อะไรกันคือสัจจะตามที่ท่านหนุมาณฯ บอก

*** ผู้ถือสัจจะ ผู้ทำได้ ****

ซื่อสัตย์เด็ดขาดต่อตนเอง
คนจิตใจอ่อนแอ ไม่มีทางทำได้...ถ้าไม่เริ่มต้น

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** ทำให้คนต้องรับผลของการทำไม่ได้จริง ****

ศีลบางข้อ...ไม่มีทางที่มนุษย์คนไหนจะทำได้จริง
เพราะ ยังต้องกิน ต้องนอน ต้องเดิน ต้องนั่ง....

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

เราไม่ใช่คนชั่ว ที่ไม่พึงรักษาสัจจะ
เราก๋เป็นคนประพฤติปฏิบัติธรรม มาตั้งนานแล้ว

ขอเถิด การหว่านล้อมพูดกว้าง ๆ (มากๆ )
ท้ายที่สุดแล้ว คุณคือผู้มีสัจจะสูงมากกว่าคนอื่นหรือไม่

คุณทำถูกต้องตามทางมาแล้วหรืออย่างไร
แล้วเราทำผิดพลาดมาแล้วหรืออย่างไร

คุณถึงได้เตือนให้เรามีสัจจะ

สัจจะเรามีนะ เราก็มีสัจจะเช่นคุณ

 

เขากำลัง สอนกรรมฐานอยู่น่ะ ธรรมานุสติ ถ้าใครจริตตรงกันก็เข้ามาเรียนได้ พึ่งจะเข้าใจ เขาคงรอคนสายเขาอยู่น่ะ เลยต้องทำแบบทอดแหไปทั่ว ถ้าเห็นว่าไม่ใช่จริตแบบเรา เราก็อุเบกขาซะดีกว่า

 

เห็นด้วยครับ ดังนั้นเราควรเริ่มตั้งสัจจะกับการกระทำในชีวิตประจำวันก่อนใช่ไหมครับ เมื่อทำได้เป็นนิสัยแล้วจึงเริ่มในส่วนที่ลึกกว่านี้

 

ทางเดิน มีเป็นร้อยๆสาย ...
เหมือนอาชีพ ก็มีมากมาย แตกต่างกันไป..
คนที่ประสบความสำเร็จอีกอย่างนึง
ก็ไม่ได้แปลว่า จะทำอีกอย่างหนึ่งได้ดีเสมอไป
เช่น คนทำกับข้าวอร่อย อาจจะวาดรูปห่วย ก็ได้...

ถ้ายังไม่เห็นจริง.. ก็อย่าพึ่งบอกว่า ยามันรักษาโรคไม่ได้
เมื่อมีคนที่เค้ารักษาได้มาแล้ว นั่นเพราะ ร่างกายของเค้าถูกกับยาชนิดนั้น

 

สมมุติว่า ถ้าเราเพิ่งรู้จักกับใครสักคน
ก็ยังบอกไม่ได้ว่า จริงๆ เขาเป็นอย่างไร ..ก็เราเพิ่งเห็นเองนิ

การจะรู้จัก รู้ใจใครสักคน ก็คงต้องใช้เวลาดู คนๆนั้น..
บางคน รู้จักกัน มา นับสิบๆปี.. เรายังไม่รู้ใจเขา หรือเขายังไม่รู้ใจเราเลย..

สมมุติว่าสัจจะ มีหน้ามีตา เป็นมนุษย์คนหนึ่ง
ก็คง ต้องใช้เวลา ค่อยๆ ดูๆ คนๆนั้นไป

ถ้าไม่ลองคบ ไม่ใช้เวลา ไม่ใส่ใจกัน...
ก็จะไม่รู้ว่า จริงๆแล้ว เค้าเป็นยังใง..

