป็นเพียงคำที่ชาวโลกสมมติเรียกกองขันธ์ ๕ เหมือนกับคำว่า รถ ใช้เรียกสิ่งที่ประกอบขึ้นจากล้อและเพลาเป็นต้น

    ไม่มีอะไรที่เรียกได้ว่าสัตว์นอกจากกองขันธ์ ๕ ที่เป็นความทุกข์ ที่จริงมีแต่ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ไม่มีอะไรเกิดนอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรดับนอกจากทุกข์


    คำว่าสัตว์ แปลความหมายได้ว่า คือสิ่งที่คนทั่วไปสมมุติขึ้นมาเท่านั้นซึ่งไม่มีอยู่จริงในความหมายที่เป็นปรมัตถ์ สิ่งที่เรียกว่ากันว่า สัตว์นั้น โดยปรมัตถ์เป็นกระบวนของรูปนามที่เกิดขึ้นอยู่ ค่อยๆเสื่อมไป และสลายไปในที่สุด สิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นเป็นทุกข์โดยแท้


     
  7. eddyjeep

    eddyjeep สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2014
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +4
    แจ้งโอนค่ะ

    โอนทำบุญแล้ววันนี้1000บาท ทางเอทีเอ็มเวลา18.03น. 15มค.57ค่ะ
    ชื่อ สรวิชช์ ลดาวัลย์และครอบครัวค่ะ
     
  8. เบเบ้

    เบเบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    2,160
    ค่าพลัง:
    +14,168
    ร่วมบุญเป็นเจ้าภาพสร้างบันไดขึ้นนมัสการ รอยพระพุทธบาทครับ

    วันนี้สมาทานศีล ๕ ก่อนร่วมบุญเป็นเจ้าภาพสร้างบันได
    ขึ้นนมัสการ รอยพระพุทธบาทบนยอดเขา


    ณ. วัดลำจังหัน(วัดป่ารัตนเจดีย์) ต.สามแยก
    อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์

    ๘.๘๘ บาทครับ


    แผ่เมตตา... อุทิศส่วนกุศล... อโหสิกรรม...ให้กับเวไนยสัตว์ทั้งปวงในอนันตจักรวาล อธิษฐานบารมีมุ่งสู่พระนิพพานครับcatt14
    ขออารธนาคุณพระครีรัตนตรัย ท้าวมหาพรหม เทพยดาฟ้าดินทั้งปวง อำนวยพรให้สมาชิกWeb พลังจิตญาติมิตรและผู้อ่านทุกท่านเจริญทั้งทางโลกและทางธรรมครับ
    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  9. tanakorn_ss

    tanakorn_ss ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,792
    ค่าพลัง:
    +5,747
    สาธุน้อมอนุโมทนาบุญครับ พรใดที่ประเสริฐโดยแท้ขอให้ท่านเป็นผู้ได้รับ รวมทั้งขอให้ท่านและครอบครัวประสบแต่ความสุข ความเจริญ และความสำเร็จในทุกๆด้านนะครับ สาธุ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มกราคม 2014
  10. tanakorn_ss

    tanakorn_ss ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,792
    ค่าพลัง:
    +5,747
    สาธุ น้อมอนุโมทนาบุญนะครับ พรใดที่ประเสริฐโดยแท้ขอให้ท่านเป็นผู้ได้รับ ขอให้บุญนี้เป็นเหตุปัจจัยให้ท่านและความครัวมีความสุข ความเจริญ ความสำเร็จในสิ่งที่ท่านปราถนานะครับ สาธุ สาธุ
     
  11. เบเบ้

    เบเบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    2,160
    ค่าพลัง:
    +14,168
    ร่วมบุญเป็นเจ้าภาพสร้างบันไดขึ้นนมัสการ รอยพระพุทธบาทครับ

    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td> <center>ร่วมบุญเป็นเจ้าภาพสร้างบันไดขึ้นนมัสการ รอยพระพุทธบาทครับ

