หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร(ฝัน)

ในห้อง 'หลวงปู่แหวน' ตั้งกระทู้โดย psombat, 18 มีนาคม 2010.

  1. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    สำบายดีครับ เย็นนี้ต้องเกินทางเข้า กท. เสาร์-อาทิตย์...พบปะท่านสอง ดร. และญาติธรรม
    ฝากอาบังและท่านอื่นๆดูแลบอร์ดด้วยเด้อ...
     
  2. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    คุณสันติไม่รับซื้อมังคุด...งั้นมาลงที่แม่สอดก็ได้ครับคุณอ๊อด ผมปลูกบ่เป็น ซื้อกินอย่างเดียว :'(
     
  3. nontayan

    nontayan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    832
    ค่าพลัง:
    +975

    .....................................................................
    "สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ไม่มีใครหลีกหนีความเสื่อมสิ้นนี้ไปได้ สังขารทั้งหลายมีความตายไปเป็นธรรมดา ไม่มีใครหลีกหนีความตายไปได้ ๆๆๆ "
    .....................................................................

    ขออนุโมทนากับก้าวกระโดดทางจิตและอริยมรรคที่กำลังเกิดขึ้นกับท่านสมบัติ นี่แหละลูกพระพุทธเจ้า ผู้จะสืบต่อพระพุทธศาสนาต่อไป

    ผู้ที่เข้าสู่กระแสแห่งมรรคแล้ว จิตย่อมมหัศจรรย์ อุบายธรรมทั้งหลายจะหลั่งไหลมาสอนจิตทั้งภาพในนิมิตและเหตุการณ์จริงๆที่อยู่รอบๆกายเรา อุบายธรรมข้างบนนั้น เป็นธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง แล้วจึงมาตรัสสั่งสอนสาวกของท่านให้พิจารณาหลักความจริง(สัจธรรม) ที่สรรพสิ่งทั้งหลายล้วนมีเกิดแก่เจ็บตายเป็นของธรรมดา ท่านสมบัติกำลังเข้าสู่กระแสมรรคจึงปรากฏอุบายธรรมนี้ขึ้นมา และจะมีปรากฏขึ้นมาเรื่อยๆเพื่อให้จิตของเราเบื่อหน่ายต่อการเกิดแก่เจ็บตายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ต่อไปท่านสมบัติจะเห็นกายของตัวท่านเองกำลังเน่าผุพังตามลำดับ (ผมพยากรณ์ไว้แบบนี้.....)

    ส่วนผมนั้น เนื่องจากการภาวนาสมาธิจะไม่เกิดภาพนิมิตใดๆ เพราะผมเคยอธิษฐานไว้ว่า หากยังไม่บรรลุธรรมก็ไม่อยากเปิดตาที่สาม ดังนั้น อุบายธรรมที่จะมาสั่งสอนผมนั้น จึงมาแบบตัวเป็นๆ ดั่งที่เคยเล่าให้ฟังแล้วว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา สุนัขที่บ้านผมออกลูกมาสี่ตัว ทำให้ผมนั่งมองและวิปัสสนาจากการเกิดของลูกสุนัขที่ออกมาแต่ละตัวนั้นแสนยากลำบาก การแย่งดูดนมแม่ การปกป้องลูก ต่อมาไม่นานลูกสุนัขเกิดเจ็บป่วยทีละตัว ผมเฝ้าดูอาการและเกิดผุดรู้ขึ้นมาว่า ลูกสุนัขจะตายทั้งหมด วันไหนตัวใดจะตายก็จะผุดรู้ขึ้นมา ตัวที่สามตายคามือของผม ผมพึ่งเห็นอาการของสิ่งมีชีวิตที่กำลังจะตาย โดยอาการสะอึกหายใจสามครั้งแล้วก็ตาย ผมฝังทีละตัว จิตของผมเริ่มมีอุเบกขาต่อการเกิดแก่เจ็บตายของสรรพสัตว์

    และน่าแปลกและตรงกับนิมิตของท่านสมบัติในวันเดียวกัน ซึ่งเป็นอุบายธรรมเกี่ยวกับความไม่เที่ยงของสังขารก็คือ เมื่อวานลูกสุนัขตัวที่สี่ตัวสุดท้าย ได้ตายลงเพราะปีนป่ายรั้วประตูหน้าบ้านแล้วติดออกไม่ได้ ก่อนหน้านั้นมันจะป่วยให้เห็นอาการเดินโซซัดโซเซ และจะเกิดอาการเกร็งบิดไปบิดมาเฉพาะเวลาผมกลับบ้าน เสมือนแสดงอาการบางอย่างเป็นอุบายธรรมให้เราพิจารณาสังขาร ผมนำมันไปฝังราวๆหกโมงเย็น นั่งพิจารณาถึงความตายความไม่เที่ยงแล้วแผ่เมตตาให้เขา

