อย่ากด "อนุโมทนา" มั่วหากไม่รู้จริงว่าถูก

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย DevilBitch, 4 พฤศจิกายน 2007.

  1. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    อันนี้เห็นด้วยครับ
    และคิดว่าเป็นคำกล่าวที่ดู Relax ดี

    เพราะจริงๆแล้ว บุญ-บาปจากการอนุโมทนา
    กับข้อความที่มีผู้นำเสนอมานั้น
    มันไม่ใช่จะรอมาเกิดตอนที่ท่านกดปุ่มซะที่ไหนหละ !!!

    มันเกิดขึ้นตั้งแต่ท่านคิดว่า
    ดี - ไม่ดี - เห็นด้วย - ไม่เห็นด้วย โน่นแล้ว !!!
    ทุกท่านก็รู้อยู่แล้วนี่ครับ !!!

    จะไปสร้างกระแสให้คนกลัวที่จะโมทนา หรือไม่โมทนาทำไมกันนะ
    ถ้าจะเตือน ก็น่าจะเตือนว่า

    "ก่อนที่จะตัดสินใจว่า เห็นด้วย หรือ ไม่เห็นด้วย
    และ/หรือ ยินดี หรือ ไม่ยินดี กับข้อความใดๆ หรือ กับใคร
    ควรจะคิดใคร่ครวญให้รอบคอบก่อน ใช้ปัญญาให้มากก่อน
    ไม่งั้นท่านจะได้บุญ หรือ ได้บาปไปกับเจ้าของความคิดนั้นๆด้วย"

    อะไรทำนองนี้ไหม๊ ??
    กดปุ่มหรือไม่กดปุ่มนั่น เป็นเรื่องรองลงมาแล้ว
     
  2. surapong chot

    surapong chot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +1,212
    ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบ กดอนุโมทนาให้ เพราะบางครั้งนั่งคิดดูแล้วคนที่โพส์รแล้วมีประโยชน์บางไม่มากก็น้อย อาจจะถูกบางผิดบางก็เป็นเรื่องธรรมดาครับ เพราะเรายังมีชีวิต และต้องดำเนินต่อไป ที่ไม่โพส์รให้ก็มีที่พูดไม่เพาะ โจมตีคนอื่น ผมเองไม่ชอบ เพราะพระพุทธองค์ไม่โต้ตอบ แม้นางอะไรนะที่กล่าวหาพระองค์ว่าทำให้นางท้อง จนเทวดาทนไม่ได้จึงแปลงกายเป็นหนูขึ้นไปกัดเชือกที่รัดก้อนผ้าที่หน้าท้องหล่นลงมา ความจึงแตก จนธรณีสูบลงใต้แผ่นดิน ใช่ไหมครับผู้รู้ทั้งหลาย ดังนั้น ควรจะมี ช่องให้กดมากขึ้น ว่า ชอบ หรือไม่ชอบ ...หรืออื่นๆก็ได้ครับ...นี่เป็นเพียงความคิดหนึ่งนะอย่าซีเรียส...

    แต่ก็เป็นการดีครับที่คุณยายฯออกมาบอกกล่าว ให้ทุกท่านได้คิดก่อนกด...ในครั้งต่อไป...
     
  3. โทรศัพท์

    โทรศัพท์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +114
    อยู่ในหนังสือ กระโถนข้างธรรมมาสน์ ของหลวงพี่เล็ก เล่มที่ 3
    เห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์บ้างครับ


    ถาม : ผมผิดไปนิดนึงที่จิตคิดพลาดไปนิดพังเลย คือใจเราอยากให้เขาได้ดีมากที่สุดเพียงแต่ว่าลืมของเดิมเขาไป ffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>

    ตอบ : ตัวนี้ต้องระวังให้มากที่สุดเลยสำหรับนักปฏิบัติทุกคน เราทำไปถึงตรงไหน ด้วยจิตที่เมตตานะ แต่บังเอิญมันใช้ผิด ด้วยจิตที่เมตตาหวังจะให้เขาได้เหมือนอย่างเราก็แนะนำเขาไป แต่มันกลายเป็นว่าถือเอาทิฏฐิคือความรู้ ความเห็นของตนไปปนกับธรรมะของพระพุทธเจ้าเข้า ไม่ใช่ธรรมะบริสุทธิ์ กลายเป็นกิเลสของเราครึ่งหนึ่ง ระวังให้จงหนักเลย
    หลวงพ่อท่านบอกว่า ท่านต้องไปตามแก้เทศน์อยู่เป็นปี ๆ ไอ้เรื่องนิพพานสูญ ท่านเป็นมหาท่านเรียนมานิพพานัง ปรมังสุญญัง นิพพานสูญ เทศน์ไปหลายจังหวัดเลยต้องมานั่งไล่ว่าไปเทศน์ไว้ที่ไหนบ้าง แล้วย้อนกลับไปแก้เทศน์ให้ ถ้าแก้ไม่หมดเขาเป็นมิจฉาทิฏฐิ ซวยหนักเลยนะ ทำคนเป็นมิจฉาทิฏฐิโทษหนักถึงขนาดลงนรกโลกันต์ได้ ไม่ใช่อเวจีเฉย ๆ ก็แปลกใจทำไมโทษหนักถึงลงนรกโลกันต์ได้
    ท่านบอกว่าทำให้คนเป็นมิจฉาทิฏฐิ คนที่เป็นมิจฉาทิฏฐิโอกาสที่จะลงนรกมีมากเกินร้อยเปอร์เซนต์ เมื่อลงนรกไปกว่าจะกลับขึ้นมาเป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นถึงมนุษย์แล้วได้เข้าถึงธรรมนะ มันนานแค่ไหน ถ้าหากว่าเป็นมนุษย์ บังเอิญว่าเป็นมิจฉาทิฏฐิต่อ ทำความชั่วอีกลงนรกอีก เราทำให้เขาห่างความดีขนาดนั้น โทษมันก็เลยหนักมหาศาล ไม่น่าเชื่อเลย สอนคนผิดหน่อยเดียวตัวคนสอนลงโลกันต์ไปเลย<O:p></O:p>
     
