หัวใจของพระพุทธศาสนา.... ความแตกต่างกับศาสนาอื่น ๆ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย มหาหินทร์, 4 ธันวาคม 2005.

  1. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,729
    ค่าพลัง:
    +3,243
    ผมก็ไม่มีความรู้เรื่องศาสนาอื่นเท่าไหร่
    เลยไม่รู้จะเปรียบเทียบอย่างไร

    แต่ที่ชัดๆศาสนาพุทธเปิดโอกาสให้สงสัย และ ค้นคว้ามากกว่า
    เป็นชาวพุทธยังมีโอกาส ได้ลังเลสงสัยว่าศาสนาที่ตนนับถือดีจริงมั้ย
    ยังมีโอกาสได้ทดลองละเมิดศีล
    และมีโอกาศได้ลองคิดดูว่า จริงหรือไม่ ที่ทุกคนไม่พ้นจากความตาย

    ยังไงก็อยู่ไม่เกิน 100 ปี อาจมีวันพรุ่งนี้
    จริงๆแล้วเราอาจจะตายตั้งแต่เมื่อวาน หรือไม่ก็ตายตั้งแต่อยู่ในครรถ์

    มีโอกาสให้ทุกท่าน ในพระพุทธศาสนา จะเดินจากไป หรือ กลับมาเมื่อไหร่ก็ไม่มีใครว่า
     
  2. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ...................................................................................

    ครับ.. ดีครับ....

    แต่ที่บอกว่า....
    "..ยังมีโอกาสได้ทดลอง ละเมิด ศีล" นี่....

    เอ.. ตัวผมเอง ก็ว่า.. ไม่น่าเกิดความอยากทดลอง เลยครับ....

    ..................................................................................

    นรก ขุมที่เร็วที่สุด.. หากจำไม่ผิด จะชื่อว่า "สัญชีพนรก" (ไม่อยากจะจำชื่อ เลย)
    หมายความว่า.. เป็นขุมที่เมื่อพลาดลงไปแล้ว ขุม นี้ อายุความ สั้นที่สุด
    เมื่อเปรียบเทียบกับนรกขุมอื่น ๆ

    อายุการลงโทษของนรกในแต่ละขุม อย่างน้อย 1,000 ปีนรก
    เมื่อเปรียบเทียบกับห้วงเวลาของ โลกมนุษย์ ก็คือ....

    จำนวน 9,000,000 ปีมนุษย์ เท่ากับ เวลา 1 วัน ของสัญญชีพนรก

    เรียกว่า เร็วที่สุดในบรรดาขุมต่าง ๆ
    (ขนาดว่าเร็วนี้ ก็ลองคูณดูว่า 1,000 ปีนรก จะนานเพียงใด)

    และการรับโทษในนรก ก็ไม่ใช่ว่าจะได้ลงเพียงขุมเดียว นะครับ
    (แหม.. ไปทั้งที ไปอยู่ขุมเดียว ก็จะขาดทุน)

    เมื่อพ้นจาก ขุมใหญ ต้องลงขุมบริวาร อีก 4 ขุม และขุมแยกโทษ เฉพาะโทษ
    อีกต่างหาก เมื่อพ้นจากสัตว์นรก ต้องมาเป็นเปรต นับเป็นกัป....
    ต้องเป็นอสุกาย อีกนาน.. มาเป็นสัตว์เดรัจฉาน อีกอย่างน้อย 500 ชาติ

    จึงจะค่อยสามารถมาเกิดเป็น คน หรือ สุขคติ ได้....

    หุ.. หุ.. ไม่น่าทดลอง.. ไม่พึงทดลอง....
    แต่จะบอกให้ทุกคน ว่า ควรจะเชื่อ....
    ก็ยาก อยู่ดี....

    เป็นไปตามกรรม ครับ.

    ..................................................................................
     
