สโมสรนักบุญภูเหล่าเงินฮาง ร่วมสร้างสรรกับ คณะเบิกบาน บันเทิงบุญ(อดีตรำลึกของบุญกุศล)

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย Nar, 8 กรกฎาคม 2006.

  1. sodalith

    sodalith เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    168
    ค่าพลัง:
    +1,083
    ติดตามอ่านแล้วชื่นชมครับ ทำบุณด้วยอะไรถึงมาเจอกันได้คับ
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พิษของพารา...ใครว่าธรรมดา
    ภญ.อัมพร จันทรอาภรณ์กุล

    พาราเซตามอล (paracetamol) หรือ อะเซตามิโนเฟน (acetaminophen) เป็นยาบรรเทาอาการปวด (analgesics) ไม่มีผลข้างเคียงเรื่องการระคายเคืองผนังกระเพาะอาหาร และการแข็งตัวของเลือดเหมือนยากลุ่มเอ็นเซด (non-steroidal anti-inflammatory; NSAIDs) เช่น ยาแอสไพริน ยาไอบูโพรเฟน (ibuprofen) หากใช้ในขนาดการรักษาปกติ ทำให้ประชาชนทั่วไปไม่ค่อยรู้พิษสงของยานี้เท่าไหร่ นอกจากนี้ยังสามารถหาซื้อได้ง่ายโดยไม่ต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์ เป็นเหตุให้ปริมาณการใช้ยาตัวนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พาราเซตามอลกลายเป็นยาประจำบ้านที่ขายดิบขายดี เป็นอะไรก็กินแต่พาราเซตามอล ปวดศีรษะ ไข้หวัด ก็พาราเซตามอล ปวดหลัง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ก็พาราเซตามอล ยิ่งกว่านั้นบางรายปวดท้อง เวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน ก็กินพาราเซตามอล ซึ่งพาราเซตามอลก็คงไม่ได้ช่วยอะไร ทำได้แค่ให้สบายใจขึ้นเพราะได้กินยาแล้ว บ้างก็มัวแต่ผลัดวันประกันพรุ่ง ไม่ยอมไปหาหมอรักษากัน พลอยทำให้โรคที่เป็นลุกลามมากขึ้น ต้องเสียเงินรักษามากขึ้นโดยใช่เหตุ
    ในหลายประเทศได้แก่ อังกฤษ สหรัฐอเมริกา ได้มีการสำรวจวิจัยพบว่ามีการใช้ ยาพาราเซตาอลเกินขนาดมากขึ้นทุกปี และมีผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจากการเกิดพิษของพาราเซตามอลจำนวนมากจนน่าตกใจจนต้องออกมารณรงค์ให้ใช้ยาพาราเซตามอลเฉพาะเมื่อมีความจำเป็น และเผยแพร่ความรู้เรื่องพิษของยาให้ประชาชนตระหนักมากยิ่งขึ้นผ่านสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โทรทัศน์ วิทยุ ใบปลิว เอกสารกำกับยา หรืออินเตอร์เน็ต
    อันตรายจากการใช้ยาพาราเซตามอลที่พบได้มากที่สุด คือ พิษต่อตับ ทำให้ตับวาย รองมาเป็นเรื่องของการเกิดปฏิกิริยากับยาอื่น หรือตีกับยาอื่นนั้นเอง ซึ่งเกิดขึ้นจากความตั้งใจและไม่ตั้งใจ
    • ที่เกิดจากความตั้งใจ ทุกคนคงทราบกันดี นั่นคือ การกินพาราเซตามอลประชดชีวิต การฆ่าตัวตาย ซึ่งบางรายก็แค่ต้องการประท้วง เรียกร้องความสนใจ นึกว่าพิษของพาราเซตามอลเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้นเพราะพาราเซตามอลจะทำให้ตับเสียการทำงานหรือตับวายได้ ซึ่งหากได้รับยาต้านพิษไม่ทันเวลาก็จะทำให้เสียชิวิตได้
    • ที่เกิดจากความไม่ตั้งใจ เนื่องจากพาราเซตามอลที่ผลิตออกจำหน่ายในปัจจุบันนั้นมีหลายรูปแบบ หลายความแรง หลายยี่ห้อซึ่งเป็นการยากที่ประชาชนทั่วไปจะทราบ ได้แก่ รูปของยาเม็ด ยาน้ำเชื่อม และการนำพาราเซตามอลไปผสมกับยาอื่นๆ ได้แก่ ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาแก้หวัด ยาแก้ปวด เป็นต้น ทำให้เกิดการกินยาซ้ำซ้อนโดยไม่รู้ตัว หากเป็นระยะเวลาไม่นานแค่ 2 ถึง 3 วันก็ยังพอไหว หากระยะเวลานานเป็นเดือนการเกิดพิษต่อตับคงเกิดอย่างแน่นอน ดังนั้นทางที่ดี ก่อนกินยาอะไรควรอ่านฉลากยาให้ละเอียดเสียก่อน และหากไม่แน่ใจว่าเป็นยาอะไร เป็นยาสูตรผสมหรือไม่ ก็ควรปรึกษาเภสัชกร หรือแพทย์ก่อนทุกครั้ง
    เรื่องที่น่าคิดอีกเรื่อง คือ การกินพาราเซตามอลร่วมกับเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์ เช่น เหล้า ไวน์ รัม ยีน หรือ เบียร์ เพราะตัวแอลกอฮอล์เองเป็นที่ทราบกันดีว่าหากได้รับในปริมาณมาก หรือต่อเนื่องกันนานๆ ก็ทำให้เกิดภาวะตับแข็ง ตับวายได้ หากกินร่วมกับพาราเซตามอลก็จะเท่ากับเป็นการเหยียบคันเร่งให้ตับพังได้เร็วยิ่งขึ้น คณะกรรมการอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริกาได้ออกกฎหมายให้มีการพิมพ์คำเตือนบนฉลากยาพาราเซตามอลว่า “ห้ามรับประทานร่วมกับเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์เนื่องจากเกิดคดีพิพากษาเกี่ยวกับการกินยาพาราเซตามอลร่วมกับไวน์เป็นประจำของชาวเวอร์จิเนียรายหนึ่งจนทำให้ตับวาย จนต้องมีการปลูกถ่ายตับใหม่ บริษัทผู้ผลิตยาแพ้คดีต้องจ่ายเงินชดใช้ถึง 8 ล้านดอลลาร์
    เรื่องสุดท้ายที่อยากจะเตือนคุณผู้อ่านก็คือ เรื่องของยาตีกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้จริง แต่เดิมไม่เคยมีใครคิดถึงเรื่องนี้เลย คิดว่าพาราเซตามอลเป็นยาสามัญประจำบ้าน ไม่มีพิษสงอะไร ไม่ตีกับยาอื่น แต่ปัจจุบันไม่ใช่แล้วเนื่องจากระยะหลังนักวิจัยได้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก เพราะคนใช้ยาพาราเซตามอลมากขึ้น ยังกับพาราเซตามอลเป็นขนมอย่างนั้นแหละ ตัวอย่างหนึ่งที่ดิฉันพบเองก็คือ พาราเซตามอลตีกับยาต้านการแข็งตัวของเลือดตัวหนึ่งในผู้ที่เป็นเลือดข้น กล่าวคือพาราเซตามอลทำให้เลือดแข็งตัวช้าลงได้หากได้รับในปริมาณมาก อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ซึ่งเท่ากับไปเสริมฤทธิ์ของยาต้านการแข็งตัวของเลือดจนทำให้ผู้นั้นเกิดเลือดออกผิดปกติขึ้น
    <O:p</O:p

