สักกายทิฏฐิ ๒๐

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย jinny95, 22 สิงหาคม 2011.

  1. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,761
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    :cool:

    ตกลงเจ้าตัวลบ หรือกลัวคนอื่นลบ
    ไปหาคำหยาบของเรามาสิ
    แต่ถ้าคุณจะลบของคุณ เราก็มีอ้างอิงของคุณอยู่อ่ะ

    การถูกด่าหยาบคายมากมาย
    กับการไม่รับ นั้น เราเคยยกพุทธพจน์มา ว่าเป็นอย่างไร
    เพื่อเปรียบเทียบว่าเหมือนกับที่คุณทำอยู่หรือไม่
    เอาแค่เม้นท์นี้ก็ยังได้จ๊ะ

    :cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 สิงหาคม 2011
  2. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    การสอนดูจิตที่เข้าใจผิดไปจากความเป็นจริงว่าจิตเกิดดับ หน้า ๒๒
    เผอิญมีผู้ปรารถนาดี ได้ช่วยค้นหามาให้พิจารณากันเองว่า ใครเป็นใคร

    ไม่ต้องโฆษณาหาความชอบธรรม คิดว่าลืมๆไปแล้วนะ ดีที่ช่วยเตือนความจำ

    ขนาดกรรมที่กระทำไว้ยังระลึกรู้ทันไม่ได้

    จะเอาสติปัฏฐานมาจากไหน ที่จะระลึกรู้อยู่ที่ฐาน...
     
  3. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    การสอนดูจิตที่เข้าใจผิดไปจากความเป็นจริงว่าจิตเกิดดับ หน้า ๒๒ คคห 430

    คิดว่าคงพอระลึกได้บ้างนะ ใครทำอะไรถูกผิดย่อมรู้อยู่แก่ใจ

    คิดจะหลอกใครก็พอหลอกได้ แต่การหลอกตนเองนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ
     
  4. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,761
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณเต้าเจี้ยว #303
    ตอบได้ปัญญาอ่อนดี จิตหลายดวงเกิดเป็นพวงไม่รู้จะช่วยอันไหนก่อน
    คุณอ่านหนังสือแตกไหมล่ะ
    ก็จิต ๗ ดวง ๘ ดวง ซึ่งเนื่อง เป็น อัน เดียว กัน
    ชื่อว่าสามารถเกิดในขณะเดียวกันย่อมไม่มี


    อ้อ .. อันนี้ เห็นทีไรก็ยังขำ
    เราย้ำนะว่า เรายังใช้คำเดิม ถ้าเทียบกับที่คุณหยาบคายมา
    เรายอมรับเจตนาของเราขณะนั้นทุกประการ ว่าคนอง..

    แต่ใครอยากเห็นที่มาทั้งหมด
    ก็กลับไปดูได้ทั้งหมดล่ะ

    อ่านแต่หน้านี้เลยนะ
    http://palungjit.org/threads/การสอนดูจิตที่เข้าใจผิดไปจากความเป็นจริงว่าจิตเกิดดับ.242699/page-15
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 สิงหาคม 2011
  5. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,761
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    อ่านแต่หน้านี้เลยนะ
    การสอนดูจิตที่เข้าใจผิดไปจากความเป็นจริงว่าจิตเกิดดับ
    <!-- google_ad_section_end -->
    ใครสนใจ
    อยากให้อ่านไล่เม้นท์ไปนะ

    จะได้ไม่ยกเม้นท์สลับกันไปมา
    เพราะในกระทู้นั้น เราก็ต้องมาเรียงไล่เม้นท์ใหม่
    เพื่อไม่ให้บิดเบือนการตอบของแต่ละคน
    แล้วมาบอกว่าถาม แต่ไม่ตอบคำถาม อะไรแบบนี้

    ถ้าขยันจะอ่านแต่ต้นกระทู้ก็ได้
    จะได้ดูความหยาบคายได้จริงอะนะ

    ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 สิงหาคม 2011
  6. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ก็ดีที่ยังขำได้ กับความใสซือที่คิดขึ้นเองว่า เมื่อเทียบกับที่คุณหยาบคายมา

    หยาบคายก็คือหยาบคาย จะมากจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับพื้นฐานของคนๆนั้น