    </center>
    </td> <td>
    </td> </tr></tbody></table> <hr style="color:#FFFFFF; background-color:#FFFFFF" size="1"> วันนี้สมาทานศีล ๕ ก่อนร่วมบุญเป็นเจ้าภาพสร้างบันได
    ขึ้นนมัสการ รอยพระพุทธบาทบนยอดเขา


    ณ. วัดลำจังหัน(วัดป่ารัตนเจดีย์) ต.สามแยก
    อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์

    ๙.๙๙ บาทครับ


    แผ่เมตตา... อุทิศส่วนกุศล... อโหสิกรรม...ให้กับเวไนยสัตว์ทั้งปวงในอนันตจักรวาล อธิษฐานบารมีมุ่งสู่พระนิพพานครับcatt14
    ขออารธนาคุณพระครีรัตนตรัย ท้าวมหาพรหม เทพยดาฟ้าดินทั้งปวง อำนวยพรให้สมาชิกWeb พลังจิตญาติมิตรและผู้อ่านทุกท่านเจริญทั้งทางโลกและทางธรรมครับ
    สาธุ สาธุ สาธุ
    ถ้ามีกำลังจะร่วมสร้างบันไดซักขั้นครับ;aa2
     
  12. tanakorn_ss

    tanakorn_ss ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,792
    ค่าพลัง:
    +5,747
    สามารถทำได้ตั้งแต่ 1 บาทเป็นต้นไปครับค่อยๆทำไปสะสมไปเรื่อยๆ
    ขอโมทนาในกุศลเจตนาของท่านนะครับ ขอให้กุศลเจตนานี้เป็นเหตุปัจจัยให้มีกำลังจิต กำลังใจ กำลังศรัทธา ทั้งกำลังทรัพย์ ทำให้ได้สำเร็จดังหวังตั้งใจไว้นะครับ สาธุ สาธุ
     
  13. tanakorn_ss

    tanakorn_ss ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,792
    ค่าพลัง:
    +5,747
    อัปเดทภาพการสร้างบันได


    [​IMG]

    ขออนุญาตเปลี่ยนแปลงประชาสัมพันธ์​


    เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน และสืบเนื่องจากที่ได้ประกาศไว้ก่อนเริ่มโครงการ ในเรื่องงบประมาณการก่อสร้าง และรายละเอียดการทำบุญนั้น

    ขอเปลี่ยนแปลงคำประชาสัมพันธ์ดังนี้

    - เปลี่ยนจากการระบุงบประมาณ..... เป็น ใช้งบประมาณเป็นจำนวนมาก
    สาเหตุ เนื่องจากว่าทางวัดนั้นไม่ได้มีงบประมาณก้อนโตจำนวนมากในการสร้างเพียงครั้งเดียว แต่อาศัยการบอกบุญและสายศรัทธาจากผู้ใจบุญมาร่วมกันสร้างและรวมทั้งค่าอุปกรณ์และค่าแรงมีการเปลี่ยแปลงไปตามการเวลา จึงไม่สามารถระบุเวลาการสร้างและงบประมาณการสร้างที่แท้จริงได้

    - เปลี่ยนแปลงการทำบุญ เปลี่ยนเป็นเจ้าภาพขึ้นละ 2000 หรือตามศรัทธา เป็นสามารถร่วมบุญเป็นเจ้าภาพตามกำลังศรัทธา

    - หมายเหตุ การทำบุญ ให้คงไว้เหมือนเดิม โดยเฉพาะผู้ที่ทำบุญเป็นเจ้าภาพตั้งแต่ 2000 บาทขึ้นไป ทางวัดจะทำการสลักชื่อไว้ในราวบันไดด้านข้างโดยระบุลำดับเลขขั้นที่เจาะจงเป็นเจ้าภาพขั้นนั้น

    - ท่านที่ทำบุญตามศรัทธา หากมีความประสงค์จะให้ทางวัดสลักชื่อขึ้นทำเนียบไว้บนยอดเขา กรุณาแจ้งชื่อ-นามสกุลให้ทราบด้วย

