อานิสงส์สวยเลือกได้

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย หัวมัน, 4 กันยายน 2013.

  1. Sir-Pai

    Sir-Pai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,157
    ค่าพลัง:
    +3,358
    ลอยละลิ้ววววแล้วครับ ขอบคุณนะครับ อิอิ
     
  2. Sir-Pai

    Sir-Pai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,157
    ค่าพลัง:
    +3,358
    หัวเราะ หุหุ อิอิ จุงเบย อะไรพวกเนี้ย ผมว่าไม่เป็นการปรามาศนะครับ มันเป็นการหัวเราะโดย Keyword ที่ผันตามกาลเวลา และไม่มีเจตนาปรามาศเลยด้วย ไม่ใช่การปรามาศแน่นอนครับ ^_^
     
  3. ชีวอน

    ชีวอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2012
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +763
    เรื่องตาสีอะไรนั้นผมไม่เถียงท่านเหรอครับ เพราะผมก้อไม่รู้ และก้อยังไม่เคยเห็นลักษณะมหาบุรุษ32 แบบ เป็นๆ ผมจรึงไม่อาจจะไขข้อข้องใจนี้ได้ แต่ถ้าเรียกชื่อสีก้อตามถิ่นที่อยู่ละครับ แต่สี นีลแปลว่าเขียว นิลแปลว่าดำ ครับอันนี้ที่ผมเข้าใจนะ ส่วนกระทู้ท่านอิสริโก เป็นไงทุกคนก้อคงจะเข้าใจกันดีอยู่แล้ว ว่าพี่แกออกแนวนั้นมาตลอด แต่ละกระทู้นี้ช่างสรรหามาบรรยาย ให้ผู้อ่านคล้อยตาม แต่ที่ผมถามท่านเพราะที่ท่านว่าคนในประเทศไทยที่บิดเบือนพุทธศาสนามากสุด นั้นผมอยากจะถามท่านว่า บิดเบื่อนเรื่องอะไรบ่างเท่านั้นเอง ไม่ใช่ว่าท่านเคยอ่านจากบทความมาบ่างแล้วมาเหมารวมคนทั้งหมดไปด้วยก้อไม่ยุติธรรมครับ ส่วนเรื่องที่ท่านอิสริโกเคยเขียนไว้นั้น ท่านไม่ต้องไปเอาจริงเอาจังมากเหรอครับ ถือชะว่าอ่านสนุกๆไป ก้อแล้วกัน เพราะผมก้อเคยอ่านของท่านนั้นเขาเหมือนกัน ผมว่าท่านอิงหลักวิชาการอย่างนี้ ผมสงสัยว่าท่านดัช นับถือศาสนาอะไรเหรอครับ อย่าชีเรียดนะครับ ถือซะว่าแลกเปลี่ยนความรู้กัน ขอบคุณครับ
     
  4. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301


    มีหลวงปู่ชื่อดังท่านนึง ไม่ขอออกนาม ท่านบอกว่าพระพุทธเจ้าเป็นนไทย ซึ่งดิฉันเห็นว่าบิดเบือนอย่างยิ่งคะ


    ดิฉันนับถือพุทธคะ และมาค้นพบว่าความเชื่อของตัวเองนั้นเป็นแบบพุทธและค่อนข้างเคร่งกว่าหลายๆคนในเวปนี้อีกด้วย


    ส่วนเรื่องที่คนไทยชอบบิดเบือนศาสนาพุทธ ก็ดูออกได้ไม่ยากเดี๋ยวนี้มีสำนักประหลาดๆโผล่ขึ้นมามากมาย และผิดเพี้ยนไปจากจุดมุ่งหมายสูงสุดของศาสนาพุทธ

    มีทุกจังหวัดเลยคะ, ไปลองอ่านในหมวด วิทยาศาสตร์พลังจิตดูก็ได้ มีสายนั้นสายนี้ อวดอิทธิฤทธิาฏิหาร

    เคารพ ครูบาอาจารย์เป็นหลัก เอาไปผสมลัทธิความเชื่อท้องถิ่น อย่างเรื่อง ภูเขาควาย เรื่องหลวงปู่เณรคำ เรื่อง ปู่นั้นปู่นี้ เจ้าแม่เจ้าพ่อ เทพแขก อยู่ในวัด, เรื่อง พระอรหันต์เกจิ ดังๆ อายุห้าร้อยปี พันปี ทำยาวิเศษ ฯลฯ ทั้งที่เรื่องพวกนี้ไม่ใช่กิจธุระใจความหลักของศาสนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กันยายน 2013
  5. ชีวอน

    ชีวอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2012
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +763
    เป็นพระอาจารย์ดังใช่ว่าจะเก่งครับ ทุกยุคทุกสมัยคนชอบอิทธิปาฎิหารย์ ถึงมีสำนักมากมายที่เก่งทางด้านนี้ แต่เก่งทางแหกตานะครับ เมืองไทยเมืองพุทธจริงครับ แต่เป็นพุทธตามบัตรประชาชน หรือพุทธเทียมซะส่วนใหญ่ครับ นับถือมั่วหมด อะไรว่าดีทำให้รวย ถูกหวยนับถือหมด ต้นกล้วยมีใบคล้ายพญานาค ก้อไปเข้าแถวกราบไหว้ ผมดูละอายชาวต่างชาตินัก กู้เรือขึ้นมาจากน้ำได้ ก้อไปไหว้ไปถูเรือ พระประธานในโบสถ์อยู่ในวัดแท้ๆ ยังไม่ไปกราบตั้งใจไปวัด ไปกราบซากเรือ บางทีพระสงฆ์ยังไม่ไหว้เลย เราถูกสอนให้เชื่อเรื่องงมงายมานานมากแล้วครับ ใครละสอนก้อพระบางองค์แทนที่จะสอนให้นับถือแต่พระรัตนตรัยก้อดันสอนให้ชาวบ้านงมงายกับเรื่องพวกนี้อีก แทบทุกวัดจะทำพิธีอะไรยังต้องตั้งบายศรีมีพราหม มานำพิธีด้วย ไม่งันจะไม่ศิษย์สิทธิ์ เดี่ยวนี้พระหรือวัดอะไรถ้าไม่สอน ให้นับถือแต่พระรัตนตรัย ผมไม่ค่อยอยากไปครับ แต่นับถือในฐานะสงฆ์ แค่นั้น แต่ไทยยังดีที่ยังมี หลักๆของคำสอนอยู่ครบ เพราะงันก้อจะไปทาง จีนญีปุ่น ที่ในวัดบ่างวัดยังไม่มีพระพุทธรูป มีแต่ศาลเจ้า ให้คนไปกราบไหว้กัน เอาแค่นี้ก่อนนะกัน ขอบคุณที่ทนฟัง ขอบคุณครับ
     
  6. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    ไม่ทราบตรงไหน ประโยคไหนคะท่านhastin ที่ปรามาสพระรัตนตรัย ?
     
  7. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +3,083
    ประโยคแรกตอบหัวมัน

    ประโยคสองบอกคนอื่น ไม่เชื่อก็ตามใจเค้า เราไม่เกี่ยว
     
  8. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    รออ่านบทความต่อไปของท่านหัวมันเรื่อง ทำอย่างไรจึงเกิดเป็นผู้ชายอยู่คะ
     
  9. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    มาแล้วค่าาาา...
    ขอประทานโทษด้วยที่มาช้าไปหน่อย..พอดีเช้านี้ยุ่้งมากเลย..ไม่สมกับเป็นวันสุขเลยนะเนี่ย

    ตามคำเรียกร้องของท่าน dutchessfidgette
    " เหตุใดจึงเป็นหญิงเป็นชาย" จากหนังสือเสียดายคนตายไม่ได้อ่าน ของคุณดังตฤณ เช่นเคย
    คิดว่าหลายคนคงเคยอ่านแล้ว ก็อย่าเพิ่งรำคาญนะคะ เอามาเผยแพร่เผื่อคนทีี่่่ยังไม่เคยอ่าน


    บทที่ ๓ - เหตุใดจึงเป็นหญิงเป็นชาย?