    ถ้าคนองปากแล้วหยาบคายใส่ใครก็ได้นั้น ฆ่าคนตายด้วยความคนองใจก็ต้องไม่ผิดกฏหมายสิ

    อย่าเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่ตนเองทำเป็นบรรทัดฐานแห่งความถูกต้องอยู่คนเดียวสิ

    เมื่อมีการเปรียบเทียบความหยาบคาย ก็ต้องมีคู่เปรียบเทียบกับคนที่ให้คำหยาบคายมาก่อนด้วยสิ

    จึงจะเป็นการยุติธรรมสำหรับคนที่โดนกล่าวหาว่าร้ายว่าหยาบคายเพราะความคนองปากคนองใจ

    อย่าลืมสิการส่งคืนให้คนที่หยาบคายมาก่อน เมื่อมีการหีบห่อกลับคืนให้นั้น ขั้นตอนย่อมต้องมีมากกว่า

    เป็นเรื่องแปลกแต่จริง เวลาตนเองต้องการเอาชนะคะคานใครด้วยคำพูด เป็นเรื่องสมเหตุสมผลอย่างยิ่ง

    แต่เวลาโดนเอาคืนด้วยคำพูดบ้าง กลับรู้สึกว่าตนเองโดนเอารัดเอาเปรียบอย่างยิ่งเช่นกัน เมื่อเทียบกับสิ่งที่ตนเองได้ทำลงไป

    เริ่มจากการถกธรรม เมื่อไม่ตอบก็ไม่มีใครว่าอะไรได้

    แต่ไหงกลายเป็นเรื่องใครหยาบคายกว่าใครไปได้ โดยไม่สนใจเหตุปัจจัยที่มาที่ไป ที่ทำให้เกิดเรื่องขึ้น

    ขอชนะที่คำพูดไว้ก่อนเพราะเป็นผู้หญิง ก็เพราะเป็นผู้หญิงจึงได้อ่อนข้อให้ และพยายามยกเหตุผลมาอ้างอิงอย่างชัดเจน

    แต่กลับโดนโต้ตอบด้วยความคนองปากเท่านั้น คนอะไรไม่รักเหตุผลเอาเสียเลย?


    แล้วสังคมคุณภาพออนไลน์จะเกิดขึ้นได้ยังไง เมื่อมีแต่คนไม่ยอมรับเรื่องเหตุเรื่องผลที่ตริตรองตามได้

    โดยเอาแต่ความเชื่อในสิ่งที่ตนเองรู้มาเป็นใหญ่ ถูกต้องหรือไม่ๆสนใจ เท่านั้นหรือ?
     
  7. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,761
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692

    เราคนองจริง เผลอไมได้ด้วย
    จะนึกสนุกทันที ต้องขอโทษคุณด้วย
    ไม่ได้มีเจตนาจะว่าคุณจริงๆ ..อย่างที่คุณชอบด่าใครหรอก

    ก็ที่อยากให้คนอ่านทั้งหมด หากสนใจ
    เพราะเพื่อเทียบระหว่างคำนั้นของเรา ว่ามีที่มาอย่างไร
    กับคำหยาบของคุณทั้งหมดอะนะ

    เราไปย้อนอดีตมา แปลกใจ ที่คุณกับติดใจในคำนี้มาเนิ่นนาน
    แต่กับตัวเอง ทำไมไม่เห็นอะไรเลย

    กระทู้นั้น ใจเราน่ะจะไปช่วยคนอื่น แต่คนอื่นกลับมาช่วยเราเสียมาก
    ต้องขอขอบคุณ มาอีกครั้ง ..

    เออ.. พอไปอ่าน ก็รู้ด้วยว่า ใครกันแน่ที่ไม่ตอบคำถามใคร


    ใครขี้เกียจ ก็อ่านแค่นี้ก็ได้
    http://palungjit.org/threads/การสอนดูจิตที่เข้าใจผิดไปจากความเป็นจริงว่าจิตเกิดดับ.242699/page-18
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 สิงหาคม 2011
  8. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    #342ตอบได้ปัญญาอ่อนดีจริงๆ เกี่ยวอะไรกับกล้วยทอดล่ะครับ???


