"สมเด็จ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก-สมเด็จพระเจ้า ตากสิน "สองมหาราชเเห่งชนชาติไทย

...." ถ้าเพียง เเค่บอกให้รู้ ว่ามีโลหะอยู่ข้าง ในจะฟันไม่ให้เกิด เสียงเลยก็ใด้ ".......................เมื่อไม้ ถูกผ่าตกลง ดินเป็น สอง ซีกเเล้ว เเละ ทุกคนเห็นว่ามีโลหะ สอดอยู่ข้างใน เพื่อเป็น การกลั่นเเกล้ง เจ้าชาย พันธุละ ...เเล้วขณะนั้น ผู้คนทั้งชื่นชม ความเก่งกล้าสามารถ ของท่าน พันธุละ เเละ โจทย์จัน ถึงการ ที่มีคนเเอบนำเหล็กสอด เข้าไปไว้ในกลางลำไม้ ซึ่งถ้าเป็น บุคคลทั่วๆไป .... จะฟันไม่ขาด เกิดอันตราย ทั้งจะ อับอายขายหน้าขึ้น ต่อเหล่าชาวเมือง......
ท่าน พันธุละจึง ประกาศว่า ..... " ถ้าหากข้าพเจ้า รู้ว่า มีโลหะ อยู่ข้างใน ไม้ ข้าพเจ้าจะ ฟันไม่ให้เกิดเสียง ก็สามารถ ทำใด้ ".....

 

"ท่าน พันธุละเสนาบดี "....................ด้วยสาเหตุ ในวันทดลอง ศิลปวิทยา เเละอาจจะ มีเหตุอื่นๆของความขัดเเย้งในการเเย่ง อำนาจในหมู่ราชวงค์ "มัลกษัตริย์" .....เจ้าชาย จึงตัดสินใจ สละสิทธิ์ในราชบัลลังก์ ......เเละ ในที่สุด ท่านใด้ เดินทาง " ไปรับราชการ กับพระสหายรักคือ " พระเจ้าปเสนทิโกศล " ....เเห่งเมือง " สาวัตถี " ..... ท่านใด้รับ หน้าที่เป็น ทั้งพระสหาย เเละเป็น " เสนาบดี " เเห่งเเคว้น " โกศล " ............จนคนทั้งหลาย เรียกขานพระนามท่านว่า ................... " พันธุละ เสนาบดี "..........
ณ เมืองสาวัตถีเเห่งนี้เป็น จุดเริ่มต้น ของพระประวัติ เเละพระเกียรติคุณ ....ในความ ซื่อตรง เเละ เสียสละเป็นที่สุด " เเห่ง ท่าน พันธุละ เสนาบดี ".........ซึ่งก็คือ พระชาติๆหนึ่งเเห่ง................. "สมเด็จ พระเจ้าตากสินมหาราช บรมโพธิสัตว์เจ้า".................ซึ่งผู้เขียนจะใด้นำเสนอ ใน วรรคต่อไปครับ

 

โมทนาสาธุอย่างยิ่งครับ

พระคาถาเงินล้านของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี ตั้ง นะโม ๓ จบ
สัมปะจิตฉามิ (คาถาสนองกลับ)
นาสังสิโม พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ (คาถาปัดอุปสรรค)
พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม (คาถาเงินแสน)
มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุ เม (คาถาลาภไม่ขาดสาย)
มิเตพาหุหะติ (คาถาเงินล้าน)
พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง
วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ
มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม (คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า)
สัมปะติจฉามิ (คาถาเร่งลาภให้ได้เร็วขึ้น)
เพ็ง เพ็ง พา พา หา หา ฤา ฤา



(บูชา 3,7,9 จบ ตัวพระคาถาต้องว่าทั้งหมด

เรื่องราวต่างๆเหล่านี้มันอยู่ในความทรงจำอยู่ในใจส่วนลึกของผมเสมอมา ขึ้นชื่อว่าผู้กล้าลูกผู้ชายชาตรีนั้น น้อยคนยิ่งนักที่จะเข้าใจ นั่งพิมพ์อยู่นี้ก็น้ำตามันใหลตื้นตันเมื่อนึกถึงท่าน ขอกราบแทบเบื้องพระบาทระลึกนึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และขออนุโมทนาสาธุอย่างยิ่งกับทุกอย่างทุกประการที่ท่านพ่อทั้งสองบำเพ็ญมาแล้วตั้งแต่ต้นจนอวสาน ข้าพระพุทธเจ้าขอตั้งสัตยาธิฐานว่า จะรักษาสมบัติที่พ่อให้คือพระโพธิญาณวิริยาธิกะพิเศษด้วยชีวิตและเลือดเนื้อ จะขอนำธงชัยพระโพธิญาณนี้ไปถวายพ่อให้จงได้ในอนาคตกาล ขอพ่อจงเป็นพระประทีปแก้วส่องสว่างนำทางตลอดไปด้วยเถิด
​

 