    ผมพิจารณาอยู่เสมอว่า การลงมาเกิดของลูกสุนัขทั้งสี่ตัวนี้ เขาเสียสละลงมาเกิดเพื่อแสดงอุบายธรรมให้กับผม พวกเขาได้ทำหน้าที่สมบูรณ์ที่สุดแล้ว ตั้งแต่การเกิด เจ็บ ตาย อาจจะยังไม่แก่ แต่มีอายุเพิ่มขึ้นแบบลัดขั้นตอนการแก่เพราะเวลาในการแสดงธรรมมีน้อย แต่ก็ครบถ้วนกระบวนการของการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป และกฎแห่งกรรมที่ทำให้พวกเขามาเกิดเป็นลูกสุนัข นอกจากนั้น การพิจารณาถึงไตรลักษณ์นี้ มิได้มีแต่ลูกสุนัขนี้เท่านั้น พวกเรานักปฏิบัติมักจะมองภาพคนป่วย คนแก่ที่แตกต่างจากบุคคลทั่วไป ขอให้สังเกตอาการของตัวเองนะครับ

    อุบายธรรมที่บังเกิดขึ้นแก่ผมในลักษณะนี้ อาจเนื่องด้วยผมไม่มีทัศนญาณจากนิมิตขณะสมาธิ แต่ทัศนญาณของผมจะไปเกิดในความฝันแทน และหลายๆครั้งก็จะแสดงแบบตัวเป็นๆดังที่ได้กล่าวมาแล้ว

    ขออนุโมทนาในความก้าวหน้าของสภาวะจิต และกระแสแห่งอริยมรรคของท่านสมบัติได้บังเกิดขึ้นแล้ว ขอให้พวกเราทุกคนจงอนุโมทนาถ้วนทั่วกันเทอญ

    ขอเจริญในธรรม
    ดร.นนต์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กันยายน 2011
  4. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    พระโสดาบันอย่างหยาบหรือขั้นสัต<WBR>ตักขัตตุง จะทรงศีล ๕ เป็นพื้นฐาน

    ส่วนพระโสดาบันอย่างกลาง จะทรงกรรมบถ ๑๐ ได้ แต่ยังไม่ครบถ้วนนัก หมายความว่าได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ลืมบ้าง ไม่ลืมบ้าง เผลอไปบ้าง ไม่ตั้งใจบ้าง ไม่ตั้งใจทำลายกรรมบถข้อใดข้อหนึ่ง<WBR> มันเผลอก็เป็นของธรรมดา อย่างนี้เรียกว่า พระโสดาบันขั้นโกลังโกละ คือขั้นที่สอง ขั้นกลาง


    แต่ถ้าเป็นพระโสดาบันขั้นเอกพิชี<WBR> หรือพระโสดาบันอย่างละเอียด จะ
    ทรงกรรมบถ ๑๐ บริสุทธิ์บริบูรณ์ทุกอย่าง ไม่พลั้งเผลอ

    พระสกิทาคามีก็เช่นกัน ทรงกรรมบถ ๑๐ ได้ครบถ้วน

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมย<WBR>าน
    (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)
     
  5. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    กุศลกรรมบท ๑๐ ประการ

    ความสะอาดทางกาย ๓ อย่าง ความสะอาดทางวาจา ๔ อย่าง ความสะอาดทางใจ ๓ อย่าง

    ความสะอาดทางกาย ๓ อย่าง เป็นอย่างไร
    คือ บุคคลบางคนในโลกนี้
    ๑. เป็นผู้ละเว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ วางทัณฑาวุธ และศัสตราวุธ มีความสะอาด มีความเอ็นดู มุ่งหวังประโยชน์เกื้อกูลต่อสรรพสัตว์อยู่
    ๒. เป็นผู้ละเว้นขาดจากการลักทรัพย์ คือ ไม่ถือเอาทรัพย์อันเป็นอุปกรณ์ เครื่องปลื้มใจของผู้อื่น ซึ่งอยู่ในบ้านหรืออยู่ในป่าที่เจ้าของไม่ได้ให้ ด้วยจิตเป็นเหตุขโมย
    ๓. เป็นผู้ละเว้นขาดจากการประพฤติผิดในกาม คือ ไม่เป็นผู้ประพฤติล่วงในสตรีที่อยู่ในปกครองของมารดา ที่อยู่ในปกครองของบิดา ที่อยู่ในปกครองของพี่ชายน้องชาย ที่อยู่ในปกครองของพี่สาวน้องสาว ที่อยู่ในปกครองของญาติ ที่ประพฤติธรรม มีสามี มีกฎหมายคุ้มครอง โดยที่สุดแม้สตรีที่บุรุษสวมด้วยพวกมาลัยหมายไว้
    ความสะอาดทางกาย ๓ อย่างเป็นอย่างนี้แล