    ในบทก่อนเราทราบว่าจะมาเป็นมนุษย์เพราะทำกรรมอย่างไร แต่ความเป็นมนุษย์มีทั้งหญิงและชาย เหมือนกับสิ่งอื่นทั้งจักรวาลที่มีคู่ตรงข้าม คำถามคือในกรรมที่ทำให้เป็นมนุษย์เหมือนๆกันนั้น มีที่ต่างตรงไหน กรรมจึงเลือกเพศให้กับเราเป็นอย่างนี้?

    ความต่างระหว่างชายกับหญิง
    ทุกคนทราบดีว่าหญิงชายต่างกัน แต่ถ้าถามว่าต่างกันอย่างไรล่ะ? คำตอบแรกที่คนส่วนใหญ่จะนึกออกคือหญิงมีอวัยวะเพศอย่างหนึ่ง ชายมีอวัยวะเพศอีกอย่างหนึ่ง และที่คนส่วนใหญ่ขึ้นใจกันอย่างนี้ เหตุผลก็ตรงตัว คือเพราะอวัยวะเพศถูกใช้เป็นเครื่องตัดสินว่าต้องเรียกหญิงหรือชายนับแต่ออกจากท้องแม่
    ชาวโลกต่างให้ความสำคัญกับอวัยวะเพศ เอาอวัยวะเพศมาเป็นเกณฑ์แบ่งว่านั่นชายนี่หญิง แต่น้อยคนจะทราบว่า ทารกในครรภ์มารดาเมื่อยังเป็นตัวอ่อนอยู่นั้น จะเริ่มต้นด้วยการมีอวัยวะเพศหญิงก่อน แต่ถ้าเซลล์ของตัวอ่อนมีโครโมโซมเพศเป็นชาย อวัยวะเพศแบบชายจึงปรากฏยื่นออกมาภายหลัง ส่วนถ้าเซลล์ของตัวอ่อนมีโครโมโซมเพศเป็นหญิง อวัยวะเพศจะฝ่อตัวหายไปก่อนคลอด
    พูดให้ง่ายที่สุดคือ เมื่อกำเนิดเกิดกายนั้น ทุกคนเป็นหญิงเหมือนกันหมด! และถ้าถามนักวิทยาศาสตร์ว่าเหตุใดอวัยวะเพศแบบชายจึงยื่นออกมา ก็จะได้คำตอบที่ชัดถ้อยชัดคำว่าเด็ก ‘บังเอิญ’ ได้รับโครโมโซม Y จากพ่อไปประกบคู่กับโครโมโซม X ของแม่ นี่คือคำตอบสุดท้ายจากวิทยาศาสตร์ และหมายความว่าถ้าไว้ใจวิทยาศาสตร์ ณ วันนี้ เราจำเป็นต้องสรุปว่าจุดเริ่มต้นอันเป็นที่สุดของสภาวะหญิงชายคือความบังเอิญ!
    ความต่างกันระหว่างร่างกายของชายกับหญิงนั้น ใช่ว่าจะมีแต่จุดเด่นที่อวัยวะเพศส่วนเดียว แม้แต่ส่วนที่ทุกคนมองไม่เห็นอย่างเช่นสมองก็มีความต่าง! เรื่องความต่างระหว่างสมองของสองเพศนี้อยู่ในความสนใจของนักวิทยาศาสตร์มาหลายร้อยปีแล้ว กับทั้งยังคงต้องศึกษากันต่อไปเป็นร้อยๆปีเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนว่ามีรายละเอียดใดบ้างที่บ่งชี้ว่านั่นคือสมองชาย นี่คือสมองหญิง ทั้งในแง่ของขนาด คุณภาพ และวิธีการทำงาน มีการแยกแยะเปรียบเทียบเป็นส่วนๆอย่างละเอียดเลยทีเดียว
    ที่นักวิทยาศาสตร์สนใจความต่างระหว่างสมองหญิงกับชายก็เพราะเชื่อว่าถ้าเรารู้ชัดว่าอะไรเป็นอะไร ก็จะสามารถควบคุมจุดด้อยและจุดเด่นระหว่างเพศได้ นี่เป็นความเห็นของคนกลุ่มหนึ่งที่โน้มเอียงจะเชื่อว่าทุกความต่างกำเนิดขึ้นจากสมองก้อนเดียว
    หากเอาตามมุมมองของชาวพุทธ จะเห็นพระพุทธเจ้าตรัสไว้แบบรวบรัดเบ็ดเสร็จแล้ว นั่นคือ จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว ร่างกายเป็นเพียงปลายทาง ต้นทางอยู่ที่จิตซึ่งคิดก่อกรรม แม้ต่อไปวิทยาการจะบอกได้ว่ามันสมองของแต่ละเพศผิดแผกแตกต่างกันเพียงใดบ้าง นั่นก็เป็นการเห็นผลของกรรมอย่างหนึ่งเท่านั้น!

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กันยายน 2013
  10. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    มาว่ากันตามประสบการณ์ที่พบเจอง่ายๆแบบชาวบ้าน ขอให้ลองดูตัวอย่างเฉพาะบางข้อสังเกตทางรูปธรรมอันเป็นที่ยอมรับทั่วไป เช่น
    ๑) ร่างกายหญิงอ้อนแอ้นอรชรเหมือนหยดน้ำ ร่างกายชายแข็งแรงหนักแน่นเหมือนต้นไม้
    ๒) โดยธรรมชาติ หญิงจะลำบากในการเข้าห้องน้ำทุกวัน อย่างน้อยก็มากกว่าเพศชายที่ยืนปล่อยปัสสาวะตรงมุมปลอดตรงไหนก็ได้ ขอให้นึกถึงรถติดบนทางด่วน เราอาจเห็นชายใจไม่ต้องกล้ามากนักยืนเบียดกับปูนกั้นทาง ในขณะที่เราไม่รู้ความลับว่ามีหญิงจำนวนมากเพียงใด ยอมเบาะเปียกแต่ไม่ยอมเอาหน้าไปขายกลางถนน พูดง่ายๆชายทำไม่น่าแปลกและไม่มีใครใส่ใจสน แต่หญิงทำอาจถูกมองด้วยยิ้มเย้ยว่าหน้าด้านผิดปกติและเอาไปบอกต่อกันอีกนานทีเดียว
    ๓) โดยธรรมชาติ หญิงจะมีเรื่องชวนหงุดหงิดและน่าเบื่อหน่ายทุกเดือน มีเลือดไหล มีกลิ่นเหม็น มีความชื้นแฉะควรแก่การรำคาญเป็นยิ่งนัก ในขณะที่ฝ่ายชายแห้งสบายไปตลอดชีวิต
    ๔) โดยธรรมชาติ หญิงที่ปรารถนาจะเป็นหญิงสมบูรณ์แบบเหมือนถูกกำหนดมาให้เจ็บตัวสาหัส ทั้งภาระหนักขณะอุ้มท้องเป็นเวลายืดเยื้อยาวนานถึง ๙ เดือน และทั้งความเจ็บปวดสุดขีดขณะคลอดบุตร ในขณะที่ฝ่ายชายเหมือนไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจากสนุกสนานขณะทำหน้าที่พ่อพันธุ์