คนที่เพิ่งผ่านมาเจอหน้ากัน
เราจะบอกได้มั๊ยว่า เค้า ขี้เยี่ยว เวลาไหน
เค้าใจดี หรือใจมหา เราก็ไม่รู้จริง..

คนที่เดินผ่านไป ผ่านมาอยู่ทุกวัน เราเคยใส่ใจเขาบ้างหรือเปล่า
ถ้าเราลองใส่ใจเขา ก็คงจะพบมุมมองหลายๆมุมในตัวเขาคนนั้น...

ถ้าไม่ลองวิ่ง จะรู้ได้อย่างไร ว่าเราวิ่งเร็วแค่ไหน
มีอวัยวะทั้ง 32 ก็ใช้ ทั้ง 32 ให้มันคุ้มค่าไปเลย..

ประเทศไทย มี 77 จังหวัด เที่ยวอยู่จังหวัดเดียว .. น่าเสียดาย แย่

ก็แค่ลอง.. ถ้าไม่ใช่เรา.. เราก็แค่เลิกไป ...

บ้านใคร เมืองใคร ใครก็รัก ที่ใด ให้ที่พัก เราก็รักเป็นธรรมดา
เหมือนที่เรารักตถาคต รักพ่อหลวง เพราะท่านเป็นเสมือนร่มโพธิ์ดวงใจ
หาก แม้มีใครมา คิดทำลาย ผู้อยูู๋่ใต้ร่มโพธิ์ ย่อมต้องปกป้องหวงแหน..

 

ถึงท่านหนุมานจะพูดแต่เรื่องสัจจะ มาตลอด หลายปี แต่ท่านก็ไม่เคยใช้วาจาทำร้ายใครหรือตำหนิใคร รึว่าไปทะเลาะกะใคร ตรงกันข้าม ท่านมีความอดทนที่จะให้หลาย ๆ คนเข้าใจในข้อธรรมของท่าน ถ้าไม่เข้าใจ ก็ลองถามท่านดู ถ้าไม่สนใจก็ผ่านไปอ่านกระทู้อื่นดู อ่านดูที่มันตรงจริตน่ะครับ ได้ประโยชน์ ถ้าไม่ตรงจริต มันก็เกิดความสงสัย พาลจะไปปรามาสคนอื่นอีก ที่นี้จะยุ่งครับ ตราบใดที่เรายังไม่ได้ทิพย์จักษุ เราจะไม่ทราบหรอกว่า ใครเป็นอริยะบุคคลแล้ว ได้ธรรมที่สุงกว่าเรารึไม่ ก็อย่าเผลอไปตำหนิใครก็แล้วกันครับ เป็นอันว่า พวกเราก็นักปฎิบัติทั้งนั้น...................สบาย ๆ ถูกใจก็คบกันไป........555

 

อันนี้มุมมองของผมนะครับ
ทุกวันนี้ผมก็มานั่งคิดว่า ผมเองเป็นคนไม่เอาไหนเลย ให้สัจจะกับใครไว้ก็ทำไม่ค่อยได้
ตำหนิตัวเองทุกที ว่าทำไมเราถึงเป็นคนแบบนี้ได้ ก็มีข้อความของ คุณหนุมานผู้นำสาร
มาเตือนสติ ทุกวันนี้พยายามจะทำตามสัจจะที่เคยให้ไว้กับตัวเองและผู้อื่น เพราะถ้าเราให้
สัญญาใครไปแล้วไม่ทำตาม คน ๆ นั้นก็จะมองเราไม่ดี ตัวเราก็จะเป็นทุกข์ในคำพูดของเรา

ผุ้อ่อนในธรรม

 

*** สัจจะ ****

คือ หนทางหลุดพ้นทุกข์ ตามหลักโลกุตตระธรรม
ตนพึ่งตน พึ่งผลตนทำได้ พึ่งตัวกระทำเที่ยงจากสัจจะ
ไม่ได้พึ่งใจ ไม่ได้พึ่งกาย ไม่ได้พึ่งวาจา
ไม่ได้พึ่งดินพึ่งฟ้า ไม่ได้พึ่งเทพพึ่งยักษ์พึ่งมาร
แต่พึ่งสัจจะ มีสัจจะเป็นผู้นำ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** สัจจะที่ขาดหายไปจากสังคม ****