    ความสะอาดทางวาจา ๔ อย่าง เป็นอย่างไร
    คือบุคคลบางคนในโลกนี้
    ๑. เป็นผู้ละเว้นขาดจากการพูดเท็จ คืออยู่ในสภา อยู่ในบริษัท อยู่ท่ามกลางหมู่ญาติ อยู่ท่ามกลางหมู่ทหาร หรืออยู่ท่ามกลางราชสำนัก ถูกเขาอ้างเป็นพยานซักถามว่า "ท่านรู้สิ่งใดจงกล่าวสิ่งนั้น" บุคคลนั้นไม่รู้ก็กล่าวว่า "ไม่รู้" หรือรู้ก็กล่าวว่า "รู้" ไม่เห็นก็กล่าวว่า "ไม่เห็น" หรือเห็นก็กล่าวว่า "เห็น" ไม่กล่าวเท็จทั้งที่รู้เพราะตนเป็นเหตุบ้าง เพราะบุคคลอื่นเป็นเหตุบ้าง เพราะเหตุคือเห็นแก่อามิสเล็กน้อยบ้าง
    ๒. เป็นผู้ละเว้นขาดจากการพูดส่อเสียด คือฟังความฝ่ายนี้แล้วไม่ไปบอกฝ่ายโน้นเพื่อทำลายฝ่ายนี้ หรือฟังความฝ่ายโน้นแล้วไม่มาบอกฝ่ายนี้เพื่อทำลายฝ่ายโน้น สมานคนที่แตกแยกกัน ส่งเสริมคนที่ปรองดองกัน ชื่นชมยินดีเพลิดเพลินต่อผู้ที่สามัคคีกัน พูดแต่ถ้อยคำที่สร้างสรรค์ความสามัคคี
    ๓. เป็นผู้ละขาดจากการพูดคำหยาบ คือ กล่าวแต่คำที่ไม่มีโทษ ไพเราะ น่ารัก จับใจ เป็นคำของชาวเมือง คนส่วนมากรักใคร่พอใจ
    ๔. เป็นผู้ละเว้นขาดจากการพูดเพ้อเจ้อ คือ พูดถูกเวลา พูดคำจริง พูดอิงประโยชน์ พูดอิงธรรม พูดอิงวินัย พูดคำที่มีหลักฐาน มีที่อ้างอิง มีที่กำหนดประกอบด้วยประโยชน์
    ความสะอาดทางวาจา ๔ อย่างเป็นอย่างนี้แล

    ความสะอาดทางใจ ๓ อย่าง เป็นอย่างไร
    คือบุคคลบางคนในโลกนี้
    ๑. เป็นผู้ไม่เพ่งเล็งอยากได้ของเขา คือ ไม่เพ่งเล็งอยากได้ทรัพยอันเป็นอุปกรณ์เครื่องปลื้มใจของผู้อื่นว่า ทำอย่างไร ทรัพย์อันเป็นอุปกรณ์เครื่องปลื้มใจของผู้อื่นจะพึงเป็นของเรา"
    ๒. เป็นผู้มีจิตไม่พยาบาท คือไม่มีจิตคิดร้ายว่า "ขอสัตว์เหล่านี้จงเป็นผู้ไม่มีเวร ไม่มีจิตพยาบาท มีสุข รักษาตนเถิด"
    ๓. เป็นสัมมาทิฏฐิ มีความเห็นไม่วิปริตว่า "ทานที่ให้แล้วมีผล ยัญที่บูชาและมีแล การเซ่นสรวงมีผล ผลวิบากแห่งกรรมที่ทำดีและชั่วมี โลกนี้มี โลกหน้ามี มารดามีคุณ บิดามีคุณ โอปปาติกสัตว์มี สมณพราหมณ์ผู้ประพฤติดีปฏิบัติชอบ ทำให้แจ้งโลกนี้และโลกหน้าด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้วสอนผู้อื่นให้รู้แจ้งมีอยู่ในโลก"
    จุนทะ ความสะอาดทางใจ ๓ อย่าง เป็นอย่างนี้แล