    ทางที่ดีคุณควรใช้ยาพาราเซตามอลเท่าที่จำเป็นในขนาดการรักษาปกติ คือ ยาพาราเซตามอล 10 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม (เช่น น้ำหนัก 50 กิโลกรัม ก็กินแค่ยาเม็ดขนาด 500 มิลลิกรัม 1 เม็ด ก็เพียงพอ) และหากไม่มีอาการแล้วก็ควรหยุดกินยาทันที หรือหากใช้ยาติดต่อกันเป็นระยะเวลาประมาณ 3-4 วันแล้วอาการไม่ดีขึ้นก็ควรไปพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยเพิ่มเติมจะดีกว่าเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง
    <O:p</O:p
    จากหนังสือ Health today ฉบับเดือนสิงหาคม 2549

    .<O:p</O:p
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  3. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    ความคิดเห็นส่วนตัวผมนะ

    1 ซ่อมแซมให้กลับคืนสู่สภาพเดิมมากที่สุด

    ปัญหาคือ ใครละจะซ่อม เพราะต้องเป็นคนที่มีใจรักเป็นทุนเดิม

    ปัญหาข้อต่อไปคือ ซ่อมแล้วจะเอาไปไว้ที่ไหน

    นี่ยังไม่พูดถึงค่าใช้จ่ายในการซ่อมนะครับ เคยเห็นในรายการทีวีรายการหนึ่ง พูดถึงคนชอบศาลพระภูมิ เห็นศาลพระภูมิที่คนเค้าทิ้งเค้าขว้าง พี่แกก็เก็บมาไว้ที่บ้าน มาบูรณะปฏิสังขรณ์ หรือแม้กระทั่งกรณีหลวงพ่อวิชญ์ก็เหมือนกัน ที่ซ่อมพระพุทธรูปเกิดจากความศรัทธา หรือพูดจาภาษาชาวบ้านคือ ทำเพราะใจรัก

    ปัญหาข้อต่อมาคือซ่อมเสร็จแล้วจะเอาไปไว้ที่ไหน ก็เป็นเรื่องสำคัญ อย่างกรณีหลวงพ่อวิชญ์นั้น นำพระพุทธรูปไปไว้วัดได้ เอ ถ้าอย่างนั้นรูปหล่อรัชกาลที่ 5 สมเด็จโต หลวงปู่แหวน ก็น่าจะนำไปถวายวัดได้เหมือนกัน หรือท่านว่ายังไง

    แต่พูดก็พูดเถอะ ปกติคนเราชอบของใหม่กันทั้งนั้นแหละ ผมก็ชอบของใหม่ เพราะฉะนั้นถ้าให้เลือกระหว่างของที่ซ่อมแซมกับของใหม่ ได้แบบฟรีๆเลยนะ น้อยคนนักที่จะเลือกของมือสองหรือของที่ซ่อมแซมแล้ว (แต่มีข้อยกเว้นนะ เรื่องพระเครื่องเนี่ย กี่มือก็ได้ ขอให้ดีจริงก็พอ)
     
  4. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    2 วิธีที่สองคือ หากรูปหล่อรัชกาลที่ 5 สมเด็จโต หลวงปู่แหวน เป็นวัสดุที่สามารถนำไปหลอมเป็นพระพุทธรูปได้ ก็อาจนำไปร่วมหล่อพระพุทธรูป

    แต่ก็อาจมีประเด็นให้ขบคิดกัน เช่น เป็นของวัดหรือเปล่า คือคนเค้านำมาถวายวัด อย่างนี้ถ้าเราไปเอามา ก็กลายเป็นลักของสงฆ์ไป ก็ต้องขออนุญาตกับคณะสงฆ์หรือผู้แทนคณะสงฆ์ที่ได้รับมอบหมายให้วินิจฉัยในเรื่องของสงฆ์หรือทรัพย์สินของสงฆ์ก่อน

    ตอนที่จะนำมาหลอม ก็ต้องขออนุญาตต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์จริงไหม เอ แล้วเราจะทราบได้อย่างไรว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านจะเห็นด้วยกับการที่จะให้หลอมรูปหล่อครูบาอาจารย์ ผมก็เห็นว่าก็คงต้องเสี่ยงทายกันละ จริงไหมครับ
     
  5. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ครับผม ขอมาเติมเต็ม อีกสักนิดหนึ่ง....

    ทั้งหมดที่ได้โพสมา ในความที่เนื่องถึง นี้....
    กระผมฯ มีความตั้งใจจริงอย่างยิ่ง ว่า จะสามารถเป็น "ธรรมทาน"

    หากบังเอิญ จาบจ้วง ล่วงเกิน ต่อท่านใด ๆ ก็ตาม ก็ขอโทษ ขออภัย ด้วยใจจริง

    เพราะไม่ได้มีเจตนา ที่จะสร้างกรรม คือ ความไม่พอใจ ซึ่งกันและกัน ให้สืบเนื่องไป
    ซึ่งกระผมฯ ก็หวังด้วยจิต ว่า คงจะพบแต่ "บัณฑิต" ที่จะสามารถมองเห็นประโยชน์ แยกออกจากความขุ่นข้อง หมองใจ สร้างกำลังใจ ที่ดี ๆ สร้างประโยชน์แก่ตัวของเราเอง และผู้อื่น ได้ดี

    ................................................................................

    เอาละครับ เรามาที่เรื่อง "อนันตริยกรรม" กันต่อ....

    ก่อนที่จะยกเรื่อง อนันตริยกรรม มาพูด ก็อยากที่จะให้เห็นอานิสงส์ของทาน เสียก่อน..
    เพราะว่ามีความสืบเนื่องกัน ดังนี้....

    จากคำตรัสสอน ที่มีมาในพระไตรปิฎก อันเกี่ยวข้องกับอานิสงส์แห่ง "ทาน"

    อานิสงส์ และการเปรียบเทียบ ผลบุญ ต่าง ๆ

    การได้ให้ทานแก่ สัตว์เดรัจฉาน ๑๐๐ ครั้ง มีอานิสงฆ์ น้อยกว่า การให้ทานแก่ คนผู้ไร้ศีล เพียง ๑ ครั้ง

    การได้ให้ทานแก่ คนผู้ไร้ศีล ๑๐๐ ครั้ง มีอานิสงฆ์ น้อยกว่า การให้ทานแก่ คนผู้มีศีล เพียง ๑ ครั้ง

    การได้ให้ทานแก่ คนผู้มีศีล ๑๐๐ ครั้ง มีอานิสงฆ์ น้อยกว่า การให้ทานแก่ พระโสดาบัน เพียง ๑ ครั้ง

    การถวายทานแก่ พระโสดาบัน ๑๐๐ ครั้ง มีอานิสงฆ์ น้อยกว่า การถวายทาน พระสกิทาคามี เพียง ๑ ครั้ง

    การถวายทานแก่ พระสกิทาคามี ๑๐๐ ครั้ง มีอานิสงฆ์ น้อยกว่า การถวายทาน พระอนาคามี เพียง ๑ ครั้ง

    การถวายทานแก่ พระอนาคามี ๑๐๐ ครั้ง มีอานิสงฆ์ น้อยกว่า การถวายทาน พระอรหันต์ เพียง ๑ ครั้ง

    การถวายทานแก่ พระอรหันต์ ๑๐๐ ครั้ง มีอานิสงฆ์ น้อยกว่า การถวายทาน พระอัครสาวก เพียง ๑ ครั้ง

    การถวายทานแก่ พระอัครสาวก ๑๐๐ ครั้ง มีอานิสงฆ์ น้อยกว่า การถวายทาน พระปัจเจกฯ เพียง ๑ ครั้ง

    การถวายทานแก่ พระปัจเจกฯ ๑๐๐ ครั้ง มีอานิสงฆ์ น้อยกว่า การถวายทาน พระพุทธเจ้า เพียง ๑ ครั้ง

    การถวายทานแก่ พระพุทธเจ้า ๑๐๐ ครั้ง มีอานิสงฆ์ น้อยกว่า การถวาย สังฆทาน เพียง ๑ ครั้ง

    การถวาย สังฆทาน ๑๐๐ ครั้ง มีอานิสงฆ์ น้อยกว่า การถวาย วิหารทาน เพียง ๑ ครั้ง

    การถวาย วิหารทาน ๑๐๐ ครั้ง มีอานิสงฆ์ น้อยกว่า การเจริญ อภัยทาน เพียง ๑ ครั้ง

    และ สัพพะทานัง ธรรมะทานัง ชินาติ
    การให้ธรรมเป็นทาน ย่อมชนะทานทั้งปวง


    พอจะมองเห็นไหมครับ เรื่อง "เนื้อนาบุญ" ไหมครับว่า....
    ปลูกข้าวตรงไหน จึงจะได้รวงข้าว(รับผลประโยชน์)ได้ดีที่สุด....

