อยากบรรลุธรรมเข้ามา

ไม่ต้องเจียรนัยอะไรทั้งนั้น นั่งลงหลับตา หายใจออก หายใจเข้า มีความรู้สึกตัวทั่วพร้อมอยู่กับลมหายใจเท่านั้น ไม่ต้องสงสัยอะไรทั้งนั้น ไม่มีคำตอบใดจะให้ท่านได้ นั่งไปให้ถึงที่สุด ท่านก็จะบรรลุอย่างน้อยโสดาบัน

 

ทำไมไปกล่าว ลดคุณของ อานาปานสติ แบบนั้นหละ

 

555+++ท่านผู้เลิศปัญญา

 

เลิศตรงไหนหว่า หากเห็นคำที่เราขับ จักเห็นว่ามันดับพร้อมคำที่ป่าวร้อง

ก็คำที่เราป่าวร้อง ปราศจากซึ่ง ฐานะอริยะ นั่นก็แปลว่า เสียงป่าวร้องของ
เราดับลงพร้อมกับคำที่เราขับ ปราศจากความรู้ว่า แล้วบรรลุอะไรเป็นอย่าง
น้อย

ก็ไฉนเธอเห็นแล้ว ว่าเรา อ้ำอึ้ง มิอาจะแสดง ฐานะอันเป็นที่สุด

ใยถึงไม่ แสดงออกมาเล่าว่า แท้จริงแล้วควรบรรลุได้ถึงเพียงไหน

ท่านจักแสดงด้วยถ้อยคำจำเดิมที่ถูกป่าวร้องว่าลดพลานิสงค์ หรือจะ
แสดงวาจาเสียใหม่ตามแต่จะเล็งเห็นว่าบรรลุได้อย่างน้อย หรือจะ
น้อมน้อมพระพุทธองค์ อัญเชิญปิฏกอันเป็นสัทธรรมเป็นฏีกาที่สุด

ก็ควรอยู่ มิใช่ รึ


************


ปล. อย่า งง มันเป็นเรื่องของ คนอิน กระทู้ข้างๆ

 

เรากล่าวอย่างน้อยบรรลุโสดาบัน ท่านยังว่าลดค่าลง ท่านผู้รู้คุณค่าในอานาปาน จะไม่เป็นเลิศปัญญาได้อย่างไร

 

ไอ้หย๋า

แค่มีคนกล่าว ย้อนแย้งนิดหน่อย คุณก็ถึงกลับ ยกย่องว่ายอดเยี่ยม

มันไม่ เลื่อนลอยไปหน่อยหรือ

จะไม่ พิสูจน์จริงเท็จเลยหรือไร เอาแค่ว่า หากมีใครมาค้าน คุณก็
ยกหางเขาได้ทันทีว่า เยี่ยม

เออ แปลกดี

 

ตก บันได ขาหัก ตั้งแต่ หัวข้อ เม้นกระทู้แล้ว....

ใคร อยาก...(อยาก ปุ๊บ จบเลย กลิ้งข้าวเม่า))

 

คน ที่จะบรรลุธรรม นั้น เขา ต้องการ ดับทุข์ ไม่ใช่อยาก ดับ...

ความอยาก ดับทุกข์ มี ใน การทำสมถะ..
แต่ความต้องกาดับทุกข์ มีใน สติปัฎฐาน 4....

 

การตามรู้ลม...อย่างที่ จขกท. เอามาเม้น...นั้น...

ไม่ง่าย อย่างที่ว่าแน่ๆ.งแต่ ก็ไม่ยาก....

หาก มัวแต่ นั่งจ้องลม ไปเรื่อยๆง ก็จบ...เพราะ มันจะเพ่งเกินไป...

และ ความเป็นจริงคือ จิต เป็นอนัตตา..หาก จิต ไหลไปตคิด อะไรต่ออะไร..คุณกล้ากล่าวมั้ยว่า กำลัง รู้ลม เข้าออก...มันเผลอ ทุกคน..ไม่มีหรอก ที่จะไม่เผลอ

การ ตามรู้ลม เป็น เหตุ การผูก จิต แต่การ รู้ ว่า จิตไหลไปจากการู้ลม อันนี้สิ เป้นผล..ที่ประเสริฐ...การ ฉุก เ็ห็น จิตไหล ไปจาก การรู้ลม อันนี้ สุดยอด..

เพราะนี่ คือ สติ แท้ๆ..รู้ปุ๊บ ขาด ปั๊บ..ลองด ูสิ

 

เราไม่ได้ยกหางใคร ถูกต้องแล้วที่ท่านว่าเราให้ค่าอานาปานน้อยไป

 

ขบวนการของอานาปาน มีครบทุกอย่างอยู่ตรงนั้น จะรู้ก็ได้ไม่รู้ก็ได้ ยังไงก็สะอาดจนหลุดพ้นได้แน่นอน เราซักผ้าให้สะอาด ไม่ต้องรู้ผงซักฟอกทำจากอะไร เพียงออกแรงซัก ก็ซักผ้าขาวได้เช่นกัน สาธุๆ

 

ถูกได้ไง คุณนี่แปลกจริง ไอ้เราก็คัดค้านส่งเดชไปอย่างนั้น

มันจะถูกได้อย่างไรกัน

ไหนๆ คุณมีอะไรมายืนยันอะเป่า ว่า ถูก ที่ว่า อานิสงค์ของอานาปานสติ
มีได้มากกว่า ที่คุณรู้มาเฉพาะในคราวแรก อย่างผู้รู้จริงใน อานาปานสติ
ว่า บรรลุอย่างน้อย โสดาบัน

ตกลง ปฏิบัติมาจริง รู้จริงในอานาปานสติ มาแบบไหน !?