  3. สามหมอก

    สามหมอก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +139
    หัวใจของพุทธศาสนา ที่ตนเองพอเข้าใจคือ การทำความดี ละความชั่ว และ ทำจิตใจให้ผ่องใส และเริ่มปฎิบัติการรักษาศีล 5 ข้อ ให้ทรงอยู่ได้เป็นแบบปกติ เริ่มต้นข้อใดข้อหนึ่งก่อนก็ได้ และพยามยามรักษาให้ครบได้ทั้ง 5 ข้อ และเพิ่มพรหมวิหาร 4 จารณะ 15 อริยสัจ 4 พร้อมๆกับการเริ่มฝึกการนั่งสมาธิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 สิงหาคม 2007
  4. dearestguardian

    dearestguardian เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    306
    ค่าพลัง:
    +1,418
    ข้าพเจ้าฟังเทศน์มาหลวงพ่อฤๅษี ท่านมักย้ำว่า ศีล สมาธิ ปัญญา คือหัวใจ
    องค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดา ทรงย้ำว่าบุคคลจะล่วงทุุกข์ได้ด้วย
    ศีล สมาธิ ปัญญา

    สีเลนะสุคะติง ยันติ สีเลนะโภคะสัมปะทา ศีลเป็นปัจจัยนำความสุขมาให้ อย่างต่ำที่สุด อานิสงส์แห่งศีลก็จะทำให้เราไม่เกิดในอบาย
    สมาธิ เป็นปัจจัยให้เราพบความสุขสงบ เป็นปัจจัยนำให้เกิดในภพภูมที่ดี คือเทวโลก พรหมโลก
    ปัญญา คือพินิจพิจารณาเห็นความจริงว่า ขัณฑ์ 5 เป็นทุกข ไม่เป็นที่พึงปรารถนา เทวโลก พรหมโลก มนุษย์โลก อบาย เป็นทุกข์ไ่ม่
    สุขแท้ปรารถนาอย่ายิ่ง คือพระนิพพาน
    เมื่อคิดดังนี้ก็ทรงศีลให้บริสุทธ์ ทรงสมาธิตั้งมั่น สลับกับการพิจารณาทุกข์และความเป็นจริงแห่งขัณฑ์ 5 จนเสร็จกิจ สู่พระนิพพาน
     
  5. iofeast

    iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    4,199
    ค่าพลัง:
    +7,815
    โลกุตระธรรม และส่วนที่เป็นแนวทางสู่โลกุตระธรรม พระธรรมที่พ้นจากทุกข์ทั้งหลายในโลกนี้ แม้จะขยายไปถึง 84000 พระธรรมขันธ์ ก็ตาม ก็ย่อลงมาที่ สัมมาทิฎฐิ อริยสัจ 4 หรือ มัชฌิมาปฎิปทา (มรรค 8 ) จึงชื่อว่าเป็นพระพุทธธรรมหรือ โลกุตระธรรมอย่างแท้จริง

    เมื่อมีพระพุทธเจ้า มีพระพุทธศาสนาเกิดขึ้นจึงมี โลกุตระธรรมเกิดขึ้นได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 สิงหาคม 2007
  6. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    สาธุ..
    สาธุ..
    สาธุ..

    ขอน้อมโมทนากับสัมมาทิฐิของทุก ๆ ท่าน....

    ความสำคัญ มันอยู่ที่ต้อง "ปฏิบัติ" นี่แหละครับ....
    ฟัง.. อ่าน.. คิด.. ใคร่ครวญ.. ยอมรับ.. ปฏบัติตามสัมมาทิฐิ....

    เมื่อปฏิบัติจนก้าวเข้าถึงจุดที่ยิ่งละเอียดขึ้น ๆ ๆ ๆ ไปเรื่อย ๆ
    จิตก็จะน้อมยอมรับในกฏแห่งกรรม....

    ทุกสิ่ง ทุกอย่าง ก็เพียง.. "ช่างมัน" ตามที่ องค์หลวงพ่อฯ แนะนำ....

    นี้คือ แนวปฏิบัติ ที่ใช้ "ปัญญา" ใคร่ครวญ ให้ยอมรับในกฏแห่งกรรม นั่นเอง

    "ช่างมัน" ก็ใช่ว่า จะช่างกันได้ง่าย ๆ เหมือนกัน....
    หากเมื่อปฏิบัติ จนกระทั่ง ช่างได้.. วางได้..ในกองทุกข์ ในกองสังขาร....

    ก็ก้าวเข้าแนวทาง พระนิพพาน นั้นแล

    ...................................................................................
     