    กุศลกรรมบถ ๑๐ ประการนี้ที่บุคคลประกอบแล้ว เมื่อลุกขึ้นจากที่นอนแต่เช้าตรู่ แม้จะจับต้องแผ่นดินก็ตาม ไม่จับต้องแผ่นดินก็ตาม ก็เป็นผู้สะอาดอยู่นั่นเอง แม้จจะจับต้องโคมัยสดก็ตาม ไม่จับต้องโคมัยสดก็ตาม ก็เป็นผู้สะอาดอยู่นั่นเอง แม้จะจับต้องหญ้าเขียวสดก็ตาม ไม่จับต้องหญ้าเขียวสดก็ตาม ก็เป็นผู้สะอาดอยู่นั่นเอง แม้จะบำเรอไฟก็ตาม ไม่บำเรอไฟก็ตาม ก็เป็นผู้สะอาดอยู่นั่นเอง แม้จะประคองอัญชลีนอบน้อมดวงอาทิตย์ก็ตาม ไม่ประคองอัญชลีนอบน้อมดวงอาทิตย์ก็ตาม ก็เป็นผู้สะอาดอยู่นั่นเอง ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะกุศลกรรมบถ ๑๐ ประการนี้เป็นธรรมสะอาด และเห็นเหตุก่อให้เกิดความสะอาด
    จุนทะ เพราะเหตุที่ประกอบด้วยกุศลกรรมบถ ๑๐ ประการนี้ จึงปรากฎมีทั้งเทวดาและมนุษย์ หรือสุคติอย่างใดอย่างหนึ่งแม้อื่น

    เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนั้นแล้ว นายจุนทกัมมารบุตรได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า
    "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์ชัดเจนไพเราะยิ่งนัก ฯลฯ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงจำข้าพระองค์ว่าเป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนตลอดชีวิต"
    จันทสูตรที่ ๑๐ จบ

    พระสุตตันตปิฎก
    อังคุตตรนิกาย
    ทสกนิบาต

    พระไตรปิฎกภาษาไทย

    ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
    หน้า ๓๑๙-๓๒๔
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กันยายน 2011
  6. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    post เอาไว้เตือนตนอีกครั้งครับผม

    วิปัสสนูปกิเลส ๑๐ อย่าง

    มิจฉาสมาธิ มีเหตุให้เกิดขึ้นจาก มิจฉาทิฏฐิความเห็นผิดเข้าใจผิดจากความเป็นจริง มีตัณหาคือความอยากเป็นต้นเหตุที่สำคัญ เมื่อจิตมีความสงบเป็นสมาธิแล้วจึงเกิดภาพหลอกที่เรียกว่านิมิต นิมิตนี้เองจึงเป็นกลลวงของกิเลสสังขาร ผู้ไม่มีปัญญาจึงเกิดความเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของจริง มีความดีใจ พอใจในนิมิตนั้น ๆ จนลืมตัวจึงเกิดความเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของดี มีความฝักใฝ่พอใจในนิมิตจนจิตเกิดเป็นวิปัสสนูปกิเลส ๑๐ อย่าง ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว นี้ก็เพราะไม่มีปัญญารอบรู้ในวิธีทำสมาธิที่ถูกต้องนั่นเอง จึงทำให้จิตเกิดวิปลาสเหม่อลอย ไม่มีสติควบคุมจิตของตัวเองได้เลย ที่เรียกว่ากรรมฐานแตกเป็นบ้านไปก็เป็นในลักษณะนี้ก็เพราะทำสมาธิไม่มีปัญญาเป็นองค์ประกอบรอบรู้เอาไว้ ถ้าทำสมาธิมีความจริงจังมากเท่าไรก็จะเพิ่มวิปลาสมากขึ้นเท่านั้น สติปัญญาไม่มี อาการของวิปัสสนูปกิเลสก็เริ่มปรากฏตัวขึ้นที่ใจ ดังจะได้อธิบายเรื่องของวิปัสสนูปกิเลสที่เกิดขึ้นจากมิจฉาสมาธิ ที่มีความสงบอย่างผิด ๆ ให้ผู้ทำสมาธิรับรู้เอาไว้ เพื่อจะได้ข้อคิดสังเกตดูตัวเองว่า เมื่อทำสมาธิไปแล้วมีผลเกิดขึ้นเป็นอย่างไร ถ้าผิดไปก็จะได้แก้ไขให้ทันต่อเหตุการณ์

    • โอภาส เมื่อจิตมีความสงบเป็นสมาธิแล้วจะเกิดความสว่างในทางใจ ความสว่างนี้จะมีลักษณะที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับนิสัยของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เมื่อความสว่างนี้เกิดขึ้นกับตัวเองเมื่อไร ให้รีบไปหาครูอาจารย์ช่วยแนะวิธีแก้ไข ครูอาจารย์นั้นต้องมีความรอบรู้ในวิธีทำสมาธิเป็นอย่างดี จึงจะช่วยแก้ไขให้ได้ ถ้าครูอาจารย์ไม่มีความรู้ในทางนี้ ก็จะส่งเสริมตอกย้ำให้ทำในวิธีนี้ต่อไป ผู้ได้รับผลที่ผิด ๆ ก็ตกอยู่กับผู้ทำสมาธิเอง