ศีล...ใครๆก็ถือกันทั่วโลก
สัตว์ ก็ยังมีศีลของสัตว์
แต่ สัจจะ หาคนทำได้ยาก

ส่วนใหญ่ รับศีลแล้วไม่ทำจริง
เพราะ ขาดสัจจะ

มีคำเตือนว่า
อย่ารับศีลที่ใหญ่เกินตัว
เมื่อทำไม่ได้จริง ก็กลายเป็นหอกย้อนกลับมาทิ่มแทงตัวเอง
อย่างโรคาพยาธิ เป็นต้น

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

คนเราปัจจุบันนี้เป็นทุกข์เพราะความคิด สิ่งเดียวที่เป็นสรณะคือคุณพระรัตนตรัย พร้อมกับคำสอนอันเป็นหลักง่ายๆของพระพุทธเจ้า คือ ทำดี ละชั่ว ทำจิตใจให้ผ่องใส ซึ่งทั้งสามข้อก็แตกแยกย่อยออกไปอีก สำหรับผมสิ่งนี้ตากหากที่เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจที่แท้จริง

 

จะรักษาสัจจะก็ต้องมี"ขันติ" ขันติธรรม ธรรมะข้อแรกของพระพุทธองค์
หากไร้ซึ่ง"ขันติ" อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง ว่ามั๋ย?(ความเห็นส่วนตัว)

 

สัจจะของท่านหนุมานที่คอยเน้นย้ำเตือนบ่อยๆ ทำให้ผมระมัดระวังคำพูดมากขึ้น จะรับปากอะไรกับใคร ต้องคิดแล้วคิดอีก กลัวทำไม่ได้ ผมว่าการพูดปฏิเสธยังดีกว่ารับปากเพื่อรักษาน้ำใจ แต่ทำไม่ได้ในภายหลัง แม้จะเป็นแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆ ก็ต้องระวัง เพราะทุกวันนี้คนขาดสัจจะกันเยอะ ดีแล้วที่มีคนมาคอยเตือนสติ อนุโมทนาทุกท่าน

 

เรื่องของสัจจะ ที่เรารู้มาบ้างคือ คนที่มีสัจจะ คือคนที่ทำได้จริงอย่างที่พูด
คือพูดอย่างไรก็ทำได้อย่างนั้น คนที่รักษาคำพูดจึงเรียกว่าเป็นคนมีสัจจะ
คนที่มีสัจจะ จะมีวาจาสิทธิ์ในตัวเอง คือมีคำพูดเป็นสัจธรรม พูดคำใดคำนั้นก็เป็นจริงตามนั้น
เมื่อกล่าวคาถาใด คาถานั้นก็จะศักดิ์สิทธิ์ มีผลที่เป็นจริง
ทำให้คาถานั้นๆเป็นสัจธรรมเป็นความจริงได้ด้วยคำพูดด้วยวาจาของตน
คนที่มีบำเพ็ญเพียรจนเป็นคนที่มีสัจจะเป็นสัจธรรมของตน แล้วก็ต้องมีศีลมีธรรมมีจริยธรรม
ประกอบในตนด้วยจึงจะทำให้เกิดความเจริญแก่โลกได้
คนที่ไม่มีศีลไม่มีธรรมแต่บำเพ็ญเพียรจนเป็นคนมีสัจจะ ก็คงจะมีเหมือนกัน
แต่เพราะขาดศีลและขาดธรรม ทำให้หลงระเริงได้ง่ายเป็นเหตุให้เกิดเป็นความประมาท
ขาดสติ และถ้าทำกรรมไม่ดีมากๆมันก็จะเสื่อมได้ หรือทำผิดสัจจะพลาดไปครั้งเดียว
ก็เสื่อมหายไปก็มี เพราะสัจจะเป็นของที่เกี่ยวเนื่องกับความศักดิ์สิทธิ์ ถ้ารักษาความดีไม่ได้
มันก็เสื่อม และถ้าอาศัยสัจจะที่ตนมีทำกรรมชั่วไปมากๆ ก็จะแพ้กฏแห่งกรรมไปเอง เพราะ
สิ่งใดๆในโลกล้วนอยู่ใต้กฏแห่งกรรมของโลก คนมีสัจจะแต่ไม่บรรลุธรรม ก็ยังไม่พ้นไปจาก
กฏแห่งกรรมของโลก อยู่ดี สัจจะอาจจะอยู่เหนือโลกเพราะเป็นสัจธรรมอย่างหนึ่ง แต่คนมัน
ไม่ได้อยู่เหนือโลกด้วย คนมีเสื่อมมีเจริญอยู่ภายใต้กฏไตรลักษณ์ แต่ถ้าคนบรรลุธรรมก็เป็น
อีกเรื่องหนึ่ง เป็นคนอยู่เหนือกฏแห่งกรรม เป็นสัจธรรมด้วยตนเอง เป็นแบบพระอรหันต์