  7. eddy1965

    eddy1965 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    369
    ค่าพลัง:
    +475
    คุณ kittitpx คุณรู้ได้อย่างไรว่า ศาสนาอื่นเขาไม่สอนเรื่องเหล่านี้ เช่น สัจจธรรม ทำดีได้ ทำชั่วได้ชั่ว กฎแห่งกรรม การหลุดพ้น การคิดไตร่ตรองพิจารณาที่เรียกว่ากระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ (System Thinking) หรือจะให้แยบยลอย่างโยนิโสมนสิการ เขาก็มีการทำกันมานานแล้วในกาลโบราณแล้ว องค์พระศาสดาท่านเองก็ไม่ให้เรายึดติดในสิ่งเหล่านี้ ไม่ต้องการให้เปรียบเทียบ หรือแม้แต่ข่มศาสนาอื่นให้เศร้าหมอง ศาสนาที่ต้องแบ่งแยกและเสื่อมลงก็เพราะคนพวกนี้แหละ หากท่านมองทุกอย่างเป็นกลาง ด้วยจิตประเสริฐที่ไม่มีการแบ่งแยก ท่านจะมองศาสนาและสัจจธรรมได้อย่างทะลุปรุโปร่ง แต่ก็ต้องใช้ความเพียรหน่อยละ เพราะความเป็นกลางนั่นเป็นปัญญารู้แจ้งอย่างหนึ่งที่ยากมากทีเดียว หากทำได้ท่านจะเป็นดั่งพระจันทร์ที่โด่ดเด่นอยู่ในหมู่ดาวเลยทีเดียวเลยละ
     
  8. เทพบุตร

    เทพบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +114
    ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาที่ว่าด้วยหลักเหตุและผลอย่างแท้จริง มิได้นำผู้คนไปสู่ความหลงงมงาย หรืออ้อนวอนร้องขอต่อเทพเจ้า เมื่ออยากมีทรัพย์ เราก็ต้องขยันทำงานดังนี้เป็นต้น
    หัวใจของพระพุทธศาสนา หากหมายถึงแก่นแท้ของพระศาสนา ต้องหมายถึง "พระนิพพาน" เท่านั้น การเกิดเป็นทุกข์ การเกิดอยู่ร่ำไปเป็นทุกข์ ปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้นก็เป็นทุกข์ ได้ลาภเสื่อมลาภ ได้ยสเสื่อมยส พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ "อริยสัจ4" ทรงตรัสรู้ทกข์และเหตุที่เกิดแห่งทุกข์ ทรงรู้ความดับไปแห่งทุกข์ และวิธีการปฏิบัติให้ถึงความดับแห่งทุกข์ เมื่อความดับทั้งปวงบังเกิดขึ้นแล้ว จึงเห็น "พระนิพพาน"
    ี้
     
  9. eddy1965

    eddy1965 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    369
    ค่าพลัง:
    +475
    คุณเทพบุตร ผมมีเรื่องชี้แนะให้คุณศึกษาการบรรลุธรรมของเถรวาท หรือโพธิปักขิยธรรม ให้ลึกซึ้งและเจนจบกระบวนการปฏิบัติและปฏิเวช แล้วคุณจะเข้าใจอะไรได้อีกเยอะ ที่สำคัญต้องมีใจเป็นกลาง ไม่ยกศาสนาตนให้เหนือกว่าศาสนาอื่น เพราะทุกศาสนาย่อมมีหนทางไปที่จุดหมายเดียวกัน ให้คิดเสียว่าหนึ่งคนหนึ่งศาสนา หนึ่งคนหนึ่งหนทางไป ภายใต้สุขคือทุกข์ ภายใต้ทุกข์คือธรรม ภายใต้ธรรมคือธรรมดา ภายใต้ธรรมดาคือธรรมชาติ แล้วจิตของท่านจะเป็นจิตเอกภพที่ไม่แบ่งแยก หากจิตของเราได้เข้าถึงธรรมชาติอย่างแท้จริง บางครั้งใบไม้หนึ่งกำมือเดียวของพระพุทธองค์ท่านอาจไม่เพียงพอสำหรับผู้แสวงหาปัญญาใหม่ เปรียบเหมือนเราเรียนหนังสือ เราก็มีครูบาอาจารย์หลายคนเช่นกัน ลองศึกษาศาสนาอื่นๆ ดูบ้างก็ได้ สำหรับ พระนิพพาน ที่ท่านกล่าวมันอยู่ไกลหรอก แค่เพียงปลายจมูกท่านเท่านั้นแหละ เพราะเป็นได้ทั้งสภาวะและลักษณะที่ขึ้นอยู่กับปัจเจกบุคคลครับ
     
