สมาธิในบ้านทุกท่านทำได้จริง

หวัดดีครับ ผมไปจำศีลมา 5 วัน ผมติดอยู่ที่ ฌาน 3 ผมไม่รู้จะติดต่อพี่ยังไง ครับ หากพี่ได้อ่าน ขอความกรุณาติดต่อผมด้วยครับ ผมขอความช่วยเหลือจริงๆ sinpraphun@gmail.com ขอคุณล่วงหน้าครับ

 

ขอบคุณค่ะ

 

อยากได้ค่ะๆ ช่วยรวมเล่มให้หน่อยไม่ได้หรือค่ะ จะเป็นกุศลมากๆเลยค่ะสำหรับผู้ติดขัด ตัวลินเองก็ยังออกจากปิติไม่ได้เลย ได้มา 2 อาทิตย์แล้ว ทำไงดี ช่วยด้วยนะค่ะ

 

เอาบุญมาบอกครับ

สวัสดีครับ คุณบดินทร์จ้า และ กัลยาณมิตร ท่านผู้เจิญทุกท่าน

วันนี้ที่วัดจัดงานอาฬสาหบูชา และเข้าพรรษาครับ
ผมไปถวาย สังฆทาน ข้าวสารหนึ่งถุง เทียน จีวร เข็ม ด้าย อาหารแห้ง และปัจจัย ที่วัด กับหลวงพ่อวิริยังค์ ท่านมาเป็นประธานครับ

กุศลผลบุญอันใดที่เกิดขึ้น ขอทุกท่านร่วมโมทนาบุญ และได้รับผลบุญนั้น ด้วยเทอญ<!-- google_ad_section_end -->

 

อนุโมทนา สาธุด้วยครับ ขอให้ข้าพเจ้าได้บรรลุธรรม ที่ท่านได้บรรลุด้วยเทอญ

 

1 ปีแล้วหรือนี่ ช่างไวจริง ท่านทั้งหลายถึงไหนกันแล้ว เวลาไม่คอยเราเลยเร่งทำความเพียรเข้านะ

 

ต้องขออภัยด้วยครับ วิธีการเข้า ฌาน 4 ตามแบบของผมคือ หันมาพิจารณาวิปัสสนาญาณ แทน จนกระทั้งเราไม่ยึดติดฌาน แล้วลมหายใจจะค่อยๆเบาลงไปเรื่อย จนกระทั้งเข้าฌาน 4 พร้อมกับการปล่อยวางซึ่ง รูปนาม ได้ระดับหนึ่ง พอนานๆเข้าวิญญานจะออกจากร่าง ขอท่านอย่ากลัวตาย เพราะ ในขั้นนี้นั้น เราจะถอดวิญญาณหรือ กายทิพย์ มาพิจารณาส่วนของนาม ไปเรื่อยๆ จนถึงสังขารการปรุ่งแต่ง ครับ

หมายเหตุ อาณาปานุสสติและกสิน 10 เท่านั้น ที่เข้าถึง ฌาน 4

ขอให้ท่านเจริญธรรมครับ ;aa40

 

ต้องขออภัยทุกท่านด้วยครับ จากนี้ไปผมคงไม่ค่อยมีเวลา้เข้ามาเล่นเว็บแล้ว ผมยกเลิกเน็ต แล้วครับ ถ้าหากมีเวลาจะขอยืมน้องสาว ถ้าเครื่องว่างจริงๆ
..............ไปแล้วครับ ขอให้ทุกท่านจงอย่าท้อถอย และกลัวตาย เมื่อทุกท่านปราถนาพระนิพพาน ท่านต้องหัดถอดกายทิพย์บ่อยๆ จึงจะสามารถเข้าใจสังขารการปรุงแต่งได้ดี และจะเข้าใจพระนิพพาน ยิ่งๆขึ้นไป

 

ผมได้ประโยชน์มากมายจากกระทู้ของคุณ บดินทร์จ้า ครับ

และจะขอปฏิบัติธรรมตลอดไปครับ

ขอให้ท่านเจริญในธรรมครับ

ขอบคุณครับ

 