    เพียงข้อสังเกตข้างต้นก็คงทำให้ทุกคนยอมรับโดยดุษณีว่า หญิงเสียเปรียบชายในแง่ธรรมชาติทางกายอย่างแน่นอน และถ้าเราทราบว่าร่างกายมนุษย์ทั้งหลายคือวิบากที่เคยทำกรรมบางอย่างเป็นประจำในอดีตชาติ ก็ต้องสรุปว่ากรรมเก่าของหญิงนั้น ส่งผลให้เกิดภาวะไม่น่าพึงใจเท่าใดนัก อย่างน้อยที่สุดก็ไม่น่าพึงใจเมื่อเทียบกับความเป็นชาย
    ผู้หญิงแม้สวยและทรงเสน่ห์ดึงดูดใจขนาดไหน หากถามเอาความรู้สึกจากใจแล้ว ส่วนใหญ่ก็พูดตรงกันเป็นเสียงเดียวว่าอยากเกิดเป็นผู้ชาย หรือแม้พวกที่เรียกร้องสิทธิสตรีนั้น ให้เอาหัวใจมาพูดแล้วอยากเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ก็ตอบอีกว่าอยากเป็นผู้ชาย พวกเธออาจได้สิทธิสตรีตามที่เรียกร้อง แต่จะไม่มีทางขจัดปมด้อยเกี่ยวกับความเสียเปรียบทางสรีระไปได้เลย เว้นแต่จะมีใจผิดเพศ อยากผ่าตัดแปลงเพศให้รู้แล้วรู้รอด
    สิ่งที่ไม่น่าพึงใจย่อมเป็นวิบากของกรรมที่กระเดียดไปเข้าฝ่ายอกุศล ดังนั้นจึงควรสำรวจตามจริงที่เห็นด้วยตาเปล่าโดยทั่วไป ว่าถ้าเอาเกณฑ์กิเลสคือโลภ โกรธ หลงมาเป็นตัวตั้งแล้ว เหล่าสตรีน่าจะมีความโน้มเอียงในการแสดงกิเลสแตกต่างจากชายอย่างไร
    ๑) เกี่ยวกับความโลภ ชายหญิงอาจโลภอยากรวยมากพอกัน แต่ฝ่ายหญิงจะคิดเล็กคิดน้อยมากกว่า ขณะที่ชายจะมองเป้าใหญ่ไปเลย ดังที่เคยมีคนกล่าวติดตลกไว้ว่าผู้ชายพร้อมที่จะจ่ายสองเท่าเพื่อสิ่งที่เขาต้องการเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่ผู้หญิงเต็มใจจ่ายสำหรับสิ่งที่กำลังลดราคาครึ่งหนึ่ง แม้ว่าเธอไม่ได้ต้องการมัน
    ๒) เกี่ยวกับความโกรธ ชายหญิงอาจโกรธแรงขั้นลืมตัวลงมือฆ่าแกงได้เหมือนกัน แต่ฝ่ายหญิงจะมีปมด้อยอยากเอาชนะมากกว่า คือคิดรักษาหน้า รักษาทิฐิไว้ด้วยอาการผูกใจเจ็บแรง ดังที่คู่ชีวิตส่วนใหญ่คงเคยผ่านประสบการณ์ทำนองเดียวกันมา คือในทุกการโต้เถียง ผู้หญิงเป็นฝ่ายพูดคำสุดท้ายเสมอ
     
  11. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    หากฝ่ายชายหาญจะพูดต่อจากนั้น นั่นหมายถึงการตั้งต้นโต้เถียงกันใหม่ แต่ถ้าเป็นเรื่องงอนง้อขอคืนดี จะเป็นฝ่ายสนองรับ ไม่อยากเป็นฝ่ายเข้าหาเพื่อขอญาติดีก่อน
    ๓) เกี่ยวกับความหลงสำคัญผิด ฝ่ายหญิงจะยอมรับความจริงยากกว่าชาย เช่นว่าสังขารต้องโรยราเป็นธรรมดา ธรรมชาติประจำเพศของฝ่ายหญิงจะทำให้สำคัญว่าตนต้องสวย ตนต้องผมดำ ตนต้องเต่งตึงอยู่เสมอ ส่วนฝ่ายชายนั้นแม้กังวลเกี่ยวกับเรื่องหัวล้านบ้างก็ไม่ถึงขนาดกลัดกลุ้มจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ไม่ค่อยยอมเสียเงินแพงเกินเหตุเพื่อแลกกับการเอาผมดกดำคืนมา ในขณะที่ฝ่ายหญิงอาจยอมขายสมบัติทิ้งได้เพียงเพื่อแลกกับบางชิ้นส่วนที่เหี่ยวเฉาลงแล้ว

    แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนมีกิเลสทำนองนี้เหมือนกันหมด แต่พูดคลุมๆไปโดยรวมถึงธรรมชาตินิสัยที่ฝังลึกอยู่ข้างใน สรุปได้ว่าในแง่โลภะ โทสะ โมหะนั้น วิสัยหญิงจะคิดมากหยุมหยิม ไม่อยากริเริ่มทำเรื่องร้ายให้กลายเป็นดี รวมทั้งมีโอกาสเห็นผิดเป็นชอบด้วยอารมณ์ได้มากกว่าชาย มนุษย์เราจะเริ่มรู้ชัดถึงความต่างระหว่างชายกับหญิงต่อเมื่อแต่งงานอยู่กินกันฉันผัวเมีย ช่องว่างระหว่างเพศจะปรากฏขึ้นตั้งแต่ในมุ้งเลยทีเดียว

    กรรมที่ทำหน้าที่กำหนดเพศ
    ถ้าทุกคนยอมรับว่าวิสัยพื้นฐานของหญิงและชายเป็นดังที่กล่าวมาในหัวข้อก่อนจริง สิ่งที่น่าสนใจคือถ้าหญิงไม่ปรับปรุงพื้นฐานดังกล่าวให้ดีขึ้น ก็มีแนวโน้มว่าคงจะต้องเป็นหญิงต่อไป ส่วนชายถ้าประพฤติตนย่อหย่อนลงจากวิสัยเดิม ก็มีแนวโน้มจะต้องเป็นหญิงเช่นกัน

    ดังที่ทราบจากบทก่อน พระพุทธองค์ตรัสว่าเราจะไม่เกิดเป็นมนุษย์ด้วยกรรมที่เกิดจากโลภะ โทสะ โมหะเลย พูดง่ายๆว่าต้องอาศัยกำลังบุญเป็นตัวนำมาสู่ภูมิมนุษย์ การทำบุญแต่ละครั้งนั้นคิดง่ายๆก็คือการพยายามสลัดโลภะ โทสะ โมหะทิ้งจากใจนั่นเอง
    แต่การทำบุญก็อาศัยกำลังใจแตกต่างกัน หากใครมีประสบการณ์ทำบุญตามงานสาธารณะบ่อยๆ จะพบความหลากหลายของผู้คนที่มาทำบุญ เหมือนแต่ละคนมีแนวทางเฉพาะตัว ซึ่งถ้าถามว่าขณะให้ทานจะมีลักษณะใดในคนเราที่ผิดแผกกันอย่างเห็นได้ชัด ส่วนใหญ่คงตอบว่ากิริยาท่าที ความมีหน้าใหญ่ให้มาก ความมีหน้าเล็กให้น้อย ทำทั้งยิ้มแย้ม ทำทั้งบูดบึ้ง มีความอ่อนน้อม มีความกระด้าง ออกอาการก้มหน้ากระมิดกระเมี้ยน ออกอาการอกผายไหล่ผึ่งอาจหาญ ทำอย่างเชื่องช้าซังกะตาย ทำอย่างรีบเร่งกระตือรือร้น ฯลฯ เหล่านี้คือกิริยาที่ทุกคนคุ้นตา และถ้าจะเดาหลายคนก็คงเดาว่าสิ่งที่เห็นด้วยตาเปล่าเหล่านี้เอง จะจำแนกผลบุญออกเป็นต่างๆ
    ความจริงอาการทางกายไม่ค่อยมีความหมายสักเท่าใดเลย ‘อาการทางใจ’ และ ‘วิธีคิด’ ต่างหากที่มีความหมาย และมีอิทธิพลกำหนดผลกรรมใหญ่กว่าอาการทางกายมากมายนัก จำแนกได้ต่างๆดังนี้
    ๑) อาการทางใจ ที่เป็นฝักฝ่ายของชายจะหนักแน่น ศรัทธาแน่วแน่ในบุญที่ตัดสินใจทำแล้ว ไม่หวั่นไหวโลเลกลับไปกลับมา ที่เป็นฝักฝ่ายของหญิงจะมัวมนขาดสมาธิ มีศรัทธาที่คลอนแคลนในบุญที่
     
