หลับแล้วไม่ฝัน=สภาวะจิตหลุดพ้นหรือไม่

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Santi.Ca, 28 กันยายน 2019.

  1. Santi.Ca

    Santi.Ca สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2019
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +4
    จากหัวข้อกระทู้
    กรณีที่เราหลับแล้วไม่ฝัน=สภาวะจิตหลุดพ้นหรือไม่ครับ
    คือผมเองตั้งข้อสังเกตุยังงี้ครับ
    ทุกคนต้องฝันอันนี้แน่นอน
    แต่จะมีช่วงนึงที่เราไม่ฝัน อาจจะ15นาที หรือ30นาที หรืออาจมากกว่านั้น

    ช่วงเวลาสั้นๆนี้ เราไม่สามารถสัมผัสได้ถึงการมีตัวตน
    กล่าวคือ ช่วงนี้ขณะหลับแล้วไม่ฝัน จิตไปอยู่ที่ใดครับ ซึ่งเราไม่รับรู้ใดๆได้เลย หากหลับแล้วฝันยังเข้าใจได้ว่าจิตตกสู่ภวัง แต่กรณีไม่ฝันเลย
    จิตอยู่ที่ใด

    ช่วงเวลาสั้นๆนี้ เราไม่สามารถสัมผัสได้ถึงการมีตัวตน แม้แต่อวิชาก็ไม่เกิด

    แบบนี้เรียกได้ว่าเป็นสภาวะจิตหลุดพ้นวัฏฏะได้หรือไม่ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กันยายน 2019
  2. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014


    แม้แต่ในขณะที่ฝัน ก็ยังปล่อยวาง สิ่งที่ฝันสดๆ นั้นลงได้ทันที
    นี่จึงจะเรียกจิตหลุดพ้น แต่ถ้าหากหลงไหลได้ปลื้ม
    อยู่กับแต่ความฝัน นี่จึงเรียกว่า ยังหลงโลก
    ไม่ฝัน ไม่ได้แปลว่า จบกิจ หรือ หมดกิจ หรือ หมดฝัน
    แต่แปลว่า ยังไม่มีกิจอะไรให้กระทำ
    จึงยังไม่มีใคร ส่งสัญญานมาให้เรา
    ความฝัน ก็คือ สัญญานบอกเหตุอย่างหนึ่ง นั่นเอง
     
  3. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    สภาวะจิต ที่ว่างจากวามคิด ความฝัน

    เปน สภาวะจิตของ แมลง

    ดำรงค์ อยู่ด้วย สัญชาติญานจาก
    ไขสันหลัง

    หาก ไม่คิด ไม่ฝัน เกิดจากเจตนา
    เพิกออก จะเปน ลักษณะ อาสัญยี
    สัตตา หรือ อาจออกแนว สัตวใน
    อเวจี

    จิตหลุด ......พ้น เปนคำที่พูดสั้น
    เกินไป ควรเติมลงไปด้วยว่า

    พ้นจากตัณหา อุปาทาน โดยชอบ

    มี สัมมาทิฏฐิ วาจาชอบ คิดชอบ
    เพียรชอบ .....( มี มรรค 8 ให้
    สังเกต จับต้องได้ ....ไม่มีอาการ
    พม่าแทงกบ นี่...หรือ....จะ...เดา
    สุ่ม )
     
  4. Santi.Ca

    Santi.Ca สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2019
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +4
    สอบถามนิดนึงครับ
    ถ้าพ้นจาก ตัณหา อุปาทาน
    กรณีนี้ จะไม่ทำให้เกิด เหตุต่อไปหรือไม่ ทำให้ ภพดับ ชาติดับ ชรามรณะดับ ได้หรือไม่
    ก็แสดงว่า หลุดจากวงจร ปฎิจจสมุปบาท ชั่วขณะหรือไม่
     
  5. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    เวลา เฝ้นธรรม หาธรรม

    มันจะเหมือน เรา พบสิ่งใด

    ระหว่าง

    เครื่องมือหาปลา มรรคมีองค์8

    กับ

    ไล่ตะครุบปลาในน้ำ โดยไม่รู้ว่า
    ภาพที่เข้าตา มันมีมุมหักเหเสมอ


    พูดในแง่ธรรม คือ

    เหนเหตุ และการดับของเหตุ (มรรค8)

    กับ

    ด้นเด้าเดาไปเรื่อย "นี่....." "หรือ..."
    "จะ......" อย่างนี้ใช่ไหม ครับ
     
  6. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    เรียนธรรม สำคัญ ตรงที่ รู้สึก