โมทนาบุญอีกครั้งครับ คุณบดินทร์จ้า

ถึงเวลานั้นจริงก็คงไม่กลัวตายแล้วครับ

แต่ที่สำคัญคือกว่าจะถึงได้ ก็คงใช้เวลาและความพยายามอย่างสูง

(เพราะยังคลานต้วมเตี้ยมอยู่)

ขอบคุณมากครับในข้อแนะนำต่างๆ

สาธุ สาธุ สาธุ

 

อ่านมาถึงตรงนี้หลังจากติดตามอ่านมานาน รู้สึก ใจหายครับ

นึกอีกที ก็อย่างที่พระพุทธองค์ท่านตรัสครับ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป

ขอขอบพระคุณอย่างจริงใจครับ

ขอพรพระให้คุณบดินทร์จ้า ข้ามทะเลระทม ถึงฝั่งนฤพาน ได้ในเร็วพลัน

โมทนาบุญ อีกครั้งจริงๆ ครับ สาธุ สาธุ สาธุ

โชคดีครับ

ผมก็ต้องไปเช่นกันครับ ตอนนี้พยายามอยู่ทุกวัน ขอตามไปห่างๆ หวังว่าสักวันคงถึง

ลาเหมือนกันครับ ท่านสมาชิก ท่านผู้เจริญ ทุกๆท่าน

สวัสดีครับ

 

เวทนารับสิ่งใด สัญญาก็จำสิ่งนั้น
สัญญาจำสิ่งใด วิญญาณก็รู้แจ้งสิ่งนั้น


พูดถึงภพ ๓
กามภพ มีตัณหาคือ กาม(กามราคะ)(สุขขั้นหยาบ)
รูปภพ มีตัณหา คือ ภวตัณหา(รูปราคะ) สังโยชน์ ๕ (ตัวสุขปานกลาง ในรูปฌาน )
อรูปภพ มีตัณหา คือ วิภวตัณหา(อรูปราคะ) สังโยชน์ ๖ (ตัวสุขประณีต(สงบ)ในอรูป)
ซึ่งหากท่านยังไม่เข้าใจก็ไม่หลุดจากภพทั้ง ๓ ได้ แค่นี้ก่อนหากว่างๆจะมาเพิ่มเติมให้ครับ และพูดถึงอัตตา ๓ ที่เปลี่ยนไปตามการปรุงแต่งแห่งจิตครับ

 

สวัสดีครับ พี่บดินทร์
ดีใจครับที่พี่กลับมาแล้ว... ต่อแต่นี้ไปอยากให้พี่เป็นพี่ใหญ่ สำหรับนักปฏิบัติหน้าใหม่ ซึ่งจะได้อาศัย และหากมีปัญาจะได้ซักถามและขอคำชี้แนะจากพี่ อย่าพึ่งหายไปไหนนะครับพี่
เมื่อคืน ผมเข้าสมาธิ จนมีกำลังพอจนจิตไปสร้างรูปละเอียดภายนอก 2 รอบ แต่รอบ 2 นี่ เหมือนกายละเอียดมันมันค่อยรวมกัน มันกระจัดกระจายยังไงบอกไม่ถูก แต่ก่อนก็ออกวันละรอบครับ..

 

เห็นแล้วรึยังครับพระไตรลักษณ์
เมื่อมีเหตุก็เกิดขึ้น หมดเหตุก็ดับไป การมีวิญญาณจึงไม่เที่ยง ดังนั้นเราจึงมุ่งไปพระวิปัสสนาญาณโดยอาศัยกำลังสมาธิคู่กันไป เพื่อมุ่งดับจิตสังขาร (รู้เท่าทันการปรุงแต่งของจิต)
ดังนั้นผมขอแนะนำให้ไปอ่านพระไตรปิฎก พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ เล่ม ๑๔ หมวดฉฉักกสูตร ว่าด้วยธรรมหมวด ๖ หกหมวด
ขอให้เจริญในธรรม

 

ขอบคุณค่ะ

วันนี้เปิดเจอกระทู้คุณบดินทร์ ครั้งแรก จะนำไปปฏิบัติ พุท-โธ 108 จบ ไม่ค่อยอยากจะอ่านมาก กลัวฟุ้งซ่าน กะว่า พุท-โธ อย่างเดียวก่อน ขอบคุณมากค่ะ (คุณเป็นคนดีมากค่ะ คิดถึงคนอื่น อยากให้ทุกคนปฏิบัติดี) ดิฉันจะพยายามบอกต่อคนอื่น นะค่ะ