......" พระบรมโพธิสัตว์เจ้า ถูกกลั่นเเกล้ง ให้ร้าย "........... ตามประว้ติที่เขียนทั่วๆไป ......"ท่านพันธุละ".....เมื่อรับราชการอยู่ ณ เเคว้นโกศล ....หลายปีเเรกๆ.....ท่านใด้รับ ความไว้เนื้อเชื่อใจ มีความดีความชอบในราชการเป็นอันมาก ........หน้าที่ของท่าน ......มีหลายอย่าง เเต่ที่ชัดเจนคือ ......." การพิจารณา อรรถคดี ".....การทำหน้าที่ของท่าน......เป็นที่พอพระราชหฤทัย ......" พระเจ้าปเสนทิโกศล ".....เป็นอย่างยิ่ง.........เเต่ด้วยความตรงไปตรงมาของ การพิจารณาคดีของท่าน .......ไปขัดเเย้งกับพวกขุนนาง ......." หน้าซื่อใจคด ".........ที่กินสินบน...อยู่ .......
.... พวกขุนนางเหล่านั้นคง...ปรึกษาหารือหาวิธีกำจัดท่าน.....โดยวิธีการต่างๆ.......( ตามความคิดผู้เขียนเเล้ว ..เขาเหล่านั้นคง..ไม่สามารถ ทำลายท่านด้วย ..อาวุธหรืออาคมเเบบ ไสยศาสตร์โบราณ..พวกนั้นคงรู้ความสามารถ..ของ " ท่าน พันธุละอยู่เเล้ว " )

 

....." ยุยงพระ ราชา ".........ตามหนังสือประวัติท่าน ทั่วๆไปเขียนเอาไว้ว่า....ขุนนางเหล่านั้นจึง ...ค่อยๆ หาโอกาสยุยง พระเจ้าปเสนทิโกศล ...อยู่เป็นระยะเสมอมา ....ในเรื่องความ บกพร่องในหน้าที่ ...การทุจริต...เเละผู้เขียนคิดว่าที่ ร้ายเเรงที่สุดคือ ....การ ยุยงว่า.... " ท่าน เสนาบดีอาจคิดกบถ ขึ้น ".........
.....ตามตำราทั่วไปกล่าวว่า ....ในตอนเเรก พระราชาไม่ทรงเชื่อ ....เเต่นานไปเริ่ม เอนเอียง ทรงเชื่อตาม ฝ่ายยุยง........จน ใด้ประชุมอำมาตย์ บางส่วนหาทางกำจัด " ท่าน พันธุละเสนาบดี ".............
.....ประจวบกับ เวลานั้นเกิด กบถขึ้นที่ชายเเดนเเคว้น ....(อาจจะ เป็นกบถปลอม).....พระราชาจึงทรงส่ง " ท่านพันธุละ เสนาบดี พร้อมบุตร ผู้เเกล้วกล้า ทั้ง 32 ท่าน " ไปปราบกบถครั้งนี้.............เเล้ว พระราชาทรงให้ กองทัพ พิเศษลับๆไป ...
..กำจัด " ท่าน พันธุละเสนาบดี " เเละบุตร ท่าน ทั้ง 32 คน พร้อมทั้งกำลังทหาร ที่ไปปราบกบถในครั้งนี้ทั้งหมด...........เเล้ว เเล้วพระราชา " ปเสนทิโกศล " จึง ให้ประกาศข่าว ...ว่า " ท่านมหาเสนาบดี พร้อมบุตรเเละกองทัพพ่ายเเพ้กบถ ส่วนที่เหลือ กลัว ราช อาญา จึงสูญหายไปทั้งสิ้น "...............( เเต่ความ เห็นของท่านผู้ใหญ่ เป็นไปอีกแบบหนึ่งที่ ตรง กันข้ามกับ ประวัติ ที่กล่าวมานี้ เเละผู้เขียนจะขอนำมากล่าวใน ช่วงต่อ ไป ครับ ).......

 

" ความเสียสละ เเห่ง พระบรมโพธิสัตว์เจ้า ทั้งสองพระองค์ "................. ในเรื่องนี้ท่านผู้ใหญ่ ท่านเล่าเอาไว้ว่า.......เมื่อเกิดข้อขัดเเย้ง ระหว่าง " ท่านพันธุละเสนาบดี" กับ ข้าราชบริพาร เหล่าอื่นที่เสียผลประโยชน์ .....(พวกพาล) (ผู้เขียนคิด ว่าคงจะมี ข้าราชการ ที่เป็นคนดีหลายคน ที่เชื่อการปล่อยข่าวจาก "พวกพาล" )....... เมื่อเกิดเหตุดังนี้ " พระเจ้าปเสนทิโกศล " ......ซึ่งเป็นผู้มีปัญาอันเป็นเลิศ ......ย่อมเข้าใจในความ... สุจริต... ดีงามของ........ " ท่านพันธุละ "....ซึ่งเป็น " พระสหาย " .......
แต่เมื่อจะเกิดความ เเตกเเยก จากความไม่เข้า ใจของ เหล่าชาวเมือง..." สาวัตถี ".....ท่านพันธุละ จึงขอ เป็นผู้ ..... " เสียสละ " ให้เกิดความสงบสุขเเห่งเเคว้น...วางเเผนกับพระราชาผู้เป็น "พระสหาย" วางเเผนให้ส่งท่านไปปราบกบถ แล้วจึง ....ย้ายถิ่น พำนักไปอยู่ ชนบทห่างไกลทั้ง อพยพ ครอบครัว เเละบริวาร ติดตาม ........ไปอยู่ถิ่นฐาน .เเห่งใหม่ ตราบ ชั่วชีวิตของท่าน........