    สนุก ร่าเริง อาจหาญ

    เหน ความท้าทาย ในการพบ

    สำคัญว่า ต้องเปรการ พบด้วยตนเอง


    การพบ ที่ยังต้องขอคำยืนยัน
    จากคนอื่นอีก อันนั้นให้สังเกต
    ไปเลย ยังไม่ใช่ การพบแบบ
    "ตรัสรู้ชอบด้วยตนเอง"

    ละความฝุ้งธรรม นั้นเสีย
    แล้ว เพียรต่อ

    อย่า ตำหนิจิต เด็ดขาด

    กำหนดรู้ฉันทะในธรรม ที่ เกิด ดับ
    ในแต่ละจังหวะชีวิต ประจำวัน
    ไม่เกินกาย หนาคืบกว้างศอก

    _/\_
     
  7. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014
    ตรงนี้จะต้องแยก ระหว่าง จบกิจ ของ พระอรหันต์
    จบกิจ คือ ได้เป็น พระอรหันต์
    แต่มี พระอรหันต์ บางรูปที่จบกิจแล้ว
    แต่ กิจของท่านนั้น ยังไม่จบ
    คือ ยังจะต้องทำงานช่วย พระพุทธศาสนาต่อไป
    จะเรียก พระอรหันต์แบบนี้ว่า พวกที่ยังเหลือเศษอีกเล็กน้อย
    พอทำงานจบ หรือ ใช้เวรหมด กิจของท่านก็หมดจด
    ไม่เหลือเศษความดำ เหลือแต่ ฟากขาว อย่างเดียว
    จะเรียกว่าเป็น พระอรหันต์ที่ไม่เหลือเชื้อแล้ว
    ใจของท่านก็จะไม่โดน สิ่งใด มากระทบ มากระตุันได้อีก
    แม้แต่ความอยากเป็น พระอรหันต์ ก็จะมาหมดตอนนี้เหมือนกัน
     
  8. Santi.Ca

    Santi.Ca สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2019
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +4
    กระผมเพียงแค่สงสัย
    เลยตั้งคำถามถึงสภาวะที่เกิดขึ้น จึงตั้งข้อสงสัยและตั้งสมมุติฐานความเป็นไปได้เท่านั้น
    กระผมถึงได้ต้องการผู้รู้ หรือมีความคิดเห็นในเรื่องนี้เท่านั้นขอรับ
    ไม่ได้ต้องการที่จะละทิ้งคำสอนแต่อย่างใดขอรับ
     
  9. Santi.Ca

    Santi.Ca สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2019
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +4
    ที่ผมสงสัยนั้น
    นอกจากอยากจะทราบว่า สภาวะนี้จิตเราอยู่ที่ใดแล้ว
    สภาวะนี้ เป็นจิตประเภทใด เป็น กุศลา อกุศลา หรืออัพยากตา เพียงเพื่อต้องการความคิดเห็นและผู้รู้เท่านั้นว่าเป็นไปอย่างไรขอรับ
     
  10. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014

    เอาใหม่ ที่เกี่ยวกับ ความฝัน
    ขออธิบายว่า ในขณะที่จิตไม่ฝัน
    จิตของเรานี้ จะออกจาก กาย
    ไปท่องเที่ยวยัง สามภพ คือ
    อบายภูมิ มนุสยภูมิ และ สวรรคภูมิ
    ท่องไปทั้ง ในอดีต ปัจจุบัน และ อนาคต

    ส่วนจิตจะหลุดพ้นได้
    ท่านจะต้องดึงจิตกับให้มาอยู่กับ ตัวเอง
    คิดแต่เรื่องตนเอง และก็จะต้องคิดให้เป็น ปัจจุบัน เท่านั้น
    เช่นดึงจิตกลับมาอยู่กับ การดูลมหายใจ เท่านั้น
    แล้วก็จะต้องนึกถึง พระไตรลักษณะสาม คือ
    ความไม่เที่ยง ความมีทุกข์ และ สิ่งที่ไม่มีจริง
    ทำสามกระบวนการนี้ จึงจะบรรลุธรรมได้
    แล้วท่านได้ทำสามกระบวนการนี้หรือยัง
    ถ้าทำแล้ว ทำเป็นประจำ จึงจะหวังผลได้
    แต่ถ้ายังทำไม่ครบ ก็รีบทำเพิ่มให้มันครบ
    เดี๊ยวมันก็จบกิจเอง ด้วยตัวมันเอง
    ไม่ต้องถามใครให้ยุ่งยาก
    เราจะรู้ตัวเองทันทีว่า กิเลสของเราเบาบางลงหรือยัง
     