    นี่คือความคิดเห็นที่#342 ที่รับการคืนกลับแบบตรงๆ ได้หีบห่อคืนให้ตั้งแต่#341แล้ว

    ส่วนที่โดนด่าว่าตอบได้ปัญญาอ่อนดีนั้น โดนตั้งแต่ความคิดเห็นที่#303

    ถามตรงๆเถอะว่า มีเจตนาอะไรแอบแฝงอยู่ในใจ ทำไมตอนยกมาแปะไม่บอกให้เค้าได้รู้กันหละ

    ว่าได้คนองปากด่าเค้าไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ความคิดเห็นที่#303แล้ว

    เพราะก่อนหน้านั้น ยังสนทนากันด้วยว่าวาจาที่เชือดเฉือนกันไปมาเท่านั้น

    อาจมีการบริภาษไปบ้างตามเนื้อผ้า เพราะผู้ตอบมาโดยไม่สมเหตุสมผล มีการกะล่อนเอาตัวรอดเท่านั้น

    ระยะห่างกันพอสมควร แสดงว่าความรูสึกช้า หรือพิจารณานานไปหน่อยเพราะเห็นว่าเป็นผู้หญิง

    ทำอะไรให้มีความบริสุทธิ์ใจเป็นที่ตั้ง ถึงจะมีอุปสรรคยากเข็ญเพียงไหนก็ย่อมผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
     
  9. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,761
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    คนองของเรา คงไม่ใช่อย่างที่คุณกล่าวหาหรอก
    คือไม่ได้ตั้งใจว่าคุณจริง อย่างที่คุณด่าใคร


    ยกมาแล้วไง
    ว่าก็คงจะใช้คำเดิม
    ให้คุณลองเทียบ กับที่ใช้คำหยาบกับเรามาก่อนๆ หน้า
    และถ้าการไม่รับ .. โดยเอาคืนให้มากกว่าอย่างที่คุณเข้าใจ
    คำว่าปัญญาอ่อน คงแทบไม่มีน้ำหนัก
    เท่าคำหยาบคายของคุณที่มีมาก่อนตลอด

    ติดใจกับคำนี้มากเลยเหรอ

    มีคำอื่นอีกไหม??
     
  10. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    สนุกนักหรือที่ไปเที่ยวด่าใครต่อใคร สนุกเสียที่ไหนหละ

    ต้องเสียเวลาเปลืองสมองที่จะหาวิธีส่งคืนคำด่านั้นกลับไปให้เจ้าของเดิม

    จะไปติดใจอะไรกันนักกันหนากะแค่คำพูดที่ออกมาจากลมปากเท่านั้น

    ติดใจแล้วได้อะไร ใกล้มรรคผล นิพพานก็ไม่ใช่

    เมื่อโดนกล่าวหาว่าร้ายว่าชอบหยาบคายด่าว่าคนอื่นก่อน โดยที่ไม่เป็นความจริงเลยนั้น

    เมื่อพิจารณาแล้วว่าไม่เป็นความจริง เป็นเพียงแค่อคติธรรม ก็ต้องชึ้แจงเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง

    ปรกติแล้ว เมื่อถกธรรมเสร็จไม่เคยใส่ใจเลยว่า ใครที่ด่าว่ามา และไม่คิดถือโทษโกรธอะไรใครทั้งสิ้น

    ถือโทษโกรธไปทำไม เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องของกรรม เพียงแค่เจตนาก็มีผลแล้ว

    บางทีที่มีการพิจารณาต่อ ก็แค่เนื้อธรรมที่ถกกันไปนั้น ยังมีขาดตกบกพร่องตรงไหน จึงไม่เข้าใจกัน

    เพียงแต่ในบางครั้ง ต้องการที่สื่อสารกลับไปด้วยคำหยาบคายที่ผู้อื่นให้มา ว่าผู้ที่ให้มานั้นชอบจริงๆหรือ?

    การที่ได้ถกกับบุคคลเหล่านั้นมาในกระทู้ที่ว่านี้ โดนคนเหล่านั้นตามบี้มาตลอดไม่ใช่แค่เพียงกระทู้นี้เท่านั้น

    โดนบี้มานาน ตั้งหลายกระทู้แล้ว โดนด่ามาก็ไม่น้อย และได้ตอบข้อข้องใจไปตามธรรมเนียมที่ถูกถามอย่างตรงไปตรงมา

    ได้ย้อนกลับไปทุกครั้งว่าคำถามที่ถามไปหละ ทำไมไม่ตอบ กลับโดนเล่นงานเสียเองว่าไม่ตอบคำถาม

    แบบนี้จะให้เรียกว่าอะไรดี อ้อเป็นการย้อนกลับเพื่อให้รู้สึกเกิดความชอบธรรมขึ้นเท่านั้นหรือ?