    ในส่วนอื่น ๆ จะไม่ขออธิบาย เพิ่มเติม
    (ทั้ง ๆ ที่ น่าจะมีข้อสงสัยของผู้ที่มี "พุทธจริต" หากถามมา ก็จะอธิบาย ภายหลัง)

    ณ ตรงนี้ เพียงใคร่ขอสรุปข้อเดียว ให้เห็นว่า....

    สัพพะทานัง ธรรมะทานัง ชินาติ
    การให้ธรรมเป็นทาน ย่อมชนะทานทั้งปวง

    ก็จะเห็นได้ว่า การอธิบาย "ธรรมะ" มีอานิสงส์มาก....
    ก็เพราะว่า จะช่วยให้บุคคลผู้รับฟังธรรม สามารถเดินทางสู่ แดนพระนิพพาน ได้ง่าย ได้ตรง ไม่ต้องหลงทาง

    แต่ทว่า การอธิบาย คำอธิบาย ในธรรมะ จะต้อง ธรรมะ จากพระพุทธเจ้า จริง ๆ

    พระพุทธเจ้า ทรงตรัสแสดงให้เห็นโทษ ของผู้ที่มี นรก หรือ ทางแห่งความฉิบหาย ว่า


    การกล่าวตู่ต่อคำสอน ของพระพุทธองค์ ว่า..

    พระพุทธเจ้า ตรัสไว้ เช่นนี้ ทั้งที่ไม่ได้ตรัสไว้....
    พระพุทธเจ้า ไม่ได้ทรงตรัสไว้ ทั้งที่ พระองค์ ทรงตรัสไว้....

    อย่างนี้ เป็นการ "กล่าวตู่" ต่อ พระธรรม คำตรัสสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า....

    ดังนั้น....
    จึงอยากให้ ข้อธรรมนี้ เป็นประโยชน์ แก่สาธารณชน สาธุชน....

    การกล่าวแสดงข้อความธรรมะ ต้องแน่ใจว่าใช่ แน่ในว่าจริง แน่ใจว่าถูกต้อง
    จึงจะเป็น "ธรรมทาน" อันมี อานิสงส์ที่ยอดเยี่ยม

    หาไม่แล้ว หากกล่าวผิด แสดงไว้ผิด ก็จะเป็นการกล่าวตู่ พระธรรม คำตรัสสอน
    โทษก็จะมีมาก มีนรก เป็นที่ไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    ทำไมหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราก็มาดูกันที่ "อนันตริกรรม" กันต่อไป....

    ...................................................................................

    อนันตริยกรรม 5

    ขอยกมา นำอธิบายเสริมเพิ่ม อันจะเป็นสิ่งที่ควรจะรู้ที่สำคัญอย่างยิ่ง....

    เพราะว่า ถึงแม้ว่าเราจะมุมานะสร้างความดี อย่างมากมาย แค่ไหนก็ตาม
    แต่ทว่า มาทำผิดพลาดที่ข้อต่อไปนี้ จะทำให้ท่านเสียเวลาไปมาก
    เนื่องจาก ท่านจะต้องไปเริ่มต้นเสวยกรรมชั่วในอเวจีมหานรก เสียก่อนเป็นอันดับแรก จนกว่าจะหมดผลกรรมนั้นแล้ว จึงมารับผลของกรรมดี ได้

    หมายความว่า หากเราทำความดีเอาไว้มากมาย แต่ถ้าหากต้องด้วย(ทำผิด) อนันตริยกรรม 5 นี้ เข้าแล้ว

    ผลบุญ ความดี ต่าง ๆ ให้ยกตั้งรอ เอาไว้ก่อน
    จะต้องลงไปรับผลของกรรมเลว ที่ นรกอเวจี เสียก่อน ออกจากอเวจี ก็ต้องผ่านขุมบริวาร ผ่านการเป็นเปรต 12 ประเภท ผ่านการเป็นอสุรกาย ผ่านการเป็นสัตว์เดรัจฉาน 500 ชาติ แล้วจึงจะสามารถมาเกิดเป็น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2006
  6. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    เมื่อประมาณเดือนที่แล้ว ผมได้มีโอกาสพบหลวงพี่เอก วัดเขาแร่ ท่านมาที่กรุงเทพนะครับ ก็ได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับท่าน ความตอนหนึ่งผมถามท่านว่า เอ พระคุณเจ้าขอรับ ถ้าเราเห็นหมาตัวหนึ่ง สงสารเค้า อยากให้เค้ามีภพภูมิที่ดีขึ้น จะทำอย่างไรครับ ท่านก็ยกตัวอย่างว่า อย่างเราไปตลาดจะไปซื้อปลามาปล่อยใช่ไหม ทีนี้จะซื้อหมดกระชังก็ไม่ไหว ก็ต้องเลือกซื้อบางตัว ที่เหลือก็อธิษฐานว่าผลบุญที่ทำมาตั้งแต่อดีตชาติ จนถึงชาติปัจจุบัน และในอนาคต ก็ขอฝากไว้กับท่านพญายมราช หากปลาตัวนี้ผ่านสำนักพญายมหรือท่านพญายมราชพบปลาตัวนี้ ก็ขอให้บอกให้ปลาอนุโมทนาในผลบุญที่เราฝากด้วย

    นับตั้งแต่วันนั้น ผมก็ใช้วิธีนี้เรื่อยมา หมานี่เห็นบ่อยที่สุด ตอนแรกๆ เห็นตัวหนึ่ง ก็ฝากบุญกับท่านพญายมราชไว้คราวหนึ่ง ทีนี้พอเยอะๆเข้า คือวันหนึ่งเห็นหลายตัว ก็ชักขี้เกียจ ตื่นนอนตอนเช้า ก็ฝากบุญไว้กับท่านพญายมราชแบบเหมารวม คือถ้าวันนี้เห็นสัตว์ตัวไหน แล้วเกิดความสงสาร ถ้าสัตว์ตัวนั้นตายลงแล้วผ่านสำนักพญายมราชหรือท่านพญายมราชไปพบเข้า ก็กรุณาบอกให้เค้าอนุโมทนาในผลบุญที่ผมฝากไว้หน่อยนะครับ

    ก็นำวิธีนี้มาบอกกล่าวเพื่อนๆ ซึ่งจริงๆผมก็โพสต์ในกระทู้นี้ไปครั้งหนึ่งแล้วล่ะ ก็มาขอทบทวนใหม่ สำหรับตัวเราก็เป็นการเจริญพรหมวิหาร 4 เมตตา และกรุณา เป็นการแบ่งบุญให้กับผู้ที่ด้อยกว่าเรา เพราะเค้าเกิดมาเป็นสัตว์นะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2006
  7. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    ผมมานั่งนึกๆดู กรณีที่เราอุทิศส่วนกุศลให้กับญาติเราก็ดี ผู้ตายก็ดี ก็อาจจะมีบางกรณีที่เค้าไม่ได้รับผลบุญนั้นในทันที เพราะต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ หรือว่ากำลังเกิดเป็นคนอยู่