 

..." เหตุที่เกิดขึ้น มีความคล้ายคลึง กับ สถานะการณ์ ในช่วง "ราชธานีธนบุรี "..........
ข้อ1. สมเด็จ " พระเจ้าตากสินในสมัยธนบุรี (เจ้าชายพันธุละ) " ทรงพระราชวินิจฉัย เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้อง " สละราชสมบัติ " ..ด้วยติดค้าง หนี้ที่ทรงกู้จาก "พ่อค้าชาวต่างชาติ" มาใช้ในราชการ เเต่เมื่อถึงเวลาต้องคืน เงินดังกล่าว น่าจะทรงดำริห์ ว่าหากคืนเงินไปเเล้วจะเกิดความ ขาดเเคลนทรัพย์ เพื่อใช้ใน ราชการ อาจทำให้เกิดความระสำ่ระสาย ขึ้นในบ้านเมือง .....จึงใด้ ทรงหาวิธี ผลัด เเผ่นดิน .....
ข้อ2. หากจะ ทำการ สืบสันตติวงศ์ (โดยพระราชโอรส).. เเล้วเจ้าหนี้ คงจะถือเป็นเหตุ ทวงหนี้ใด้เหมือนเดิม จึง ทรง เชิญ สมเด็จ เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก เข้ามา รับเเผนการณ์ " สร้างเหตุการณ์ " ที่สมควร เเก่การ " ปราบดาภิเษก " ของพระเจ้าเเผ่นดิน พระองค์ไหม่
ข้อ3. หลังจากนั้น(ใด้ข้อมูลว่า) เมื่อทรงสละ ราชสมบัติเเล้ว ก็ ใด้ไปอยู่ สถานที่เเห่งใหม่ ตราบ ชั่ว " พระชนม์ชีพ " ของท่าน ใน ฐานะ " พระ สุปฎิปัญโณสงฆ์"
...( เรื่องเล่า เหล่านี้ ผู้เขียนใด้ข้อมูลมาตามนี้ เเละมี ความเชื่อตามนี้ ...เเต่หากท่านผู้ใด มีความเห็น เพิ่มเติมก็ขอเชิญ นำมา ถ่ายทอดเป็น " วิทยาทานนะครับ " )....ในช่วงหน้า ผู้เขียนจะขอ เล่าข้อมูล ตาม ที่ ใด้ เกริ่นนำไว้ ในตอนเเรก คร้บ....

 

" สมเด็จ พระพุทธยอดฟ้า จุฬาโลก "................ผู้เขียนใด้ข้อมูลมาว่า พระนามนี้ ไม่ไช่พระนามเเต่ครั้งเมื่อทรง เสวยราชสมบัติเเต่เเรก ......เป็นพระนามที่ "พระบาทสมเด็จ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ".......รัชกาลที่ 3 เเห่งพระบรมจักกรีวงศ์.......ที่ใด้ ทรงถวายพระนามเเก่ ทูลกระหม่อมพ่อ (ล้นเกล้ารัชกาลที่2) ว่า " สมเด็จพระพุทธ เลิศหล้านภาลัย "..................เเละถวาย พระนามเเก่ " ทูลกระหม่อมปู่ว่า .... " สมเด็จ พระ พุทธยอดฟ้าจุฬาโลก "..........

.....เเละผู้เขียนใด้ ข้อมูลเพิ่ม เติม มาว่า ....พระนาม ที่ ล้นเกล้ารัชกาลที่ 3 ทรงถวายนี้...เป็นพระนาม ของ " พระพุทธรูป องค์สำคัญ ในพระบรมหาราชวัง" ...

 

....." เหตุที่ พระเจ้าตากสิน ทรงต้อง ทรงสละราชสมบัติ ในชาติหลังๆนี้ "....
.. เรื่องนี้ไม่พบในตำราใด ๆ ....เเต่เมื่อสักสิบกว่าปีที่เเล้ว ...ผู้เขียน บังเอิญใด้ เทปเสียง....(สมัยก่อน ฃีดีไม่มีอย่างเเพร่หลาย).....การฝึก " มโนมยิทธิ "...โดยการ ฝึกให้เเก่ คณะลูกศิษย์ ผู้ใหญ่ใกล้ชิดรุ่นเเรกๆ ของ "วัดท่าซุง" โดย "พระเดชพระคุณหลวงพ่อ วัดท่าซุง ".....ที่พวกเราทั้งหลาย "เคารพรัก"......องค์ท่านเป็นผู้ฝึกให้โดยตรง ....( ผู้เขียน จำ ถ้อยความ อาจจะใด้ไม่ครบถ้วนเเต่ เนื้อหาเป็น ไป ดังที่จะใด้กล่าวต่อไปครับ)

.... ในขณะนั้น "องค์หลวงพ่อ" ท่านใด้ ซักถามว่า " เห็นพระเจ้าตากสินไหม" .....ลูกศิษย์ตอบ " เห็นครับ "....." เห็น เจ้าค่ะ " .....เเล้วหลวงพ่อกล่าวว่า " ท่านเป็นเจ้าเป็นนาย ของพวกเราๆ กราบท่านนะ ".......