    เห็นมีแต่บุญพิชิตเท่านั้น ที่ค่อนข้างตรงไปตรงมา ถึงจะขาดเหตุผลบ้างในบางครั้งก็ยังพอรับได้

    อย่าพยายามกล่าวหาโดยคำพูดที่ลอยๆเท่านั้น ว่าใครที่ไม่ตอบคำถามใคร?

    หลักฐานเท่านั้นที่จะทำให้เกิดสังคมคุณภาพออนไลน์ขึ้นมาได้

    เหตุที่เกิดทั้งหมดนี้ ก็เพราะเพียงแค่ไม่ยอมรับผิดชอบในคำพูดที่ชอบพูดลอยไปลอยมานั่นเอง...
     
  11. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    เฮ้อ!!! ผิดคือผิด ถูกคือถูก ถึงจะพิไลรำพรรณไปก็ไม่ช่วยให้สิ่งที่ได้พูดออกไปแล้วกลับกลายได้

    แปลกจริงๆกับจิตใจคน คำของตนนั้นแทบไม่มีน้ำหนัก แต่พอโดนตอบกลับรู้สึกหนักเหลือเกิน

    จิตใจคนชั่งยากแท้หยั่งถึง ถ้าไม่เคยผิดมาก่อน ก็แสดงว่าไม่เคยทำในสิ่งที่ถูกต้องมาก่อนเลยใช่หรือไม่?

    จึงได้ไม่ว่ารู้ที่ถูกต้องควรเป็นยังไง ถ้าติดใจคงไม่โปรงเบาสบายอย่างทุกวันนี้หรอก...
     
  12. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,761
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    มีเจโตเหรอ

    ไปรู้อีกว่าเขาหนัก

    เออ นี่ก็เป็นคำเก่าของเรา นินา...
    กับการคิดของคุณ บางทีมันก็ทำให้รู้สึกแบบเดิม

    ผิดถูก ไม่ใช่คุณเป็นผู้สรุปนะ
    ให้กรรมเขาว่าไปเองนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 สิงหาคม 2011
  13. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,209
    ค่าพลัง:
    +3,129
    ความโกธรของข้าไม่เท่าไร แต่อย่าทำให้เมียข้าโกธร
    ไม่งั้น ข้าจะงอล ชิ
     
  14. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ความโกรธมีประมาณเท่าใด คนที่มีอารมณ์โกรธย่อมมีประมาณเท่านั้น

    โกรธไปเพื่ออะไร? เพื่อให้ได้โกรธใช่หรือไม่? ซึ่งหาประโยชน์อะไรไม่ได้เลย

    ฉะนั้น เมื่อเมียใครอยากจะโกรธก็ปล่อยให้โกรธไป จะงอนไปก็เท่านั้นใช่หรือไม่55+...
     
  15. ยอดคะน้า

    ยอดคะน้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2010
    โพสต์:
    960
    ค่าพลัง:
    +711
    ใช่ ใช่ พี่ภูต :cool:
     
  16. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,761
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    พระสังฆรักขิต

    พระศาสดาตรัสถามเหตุที่เกิดขึ้น ลำดับนั้น ภิกษุหนุ่มและสามเณรทั้งหลาย ไล่ตามจับภิกษุนั้นพามายังสำนักพระศาสดา. พระศาสดาทอดพระเนตรเห็นภิกษุเหล่านั้นแล้ว ตรัสถามว่า “ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอมาทำไมกัน?” พวกเธอได้ภิกษุรูปหนึ่งหรือ?”
    พวกภิกษุ. อย่างนั้น พระเจ้าข้า พวกข้าพระองค์พาภิกษุหนุ่มรูปนี้ ซึ่งกระสัน (จะสึก) แล้วหลบหนี มายังสำนักพระองค์.
    พระศาสดา. ได้ยินว่า อย่างนั้นหรือ? ภิกษุ.
    พระสังฆรักขิต. อย่างนั้น พระเจ้าข้า.
    พระศาสดา. ภิกษุ เธอทำกรรมหนักอย่างนั้น เพื่ออะไร? เธอเป็นบุตรของพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ผู้ปรารภความเพียร บวชในศาสนาของพระพุทธเจ้าผู้เช่นเรามิใช่หรือ? ไม่ได้อาจให้เขาเรียกตนว่า ‘พระโสดาบัน’ ‘พระสกทาคามี’ ‘พระอนาคามี’ หรือ ‘พระอรหันต์’, ได้ทำกรรมหนักอย่างนั้นเพื่ออะไร?
    พระสังฆรักขิต. ข้าพระองค์กระสัน (จะสึก) พระเจ้าข้า.
    พระศาสดา. เพราะเหตุไร? เธอจึงกระสัน (จะสึก).
    พระสังฆรักขิตนั้นกราบทูลเรื่องนั้นทั้งหมดแด่พระศาสดา จำเดิมแต่วันที่ตนได้ผ้าวัสสาวาสิกสาฏก จนถึงเอาพัดก้านตาลตีพระเถระแล้ว กราบทูลว่า “เพราะเหตุนี้ ข้าพระองค์จึง (คิด) หลบหนีไป พระเจ้าข้า.”