    อย่างนี้มีข้อพิจารณาว่า เจตนาของเราตอนนั้น คือให้ผลบุญนั้นถึงคนๆนั้นเลยใช่ไหม ทีนี้ถ้าไม่ถึงเลยละ แล้วผลบุญนั้นจะไปไหน

    จะไปไหน ก็ไม่รู้ล่ะ ขี้เกียจคิด แต่ผมขอเสนอนะครับว่า ถ้าเราอธิษฐานเพิ่มไปได้ไหมว่า ขออุทิศส่วนกุศลให้แก่..... ถ้าไม่ถึงเพียงใด ก็ขอฝากไว้กับท่านพญายมราช หรือเทวดา พรหม (องค์ที่เราชื่นชอบ) ถ้าหากท่านพญายมราชหรือเทวดา พรหม (องค์ที่เราชื่นชอบ) พบคนๆนี้เข้า ก็ขอบอกให้เค้าอนุโมทนาในผลบุญที่เราฝากไว้หน่อย

    ก็ฝากไว้เป็นข้อพิจารณานะครับ อย่าเชื่อผมมาก เอาแบบฟังหูไว้หูแล้วกัน แล้วก็ไปสอบถามครูบาอาจารย์ของท่านเองว่าจะใช้ได้ไหมวิธีนี้
     
  8. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    เมื่อตอนเรียนชั้นมัธยมต้นหรือปลายไม่แน่ใจ ผมเคยเขียนจดหมายมาถามปัญหาธรรมกับพระวัดท่าซุง ความตอนหนึ่งท่านสอนให้ผมรู้จัก "อภัยทาน"

    ก็คิดว่าการให้อภัยเนี่ยทำยากน่ะ เราอาจทำทานสารพัด แต่เราอาจไม่ให้อภัยใครเลยก็ได้ แล้วการให้อภัยเนี่ยต้องเกิดมาจากใจ ใจผ่อนคลายทิฐิมานะ และความยึดมั่นถือมั่นในอัตตา คนที่รู้จักให้อภัยคนอื่น นับว่ามีจิตใจประเสริฐอย่างแท้จริง

    คราวนี้บางคนอาจบอกว่า ก็ให้อภัยคนนั้นคนนี้ไปแล้ว แต่ทั้งๆที่ให้อภัยไปแล้ว พอมาเจอคนเดิมด่า หรือทำไม่ดีเข้าให้ ก็กลับมาโกรธอีก กลับมาแค้นอีก แล้วอย่างนี้จะทำอย่างไร ปัญหานี้ก็น่าคิด ผมก็คงไม่มีปัญญาไปแนะนำกรณีอย่างนั้นได้ อยู่ที่ว่าเราคงต้องหาวิธีเอาชนะใจตัวเองแล้วล่ะ

    สำหรับผมก็ไม่ได้วิเศษวิโสอะไร ก็พยายามลดล่ะอะไรที่มันไม่ดี เพียงแต่บางครั้งเรื่องบางเรื่องมันเหมือนเราทำลายมันไปแล้ว แต่จริงๆมันแค่ถูกกดถูกทับ พร้อมจะระเบิดออกมาหรือปะทุออกมา หากมีสิ่งใดมันกระตุ้น

    วันนี้ก็ไม่มีอะไร มาบ่นให้ฟังนะครับ เพื่อนๆ
     
  9. Nar

    Nar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,154
    ค่าพลัง:
    +37,385
    สโมสรนี้มีประโยช์มากแฮะ มีมากจริงๆ ความรู้ทั้งหลายที่ท่านทั้งหลายได้นำมาเผยแพร่เป็นประโยชน์อย่างมากครับ โมทนาในธรรมทานครับ

    cdnew.jpg
    ผมมีของแจกครับ เป็น ดีวีดี ครับ ท่านที่สนใจเชิญส่งที่อยู่ไปที่น้องสาวผมนะครับ ที่น้องโยครับ แล้วท่านจะได้รับ ดีวีดี แผ่นนี้ ต้องกราบขอโทษที่ช้า ภาพไม่ค่อยชัดรายการไม่ค่อยหนุก ต้องขออภัยมือถ่ายสมัคเล่นที่พยามเค้นให้เป็นมืออาชีพ แต่ได้เท่านี้แหละครับ
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    โมทนาสาธุครับคุณณรงค์

    คุณโยครับ ผมขอ 1 แผ่นนะครับ ที่อยู่ไว้ผมแจ้งไปหาคุณโยอีกครั้งนะครับ
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ส่วนงานบุญ ร่วมทำบุญซื้อเครื่องสูบน้ำ ขุดเจาะน้ำ และโรงครัวนั้น ผมทำลิงค์ไว้ที่ลายเซ็นผมนะครับ เชิญร่วมทำบุญซื้อเครื่องสูบน้ำ ขุดเจาะน้ำ โรงครัว

    ลายเซ็นผมจะเป็นลิงค์เกือบทั้งหมด ยกเว้นเลขที่บัญชีเท่านั้นครับ แต่ในข้อความอื่นๆจะเป็นลิงค์ครับ

    คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
    พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้... หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ขอความเมตตาช่วยต่อชีวิตพระเณร บัญชีออมทรัพย์ 203-0-06304-5 ชื่อบัญชี รร.พระปริยัติธรรมบ่อเงินบ่อทอง ปริยัติศึกษา บมจ.ธ.กรุงไทย สาขาพนมสารคาม
    สโมสรนักบุญภูเหล่าเงินฮาง&คณะเบิกบาน บันเทิงบุญ - เชิญร่วมทำบุญซื้อเครื่องสูบน้ำ ขุดเจาะน้ำ โรงครัว ชื่อบัญชี พระอ่อนสา ฐิติคุโณ ธนาคาร กรุงเทพฯ จำกัด สาขา กิโลศูนย์ เลขบัญชี 340-4-11629-9 เบอร์โทรพระอาจารย์สา 089-578-9600 ประชาสัมพันธ์"งานบุญคุณแผ่นดิน"วันเสาร์ที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๔๙ "ให้ร่วมกันสร้าง เราจะมาโปรดสัตว์ไม่ให้สร้างคนเดียว"
    <!-- / sig -->
     
  12. oyoyo554

    oyoyo554 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    610
    ค่าพลัง:
    +9,199
    สวัสดียามสายค่ะ พี่ๆ เพื่อนๆ ทุกท่าน

    เป็นไปตามคาดไว้ค่ะ ว่าวีซีดี หรือ ดีวีดี งานนี้ มีคนแสดงนำค่ะ หึหึ

    เพราะท่านตามถ่ายวีดีโอ ตาหลอด จะเป็นใครไปไม่ได้ นั่นคือนักข่าวจาก YOYO Network นั่นเอง ใครได้ไปแล้ว ก็ไว้ดูกันเองนะท่าน

    ท่านใด สะดวกให้ชื่อที่อยู่ไว้ในกระทู้นี้ ก็เชิญนะคะ และหากไม่สะดวกก็แจ้งมาทาง PM หรือ E-Mail : oyoyo554@yahoo.com

    เมื่อพี่ Narong ส่งมาให้แล้ว จะรีบส่งต่อทันทีค่ะ

    อย่าลืมนะคะ ไม่ได้เข้ามาโพส แต่คอยจ้องทุกท่านอยู่นะคะ หากได้ขยับไปทำบุญที่ใดหล่ะก็ จะตามมาสัมภาษณ์ที่สถานีข่าวแห่งนี้

    แต่อย่าลืมงานบุญใหญ่ ของพี่ Pattana นะคะ เป็นพี่ใหญ่ของเราอีกคนหนึ่ง ที่กำลังสร้างบารมี สร้างพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก 4 ศอก ปิดทองทั้งองค์ ที่ทางชุมพร อยากให้พวกเราได้ร่วมสร้างบารมีกันอีก มากน้อยเท่าไหร่ พี่ท่านรับหมดค่ะ หวังเพียงให้พวกเราได้บุญได้อานิสงส์เท่าเทียมกัน วันนี้โยโย่จะไปโอนปัจจัยไปร่วมกับพี่ Pattana