  10. เทพบุตร

    เทพบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +114
    ผมต้องขออภัยต่อคุณ "eddy1965" และทุกท่านด้วยครับ หากข้อความที่ผมได้โพสลงไป ตีความหมาย หรือพาดพิงไปถึงศาสนาอื่นในแง่ลบครับ
     
  11. eddy1965

    eddy1965 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    369
    ค่าพลัง:
    +475
    คุณเทพบุตร ผมเองก็ต้องขอโทษด้วยครับ ที่มองเจตนารมณ์ของคุณผิดไป ไม่ถือโทษโกธรกันนะครับ
     
  12. eddy1965

    eddy1965 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    369
    ค่าพลัง:
    +475
    คุณมหาหิน จะโยนหินถามทางไปใย ในเมื่อคุณเองก็เข้าใจรู้แจ้งดีอยู่แล้ว ผมเองก็ไม่ได้อ่านมาตั้งแต่ต้น ก็เลยตอบประเด็นนี้เฉพาะบางคน ที่ถูกที่ควรจะต้องตอบคุณโดยตรง สาระที่แท้จริงของคุณต้องการอะไรกันแน่ จะสร้างเรคติ้งหรืออย่างไร คำถามชี้นำแบบนี้ควรสร้างสรรค์กว่านี้หน่อย ทำยังกับจะร่ายมนตรา เห็นแล้วก็อนาถจริงๆ
     
  13. ahantharik

    ahantharik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,596
    ค่าพลัง:
    +6,346
    <TABLE class=tborder id=post161095 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"><!-- status icon and date -->[​IMG] 09-12-2005, 07:27 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#6 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>paang<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_161095", true); </SCRIPT>
    ฐานข้อมูลทางพุทธ (แป้ง)
    สมาชิกยอดฮิต

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 12:11 PM
    วันที่สมัคร: Apr 2005
    ข้อความ: 8,382 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 21,024 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 26,398 ครั้ง ใน 4,635 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 3860 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_161095 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ขออนุญาติหยิบยกหลักพุทธศาสนามาให้พิจารณากันนะคะ

    การกระทำด้วยความเพียรของตนเอง เป็นหลักสำคัญที่ควรปฏิบัติ ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีทางได้มาโดยที่เราไม่ลงมือทำ ต้องการให้บ้านเราสะอาด แต่ถ้าเราไม่ลงมือทำความ สะอาด ก็ไม่มีทางที่บ้านจะสะอาดไปได้ ต้องการให้ได้ผลผลิตทางการเกษตรดี ก็ต้องมั่นดูแล บำรุงรักษา และก็ควรทำด้วยความพากเพียรหรือวิริยะ คือ ทำให้สม่ำเสมอตลอดไป และก็เหมือนกัน นักเรียน นักศึกษา ทั้งหลาย ที่ต้องการสอบเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่ตนต้องการให้ได้ แต่ไม่อ่านหนังสือ ไม่ทำความเข้าใจในวิชานั้นๆ แล้วคิดหรือว่าจะสามารถสอบได้ดังที่ปรารถนา ก็คอยแต่จะให้ผู้อื่นช่วยอยู่ล่ำไป ใช้เส้นสายบ้าง หรือแม้กระทั้งการทุจริตก็สามารถทำได้ โดยที่ไม่มีความรู้สึกละอายใดๆเลย และส่วนใหญ่หรือเกือบจะทั้งหมด ต้องมีการบน ขอกับสิ่งที่เขาเชื่อว่าสามารถช่วยได้ หรือที่เขาเรียกกันว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เราต้องเชื่อหลักกรรม (การกระทำ) เมื่อกรรมดีผลกรรมก็ย่อมดี ไม่มีทางนอกเหนือไปจากนี้ได้ เราทำดีก็ดีอยู่แล้ว ในการกระทำ ทำชั่วก็ชั่วอยู่แล้วในการกระทำ เราไม่ต้องคิดถึงผลกรรมว่าจะเป็นอย่างไร เพราะทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเป็นไปตามปัจจัย เราทำดีผลย่อมดี ทำชั่วผลย่อมชั่วหรือไม่ดี ตามเหตุที่ทำ หรือ เรียกว่าอิทัปปัจจยตา ถ้ายังไม่รู้จักกันก็ขอให้ไปหาศึกษาดู จะยังไม่ขอกล่าวในตอนนี้ น้อยนักที่จะมีคนที่ยึดมั่นในการกระทำของตนเอง เพื่อนำไปสู่ การพัฒนาตนเองให้สูงยิ่งๆขึ้น