    <CENTER>
    สำรวมจิตเป็นเหตุให้พ้นเครื่องผูกของมาร </CENTER>ลำดับนั้น พระศาสดาตรัสกะเธอว่า “มาเถิดภิกษุ เธออย่าคิดไปเลย, ธรรมดาจิตนี่มีหน้าที่รับอารมณ์ แม้มีอยู่ในที่ไกล, ควรที่ภิกษุจักพยายามเพื่อประโยชน์แก่การพ้นจากเครื่องผูก คือราคะ โทสะ โมหะ”

    ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า
    <TABLE class=D border=0 cellSpacing=0><TBODY><TR vAlign=top><TD>๔. <TD>ทูรงฺคมํ เอกจรํ <TD>อสรีรํ คุหาสยํ <TR vAlign=top><TD><TD>เย จิตฺตํ สญฺญเมสฺสนฺติ <TD>โมกฺขนฺติ มารพนฺธนา. <TR vAlign=top><TD><TD colSpan=2>ชนเหล่าใด จักสำรวมจิต อันไปในที่ไกล เที่ยวไป <TR vAlign=top><TD><TD colSpan=2>ดวงเดียว ไม่มีสรีระ มีถ้ำเป็นที่อาศัย ชนเหล่านั้น <TR vAlign=top><TD><TD colSpan=2>จะพ้นจากเครื่องผูกแห่งมาร.


    </TD></TR></TBODY></TABLE>แก้อรรถ
    <CENTER>
    </CENTER>บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ทูรงฺคมํ เป็นต้น (พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้)
    ก็ชื่อว่าการไปและการมาของจิต โดยส่วนแห่งทิศมีทิศบูรพาเป็นต้น แม้ประมาณเท่าใยแมลงมุม ย่อมไม่มี, จิตนั้นย่อมรับอารมณ์ แม้มีอยู่ในที่ไกล เพราะเหตุนั้น จึงชื่อว่า ทูรงฺคมํ.

    อนึ่ง จิต ๗-๘ ดวง ชื่อว่าสามารถเกิดขึ้นเนื่องเป็นช่อโดยความรวมกันในขณะเดียว ย่อมไม่มี, ในกาลเป็นที่เกิดขึ้น จิตย่อมเกิดขึ้นทีละดวงๆ, เมื่อจิตดวงนั้นดับแล้ว, จิตดวงใหม่ก็เกิดขึ้นทีละดวงอีก เพราะเหตุนั้น จึงชื่อว่า เอกจรํ.

    สรีรสัณฐานก็ดี ประเภทแห่งสีมีสีเขียวเป็นต้นเป็นประการก็ดี ของจิต ย่อมไม่มี เพราะเหตุนั้น จึงชื่อว่า อสรีรํ.

    ถ้ำคือมหาภูต ๔<SUP>#-</SUP> ชื่อว่า คูหา, ก็จิตนี้อาศัยหทัยรูปเป็นไปอยู่ เพราะเหตุนั้น จึงชื่อว่า คุหาสยํ.
    ____________________________
    <SUP>#-</SUP> มหาภูต ๔ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม.