มีอยู่ตอนหนึ่งหลวงพ่อ ถามว่า ....." อัญเชิญ กราบทูลถามท่านซิว่า เหตุใดท่านมีเหตุที่จะต้อง สละราชบัลลังก์ ".....คณะศิษย์ นิ่ง สักครู่หนึ่ง ....เเละมีเสียง คุณป้าผู้หนึ่ง ตอบองค์หลวงพ่อว่า ...... " องค์ท่านตอบว่า ในชาติๆหนึ่ง ท่าน ใด้รับหน้าที่ ที่จะต้อง นำเอาสิ่งของสำคัญ อย่างหนึ่ง จาก อีกคนหนึ่งไป ให้อีกคนหนึ่ง......เเล้วท่านไม่ใด้นำไปให้ ".....( ผู้เขียนลืมเเล้วว่า ท่าน เสียชีวิตระหว่างนั้น หรือ ท่านลืมเอาสิ่งของไปให้ )....
ผู้เขียนเล่าตามที่รู้มา เเละเชื่ออย่างนี้ ครับ....

 

....." พระชาติในอดีต เเห่ง... " สมเด็จ พระพุทธ ยอดฟ้าจุฬาโลก ".....ที่ต้องทรงสละความสุขส่วนพระองค์ ....คือต้องละถิ่นฐานเดิม ในช่วงปลายเเห่งพระชนชีพ .... คล้ายๆกับพระสหาย คือสมเด็จพระเจ้าตากสิน "....

...ย้อนไปใน กรุงศรีอยุธยา ...พระชาตินี้ "องค์ สมเด็จพระพุทธยอดฟ้า "..............ทรงถือกำเนิดเป็น ลูกของสามัญชน คือ...... " เจ้าพระยา โกษาธิบดีเหล็ก " ..............." สุดยอดเเม่ทัพ สามัญชน ผู้เกรียงไกรที่สุด ในประวัติศาสตร์ ชาติไทย " .... ( มีส่วนคล้ายกันกับ ท่านพ่อ "ขุนเเผน " ) (เเต่ ตามความเชื่อของเหล่าลูกหลาน เชื่อว่า บรรพบุรุษของท่านสืบเชื้อสายเเห่ง พระบรมกษัตริย์ ไทยสมัยเชียงเเสนมาโดยไม่ขาดตอน เเละยังสืบเชื้อสายมาถึง พระ "ปฐมบรมชนกนาถ ""เเห่งราชวงศ์จักรี " ( สมเด็จพระราชบิดา เเห่ง ร .1 ) )......

 

....." พระมารดาของ เจ้าพระยา โกษาเหล็ก ..เเละ..เจ้าพระยาโกษา ปาน ...".....เป็น"พระนม" เเห่ง... " สมเด็จ พระนารายน์ มหาราช "............เจ้าพระยา โกษาเหล็ก จึงได้เติบโตมา ด้วยกัน กับ " พระบรมกษัตริย์ พระองค์นี้ "..

ท่านเจ้าพระยาโกษา ทั้ง สองพี่น้อง เป็นยอด นักรบ นักปกครอง .....เเละที่ โดดเด่น ...ที่สุดที่ ประวัติศาสตร์ " จารึก เอาไว้ " .......คือความเป็น สุดยอด " นักการทูต ".....ประวัติศาสตรบันทึก เอาไว้ว่า " ท่านเจ้าพระยาโกษาปาน ได้เดินทาง ไปเป็นราช ฑูต เเห่ง กรุงศรีอยุธยา สมัย สมเด็จพระนารายน์ มหาราช "...." เจริญ สัมพันธไมตรี กับ พระเจ้า หลุยที่ 14 เเห่ง ราชอาณาจักรฝรั่ง เศส มหาอำนาจเเห่ง ยุคล่า อาณาณิคม ของโลก "......( เเต่ท่านผู่ใหญ่ เล่าเอาไว้ว่า ท่านเจ้า พระยาโกษา "เหล็ก" ก็ ไปเป็นราชฑูตด้วยกัน )

 

.......ผู้เขียนจะขอ เล่า เกร็ดเล็กน้อยให้ทุกท่านทราบนะครับ ในการเขียน ผู้เขียนมีข้อมูล จาก ท่านผู้ใหญ่ จากตำราที่เชื่อถือใด้ เเละบางครั้งจากประสบการณ์ ตรง ...หรือโดยมากเกิดเหตุการณ์ " พิเศษ " เเละ..ผู้เขียนสังเกตุ ว่า ในข้อเขียน เกือบทุกครั้ง ....ถ้าข้อมูล กำกวม ...หรือข้อมูลถูกต้อง เเต่ คนอ่านหมู่มาก ....เกิดข้อขัดเเย้ง ..ที่จะทำให้จิต ขุ่นมัว .....เมื่อเขียน จบตอนเเล้วจะกดส่ง ......
...." จะไม่สามารถ ส่งใด้ ไฟฟ้ากระตุก หรือข้อมูล เออเรอร์ ขึ้นมาซะเฉยๆ ข้อมูล หาย ไปเลย......"....อาทิข้อมูลในกระทู้นี้ .....หรือ......หัวข้อ " หลวงปู่ ขาว พุทธรักขิโต ".... ผู้เขียน รู้สึก จากการสังเกตุ ใด้บ้างว่า อาจมีท่าน " ผู้ทรงคุณ คอยสงเคราะห์ " ..........คอย สกรีน ........
......เพราะ ผู้เขียน ตระหนักมานานเเล้ว ว่า การ ...เเนะนำ สิ่ง ที่เป็น โทษเเก่บุคคลอื่น .. เเม้ประกอบด้วยเจตนาดี...พาผู้นั้น ตกอบายภูมิ อย่างยาวนาน ครับ....