  4. nirvana008

    nirvana008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +580
    แค่คิดตาม...เห็นด้วย...ไม่เห็นด้วย.....เกิดมโนกรรม
    คิดแล้วพูด..ชมว่าดี...ติว่าแย่.........เกิดมโนกรรม+วจีกรรม
    คิดแล้วกดคลิ๊กอนุโมทนา/ไม่เห็นด้วย.....เกิดมโนกรรม+กายกรรม
    คิดแล้วทั้งพูดทั้งกดด้วยครบ.......เกิดมโนกรรม+วจีกรรม+กายกรรม

    ปัญหาอยู่ที่ว่า...ปัญญาคุณบริสุทธิ์แค่ไหนที่ไปตัดสิน(เขาอาจพูดใบไม้1กำมือที่พระท่านสอนหรือส่วนนอก84000พระธรรมขันธ์ก็ได้)...คุณรู้จริงแค่ไหน....ที่เสี่ยงกันกับบุญ(กุศล)-บาป(อกุศล)ตรงนี้ต่างหากครับ

    ทางที่ดีนะ...คิดในใจ...ขอโมทนาในส่วนที่ถูกตามที่พระพุทธองค์สอน (ตั้งใจโมทนาแค่ส่วนดี ส่วนถูกของเขาแม้ไม่100%ก็ตาม)ส่วนที่ผิดของเขา...อุเบกขาไม่ต่อกรรม....จบ

    คลิ๊ก/ไม่คลิ๊ก...ก็ได้ปัญญาเพิ่ม...ได้แต่กุศล...เป็นบุญไม่ขาดทุน
    รู้แค่ไหนแล้วก็ต้องวาง....ถ้าจะไปนิพพาน..ไม่เกิดอีก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤศจิกายน 2007
  5. พลช

    พลช Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +35
    อยากจะหัวเราะ ขำมากๆๆ
    จากข้อความและ วิธีเขียน ก็รู้ว่า คือ ใคร ปลอม ตัว กลับมา อีก เท่าที่ จำได้ ใช้ขื่อในสต๊อคไปแล้ว มากกว่า 4 ชื่อ..ขยันหาจริงๆๆ..ขอชม ความพยายาม ที่ลุยถั่วต่อ เขาเลิก ทะเลาะกันไปนานแล้ว..จะทำให้เวป เป็นขยะอีกแล้ว..เศร้าใจคนอ่าน... กฏเกณฑ์เขาก็บอกไว้ว่า ขอให้ คนอ่านมาเสนอ สิ่งแปลกๆๆ ที่ น่าอ้าน..ไม่ใช่ ขึ้นมา..ไม่ใช่..ไม่จริง..เสียอารมณ์คนอ่าน..ไปต่อย กัน นอกจอ ดีกว่า นะ

    อยากจะให้ไปหาหมอดู คนหนึ่ง แกแม่นมาก
    ดูว่า เขา ดูว่า ยังไง
    แนะนำหมอดูดัง
    "อินทัช วิชิตกุล "
    หมอดู 7 หลัก 9 ฐาน
    ค่าดูไม่แพง แม่นมาก..ผมไปดูมาแล้ว
     
  6. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,697
    เคารพในความคิดเห็นของทุกคนนะคะที่ได้กล่าวมาในกระทู้นี้

    ก็เพิ่งสมัครสมาชิกมาได้ 3 เดือนแล้วค่ะจะขอถามว่า แล้วอย่างในห้องจักรวาลคู่ขนาด และ ห้องเพลง คาราโอเกะ บางครั้งก็เป็นการพูดเล่นกัน น่ะค่ะ แบบนี้กดโมทนาให้กันจะมีความผิดไหมคะ บาปไหมคะ ถามจริง ๆ นะคะ เพราะไปห้องจักรวาลบ่อย ๆ ค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2007
  7. Tenpokensin

    Tenpokensin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2007
    โพสต์:
    365
    ค่าพลัง:
    +1,639
    สำหรับผมอ่านแล้วมิได้มีสิ่งใด ขัดต่อหลักธรรมและหลักปฏิบัติอันดีงาม อ่านแ
    ล้วเกิดความปีติยินดีด้วย ก็จะกดอนุโมทนาครับ 
     
  8. piakgear24

    piakgear24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    2,696
    ค่าพลัง:
    +44,505
    คุณสังขารไม่เที่ยง
    พูดขำๆกันไม่มีเจตนาอะไรก็คงไม่เป็นไรมั้ง เจตนาแค่ขำครับ
    แต่อย่าขำเรื่องที่เป็นการปรามาทคนอื่นก็พอ หรือถ้ารู้ตัวว่าไม่ควรก็ให้ขออโหสิซะ หากรู้ตัวว่าไม่ควรแล้วยังทำ อย่างนี้ไม่เข้าท่าแน่

    เรื่องกรรมเก่าที่แล้วมาก็ให้ผ่านไปรู้ตัวว่าผิดก็ขออภัย หรือว่าเขาเรียกว่าขออโหสิกรรม เขาจะให้อภัยหรือไม่นั้นอีกเรื่องหนึ่งนะ ให้แยกกัน
    คนเราทุกคนแม้แต่พระพุทธองค์เองก็มีเรื่องกรรมเก่าเหลืออยู่ข้างหลังอีกมากมายที่ยังชดใช้ไม่หมด

    แต่ขอให้ตั้งมั่นอยู่ในความดีตั้งแต่รู้ตัวแล้วเป็นต้นไป (กลับตัวกลับใจ)

    ตั้งมั่นอยู่ในศีล พรหมวิหารสี่ อาณาปานุสติ เป็นพื้นฐาน
     
  9. Xiaobao

    Xiaobao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    112
    ค่าพลัง:
    +472
    ก่อนจะทำอะไรควรไตร่ตรอง ศรัทธา+ปัญญา ด้วย