  11. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014
    พวกจิตที่เป็น กุศลกรรม ก่อนตาย
    เมื่อตายจะไปเกิดเป็นเทพ ใน สวรรค์

    พวกจิตที่เป็น อกุศลกรรม ก่อนตาย
    เมื่อตายจะไปเกิดเป็น สัตว์ในอบาย มาร
    ในชั้นต่ำกว่า โลกมนุษย์

    พวกที่จิตถือ ศีลห้า ก่อนตาย
    เมื่อตายจะไปเกิดเป็น มนุษย์ ใน โลกมนุษย์ ทันที

    พวกที่จิตถือ ทางสายกลาง หรือ อัพยากตาธรรม ก่อนตาย
    เมื่อตาย จะไปยัง แดนนิพพาน เป็น ตั้งแต่โสดาบันขึ้นไป
    ยันพระอรหันต์

    ทางสายกลาง ก็คือ การปล่อยวาง ทั้ง
    กุศลธรรม และ อกุศลกรรม
    พร้อมทั้งถือศีลห้าเป็นอารมณ์ สำหรับคนทั่วไป
    แต่ถ้าเป็นพระเณร ก็จะต้องถือศีลของตนเองให้ครบ
    ก็คือ เณรถือศีลสิบ พระถือศีล227+
     
  12. Santi.Ca

    Santi.Ca สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2019
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +4
    ตามความเห็นของคุณ nilakarn
    สภาวะที่ผมตั้งข้อสงสัย = จิตท่องเที่ยวไปใน อดีตบ้าง ปัจจุบันบ้าง อนาคตบ้าง
    แต่!ทำไมเราถึงไม่รู้ว่ามันไปไหน มันไปอดีต หรือไปอนาคต ทำให้ไม่รู้ว่ามันเป็นจิตประเภทใด เพราะธรรมชาติ จิตมันเป็นตัวรู้ไม่ใช่หรอครับ
    แต่!ถ้าฝันอันนี้เรารู้ได้ และรู้ว่าเป็นจิตประเภทใด
    คือสงสัยครับ

    หรือว่า เป็นช่วงที่อวิชาดับ ทำให้สังขารไม่เกิด วิญญาณจึงไม่เกิด
    จนกระทั่งมีอวิชาขึ้นมาอีก(คือเข้าสู่ชั้นหลับฝัน)วงจรปฏิจจสมุปบาท จึงเริ่มขึ้นมาอีกครั้ง
     
  13. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014
    ตอบอันแรกก่อนนะครับ ที่ถามว่า
    จิตออกท่องเที่ยวเป็นอย่างไร ตัวอย่างเช่น
    ท่องไปในอดีต เช่น การคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้
    ท่องไปในปัจจุบัน เช่น คิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้
    ท่องไปในอนาคต เช่น คิดถึงสิ่งที่จะเกิดพรุ่งนี้
    วางแผนไว้ว่า พรุ่งนี้จะเอาอะไรกิน ก็เป็นอนาคตนั่นเอง
    ที่นี้จะมาพูดว่า ใครจะรู้ได้บ้าง
    ก็ต้องตอบว่า นักปฏิบัติที่ฝึกวิปัสสนาเท่านั้น
    จึงจะรู้จิตของตนได้ แล้วก็จะต้องเป็น ชั้นจิตในจิต
    ของ พระอาจารย์ปราโมช ปาโมชโช เท่านั้นจึงจะรู้ได้
    พระรูปอื่นๆ ยังสอนเรื่องจิตในจิต
    ไม่ถึงพอที่จะทำให้บรรลุธรรมได้


    ส่วนข้อทีสอง จะต้องได้ สมาบัติแปดอย่าง เสียก่อน
    จึงจะสามารถ ทำให้ อวิชชาดับได้ หรือที่เรียกว่า
    ดับในนิโรธ หรือ ทุกสิ่งดับหมด
    หากไม่ได้สมาบัติแปด พูดให้ตาย
    ก็จะกลายเป็นการคุยคนละเรื่อง
    มันจะคุยกันไม่รู้เรื่อง ในเวปนี้ก็จะมี
    คุณ รสิฐ909 เท่านั้น ที่พอจะคุยรู้เรื่อง
    ในเรื่องการเข้านิโรธ ส่วนผู้อื่นยังไม่ถึงขั้นนั้น
    ย่อมไม่มีทางที่จะเข้าใจได้
     

แชร์หน้านี้

Loading...