  12. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    ตัดสินใจทำแล้ว อาจกลับกลอกโลเล เดี๋ยวอยากทำ เดี๋ยวไม่อยากทำ เดี๋ยวจะอยากให้มาก เดี๋ยวอยากให้น้อย เป็นต้น
    ๒) วิธีคิด ที่เป็นฝักฝ่ายของชายจะคิดริเริ่มทำบุญด้วยตนเองไม่รอให้คนอื่นชักชวนก่อน กับทั้งไม่คิดเล็กคิดน้อยหยุมหยิม ที่เป็นฝักฝ่ายของหญิงจะต้องรอเป็นฝ่ายถูกชักชวนจึงค่อยตามไปทำ กับทั้งคิดเล็กคิดน้อยได้สารพัดเรื่อง

    ร่างปัจจุบันจะเป็นชายหรือเป็นหญิงไม่สำคัญ ทุกคนมีสิทธิ์เกิดอาการทางใจและวิธีคิดที่สอดคล้องหรือขัดแย้งกับเพศตนเสมอ ผลรวมจะเป็นกำลังบุญระดับหนึ่งที่ทำให้ ‘รู้สึก’ สัมผัสได้ ขอให้ลองสังเกตดูตามจริงเถอะว่าคนที่มีอาการทางใจและวิธีคิดทำบุญอย่างชายเป็นประจำนั้น จะทำให้เรารู้สึกได้ถึงความเข้มแข็งในภายในเยี่ยงบุรุษเพศ ส่วนคนที่มีอาการทางใจและวิธีคิดทำบุญอย่างหญิงเป็นประจำนั้นเป็นตรงข้าม จะทำให้เรารู้สึกได้ถึงความปวกเปียกในภายในเยี่ยงสตรีเพศไป
    คราวนี้มาถึงประเด็นสำคัญ วิธีคิดทำบุญเป็นอย่างไร วิธีคิดเรื่องทั่วไปก็มีแนวโน้มที่จะเป็นเช่นนั้น กล่าวคือถ้าใจคอหนักแน่นในการบุญ ก็จะมีใจคอหนักแน่น มีเหตุมีผล ไม่หวั่นไหวโอนเอนกลับไปกลับมาง่ายๆ จิตวิญญาณจะค่อยๆสั่งสมธาตุของความเป็นชายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนหญิงจะเป็นตรงกันข้าม ฉะนั้นจึงสรุปได้ว่า กำลังของบุญที่หนักแน่นแบบชาย จะมีวิบากให้ได้ครองรูปชาย กำลังบุญที่ปวกเปียกแบบหญิง จะมีวิบากให้ได้ครองรูปหญิง

    อย่างไรก็ตาม การชั่งน้ำหนักกรรมเพื่อเลือกเพศเป็นเรื่องซับซ้อน ไม่ได้มีการทำทานเพียงแง่เดียวที่ตัดสินได้ เรายังต้องเอาความประพฤติอันเกี่ยวเนื่องกับกามารมณ์มาเป็นเกณฑ์ชี้ชะตาด้วย
    ตามหลักธรรมชาตินั้น รูปหญิงกับรูปชายเมื่อเข้าใกล้กันจะมีพลังดึงดูดเข้าหากัน ทั้งนี้โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยกรรมสัมพันธ์เก่าแก่แต่ชาติปางก่อนมาช่วย ขอเพียงมีรูปชายกับรูปหญิงก็มีทวารให้สามารถนำมาประกบประกอบกามกิจกันในทางใดทางหนึ่งได้หมด
    การมีเพศสัมพันธ์เป็นของน่าบาดใจ รู้ด้วยสัญชาตญาณโดยไม่ต้องให้ใครบอก เพราะเป็นวิถีทางแห่งการครอบครอง หรือถึงยอดแห่งรสสัมพันธภาพระหว่างมนุษย์ โดยธรรมชาติจะมีใครเพียงคนหนึ่งคนเดียวที่มีสิทธิ์ได้เสพรสดังกล่าว และใครคนนั้นก็เป็นผู้ที่ตกลงเป็นคู่ครองกัน
    เงื่อนไขง่ายๆเช่นนี้คือจุดเริ่มต้นของเกม ธรรมชาติอนุญาตให้มีกิจกรรมบาดใจกับคู่ครองที่ตกลงกันเป็นมั่นเป็นเหมาะ หากเกินกว่านั้นจะเกิดภาวะ ‘ไม่ปกติ’ ขึ้นมาทันที สัญญาณเตือนแรกคือความรู้สึกผิดรุนแรง สัญญาณเตือนที่สองเมื่อฝืนทำไประยะหนึ่งไม่เลิกได้แก่ความรู้สึกมืดมนและการมองโลกในแง่ร้าย สัญญาณเตือนที่สามเมื่อยังขืนทำอยู่อีกได้แก่ความรู้สึกชาด้านและเหลือสำนึกผิดชอบชั่วดีน้อยลงทุกที ตรงนั้นอันตรายยิ่งแล้ว เพราะเมื่อทำบาปโดยปราศจากความละอาย ก็ย่อมก่อบาปได้ทุกชนิดโดยไม่รู้สึกว่าเป็นบาป เงาดำของกรรมจะห่อหุ้มจิตวิญญาณหนาทึบขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้แม้ด้วยตาเปล่า คือสีหน้าผู้ชุ่มด้วยบาปจะคล้ำหมองหาสง่าราศีไม่ได้เลย
    นั่นเป็นเรื่องของคนที่แพ้เกมกาม หลุดร่วงจากความเป็นมนุษย์ไปแล้วเกินครึ่งตัว สำหรับวิญญาณที่มีศักยภาพพอจะเป็นมนุษย์ได้นั้น ต้องมีความละอายต่อบาป ไม่ละเมิดกฎธรรมชาติ ไม่ก่อ
     