สัจจะเกิดได้เพราะการบำเพ็ญเพียรรักษาคำพูด พูดคำไหนก็ต้องรักษาคำนั้นให้เป็นจริงโดย
การกระทำให้เกิดเป็นจริงตามที่พูด สัจธรรมจึงจะเกิดเป็นธรรมของจริงในใจของผู้นั้น
คนที่พูดเพ้อเจ้อ ไร้สติ เป็นน้ำท่วมทุ่ง ย่อมไม่มีผลดีเกิดกับตัว บางทีพูดอย่างหนึ่ง
ทำอย่างหนึ่งจนติดเป็นนิสัย ยิ่งห่างไกลความเป็นคนมีสัจจะ คนที่จะบำเพ็ญเพียรเรื่องสัจจะ
จึงมักจะฝึกปิดวาจา พูดให้น้อยที่สุด และรักษาคำพูดให้เกิดเป็นจริงให้มากที่สุด
จนกลายเป็นอุปนิสัย เป็นสันดาน เป็นอนุสัย เป็นอัตโนมัติของตน

คนเราทำอะไรก็ได้เนื้อนาตนเป็นอย่างนั้น
ฟุ้งซ่านเพ้อเจ้อพูดเรื่อยเปื่อย เป็นนิสัย ก็มีเนื้อนาตนเป็นคนเพ้อเจ้อ สติแตก
การสงบนิ่ง พูดน้อย ทำให้มาก เป็นนิสัย ก็มีเนื้อนาตนเป็นคนนิ่งๆ สงบ สำรวม ทำให้มีสติ รู้ได้มาก
สติปัญญาเกิดได้ผ่านการกระทำ ไม่ได้เกิดจากฝันมาก หรือคิดมากๆ

 

<TABLE id=post384040 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead> 20-11-2006, 08:56 AM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right>#11 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->หนุมาน ผู้นำสาร<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_384040", true); </SCRIPT>
สมาชิก

วันที่สมัคร: Jul 2006
ข้อความ: 10,958
Groans: 1
Groaned at 473 Times in 325 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 212
ได้รับอนุโมทนา 70,507 ครั้ง ใน 10,075 โพส
พลังการให้คะแนน: 5022




</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_384040 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->***จานบิน**** จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า จานบินที่เห็น คือ กลดพระธุดงค์ของผู้ทำได้ ที่มีความคล่องตัวมาก คนมองเห็นต่างกันไปตามพื้นฐานจิตใจแต่ละหมู่คน บางพวกเห็นเป้นไฟ บางพวกเห็นเป็นโลหะ นาซ่าพยายามทำเลียนแบบแต่ไม่สำเร็จ เรื่องนี้เป็นสิ่งเหนือความเชื่อ ความรู้วิทยาศาสตรืปัจจุบัน หากเราตั้งใจจริง ทำได้จริง เราจะรู้ได้เอง<!-- google_ad_section_end -->


</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

นั่น รู้ซะด้วย!!!

