อยากทราบว่า " การสำเร็จความใคร่ ที่ผู้ชายส่วนใหญ่ทำ " จะผิดศีลหรือป่าว ? จะได้อภิญญา?

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย sususu0505, 20 กันยายน 2005.

  1. สมสฤษติ์

    สมสฤษติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +136
    คือ แต่ก่อนก็ เคยสงสัย เรื่องนี้
    กลัวจะบาปมั่ง กลัวผิดมั่ง เลยพยายามลด -ละ
    แต่พอไม่ทำ ..เมื่อมันถึงช่วงมาเวลานึง มันจะสะสมและต้องการอย่างมาก..เครียด หมกมุ่น
    ตอนหลัง เลยทะยอยปลดปล่อย แบบว่า ก็ช่วยตัวเอง ตามเวลา 2-3 วัน ก็สัดเลย
    เพื่อป้องกันไม่ทันให้เกิดตัณหารุนแรง
    อย่างนี้ ก็โอเคนะครับ รู้สึกดีขึ้น แบบว่าไม่เครียดเกินไป ทะยอยๆๆๆ ปลดปล่อยตัณหา(ซึ่งมันเป็นเรื่องธรรมชาติ...ห้ามไม่ได้)

    ทำแบบนี้ก็ช่วยได้นะครับ......
    ผมว่าความถี่ มันขึ้นกับฮอร์โมน แต่ละคนอ่ะครับ มันช่วยไม่ได้จริงๆ
    แต่อย่างที่บอก ขอแค่ควบคุม มีสติ รู้ว่าเกิด ก็ทำให้มันดับสะ ด้วยวิถีทางที่ถูกต้อง

    พูดง่ายๆว่า...ถึงเวลาอยาก ก็ เหนี่ยวไป
    ไม่เดือดร้อนใคร เสร็จแล้วก็มีความสุข (ปล่อยพลังบวก) สุขแล้วก็ใจสงบ
    แค่นั้น

    อาจจะดูไม่ดีนะครับนะครับ ถ้าจะบอกว่า เคยสำเร็จเสร็จ ก็อาบน้ำ แล้วออกมานั่งสมาธิ
    ก็ไม่เห็นแปลก ช่วยให้สงบดีด้วย เพราะพึ่งปลดปล่อย ตัณหา ราคะไป
    แค่นั้น ครับ
     
  2. สมสฤษติ์

    สมสฤษติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +136

    น้องครับ พี่อุตสาห์ขึ้นประโยคว่าแต่ก่อน หมายถึง ก็ตอบคำถามตามช่วงอายุนั้นๆ
    ถ้ามีคนตั้งกระทู้ถามว่า ถ้า XXX กับแฟน จะผิดศีลมั๊ย ก็จะตอบอีกแบบนึง ครับ
    ปล
    แต่ถึงพี่มีแฟน พี่ก็เหนี่ยวอยู่ดี มันคนละอารมไอ้น้อง
    สรุป จะเหนี่ยวเอง จะxxกะแฟน ตามความเห็นพี่มันคือ เรื่องธรรมชาติมนุษย์ พี่ก็ไม่ได้อยากไปไกล หรือได้อะไรเหนือธรรมชาติหลอกครับ
    พี่ชอบอยู่กะธรรมชาติ เป็นมนุษย์ปกติ ที่สร้างความสุขได้ด้วยตัวเอง
    โดยไม่เดือนร้อนใคร
    สมาธิก็นั่งตามสมควร เอาแค่ให้ใจสบายครับ
    ประมาณนั้น
    เคลียร์นะน้อง แต่ถ้าอยากได้เทคนิคทางโลกเพิ่มเติมก็หลังไมค์ เดี๋ยวพี่สอนให้
     
  3. nuonmxzz

    nuonmxzz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2010
    โพสต์:
    576
    ค่าพลัง:
    +662
    ฮาดีกระทู้นี้ อยากอ่านต่อ
     
  4. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    ทางฝรั่ง--และโยคะก็บอกว่าเสียพลังงานชีวิต แต่ถ้าเกิดจากความอัดอั้นทางธรรมชาติ ก็ต้องมีตัวช่วยบ้าง ทางพุทธศาสนาบอกว่าให้มองแบบอสุภกรรมฐาน ก็จะทำให้ใบหน้า-ราศีสดใสยิ่งครับ พร้อมรับการฝึกชั้นสูง ไม่ใช่เป็นแบบญาณโลกีย์
     