    ไว้เจอกันใหม่ ไปหล่ะค่ะ
    (f) (f)
     
  13. Nar

    Nar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,154
    ค่าพลัง:
    +37,385
    มาดูบทสวดบางตอนของบทพระธรรมจักรกันครับที่ติดตาตรึงใจมากๆ

    อิทัง โข ปะนะ ภิกขะเว ทุกขัง อะริยะสัจจัง
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สภาวะเหล่านี้แลเป็นตัวทุกข์อย่างแท้จริง คือ <O:p</O:p
    - ชาติปิ ทุกขา
    ความเกิดก็เป็นทุกข์ <O:p</O:p
    - ชะราปิ ทุกขา
    เมื่อความแก่เข้ามาถึง ก็เป็นทุกข์<O:p</O:p
    - มะระณัมปิ ทุกขัง
    เมื่อความตายเข้ามาถึง ก็เป็นทุกข์<O:p</O:p
    - โสกะปริเทวะทุกขะโทมะนัสสุกปายาสาปิ ทุกขา
    เมื่อความเศร้าโศก ความร่ำไรรำพัน ความเสียใจ และความคับแค้นใจเกิดขึ้นมา ก็เป็นทุกข์<O:p</O:p
    - อัปปิเยหิ สัมปะโยโค ทุกโข
    เมื่อประสบพบกับสิ่งที่ไม่ชอบใจ ก็เป็นทุกข์<O:p</O:p
    - ปิเยหิ วิปปะโยโค ทุกโข
    เมื่อพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักที่ชอบใจก็เป็นทุกข์ <O:p</O:p
    - ยัมปิจฉัง นะ ละภะติ ตัมปิ ทุกขัง
    และแม้คิดปรารถนาอยากได้สิ่งใด แต่ไม่ได้สิ่งนั้นสมปรารถนา ก็เป็นทุกข์ <O:p</O:p
    - สังขิตเตนะ ปัญจุปาทานักขันธา ทุกขา ฯ
    กล่าวโดยย่อแล้วก็คือ การหลงคิดว่าร่างกายเป็นของเราของเขานั่นแล เป็นตัวทำให้ใจเกิดทุกข์อย่างแท้จริง ฯ <O:p</O:p
    อิทัง โข ปะนะ ภิกขะเว ทุกขะสะมุทะโย อะริยะสัจจัง ยายัง ตัณหา
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ตัณหาคือความอยากไม่มีสิ้นสุดที่มีอยู่ในใจนี้แลเป็นต้นเหตุทำให้ใจเกิดทุกข์อย่างแท้จริง <O:p</O:p
    โปโนพภะวิกา นันทิราคะสะหะคะตา ตัตระ ตัตราภินันทินี เสยยะถีทัง กามะตัณหา
    คือ มีความอยากเวียนว่ายตายเกิดอยู่ร่ำไป และมีความกำหนัดยินดีในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสที่น่าปรารถนา ก็เป็นเหตุให้ใจเกิดทุกข์ <O:p</O:p
    ภะวะตัณหา
    สิ่งใดที่ยังไม่มี ก็คิดอยากจะให้มีขึ้นมา อย่างนี้ก็ทำให้ใจเกิดทุกข์<O:p</O:p
    วิภะวะตัณหา
    และเมื่อมีทุกอย่างสมปรารถนาแล้ว ก็อยากจะให้ทุกอย่างคงทนอยู่ตลอดไป เมื่อมันจะต้องสลายหายไป ก็ร้อนใจไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น อย่างนี้ก็ยิ่งทำให้ใจเกิดทุกข์หนักขึ้นอีก ฯ <O:p</O:p
    อิทัง โข ปะนะ ภิกขะเว ทุกขะนิโรโธ อะริยะสัจจัง โย ตัสสาเยวะ ตัณหายะ อะเสสะวิราคะนิโรโธ จาโค ปะฏินิสสัคโค มุตติ อะนาละโย ฯ
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การดับตัณหาความอยากให้หมดไปจากใจด้วยการ ละ วาง ปล่อย และไม่คิดยินดีพัวพันอยู่กับตัณหาความอยากนั้นอีกเด็ดขาด คือ การดับทุกข์ให้หมดไปจากใจได้อย่างแท้จริง ฯ

    ลองพิจารณาเนืองๆดูเถอะครับ จะเห็นชัดมากครับ เราทั้งหลายหนีไม่พ้นเรื่องเหล่านี้<O:p</O:p
     
  14. Pattana

    Pattana ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2005
    โพสต์:
    12,737
    ค่าพลัง:
    +205,377
    ประกาศ

    ทั่นพรหมประกาศิต หรือน้าแผนของน้องๆ
    ได้หายตัวไปจากสโมสรเป็นเวลานาน
    บัดนี้ทางสโมสรได้ให้อภัยแล้วในทุกสิ่งทุกอย่างที่ทั่นได้กระทำลงไป
    รวมทั้งจะให้การ อนุโมทนา ด้วย
    ท่านใดได้พบเห็น น้าแผน ก็ขอให้บอกด้วยว่า ให้กลับมาเที่ยวที่สโมสร
    เหมือนเดิมได้แล้ว เนื่องจากทางสโมสรไม่ได้ติดใจเอาความเรื่องพญานาคอีกต่อไปแล้ว

    เมื่อกลับเข้ามาแล้วทั้งที ก็น่าจะมี เฮ...ติดไม้ติดมือมาบ้างนะขอรับ


    จบประกาศแต่เพียงเท่านี้ ....สวัสดี..ท่านผู้ชม

    เมื่อกลับเข้ามาทั้งที ก็น่าจะมี เฮ...ติดไม้ติดมือมาบ้างนะขอรับ

    ลป.(ลืมไป) ช่วงนี้ผมความสบายได้ลดน้อยลงมาก จึงเอาแบบสั้นๆกันก่อน นอนล่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2006
  15. พรหมประกาศิต

    พรหมประกาศิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +13,541


    ใครว่าผมหายไปไหน ผมแวะมากินกาแฟ ทุกเช้าแหล่ะครับ แต่ไม่เห็นมีคน ก็เลยไม่ได้ฝากข้อความอะไรไว้ รู้สึกว่า คุณจะให้หวย เกือบแม่นนะ แต่ไพล่ไปออกข้างล่างแค่สองตัวเอง
    ใครจาไปถูกอ่ะ..งวดหน้าก็อดอีก เพราะรัฐบาลไม่หนับหนุนอ่ะครับ....
     
  16. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    เมื่อวานซืนวันอาทิตย์ ผมไปรับพระสมเด็จผงยาวาสนาที่ท่าพระจันทร์ที่นำไปเลี่ยมเงินชุบทองคำขาว และนำพระไปใส่กรอบเพิ่ม แล้วก็ข้ามฟากไปทำบุญที่วัดระฆัง มีถวายผ้าไตร และทำบุญอีกหลายอย่าง ให้อาหารปลา ระหว่างที่เดินมาท่าน้ำเพื่อซื้ออาหารปลา ก็ฝากผลบุญให้กับสัตว์น้ำน้อยใหญ่ทั้งหลายที่ถูกกักขัง ปลาที่อยู่ที่ท่าน้ำ และนกพิราบ

    ตอนผมจะกลับบ้าน ก็ไม่ทราบนึกยังไง นึกอยากจะไปวัดปทุมวนาราม "เผื่อฟลุ๊ค เจอหลวงพ่อถาวร" ผมนึกหยั่งงั้น เพราะว่าหลวงพ่อถาวรผมตั้งใจไปหาสองครั้ง ครั้งแรก เพื่อนนัดไปวัดบวรฯ นึกว่าเค้าจะพาไปพบหลวงพ่อถาวร แต่เผอิญวันนั้นก็ไม่ได้ไป ครั้งที่สองก็นัดกับเพื่อนๆที่วัดปทุมวนารามเลย ปรากฎว่าไม่เจอท่าน มาครั้งนี้ก็ลองไปดุ่มๆดู