  13. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    กิจกรรมบาดใจกับผู้อื่นที่มิใช่คู่ครอง แม้ว่าจะรู้สึกถึงแรงดึงดูดระหว่างรูปชายกับรูปหญิงเหมือนๆกับคนอื่น ก็สามารถยับยั้งชั่งใจได้ ฝืนข่มใจได้ และเลือกตัดสินใจที่จะไม่เอาบาปมาใส่ตัวได้
    แม้เมื่อเลือกที่จะไม่ก่อกรรมทางกาเมแล้ว เรื่องก็ยังไม่ถึงที่สุด เพราะ ‘อาการทางใจ’ กับ ‘วิธีคิด’ ในการรักษาศีลข้อนี้จะเป็นตัวตัดสินว่าเมื่อเกิดเป็นมนุษย์สมควรจะได้เป็นชายหรือเป็นหญิง จำแนกได้ดังนี้
    ๑) อาการทางใจ ที่เป็นฝักฝ่ายของชายจะมีความมั่นคงเด็ดเดี่ยว ต่อให้อยากจนมันจุกอกแทบตายอย่างไรก็ไม่เอาแน่ๆ ส่วนที่เป็นฝักฝ่ายของหญิงจะปล่อยใจให้เกิดความวาบหวาม มีความโอนอ่อนไปหากามารมณ์นอกขอบเขตได้เรื่อยๆ
    ๒) วิธีคิด ที่เป็นฝักฝ่ายของชายจะไม่มีความคิดแส่ส่าย ไม่ตรึกนึกด้วยความอยากลองของแปลกใหม่ ไม่พยายามพาตัวเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลม ส่วนที่เป็นฝักฝ่ายของหญิงจะมีความคิดแส่สาย อยากลองของแปลกใหม่ คิดชั่งใจกับสถานการณ์ล่อแหลมอยู่เรื่อยๆ

    ขอย้ำว่าอาการทางใจและวิธีคิดข้างต้นนี้ ยังไม่เกินเลยออกมาเป็นการกระทำทางกาย เพราะถ้าเกินเลยออกมาเป็นการกระทำทางกาย โดยเฉพาะพวกที่ปล่อยตัวปล่อยใจบ่อยๆจนขาดความละอาย จะไม่มีสิทธิ์แม้มาถือกำเนิดเป็นมนุษย์ด้วยซ้ำ

    แถมเกี่ยวกับเรื่องวิธีคิดนิดหนึ่ง คือผู้หญิงบางคนอยู่กินกับชายดีๆแล้วคิดอยากติดตามสามีของตนไปทุกภพทุกชาติ อันนี้ก็มีสิทธิ์ทำให้เกิดเป็นหญิงไปเรื่อยๆได้เหมือนกัน เพราะความชอบใจและแรงอธิษฐานอันมีพลังหนุนจากความซื่อสัตย์ในสามีคนเดียวนั้น ย่อมส่งผลหนักแน่นตามปรารถนา หญิงที่รักษาศีลข้อกาเมฯได้บริสุทธิ์ พิสูจน์ตัวโดยการไม่ประพฤติผิดแม้มีสถานการณ์ยั่วยุปานใด ย่อมเป็นผู้ไม่มีเวรภัยในเรื่องทางเพศ ไม่เป็นผู้สับสนในการเลือกคู่ และจะเป็นอิสตรีที่มีเกียรติ คนเห็นแล้วคร้ามเกรง ไม่คิดดูถูก ไม่เห็นเป็นผู้น่ารังแกได้ตามใจชอบ
    จากกรณีสมัครใจเป็นหญิงนี้คงพอทำให้เห็นว่าจริงๆแล้วเป็นหญิงหรือเป็นชายใช่ว่าหมายถึงผิดหรือถูก เหนือกว่าหรือด้อยกว่าเสมอไป ภพหรือสภาวะนั้นเริ่มจากความคิด ใครติดอยู่กับภาวะแบบไหนก็โน้มเอียงที่จะไหลเข้าไปรวมกับภาวะแบบนั้นไปเรื่อยๆ โดยมีทานและศีลเป็นเครื่องแบ่งชั้นวรรณะว่าใครจะได้สุขสมตามปรารถนามากกว่ากัน

    ผลของความด่างพร้อยและขาดทะลุของศีลข้อกาเมฯ
    กาเมสุมิจฉาจาร หรือการประพฤติผิดในกามนั้น ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสจะมุ่งเอาการมีเพศสัมพันธ์กับหญิงที่มารดาบิดารักษา หญิงที่พี่ชายพี่สาวรักษา หญิงที่ญาติรักษา หญิงที่ยังมีสามี หญิงที่ถูกซื้อตัวไว้ และหญิงที่ถูกจองตัวไว้แล้วด้วยเคริ่องหมั้นหมายเช่นแก้วแหวนหรือแม้ด้วยพวงมาลัยตามประเพณีท้องถิ่น
     
  14. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    มักมีข้อสงสัยเกิดขึ้นเสมอว่าอย่างไรเรียกว่าศีลด่างพร้อย อย่างไรเรียกว่าศีลขาดทะลุ ถ้าเจ้าของเขาไม่รู้จะมีค่าเท่ากับไม่ได้ทำไหม? เผลอทำแบบตกกระไดพลอยโจนโดยไม่เจตนาไว้แต่แรกถือว่าใช่ไหม? แค่ทำอะไรภายนอกเข้าข่ายไหม? ดูหนังโป๊เป็นบาปไหม? ฯลฯ
    ขอให้ใช้เกณฑ์คือความละอายต่อบาปเป็นเครื่องชี้ อวัยวะที่เกี่ยวข้องทางเพศนั้น ความจริงเริ่มนับเอาตั้งแต่เนื้อหนังทีเดียว พูดง่ายๆว่าทุกตารางนิ้วมีผล หญิงชายไม่ควรถูกเนื้อต้องตัวกันโดยธรรมชาติ เว้นแต่จะเป็นเจ้าของกันและกัน หรือผู้เป็นเจ้าของยินยอมโดยดี
    ลองสังเกตสิ่งที่เรารู้อยู่แก่ใจ ว่าทุกสัมผัสนั้นล้วนต้องห้ามไปหมด หากแตะต้องบุคคลมีเจ้าของด้วยความกำหนัด ไม่ว่าจะอย่างไรก็เรียกว่าประพฤติผิดในกามทั้งสิ้น ส่วนจะเข้าขั้นด่างพร้อยหรือขาดทะลุก็ขึ้นอยู่กับระดับความต้องห้ามของอวัยวะนั้นๆ
    ขอแสดงเกณฑ์คร่าวๆไว้เป็นประมาณ วัดเอาจากการใช้กำลังใจของคนทั่วไปในการทำผิดทางกามดังนี้
    ๑) หอมแก้ม ใจเขายินดีทางเพศ ใจเราไม่ยินดีทางเพศ นับว่าด่างพร้อยราวๆ 10% (คือรู้อยู่แก่ใจว่าเขาหอมด้วยความพิศวาสก็ยอมด้วยเงื่อนไขบางอย่าง ทั้งที่ใจจริงไม่ได้อยากเอออวย)
    ๒) หอมแก้ม ใจเขายินดีทางเพศ ใจเรายินดีทางเพศ นับว่าด่างพร้อยราวๆ 20%
    ๓) จูบปาก ใจเขายินดีทางเพศ ใจเราไม่ยินดีทางเพศ นับว่าด่างพร้อยราวๆ 50% (บางท้องถิ่นจูบปากกันแผ่วๆเพื่อกระชับสัมพันธ์ ถ้าต่างฝ่ายต่างไม่ยินดีทางเพศเลยจะไม่นับเข้าข่ายเลยเช่นกัน)
    ๔) จูบปาก ใจเขายินดีทางเพศ ใจเรายินดีทางเพศ ถือว่าหวิดๆจะขาดทะลุมาได้ 80% (มีฝรั่งเคยเปรียบเทียบไว้ว่าจูบปากคือการเคาะประตูบนเพื่อถามว่าประตูล่างพร้อมหรือยัง)
    ๕) เปลือยกายกอดจูบลูบไล้ตลอดจนหลั่งภายนอก ใจจะยินดีหรือไม่ยินดีหรือไม่ยินดีทางเพศ ก็ฉิวเฉียดขาดทะลุมาได้เกิน 90% (บางคนรู้สึกว่าถ้าเพียงทำโอษฐกามยังไม่ผิดเต็มประตู เพราะไม่ใช่เครื่องเพศทั้งสองฝ่าย ความรู้สึกจึงยังไม่เต็มร้อย ซึ่งก็ใช่ตามธรรมชาติ แต่พิจารณาด้วยว่าถ้าพระให้หญิงอื่นทำ ตามวินัยสงฆ์จะต้องถูกสึกสถานเดียว ซึ่งก็แปลว่าโทษพอๆกับร่วมเพศแล้วเต็มที่)
    ๖) อวัยวะเพศเข้าถึงกัน ใจจะยินดีหรือไม่ยินดีทางเพศ ก็จัดว่าศีลข้อกาเมฯขาดทะลุแล้ว 100% (เว้นแต่จะเป็นการข่มขืนโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และฝ่ายถูกข่มขืนไม่มีความยินดีอยู่เลยตลอดการร่วม)