 

....." ท่านมารดาของ ท่านเจ้าพระยาโกษาทั้งสอง มีนาม".... " เจ้าครอกบัว "....
ผู้เขียนใด้ข้อมูลมาว่า ............ท่าน เจ้าพระยา " โกษาปาน " ท่านมีความจงรักภักดีต่อ พี่ชาย คือท่าน "เจ้าพระยาโกษาเหล็ก" .....คอยรับใช้ บางชาติ ในฐานะ "น้องชาย" บางชาติเป็นเพื่อนรัก ....

...........เคยมีบางท่านเคยให้ข้อมูล ใว้ว่า " ท่าน เจ้าพระยาโกษาปาน " .....ใด้อธิษฐาน มานับเป็น เอนกชาติ ว่า....... " หาก ท่านเจ้าพระยาโกษาเหล็ก ท่าน บรรลุพระ ปรมาภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ " ... ท่าน " โกษาปาน จะ ขอเป็น ........" พุทธอุปัฐฐาก "....( เป็นเหมือนท่าน พระ อานนท์ มหาเถระ เเห่ง สมเด็จองค์ปัจุบัน ).....

 

...." พระบรม โพธิสัตว์ เจ้าพระยาโกษา เหล็ก ....ปัจจุบันท่านละ ความปรารถนาเเห่ง ..พุทธภูมิบารมี ....เข้าสู่เเดน เอกันตบรมสุข คือ " พระนิพาน " .....เเล้ว .......องค์ท่าน ในหลายพระชาติ ที่ .....ขอรับพุทธ พยากรณ์ .....ในชาติที่มีบารมีเข้มข้น เเละเกิด ...ทัน " สมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ".... ทรงทรงใด้รับ พุทธพยากรณ์ ว่า หากไม่ละความปรารถนา พระโพธิญาณ เเล้ว จะใด้ตรัสรู้ หลังพระ ........" พุทธครีอาริยเมตตรัยเจ้า" ..."ยี่สิบกว่าองค์ ต้นๆ" ........ เเต่ จะต้อง มีเหตุให้ต้องละความปรารถนานี้ ....ในสมัย สมเด็จพระพุทธโคดม บรมครู..เสียก่อน......

 

...." ท่านเจ้าพระยา โกษาเหล็ก พร้อมญาติมิตร หมู่ใหญ่ มีเหตุจำเป็นที่จะต้อง ..ย้ายที่อยู่ไปอยู่ที่เเห่งใหม่ ตลอดชีวิตของท่าน "....

....เมื่อ ใกล้จะสิ้นเเผ่นดิน " สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ".......ยิ่งเมื่อพระองค์ทรงพระประชวร หนัก "กรุงศรีอยุธยา " ...เกิดความ ระส่ำระสาย ..... เเตก ความสามัคคี.........เมื่อสิ้นพระองค์ เเล้ว ....เปลี่ยนเเผ่นดิน (ไม่ไช่การสืบสันตติวงศ์) เป็นพระราชวงศ์ใหม่ เเละกษัตริย์ พระองค์ใหม่..........ตามพงศวดาร กล่าวว่ามีการปราบปรามกันระหว่างคนไทยกันเองอย่างหนัก.....หลายปีมาเเล้ว ผู้เขียนเมื่อใด้ คิดถึงเรื่องนี้.....ยังมีความคิดหนึ่งขึ้นมาว่า........
....แล้ว ท่านเจ้าพระยาโกษาทั้งสอง โดยเฉพาะท่านโกษาเหล็ก...ยอดเเม่ทัพ ผู้เกรียงไกร...แห่งประวัติศาตร์.... "ท่านอยู่ใหน".....

....เมื่อ สักไม่กี่ปีมานี้ ผู้เขียนใด้ อ่านบันทึกข้อความ โดย ....พระเดชพระคุณหลวงพ่อ ท่านเป็นที่ เคารพรักของพวกเรา.....ผู้เขียนจำเนื้อความใด้ชัดเจน ..เเต่การอธิบายคำพูดของท่านอาจจะตกไปบ้าง ..ดังนี้ (หากถ้อยความ เเตกต่างไปบ้าง ผู้เขียนขอน้อมจิตกราบ ขออภัยท่าน ด้วยเศียรเกล้า )...( หากผู้เขียนเองหรือ ท่านใด พบบันทึกนี่ก่อน ขอความกรุณณา พิมพ์ถ้อยคำโดยตรงของท่าน นะครับ ..เเต่ผู้เขียนขอลง เนื้อความที่ใกล้เคียงไปก่อน )


...." คำรำพึงจากพ่อขุนศรีเมืองมาน " ....." บ่นประสาคนเเก่ "...........
... " ตัวข้าฯ โกษาเหล็ก เห็นความเเตกเเยก ในพระนครเเล้ว สลดในกิเลสของผู้มักใหญ่ใผ่สูง ....หากข้าฯ จะระงับเหตุในครั้งนี้ ...จะมีอันต้องทำลายชีวิต คนไทยด้วยกันเองอย่างหนัก ...ข้าฯ พิจารณาเเล้ว ...จึงใด้นำ ญาติเเละหมู่คณะ อพยพ มุ่งหน้าไปทางฝ่ายเหนือ..