    ขอบคุณยายผีป่ามากๆจ้ะ
     
  10. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    โห...ไม่คิดว่าจะมีคนสนใจมาตอบข้อคิดเห็นมากมายปานนี้ ตั้งกระทู้ทิ้งไว้ แล้วไปทำงานนิตยสาร เผลอหน่อยเดียว เข้ามาเจอหลากหลายแง่คิด ดีมากๆ ค่ะ ทุกความคิดเห็นไม่มีผิดค่ะ แต่จะถูกต้องตามหลักธรรมะหรือไม่นั้น ธรรมะตัดสินเนาะพ่อแม่พี่น้องเนาะ

    มีคนกระซิบมาแว่วๆ ว่า

    ยายผีป่าโดนด่าแล้วหนี
    บอกเลยว่า ไม่หนีค่ะ

    แต่ไปล้างอึลูกสาวบ้าง ทำงานบ้านบ้าง ทำโน่นทำนี่ วันๆ แทบไม่มีเวลากินข้าวกินปลาเลย ดังนั้นต้องขอขมาท่านที่ต้องการให้ยายผีป่าโต้แย้งหรือมีปฏิกิริยาวีนกลับด้วยนะคะหากขาดการสนองตอบทันควัน ทางที่ดีโทรศัพท์ไปด่าเลยดีกว่านะคะ หากว่างพอจะรับสาย ส่วนที่จะชม ขอให้อย่าเพิ่งโทรศัพท์ไปชมตอนนี้นะคะ เพราะว่ายายผีป่าไม่ว่างจริงจริ๊ง

    ขอตัวทำต้นฉบับต่อนะคะ มีใครได้อ่านนิตยสารพลังจิต.คอม ฉบับปฐมฤกษ์หรือยังเน้อ...อุดหนุนช่วยๆ กันหน่อยนะคะ เพราะรายได้ส่วนหนึ่งเจียดทำบุญ ทำกุศล โดยเฉพาะมาเป็นค่าใช่จ่ายในการบำรุงรักษาระบบของเวบให้เสถียร เราๆ ท่านๆ จะได้มาท่องพลังจิต.คอม อย่างสบายอุรา เมียด่าก็หนีมาเข้าอ่าน เข้าโพสที่นี่ หนีเจ้าหนี้ มาที่นี่ก็ไม่มีปัญหาค่ะ
     
  11. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    เพลงบางเพลงมันมีคติเตือนใจเรา อย่างครั้งหนึ่งคนกำลังเหงาเพราะอกหัก อยากฆ่าตัวตาย ยายผีป่าขอดีเจจัดเพลงให้กำลังใจเขา เขาก็รู้สึกดีขึ้น จึงมาขอบคุณ (อนุโมทนา) อย่างนี้มันขึ้นกับเจตนาของผู้เสนอและสนองค่ะ กรรมใดๆ ขึ้นกับเจตนาเป็นสำคัญ

    อย่างถ้าเราตั้งกระทู้ขึ้นมาโดยมีเจตนาให้เกิดการนำมาซึ่งเหตุทะเลาะวิวาท อย่างนี้เป็นบาป แต่ถ้าตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นการนำเสนออย่างไม่คิดว่า คอยดูนะ ฉันตั้งมาอย่างนี้แล้ว เดี๋ยวฝ่ายนี้จะมาติง มาด่ากันอย่างนี้ แต่ตั้งเพื่อเตือนสติ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีแอบแฝงฝักใฝ่ทางมิจฉาทิฐิ ก็ไม่มีผลร้าย อย่างคนมาเล่าเรื่องตลก คนที่เขาขำด้วย เขาสนุกด้วย มันทำให้เขาอารมณ์ดี เลิกเครียดกับเรื่องต่างๆ ได้ระยะหนึ่งนะคะ มันก็ขอบคุณที่นำสิ่งคลายเครียดมาให้ การทำให้คนมีความสุขโดยไม่ยั่วยุทางอบายมันก็ไม่มีผลร้ายเช่นกัน จักรวานคู่ขนานจะว่าไปยายชอบหมวดนั้นมาก สนุกดี ไม่ซีเรียส

    อย่างห้องของยายนั้น มีคุยเล่นคุยหัวสอดแทรกธรมะที่มันไม่หนัก พวกเราก็สนุกกัน นำไปใช้ได้

    มีสมาชิกท่านหนึ่งโทไปหายาย บอกว่าเสียเงินไปฟังอะไรที่มันหนักๆหลายบาททีเดียว ไม่เข้าใจ แต่พอคุยกับยายไม่กี่คำเข้าใจเลย อย่างนี้มันขึ้นกับว่า จริตคนๆ นั้นชอบแนวไหน ถ้าคุณชอบคุยกับถวัลย์ ดัชนี ชอบคารมเขา ฟังแล้วเข้าใจ นำมาใช้ได้ คุยไป แต่หลายๆ คนเขางง คุยเรื่องอะไรนี่ ช่วยแปลไทยเเป็นไทยที่เป็นไทยง่ายๆ กว่านี้ได้ไหม
     
  12. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,973
    ค่าพลัง:
    +19,431
    ขออนุโมทนาบุญกับท่านผู้ตั้งกระทู้ และทุกๆท่านที่ร่วมอนุโมทนาครับ<O:p</O:p
    สาาาาา...ธุ<O:p</O:p
    สาาาาา...ธุ<O:p</O:p
    สาาาาา...ธุ<O:p</O:p
    ให้ดังไปถึงพระนิพพาน<O:p</O:p
     
  13. สิกขิม

    สิกขิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,310
    ค่าพลัง:
    +6,034
    มากกว่า 1 นาม สำหรับ 1 ตัวตน ของคนผู้นี้ ที่เวียนวนจุดประเด็นเก่า ในกระทู้ต่างๆ


    จะผูกใจเจ็บไปไย เมื่อผู้คนมากหลายเขาประสบเหตุมากับตัว และมีมุมต่างมองว่า


    เป็นการประพฤติอันไม่ชอบมาพากล ไม่ถูกไม่ควร ค่อนไปทางลวงให้เสียทรัพย์


    พร้อมชักนำชี้ชวนพุทธชนเข้ารกเข้าพง อย่างบิดเบือนแก่นธรรม

    ระบบกรรมจึงชำระตามหน้าที่


    เราจึงว่า ให้มองและพิจารณาตน หาใช่ใครกลั่นแกล้งด้วยขัดประโยชน์ทางการค้า ด้วยริษยาในความเป็นผู้มีชื่อ


    เด่นในทางดัง หรือเด่นในทางดี เลือกได้ว่าจะเดินไปในข้างใด ?
     