    พระพุทธเจ้ามักตรัสถึงผลของการประพฤติผิดในกาม (คือนับตั้งแต่ข้อแรกเป็นต้นมา) ว่าจะทำให้เป็นผู้ประสบภัยเวร ซึ่งแน่นอนว่าต้องเกี่ยวข้องกับแง่มุมของศีลข้อหนึ่งๆ เช่นตรัสว่า บุคคลผู้ประพฤติผิดในกาม ย่อมประสบภัยเวรในชาตินี้บ้าง ในชาติหน้าบ้าง ย่อมโทมนัสบ้าง ภัยเวรในที่นี้ย่อมเกี่ยวกับเรื่องทางเพศนั่นเอง ความอยู่ไม่สุข ความวิปริตผิดเพศทั้งหลาย โดยมากมักไหลมาจากเหตุคือทำกรรมว่าด้วยการประพฤติผิดในกามนี่แหละ แต่โทษานุโทษจะหนักเบา จะถูกร้อยรัดแน่นหนาแกะไม่ออกเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับระดับของการขาดความยับยั้งชั่งใจ
     
  15. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    ขอให้ดูตามจริง ผู้ลักลอบคบชู้มักมีอาการหมกมุ่นครุ่นคิด อัดอั้นตันใจ ไม่อิ่มไม่พอ อยากเลิกก็อยากเลิก อยากเสพต่อก็อยากเสพต่อ สองจิตสองใจแล้วๆเล่าๆอยู่อย่างนั้น นี่เรียกว่าเสวยทุกข์ มีความโทมนัส เป็นวิบากในชาติปัจจุบันเห็นทันตา
    ส่วนการประสบเวรภัยนั้น วันหนึ่งอาจเผลอลักลอบมีชู้ในจังหวะที่เจ้าของเขากลับมา แบบที่เรียกว่าจับได้คาหนังคาเขา ซึ่งเจ้าของก็จะบันดาลโทสะ ก่อให้เกิดการทำร้ายหรือการเข่นฆ่ากันดังที่เห็นข่าวเป็นประจำ พวกลักลอบเป็นชู้กันประจำมักไม่ค่อยรอด ทั้งที่นึกว่าหลบๆซ่อนๆกันรอบคอบเพียงใด ข่าวสารอาจเดินทางไกลในชั่วพริบตาได้ นี่เป็นวิบากในปัจจุบันเช่นกัน
    และเรื่องของหญิงชายนั้น แม้อยู่กินกันอย่างถูกต้องตามประเพณีก็ยังมีปากเสียงกันได้เรื่อยๆตามธรรมชาติของช่องว่างระหว่างเพศ แต่นี่ลักลอบได้เสียกันอย่างผิดๆ แน่นอนเมื่อโมโหโกรธามีปากเสียงขึ้นมาย่อมทำให้เกลียดชัง คิดจองเวรกันได้หนักกว่าปกติ เพราะพื้นฐานจะมองกันและกันในทางต่ำ จึงขาดความเคารพ ขาดความรู้สึกอยากให้เกียรติกันอยู่แล้ว
    การคบชู้กันอาจก่อให้เกิดสายใยผูกพัน เพราะร่วมทำผิดมาด้วยกัน พอเจอกันในชาติใหม่ถ้าหากเป็นมนุษย์ก็มักมีความกระสันใคร่อยากในทันทีที่เห็นกัน แต่มักมีอาการขนลุกระคนอยู่ด้วย เพราะบาปเก่ามาเตือนว่าสัมพันธ์ระหว่างกันมีความดึงดูดเข้าหาเรื่องสกปรก อีกอย่างหนึ่งเวลาที่เจอกันมักอยู่ในจังหวะเวลาผิดๆ หรือมีเหตุการณ์ไม่ดีเป็นลางร้าย เมื่อทนความกำหนัดไม่ไหวแล้วสมสู่กัน ก็จะมีเหตุให้ต้องทะเลาะเบาะแว้ง มีเหตุให้เกลียดชังกันอย่างรุนแรง หรือกระทั่งอยากฆ่าแกงกันด้วยความทนไม่ได้
    ตัวอย่างของการเคยร่วมผิดประเวณีกันมา ที่ชัดหน่อยได้แก่ฝ่ายชายกลายเป็นหญิง มาเจอคู่บาปเก่าที่ก็ยังคงเป็นหญิงอยู่ พบกันแล้วมีแรงดึงดูดให้พิศวาสกัน เกิดความใคร่อยากทันที กลายเป็นพวกหญิงรักหญิงชนิดจริงจัง รู้ทั้งรู้ว่าฝืนธรรมชาติ อยู่กันไปอยู่กันมาในที่สุดแรงกรรมเก่าย่อมผลักฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งให้คิดตีจากไปมีใหม่ และเมื่อนั้นเรื่องน่าเศร้าย่อมเกิดขึ้นได้ทุกรูปแบบ

    ความละอายต่อบาปมีมากน้อยเพียงใด ยังเป็นตัวกำหนดชี้ระดับความทุกข์ที่จะเกิดขึ้นอีกด้วย ประเด็นนี้เริ่มต้นจากกฎทางใจของมนุษย์ที่ว่าถ้าทำบาปก็สมควรจะเกิดความละอาย เพราะเป็นมนุษย์ได้ต้องมีความละอายต่อบาปเป็นพื้นฐาน ดังกล่าวแล้วในบทที่ ๒
    ฉะนั้นนักเลงผู้หญิงที่ลักกินขโมยกินของคนอื่นโดยปราศจากความละอาย ก็สมควรได้รับผลสะท้อนของความไม่ละอายเลยเป็นความน่าอับอายถึงขีดสุด นั่นคือชาติต่อไปหากได้รูปกายเป็นชายก็จะมีใจเป็นกะเทยตั้งแต่จำความได้ ไม่ใช่มาชอบใจเป็นกะเทยด้วยกรรมใหม่เช่นแกล้งทำกระตุ้งกระติ้งจนติด
    สำหรับพวกเจ้าชู้ยักษ์ลักลอบร่วมประเวณีไม่เลือกลูกเขาเมียใคร แต่ยังเกิดความรู้สึกผิดชอบชั่วดี หรือกล้าทำกล้ารับอยู่บ้าง ไม่ใช่แค่เอาสนุกชั่วแล่น พวกนี้มักเกิดใหม่มีใจเป็นชายแต่กายเป็นหญิง ขอให้สังเกตว่าผู้หญิงหน้าตาน่ารักที่ออกแนวทอมบอยจะชอบหว่านเสน่ห์เล่นไปทั่ว นี่ก็เป็นนิสัยเก่าที่เคยเจ้าชู้มามากนั่นเอง แต่ชาติที่รับผลกรรมนั้นมักเป็นอยู่ด้วยความไม่พอใจในเพศตน และรู้สึกว่าตนถูกเอาเปรียบทางเพศอย่างน่าโมโหเสมอ
     