    เผอิญเดินไปเจอกุฏิท่าน สอบถามคนที่ทำความสะอาดอยู่ เค้าบอกว่าหลวงพ่อไปต่างจังหวัด กลับตอนเย็นๆ ผมก็คิดว่า สงสัยไม่ได้เจออีก ก็เดินเที่ยวในวัด มาถึงศาลาที่มุงแฝก เดินดูอภินิหารหลวงปู่ยี ที่แสดงอภินิหารแจกตะกรุดให้พันเอกปิ่น อธิบดีกรมการศาสนาและท่านอาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ ประธานศาลฎีกาในสมัยนั้น แล้วผมก็ได้กลิ่นหอมโชยมา เหลียวไปดูรอบๆ ก็ไม่พบมีใครจุดธูป

    กำลังจะกลับ พอดีเห็นหลวงพ่อเดินมาที่ศาลา ก็เลยได้เข้าไปกราบท่าน ก็คิดว่าเราไม่ได้เตรียมผ้าไตรจีวร พระพุทธรูปมาถวายสังฆทาน ของที่มีค่าที่สุดในตอนนี้ไม่ใช่เงิน แต่เป็นพระสมเด็จผงยาวาสนาที่ห้อยคออยู่ ก็เลยถอดถวายท่านพร้อมทั้งพระเครื่องที่นำติดตัวไปทั้งหมด ท่านก็ชมว่าพระที่ผมถวายสวยดี ท่านให้ผู้หญิงคนหนึ่งนำพานมา ผมก็หยิบพระใส่พานถวาย ท่านบอกให้อธิษฐานดีๆนะ ผมก็เลยอธิษฐานตามที่ต้องการ

    ผมได้มีโอกาสสนทนาธรรม ถามปัญหาธรรมที่คั่งค้างอยู่ ท่านก็เมตตาแสดงผม รู้สึกสว่างขึ้นมา ที่สงสัยก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง

    วันนั้นกลับบ้านด้วยใจปิติ จิตจดจ่ออยู่ตลอดว่า เราได้ทำบุญกับพระสุปฏิปันโน

    เดือนหน้าธันวาคม ผมจะได้เร่งทำความดีเป็นการส่งท้ายปีเก่า
     
  17. Pattana

    Pattana ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2005
    โพสต์:
    12,737
    ค่าพลัง:
    +205,377
    หลังจากที่ผมได้จุดธูปเรียกไปได้ไม่นาน ปรากฎว่าน้าแผนก็รีบเข้ามาเลย แสดงให้เห็นว่าคราวนี้น้าแผนแกพูดความจริงว่าแกไม่ได้หายไปไหน แสดงว่าว่าคนที่หายไปคือผมเองแหละ

    แหม..น้า เรื่องหวยนี่ นึกว่าจะลืมไปซะแล้ว แต่น้าแกดันเอาจริงเสียนี่ เอ...แต่จำได้ว่า บอกให้ซื้องวดสองไม่ใช่หรือ งวดนี้แหละ งวดที่เขาไม่ขายกันนี่แหละ งวดนี้เลยแหละน้า

    ว่าแต่ว่า ทำไมน้าแกถึงชอบกระซิบจัง เรารึ.อุตส่าห์ตะโกนซะใหญ่โตมโหฬาร กลัวว่าเขาจะอ่านกันไม่เห็น


    ถ้าน้าว่างๆก็ลองเข้าไปดูตาม Link นี้ด้วยนะ เอาพระไปให้ทหารมาแล้วครับ
    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=50544
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2006
  18. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    แวะมาสโมสรหลายครั้ง รู้สึกวังเวง เคว้งคว้าง เหมือนอยู่กลางนภากาศ
    มาวันนี้ได้พบน้าพรหม แอนด์ น้าพัฒน์ และอีกหลายท่าน ความรู้สึกดังกล่าว ก็พลันหายมลายสิ้น เผอิญ เตรียมน้ำมนต์มาพรมที่สโมสร เพื่อขจัดความเงียบเหงา วิเวกวังเวง เสริมสิริมงคล ด้วยครับ

    มาแต่ละทีก็จะทบทวนอดีต ที่ได้ทำบุญร่วมกัน เป็นกุศลจิต คิดเมื่อใด ก็สุขใจเมื่อนั้น ทุคติภูมิก็ค่อยๆห่างออกไปๆ

    ตอนนี้กำลังเตรียมปัจจัยร่วมงานบุญกับน้าพัฒน์ ที่ชุมพร
    ยังไงๆ ก็พลาดไม่ได้ บ้านพ่อ(กรมหลวงชุมพรฯ) ต้องเอาใจใส่หน่อย
    ท่านช่วยเรามามากแล้ว สาธุครับ
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ดีใจจังเลยครับ สมาชิกสโมสรเข้ามากันเยอะแล้ว วันนี้ผมมีเรื่องราวดีๆมาฝากกันอีกครับ

    14 วิธีใช้เวลาให้คุ้มค่า<O:p</O:p

    ในการทำงานนั้น หนึ่งในความเครียดที่ทุกคนต้องเผชิญเป็นประจำคือ
    การทีงานมากกว่าเวลาที่มี หรือว่า ความรู้สึกที่ว่าเวลาน้อยจนไป
    เวลาก็เหมือนกับทรัพยากรอื่นที่มีจำนวนจำกัด
    จึงต้องใช้ไห้อย่างคุ้มค่าที่สุด
    เมื่อเราทำงานได้ทันตามเวลาที่กำหนด
    แน่นอนครับความเครียดก็จะลดลงตามไปด้วย
    ซึ่งผลสุดท้ายที่ได้คือสุขภาพกายและใจ ที่จะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด <O:p</O:p
    ถ้าคุณเป็นคนนึงที่รู้สึกว่าเวลาทำงานน้อยเกินไป
    เมื่อเทียบกับงานที่ได้รับมอบหมาย
    หรือแค่อยากจะใช้เวลาทำงานที่มีอยู่ให้คุ้มค่ามากขึ้น
    คุณไม่ได้คิดแค่คนเดียวหรอกครับ มีคนอีกเป็นจำนวนมากที่คิดอย่างนี้ครับ
    เราทุกคนต้องการที่ทำงานได้มากขึ้นในเวลาที่เท่าเดิม
    เพื่อความก้าวหน้าในหน้าที่การทำงาน การบริหารเวลานั้น
    ที่จริงแล้วคือการที่คุณบริหารตัวคุณเองนั่นแหละครับ
    มันเป็นเรื่องของการสร้าง
    commitment การจัดการ และการมุ่งสู่เป้าหมาย
    และใช้เวลาให้คุ้มค่าอย่างที่สุดและนี่คือคำแนะนำนะครับ ที่จะช่วยให้คุณ
    activeมากขึ้น และมีความคิดที่ proactive เกี่ยวกับการใช้เวลา <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ทำตามแผน
    <O:p</O:p
    1- จัดทำรายการ to-do list
    เริ่มต้นด้วยการ เขียนรายการสิ่วที่ต้องทำ (to-do list)
    หรือรายการสิ่งที่ควรจะทำเอาไว้ แล้วพยายามทำให้เป็นนิสัยนะครับ
    อันนี้รวมถึง
    การแบ่งแยกรายการ่างๆ ออกเป็นงานแบบเร่งด่วน กับงานธรรมดาที่ไม่ด่วนมาก
    เพราะนั่นจะทำให้คุณไม่มีทางพลาดรายการอะไรที่จำเป็นสำหรับคุณไปเลย
    และไม่ว่าคุณจะไปไหน ให้พกติดตัวไปด้วยนะครับ คุณอาจจะลงบันทึกไปใน palm
    หรือว่า pocket pc หรือว่า agenda เล่มโปรด ก้แล้วแต่ความถนัดนะครับ
    ประเด็นคือ
    ให้ update ให้บ่อย และพยายามทำตามที่จดไว้นะครับ นอกจากนี้
    ถ้าคุณมีโครงการ
    หรือว่างานอะไรก็ตามที่ต้องใช้เวลานานพอสมควร ให้แบ่ง project นั้น
    ออกเป็นงานย่อยๆ ที่คุณสามารถแบ่งเวลามาทำได้ ถึงแม้ว่าคุณจะมี
    เวลาว่างเพียงช่วงสั้นๆ <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    2- แบ่งเวลา
    เริ่มต้นตั้งแต่ การประมาณการเวลาที่คุณจะใช้ในแต่ละงาน
    ให้ออกมาเป็นตัวเลขกลมๆ
    เลยนะครับ อาจจะเป็น 10 นาที หรือ 3 ชั่วโมง
    และสรุปด้วยวันที่ที่คุณคาดว่า
    งานนั้นจะต้องเสร็จ โดยเฉพาะงานที่ไม่มีลำดับงาน ก่อนหน้า
    หรือว่าต้องรอทำงานต่อจากนี้ คุณสามารถที่จะใช้เวลาว่างๆ
    ในช่วงที่คุณไม่คาดคิดทาก่อน ยกตัวอย่างนะครับ
    คุณสามารถใช้เวลาว่างระหว่างคอยการประชุม นั่งค้นหาข้อมูลจาก internet