  14. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    อนุโมทนา.... บางครั้ง พวกเราเข้าใจกันผิด คลาดเคลื่อน ไปบ้าง....

    เพราะว่า ไปติด ที่คำว่า อนุ
    โดยส่วนใหญ่ จะเข้าใจว่า อนุ แปลว่า เล็กน้อย นิดหน่อย เล็ก ๆ เป็นต้น
    เช่น อนุภรรยา - เมียน้อย เป็นต้น

    ...................................................................................

    เรื่องคำแปล นี้ จำได้ว่า คุณเต้อฯ ได้เคยแปลตามบาลี ออกอากาศ มาแล้ว
    (ขออภัย ที่กล่าวชื่อ เพื่ออ้างอิง)

    อนุ.. จริงแล้ว อีกความหมายหนึ่ง แปลว่า "ตามไปด้วย"
    อนุภรรยา ก็คือ ตามไปเป็นภรรยาด้วย แต่น้อยกว่า ภรรยาเดิม

    อนุศักดิ์ จึงไม่ใช่ ศักดิ์เพียงเล็กน้อย แต่หมายถึง ใครมีศักดิ์ใด ๆ ก็มีกับเขาด้วย

    ...................................................................................

    อนุโมทนา ความหมาย ตามที่พระเดชพระคุณองค์หลวงพ่อฯ แนะนำไว้ว่า....
    ตามไปมีผลถึง 80-90 % ของเจ้าของบุญ
    เจ้าของบุญ เข้าถึงพระนิพพาน เราเป็นผู้ตามโมทนา ก็มีสิทธิ์ ด้วยเช่นกัน

    การโมทนา เป็นสิ่งดี สิ่งยอดเยี่ยม เป็นธรรมอันสำคัญ คือ
    เป็นข้อที่ 3 คือ มุทิตา ของพรหมวิหาร 4
    พรหมวิหารธรรม เป็น ธรรมคุ้มครองโลก ให้เกิดความสุข

    พรหมวิหาร 4

    1. เมตตา คือ ความรัก มีความรักในผู้อื่น ไม่ว่า คน หรือ สัตว์
    ไม่ว่าเรา หรือ เขา ต่างก็มีความ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ปรารถนาสุข เกลียดทุกข์

    2. กรุณา คือ มีความสงสารในผู้อื่น ปรารถนาอยากให้ผู้อื่น ไม่ว่าคน หรือสัตว์
    สามารถพ้นไปจากความทุกข์ทุกข์ ที่เขากำลังประสบอยู่ ในขณะนั้น
    มีความพร้อมที่จะช่วยเหลือผู้อื่น ในทุกโอกาสที่สามารถช่วยเหลือได้

    ลองคิดดู เพียงแค่ 2 ข้อนี้
    ถ้าหาก พวกเราต่างก็อารมณ์เราเข้าถึง เมตตา และ กรุณา อย่างนี้
    เรา และเขา จะยังคิดจะโกรธ กันได้ อีกหรือ

    ก่อนหน้า ที่จะตั้งใจรักษาศีล นั้น.. เราอาจจะทำความชั่วอย่างมากมาย(ผิดศีล)
    แต่ พอเราเริ่ม มองเห็นธรรม ทราบถึงกรรม เราก็ตั้งใจรักษาศีล ให้บริสุทธิ์
    ก็จะมีอานิสงส์ให้ ผลของกรรมชั่ว ที่จะจะสนองผลกับเรา(ตกนรก)ไม่ได้
    อย่างน้อย 1 ชาติ

    ทั้งนี้ เพราะอำนาจของศีล คนที่มีศีลบริสุทธิ์ ถ้าเข้าไปในเขตนรก ไฟนรกจะดับ
    เขาไม่ให้ ผู้ที่ทรงศีลบริสุทธิ์ เข้าเขตนรก อย่างแน่นอน
    (ยกเว้น ท่านที่กระทำความผิด ด้วยอนันตริยกรรม ๕ มาก่อน แม้สร้างบุญกุศล
    ไง้มากเพียงไร ก็ต้องไปเสวยนรกก่อน หมดกรรมเลวแล้ว จึงมารับกรรมดี )

    3. มุทิตา มีความยินดี พลอยโมทนาในบุญ คุณความดี ของผู้อื่น
    ไม่อิจฉา ไม่ริษยาใคร
    ใครที่พลาดผิดไป ก็ไม่ล้มทับซ้ำเติมเขา

    4. อุเบกขา การวางเฉย ต่อสิ่งที่มากระทบกาย กระทบจิตใจ
    คน หรือสัตว์ ที่เรามีความรัก(เมตตา) มีความสงสารจะให้เขาพ้นทุกข์(กรุณา)
    หากเราพร้อมที่จะช่วยได้ เราก็เต็มใจ และยินดี ช่วยเหลือ
    แต่หากว่า สุดวิสัยที่จะช่วยเหลือได้ เราก็พึงวางเฉย
    ยอมรับ ในกฎแห่งกรรม ของเขา และเรา
    วางเฉยได้ในกฏแห่งไตรลักษณ์
    ไม่พึงทำอารมณ์ให้หมองมัว วิตก กังวล เกินไป
    เพราะว่า ทุกคน ทุกสัตว์ ต่าง ก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ พระนิพพาน
    เพียงแต่ เร็ว ช้า ต่างกันออกไป

    การโมทนา ในบุญ ในคุณความดี จึงมีอานิสงส์ ที่ยอดเยี่ยม
    ตามที่กล่าวมาแล้ว....