    หลักการพัฒนาตามหลักไตรสิกขาก็เป็นหลักสำคัญของพุทธศาสนาอีกหลักหนึ่ง เราต้องพัฒนาตนเองให้ดียิ่งๆขึ้น อย่าให้ย่ำอยู่กับที่ เกิดมาทั้งทีไม่มีการพัฒนา ย่ำอยู่กับที่ ตลอดตั้งแต่เกิดจนตาย อย่างนี้ก็ไม่ไหว ชีวิตก็ไร้ค่า เกิดมาเป็นมนุษย์ใช่ว่าจะเป็นสัตว์ประเสริฐ โดยทันทีตามที่เข้าใจกัน แต่มนุษย์ประเสริฐได้ด้วยการฝึกผนพัฒนาตนเอง ถ้าไม่ฝึก หาประเสริฐไม่ ดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า ทนฺโต เสฏโฐ มนุสฺเสสุ ในหมู่มนุษย์ ผู้ประเสริฐสุดคือ ผู้ฝึกตนดีแล้ว

    มนุษย์ถ้าไม่ฝึกฝนพัฒนาตนเอง ก็สู้สัตว์บางชนิดยังไม่ได้ ดูตอนแรกเกิด มนุษย์เกิดมา ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ ต้องอาศัยพ่อแม่ค่อยดูแลเป็นเวลาหลายปี กว่าจะสามารถช่วยตัวเอง หรือดำรงชีพอยู่ได้ด้วยตัวเอง บางคน ๒๐ ปียังช่วยตัวเองไม่ได้เลย แต่สัตว์เกิดมาใช้เวลา เพียงชั่วครู่ ก็สามารถเดินตามพ่อแม่ไปไหนต่อไหนได้แล้ว เช่น ม้า วัว ควาย ฯลฯ หรือลูกเป็ด เกิดมาเดี๋ยวเดียว พอแม่มันลงน้ำ มันก็วิ่งตามแม่ลงน้ำได้ ถ้าเป็นมนุษย์ล่ะก็ตาย สถานเดียว

    แต่เมื่อมนุษย์มีการฝึกฝนพัฒนาตนแล้ว สัตว์ทั้งหลายหรือแม้แต่ เทวดา พรหม ก็สู้ไม่ได้ มนุษย์สามารถพัฒนาตนให้เป็นเลิศทางปัญญา หรือแม้กระทั้งการพัฒนา หรือประดิษฐ์สิ่งต่างๆมาใช้ได้ ดูอย่างเทคโนโลยีต่างๆ สุดที่สัตว์อื่นๆ จะสามารถทำได้ เพราะสัตว์นั้นอยู่ได้ด้วยสัญชาตญาณ ไม่สามารถฝึกฝนตนเองได้ จะมีบ้างบางชนิดที่ฝึกได้ แต่ก็ต้องอาศัยมนุษย์ฝึกให้ เช่น ช้าง ลิง นก ฯลฯ แต่ก็สามารถฝึกได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่เหมือนมนุษย์ สามารถฝึกฝนพัฒนาตนเองได้อย่างไม่มีขีดจำกัด