    สองบทว่า เย จิตฺตํ ความว่า ชนเหล่าใดเหล่าหนึ่ง คือเป็นบุรุษหรือสตรี เป็นคฤหัสถ์หรือบรรพชิต เมื่อไม่ให้กิเลสที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น ละกิเลสที่เกิดขึ้นแล้ว เพราะความฟั่นเฟือนแห่งสติ ชื่อว่าจักสำรวมจิต คือจักทำจิตให้สงบ ได้แก่ไม่ให้ฟุ้งซ่าน.

    บาทพระคาถาว่า โมกฺขนฺติ มารพนฺธนา ความว่า ชนเหล่านั้นทั้งหมด ชื่อว่าจักพ้นจากวัฏฏะอันเป็นไปในภูมิ ๓ อันนับว่าเป็นเครื่องผูกแห่งมาร เพราะไม่มีเครื่องผูกคือกิเลส.

    ในกาลจบเทศนา พระภาคิไนยสังฆรักขิตเถระบรรลุโสดาปัตติผลแล้ว. ชนแม้เหล่าอื่นเป็นอันมาก ได้เป็นอริยบุคคลมีพระโสดาบันเป็นต้นแล้ว. เทศนาได้สำเร็จประโยชน์แก่มหาชน ดังนี้แล.


    ��ö��� �ط���ԡ�� �ҶҸ����� �Ե���ä��� � ˹�ҵ�ҧ��� � �� �
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 สิงหาคม 2011
  17. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,209
    ค่าพลัง:
    +3,129
    หุหุ เห็นเครียด เลยแซว สักหน่อย เนอะภรรยาโกรธ ก็ช่างเขาเนอะ okๆๆ
    ตาคะน้านี่รีบมาเลย นะยะ
     
  18. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80

    อนุโมทนา

    อรรถาบทนี้คว่ำมิจฉาทิฏฐิได้ชงัก
     
  19. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า
    ทูรงฺคมํ เอกจรํ[/COLOR] อสรีรํ คุหาสยํ
    เย จิตฺตํ สญฺญเมสฺสนฺติ โมกฺขนฺติ มารพนฺธนา.
    ชนเหล่าใด จักสำรวมจิต อันไปในที่ไกล เที่ยวไป
    ดวงเดียว
    ไม่มีสรีระ มีถ้ำเป็นที่อาศัย ชนเหล่านั้น
    จะพ้นจากเครื่องผูกแห่งมาร.


    เป็นเพราะภาษไทยเข้าใจได้ยาก จึงต้องมีพระบาลีกำกับ

    ขนาดมีพระบาลีกำกับแล้ว เอก จรํ แปลว่า ดวงเดียว เที่ยวไปชัดๆ

    ยังจะมีการตีความพระพุทธพจน์กันเอาเองตามมติชอบใจของตนเองอีก

    ส่วนอนึ่งเจ็ดแปด ดวงนั้น ล้วนเป็นอาการของจิต(จิตสังขาร)ที่ออกไปรับอารมณ์ทีละขณะ

    พระศาสดาและพระสาวกย่อมกล่าววาจาไม่ขัดแย้งกันเอง

    ต้องแยกจิตกับอาการของจิต(จิตสังขาร)ออกจากกันจึงจะถูกต้อง เพราะเรียกเป็นดวงเช่นเดียวกัน

    ชนเหล่าใดจักสำรวมจิต ภาษาก็ชัดเจนว่า จักสำรวมระวังจิต ทีมีดวงเดียวเที่ยวไป

    ถ้ามีหลายดวงในคนเดียวเที่ยวไปแล้ว เราจักสำรวมระวังจิตดวงไหนในเจ็ดแปดดวงนั้น

    เมื่อพระพุทธวจนตรัสไว้ชัดเจนขนาดนั้น ถ้ายังไม่เชื่อ ก็หมดเหตุที่จะอธิบายให้เข้าใจได้แล้ว
     
  20. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ผู้ที่ไม่เคยเห็นจิตด้วยตนเอง จะเข้าใจได้ยาก สิ่งเดียวที่ทำได้ คือ ปล่อยวาง

    เมื่อแนะนำบอกกล่าวไปแล้วหลายครั้ง ยังมองไม่เห็น ก็มีแต่จะทำให้ทะเลาะกันเสียเปล่าๆ

    ทางที่ควรเดิน ต้องมีความเข้าใจในธรรมนั้นๆ แต่เมื่อถึงที่สุดแล้ว ความเป็นจริงก็ปรากฎเอง
     

แชร์หน้านี้

Loading...