    หากจะบอกว่า การโมทนา ไม่เป็นสาระที่สำคัญ
    ก็เกรงไปว่า จะปรามาสใน ธรรม หรือเปล่า..

    ข้อนี้ จะปรามาส หรือไม่ ก็พึงพิจารณา กันเอาเองเถิดครับ....
    ผมก็ไม่ได้บอกว่า จะต้องอนุโมทนา หรือ เชื่อถือตามไป

    ...................................................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2007
  15. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ต่อเนื่องจากโพสที่ 40 ในหน้าที่ ผ่านมา....

    ทีนี้.. ในอีกด้านหนึ่ง ที่พึ่งพูดถึงไว้ด้วย เช่นกัน....
    ก็เหมือนเดิม..นะครับ ไม่ได้บอกว่า จะต้องเชื่อ....
    เป็นเพียง ความรู้ ความเข้าใจ ส่วนตนเอง ซึ่งอาจจะผิดก็ได้....
    ก็พึงพิจารณาด้วย จิตในธรรม เป็นกลาง ของเราเอง....

    การโมทนา ก็มี 2 ด้าน คือ อนุโมทนาบุญ และ อนุโมทนาบาป

    อนุโมทนาบุญ คุณความดี ได้กล่าวไว้แล้ว ดังข้างบนนี้....

    ...................................................................................

    การอนุโมทนาบาป.. อนุโมทนาในสิ่งเลว
    ก็คือ.. ขอตามไปในทางบาป ขอตามไปในสิ่งเลว

    การรักษาศีลให้บริสุทธิ์ ต้องเนื่องด้วยปัจจัย 3 ประการ คือ
    1. ไม่ทำผิดในศีล ด้วยตนเอง
    2. ไม่ใช้ให้ผู้อื่นทำแทนตน ในเรื่องการผิดศีล
    3. ไม่ยินดี ที่เห็นผู้อื่นทำความผิดในศีล

    ยกตัวอย่าง ข้อ ปาณาติบาต

    อยากจะกินแกงปลา จะฆ่าปลา ก็ กลัว ผิดศีล
    ไปตลาด เดินผ่านแม่ค้า สั่งเอา ตัวโน้น ตัวนี้.. ไม่ได้ทุบหัวปลาเอง
    แต่ก็เท่ากับว่า สั่งให้ แม่ค้า ทุบปลาแทน

    อย่างนี้ อานิสงส์ เท่ากับ ลงมือฆ่า ด้วยตนเอง

    ไม่ได้ฆ่าปลาเอง.. ไม่ได้สั่งให้คนอื่นฆ่าปลา
    เพียงบังเอิญ เดินผ่านไปในที่ ที่เขากำลังจับปลา ตกปลา ได้
    ก็เห็นว่า ตัวใหญ่.. โอ้ ดีจังเลย ตัวใหญ่มาก ดีใจไปกับเขาด้วยที่จับได้
    ยิ่งเขาแกงมาให้ แบ่งมาให้ ก็ดีใจ ได้กิน (ไม่ได้ฆ่า ไม่ได้บอกให้เขาฆ่า)

    อย่างนี้ ก็มีอานิสงส์ เทียบเท่ากับฆ่า ลงมือฆ่า ด้วยตนเอง
    ศีล ก็ไม่บริสุทธิ์ เพราะผิดด้วยที่เนื่องด้วย อนุโมทนายินดีในสิ่งเลว

    ...................................................................................

    เหตุที่ คน ต้องตกนรก อย่างชนิดที่ไม่สามารถจะช่วยเหลือได้
    มี 5 ประการ คือ อนันตริยกรรม 5


    อนันตริยกรรม 5
    หัวข้อนี้ ขอยกมาเป็นสิ่งที่ควรจะรู้ไว้....
    เพราะว่า ถึงแม้ว่าเราจะมุมานะสร้างความดี ไว้มากมาย แค่ไหนก็ตาม

    แต่ทว่า มาทำผิดพลาดที่ข้อต่อไปนี้ จะทำให้ท่านเสียเวลาไปมาก
    เนื่องจาก ท่านจะต้องไปเริ่มต้นเสวยกรรมชั่วในอเวจีมหานรก เสียก่อนเป็นอันดับแรก

    จนกว่าจะหมดผลกรรมนั้นแล้ว จึงมารับผลของกรรมดี ได้

    หมายความว่า หากเราทำความดีเอาไว้มากมาย แต่ถ้าหากต้องด้วย(ทำผิด) อนันตริยกรรม 5 นี้ เข้าแล้ว

    ผลบุญ ความดี ต่าง ๆ ให้ยกตั้งรอ เอาไว้ก่อน

    จะต้องลงไปรับผลของกรรมเลว ที่นรกอเวจี เสียก่อน
    ออกจากอเวจี แล้ว ก็ต้องผ่านนรกขุมบริวาร ต่าง ๆ อีกมาก
    ผ่านนรกมาแล้ว ก็ต้องเป็นเปรต 12 ประเภท
    ผ่านเปรต ต้องมาเป็นอสุรกาย
    ผ่านอสุรกาย ต้องเป็นสัตว์เดรัจฉาน 500 ชาติ
    แล้วจึงจะสามารถมาเกิดเป็น “คน” ที่หูหนวก ตาบอด
    ไม่เห็นธรรม อีก 500 ชาติ จึงจะมาเป็นคนปกติ
    แล้วจึงจะได้เกิดเป็น