  16. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    ส่วนที่มักเป็นประเด็นถามไถ่กันเสมอๆในหมู่ชาวพุทธที่เริ่มถือศีล ๕ คือดูรูปโป๊หรือหนังโป๊ผิดศีลหรือไม่? อันนี้ถ้าจับหลักได้ว่ากาเมสุมิจฉาจารนับเอาการมีความสัมพันธ์ทางเพศกับผู้มีเจ้าของเป็นสำคัญ ก็ต้องมองตามจริงว่าการเสพแค่ทางตานั้นไม่ผิด เพราะยังไม่ได้สมสู่ในหญิงผู้มีเจ้าของรักษา แต่ความหมกมุ่นในกามจนเกินเหตุย่อมทำให้สภาพวิญญาณเหมือนจมอยู่ในบ่อน้ำกามชุ่มโชก และความหมกมุ่นในรูปสตรีจะทำให้จิตเคลื่อนไปอยู่ในภพของสตรีได้ เนื่องจากการมีราคะจัดเป็นตัวบั่นทอนกำลังกุศล ทำให้จิตวิญญาณปวกเปียก อีกอย่างสื่อลามกในปัจจุบันก็มีหลายประเภทหลายระดับความรุนแรง ดังที่เป็นข่าวน่ากลัดกลุ้มของผู้ปกครองเวลานี้คือมีเกมยั่วยุขนาดปลุกปั่นให้เด็กกลายเป็นอาชญากรทางเพศ มีเกมวางแผนข่มขืนผู้หญิง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ตอนเสพเข้าไปอาจจะยังไม่เข้าข่ายผิดศีล แต่ได้กระตุ้นให้เกิดแนวโน้มที่จะก่อการร้ายยิ่งกว่าผิดศีลธรรมดาเป็นไหนๆในอนาคต

    ทั้งหมดที่กล่าวมานี้อาจจำไว้ง่ายๆเพียงว่าเมื่อประพฤติผิดทางเพศ ย่อมมีแรงเหวี่ยงกลับมาเป็นเรื่องราวผิดๆทางเพศ และจะออกไปในทางภัยเวรรูปแบบต่างๆ เป็นสาเหตุหนึ่งของการเป็น ‘คู่เวร’ ที่แรกพบสบตาแล้วหวือหวาอยากกระทำการอันเป็นไปในทางด่วนได้ แล้วประสบอันตรายจากการอยู่ร่วมกันในภายหลัง หรืออย่างเบาที่สุดก็คือทำให้ตกที่นั่งเสียเปรียบทางเพศ ซึ่งก็คือการได้รูปหญิงอันง่ายต่อการถูกรังแกนั่นเอง

    บทสำรวจตนเอง
    เรามาสู่ความเป็นหญิงเป็นชายด้วยอาการทางใจและวิธีคิดในทางบุญ ชายเคยแข็งแรงกว่า จึงมีวิบากคือได้มาครองอัตภาพที่สบายกว่า ส่วนหญิงเคยอ่อนแอกว่า จึงมีวิบากคือได้มาครองอัตภาพที่ลำบากกว่า แต่อาการทางใจและวิธีคิดในชาติปัจจุบันก็จะเป็นตัวกำหนดเช่นกันว่าคราวหน้าจะได้ครองอัตภาพแบบไหน เพราะฉะนั้นจึงควรเร่งสำรวจตนเองเสียแต่วันนี้เพื่อให้อนาคตเป็นไปตามปรารถนา
    ๑) ในการทำทาน ตั้งแต่ให้อาหารสัตว์ ให้เงินคนยาก ตลอดไปจนกระทั่งถวายสังฆทาน โดยมากเราเป็นฝ่ายริเริ่มคิดทำเองหรือต้องรอให้คนอื่นชักชวน?
    ๒) ขณะทำทาน เรามีความลังเลสองจิตสองใจหรือไม่ เช่นอยากให้มากแต่เกิดเสียดายของ หรือนึกกำหนดวันเมื่อนั้นเมื่อนี้แล้วขี้เกียจขึ้นมาเฉยๆ เป็นโรคเลื่อนไปเรื่อย?
    ๓) ในการรักษาศีลข้อกาเมฯ เรามีปกติเป็นผู้คิดว่าจะหยุดอยู่กับคู่ครองคนเดียว หรือใจยังมีแส่ส่ายไปหาคนอื่นเรื่อยๆ และถ้าหากยังไม่มีคู่ครอง เราคิดเอาลูกเขาหรือผัวเมียใครมาทำเรื่องน่าอดสูบ้างหรือเปล่า?
    ๔) ขณะเกิดสถานการณ์ล่อแหลมและเป็นไปได้ที่จะละเมิดศีลข้อกาเมฯ เราปฏิเสธทันที หรือมีการชั่งใจจะเอาดีหรือไม่เอาดี?

    ในชีวิตมนุษย์หนึ่งๆ ทุกคนต้องเผชิญกับสถานการณ์พิสูจน์ใจเสมอว่าอยู่ในศีลในธรรมแค่ไหน ความมั่นคงแน่วแน่ในศีลเป็นของดี ไม่ว่าจะปรารถนาเป็นหญิงหรือเป็นชาย เมื่อสำรวจตนเองแล้วยอมรับตามจริงได้ว่ากรรมของเราในชาติปัจจุบันกระเดียดไปทางหญิง ก็อย่าเพิ่งนิ่งนอนใจว่าโทษสูงสุด
     
  17. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    คือต้องไปเป็นหญิง เพราะความอ่อนแอในศีลธรรมพาเราไปสู่อบายภูมิก่อนหน้านำมาเป็นมนุษย์ผู้หญิงได้เสมอ
    ขอให้สังเกตว่าเมื่อทำทานรักษาศีลแบบชายไประยะหนึ่ง ใจคอจะหนักแน่นและคิดในวิสัยชายมากขึ้นเรื่อยๆโดยไม่มีผลข้างเคียงเป็นการเบี่ยงเบนทางเพศ นี่เป็นสิ่งที่เราจะรู้สึกด้วยตนเอง และแม้กายเป็นหญิงก็จะได้รับความยำเกรงเสมอชายผู้น่าเกรงใจคนหนึ่ง