ถึงได้มาสรุปเอาดื้อๆว่า ไอ้ที่ผมมากล่าวให้ผิดเนี่ยะ ไหงกลับมาถูกได้หละ

 

สัพเพธรรมา อนัตตา จะปรากฏแก่ผู้ปฎิบัติ มีศรัทธา ไม่สงสัย ในคำสอนขอพระองค์ และที่ท่านกล่าวว่าลดค่าอานาปานนั้นถูกต้องแล้วเพราะ อานาปานนั้น ให้ถึงที่สุดแห่งธรรม

 

น้อบน้อม ไม่จริง สังเกตเห็นหรือเปล่า

ไปทำกรรมอะไรมาอะ ธรรมถึงได้ชักสะพาน ถึงปานนั้น

มันยากนักหรือครับ ที่จะ เอา สัทธรรม พุทธวัจนะ อันแท้ มาแสดง

ทำไม ถึง เอามาแสดงไม่ได้หละ

จะดีเหรอ ปล่อยให้ตนถูก ธรรมชักสะพาน เห็นกันโต้งๆ แบบนี้

พิจารณาให้ดีนะ !

 

พระสัทธรรม พุทธวัจนะ อันแท้

อานิสงค์ของอานาปานสติ ยังรอให้ คุณ น้อบน้อมอย่างจริงใจ

นำมาแสดง อยู่นะคร้าบ ......

สู้หน่อย อย่าไป ยอมมันสิคร้าบ จะอายอะไร กับ การนำพุทธวัจนมาแสดง

 

เราเกิดมาเพื่อประจักษ์ความจริง และบอกทางที่สั้นและง่าย แก่ผู้ร่วมทาง

 

โห..........

ขนาด เชิญให้คุณ นำ พุทธวัจนะมาแสดง ถึง อานิสงค์ที่พระพุทธองค์
ตรัสสรรเสริญอานาปานสติ ว่ามีอย่างไร

คุณ ยัง ดื้อแพ่ง เอาลิ้นซุกไว้แทงประตูหลัง อีกหรือครับ

เอาหน่า ...........


กล้าๆ หน่อย ก๊อปปี้ พุทธวัจนะ มาแสดง ไม่ถึงขั้นขาดใจตายหรอก เชื่อดิ

<img src='http://www.bansuanporpeang.com/files/images/user1624/%20117.jpg' width=275>

 

พระพุทธองค์ไม่อยู่ให้เราถามข้อสงสัยแล้ว ข้าพเจ้าจึงใช้ชีวิตการเรียนรู้ประสบการณ์ด้วยตัวเอง จนพบความจริง แล้วนำมาเพียงบอกเท่านั้นและเป็นกานยืนยันว่า อานาปานสติสูตรนั้นสามารถนำพาเราออกจากทุกข์ได้แน่นอน ตามการสะสมมามากน้อย บางคน7วัน 7เดือน 7ปี เพียงแค่ข้าพเจ้ายืนยันในธรรมนี้เท่านั้น เพียงเคล็ดลับอยู่ที่ มีศรัทธา ไม่สงสัย ลงมือปฎิบัติทันทีไม่ถอยถึงที่สุด ก็จะสำเร็จแน่นอน

 

ไม่เอาหน่า ป่านนี้แล้ว ยังจำแลง แฝงในศาสนาอยู่อีก

สัทธรรม ของพระพุทธองค์มีอยู่ ธรรมใดคุณจะมาก๊อปปี้เอาแบบผิวเผิน
แล้วสำคัญว่า รู้เองเห็นเอง ตรัสรู้ได้เอง เพียงแค่ อมไว้ในปากแล้ว
ละเลงให้มลายด้วยมือ มันใช้ไม่ได้หรอก

ไม่ใช่อาการของ ผู้มีความ กตัญญู กตเวที

ตรงกันข้าม มันเป็นอาการ กินบนเรือน ขี้รดบนหลังคา ด้วยซ้ำ

ขนาดให้ อัญเชิญ สัทธรรมมาแสดง แทน ความประมาทในธรรมของตน
ยังไม่ยอมเลย

เนี่ยะ ธรรมมันปิด ไม่ใช่อาการ ธรรมเปิด

อานาปานสติ ที่คุณ เอาไปถือว่ามี เชื่อสิ คุณ ทำผิดแล้วหละ

ถ้าทำถูกนะ จะต้อง อื้ม ขนาดนั้นจริงๆ มันมีรสอานิสงค์ปานนั้นจริงๆ

ไม่ใช่ ด้นเด้าสำคัญเอาเอง แบบโดน สังโยชน์ มันหลอกใช้โต้งๆ แบบนั้น

คนที่ทำอานาปานสติ เห็น คำพูดคุณนิดเดียว ก็รู้แล้วว่า คุณไม่ได้
ทำอานาปานสติมาตามความเป็นจริง

ยังมีเวลานะ

ยังมีโอกาส

ก็แค่ รวบรวมกำลังจิต ยก พุทธวัจนะมาแสดงแทนคำของตน เท่านั้นเอง

รับรองเลย ไม่มีผลเสียอะไรหรอก

 

พี่นิวรณ์......^_^