    • ปีติ ผู้ทำสมาธิจะมีความเอิบอิ่มใจเป็นอย่างมากมีความเบิกบานใจอยู่ตลอดเวลา จะยืนเดินนั่งนอนอยู่ในอิริยาบถไหนใจจะมีความเอิบอิ่มอยู่ตลอดทั้งวันทั้งคืน ในช่วงนั้นมีแต่เฝ้าดูจิตที่มีความเอิบอิ่มอยู่เป็นนิจ ความคิดทางสติปัญญาจะพิจารณาในเรื่อง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ก็หมดสภาพไป ใจมีแต่ความเพลิดเพลินอยู่กับปีตินั้น ๆ

    • ปัสสัทธิ ความสงบใจที่เป็นผลจากการทำสมาธิจะมีความสงบเป็นอย่างมาก จะมีความแน่วแน่มั่นคงอย่างแนบแน่นทีเดียว ใจไม่คิดวอกแวกแส่ส่ายไปตามอารมณ์แต่อย่างใด จะเป็นอารมณ์แห่งความรักหรืออารมณ์แห่งความชัง เนื่องจากสาเหตุอันใดก็ตามไม่มีความอยากคิดในเรื่องอะไรทั้งนั้น จะยืนเดินนั่งนอนอยู่ในที่ไหนมีแต่ความสงบใจอยู่ตลอดเวลา นี้ก็เป็นโมหสมาธิหลงอยู่ในความสุขจนลืมตัว ไม่อยากคิดพิจารณาให้เป็นไปในการเจริญทางสติปัญญาแต่อย่างใด เพราะกลัวว่าใจจะเกิดความฟุ้งซ่าน มีแต่ใช้สติระลึกรู้อยู่ในอารมณ์แห่งความสงบนั้น ๆ จึงเป็นสมาธิที่โง่เขลาหาความฉลาดไม่ได้เลย

    • สุขะ เมื่อจิตมีความสงบดีแล้วย่อมเกิดความสุขภายในใจเป็นอย่างมาก จะยืน เดิน นั่ง นอน อยู่ในที่ไหนใจจะมีแต่ความสุขอยู่ตลอดเวลา ถือว่าใจมีความสุขแล้ว อยากให้ความสุขนี้อยู่เป็นคู่ของใจตลอดไปไม่อยากให้เสื่อมคลาย นี้เองผู้ปฏิบัติในยุคนี้จึงมีความต้องการภาวนาหาความสุขใจเพียงเท่านั้น ที่สอนกันว่าทำสมาธิเพื่อให้เกิดความสุขภายในใจถ้าปัญญาไม่มีก็จะหลงความสุขได้

    • ญาณะ เมื่อจิตมีความสงบเป็นสมาธิได้แล้วย่อมมีความรู้เกิดขึ้น ความรู้ที่เกิดขึ้นนี้เองจะทำให้เกิดความหลงผิดไปได้ง่าย จะตีความหมายไปว่าปัญญาญาณได้เกิดขึ้นกับตัวเองแล้ว อยากรู้เรื่องอะไรอยากรู้ในธรรมหมวดไหนก็กำหนดถามลงไปที่ใจ ก็จะมีความรู้ตอบขึ้นมาในหมวดธรรมนั้น ๆ จะเข้าใจไปว่าคุณธรรมได้เกิดขึ้นกับตัวเองแล้ว อยากรู้ว่าเราอยู่ในคุณธรรมระดับไหน ก็จะมีความรู้บอกขึ้นมาว่า เป็นคุณธรรมของพระอริยโสดาบันบ้าง เป็นคุณธรรมของพระสกิทาคามีบ้าง เป็นคุณธรรมของพระอนาคามีบ้าง เป็นคุณธรรมของพระอรหันต์บ้างจึงได้เกิดความเชี่อมั่นในความรู้ที่เกิดขึ้นว่าเป็นจริงที่ฝังใจอย่างสนิททีเดียว ใครจะมาว่ามีความสำคัญผิด ก็จะยืนยันว่าเรามีญาณรู้ที่ถูกต้องและมีความเชื่อมั่นว่าตัวเองได้บรรลุธรรมเป็นพระอริยเจ้าจริง ถ้าเป็นในลักษณะนี้จึงยากที่จะแก้ไข