    - ท่านที่ขอใบอนุโมทนาบัตร ท่านสามารถขอเก็บไว้เป็นที่ระลึกโดยให้ทางวัดออกโดยตรงได้ แต่ไม่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ เนื่องจากวัดเป็นสำนักสงฆ์อยู่ในระหว่างดำเนินการขอขึ้นทะเบียนวัดอยู่ไม่สามารถออกใบอนุโมทนาที่ลดหย่อนได้ หากมีความประสงค์ต้องการทางวัดจะขอความอนุเคราะห์ทางวัดต้นสังกัดที่ให้ความดูแลได้เมตตาออกใบอนุโมทนาบัตรให้

    ขอขอบพระคุณทุกๆท่าน ด้วยใจจริง ที่มีน้ำจิตน้ำใจด้วยจิตบริสุทธิ์ในการเอื้อเฟื้ออนุเคราะห์และร่วมทำบุญสละจาคะ และร่วมเผยแพร่บอกบุญประชาสัมพันธ์ โครงการนี้ให้ดำเนินไปด้วยดีและจะยังดำเนินต่อไปจนกว่าจะสำเร็จ

    ขออานุภาพแห่งบุญและอานิสงส์ของบุญที่เกิดขึ้นในบุญนี้ช่วยดลบันดาลให้ทุกๆท่านตลอดทั้งครอบครัวท่านประสบแต่ความความสุข ความเจริญ ความสำเร็จในทางโลกและทางธรรมทุกๆด้านเทอญ สาธุครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มกราคม 2014
  14. wisarn

    wisarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    741
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +2,505
    <object width="420" height="315"><param name="movie" value="//www.youtube.com/v/1LIAUGEAbpI?version=3&amp;hl=en_US&amp;rel=0"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="//www.youtube.com/v/1LIAUGEAbpI?version=3&amp;hl=en_US&amp;rel=0" type="application/x-shockwave-flash" width="420" height="315" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object>
     
  15. tanakorn_ss

    tanakorn_ss ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,792
    ค่าพลัง:
    +5,747
    บทสรรเสริญเพราะมากครับ อนุโมทนานะครับ
     
  16. ปวีณ์ริสา

    ปวีณ์ริสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +470
    ร่วมบุญเป็นเจ้าภาพสร้างบันไดขึ้นนมัสการรอยพระพุทธบาท ณ วัดลำจังหัน ด้วยค่ะ
    โอนเรียบร้อย วันที่ 31/01/14 เวลาประมาณ 22.19 น.
    จำนวน 400 บาท ค่ะ


    โมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยทุกประการค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ
    ขอบคุณมากค่ะ
    :z8
     
  17. onthanach

    onthanach เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2014
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +114
    น.ส.อรธนัช เตพิมลรัตน์ ร่วมบุญเป็นเจ้าภาพสร้างบันไดขึ้นนมัสการ รอยพระพุทธบาทบนยอดเขา ณ. วัดลำจังหัน(วัดป่ารัตนเจดีย์) ต.สามแยก
    อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ 300 บาท โอนวันที่ 2/02/57 เวลา 16.02 น.จากธ.กสิกรไทย
    และขออนุโมทนาบุญกับผู้ร่วมบุญทุกท่านด้วยค่ะ
     
  18. tharathan

    tharathan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    816
    ค่าพลัง:
    +7,128
    tharathan ขอร่วมบุญโครงการสร้างบันไดแก้วมณี
    ขึ้นนมัสการรอยพระพุทธบาทบนยอดเขา ณ.วัดลำจังหัน(วัดป่ารัตนเจดีย์)
    ต.สามแยก อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชา
    จำนวน ๕๕ บาท ค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยค่ะ สาธุ สาธุ.........