    หลักความไม่ประมาท "วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เราทำอะไรอยู่" วันเวลาที่ผ่านไป อย่าให้ผ่านไปเปล่า วันหนึ่งๆไม่มากก็น้อยควรได้อะไรบ้าง ที่เป็นประโยชน์แก่ตนเองและ แก่ผู้อื่น เกิดมาทั้งทีไม่สร้างประโยชน์ ไม่สร้างคุณงามความดี ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่นเลย ก็เสียชาติเกิด เรียกว่าชีวิตที่ไร้คุณค่า แม้ผู้นั้นจะมีอายุตั้ง ๑๐๐ ปีก็ตาม ก็สู้ผู้มี อายุเพียงวันเดียว แต่ทำประโยชน์อย่างที่สุดไม่ได้ ฉะนั้นเราควรไม่ประมาทกับเวลาที่ผ่านไป ควรทำเวลาให้มีประโยชน์อย่างที่สุด ด้วยการทำลายกิเลสของตนเอง ให้เบาบางลงไปที่ละเล็ก ทีละน้อย เมื่อทำเช่นนี้ ผู้อื่นก็ได้รับประโยชน์ด้วย เช่น เราลดความตะหนี่ลง เราก็มีการให้ เพิ่มขึ้น ผู้อื่นก็ได้รับประโยชน์จากของที่เราให้ เราไม่คิดเบียดเบียนผู้อื่น ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ผู้อื่นก็ได้รับประโยชน์ เพราะไม่ถูกเบียดเบียน ถ้าได้ฝึกตนอยู่อย่างนี้ แม้รู้ว่าจะต้องตายในวันพรุ่งนี้ ก็ไม่รู้สึกกลัว ไม่รู้สึกเสียดายเวลา เพราะเราได้ทำประโยชน์ อย่างที่สุดแก่เวลาที่ผ่านไปแล้ว แม้จะต้องตายก็ขอตายอยู่ด้วยการฝึกอบรมจิต การตายมันก็เป็น "เช่นนั้นเอง" (ตถาตา) จึงขอให้เราทุกคนดำรงตนอยู่ในความไม่ประมาท ดังที่พระผู้มี พระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ก่อนเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานว่า "ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เราจักเตือนพวกเธอ ทั้งหลายว่า สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็น ธรรมดา. พวกเธอทั้งหลาย จงยังประโยชน์ ตนและท่าน ให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ ประมาทเถิด ดังนี้. นี่เป็นวาจาครั้งสุดท้ายของ ตถาคต."

    หลักการพึ่งตนเอง พึ่งอะไรก็ไม่ดีเท่าการพึ่งตนเอง คนส่วนมากหรือเกือบจะทั้งหมด ไม่มีความเชื่อมั่นในตนเอง จะทำอะไรทีก็ต้องเที่ยวบนบาน อ้อนวอน กับสิ่งที่ทึกทักเอาเองว่า ศักดิ์สิทธิ์ ให้ช่วยทำให้สำเร็จด้วย ถ้าสำเร็จจะมีของมาตอบแทน ก็เหมือนกับติดสินบน นั่นแหละ บางคนมีความรู้สึกว่ารับไม่ได้กับการไม่ยอมรับของผู้อื่น(มีปัญญา) ก็เลยบอกว่า "ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่" ก็ควรบอกเขาไปว่าไม่ได้ลบหลู่แต่อย่างใด แต่หลักของพระพุทธศาสนานั้น ไม่ได้ให้ความสนใจหรือให้ความสำคัญเลยว่าสิ่งศักดิ์จะมีหรือไม่มี เพราะไม่คิดหวังพึ่งอยู่แล้ว

    ถ้าเชื่อกันว่ามีจริงๆ ก็อยากจะให้คิดพิจารณาเรียนรู้ ด้วยว่าถ้ามีจริงแล้วช่วยอะไร เราได้บ้าง มีสักครั้งหนึ่งไหมที่ช่วยทำในสิ่งที่เราต้องการ ให้เป็นผลสำเร็จได้ โดยที่เราไม่ต้อง ออกแรงทำเองเลย