    หากเป็นคน แล้วยังเลวอีก(ผิดศีล ศีลไม่บริสุทธิ์ ก็ลงนรกอีก)
    (ส่วนคำสอนที่ว่า ไม่มีเทวดา ไม่มีนรก ไม่มีพระนิพพาน ตายแล้วสูญ
    นี่ก็สบายไป ก็ไม่ต้องกลัวอะไร ไม่ต้องทุกข์ร้อนในปัจจุบัน)

    พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดง "ความเลวอย่างยิ่ง 5 ประการ"
    ที่จะต้องไปรับกรรมใน นรกอเวจี อย่างไม่มีทางแก้ ไม่มีทางเลี่ยง ก็คือ

    1. ฆ่า มารดา
    2. ฆ่า บิดา
    3. ฆ่า พระอรหันต์
    4. ทำพระพุทธเจ้าให้ห้อพระโลหิต ด้วยจิตคิดประสงค์ร้าย
    5. ยุยงให้สงฆ์แตกแยก


    จึงขอเตือนว่า ท่าน "ไม่มีทางหนีนรก"ได้เลย
    ถ้าหากท่านไปต้องเข้ากับอนันตริยกรรม 5 นี้ แล้ว

    ในข้อที่ 1 ถึง 4 พวกเรา ก็คงผิดกันได้ยาก ใช่ไหม....

    จะยุ่งยาก ลำบากนัก ก็ข้อที่ 5 นี่แหละ....

    ยุยง ให้ สงฆ์ แตกแยก นี่
    สงฆ์ หรือ สังฆะ แปลว่า หมู่รวม ส่วนรวม
    สาวกของพระพุทธองค์ มี 4 คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา
    นี่ ก็นับว่า เป็น หมู่รวม ส่วนรวม

    ยุยง ให้สงฆ์ แตกแยก ก็ตามแต่ จะเข้าใจกันไป....

    คนที่โกนหัว ห่มเหลือง ตั้งตนเป็นหัวหน้าใหญ่
    อาศัยพระไตรปิฎก + ความรู้จากวิปัสสนึก ของตนเอง

    แล้วก็สอนได้เก่งกว่า พระพุทธเจ้า
    สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ
    ไม่ต้องติดในวัตถุ ให้ติดแต่ในธรรม
    พระพุทธรูป ก็เป็นเพียงอิฐ ปูนทราย เท่านั้น

    เมื่อไม่ให้ติดในวัตถุ ก็ไม่ต้องมีวัดฯ ไม่ต้องทำทาน ไม่ต้องมีจีวร กันละ
    ให้ติดแต่ในธรรม แล้วไม่ต้องกินข้าวกันละซิ มันก็ วัตถุ ทั้งนั้น
    ก็คงไม่ต้องสร้างวัดฯ จะสร้างไปทำไม วัตถุทั้งนั้น
    ต้องนั่งแก้ผ้า สอนธรรมะ กันใช่ไหม

    อันนี้ ก็คงไม่ใช่เถระ กลายเป็น เถนะ ไป
    เถนะ นี้ แปลว่า ขี้ขโมย
    ขโมย คำตรัสสอน มาปะติด ปะต่อ สะเปะ สะปะ ตามอารมณ์ของตนเอง
    ที่คิดว่า พูดดีแล้ว สอนดีแล้ว

    ไม่ให้เชื่อเทวดา ไม่ต้องบวงสรวง ศาลหลักเมืองปลวกกินผุหมด

    นี่ มันเก่ง ๆ ทั้งนั้น
    ไม่เชื่อพระไตรปิฎก เพราะคิด และนึก ไปเองว่า....
    มีคนไปเพิ่ม เสริม เติมแต่ง ในพระไตรปิฎก

    ในเมื่อไม่เชื่อ ก็น่าที่จะไม่เชื่อ ทั้งหมด
    ไปเชื่อครึ่ง ไม่เชื่อบ้าง
    ส่วนไหนที่ตัวเองว่าน่าจะดี ก็ยกกล่าวอ้างมาสอน คนอื่น

    ส่วนไหนที่ตัวเองคิดว่า มันน่าจะเป็นอย่างโน้น มันน่าจะเป็นอย่างนี้
    ก็อาศัยความคิดของตัวเอง เขาไปหักล้าง ว่า....

    ต้องเป็นอย่างโน้น.. อย่างนี้.. นิพพานสูญ

    ที่พูดมาทั้งหมดนี้ ไม่ได้ระบุ ว่าเป็น ใคร ทั้งสิ้น
    หาก ใครเขา เดือดร้อนขึ้นมา ก็จะประกาศตนไปเอง
    ว่า.. ข้านี่ แหละ เก่งกว่า พระพุทธเจ้า

    นี่ มันจะฟุ้งไปไหน....
    อ้อ.. หัวข้อ.. ยุยงให้สงฆ์แตกแยก

    เมื่อตัวเอง กล่าวสอนที่เก่งกว่าพระพุทธเจ้าออกไป
    ก็มีคนเริ่มศรัทธา เชื่อถือ ยึดมั่น
    แล้วต่างก็กล่าวสอน ต่อ ๆ กันไป เป็นคณะใหญ่

    เกิดเป็นกลุ่ม มีความเห็นแตกต่างกัน แตกแยกกัน ทะเลาะกัน

    นี่.. ข้อที่ 5 ของอนันตริยกรรม

    ข้อนี้ ต่อให้ไม่มีฌาน ไม่มีญาณ ก็รู้ว่า....
    เมื่อเขาตายแล้ว เขาไปที่สุขคติ หรือ ทุกคติ มี "อเวจี" เป็นที่ไป

    ฝ่ายที่ติดสอย ห้อยตาม ตามอนุโมทนาคำสอน จะไปที่ไหนได้
    (อ้อ.. มาสรุปในเรื่อง อนุโมทนาความชั่ว ที่นี่ เอง)

    ครู ตัวเอง ไปที่ไหน บรรดาศิษย์ ผู้ติดตาม อนุโมทนาในคำสอนของครู
    ก็ ต้องตาม ครู ไปติด ๆ

    จะไปไหนกัน ก็ต้องดูว่า ครู นั่นแหละ ว่า เก่งกว่าพระพุทธเจ้า จริงไหม

    พระพุทธเจ้า พระองค์ท่าน ก็อยู่ เพียงแค่ พระนิพพาน

    คนที่เก่งเกิน พระพุทธเจ้า นี่ ก็คงต้องพุ่งสูงไปกว่า พระนิพพาน
    เมื่อพุ่งเหนือ พระนิพพาน ก็คงไม่มีที่จะไปไหน.. ไม่มีที่จะไปไหนได้
    ก็คงต้องล่วง ตกลงมา

    ส่วนที่ว่า.. จะตกไปถึงไหน นี่..
    ก็ต้องเดา กันไปเอง....