    • อธิโมกข์ น้อมใจเชื่อว่าเป็นของจริงอย่างฝังใจทีเดียว เข้าใจว่าเรามีดวงตาเห็นธรรม ก็เพราะมีญาณรู้ที่เกิดขึ้นจากสมาธิความสงบเป็นต้นเหตุนั่นเอง มีความเชื่อมั่นในความรู้ของตัวเองสูงมากให้ความสำคัญตัวเองว่า พุทโธ รู้ตื่นเบิกบานได้เกิดขึ้นกับตัวเองแล้วถ้ามีอภิญญาอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้นก็จะเกิดความเชื่อมั่นเพิ่มทิฏฐิมานะอัตตาจนลืมตัว ถ้าพระเป็นในลักษณะนี้ก็จะได้รับพยากรณ์จากลูกศิษย์ว่า อาจารย์ของเราได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ทันที

    • ปัคคาหะ มีความเพียรที่เข้มแข็งเป็นอย่างมาก ความเพียรนั้นจะมุ่งทำสมาธิให้จิตมีความสงบเพียงอย่างเดียว จะไปที่ไหนอยู่ในที่ใดจะปรารภความเพียรทำสมาธิอยู่เสมอ จะอยู่เฉพาะตัวหรือในสังคมใดจะอยู่ในความสำรวมผิดปกติ จะอยู่แบบนิ่งเฉยไม่อยากจะพูดคุยกับใคร ๆ ผู้ที่ไม่เข้าใจก็คิดว่าเป็นผู้ปฏิบัติที่เคร่งครัดมาก หรือลืมตาก็จะอยู่ในท่าเงียบขรึมซึมเซ่อเหม่อลอย ไม่ชอบอยู่ในสังคมอยากจะอยู่เป็นเอกเทศเฉพาะตัว ไม่มีความฉลาดรอบรู้ในทางปัญญาแต่อย่างใด จึงเรียกว่า มิจฉาวายานะ เป็นความผิดไม่ถูกต้องชอบธรรมแต่อย่างใด

    • อุปัฏฐาน มีสติระลึกรู้ในอารมณ์ภายในใจได้ดีมาก แต่เป็นเพียงสติสมาธิเท่านั้น ส่วนสติปัญญาจะไม่มีกับผู้เป็นในลักษณะนี้แต่อย่างใด ถ้าอารมณ์ของใจเปลี่ยนไปตามเหตุปัจจัยอย่างไร ก็จะมีสติระลึกรู้ไปตามอารมณ์ประเภทนั้น ๆ ไม่ชอบพิจารณาในทางสติปัญญาแต่อย่างใด ไม่สนใจพิจารณาในเรื่องที่เป็นอนิจจังทุกขังอนัตตา ถึงจะพูดธรรมะได้ก็พูดไปตามตำราที่ได้ศึกษามาเท่านั้น จึงเรียกว่า มิจฉาสติ ระลึกรู้ในสิ่งใด จะไม่เป็นไปในความถูกต้องชอบธรรมแต่อย่างใด

    • อุเบกขา ความวางเฉยในทางใจได้ดีมาก ใจไม่รับในอารมณ์ที่ชอบใจและไม่ชอบใจ อะไรที่มาสัมผัสทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อันเป็นสิ่งที่จะให้เกิดความรักความชัง ใจจะวางเฉยอยู่ตลอดเวลาเมื่อใจลงสู่อุเบกขาความวางเฉยที่มั่นคงแล้ว จะไม่ทำให้เกิดความรู้สึกในอารมณ์ ไม่มีความเอาใจใส่ในสิ่งใด ๆ ทั้งสิ้น เมื่อเป็นอย่างนี้จะทำสมาธิได้ง่าย แต่ก็จะเป็นมิจฉาสมาธิ ความตั้งใจมั่นผิดต่อไป จึงยากที่จะแก้ไขหรือแก้ไขไม่ได้เลย

    • นิกันติ มีความยินดีพอใจในสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ยอมรับผลที่เกิดขึ้นว่าเป็นของจริง มีความเชื่อ ว่าเป็นแนวทางที่จะทำให้ถึงซึ่งมรรคผลนิพพานได้แน่นอน ใครจะมาว่าภาวนาผิดอย่างไรก็มีความมั่นใจในตัวเองว่าภาวนาถูกต่อไป และยังไปตำหนิผู้อื่นว่าภาวนาไม่เก่งเหมือนเรา ถึงครูอาจารย์องค์ที่มีความฉลาดรอบรู้เข้ามาช่วยเหลือก็สายไปเสียแล้ว ชีวิตได้ทุ่มเทในการทำสมาธิอย่างจริงจัง ก็มาพังเพราะวิปัสสนูปกิเลสเกิดขึ้นนี้เอง