.... เเละ ข้าฯขอประกาศว่าเหล่า "คนพาล" ห้าม ออกติดตาม พวกข้าฯ อย่างเด็ดขาด...." หากเเม้เพียงใด้ข่าว" ว่า คนเหล่านั้น เริ่มติดตามมา "ข้าฯ จะหันหน้ากลับไปสู้ อย่างถึงที่สุด "...." เเละมั่นใจ ว่าสติปัญญา เเละความสามาถ ของข้าฯ เหล่าคนพาลไม่มีทาง เทียบใดๆใด้ "........


....(ในเวลานั้น ผู้มีอำนาจ ในพระนคร ใม่มีใครกล้าออกตามขบวน เดินทาง ของ " ท่าน เจ้าพระยา " ) .........ในท้ายที่สุดเเห่ง ชีวิตของท่านเเละคณะ
ใด้ "ย้ายไปอยู่ ถิ่นฐานเเห่งใหม่ ที่มิใช่มาตุภูมิ "...........นับ เป็นเหตุการณ์ ที่ใกล้เคียง ...พระสหายของท่านคือ ...." สมเด็จพระเจ้าตากสิน มหาราช ".............." เเละ เจ้าชายพันธุละ เเห่งมัลกษัตริย์ ในยุค " พุทธกาล "....

 

สาธุ ขออนุโมทนา กับ ท่านพงศ์ภูพาน ที่นำเรื่องดี ๆ มาเขียน มาเล่าให้อ่าน

แต่รู้สึกว่า วิธีการเขียนของท่าน จะอ่านยากสักหน่อย เพราะมีจุดไข่ปลา (.........) เยอะแยะไปหมด

ผมอ่านแล้ว พูดได้คำเดียวว่า "กรรม" จิตบอกเช่นนั้น

จิตบอกว่าเป็นกรรมที่ต้องชดใช้ ที่ไปทำอะไรกับเขาไว้ ก็ต้องมาชดใช้โดยการเสียสละให้เขา

และเมื่อชาติหนึ่ง เสียสละให้เขาแล้ว ชาติต่อมาเขาก็ต้องมาชดใช้โดยการเสียสละให้เรา

เรามีคำถามท่านพงศ์ภูพาน และท่านผู้รู้ทั้งหลาย

คือ เราสนใจเรื่องของท่านบุเรงนอง สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ สมเด็จพระมหาธรรมราชา สมเด็จพระศรีสุริโยทัย ท้าวศรีสุดาจันทร์ พระนางสุพรรณกัลยา ว่าท่านเหล่านี้มาเกิดใหม่หรือยัง และมาเกิดเป็นใคร โดยเฉพาะท่านบุเรงนอง

ถ้าไม่สามารถเปิดเผยสู่สาธารณะ ให้ส่งข้อความถึงผมได้ครับ จะขอบพระคุณ และเป็นพระคุณอย่างยิ่ง

ผมเองนั้น ได้ตั้งจิตปรารถนา ที่จะเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง

โดยตั้งจิตอธิฐานว่า สร้างบารมี ให้กระแสข่ายบารมีครอบคลุม ในสมัยศาสนาของข้าพเจ้านั้น จะต้องไม่มีการทำสงคราม รบราฆ่าฟัน เบียดเบียนแย่งชิง ซึ่งกันและกัน สัตว์ทั้งหลายที่เป็นคู่อาฆาตพยาบาทกันนั้น ก็กลับกลายมาเป็นมิตรกัน เจริญเมตตาต่อกัน ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน

และเมื่อสิ้นสุดยุคศาสนาพระพุทธโคดม อยู่ในช่วงว่างเว้น หรือพุทธันดร เทวดาและพรหมทั้งหลายได้เลื่อนชั้นบารมีเข้าสู่นิพพานจนเหลือเทวดาและพรหมที่เป็นอริยะบุคคลน้อยมาก หรือแทบไม่เหลือเลย ทำให้โลกว่างเว้นจากพระสัจธรรม และสัตว์ที่มาเกิดใหม่เป็นเทวดาหรือพรหมนั้น ย่อมไม่ได้รับฟังพระสัจธรรม ทำให้ประมาท เกิดทิฏฐิมานะความถือตัวถือตน ความสำคัญตน อวดอ้างศักดานุภาพ ถือฤทธิ์ถือเดช จนเป็นเหตุทำให้เกิดสงครามบนสรวงสวรรค์ สุดท้ายต้องลงมาใช้กรรมโดยการทำสงครามยังโลกมนุษย์ต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด

เราขอตั้งจิตอธิฐานว่า เราสร้างสมบารมีมาเพื่อให้ในยุคสมัยศาสนาเรานั้นจะต้องไม่มีการทำสงคราม รบราฆ่าฟัน เบียดเบียนแย่งชิง ซึ่งกันและกัน ร่วมทั้งสงครามบนสรวงสวรรค์ จะต้องไม่บังเกิดขึ้น ด้วยบุญญานุภาพแห่งบารมีที่สร้างสมมา

 

ประวัติ วัดพระธาตุศรีสามรักษ์

สมัยกษัตริย์บุเรงนอง ได้ยกทัพไปตีกรุงศรีอยุธยาได้มาทางเมืองงาย ได้เอาพระพุทธรูปปางค์ต่างๆ ไปจากวัดนี้เป็นจำนวนมาก เมื่อปี ๒๕๓๒ ได้มีบุคคลกลุ่มหนึ่งได้มาถ่ายภาพทางอากาศ 2 ครั้ง และทรงราบ 2 ครั้ง เจ้าอาวาสได้ถามบุคคลดังกล่าว ว่ามาถ่ายภาพไปทำอะไร ได้รับคำตอบว่าจะนำส่งไปประเทศพม่า จากนั้นอีกประมาณ ๒ เดือน เจ้าอาวาสได้เกิดนิมิตขึ้น ได้มีพราหมณ์นุ่งขาวห่มขาวมาบอกว่า กษัตริย์บุเรงนองจะนำพระพุทธรูปมาคืนให้แก่ทางวัด เจ้าอาวาสได้ตัดพ้อแก่พรามณ์นุ่งขาวห่มขาวบอกว่า กษัตริย์บุเรงนองได้สิ้นพระชนม์ไปหลายร้อยปี บุเรงนองที่ไหนกัน พราหมณ์ได้ต่อว่าพูดยังไม่จบ ท่านสวนคำพูดมาอย่างนี้ แล้วจะรู้เรื่องกันได้อย่างไร เมื่อได้ฟังดังนั้นก็ได้หยุดพูด พราหมณ์ได้พูดต่อกษัตริย์บุเรงนองภาค 2 ได้กลับชาติมาเกิดแล้ว จะนำพระพุทธรูปมาคืนให้แก่ทางวัดฯ ภายใน 2 เดือน เมื่อได้ฟังดังนั้นก็รอฟังข่าวเหตุการณ์ผ่านไปเดือนเศษ พราหมณ์ได้มาบอกว่าภายใน 7 วัน กษัตริย์บุเรงนองจะเสด็จมาแน่ นำพระพุทธรูปมาคืนให้ ตอนนี้สิ่งมหัศจรรย์ได้เกิดขึ้น

เช้าประมาณ 10 นาฬิกา ได้มีรถตู้ขึ้นมาบนวัตฯ 3 คัน ได้มีบุคคลนั่งรถมาทั้งสิ้น 28 คน ได้มาเดินรอบภูเขาที่วัด ตั้งอยู่ในปัจจุบันนี้ประมาณหลายรอบ เสร็จได้นำพระพุทธรูปออกมาจากรถตู้ ทั้งหมด 167 องค์ เป็นพระบูชาสมัยกรุงสุโขทัย สมัยเชียงแสน สมัยลังกา สมัยอู่ทอง สมัยทราวดี และสมัยไชยปราการ

เมื่อทำพิธีถวายพระพุทธรูปแล้ว วิญญาณของกษัตริย์บุเรงนองได้กลับชาติมาเกิดในครั้งนี้เป็นชาวจีนสัญชาติพม่า ชื่อ ดร.ซอร์เวย์ เป็นคหบดีร่ำรวยมาก มีธุรกิจหลายอย่างในประเทศพม่า จากนั้นเจ้าอาวาสได้ถามว่าทำไมจึงได้เจาะจงจะเอาพระพุทธรูปมาถวายวัดนี้ ได้รับคำตอบว่ามองไปที่ห้องพระเมื่อใด ทำให้จิตใจของข้าพระเจ้าอยากจะเอาพระพุทธรูปทั้งหมดมาถวายแก่วัดฯ บ้านหัวตีนตั่ง ตามนิมิตของข้าพเจ้า หลังจากนั้น ดร.ซอร์เวย์ ได้กราบไปที่เท้าอาตมาภาพ แล้วเปล่งวาจาว่า หลวงพ่อเมื่อชาติก่อนเราเป็นศัตรูกัน มาในชาตินี้เราเป็นมิตรกัน กระผมขอปวารณาว่าจะเป็นโยมอุปถัมภ์ตลอดไป และได้มาเยี่ยมอาตมาภาพอีก 3-4 ครั้ง ในเรื่องนี้เป็นกฏแห่งกรรมของสัตว์โลกที่เวียนว่ายตายเกิด ในวัตตสงสารตลอดไป
-------------------------
ข้อมูลจากเว็บ แดนนิพพาน

 

" ขอบคุณ พี่ pco คุณ sirius galaxy พี่ บุญทรง คุณ choksila58 คุณ acoto2......เเละทุกท่าน ที่ ติดตาม พระประวัติ ของท่าน " พ่อ " ทั้งสองพระองค์ ครับ