ผู้ที่อยู่บนจานบินน่ะล้วนบรรลุธรรมขั้นสูงทั้งนั้น แล้วเค้าจะมาทำลายโลกทำไมอ่ะจ้ะ
อิๆ

 

*** กรรมกำลังปรากฎชัด ****

ผู้คนยังขาดสัจจะ ทำความดีแบบไม่จริงจัง
จะต้องรอให้ใครเขามาสั่งสอน ....เราสอนตนเองดีที่สุด

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

BBC ชื่นชม “สำนักสงฆ์ถ้ำกระบอก” รักษาสาวผู้ดีจนเลิก “เฮโรอีน” ได้เด็ดขาด

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 กุมภาพันธ์ 2555 17:34 น.



เคธี วูดส์ วัย 29 ปี สามารถเลิกเฮโรอีนได้เด็ดขาด หลังเข้าบำบัดที่สำนักสงฆ์ถ้ำกระบอก



บีบีซี - เคธี วูดส์ สาวอังกฤษที่เสพติดเฮโรอีนมานานกว่า 3 ปี ได้เดินทางมาบำบัดอาการติดยาที่สำนักสงฆ์ถ้ำกระบอก และเธอก็สามารถเอาชนะใจตัวเอง เลิกข้องแวะกับยาเสพติดได้โดยเด็ดขาด เว็บไซต์ข่าวบีบีซีรายงาน

วูดส์ อายุ 29 ปี ชาวมณฑลเซอร์เรย์ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอังกฤษ เริ่มเสพยาเสพติดมาตั้งแต่อายุ 18 ปี ก่อนที่จะหันมาติดเฮโรอีนในช่วงหลังๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อคนในครอบครัวของเธออย่างมาก โดยเฉพาะผู้เป็นแม่ที่คิดอยู่เสมอว่า คงได้เห็นลูกสาวเสียชีวิตก่อนวัยอันควรเข้าสักวัน

องค์กรอีสต์ เวสต์ ดีท็อกซ์ ในเมืองรีดดิง ยื่นมือเข้าช่วยวูดส์ โดยส่งเธอเดินทางมายังสำนักสงฆ์ถ้ำกระบอก อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี เพื่อเข้ารับการบำบัด

วูดส์ เล่าว่า เธอเริ่มจากการคบเพื่อนไม่ดี และเมื่อลองเสพยา ทุกอย่างก็ควบคุมไม่ได้

ก่อนหน้านี้ เธอเคยพยายามเลิกใช้เฮโรอีน ด้วยการใช้ยาเมธาโดน ทดแทนเฮโรอีน แต่ก็ไม่สำเร็จ “มันไม่ได้ช่วยให้ฉันเลิกเฮโรอีน มันเลวร้ายมาก ฉันว่ามันแย่ยิ่งกว่าเฮโรอีนเสียอีก”

ทั้งนี้ องค์กรการกุศล อีสต์ เวสต์ ดีท็อกซ์ คอยช่วยเหลือให้ผู้ป่วยได้เข้าถึงการบำบัดอาการติดยาจากพระสงฆ์ที่สำนักสงฆ์ถ้ำกระบอกมาตั้งแต่ปี 1957

ในช่วงการรักษา เคธี วูดส์ จะถูกยึดเงิน ข้าวของส่วนตัว และหนังสือเดินทางไว้ชั่วคราว ขั้นตอนแรกสุด เธอต้องให้สัจจะสาบานว่า จะไม่กลับไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีกเป็นครั้งที่สอง