    คนดีจะพยายามช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ก็เหมือนกัน ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงและดีจริง ก็เป็นที่แน่นอนว่า โดยคุณธรรมแล้วจะต้องช่วยเรา โดยไม่ต้องรอให้เราอ้อนวอน หรือติด สินบนเลย ถ้าเราหวังแต่จะให้ผู้อื่นช่วยอยู่ล่ำไปแล้ว ตัวเราเองจะมีค่าอะไรกับความ สำเร็จนั้นๆ จะทำอะไรเองก็ไม่ได้เลย ไม่มีความเข้มแข็ง ไม่มีความกล้าหาญพอที่จะทำเองได้ เป็นคนใจเสาะเปราะบาง แล้วจะดำรงชีพอยู่ด้วยตัวเองอย่างไรได้ ไม่มีทางที่ใครๆจะให้เราพึ่งได้ ตลอดไป ฉะนั้นขอให้ฝึกฝนการกระทำด้วยตัวเอง เชื่อมั่นตัวเอง ว่าสามารถทำสิ่งต่างๆได้ เชื่อมั่นในคุณธรรมของตัวเอง ถ้าเรามีคุณธรรมจริง ใครๆก็เชิดชูบูชา ยินดีให้การช่วยเหลือ โดยที่เราไม่ต้องปริปากขอเลย


    สรุปหลักพุทธศาสนาที่กล่าวมา คือ หลักการกระทำด้วยความเพียร หลักการพัฒนา ตนตามหลักไตรสิกขา หลักความไม่ประมาท และหลักการพึ่งตนเอง

    แล้วมาลองพิจารณากันดูอีกทีว่าหัวใจของพระพุทธศาสนาคืออะไรกันแน่??

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ศาสนาพุทธสอนให้รู้จัก กรรม (คือการกระทำของตน) สอนให้รู้จักสัจธรรม ว่ามีเกิดและก็มีดับ ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกมีตรงกันข้าม สอนให้รู้จักวิธีประหารกิเลสตนเอง พ้นทุกข์เพื่อเข้าสู้นิพาน (kiss)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ธันวาคม 2007
  14. พระไตรภพ

    พระไตรภพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,067
    ค่าพลัง:
    +7,521
    การทำความดีในศาสนาพุทธนั้นท่านให้ทำเพื่อความปล่อยละวางไม่ให้ยึดติด ทำดีจนเราดีด้วยหัวใจ เมื่อดีด้วยหัวใจจะไม่มีใครต่ำต้อยกว่าใครในสายตา จะไม่แบ่งแยกศาสนา จะไม่ได้ทำดีเพื่อใครหรือเพื่ออะไร แต่จะทำดีเพราะหัวใจเรานั้นดีแท้ ดีแบบนี้ไม่มีวันจะเสื่อมหายไปดีติดใจ ต่างจากการทำความดีของบางกลุ่มที่ยังมีการแนะนำให้ทำดีเพื่อใครบางคนหรือเพื่ออะไรบางอย่าง ยังยึดติด ยังอ้อนวอนวิงวอนขอ ยังต้องมีที่อิงอาศัยมีผู้คอยปลอบประโลม จึงจะทำดี และอ้างว่าต้องทำดีอย่างนั้นอย่างนี้ ต้องเข้ารีดของกลุ่มของเขาจึงจะได้ไปสู่ชีวิตนิรันดร์ หากใครไม่เชื่อไม่ทำตามก็ไม่มีทางไปสู่ชีวิตนิรันดรได้ ซึ่งการทำความดีดังกล่าวนั้นยังไม่ได้ดีแท้ ที่ดีมาจากใจ เรามาคิดกันดูนะว่า หากเราดีเพราะว่าหัวใจดี เราจะหวั่นไหวไหมเมื่อมีใครมาดุด่า และหากว่าเราทำดีเพราะเพื่อใครหรือเพราะเพื่อสิ่งอื่นๆแล้ว มีคนมาดูถูกเหยียดหยามเรา เราจะหวั่นไหวไหม หากคุณธรรมเกิดแล้วใจประกอบด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เรายังจะคิดเรื่อง ชนชั้นวรรณะ หรือ เรื่องของศาสนาอยู่อีกหรือไม่ กระบวนการหรือวิธีการต่างๆที่ช่วยฟอกใจให้ขาวสะอาดของศาสนาพุทธทำเพื่อปลูกสร้างคุณธรรมเหล่านี้ จนถึงที่สุด คือนิพพาน ปล่อยว่าง ไม่หวังสิ่งใดๆแม้คำขอบคุณ จากผู้อื่น พุทธศาสนาที่แท้นั้นสอนให้คนรู้จักคุณค่าของตนเอง และคุณค่าของผู้อื่นไม่ดูถูกเหยียดหยามกัน จะดีหรือชั่วอยู่ที่ตัวทำ จะไปสู่สุขติ หรือทุกขติ ก็อยู่ที่การกระทำของตัว หาใช่เพราะใครสั่งหรือเพราะอำนาจของผู้อื่นไม่ แม้ในโลกใบนี้ไม่มีคนดีหลงเหลืออยู่เลย ไม่มีผู้กล่าวธรรมหลงเหลืออยู่เลย แต่ถ้าเราทำดีและรู้คุณรู้โทษอย่างถูกต้องแล้ว เราก็พ้นทุกข์ได้ เมื่อจิตใจดีมีคุณธรรมแล้ว ขณะที่จะช่วยเหลือใครสักคนเราจะต้องถามด้วยหรือว่า คนผู้นั้นนับถือศาสนาอะไร เมื่อจิตดีใจดีมีคุณธรรมแล้ว ย่อมมองเห็นว่า ทุกผู้ทุกคน สิ่งมีชีวิตมีหัวใจทุกตัวตนนั้นคือเพื่อนร่วม เกิด ร่วมแก่ ร่วมเจ็บ ร่วมตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น มิได้แตกต่างกันเลย สาธุ สาธุ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ธันวาคม 2007
  15. khuntun