ผู้เขียน ขอ " อภิโมทนา " ในกุศลกรรม ทั้งหลาย ที่ทุกท่าน ใด้บำเพ็ญมาเเล้ว ใน เอนกชาติ กำลังบำเพ็ญ อยู่ เเละ ที่จะบำเพ็ญ ต่อไปตราบ จนสิ้นวัฏสงสาร
ในฐานะเเห่ง พุทธภูมิ ปัจเจกภูมิ อัครสาวกภูมิ อสีติมหาสาวกภูมิ อรหันตสาวกภูมิ ตามความปารถนาของเเต่ละท่าน.....ขอน้อมจิต อภิวาท เเด่ คุณพระ รัตนตรัย คุณเเห่ง ครูอาจารย์ คุณเเห่งท่านพรหมเทวดา คุณ เเห่งบุพการี จงดลบรรดาล ให้ทุกๆท่าน จง เป็น ผู้ถึงพร้อม ด้วย จตุรพิธพรชัย ...ถึงพร้อมด้วย ความสุข ที่สมบูรณ์ เเบบ ......ตราบ ถึงเวลาที่ทุกท่าน เข้าสู่ " พระนิพพาน " เทอญ....

 

......ผู้เขียน ขออนุญาต ทุกท่านตอบข้อความที่มีท่านกรุณาถามมาเป็นการส่วนตัว ..(ขอเรียนทุกๆ ท่านว่า ผู้เขียน มิใช่ผู้รู้อะไร มากนะครับ เป็นผู้ มีกิเลสอย่างโลกๆ ตามปกติ สิ่งที่เล่ามา ในหลายกระทู้ เป็น พระมหากรุณาธิคุณ เเห่ง"พระรัตนตรัย" ท่านพรหม เทวดา ท่าน บุพการี ครูอาจารย์ เเละญาติมิตร ท่านสงเคราห์ เเละตำราต่างๆ )

.......... เรื่อง "พระเจ้าปเสนทิโกศล" มีท่านหนึ่งส่งคำถามมาเป็นการส่วนตัว (เเละใด้ตอบเป็นการส่วนตัวเเล้ว)......... ถามมาว่า เหตุใด พระประวัติพระเจ้าปเสนทิ โกศล จึงใม่ตรง กับที่กล่าวใว้ ใน "พระอนาคตวงศ์ " ผู้เขียน ขอเรียนว่า พระประวัติ ที่ ท่านครูบาอาจารย์ เเละในตำราต่างๆ กล่าวเอาใว้ " ตรง " กับพระอนาคตวงศ์ ทุกประการครับ
.......... ชื่อ "พระเจ้าปเสนทิโกศล" เป็นชื่อ ตำเเหน่ง ของพระราชาเมือง "สาวัตถี ".....ทุกๆพระองค์ ( แคว้นนี้ชื่อว่าแคว้นโกศล) พระเจ้าปเสนทิโกศลองค์ลูก "องค์ร่วมกาล กับพระบรมศาสดานั้น " ปัจจุบันท่านละความปารถนาเเห่ง พุทธภูมิบารมีเเล้ว ในพระชาติสุดท้าย ท่านบังเกิดขึ้นมาเพื่อ สืบทอดเเละทำนุบำรุง พระพุทธศาสนา อย่างหาประมาณมิใด้ เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของ พวกเราทั้งหลาย เเละบัดนี้ ท่านละ สังขาร เข้าสู่เเดน " เอกันตบรมสุข " เเล้ว.....

........... ส่วนพระเจ้า ปเสนทิโกศล ที่กล่าวไว้ใน " พระพุทธอนาคตวงศ์ " นั้น หมายถึง " พระเจ้าปเสนทิโกศล " " องค์พ่อ ".....หรือที่นิยมขานพระนามให้ต่างออกไปว่า " พระเจ้า มหาโกศล ".........พระเจ้า " มหาโกศล " พระองค์นี้ ท่านปารถนา " พระโพธิญาณ".......ในกาลต่อมา จนถึงชาติสุดท้าย.ในอดีต "ใกล้ปัจุบันนี้"...ท่าน บังเกิดเป็น " พระสุปฎิปัญโณ ผู้ทรงบารมีเเห่ง พระบรมโพธิสัตว์เจ้า ".....ใด้ บำเพ็ญประโยชน์ .....ไว้ในโลกเเละ พระบวร พุทธศาสนา เเละเหล่าลูกหลานของท่าน เชื่อกันว่า ท่านจบกิจเเห่งพุทธภูมิ ...... " คือบารมีเเห่ง พุทธภูมิเต็ม พร้อมในชาตินี้ "

.............เชื่อกันว่า ท่าน "บารมีเต็มเมื่อ ท่านอายุประมาณ 40 ปี เเละท่านมรณะ เมื่อในราว พศ. 2481 " ผู้เขียนใด้ข้อมูลมาตามนี้ เรียนเชิญท่าน วินิจฉัยร่วมกันนะครับ

 

....." ขึ้นชื่อว่าผู้กล้า ลูกผู้ชาย ชาตรีนั้น น้อยคนนักที่จะเข้าใจ "...

"ขอกล่าวคำ อภิโมทนา ในถ้อยคำเเห่ง ท่านพี่ .....pco_....." เเละในบุญญา บารมี ของทุกๆท่านครับ