    ........................................................................................
    วันที่ 02 ก.พ. 2557
    เวลา 19:37:29 Bangkok, Thailand (GMT +7:00)
    โอนเงินจาก: บัญชีผู้โอน BBL 338-0-606370
    โอนเงินไป: บัญชีผู้รับโอน KTB 6291569191
    ชื่อบัญชี PHICHET THITAPAN
    จำนวนเงิน 55.00
     
  19. tanakorn_ss

    tanakorn_ss ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,792
    ค่าพลัง:
    +5,747
    อนุโมทนาสาธุ ขอให้ท่านได้บุญนี้มากๆนะครับ สาธุ
     
  20. tanakorn_ss

    tanakorn_ss ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,792
    ค่าพลัง:
    +5,747
    [​IMG]


    คำอธิษฐานบูชาพระพุทธบาท (อีกแบบหนึ่ง)


    “ข้า พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ขออาราธนาบารมี องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ และพระธรรม
    พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ผู้เป็นพระอัครสาวก และพระอรหันต์สาวกของพระพุทธเจ้าทั้งหลายที่ผ่านไปแล้วในอดีด ตั้งแต่ต้นปฐมพุทธวงศ์ จนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้
    ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบๆกันมา พระบรมโพธิสัตว์ทั้งหลาย อันตลอดจนถึงพรหมโลก ภาคผู้เลี้ยง ผู้รักษา ศาสนจักร อาณาจักร พุทธจักร มรรคผล นิพพาน สวรรค์ทุกชั้นฟ้าทั้งหมื่นโลกธาตุ ทั่วแสนโกฎิจักรวาล ผู้มีหน้าที่รักษาทรัพยากรของชาติ รักษานภากาศ รักษามหาสมุทร จนกระทั่งสุดพื้นปฐพีคือที่เป็นอากาศเทวดาก็ดี เป็นรุกขเทวดาก็ดี เป็นภุมเทวดาก็ดี จะเป็นประเทศอื่นหรือประเทศไทยก็ดี ที่ยังเป็นเขตแดนพระพุทธศาสนา คือผู้ที่รักษาอาณาเขตนี้ และที่รอยพระพุทธบาททุกแห่ง กับทั้งที่พระบรมธาตุทุกสถาน
    พระสยามเทวาธิราช พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง และเจ้าพ่อหลักเมือง
    ทั่วทั้งเมืองไทย ขอได้โปรดเสด็จมา ณ สถานที่นี้ ต่อหน้าพระแท่นธรณี เพื่อเป็นสักขีพยาน ปวงข้าพระพุทธเจ้าจะขอตั้งสัตยาธิษฐาน ประสานผลบุญราศรีที่ได้บำเพ็ญมา นับตั้งแต่อดีตชาติมาจนถึงโอกาสนี้ ซึ่งมีการบูชาสักการะรอยพระพุทธบาทบรม ด้วยการมอบกายถวายชีวิต จนถึงกิจงานรวมภาคครั้งนี้ ขออานิสงส์บุญทั้งหมดที่มีทับทวีมารวมตัวกันให้เต็มครบถ้วนทั้ง ๓๐ ทัศ จัดอยู่ในปรมัตถบารมี ธรรมใดที่องค์สมเด็จพระบรมครูที่ได้ตรัสรู้แจ้งแห่งธรรมแล้ว ขอให้ลูกแก้วทั้งหลาย จงได้เห็นธรรมนั้นทุกประการ หากยังไม่เข้านิพพานเพียงใด ขอคำว่า “ ไม่มี ” ทั้งหมด จงอย่าได้มาปรากฏ เมื่อสังขารหมดสิ้นไป อารมณ์ใจอย่าได้มืดมัว ขอให้แสงสีรัศมีกาย จงส่องกระจายไปทั่ว และทิพย์วิมานทั้งหลาย จงเฉิดฉายงามสดใส ถ้าโลกจะประสบสงครามใหญ่ ซึ่งอาจมีต่อไปในกาลข้างหน้า ตามที่พระศาสดาทรงทำนาย ว่ายักษ์ร้ายนอกพุทธศาสนา อาจจะรบราฆ่าฟันกัน ด้วยอาวุธอันทันสมัย หากเป็นจริงตามนั้นไซร์ โปรดได้อภิบาลชาวไทยผู้ตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรมทั้งหลาย ให้พ้นจากภัยพิบัติเหล่านั้น ครั้นจะย่างก้าวไปในสารทิศใด ขอเทพไท้เทวาแต่ละทิศ จงมีจิตคิดเมตตา โปรดจำหมู่ข้าพเจ้าไว้ ขอทั้งศาสตราและสรรพอาวุธ ทั้งอุบัติเหตุอาเพทภัย ทั้งคุณไสยยาพิษ ผู้คิดเป็นศัตรูหมู่พาล จงอย่าได้ทำอันตรายทั้งหมด หากมีผู้คิดคดทรยศ ต่อสถาบันชาติ พระศาสนาและพระมหากษัตริย์ โปรดขจัดให้สิ้นไป อย่าให้ทำการสิ่งใดสำเร็จ จงได้สูญหายมลายไปด้วยภัยของตนเองขอให้พ้นจากทุพภิกขภัย คือความอดอยากยากจน และพ้นจากภัยธรรมชาติทั้งปวง คือ ฟ้าผ่า ลมแรง ไฟไหม้ น้ำท่วมใหญ่ และแผ่นดินไหว เป็นต้น
    สัพพะทุกข์ สัพพะโศก สัพพะโรค สัพพะภัย สัพพะเคราะห์ เสนียดจัญไร จงพินาศหมดสิ้นไป ด้วยชัยมงคลทั้งหลาย