 

ขอบคุณครับ ไว้ว่างๆผมจะเข้ามาสอนส่วนที่สำคัญที่สุด มุ่งไปที่จิตสังขารโดยตรง เพื่อทำวิชาให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะถ่ายทอดได้ในภพชาตินี้ครับ

 

ติดตาม รออ่านครับ

 

อ้าวท่าน อุตสาห์ให้ไปเปิดอ่านในพระไตรปิฏกแล้วนะนี่ (แซวเล่นนิดๆแบบเป็นกันเองนะห้ามเคือง)
เดี๋ยวจะบอกให้ เวทนา๓
อะไรเป็นเหตุ ให้เกิด แล้วจะดับได้อย่างงัย (ก็ผัสสะ๖ ยังงัยละท่าน ) แล้วผัสสะจะดับได้อย่างไร ก็ขอตอบว่า รู้เท่าทัน ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ + รูป เสียง กลิ่น รส ผัสสะ ธรรมอารมณ์ +เกิดวิญญานรู้ ใน รูป เสียง กลิ่น รส ผัสสะ ธรรมอารมณ์ หากจะถามว่าแล้วจะรู้ตามความเป็นจริงได้อย่างไร ก็พิจารณาดูความไม่เที่ยงในตัวมัน แล้วท่านก็จะ้เบื่อหน่าย เมื่อเบื่อหน่าย ก็่ไม่ยึดติด เมื่อไม่ยึดติดก็หลุดพ้นจากอารมณ์ที่ปรุงแต่งในใจ ใจก็เป็นอิสระ เมื่อใจเป็นอิสระ ก็ไม่สร้างอัตตาใหม่ เมื่อไม่สร้างอัตตาใหม่ใจก็ไม่สุขไม่ทุกข์ อยู่แบบไม่สะดุ้ง หวาดกลัว ใดๆแม้จะฟ้าผ่าอยู่ข้างๆ ก็เฉย ๆ
เอ้าลองพิจารณาดูธรรมนั้นมีอยู่ในตัวและรอบๆตัวเรานั้นเหละ ประกาศความจริงอยู่ทุกเวลา ขึ้นอยู่ที่ว่าเราจะพิจารณาเห็นหรือเปล่าเท่านั้นเอง ไปล่ะว่างๆจะมาใหม่ ผุบๆโผล่ๆ เกิดๆ ดับ ๆไม่แน่นอน บาย อ้อ ลืมบอก เจ้าตัวใจและธรรมอารมณ์และมโนวิญญาน รวมทั้ง ๓ เรียกว่า มโนผัสสะ ตัวนี้พิจารณาให้มากๆเป็นพิเศษหน่อยน่ะ ไปล่ะท่าน

 

การได้อัตตา ๓ คือ ได้อัตตาที่หยาบ ๑ ได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ๑ ได้อัตตาที่หารูปไม่ได้๑ความได้อัตตที่หยาบเป็นไฉน คือ อัตตาที่มีรูปประกอบด้วยมหาภูติ ๔ บริโภคกวลิงการาหาร (กามคุณ ๕)
การได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ คือ อัตตาที่มีรูปสำเร็จด้วยใจ มีอวัยยวะน้อยใหญ่ครบถ้วนมีอินทรีย์ไม่บกพร่อง(รูปฌาน)
การได้อัตตาที่หารูปไม่ได้ คือ อัตตาที่หารูปไม่ได้สำเร็จด้วยสัญญา (อรูปฌาน)

ดังนั้นเมื่อมีอัตตา ย่อมเกิดความคิดที่ว่า นั้นของเรา เราเป็นนั่น นั่นตัวตนของเรา ทำให้เกิดมานะ เกิดอุทธจะ เกิดอวิชชา
แค่นี้ก่อน โอกาศหน้าจะว่าถึง การเกิดดับในรูปฌาน๔ และอรูปฌาน๔ (อัตตาอย่างหนึ่งเกิดขึ้นอย่างหนึ่ง สัญญาหนึ่งดับไป ในฌานทั้ง ๘