    ผู้ทำสมาธิถ้าไม่กำจัดตัวมิจฉาทิฏฐิความเห็นผิดให้หมดออกจากใจได้ เมื่อทำสมาธิเพิ่มเข้าไปกำลังใจที่เกิดจากการทำสมาธิ ก็จะไปบวกกันกับมิจฉาทิฏฐิเดิมที่มีอยู่ ก็จะเกิดเป็นมิจฉาสมาธิ ความตั้งมั่นผิด แล้วกลายเป็นวิปัสสนูปกิเลสดังที่ได้อธิบายมาแล้ว
     
  7. nontayan

    nontayan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    832
    ค่าพลัง:
    +975
    วิปัสสนูปกิเลส ย่อมเกิดขึ้นกับนักปฏิบัติทุกคน ไม่มีเว้น แต่ผู้ใดจะรู้ทันวิปัสสนูนั้นต่างหาก ผู้ที่รู้ทันเร็ว ก็สามารถเข้าสู่อริยมรรคได้เร็ว.... ผู้อยู่ใกล้หรือหมั่นปรึกษาพ่อแม่ครูอาจารย์ย่อมไปได้เร็วครับ
     
  8. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    ในเรื่องฌานนิมิตรนี้คุณแม่ชมให้พิจารณาตีเป็นธรรมดังนี้

    1. หลวงพ่อคูณท่านเป็นพระอริยะเจ้า ที่พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านก็กราบไหว้ เคยเกี่ยวข้องกับตัวผมในอดีตชาติจริง และท่านก็มาสอนธรรมในปัจจุบันชาติ ให้เราตีเป็นธรรมในตอนนี้เท่านั้น

    2. คำว่า "คูณ" เปรียบภาษาอิสานเรียกว่า ค่ำคูณ พอกพูน เจริญ ผู้ได้นิมิตนี้ก็จักค่ำคูณเป็นเช่นนั้นคือกัน(เหมือนกัน)

    3. หลวงพ่อคูณในวัยหนุ่ม กำลังฉันภัตตาหาร : แสดงว่าเราจะเป็นผู้มีความเจริญงอกงามไปข้างหน้า

    4. หลวงพ่อคูณอยู่ท่ามกลางญาติโยมมากมาย : แสดงว่าต่อไปเราจะเป็นผู้มีชื่อเสียง แวดล้อมไปด้วยผู้คน สามารถสอนคนได้อย่างมากมาย

    5. หลวงพ่อคูณเจ็บ แก่เฒ่า เข้าโรงพยาบาล และก็จากไป ท่านได้สอนธรรมผมว่า "สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ไม่มีใครหลีกหนีความเสื่อมสิ้นนี้ไปได้ สังขารทั้งหลายมีความตายไปเป็นธรรมดา ไม่มีใครหลีกหนีความตายไปได้" : ให้เราตระหนักในภาพนิมิตที่ท่านมาสอนธรรมอย่างเป็นขั้นเป็นตอนดังกล่าวว่า...ลูกเอ๊ย...ติดสุขมากไปดั่งเทวดา ก็จักไม่มีปัญญาพิจารณาธรรม หากทุกข์มากไปดั่งสัตว์นรก ก็จักไม่มีปัญญาพิจารณาธรรม เช่นกัน อย่างการตกอยู่ในภวังค์ของ "ฌาน" มากไปนั่นก็เรียกว่า สุข อย่าไปหลงไปติดอยู่ในฌาน

    คุณแม่ชมได้บอกต่อว่า...หากผมละสังขารในตอนนี้ก็จักขึ้นไปเกิดเป็นพรหมทันที แต่ไม่ใช่เรื่องดี เพราะมันจักทำให้เราเสียเวลาในการบำเพ็ญเพียรเข้าสู่อริยะมรรค(พระนิพพาน)มากขึ้นไปอีกตราบนานเท่านาน

    กราบขอบพระคุณคุณแม่ชมเป็นอย่างสูง
    ขอให้เพื่อนนักรบธรรมทุกๆท่านจงมีความเจริญในธรรม ได้ผลในธรรมดุจเดียวกันเร็ววันนะครับ
     
  9. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    ขอบคุณครับท่านพี่เลี้ยงนนต์ :) ที่คอยเป็นกำลังใจให้เสมอๆ ทั้งทางคำสอนและวัตถุธาตุอัศจรรย์หลายๆอย่าง คอยเกื้อหนุนกันและกันฉันพี่น้องมา ทุกภพทุกสมัย :cool:

    ส่วนพระฤาษีสมาชิกธรรม ก็คอยเป็นกำลังฌานอยู่หลังไมค์ คอยงัดอาการค้างต่างๆออกมาให้ได้อย่างน่าอัศจรรย์