เคธี วูดส์ ในช่วงที่เข้าบำบัดเป็นวลา 2 สัปดาห์ครึ่ง
“สัจจะเป็นการให้คำสาบานว่าจะไม่กลับไปเสพยาอีก” วูดส์เล่า

ชีวิตของเธอตลอดการรักษาจะขึ้นอยู่กับเสียงระฆังที่คอยลั่นเป็นสัญญาณ มีการอบสมุนไพรอย่างเคร่งครัดทุกวัน และในสัปดาห์แรก เธอต้องทนกับความทรมานจากความเจ็บป่วยที่เกิดจากอาการลงแดง

พระที่สำนักสงฆ์ถ้ำกระบอก เชื่อว่า อาการดังกล่าวจะช่วยกำจัดพิษออกจากร่างกาย โดยในช่วง 5 วันแรก ผู้ป่วยจะต้องดื่มยาสมุนไพรที่ทำให้สำรอกพิษในร่างกายออกมา

เคธี วูดส์ เล่าต่อว่า ช่วงเวลาเลวร้ายที่สุด คือ ตอนกลางคืน “การอดยาในตอนกลางคืน มันยาวนานมาก เพราะคุณจะถูกขังอยู่ในห้องตั้งแต่สามทุ่มจนถึงตีสี่ครึ่ง”

“คุณข่มตาให้หลับก็ไม่ได้ ในห้องยังไม่มีใครพูดอังกฤษเป็นอีก ตอนกลางคืนจึงเป็นช่วงที่เลวร้ายที่สุด”

อนึ่ง พระสงฆ์ที่ถ้ำกระบอก ระบุว่า ไม่รู้ว่ามีผู้ป่วยกี่คนที่สามารถเลิกยาได้เด็ดขาด แต่จากรายงานในปี 2011 ของ อีสต์ เวสต์ ดีท็อกซ์ อ้างว่า อัตราผู้ที่เลิกยาเสพติดสำเร็จจากถ้ำกระบอกมีมากกว่าการเลิกยาในอังกฤษถึง 2 เท่า

เคธี วูดส์ บินกลับอังกฤษหลังใช้เวลารักษาตัวอยู่นานกว่า 2 สัปดาห์ และหลังการบำบัดผ่านมา 8 เดือน เธอก็ยังไม่กลับไปแตะต้องยาเสพติด

เธอเล่าว่า “ฉันยังมีเพื่อนที่เล่นยาอยู่ มันก็ชวนให้อยากยาบ้าง แต่หลังจากฉันผ่านมันมาได้ พลังบางอย่างภายในตัวฉันมันบอกว่า ‘ไม่’ ไม่มีทางกลับไป มันเปลี่ยนชีวิตฉันมาพอแล้ว”

 

สัจจะ อาจไม่ได้นำพาไปสู่ทางพ้นทุกข์เสมอไป


# ตอนเที่ยงๆเพื่อนโทรมาชวนไปกินเหล้าหลังเลิกงาน เห็นว่าว่างเลยตอบตกลงไป ตกเย็นแฟนโทรมาบอกว่าปวดท้องมากๆ(ประจำเดือน) ขับรถไม่ไหวให้รีบไปรับกลับบ้าน ....... คงต้องรักษาสัจจะ ไปกินเหล้าแทน

# ทะเลาะกับเพื่อนคนหนึ่ง แล้วไปคุยกับอีกคนว่า ถ้ามันไม่มาขอโทษ กรูจะไปฆ่าแMงมัน ......พอเวลาผ่านไปจิตใจสงบแล้วเขาก็ไม่มาขอโทษ กลับต้องไปฆ่าเพื่อนเพื่อรักษาสัจจะ


สัจจะในทางที่ชั่ว ก็รักษาได้
สัจจะในทางที่ดี ก็รักษาได้

เอาทางไหนล่ะท่าน ........ สัจจะ มาโดดๆ อาจสับสน