    ขอย้ำ คำเดิม ว่า ไม่ได้บอกว่าจะต้องเชื่อถือ ข้อคิดเห็นนี้
    พวกเราพึงคิด พิจารณา กันเอง.. เป็นที่พึ่งของตนเอง

    ...................................................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2007
  16. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    อีกเรื่องหนึ่ง ที่อยากจะพูด
    (ก็พูดไป ซิ.. ไม่ได้มุ่งหวังว่า จะต้องมีใครมาเชื่อถือ)

    เรื่องคนดี.. คนเลว..
    การอนุโมทนาคนดี.... การอนุโมทนา คนเลว..

    คนดี นี่ไม่ต้องพูดถึง เพราะท่าน ดีอยู่แล้ว....
    ก็คงจะพูดถึง เฉพาะในเรื่องเลว ๆ กันหน่อย....

    ตัวผมเองนี้ ก็ยังถือว่า เลว แถมบ้า อีกด้วย
    ตามกระทู้ที่ตั้ง จากลายเซ็นต์ ข้างล่างนี้....

    ไม่ได้เคยคิดว่า จะดีแล้ว..
    ที่บันทึกไว้ ก็เพียงเฉพาะด้านทำบุญ....
    ในด้านเลว ๆ ไม่ได้บันทึกไว้ ยังอาย ๆ อยู่....
    ก็ไม่แน่สักวัน อาจจะบันทึก ไว้บ้าง เก็บไว้เตือนตน....

    ที่จะพูดกัน ในเรื่อง คนเลว ๆ และการโมทนาในคนเลว ๆ

    ก็เพราะว่า ตามที่พระพุทธองค์ ทรงตรัสสอนว่า....
    คนดี ก็คือ คนที่มีหิริ โอตัปปะ เมื่อตายไปก็สามารถเข้าถึงพรหม เทวดา

    และอีกหัวข้อหนึ่งที่ สมเด็จพระประทีปแก้ว ทรงตรัสชี้ชัด ไว้ว่า....
    "..สาธุ รูปานัง กตัญญู กตเวทิตา"
    คนที่มีความกตัญญู รู้คุณคน หาทางตอบแทนผู้มีพระคุณ
    เป็นนิมิตหมายของ คนดี

    แล้ว คนเลว ละ เป็นอย่างไร....
    มันก็ตรงข้ามกัน ก็คือ คนที่ไม่มี หิริ และ โอตัปปะ
    และคนที่มีความอกตัญญู ไม่รู้คุ เนรคุณ นั่นเอง

    เรื่อง ความอกตัญญู นี้ ก็คงไม่ต้องอธิบาย มาก
    มองเห็นได้ง่าย ชัดเจน
    (แต่หากเมื่อ อกุศลกรรม มันบังตา ก็มองไม่เห็น ผงที่เข้าตา ตนเอง)

    ยกตัวอย่าง ที่ชัดเจน....
    1. คน ที่ไม่รู้คุณ บิดา มารดา ไม่เลี้ยงดูตอบ
    2. คน ที่ไม่รำลึกถึงบุญของคนอื่น ที่มีต่อตนเอง
    3. คน ที่อกตัญญู ไม่รู้คุณของครูบา อาจารย์
    ทำตัวตีเสมอ บุคคล ที่ตนเองกล่าวอ้าง ว่าเป็น ครู อาจารย์
    สร้างพลังความศรัทธา ด้วยการล่วงเกินครู อาจารย์ ผู้ที่มีคุณของตนเอง

    เพียงเพื่อให้ตัวเอง เด่น ดัง มีชื่อเสียง เพื่อเกิดลาภ ใน โลกธรรม 8

    คน อย่างนี้ ชื่อได้ว่าเป็น คนเลว
    หากเราอนุโมทนา คนเลว คนที่อกตัญญู คนที่ไม่รู้คุณของผู้มีพระคุณ

    อย่างนี้.. เขาจะไปที่ไหน ๆ
    เราเป็นผู้อนุโมทนา ศรัทธา เชื่อถือ เลื่อมใส
    ก็ต้องพลอยตาม เลื่อนไถล ไปด้วย เช่นกัน

    ที่พูดมาทั้งหมดนี้ ไม่ได้มีเจตนาที่จะเพ่งโทษ ต่อท่านใด ๆ
    ทั้งหมดนี้ เป็นภาพโดยรวมของ คนดี คนเลว (ผมเอง ก็ยังเลว ครับ)

    ก็ฝากไว้ เผื่อว่า จะเป็นอนุสสติสอนใจ ได้ทัน ก่อนที่เภทภัยจะมาถึงตัว

    จริง ๆ แล้ว ก็เป็นไปตามกรรม บุญ และบารมี ของแต่ละคน เช่นกัน
    ก็พูดไปอย่างนั้นเอง.. เพราะ เดาได้อยู่แล้วว่า คงจะไม่มีผลอันใด

    ขอย้ำอีกครั้งว่า.. ไม่ต้องเชื่อถือ.. พึงใช้สติ ใคร่ครวญเอง
    ตนเอง ย่อมเป็นที่พึงอันดี แก่ตนเอง

    ใครที่ไหนเล่าจะเฝ้ารัก และหวังดี เท่าตัวของเราเอง

    ...................................................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2007
  17. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    การอนุโมทนาบุญ คุณความดี
    ความหมาย ตามที่พระเดชพระคุณองค์หลวงพ่อฯ แนะนำไว้ว่า....