  5. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    อายุ สามสิบ

    หย่า ว่า เเต่ สามสิบ เลยยยยยยยยยยย---ที่ อ่าน ๆ ตา เเป๋ว กันอยู่ บาง สถานี เกิน ห้าสิบ ไปไกล เเล้ว ก็มี อิ อิ อิ
     
  6. ชุนชิว

    ชุนชิว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +780
    สำหรับผม เห็นว่า ถ้าหากเป็นคนธรรมดา ถ้ายังไม่ล่วงกุศลกรรมบถ 10 ก็ยังไม่บาปหรือบาปน้อยก็ว่าได้ อีกอย่างถ้าฆ่าเสปิร์มแล้วบาป ฆ่าเชื้อโรค แบคทีเรีย ก็บาปด้วย ก็ไม่ต้องอาบน้ำกันพอดี ไม่ต้องรักษาโรค ไม่ต้องปรุงอาหาร ไม่ต้องพูดเพราะเป็นการปล่อยเชื้อโรคให้ไปติดคนอื่น นั่งอยู่เฉยๆนี่ ร่างกายเราก็คงฆ่าเชื้อโรคไปหลายแล้วคงจะบาปแย่เลย สรุปว่าถ้ากลัวบาปก็ไม่ต้องทำอะไรกันพอดี การละอายหรือเกรงกลัวต่อบาปเป็นคุณธรรมของเทวดาเขานะครับ คือหิริโอตัปปะ แต่ต้องคิดให้ถูกด้วย ว่าสัตว์ประเภทใดมีจิต มีวิญญาณ อย่าให้มันเกินไปเลยครับ

    กรรมบถ 10 ประการ มีดังนี้


    1. กายกรรม ทำทางกาย 3 ประการ



    1. ไม่ฆ่าสัตว์ด้วยตนเอง ไม่ยุให้คนอื่นฆ่า และไม่ยินดีเมื่อคนอื่นฆ่าสัตว์แล้ว
    2. ไม่ถือเอาทรัพย์สินของผู้อื่น โดยที่เจ้าของไม่อนุญาตด้วยตนเอง ไม่ยุยงให้คนอื่นถือเอา และไม่ยินดีเมื่อคนอื่นถือเอาของเขาแล้ว
    3. ไม่ละเมิดกามารมณ์ในบุตร ภรรยา สามี ของผู้อื่น ไม่ยุให้คนอื่นละเมิด และไม่ยินดีเมื่อคนอื่นละเมิดแล้ว


    ทั้ง 3 ประการนี้ เป็นการปฏิบัติทางกาย ให้ละเว้นโดยเด็ดขาด


    2. วจีกรรม กล่าวทางวาจา 4 ประการ


    1. ไม่พูดจาที่ไม่มีความจริง
    2. ไม่พูดวาจาหยาบ ให้เป็นที่สะเทือนใจของผู้รับฟัง
    3. ไม่พูดวาจาส่อเสียด ยุยงให้ผู้อื่นแตกร้าวกัน หรือไม่นินทาคนอื่น
    4. ไม่พูดวาจาที่ไม่มีประโยชน์ คือวาจาใดที่พูดไปไร้ประโยชน์จะไม่พูดวาจานั้น


    ทั้ง 4 ประการนี้ จะไม่พูดเองด้วย ไม่ยุยงให้คนอื่นพูดด้วย และไม่ยินดีเมื่อคนอื่นพูดแล้วด้วย


    3. มโนกรรม คือ การคิดทางใจ 3 ประการ


    1. ไม่คิดอยากได้ทรัพย์สินของผู้อื่น โดยที่เจ้าของไม่อนุญาตให้ด้วยความเต็มใจ คือ ไม่คิดลักขโมย ยื้อแย่ง คดโกง เป็นต้น
    2. ไม่คิดจองล้าง จองผลาญ จองเวร จองกรรม ผู้ใด คือ ไม่คิดประทุษร้ายผู้อื่นในทุกๆ กรณีนั่นเอง
    3. มีความเห็นตรงต่อคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่มีอารมณ์คัดค้านคำสอนของพระองค์ และปฏิบัติตามจนมีผลตามที่ต้องการ


    ความรู้สึกนึกคิดทางใจ 3 ประการนี้ ไม่คิดเองด้วย ไม่ยุให้ผู้อื่นคิดด้วย และไม่ยินดีเมื่อมีผู้อื่นคิดแล้ว
     

แชร์หน้านี้

Loading...