    <O:p3- กำหนดวัน deadline ในแต่ละงาน และพยายามทำให้ได้
    การกำหนด deadlines ในแต่ละงานนั้น ให้กำหนดตามที่คิดว่าเป็นไปได้นะครับ
    และความจำเป็นของงานนั้นๆ ไม่ได้ง่าย หรือว่ายากจนเกินไป
    และจะต้องพยายามทำให้ได้นะครับ ไม่ใช่ ตั้งไว้เฉยแล้วไม่ทำตาม
    คุณเคยสังเกตุไม๊ครับว่า คุณทำงานได้เร็วมากแค่ไหน ไม่ว่าการอ่าน
    หรือว่าทำงานเอกสาร การมอบหมายงาน หรือการตัดสินใจในเรื่องๆใดๆก็ตาม
    คุณมักจะทำได้เร็วกว่าปกติเสมอ ถ้าวันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุดลาพักร้อน
    และคุณต้องจัดการงานทุกอย่างให้เสร็จก่อนที่คุณจะหยุดไป
    ก็เหมือนกับงานทั่วไปแหละครับ ไม่ว่าคุณมีเวลานานมากแค่ไหน 3 เดือน หรือ 3 วัน คุณก็จะใช้เวลาสั้นๆ ก่อนที่จะครบกำหนดมาจัดการงานนั้นๆ และเชื่อไม๊ครับ
    มันก็เสร็จทันเวลาทุกครั้งไป แต่ช่วงที่คุณกำลังปั่นงานนั่นแหละครับ
    เป็นช่วงที่คุณมีความเครียดค่อนข้างมาก สิ่งที่เราจะบอกคือ
    เมื่อมีกำหนดวันเสร็จของงาน คุณก็จะมีความครียดมากขึ้น
    แต่นั้นก็ทำให้คุณทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเช่นกัน<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    หลีกเลี่ยงการเสียเวลา <O:p</O:p

    4- ใช้เวลาอย่างฉลาด
    เลือกที่จะ check mail ให้เป็นเวลานะครับ แล้วให้ voice mail รับสายแทน
    ถ้าคุณอยู่ในช่วงเวลาที่ไม่อยากให้ใครมากวน
    และอยากให้งานนั้นเสร็จโดยเร็วที่สุด ในเวลา 1 -2 ชั่วโมง
    และถ้าเป็นไปได้นะครับ ไม่ควรที่จะหยิบเอกสาร หรือว่า email
    มาอ่านซ้ำโดยไม่จำเป็น ดังนั้น อย่าเปิดเอกสาร หรือ check mail
    จนกว่าคุณจะแน่ใจว่า คุณมีเวลามากพอที่จะอ่าน และจัดการกับมัน
    ไม่ว่าจะเป็น
    การตอบ forward ไปให้คนที่เหมาะสม จัดเก็บเข้า หรือว่าสมควรที่จะลบทิ้ง <O:p</O:p

    5- ทำทุกอย่างให้เป็นระเบียบ
    จัดโต๊ะทำงานให้เรียบร้อย จัดเก็บงานเอกสาร ทั้งที่เป็น hard copy และ
    soft
    copy ที่อยู่ในเครื่องคุณ ให้มีความเป็นระเบียบ และง่ายต่อการค้นหา
    ทั้งนี้รวมถึง e-mail ด้วยนะครับ คนเราใช้เวลาค่อนข้างมาก
    ในการที่จะจัดหาเอกสารหรือว่าข้อมูล ที่เรารู้ว่าเรามี
    แต่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน
    ก็คงเหมือนที่ Benjamin Franklin พูดเอาไว้นะครับว่า: "A place for
    everything,
    everything in its place." (ผมขอไม่แปลนะครับ) <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    6- Stay on task
    ให้เตรียมกล่อง หรือว่าถาดสำหรับใส่เอกสาร ไว้ที่โต๊ะนะครับ
    แล้วติดไว้ด้วยคำว่า กล่องรับเอกสาร
    ให้เอกสารทุกอย่างที่ใครๆก็ตามอยากส่งถึงคุณ ให้ใส่ลงมาในนี้ให้หมด
    ดังนั้นเอกสารทุกอย่างจะไม่กระจัดกระจาย
    และคุณสามารถนำมาจัดการได้ทันทีที่มีเวลาว่าง เพราะฉะนั้น
    เมื่อมีใครมาตามงาน
    คุณจะได้รู้ทันทีว่า งานนั้นถึงไหนแล้ว อ่านหรือยัง
    และถ้ายังคุณจะได้รู้ว่าอยู่ในกล่องนั้น โดยที่ไม่ต้องไปเสียเวลารื้อโต๊ะ
    นั่นจะมีเวลาให้คุณทำงานของคุณเพิ่มมากขึ้น <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    7- เลี่ยงการถูกรบกวน
    ปิดประตูห้องทำงานบ้างนะครับ ถ้าคุณเป็นพวกที่ทำงานอยู่ในห้อง
    เพราะไม่มีประโยชน์อะไรที่คุณจะเปิดห้องตลอดเวลา
    แม้ในขณะที่คุณกำลังทำงานเร่งด่วน เพราะถ้าคุณทำงานด่วน ที่สำคัญอยู่นั้น
    การได้รับการรบกวนขณะที่ทำงาน คุณจำทำงานได้ช้าลง และคุณก็ไม่มีสมาธิ
    ที่จะฟังปัญหาของอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ ดังนั้น
    ถ้ามีเพื่อนร่วมงานเดินมาหาคุณที่โต๊ะ ในขณะที่คุณกำลังยุ่งอยู่แล้วละก็
    ให้ลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ แล้วอธิบายให้อีกฝ่ายทราบว่าคุณกำลังยุ่งอยู่
    และขอให้นัดหมายเวลาพูดคุยกันอีกครั้งหนึ่ง
    หรืออย่างน้อยก็ให้คุณทำงานที่คุณทำอยู่ให้เสร็จเสียก่อน
    และการลุกขึ้นยืนพูดในทางจิตวิทยา
    เป็นการยืนยันถึงคำพูดคุณว่าคุณหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ

    <O:p</O:p
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรียนรู้และทำงานแบบ teamwork<O:p</O:p
    8- ร่วมมือ และช่วยเหลือกัน
    เพื่อนร่วมงานของคุณ คาดหวังว่างานของคุณจะเสร็จตามกำหนดเวลา
    เหมือนกับที่คุณคาดหวังจากพวกเค้าเช่นกัน
    ดังนั้นพยายามให้แน่ใจว่างานของคุณจะทันเวลา นะครับ
    แต่เพื่อเป็นการปลอดภัยไว้ก่อน พยายามเผื่อเวลาเอาไว้บ้างในแต่ละงาน
    สำหรับปัญหา หรือว่า สิ่งเราไม่ได้คาดคิดเอาไว้
    ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านการสื่อสาร หรือการเปลี่ยนแปลงกำหนดเวลา
    สมมติถ้าคุณมีงานที่จะต้อง present ในวันที่ 25 พยายามทำให้เสร็จ
    หรือว่ากำหนด deadline ให้กับตัวเองในวันที่ 23
    เพื่อป้องกันสิ่งที่ไม่คาดที่อาจจะมีปัญหากับการทำงานของคุณ <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    9- เลี่ยงการติดตามงานที่ไม่จำเป็น
    ถ้าคุณได้มีการ มอบหมายงานหรือว่าหน้าที่ ไปให้กับคนอื่นๆแล้ว
    ก็ไว้ใจกับที่ได้รับมอบหมายไปเถอะครับ
    นอกจากคุณจะได้รับมอบหมายเป็นพิเศษให้ติดตามงานนั้น
    ทั้งนี้ในทางปฏิบัติแล้ว
    คนเป็นจำนวนมาก เสียเวลาไปกับการฟัง หรือว่าอ่านรายงาน
    ทั้งๆที่งานนั้นไม่ใช่เรื่องของตัวเอง ถ้าเพื่อนร่วมงานของคุณ
    ทำงานวิจัยหรือว่าหรือว่างานอะไรก็เถอะครับ
    ถ้างานนั้นไม่มีผลกระทบต่อการทำงานในทุกๆวันแล้วละก็
    คุณควรจะแสดงความสนใจในงานนั้น ด้วยการใช้คำพูดให้กำลังใจ
    หรืออาจจะพูดคุยวักถามช่วง coffee break หรือว่าช่วงเวลาอาหารกลางวัน
    แค่นั้นก็น่าจะพอครับ <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    10- เลือกประชุม
    พิจารณาถึงการประชุม ทุกทุกเรื่องที่คุณต้องเข้าประชุมอย่างรอบคอบ
    ในแง่ว่าจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องมีคุณ แน่นอนครับ ถ้าคิดว่าจำเป็น
    ก็ให้ลงไว้ใน
    agenda ของคุณ แล้วเตรียมตัวให้พร้อม
    แต่ถ้าไม่มีความจำเป็นที่คุณจะต้องมีส่วนร่วม
    ลองเข้าไปคุยกับนายของคุณเป็นการส่วนตัว
    ว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่คุณจะไม่เข้าประชุมนั้นๆ เพื่อหันไปทำงานอื่น
    ที่จะมีประโยชน์ต่อองค์กรมากกว่า <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    11- คิดใหม่
    การที่คุณมีโครงการ หรือว่างานใหม่อยู่ในมือ หรือว่าดูแลอยู่เสมอ
    อย่างน้อย 1
    งานนั้น จะช่วยทำให้ทักษะของคุณก้าวหน้า หรือว่าแหลมคมอยู่เสมอ
    และถ้าคุณทำได้
    อาจจะมากกว่านั้น คือ 2-3 โครงการก็จะดียิ่งขึ้นไปอีก เพราะนั่นจะทำให้
    สมองได้
    คิดอะไรที่แตกต่างไปจากเดิมบ้าง ลำดับความคิด หรือว่า logic
    ในการคิดต่างๆก็จะเปลี่ยนตามไป ตาม ธรรมชาติของงานแต่ละชิ้น
    นั้นหมายถึงว่าสมองคุณจะได้ใช้ทักษะมากขึ้น ในแง่มุมที่ต่างกัน
    และได้ทำงานได้อย่างเต็มที่ <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    12- เลือกงานอย่างระมัดระวัง
    พยายามที่จะเลือก และทำงาน ที่คุณคิดว่ามีคุณค่าต่อองค์กรที่คุณทำงานอยู่
    และต้องเป็นงานที่คุณจะใช้ความสามารถที่คุณมีได้อย่างเต็มที่
    บางทีหรือว่าบางครั้งมันก็เป็นการดีเหมือนกันนะครับ ที่คุณจะปฏิเสธ
    หรือว่าไม่ยอมรับข้อเสนอ ที่คุณจะได้รับงานมอบหมายให้เพิ่มมากขึ้นจากเดิม
    จากงานปกติที่คุณทำอยู่แล้ว-- นักธุรกิจ ที่ขึ้นว่าประสบ ความสำเร็จนั้น
    ทุกคนรู้ว่าบางครั้งเราจำเป็นที่จะต้องพูดคำว่า "ไม่" ก่อนอื่น
    ให้เริ่มต้นด้วยการถามตัวเองนะครับว่า "งานนี้จะมีส่วนช่วยให้
    คุณก้าวหน้าในอาชีพการงานหรือเปล่า " และ "และคุณมีเวลามากพอที่จะทำงานที่ ได้รับมอบหมาย ให้เสร็จตามกำหนดเวลา หรือไม่" <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    13- หยุดผลัดวันประกันพรุ่ง
    มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่จะ
    ผลัดหรือว่าเลื่อนงานที่ตัวเองไม่ชอบออกไปเรื่อยๆ
    เริ่มต้นการแก้ด้วยการจัดรายการงานที่น่าสนใจ ที่คุณชอบ
    ให้เป็นรายการต่อไปถัดจากรายการที่แสนจะน่าเบื่อ
    หรือถ้าคุณเป็นพวกที่เกลียดงานเกี่ยวกับตัวเลข หรือว่างานบัญชี
    ลองจัดให้งานพวกนี้อยู่เป็นรายการแรกๆของวันที่คุณต้องทำ
    ทั้งนี้เพราะช่วงเวลาเช้า เป็นช่วงเวลาที่คุณมีพลังงานอย่างเหลือเฟือ
    และมีโอกาสที่จะถูกกวนขณะทำงานน้อย
    ถ้าคุณยังมีนิสัยที่จะเลือนงานออกไปเรื่อย
    จนถึงวันที่กำหนดไปแล้ว อยู่เป็นประจำ ถึงเวลาแล้วละครับ
    ที่คุณควรที่จะใช้เวลามานั่งพิจารณาถึงตัวคุณกับงานที่ทำอยู่
    มองถึงเป้าหมายในการทำงาน ความสนใจส่วนตัว เพราะว่าจริงๆแล้ว
    นิสัยการผลัดวันประกันพรุ่งนั้น เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความที่คุณไม่พอใจ
    กับสิ่งที่คุณทำอยู่ <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    14- ให้รางวัลกับตัวเอง
    การบริหารเวลานั้น ไม่ได้หมายถึงเรื่องเกี่ยวกับงานเท่านั้น
    มันยังเกี่ยวข้องไปถึง เวลาทุกอย่างที่คุณใช้ไป
    ไม่ว่าเวลาที่คุณต้องการพักผ่อน
    หรือเวลา ที่คุณต้องใช้ไปในการ เติมไฟให้กับตัวคุณเอง ให้รางวัลกับตัวเอง
    เมื่องานแต่ละชิ้นสิ้นสุดลง อาจจะเป็นรางวัลง่ายๆเช่น
    การให้ช่วงเวลาที่หยุดพักออกไป coffe break หรือวางแผนที่จะไปพักผ่อนเมื่อ
    project ใหญ่ของคุณจบลง




    ผมมานั่งกินกาแฟ นั่งเล่าเรื่องดีๆให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ฟังแล้ว ผมกลับไปทำงานต่อละครับ หัวหน้ากำลังนั่งมองอยู่ คงสงสัยว่ายิ้มอะไรคนเดียว เดี๋ยวจะหาว่าผมบ้าครับ ไปละครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...