    สรุป
    พระพุทธเจ้าตรัสว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม บทนี้คงเห็นได้ชัดขึ้น เพราะแม้แต่เพศก็ถูกกำหนดโดยกรรมของแต่ละคน สภาพความเป็นชายและความเป็นหญิงจัดเป็น ‘วิบาก’ ไม่มีการเลือกโดยบังเอิญเหมือนอย่างที่นักวิทยาศาสตร์บอก
    จิตวิญญาณไม่มีเพศ คือทางนามธรรมไม่มีใครเป็นชาย ไม่มีใครเป็นหญิง มีแต่กรรมทางการคิด การพูด การทำของแต่ละคนที่ ‘สมชาย’ หรือ ‘สมหญิง’ ถ้าน้ำหนักกรรมโดยรวมมีความสมชายก็ทำให้เกิดรูปชาย ถ้าน้ำหนักกรรมโดยรวมไม่พอก็ได้รูปหญิง
    เมื่อเราเข้าใจว่าวิธีทำทานและรักษาศีลของแต่ละคนเป็นตัวกำหนดเพศในภพต่อไป ก็จะเห็นตามจริงว่าชายไม่จำเป็นต้องเป็นชายเสมอไป หญิงไม่ต้องเป็นหญิงเสมอไป ชาตินี้ปฏิบัติตนโดยความเป็นอย่างไร ก็เตรียมภาวะแห่งเพศในชาติใหม่โดยความเป็นอย่างนั้น
    ศีลตีกรอบจำกัดเราแค่ให้ประพฤติดีทางกายและวาจา แต่เมื่อสมัครใจยินยอมอยู่ในกรอบของกายวาจานานเข้า ในที่สุดก็กลายเป็นใจจริงได้ คือแม้ความคิดชั่วร้ายทางเพศเกิดขึ้น ก็อ่อนกำลังลงเรื่อยๆเนื่องจากถูกขนาบ ถูกบีบให้ฝ่อตัวลงจนกระทั่งไม่ผุดเป็นความคิดออกมาเลย ฉะนั้นการกำหนดใจแน่วแน่ว่าจะถือศีล งดเว้นจากกาเมสุมิจฉาจารอย่างเด็ดขาด จะรักษาเราไว้บนเส้นทางปลอดภัยทางเพศ ไม่ว่าจะมีเหตุให้ต้องเป็นหญิงหรือเป็นชายก็ตาม
     
  18. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946

    เห็นด้วยกับท่านซีวอนเลยนะกับข้อความนี้

    แต่ขอเสริมหน่อยกับประโยคนี้
    "เป็นพระอาจารย์ดังใช่ว่าจะเก่งครับ"
    "เป็นพระอาจารย์ดังใช่ว่าจะเข้าถึงธรรมครับ"
     
  19. ชีวอน

    ชีวอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2012
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +763
    ผมขอเสริมท่านหัวมันสักนิด ไม่แน่ในว่าท่านพูดไว้หรือยัง เพราะเยอะมาก อ่านไม่หมดครับ อ่านจนหมดแล้วจะพาลตาลายง่วงนอนเอา (คงไม่ว่านะครับ) พูดถึงสมัยกำเนิดโลกใหม่ๆ ตอนที่มีมนุษย์ยุกแรก ที่มาจากพรหม ตอนนั้นยังไม่มีเพศ เพราะพรหมไม่มีเพศ แต่มีพรหมคนหนึ่งได้กลิ่นดิน ใหม่ๆแล้วอยากลองกิน (เกิดกาม) จึงกินง้วนดินเข้าแล้วติดใจ คนอื่นเห็นก้อทำตามบ่าง จากที่ร่างกายเบาสบายโปรงแสง เหาะได้ อยู่ได้ด้วยปิติ ก้อเลยกลายเป็น กายเริ่มทึบแสงหนักเข้าเรื่อยๆ เพราะดินเป็นของหยาบ ก้อเหาะไม่ได้ ต้องลงมาอยู่พื้นดอนอย่างเดียว พอง้วนดินหมดก้อกินกระบิดิน พอหมดก้อเกิดข้าวสาลี่ แต่มีโอชา(วิตามิน) เพราะเหตุที่คุณภาพของอาหารที่มนุษย์บริโภคเข้าไป มีลักษณะหยาบขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้เป็นเพราะกิเลสที่เพิ่มมากขึ้นของมนุษย์ ทำให้อาหารที่มนุษย์บริโภคเข้าไปนั้นไม่สามารถถูกดูดซึมได้ดังเดิม เกิดมีกากอาหารขึ้น เสมือนเป็นของส่วนเกินของร่างกาย ร่างกายของมนุษย์จึงปรากฏช่องทางขับถ่าย คือ ทวารหนักและทวารเบา แต่เนื่องจากกรรมที่เคยประพฤติผิดศีลข้อกาเมฯของชาติในอดีต ส่งผลทำให้มนุษย์ มีอวัยวะเพศต่างกัน บางคนเพศหญิงปรากฏ บางคนเพศชายปรากฏ

    เมื่ออวัยวะเพศปรากฏ และด้วยเหตุว่า มีเพศต่างกันเป็นเพศหญิงเพศชาย ทำให้มนุษย์เพ่งเล็งกันและกัน มีความปรารถนาในกาม มีความสนใจในเพศตรงข้าม จึงต่างเข้าหากันและเสพเมถุนธรรมต่อกัน เนื่องจากการเสพเมถุนธรรมนี้เป็นสิ่งแปลกใหม่ ทำให้มนุษย์ส่วนมากเห็นการที่หญิงชายเสพกามกันนั้นเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ จึงพากันห้ามปราม จับแยก รวมทั้งติเตียน ด่าว่า จนกระทั่งพากันขับไล่ โดยในพระสูตรได้พรรณนาถึงอาการขับไล่ไว้ว่า

    “ สัตว์เหล่าใดเห็นสัตว์เหล่าอื่นกำลังเสพเมถุนกัน ก็โปรยฝุ่นลงบ้าง โปรยขี้เถ้าลงบ้าง โปรยโคมัย ลงบ้าง ด้วยกล่าวว่า คนถ่อย เจ้าจงฉิบหาย คนถ่อย เจ้าจงฉิบหายดังนี้ แล้วกล่าวว่า ก็สัตว์จักกระทำกรรม อย่างนี้แก่สัตว์อย่างไร…)
    นี่เป็นการกำเนิดมนุษย์ยุกแรก และหญิงชาย ยุกแรก สรุปเป็นหญิงเพราะเคยทำกรรมข้อ กาเมมาก่อน จึงเกิดเป็นหญิง อันนี้ตามที่ผมศึกษามาจากพระไตรปิฎกนะครับ ผิดถูกประการใดบอกกล่าวด้วย ขอบคุณครับ
     
  20. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946

    ที่ท่านซีวอนกล่าวมานั้น ข้าพเจ้าก็เคยอ่านมาเหมือนกัน ข้าพเจ้าคงไม่มีอะไรกล่าวเสริมในเรื่องนี้ เนื่องจากไม่มีความรู้ในเรื่องนี้จริงๆ คงคล้ายๆ กับการที่มีคนคนหนึ่งซึ่งเคยอยู่บนสวรรค์แล้วระลึกชาติได้ มาบอกว่าสวรรค์สวยอย่างโน้นสวยอย่างนี้ ซึ่งคนฟังที่ไม่เคยเห็นสวรรค์ก็คงจะจินตนาการไม่ออกเนื่องจากไม่เคยไปสัมผัสสภาพแวดล้อมเช่นนั้น

    แต่หากมีคนมาบอกว่าวัดพระธาตุดอยสุเทพสวยอย่างงั้น สวยอย่างนี้ คนฟังที่เคยไปวัดพระธาตุดอยสุเทพก็เห็นถึงวัดพระธาตุดอยสุเทพว่าสวยอย่างนั้นจริงเนื่องจากเคยไปเห็นมาแล้ว และเห็นว่าคำพูดของผู้นั้นเกี่ยวกับวัดจริงอย่างไร

    ข้าพเจ้านิยมธรรมะที่ถ่ายทอดโดยคุณดังตฤณ เนื่องจากข้าพเจ้าสามารถสื่อสารกับข้อความนั้นไ้ด้ ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกว่าสภาวะนั้นมีจริง สัมผัสได้ ธรรมะของพระพุทธเจ้านั้นจริง เป็นสิ่งที่เราสามารถสัมผัสได้ พิสูจน์ได้ด้วยตัวของเราเอง จากร่างกายและจิตวิญญาญของเราเองอย่างไรก็ตามอันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวค่ะ และข้าพเจ้าก็ศึกษาธรรมะเพื่อตัวข้าพเจ้าเองเท่านั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กันยายน 2013

แชร์หน้านี้

Loading...