    ตามไปมีผลถึง 80-90 % ของเจ้าของบุญ
    ถ้าเจ้าของบุญ มีเกณฑ์ที่จะเข้าถึงซึ่งพระนิพพาน
    เราเป็นผู้ตามอนุโมทนา ก็มีสิทธิ์ ด้วยเช่นกัน

    ...................................................................................

    ทีนี้.. การอนุโมทนาบาป การอนุโมทนาความเลว คนเลว
    ก็อยู่มีสิทธิ์ 80-90 % ของความเลว ของคนเลว เช่นกัน

    ท่านเจ้าของผู้ทรงความเลว คนเลว หากต้องลง อเวจี 1 กัปนรก

    ผู้ที่อนุโมทนาความเลว ยินดี ปฏิบัติตาม คนเลว
    ก็จะได้รับอานิสงส์ 0.8 ถึง 0.9 กัปนรก เช่นกัน

    นานเท่าไร นะ 1 กัปนรก

    สัญชีพนรก เป็นขุมนรก ขุมที่มีระยะเวลา เร็วที่สุด ของนรกขุมต่าง ๆ
    ขุมนี้ 9,000,000 ปี มนุษย์ เท่ากับ 1 วัน ของสัญชีพนรก

    ได้มีโอกาส ลง อเวจี นี่....
    กว่าที่จะพ้นโทษทัณฑ์ ที่ต้องทนร้อนสาหัส อันนานนนนนนนนนน........
    พระผู้มีพระภาคเจ้า ก็ทรงตรัสรู้ ผ่านไปเป็นพันองค์ หมื่นองค์

    ก็เล่าสู่กันฟัง เท่านั้น ไม่ได้บอกให้เชื่อ....
    ใครไม่เชื่อ.. เรื่องนี้ ผมว่า น่าที่จะพิสูจน์ได้....

    เพราะว่า พระพุทธองค์ ทรงตรัสว่า.. หากมีศีลบริสุทธิ์ จะตกนรกไม่ได้
    หากจะพิสูจน์ ว่านรกมีจริงไหม ก็ไม่ต้องรักษาศีล

    จะไปกลัวทำไม หากนิพพานสูญ เทวดาไม่มี นรกไม่มี

    ผมก็ไม่เข้าใจว่า การสอนสั่งอย่างนั้น....
    โลก จะมีความสุขได้อย่างไร....

    ในเมื่อไม่ต้องกลัวนรก ตายแล้วสูญ....
    และจะทำบุญ คุณความดี ไปทำเกลือ อะไร....

    วัดวาอาราม ไปสร้างทำไม ทำให้ติดวัตถุไปอีก....
    คนที่สอนสั่งมาอย่างนี้ ก็แปลกใจที่ว่า....
    ยังจะมีคนไปทำทานกับเขา กันไปทำไมอีก
    ก็เพราะว่า ในเมื่อ ไม่มีอานิสงส์อะไร ตาย มันสูญเปล่า....

    ...................................................................................
     
  18. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ไม่กล้า คลิก เพื่อโมทนา กันแล้ว ซิครับ....

    ลองดูเรื่องที่โมทนากันได้แน่ ๆ ไม่ต้องคิด ไม่ต้องตะขิดตะขวงใจ

    ...................................................................................

    ดูได้ที่....
    http://palungjit.org/showthread.php?t=93690&page=4

    เวลา 10.00 น. ถวายกฐินทาน
    มีรถตู้ จำนวน 1 คัน (1,200,000 บาท)

    รถกระบะ 4 W จำนวน 1 คัน (กว่า 700,000 บาท)
    เป็นบริวารกฐินทาน

    ยอดเงินสด ที่ร่วมในกองกฐิน ในครั้งนี้ กว่า 6,200,000 บาท
    เมื่อรวมมูลค่า ของรถอีก 2 คัน กว่า 1,900,000 บาท

    จึงมียอดกฐินในครั้งนี้ กว่า 8,000,000 บาท

    ขอจงมุทิตา ยินดี

    .....................................................................................<!-- / message --><!-- attachments -->

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ............................................................................................................​
     
  19. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    พระอาจารย์ที่ผมรู้จักรูปหนึ่ง
    ท่านเคยเปรียบผลบุญของการอนุโมทนาบุญ
    ไว้ว่า จะได้บุญกับผู้ลงมือกระทำแค่ประมาณ 10%
    (สมมุติว่าถ้าเทียบเป็น % ได้นะครับ) เท่านั้นเอง
    และผมก็คิดว่า สมเหตุสมผลดี เพราะถ้าได้บุญถึง 80-90%
    อย่างที่ว่าจริงแล้ว ก็ไม่ต้องไปทำบุญกุศลอะไรกันเองแล้วหละครับ

    มารอนั่งอนุโมทนาอย่างเดียว หลายๆกระทู้ หลายๆบุญเข้า ก็เหลือเฟือแล้ว
    จะเอาสวรรค์ชั้นไหนหละ...เลือกได้ด้วยซ้ำไป..กระมัง
     
  20. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    ไม่มีอะไรถูกไปหมดหรอก จะเอาอะไรเป็นที่ตั้งละ แน่ใจหรอว่าทุกอย่างที่คุณ
    เชื่อกันมันถูก 100% อย่าไปยึดมากเลย ปล่อยวาง คำสอนพระพุทธเจ้า
    ก็บอกแล้วว่า จงอย่าเชื่อเรา ให้พิสูจน์ด้วยตัวเอง เห็นด้วยตัวเอง มองเห็นหรือ
    ยังละ ใจของตัวเองหน่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...