    khuntun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2007
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +324
    ขออนุโมทนาบุญกับข้มความที่ดีๆของหลายๆท่านด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  16. พระไตรภพ

    พระไตรภพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,067
    ค่าพลัง:
    +7,521
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ธันวาคม 2007
  17. ราศีสิงห์

    ราศีสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    815
    ค่าพลัง:
    +2,118
    ชีวิตทุกชีวิตเกิดมาจากโครนตม ศาสนาทุกศาสนาเปรียบเสมือนบ่อนําที่ช่วยขัดเกลาชำระร่างกายและจิตใจให้สะอาดปราศจากสิ่งสกปรกทั้งปวงกระนั้นมันขึ้นอยู่กับจิตใจและจิตสำนึกของแต่ละคนว่าจะเข้าใจในศาสนานั้น ๆ อย่างไร จะหมดทุกข์ หมดกิเลส หมดซึ่งตัณหาอย่างไร ศาสนาทุกศาสนานั้นมีแนวทางปฏิบัติอยู่แล้วตามที่ศาสดานั้นๆได้กำหนดกฎเกณฑ์เอาไว้ทำดีได้ดีทำชั่วก็ได้ชั่วครับ สาธุโมทนากับทุกท่านครับๆๆๆๆ
     
  18. จะเป็นคนดี

    จะเป็นคนดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +267
    บัญญัติธรรม

    ขอ อนุโมทนาสาธุด้วยครับ
    จิตปรุงแต่งไปเองโดยธรรมชาติ
    ราคะ โทสะ โมหะ นั่นเอง
     
  19. Mr.Kim

    Mr.Kim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    3,036
    ค่าพลัง:
    +7,028
    [​IMG]

    ธมฺมกาโม ภวํ โหติ</SPAN>
    ผู้ฝักใฝ่ในธรรมเป็นผู้เจริญ
    ธมฺมเทสฺสิ ปราภโว
    ผู้ชังธรรม เป็นผู้เสื่อม
    นตฺถิ สนฺติ ปรํ สุขํ
    สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี.



    จงเตือนตน ของตน ให้พ้นผิด
    ตนเตือนจิต ตนได้ ใครจะเหมือน
    ตนเตือนตนไม่ได้ ใครจะเตือน
    อย่าลืมเลือน เตือนตน ให้พ้นภัย
    ........................................................

    อนุโมทนาครับ สาธุ ๆ ๆ
     
  20. Vay

    Vay Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    488
    ค่าพลัง:
    +88
    อนุโมทนาครับ
    ผมรู้สึกภูมิใจในความเป็นพุทธศาสนิกชนครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...