    เมื่อกาลเวลามาถึงไซร้ ขอให้มีผู้บริหารบ้านเมืองที่ทรงธรรม คนดีเข้ามารักษาประเทศชาติ เพื่อให้ประชาราษฏร์มั่งคั่งเกษมศรี ให้มีความอยู่ดีกินดี พืชสวนไร่ในนาอย่าได้เสียหาย ค้าขายก็ขอให้ได้กำไรดีอีกทั้งแร่ธาตุทองคำ และน้ำมันทั้งหลาย อันเป็นทรัพยากรของชาติ ขอจงได้ปรากฎโดยเร็วพลัน เพื่อเป็นประโยชน์แก่ชาวไทยทั้งหลาย จนถึงเข้ายุคชาวศรีวิไล แล้วมีความรุ่งเรืองไปในอาณาประเทศ เพื่อจะสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา อันจะแผ่ไปในภายภาคหน้า ตามพุทธพยากรณ์ไว้ว่า หลังกึ่งพุทธกาลแล้ว.......... พระศาสนาจะรุ่งเรืองอีกวาระหนึ่ง ขอให้มีผู้ปฎิบัติได้ เพื่อช่วยกันประกาศศาสนา เป็นการขจัดภัยจากอลัชชี คือ ผู้ที่เป็นมิจฉาทิฎฐิทั้งหลาย

    สาธุ... ด้วยอำนาจแห่งสัจจะอธิษฐานนี้ ขอพระบารมีทุกท่านได้โปรดประทานพร ให้ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ผู้เป็นเผ่าพันธุ์ของพระองค์
    อันนับเนื่องอยู่ในศากยวงศ์ ถ้าหากคงไม่เกินวิสัย ขอให้เป็นไปตามนั้น
    และให้สามารถปฎิบัติตนจน ทั้งสุกขวิปัสสโก เตวิชโช ฉฬภิญโญ
    และปฎิสัมภิทัปปัตโต ได้มรรคผล นิพพาน สำเร็จโดยง่าย โดยฉับพลันนั้นเทอญ...”

    พุทธังอธิษฐามิ ธ้มมังอธิษฐามิ สังฆังอธิษฐามิ
    พุทธังประสิทธิ ธัมมังประสิทธิ สังฆังประสิทธิ สาธุ สาธุ สาธุ


    [​IMG]

    หมายเหตุ: คำอธิษฐานนี้เป็นคำอธิษฐานรวมๆ กลางๆ ท่านใดที่ยังไม่คำอธิษฐานเวลาสร้างบุญใดๆ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กุมภาพันธ์ 2014

แชร์หน้านี้

Loading...