    เป็นบุญเหลือล้นครับที่เราได้บำเพ็ญเพียรบารมีร่วมกัน พบกันอีกในไม่ช้าภายในเดือนนี้ครับ
     
  10. สมาชิกธรรม

    สมาชิกธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2011
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +1,308
    ด้วยความยินดีครับท่านPhoobes...ไม่ต้องเกรงใจ สบายๆแบบพี่น้องกันนะครับผมยินดีมากที่ได้รู้จักสนทนากับท่าน มีเพื่อนธรรมที่มีเป้าหมายตรงกันความเห็นไปในทางเดียวกันย่อมประเสริฐยิ่งนัก...ช่วยกันสร้างฝันของหมู่นักรบธรรมให้สำเร็จลุล่วงในเร็ววันนะครับ.....แล้วพบกันครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กันยายน 2011
  11. สมาชิกธรรม

    สมาชิกธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2011
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +1,308
    แหม...ท่านอ๊อดก็กล่าวเกินจริงผมยังไปไม่ไกลขนาดนั้นหรอก ยังอยู่ในห้องอย่างมากแค่ประตูห้อง(ยังไม่ถึงชาน...หึหึ)สำหรับภาพนั้นก็แล้วแต่ท่านอ๊อดจะเห็นสมควรนะครับแต่มีข้อแม้ว่าต้องเลือกภาพที่ดูดีที่สุดครับ...ให้ตรงข้ามกับตัวจริงหน่อยเวลาเจอกันจะได้สงสัย...ตัวจริง...ตัวปลอมกันแน่...:cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กันยายน 2011
  12. สมาชิกธรรม

    สมาชิกธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2011
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +1,308


    สบายดีนาคน้อย อาบัง ได้ข่าวก้าวหน้าไปเยอะยินดีด้วยนะ...

    "เอาแค่ยิ้มให้กันมากๆ คารวะกันที่จิต จิตที่ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบแล้วก็พอนะครับ"
     
  13. สาวกธรรม1

    สาวกธรรม1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +173
    ขอบคุณครับท่านพี่:cool:
     
  14. สมาชิกธรรม

    สมาชิกธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2011
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +1,308
    จะจับยังไงทันหนอ.....ก็คล่องแคล่ว ว่องไว ไร้เสียงและเสี่ยงตายซะขนาดนั้น.....ถ้าไม่กลัวตามมาเลยเด้อ..หึหึ

    "อันความหมายในความว่างเปล่าที่มีตัวตน"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กันยายน 2011
  15. สาวกธรรม1

    สาวกธรรม1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +173
    วันนี้ได้ไปอันเชิญองค์ขวามือมาครับ พอดีอธิฐานจิตอยากได้1องค์ครับ (อันซ้ายมือภรรยาหวงอีกแล้วครับ) ปรากฏว่าเห็นอยู่ข้างๆครับก็เลยอัญเชิญมาไว้บูชาครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    เชื่อหรือยังว่า...พูดน้อยต่อยหนัก หุหุ
     
  17. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    อธิษฐานได้ดีนะ :cool: พึ่งเห็นที่เป็นแก้ว สวยใส...จะแรงดีขนาดไหน...ต้องพิสูจน์
    ชิมิ พ่อนาคน้อย...
     
  18. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    [​IMG]
    บ่วงนาคบาศ ศิลปะช่างสิบหมู่แห่งวังหน้า
    (ประคำเหล็กไหลดูดติดแต่ไม่เป็นสนิม)

    ต้นฉบับสีทองเหลืองอายุหลายร้อยปี...ว่าสุดยอดแห่งความแรงแล้ว
    มาเจอสีดำๆนี้แล้วจะหนาว...และหาว (แรงขนาด)
    หุหุ ผมอัญเชิญเหน็บเอวแทนเบี้่ยแก้ครับ...เชิญผ่อ :)

    อัญเชิญภาวนาร่วมก็ใช่เล่น ถือว่าเป็นอาวุธคู่กายผม...ที่ค้นหามานาน (หลายเดือน)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2013
  19. areeyaka

    areeyaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +458
    สอบถามผู้รู้ด้วยครับว่าพระกริ่งปวเรศ 2411 กับ 2434 ต่างกันอย่างไรบ้างขอบ
    พระคุณล่วงหน้าครับ
     
  20. manopk

    manopk Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +61
    สวัสดียามเย็นครับพี่ๆทุกคน
    พรุ่งนี้ทำโอ(มนุษย์เงินเดือน)หวังว่าจะได้พบกันที่ภูดานไหเร็วๆนี้นะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...